กิจการ 22 ขอเป็นพยานอีกครั้ง

คำอธิบายเพิ่มเติม

กิจการ 22:4-5
เปาโลเริ่มเล่าเรื่องว่าเขาก็เป็นเหมือนพี่น้องทุกคนที่อยู่ตรงนี้ มีความมุ่งมั่นต้องการกำจัดความเชื่อใหม่
ไม่ต้องการให้คนหันไปเชื่อพระเยซู สิ่งที่พูด เป็นความจริง เพราะว่าเหล่าปุโรหิตใหญ่เป็นพยานได้ว่า เขาเคยเกลียดชัง “ทางนั้น” จริง เท่ากับเปาโลกำลังบอกว่า ในอดีต เขาก็มีความคิดเหมือนกับพี่น้องยิว
กิจการ 22:6-9
เขาเล่าเหตุการณ์ย้อนหลังว่า เขาได้พบพระเยซูเอง พระองค์มาตรัสกับเขาโดยตรง พระเยซูผู้ที่คนยิวไม่เชื่อนี้ ได้มาพบกับเขา.. และเหตุการณ์นี้เองทำให้เขารู้ว่า พระเยซูที่คนยิวได้ตรึงบนกางเขน ผู้ที่เขาพยายามทำลายงานของพระองค์ เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้
กิจการ 22:10-13
พระเจ้าไม่ได้ทรงส่งรายการให้เปาโลรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่พระองค์ทรงสั่งเขาทีละอย่างชัดเจน สิ่งที่เปาโลเรียนรู้จากพระเจ้าคือ เมื่อรับคำสั่งก็จะลงมือทำ ไม่ต้องมีคำโต้แย้งใด ๆ
ขณะเดียวกัน พระเจ้าทรงส่งอานาเนียมา แม้อานาเนียจะทัดทานพระเจ้าหน่อยหนึ่ง แต่เขาก็ทำตามที่พระเจ้าทรงสั่ง ในใจอาจจะกลัวเปาโลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ฝืนพระเจ้า
กิจการ 22:14-16
อานาเนียเข้าใจการทำงานของพระเจ้า และเขาอธิบายให้เปาโลเข้าใจเช่นกัน และยังบอกด้วยว่า หน้าที่สำคัญของเปาโลคือ การเป็นพยานเรื่องของพระเจ้าที่เปาโลได้เห็น แล้วก็ควรรับบัพติศมาชำระบาปเสียก่อน
กิจการ 22:17-21
นี่เป็นรายละเอียด …อีกอย่างที่ทำให้ยิวไม่อาจทนได้ .. พระเจ้าตรัสกับเปาโล เพื่อจะส่งเขาไปประกาศพระนามกับคนต่างชาติ
คนยิวเชื่อฝังใจว่า พระเจ้าทรงสร้างคนต่างชาติมาเพื่อทำให้นรกร้อนขึ้น พวกเขาดูหมิ่นคนต่างชาติว่าต่ำ ไม่เป็นคนที่พระเจ้าทรงเลือกเหมือนพวกเขา พอถึงคำว่า พระเจ้าทรงส่งให้เปาโลไปประกาศพระนามให้คนมาเชื่อพระเยซูผู้ที่พวกเขาพยายามประหาร รับไม่ได้จริง ๆ
กิจการ 22:22-23
จึงเกิดโกลาหลขึ้นในหมู่ผู้คน เราจะเห็นเลยว่า กลุ่มคนเหล่านี้ถูกกระตุ้นให้โกรธได้ง่ายมาก ๆ และคราวนี้ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่มีใครอยากให้โรมยกทัพมาจัดการ
กิจการ 22:24-25
นายทหารเข้ามาสงบความวุ่นวายโดยการหยุดคำของเปาโล จับเขาเข้าไปในกองทหาร สั่งโบยทันที แต่..เปาโลแจ้งก่อนจะถูกโบยว่า เขาเป็นพลเมืองของโรม
กิจการ 22:26-29
การเป็นพลเมืองโรมมีสิทธิหลายอย่าง และวิธีจะเป็นพลเมืองก็มีหลายอย่าง เป็นมาโดยกำเนิด อาจด้วยการซื้อสิทธิเป็นพลเมือง ดีที่เปาโลรีบบอก นายทหารจึงไม่ลงมือโบย
กิจการ 22:30
คนในสภาแซนเฮดรินไม่รู้เลยว่า ข้อหาจริง ๆ ที่ยิวมาฟ้องนั้นคืออะไร จึงสั่งปล่อย และเรียกประชุมสภาอย่างด่วนในวันนั้น ซึ่งมีทั้งปุโรหิตและสมาชิกสภา รวมไปถึงตัวนักโทษคือเปาโล

พระคำเชื่อมโยง

1* กิจการ 7:2
2* กิจการ 21:40
3* 2โครินธ์ 11:22; เฉลยธรรมบัญญัติ 33:3; กิจการ 5:34; 23:6; 26:5; กาลาเทีย 1:14;
โรม 10:2
4* 1ทิโมธี 1:13
5* กิจการ 23:14; 24:1; 25:15;
ลูกา 22:66; กิจการ 9:2

6* กิจการ 9:3; 26:12-13
9* กิจการ 9:7
12* กิจการ 9:17; 10:22; 1ทิโมธี 3:7
14* กิจการ 3:13; 5:30; 9:15; 26:16; 3:14; 7:52; 1โครินธ์ 9:1; 15:8; กาลาเทีย 1:12
15* กิจการ 23:11; 4:20; 26:16
16* ฮีบรู 10:22; โรม 10:13

17* กิจการ 9:26; 26:20
18* กิจการ 22:14; มัทธิว 10:14
19* กิจการ 8:3, 22:4; มัทธิว 10:17
20* กิจการ 7:54-8:1; ลูกา 11:48
21* กิจการ 9:15
22* กิจการ 21:35; 25:24
25* กิจการ 16:37

กิจการ 21 เยรูซาเล็ม … ไปหรือไม่ไปดี?

คำเตือนระหว่างทาง

เยี่ยมยากอบ

เปาโลถูกจับในพระวิหาร

คุยกับประชาชนให้เข้าใจ

อธิบายเพิ่มเติม

คำเตือนระหว่างทาง
กิจการ 21:1-3
เราทราบจากกิจการ 20: 4 ว่าเพื่อนเดินทางของเปาโลในครั้งนี้คือ ทิโมธี ลูกา และคนอื่น ๆ โดยพวกเขาเดินทางจาก มิเลทัส (ตุรกีตะวันตกเฉียงใต้) ไปยังฝั่งฟินิเชีย เป้าหมายคือเมืองไทระที่พวกเขาตั้งใจจะเยี่ยมพี่น้องที่นั่น
กิจการ 21:4-6
เปาโลและทุกคนได้พบพี่น้องในเมืองไทระจริง และมีบางคนเตือนว่า ไม่ให้ไปเยรูซาเล็มเพราะจะถูกจับกุมตัว พวกเขาพยายามที่จะให้เปาโลเปลี่ยนใจ แต่ไม่ได้ผล เพราะวันที่เจ็ดพวกเขาก็ออกเดินทางต่อตามที่ตั้งใจไว้
เปาโลเชื่อว่าพระเจ้าทรงนำให้เขาไปเยรูซาเล็ม แต่พี่น้องเห็นจากพระเจ้าอีกมุมคือ เปาโลจะถูกจำจอง
ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับความรู้นี้มาจากพระเจ้า แต่ทำไมเปาโลไม่ฟังเพื่อนที่มาห้ามไว้ เราอาจตั้งคำถามว่าเปาโลควรฟังใครกัน …
กิจการ 21:7-11
เดินทางผ่านเมืองใด ก็จะไปเยี่ยมพี่น้องเมืองนั้น และในบ้านของฟีลิป ก็พบลูกสาวที่เป็นผู้กล่าวพระคำของพระเจ้าสี่คน ซึ่งทำให้เราเห็นว่า ผู้หญิงก็ได้ทำงานรับใช้พระเจ้าเช่นกัน จำได้ไหม ฟีลิปเป็นคนที่ประกาศพระนามพระเจ้าอย่างแข็งขันในกิจการบทที่ 8
มาถึงบ้านนี้ก็มีคนมาเตือนอีกแล้วว่า อย่าไปเยรูซาเล็มเลย .. และอากาบัสก็แสดงให้เห็นราวกับเป็นการแสดงละครสดเลยว่า เปาโลจะเจออะไร .. ดูน่ากลัว น่ากังวลมาก
กิจการ 21:12-16
แต่เปาโลไม่ได้กลัวสักนิด เพราะใจเปาโลนั้นพร้อมตายเพื่อพระเจ้า แต่ขอให้ได้ทำอะไรที่เกิดประโยชน์แล้วกัน การที่มีคนมาเตือนเช่นนี้ อาจเป็นการลองใจของพระเจ้าก็เป็นได้ … ว่าเปาโลจะตัดสินใจอย่างไร แล้วที่สุด ทุกคนในคณะของเปาโลก็เดินทางไปเยรูซาเล็มจริง

เยี่ยมยากอบ
กิจการ 21:17-20ก
เราจะเห็นว่า ในเยรูซาเล็มมีโครงสร้างของผู้นำอยู่อย่างชัดเจน และเปาโลเองก็ยอมรับโครงสร้างนั้น เขาได้รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในการประกาศที่ผ่านมา พบว่า พระเจ้าทรงทำการยิ่งใหญ่ในหมู่คนต่างชาติ เราจะเห็นว่าพี่น้องชาวยิวก็ดีใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย ในกิจการบทที่ 15 เราจะเห็นว่ามีการปรับความเข้าใจระหว่างพี่น้องชาวยิวและชาวต่างชาติที่เชื่อให้เหมาะสม
กิจการ 21:20ข-22
เปาโลมาพบข่าวลือว่า เปาโลสอนให้ผู้เชื่อต่างชาติต่อต้านพิธีของยิว ดังนั้น ยากอบซึ่งเป็นน้องชายของพระเยซูรวม ทั้งผู้อาวุโสในเยรูซาเล็มได้ขอให้เปาโลพิสูจน์ว่าเขาเป็นยิวแท้ด้วยการช่วยให้คนกลุ่มหนึ่งได้ทำตามคำปฏิญาณตนแบบพวกนาซารีน (กันดารวิถี 6:1-21)
กิจการ 21:23-25ก
เปาโลตกลงที่จะทำตามที่พวกเขาขอร้อง คือทำตามธรรมเนียมยิวด้วย จะเห็นว่า การทำตามธรรมเนียมที่ไม่ได้ผิด แต่กลับกลายเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพี่น้อง เป็นการทำตามสิ่งที่ท่านกล่าวในเอเฟซัส 4:1-2 ,13
กิจการ 21:25ข-26
การยินยอมของเปาโลเท่ากับทำให้คนเหล่านั้นไว้ใจเปาโล และไม่คิดจะเชื่อข่าวลือต่อไป พี่น้องในเยรูซาเล็มเข้าใจท่าที ทัศนคติจริงของท่านที่มีต่อความเชื่อในพระเจ้า


เปาโลถูกจับในพระวิหาร
กิจการ 21:27-29
พอดีเปาโลไปไหนต่อไหนกับโตรฟีมัสซึ่งเป็นชาวเมืองเอเฟซัส ทำให้คนยิวได้กระพือข่าวเพราะคิดเอาเองว่า เขาเอาคนต่างชาติเข้าไปในพระวิหาร ทำให้พระวิหารเป็นมลทิน โตรฟีมัสเป็นคนหนึ่งที่มากับทีมเปาโลที่เอาเงินถวายมาส่ง เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเยรูซาเล็ม
กิจการ 21:30-31
ดังนั้นวันที่เปาโลไปพระวิหาร และกำลังออกมา พวกเขาก็คิดว่านี่ไง มาแล้ว เอาคนต่างชาติเข้าไปในวิหารได้อย่างไร พวกเขาจับเปาโลและรุมทำร้ายเขา ดีที่มีคนไปแจ้งข่าวให้ทหารโรมที่รับผิดชอบดูแลความสงบเรียบร้อยทันทีเหมือนกัน เขาจึงสั่งคนให้ไปยังพื้นที่ทันที!
กิจการ 21:32-34ก
พวกเขาหยุดทำร้ายเปาโลเมื่อเห็นทหารเข้ามา เขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะมีคนตอบคำถามคนละเรื่องกัน ขัดแย้งไปหมด
กิจการ 21:34ข-35
ถึงแม้กลุ่มชนเหล่านี้ต้องการลงประชาทัณฑ์เขา แต่เปาโลก็ยังอยากที่จะประกาศพระนามในช่วงที่ผู้คนกำลังเร่าร้อน อยากให้เขาตาย เราจะเห็นว่า กลุ่มผู้นำศาสนานี้ เป็นตัวดีที่คอยทำให้ประชาชนทำผิดตามคำสั่งของพวกเขา

คุยกับประชาชนให้เข้าใจ
กิจการ 21:37-39
ตอนแรกนายทหารเข้าใจว่าเปาโลเป็นคนอียิปต์ที่เป็นคนร้าย แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่า เปาโลไม่ใช่คนนั้น (คนนั้นได้ปลุกระดมคนมากมายไปที่ภูเขามะกอกเทศ และได้อ้างว่าเขาจะทำให้โรมล่มไป จึงมีคำสั่งจากโรมให้กำจัดเหล่ากบฎซึ่งโรมก็ได้สังหารผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก แต่หัวโจกหนีไปได้ พวกนี้มักจะปะปนอยู่กับคนยิวและพยายามฆ่ายิวที่เข้าข้างโรม
และเวลานี้เองเปาโลก็ขออนุญาตพูดกับประชาชน …
กิจการ 21:40-22:3
แล้วเขาก็ได้รับอนุญาตอย่างไม่คาดฝัน นี่เป็นตัวอย่างของความมุ่งมั่นที่เราไม่ค่อยได้เห็น ยิ่งต่อหน้าประชาชนที่กำลังโกรธแบบนี้ เปาโลน่าจะรีบเข้าไปในกองทหารก่อนเพื่อความปลอดภัย เขากลับได้มีโอกาสพูดกับประชาชนเป็นภาษาฮีบรู ทำให้ผู้คนที่เข้าใจผิดเหล่านั้นได้นิ่งฟังเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เปาโลจะได้กล่าวคำชี้แจงเรื่องชีวิตที่มาพบพระเจ้า

พระคำเชื่อมโยง

1* 1 เธสะโลนิกา 2:17
2* กิจการ 27:6; 15:3
3* กิจการ 21:16’ 12:20
4* กิจการ 21:10-12
5* กิจการ 20:36,38
8* กิจการ 8:40; 21:16;
เอเฟซัส 4:11; กิจการ 6:5
9* โยเอล 2:28
10* กิจการ 11:28
11* กิจการ 20:23; 21:33; 22:25

13* กิจการ 20:24, 37
14* ลูกา 11:2; 22:42
17* กิจการ 15:4
18* กาลาเทีย 1:19; 2:9
19* โรม 15:18, 19;
กิจการ 14:27; 1:17; 20:24
20* กิจการ 15:1; 22:3
24* กิจการ 18:18
25* กิจการ 15:19,20,29
26* กิจการ 21:24; 24:18;
กันดารวิถี 6:13

27* กิจการ 20:19; 24:18; 26:21
28* กิจการ 6:13; 24:26
29* กิจการ 20:4
30* กิจการ 16:19; 26:21
31* 2 โครินธ์ 11:23
32* กิจการ 23:27; 24:7
33* กิจการ 24:7; 20:23; 21:11
36* ยอห์น 19:15
38* กิจการ 5:36
39* กิจการ 9:11; 22:3
40* กิจการ 12:17; 22:2

กิจการ 19 การต่อสู้ที่แปลกออกไป

เปาโลในเมืองเอเฟซัส

การอัศจรรย์ที่ทำให้หมอผีเปลี่ยนชีวิต

ความวุ่นวายจากกลุ่มนายช่าง

คำอธิบายเพิ่มเติม

เปาโลในเมืองเอเฟซัส
กิจการ 19:1-3
นี่เป็นการเดินทางออกไปประกาศเยี่ยมเยี่ยนครั้งที่สาม ของเปาโล และบทนี้เราได้รู้ว่า เปาโลได้อยู่ในเอเฟซัสประมาณสามปั เป็นความสุข ที่ได้กลับมายังเอเฟซัสอีก และเมื่อพบพี่น้องก็รู้สึกว่าต้องคุยกันเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพี่น้องเอเฟซัสก็ไม่เคยรู้จักเลย ซึ่งคล้ายกับอปอลโลแรก ๆ ที่รู้เรื่องของพระเจ้าแต่ยังรู้ไม่ครบถ้วน
กิจการ 19:4-7
พี่น้องเหล่านี้ฟังคำของท่าน ฟังความหมายของบัพติศมาของยอห์น และของพระเยซูว่าแตกต่างกันอย่างไร
พวกเขาจึงได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพูดภาษาต่าง ๆ มีการเผยพระคำด้วย เหมือนกับวันแรกที่พระวิญญาณทรงเติมเต็มเหล่าคนที่รอคอยพระองค์ในเยรูซาเล็ม (กิจการ 2)
กิจการ 19:8-10
ยิวที่เกลียดชังเรื่องที่เปาโลพยายามจะอธิบายให้เข้าใจก็ใช้วิธีเดิม คือ การให้ร้ายความจริง วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้กันมาแต่โบราณจนกระทั่งวันนี้ เวลานี้ มีคำ ๆ หนึ่งบอกว่า การโฆษณาชวนเชื่อสามารถเปลี่ยนประเทศได้ ซึ่งเป็นความจริง เราเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการโหมพูดสิ่งที่ต้องการซำ้แล้วซำ้เล่าจนคนได้ยินบ่อยก็เชื่อว่าเป็นจริง
เปาโลจึงแก้ไขโดยการออกไปคุยเรื่องของพระเจ้าในห้องใหญ่ของทีรัสนัส และได้ใช้ที่นั่นนานถึงสองปี ทำให้คนชาติต่าง ๆ ที่อยู่ในเมือง ที่ไม่เคยเข้าไปในศาลาธรรมได้ยินเรื่องของพระเยซูด้วย

การอัศจรรย์ที่ทำให้หมอผีเปลี่ยนชีวิต
กิจการ 19:11-12
การอัศจรรย์นี้มีความหมายถึงอำนาจ ฤทธิ์เดชซึ่งมาจากคำกรีกว่า ไดนามิส การอัศจรรย์จากเปาโลเป็นการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผ่านตัวเขา ทำแบบวิเศษมากคือ ตรงเป้าหมาย ซึ่งไม่ได้เกิดจากการวางมือเสียด้วยซ้ำ ในเมืองอื่น ๆ เราไม่ค่อยเห็นการอัศจรรย์แบบนี้ แต่สำหรับเอเฟซัสเป็นสิ่งที่เหมาะมากเพราะพวกเขาเชื่อในเรื่องอำนาจผีไม่น้อย ดูจากจดหมายของเปาโลที่เขียนมายังพี่น้องในเอเฟซัส โดยมีการอ้างถึงวิญญาณต่าง ๆ หลายครั้ง การอัศจรรย์เหล่านี้ทำให้รู้ว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าวิญญาณที่พวกเขาเชื่อถือ
กิจการ 19:13-14
และแล้ว ก็เกิดการเลียนแบบขึ้น มียิวหัวใสคิดทำตามเปาโล ทำตัวเป็นหมอผีเพื่อจะได้เงินจากครอบครัวของคนที่ถูกผีสิง แม้กระทั่งลูกชายของเสวาหัวหน้าปุโรหิตยังเลียนแบบด้วย พวกเขาช่างกล้าที่จะเอาพระนามของพระเยซูมาหาเงิน เป็นความกล้าทางมืดที่ไม่ได้หมดไปจากโลกนี้ แม้กระทั่งในหมู่ผู้เชื่อที่ไม่ค่อยเข้าใจพระคัมภีร์ หรือแค่เชื่อเผิน ก็จะโดนคนที่ไวในการหาประโยชน์เข้าตัวปอกลอกด้วยวิธีการแบบนี้ (ยิ่งในอเมริกา และในอัฟริกา จะพบสิบแปดมงกุฎสายนี้ไม่น้อย)
กิจการ 19:15-16
ที่เปาโลช่วยรักษาโรคและไล่ผีออกในพระนามพระเยซูได้ ก็เพราะพระเจ้าทรงสัญญาจะให้อำนาจนี้แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ที่ออกไปในพระนาม (พระมหาบัญชาระบุชัดเจน ดูมัทธิว 28:18-20)
แต่เรื่องนี้ลูกชายของเสวาไม่ได้รู้ด้วย พวกเขาคิดว่า ใช้พระนามพระเยซู ก็เหมือนใช้มนต์ของหมอผี พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตจากพระเจ้าให้ทำอย่างนั้น พวกเขาเองไม่รู้จักพระองค์เสียด้วยซ้ำ
ที่ผีมารต้องออกจากคนที่มันสิงอยู่เวลาเปาโลไล่มันออกไป เพราะเปาโลมีอำนาจของพระเยซูอยู่ มันรู้ว่าพระเยซูคือพระบุตรของพระเจ้า เรื่องนี้ ผีทุกตัวรู้ดี (ดูมาระโก 3:11-12, 5:7)
“พระเยซูข้ารู้จัก เปาโลข้าเคยได้ยิน แต่พวกเจ้าเป็นใคร?” นี่เป็นคำถามของผี จริง ๆ มันไม่สนใจด้วยซ้ำว่าพวกเขาเป็นใคร กลุ่มวิญญาณชั่วที่สิงในคนรู้ว่าลูกชายเสวาเป็นของปลอม มันเลยใช้ให้คนที่ถูกสิง กระโจนใส่ ทำร้ายพวกเขาจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน
กิจการ 19:17-18
เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นที่ฮือฮาในหมู่คนยิว กรีก พวกเขาแปลกใจที่ผีเองยังรู้จักพระเยซู และจัดการกับตัวปลอมได้ ในขณะที่คนชาวโรมันชอบรูปเคารพและพระต่าง ๆ แต่คนยิวบางส่วนกลับสนใจเรื่องฝ่ายวิญญาณเพื่อที่จะหาเงินเข้ากระเป๋า มีอาชีพเป็นหมอผี และเมื่อเห็นว่า แค่ผ้าที่เคยแตะต้องตัวเปาโลมายังมีฤทธิ์ขนาดนั้น พวกเขาจึงสวมรอยใช้พระนามของพระเจ้าในทางที่ผิด เหมือนอย่างลูกชายของเสวา
เรื่องนี้ทำให้หมอผีจำนวนหนึ่งที่มีปัญญา ต้องมาจำนนต่อฤทธิ์เดชจริงของพระเจ้า
กิจการ 19:19-20
ไม่ใช่แค่กลับใจเท่านั้น แต่ยังเผาตำราแพง ๆ ทั้งหมดด้วย ทำให้เราเห็นว่า พระเจ้าทรงเปิดตาพวกเขาให้เห็นความจริงและยอมรับว่า พระเจ้ายิ่งใหญ่ ถ้าไม่เห็นจริง คงไม่เผาสิ่งที่ช่วยให้ทำมาหากินคล่อง ๆ แบบนี้
เหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อทำให้พระคำของพระเจ้าขยายออกไปอีก มีฤทธิ์มากขึ้นอีกในเมืองเอเฟซัสและรอบ ๆ
นี่เป็นตัวอย่างให้เราเห็นว่า หากยังมีสิ่งใดที่ทำให้เราไม่บริสุทธิ์ในสายพระเนตร เราต้องทำลายมันทิ้งเสีย
กิจการ 19:21-23
การที่ได้เกิดผลในเอเฟซัส ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ที่นั่นตลอดไป เปาโลมีความหวังว่าจะเยี่ยมพี่น้องคริสเตียนที่อยู่ในโรมด้วย เป็นคริสเตียนที่เชื่อด้วยการประกาศของพี่น้องท่านอื่น ๆ ด้วยการทรงนำของพระวิญญาณ เปาโลจึงเดินทางผ่านไปยังมาซิโดเนีย อาคายา โดยให้ทิโมธีกับเอรัสทัสไปล่วงหน้าก่อน แต่แล้ว ยังไม่ทันไรก็เกิดความวุ่นวายขึ้น …

ความวุ่นวายจากกลุ่มนายช่าง

กิจการ 19:24-25
นั่นคือช่างเงินที่ทำรูปเคารพเกิดรู้ตัวขึ้นมา โดยมีเดเมตริอัสเป็นหัวหน้าแกนนำ โดยเรียกช่างทองมาเพื่อแจ้งให้รู้ว่า “ทางนั้น” คือความเชื่อในพระเยซูเป็นภัยต่ออาชีพของพวกเขา
อาชีพของพวกเขาคือการทำรูปหล่อวิหารอารเทมิสที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในโลกโบราณ ใคร ๆ ก็เห็นว่าเทพีนี้ให้ความอุดมสมบูรณ์กับชีวิต ช่างเงินเหล่านี้กำลังอยู่ช่วงขาขึ้น กำลังโกยเงินทองมากมายจากการขายรูปหล่อเล็ก ๆ ให้คนเอาไปไว้บูชาตามบ้าน
ที่แปลกคือ วิหารอารเทมิสเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งที่มหัศจรรย์ของโลกโบราณด้วย
กิจการ 19:26-27
เหตุผลของ เดเม-ตริอัส ช่างน่าเชื่อถือสำหรับช่างเงินทั้งหลายที่มารวมตัวกัน พวกเขาเห็นด้วยกับเดเม-ตริอัส ในเมื่อพวกเขาขายของเหล่านี้ หากคนไปเชื่อ “ทางนั้น” ก็เท่ากับธุรกิจต้องล่มสลาย. แปลกที่คนเชื่อพระเยซู ไม่ได้มาขอให้พวกเขาสร้างรูปเคารพของพระเยซูเลย คนเชื่อพระเยซูนมัสการพระเจ้าที่มองไม่เห็น ทั้งร้องเพลงด้วยกัน อธิษฐานด้วยกัน แต่ไม่มีรูปเคารพสักรูป!
กิจการ 19:28-29
พอคนเริ่มไม่พอใจก็เริ่มจากเพื่อนร่วมงานของเปาโล คือ กายอัส และอาริสทาคัส เอาเข้าไปสำเร็จโทษในโรงละครซึ่งเป็นโรงใหญ่จุคนได้ประมาณ สองหมื่นสี่พันคน เป็นที่ ๆ ชาวเมืองจะพบกันเพื่อดูละคร และถกเถียงกันในเรื่องต่าง ๆ
กิจการ 19:30-32
เปาโลไม่ได้กลัวเลย แต่จะเข้าไปช่วยเพื่อน แต่..หัวเด็ดตีนขาด ไม่มีใครยอมให้เปาโลมีส่วนตรงนี้ พวกเขาคงต้องลากเปาโลออกไป เพราะเรื่องแบบนี้ เปาโลถนัดมาก!! ขณะนั้นเองคนก็เริ่มงุนงงว่า มาทำอะไรกันอยู่ เนื่องจากต่างคนต่างตะโกน ไม่เป็นเรื่อง
กิจการ 19:33-34
พวกยิวต้องการให้คนรู้ว่า ยิวกับเปาโลไม่ได้เป็นพวกเดียวกัน แต่.. ช่างเงินช่างทองถือว่าถ้าเป็นยิวก็เป็นพวกเปาโลแน่นอน อเล็กซานเดอร์จึงไม่มีโอกาสจะพูดเลย
กิจการ 19:35-37
ผู้ว่าการเมืองเป็นคนเก่ง สามารถที่ทำให้คนที่กำลังโกรธสงบลงได้ ผู้ว่าจะไม่ยอมให้พวกเขาก่อจลาจลเพราะเดี๋ยวโรมจะเข้ามาคุมเข้มมากขึ้น ทำให้เขาทำงานไม่สะดวก จะกลายเป็นว่า โรมส่งคนมาควบคุมพวกเขาเอง อย่างนี้ ผู้ว่าก็รับไม่ได้เหมือนกัน
กิจการ 19:38-41
ใครมีเรื่องกับใคร ก็ไปฟ้องศาล อย่ามาทำให้บ้านเมืองต้องจลาจลอย่างนี้ ท่านให้ทุกคนเลิกชุมนุมได้
คนที่เข้ามาชุมนุมกันตอนนี้ก็เหนื่อยอ่อนไปตาม ๆ กัน ยังไม่ได้พักกันเลย เคยอยู่ทำงานไปกลับมาต้องโห่ร้องตะโกนสองชั่วโมง พวกเขาก็ฟังเหตุผลของผู้ว่าด้วย เป็นอันว่าเลิกรากันไป

พระคำเชื่อมโยง

1* 1 โครินธ์ 1:12; 3:5-6; กิจการ 18:23
2* 1 ซามูเอล 3:7
3* กิจการ 18:25
4* มัทธิว 3:11
5* กิจการ 8:12, 16; 10:48
6* กิจการ 6:6; 8:17; 2:4; 10:46
8* กิจการ 17:2; 18:4; 1:3; 28:23
9* 2 ทิโมธี 1:15; กิจการ 9:2; 19:23; 22:4; 24:14

10* กิจการ 19:8; 20:31
11* มาระโก 16:20
12* กิจการ 5:15
13* มัทธิว 12:27; มาระโก 9:38; 1โครินธ์ 1:23; 2:2
17* ลูกา 1:65; 7:16
18* มัทธิว 3:6
20* กิจการ 6:7; 12:24

21* โรม 15:25; กิจการ 20:22; 20* โรม 1:13; 15:22-29
22* 1 ทิโมธี 1:2; โรม 16:23
23* 2 โครินธ์ 1:8; กิจการ 9:2
24* กิจการ 16:16, 19
26* อิสยาห์ 44:10-20
29* โรม 16:23; โคโลสี 4:10
33* 2 ทิโมธี 4:14; กิจการ 12:17

กิจการ 16 แลกมาด้วยความยินดี

เปาโล สิลาส กับทิโมธีน้องใหม่

นิมิตเรื่องชาวมาซิโดเนีย

บาดแผลที่นำชีวิตใหม่

เปาโล สิลาส กับทิโมธีน้องใหม่
กิจการ 16:1-3
จำได้ไหมที่เมืองลิสตรา เปาโลเคยถูกหินขว้าง ถูกลากออกมาจากเมือง เปาโลไม่ได้กลัวว่าจะถูกขว้างอีกหรือไม่ และที่นั่นได้พบกับชายคนหนึ่งที่เป็นลูกครึ่งกรีกยิว และดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่รับใช้พระเจ้าได้ แต่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาโลกแตกของยิวในเรื่องสุหนัต ท่านจึงขอให้ทิโมธีเข้าสุหนัตเสีย เป็นการตัดไฟต้นลม
เพราะทิโมธีจะต้องเป็นผู้นำต่อไป จะได้ไม่มีเรื่องแบบนี้ทำให้คนสับสนอีก คือจริง ๆ ไม่ทำสุหนัตก็ไม่ผิด แต่การป้องกันแบบนี้ก็ไม่ผิดเช่นกัน
ทิโมธี ชื่อของเขาแปลว่า คนที่ให้เกียรติพระเจ้า … และต่อมาเราจะเห็นว่าทิโมธีเป็นผู้รับใช้ร่วมกับเปาโลที่มีความคิดเดียวใจเดียวกัน ดูฟิลิปปี……… 2 ทิโมธี 1:5 เขาเป็นลูกหลานคริสเตียน มีการเลี้ยงดูมาในทางของพระเจ้าเป็นอย่างดี
กิจการ 16:4-5
ต่อมาทั้งเปาโล สิลาสและทิโมธีก็ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียน หนุนใจ สั่งสอนพี่น้อง โดยที่ท่านได้รับรองการตัดสินใจของผู้ปกครองในกรุงเยรูซาเล็ม (ในเรื่องความเชื่อของพี่น้องต่างชาติที่ไม่ต้องมารักษากฎบัญญัติของโมเสส)
คริสตจักรได้เชื่อฟังสิ่งที่บอก และพวกเขาเข้มแข็งขึ้น เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีคนเข้ามาพบพระเจ้า และเปลี่ยนชีวิตมากขึ้นทุกวัน

นิมิตเรื่องชาวมาซิโดเนีย
กิจการ 16:6-8
แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าทรงนำพวกเขาไม่ให้ประกาศในแคว้นเอเชียอีกต่อไป
จึงเดินทางไปยังฟรีเจีย กาลาเทีย ..​พวกเขาเดินทางต่อไปมิเซีย และอยากไปต่อบิธิเนียด้านเหนือของแคว้นกาลาเทีย แต่พระเจ้าทรงห้ามเอาไว้ เปาโลกระวนกระวายว่านี่มันเรื่องอะไรกัน พวกเขาอยากที่จะไปให้ทั่ว ๆ ประกาศให้ทุกเมืองในแถบนั้น
กิจการ 16:9-10
แล้วคืนหนึ่งที่เมืองโตรอัส เปาโลก็เห็นนิมิตว่ามีชายคนหนึ่งขอร้องให้ไปมาซิโดเนียซึ่งต้องข้ามทะเลไปทางตะวันตก พระเจ้าทรงปิดทางหลาย ๆ ทางเพื่อให้ทั้งสามมุ่งหน้าไปอีกที่ ซึ่งพระองค์ทรงเตรียมไว้ เมื่อเข้าใจแบบนี้ เปาโลก็ไม่สงสัยอะไรอีก ทั้งสามเห็นพ้องต้องกัน
เมืองโตรอัสเป็นเมืองหน้าด่านของเอเชีย ที่ใกล้ชิดยุโรปมาก
กิจการ 16:11-13
นี่เป็นครั้งแรกที่พระกิตติคุณเข้าไปปลูกและเกิดผลในชายแดนยุโรป และเขาไปถึงเมืองเนอาโปลิส และไปต่อยังเมืองฟีลิปปี
แน่นอนที่เปาโลต้องการเข้าไปศาลาธรรม แต่ดูเหมือนไม่มีศาลาธรรมยิวในเมืองนั้น (เป็นธรรมเนียมในเมืองต่างชาติว่า จะต้องมีชายยิว 10 คนขึ้นไปจึงจะสร้างศาลาธรรมขึ้นมา) ที่เมืองนั้นพวกเขาไปนอกเมืองริมน้ำ ได้เจอพวกผู้หญิงที่มาชุมนุมกัน คนยิวที่อยู่ต่างประเทศมักจะออกไปอธิษฐานกับพระเจ้าริมน้ำ เหมือนในสดุดี 137:1
เอ.. ในนิมิตเห็นผู้ชาย แต่กลับมาเจอผู้หญิงที่มาชุมนุมกันอยู่ ทั้งสามต้องการไปอธิษฐานแต่กลับเจอโอกาสที่จะพูดเรื่องพระเยซู.. แม้โลกโบราณจะเป็นโลกที่ชายเป็นใหญ่ แต่เปาโลรู้อยู่แล้วว่า ในพระเจ้าทุกคนเท่ากัน ไม่มีกรีก ยิว ชายหรือหญิงที่จะโดดเด่นในสายพระเนตรของพระเจ้า
กิจการ 16:14-15
ลิเดียเป็นนักธุรกิจหญิงขายผ้าสีม่วง (เป็นผ้าที่บอกให้รู้ว่า ขายให้กับคนชั้นสูงของอาณาจักรโรม) ที่มาจากเมืองทิยาธิรา ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ เธอมาพร้อมกับคนในครอบครัวด้วย และพระเจ้าทรงเปิดใจของเธอ… ตรงนี้สำคัญ.. เปาโลกล่าวพระคำ ลิเดียตั้งใจฟัง และพระเจ้าทรงเปิดใจ เธอรับเชื่อและรับบัพติศมาริมน้ำนั้นทันที แล้วยังต้อนรับผู้รับใช้ของพระเจ้าให้พักที่บ้านด้วย โดยใช้คำที่สุภาพ น่าฟัง เธอวิงวอนจนขัดไม่ได้ นี่หมายความว่า เปาโล สิลาส ทิโมธีมีที่พักพร้อมที่จะออกประกาศต่อไปในเมืองนี้
คนแรกที่รับเชื่อพระเจ้าในฟีลิปปี จึงเป็นสตรีที่มีครอบครัวใหญ่.. ขอบคุณพระเจ้า
น่าสนใจว่า ลิเดีย เป็นคนที่ทำงานกับชนชั้นสูง และเธอเองมีบ้านของตนเอง เธอไม่ใช่ทาส แต่เป็นบ้านที่มีที่ทางพอที่จะรับแขกได้ด้วย
กิจการ 16:16-18
แล้วในวันหนึ่ง ทั้งสามเดินไปยังที่อธิษฐาน ก็ได้เจอกับทาสหญิงของกลุ่มหมอดู พวกหมอดูใช้เธอทำนายอนาคต และก็เก็บเงินจากผู้คน เธอรบกวนพวกเขาด้วยการพูดความจริง แต่เป็นความจริงที่ทำให้พวกเขาดูเหมือนเป็นพวกเดียวกับหมอดู ทำราวกับว่าซาตานช่วยโฆษณา ประกาศงานของพระเจ้าแทน นี่เป็นการพูดเรื่องพระเจ้าด้วยวิญญาณที่ต่อต้านพระองค์
กิจการ 16:18b-19
ก็ทนกันมาหลายวันจนกระทั่งเปาโลไม่ทนอีกต่อไป เปาโลหันไปไล่ผีออกจากเธอ และมันก็ออกทันที ไม่มีการต่อต้านใด ๆ ทำให้นางทาสผู้นี้กลายเป็นคนปกติ เราไม่ทราบว่า เธอได้มาเชื่อพระเจ้าหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ คือ ไม่ได้มีฤทธิ์เหมือนเคย ไม่สามารถทำนายทายทักได้อย่างที่นายเคยใช้
ดังนั้น จะต้องกำจัดคนที่ทำให้ขาดรายได้! พวกเขาลากตัวเปาโลกับสิลาสออกมาที่ตลาด ให้ผู้นำของเมืองและชาวเมือง ได้เห็นว่า สองคนนี้เป็นตัวอันตราย

บาดแผลที่นำชีวิตใหม่
กิจการ 16:20-22
จากนั้นก็นำไปยังเจ้าหน้าที่ ฟ้องว่าทั้งสองเป็นยิวมาก่อความวุ่นวายในเมือง โดยที่มาชักชวนคนโรมให้นับถือ และรับธรรมเนียมที่ผิดกฎของโรม ซึ่งเป็นคำฟ้องเท็จ พอประชาชนได้ยินอย่างนั้นก็เข้ามารุมทำร้ายทั้งสอง
ชาวเมืองทำร้ายไม่พอ เจ้าหน้าที่สั่งถอดเสื้อ สั่งโบย โบยด้วยความโกรธที่พวกเขาตัดทางทำมาหากิน
กิจการ 16:23-24
หลังจากที่ถูกโบยอย่างทารุณ ก็สั่งเข้าคุก ห้องชั้นใน ใส่ขื่อที่เท้า .. แต่ดูเหมือนทั้งสองยังไม่สลบ
กิจการ 16:25-26
ราวเที่ยงคืน เปาโลและสิลาสกำลังอธิษฐาน ทั้งสองไม่ได้กระซิบพึมพัม แต่ส่งเสียงดังพอควรในความมืด ในความเงียบของคุก .. นักโทษคนอื่น ๆ ก็ฟังทั้งสองเพลิน ๆ อยู่ แล้วก็เกิดแผ่นดินไหวทันทีทันใด รากคุกสะเทือน
บทเพลงยามค่ำคืน ในเวลาที่เจ็บปวด ขณะที่ถูกจับ ถูกขัง … ยังมีเพลงสรรเสริญพระเจ้าจากความมืดมนของชีวิต นี่เป็นบทเรียนสำหรับพวกเรายามที่ต้องเผชิญกับความจนมุมในชีวิตเรา
กิจการ 16:26b-28
ประตูที่ปิดแน่นหนา ก็เปิดออก โซ่ตรวนแตกหักเป็นชิ้น ๆ นี่เป็นโอกาสที่นักโทษจะหนีออกจากคุก! ใครจะไม่หนีบ้าง หากเป็นอย่างนี้? คนที่เป็นทุกข์มากที่สุดคือพัศดี ถ้านักโทษหนี เขานี่แหละจะต้องรับผิดชอบ รับโทษทุกอย่าง แต่เปาโลรีบห้ามไว้ทัน อย่าทำร้ายชีวิตตนเอง …​เปาโลทราบดีว่า นี่เป็นเวลาของความรอดของชีวิตพัศดีคนนี้
กิจการ 16:29-32.
พัศดีเข้าไปตรวจในคุก ตัวสั่นด้วยความกลัวยิ่งนัก เขาถึงกับทรุดตัวลงต่อหน้าเปาโลและสิลาส ถามถึงความรอดว่า ทำอย่างไรจึงจะรอดจากบาปได้?.. ดูเหมือนเขาได้ยินสิ่งที่เปาโลอธิษฐาน หรือได้ข่าวเรื่องที่ประกาศในเมืองแล้ว และรู้เหตุผลของการถูกจับ
และเปาโลก็ตอบชัดเจนทันควันว่า ขอให้เชื่อวางใจพระเยซูจะรอดทั้งครอบครัวด้วย นี่คือเงื่อนไขได้การรับความรอดโดยไม่มีว่าต้องทำสิ่งโน้นสิ่งนี้ก่อน พระคุณของพระเยซูเท่านั้นที่ทำให้รอด
แล้วประกาศเรื่องราวของพระเยซูให้พัศดีพร้อมคนอื่น ๆ โดยไม่ต้องมีพิธีรีตรองใด ๆ
กิจการ 16:33
แล้วพัศดีก็พาเปาโล สิลาสไปล้างแผล เสร็จแล้วยังไม่ทันเช้า
ภายในเวลาเที่ยงคืนถึงเช้าก็มีครอบครัวใหม่ในฟิลิปปีกลับใจมาเชื่อพระเจ้า รับบัพติศมาด้วย
สิ่งที่เปาโลกล่าวก่อนหน้านี้ว่าครอบครัวจะได้รับความรอด ก็เกิดขึ้นจริง!
กิจการ 16:34-35
เรียกได้ว่าเสร็จภายในครึ่งคืน เปาโลกับสิลาสได้ไปเยี่ยมกินอาหารที่บ้านพัศดีด้วย จากนั้นก็ต้องกลับไปขังอย่างเดิม เช้าตรู่ ด้วยเหตุผลได้ไม่ได้บันทึกไว้ เจ้าหน้าที่ส่งคำสั่งมาให้ปล่อยเปาโลกับสิลาสไป …
กิจการ 16:36-37
ผู้ว่ายอมให้เปาโลกับสิลาสออกจากคุกได้ แต่เปาโลไม่ยอม เพราะว่าพวกเขาเฆี่ยนทั้งสองโดยยังไม่สอบสวน แล้วจะมาให้ออกไปง่าย ๆ ไม่ให้ใครรู้ได้อย่างไร ในเมื่อตัวเปาโลเองเป็นชาวโรม! พวกเขาต้องพาออกไปให้ใคร ๆ ได้เห็นเช่นกัน
มีกฎหมายที่จะทำโทษคนชาวโรมโดยไม่ไต่สวนก่อนไม่ได้.. ดังนั้น เท่ากับผู้ว่าการทำพลาดไปแล้ว
กิจการ 16:38-40
ในที่สุดมีการเจรจากันระหว่างสองฝ่าย ฝ่ายเมืองขอให้เปาโลออกไป ซึ่งมีการตกลงกัน เปาโลกับสิลาสกลับไปลาลิเดีย พวกเขาหนุนใจลิเดียและครอบครัว …
เปาโล สิลาส ทิโมธี และลูกา (ซึ่งเป็นผู้เขียน) ได้เข้ามาในฟีลิปปี เกิดผล สร้างกลุ่มคริสเตียน และเดินทางต่อไป (ออกจากเมืองไปกันสองคนคือ เปาโลและสิลาส)

พระคำเชื่อมโยง

1*  โรม 16:21; ฟีลิปปี 2:19; 1 เธสะโลนิกา 3:2,6,  2 ทิโมธี 1:5
2*  ฮีบรู 11:2; กิจการ 13:51; 16:40;  2 ทิโมธี 3:11,15 
3* กาลาเทีย 2:3; 5:6; 1 โครินธ์ 9:20
4* กิจการ 15:28-29; 11:30; 15:2,28
5* กิจการ 2:47; 9:31;
6* กิจการ 2:9; 18:23; 1 เปโตร 1:1
7* กิจการ 8:29; โรม 8:9; กาลาเทีย 4:6; ฟีลิปปี 1:19; 1 เปโตร 1:11
8* กิจการ 16:11; 20:5-6; 2 โครินธ์ 2:12; 2 ทิโมธี 4:13
9* กิจการ 9:10; 20:1,3; โรม 15:26
10* 2 โครินธ์ 2:12-13; กิจการ 27:1-28-16
12* กิจการ 20:6; ฟีลิปปี 1:1; 1 เธสะโลนิกา 2:2
13* กิจการ 13:14; โคโลสี 1:23


14* ลูกา 24:45; กิจการ 18:7; วิวรณ์ 1:11; เอเฟซัส 1:17-18
15* ฮีบรู 13:2; ปฐมกาล 19:3; ลูกา 24:29; กิจการ 11:14
16* เลวีนิติ 19:31; เฉลยธรรมบัญญัติ 18:11; 1 ซามูเอล 28:3,7
17* ยอห์น 14:6; 1 เปโตร 2:16; มาระโก 5:7
18*   มาระโก 16:17; ลูกา 10:17-19
19* กิจการ 8:3; 17:6-8; 19:25-26; 21:30; ยากอบ 2:6
20* ยากอบ 4:4; โรม 12:2
21* เอสเธอร์ 3:8; กิจการ 16:12
22* 2 โครินธ์ 6:5; 11:25; 1 เธสะโลนิกา 2:2
24* โยบ 13:27; 33:11; เยเรมีย์ 20:2-3; 29:26
25* 1 เธสะโลนิกา 5:16-18; ยากอบ 1:2
26* 1; กิจการ 4:31; 5:19; 12:7,10

27* กิจการ 12:19
28* 1 เธสะโลนิกา 5:15; ลูกา 23:34
29* วิวรณ์ 3:9; กิจการ 24:25
30* กิจการ 2:37; 22:10; 16:7
31* กิจการ 2:38-39; ยอห์น 3:36
32* 1 ทิโมธี 1:13-16; 1 เธสะโลนิกา 2:8
33* 1 โครินธ์ 1:16; กิจการ 16:15; 16:25
34* โรม 15:13; กิจการ2:46; 1 ยอห์น 3:18
35* กิจการ 5:40; เยเรมีย์ 5:22
36* กิจการ 15:33; ยอห์น 14:27; กิจการ 16:27
37* กิจการ 22:25-29; มัทธิว 10:16
38* กิจการ 22:29; มัทธิว 21:46
39* มัทธิว 8:34; มาระโก 5:17; มีคาห์ 7:9-10
40* 1 เธสะโลนิกา 3:2-3; กิจการ 4:23