สดุดี 69 เมื่อต้องเผชิญโลกที่เกลียดชัง

ถึงหัวหน้านักร้อง ตามทำนองพลับพลึง เพลงสดุดีของดาวิด
สภาพของวิกฤติที่ดาวิดเผชิญ
1 โอ พระเจ้า ขอทรงช่วยกู้ข้าด้วย
เพราะน้ำท่วมถึงคอของข้าแล้ว
2 ข้ากำลังจมลงในเลนลึก ที่ซึ่งหยั่งเท้าไม่ถึง
ข้ามายังน้ำลึก และคลื่นก็ซัดท่วมข้าจนมิด
3 ข้าร้องทูลขอจนอ่อนล้า คอแห้งผาก
ดวงตาข้ารอคอยพระเจ้าจนดวงตาพร่ามัว
4 คนที่เกลียดชังข้าโดยไร้เหตุนั้นมีจำนวนมากกว่าเส้นผมบนศีรษะ คนที่ต้องการทำลายข้าอย่างไร้เหตุก็มีจำนวนมากกว่าข้า
พวกเขาพยายามให้ข้าส่งคืนสิ่งที่ข้าไม่ได้ขโมยมา

ดาวิดสารภาพบาป
5โอพระเจ้า พระองค์ทรงรู้ถึงบาปที่โง่เขลาของข้า
ความผิดที่ได้ทำลงไปนั้น มิได้ถูกซ่อนจากพระองค์
6 ขออย่าให้คนที่วางใจในพระองค์ต้องอับอายเพราะข้า
โอ พระยาห์เวห์ องค์จอมทัพ
ขออย่าให้ใครที่แสวงหาพระองค์ต้องเสียเกียรติเพราะข้า
โอ พระเจ้าแห่งอิสราเอล
7 เพราะข้าต้องเผชิญกับการถูกสบประมาท
เพื่อเห็นแก่พระองค์ ข้าอับอายยิ่งนัก
8 ข้ากลายเป็นคนแปลกหน้าของพี่น้องของข้า
และเป็นคนต่างด้าวของพี่น้องท้องเดียวกัน
9 เพราะความร้อนใจที่มีต่อพระนิเวศนั้นเผาอยู่ในใจของข้า
การที่พวกเขาสบประมาทพระองค์นั้น
เป็นการสบประมาทข้าโดยตรง
10 เมื่อข้าร้องไห้อดอาหาร ข้าต้องทนต่อการเยาะเย้ย
11เวลาที่ข้าสวมเสื้อผ้ากระสอบ
มันกลับกลายเป็นเรื่องขบขันสำหรับพวกเขา
12 เหล่าคนที่นั่งอยู่ที่ประตูเมืองก็เยาะเย้ยข้า
ข้ากลายเป็นเพลงเยาะหยันของคนเมา

ทำผิดก็จริง แต่ขอหันมาหาพระเจ้า
13 แต่สำหรับข้าแล้ว ข้าทูลอ้อนวอนต่อพระองค์
โอ พระยาห์เวห์ ในเวลาที่ทรงโปรด
โอ พระเจ้าข้า ตามความรักมั่นคงที่มีล้นเหลือ
ขอทรงตอบข้าด้วยการช่วยให้รอดจากพระองค์
14ขอทรงฉุดข้าขึ้นจากโคลนตม
ขอทรงให้ข้าได้รับการช่วยกู้จากคนที่เกลียดชัง จากน้ำลึก
15 ขออย่าทรงปล่อยให้มวลน้ำท่วมข้าพระองค์จนมิด
ขออย่าทรงยอมให้น้ำกลืนข้าไป
ขออย่าให้หลุมลึกงาบข้าไป
16ขอทรงตอบข้า โอ พระยาห์เวห์
เพราะความรักมั่นคงของพระองค์นั้นดีจริง
ขอทรงหันมาหาข้า ตามพระเมตตาที่ล้นเหลือของพระองค์
17ขอพระองค์อย่าทรงเมินเฉยต่อผู้รับใช้ของพระองค์
เพราะข้าเป็นทุกข์นัก ขอพระองค์ทรงตอบข้าโดยเร็ว
18ขอทรงเข้ามาใกล้วิญญาณจิตของข้า
และไถ่ข้าด้วย ขอพระองค์ทรงช่วยกู้เพราะศัตรูของข้า

คำทูลขอพระเจ้าจัดการกับศัตรู
19 พระองค์ทรงทราบถึงการที่ข้าถูกดูหมิ่น ความอับอาย
และการถูกเหยียดหยาม
พระองค์ทรงรู้จักปฏิปักษ์ทั้งสิ้นของข้า
20 การถูกดูหมิ่นทำให้ใจสลาย
ข้ามองหาความเห็นใจ แต่ไม่พบ
ข้ามองหาคนปลอบใจ แต่ก็ไม่เห็นใครสักคน
21พวกเขาให้อาหารที่มีพิษแก่ข้า
เมื่อข้ากระหายเขาก็ส่งเหล้าองุ่นเปรี้ยวให้ดื่ม

22ขอให้งานเลี้ยงที่เขาจัดไว้นั้นกลายเป็นกับดัก
ให้มันกลายเป็นกับดักสำหรับเขาและมิตรสหายของเขา
23ขอให้ดวงตาของพวกเขามืดไป เพื่อว่าจะมองไม่เห็น
และทำให้บั้นเอวของพวกเขาสะท้านต่อเนื่องไป
24ขอพระองค์ทรงเทพระพิโรธของพระองค์เหนือเขา
และขอให้พระพิโรธที่ร้อนแรงเผาผลาญพวกเขา
25ขอให้ค่ายพักของพวกเขากลายเป็นร้าง
ไม่มีใครสักคนอาศัยในเต็นท์เหล่านั้น
26เพราะพวกเขาข่มเหงคนที่พระองค์ทรงลงโทษไปแล้ว
และแพร่ข่าวความเจ็บปวดของคนที่พระองค์ทรงเฆี่ยนไปแล้ว
27 เป็นการเพิ่มโทษให้กับพวกเขาอีก
ขออย่าทรงให้พวกเขาได้รับการอภัยจากพระองค์เลย
28 ขอพระองค์ทรงลบชื่อพวกเขาออกจากหนังสือแห่งชีวิต
และอย่าให้เขามีรายชื่อพร้อมไปกับคนเที่ยงธรรม
29 ข้าทั้งเจ็บปวดและเป็นทุกข์
โอ พระเจ้า โปรดช่วยข้าให้รอด ปกป้องข้าไว้ด้วย

ฉลองชัยชนะ
30ข้าจะสรรเสริญพระนามของพระเจ้าด้วยการร้องเพลง
ข้าจะยกย่องพระองค์ด้วยการขอบพระคุณ
31 และสิ่งนี้จะเป็นที่พอพระทัยพระยาห์เวห์
ยิ่งกว่าการถวายวัวผู้หรือวัวหนุ่มพร้อมเขาและกีบ
32ให้คนที่ถ่อมตนได้เห็น และพวกเขาจะยินดี
คนที่แสวงหาพระเจ้า ขอให้ใจของท่านได้รับการรื้อฟื้นใหม่เถิด
33องค์พระยาห์เวห์ทรงฟังเสียงของคนที่ขัดสน
พระองค์ไม่ทรงดูหมิ่นคนของพระองค์ที่ถูกจองจำ

เชิญทั้งแผ่นดินและสวรรค์สรรเสริญพระเจ้า
34 โอ สวรรค์และแผ่นดินโลก
ทะเลและทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวในทะเล จงสรรเสริญพระองค์
35 เพราะพระเจ้าจะทรงช่วยศิโยนให้รอด
และจะทรงสร้างเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์ขึ้นมาใหม่
คนของพระองค์จะอาศัย ณ ที่นั้น
และได้เมืองเหล่านั้นเป็นกรรมสิทธิ์
36 ลูกหลานของผู้รับใช้ของพระองค์จะรับเมืองเหล่านั้นเป็นมรดก และคนที่ภักดีต่อพระองค์จะได้อาศัยในเมืองนั้น

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* โยบ 22:11; สดุดี 32:6, 42:7, 69:14

2*โยบ 30:19, สดุดี 18:4, 40:2

3*สดุดี 6:6, 38:10, 119:82; เฉลยธรรมบัญญัติ 28:32

4* ยอห์น 15:25; สดุดี 3:1; 35:7,11; เยเรมีย์ 15:10

5* สดุดี 38:5, 44:21

6* 2 ซามูเอล 12:14; สดุดี 59:5

7* สดุดี 4:2, 44:15; อิสยาห์ 49:7, 50:6; เยเรมีย์ 50:6

8* โยบ 19:13; สดุดี 31:11, 38:11

9* ยอห์น 2:17; โรม 15:3; สดุดี 89:41,50; 119:139

10*สดุดี 35:13, 69:11

11*วิวรณ์ 11:3; 1 พงศ์กษัตริย์ 9:7, 20:31; โยบ 16:5

12* ปฐมกาล 19:1; นางรูธ 4:1

13* 2 โครินธ์ 6:2; สดุดี 5:7; 32:6

14* 2 ซามูเอล 22:5; โยบ 30:19; สดุดี 40:2, 69:1

15* กันดารวิถี 16:33; 2 ซามูเอล 22:5; สดุดี 28:1, 69:1

16* สดุดี 25:16, 51:1, 63:3, 106:45

17* มัทธิว 6:8; สดุดี 22:24, 27:9; 31:9

18* 2 ซามูเอล 4:9, สดุดี 26:11,72:4, 119:134

19* สดุดี 4:2, 22:6, 31:11, 44:9

20* โยบ 16:2, สดุดี 142:4; อิสยาห์ 63:5; เยเรมีย์ 15:5

21* มัทธิว 21:34, 27:48; มาระโก 15:23,36; ลูกา 23:36; ยอห์น 19;28

22* โรม 11:9,10; 1 เธสะโลนิกา 5:3

23*โรม 11:10; อิสยาห์ 6;10, 29:10; ดาเนียล 5:6

24* สดุดี 79:6; เยเรมีย์ 10:25; เอเสเคียล 20:8

25* มัทธิว 23:38; ลูกา 13:35

26* 2 พงศาวดาร 28:9; โยบ 19:22; สดุดี 109:22

27*โรม 1:28; เนหะมีย์ 4:5; สดุดี 103:17; 109:14

28*ลูกา 10:20, 24:44; ฟีลิปปี 4:3; ฮีบรู 12:23

29* สดุดี 20:1, 59:1, 70:5

30* สดุดี 28:7, 34:3; 50:14

31* สดุดี 50:9,13,14; 51:16

32* สดุดี 22:26,34:2

33*สดุดี 12:5, 22:24; โยบ 36:5; เยเรมีย์ 20:13

34* สดุดี 96:11; 98:7; 1104:25

35* สดุดี 46:5; 51:18, 147:2

36* สดุดี 5:11; 25:13; 37:29

สดุดี 69:1-4 สภาพของวิกฤติที่ดาวิดเผชิญ
ความรู้สึกจาก 1-4 นี้ เราจะเห็นว่า ดาวิดกำลังรู้สึกว่าท่านกำลังจมน้ำลึก และกำลังจะตาย คำว่า เลนลึกหมายถึงความยากลำบากที่หนีเองไม่พ้น ท่านร้องทูลจนคอแห้งผาก จนแทบหมดกำลัง สิ่งที่ท่านเผชิญคือ ศัตรูมีจำนวนมากกว่าฝ่ายของท่าน สภาพของท่านตอนนี้คือ สู้จนอ่อนล้า ไม่มีกำลังเหลืออยู่
สดุดี 69:5-12 ดาวิดสารภาพบาป
ดาวิดรู้ตัวท่านเองว่า ท่านไม่ใช่คนที่ไร้ความผิด ท่านได้ทำบาปต่อพระเจ้าหลายครั้ง และพระเจ้าทรงทราบทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ท่านนำมาทูลขอคือ ขออย่าให้ใครสักคนที่เป็นคนของพระเจ้าต้องเสียศักดิ์ศรีเพราะบาปที่ท่านทำ
ท่านพบว่าพี่น้องก็เป็นเหมือนคนแปลกหน้า ผู้ปกครองที่ประตูเมืองก็เยาะเย้ย แม้กระทั่งคนเมาก็ยังเยาะท่าน ข้อ 9 เป็นความรู้สึกเดียวกับที่พระเยซูทรงมีอย่างชัดเจน

สดุดี 69:13-18 ทำผิดก็จริง แต่ขอหันมาหาพระเจ้า
แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางการมุ่งร้าย อยู่ในโคลนตม ในปัญหาที่ไม่อาจขึ้นมาได้เอง ดาวิดก็ยังร้องเรียกหาพระเจ้า ยังคงหวังพึ่งในความรักมั่นคงของพระองค์ ไม่ว่าสถานการณ์จะดูเลวร้ายสักเพียงไหน ที่พึ่งเดียวของท่านคือ พระเจ้า ท่านไม่หันเหไปหาความช่วยเหลือของใครนอกจากพระองค์เท่านั้น ไม่หยุดที่จะร่ำร้องคร่ำครวญขอ
สดุดี 69:19-29 คำทูลขอพระเจ้าจัดการกับศัตรู
ในข้อที่ 21 ก็เป็นความรู้สึกเดียวกับที่พระเยซูทรงเผชิญ ในขณะที่พระเยซูทรงขอพระเจ้าทรงอภัยให้ศัตรู แต่ดาวิดกำลังขอพระเจ้าทรงจัดการขั้นเด็ดขาดกับศัตรูของท่าน
สดุดี 69:30-33 ฉลองชัยชนะ
แล้วในความทุกข์ยาก ในยามที่อธิษฐานขอความช่วยเหลือ ดาวิดก็ขอบพระคุณพระเจ้า ทั้ง ๆที่ท่านยังขัดสน ยังรู้สึกถูกจองจำ แต่พระเจ้าของท่านยิ่งใหญ่กว่า ท่านจะขอบพระคุณ จะร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า เพราะท่านรู้ว่า คำขอของท่านไม่ได้ขอเปล่าแต่พระเจ้าทรงยินแล้ว
สดุดี 69:34-36 เชิญทั้งแผ่นดินและสวรรค์สรรเสริญพระเจ้า
กษัตริย์ดาวิดได้เรียกทั้งสวรรค์และโลก รวมทั้งทุกสิ่งในทะเลให้สรรเสริญพระเจ้า เพราะว่าพระองค์จะทรงช่วยศิโยน พระเจ้าจะทรงสร้างเมืองที่ถูกทำลายไปขึ้นมาใหม่ และให้ลูกหลานผู้รับใช้ของพระองค์รับมรดกเป็นเมืองเหล่านั้น
สดุดีบทนี้ ถูกอ้างถึงในพันธสัญญาใหม่หลายตอน และเกี่ยวข้องกับองค์พระเยซูคริสต์ด้วย

สดุดี 68 แด่พระเจ้าผู้ประทานชัยชนะ

ภาพจากpxhere.com

ถึงหัวหน้านักร้อง สดุดีโดยดาวิด บทเพลง
พระเจ้าทรงมีชัยชนะเหนือศัตรู

1 ขอพระเจ้าทรงลุกขึ้น
ขอให้ศัตรูของพระองค์กระเจิดกระเจิงไป
ให้คนที่ชังพระองค์ หนีหายไปจากพระพักตร์พระองค์
2 ควันถูกไล่พัดออกไปอย่างไร
ก็ขอพระองค์ทรงไล่พวกเขาออกไปอย่างนั้น
ขี้ผึ้งหลอมละลายหน้าเปลวไฟอย่างไร
ก็ขอให้คนที่ชั่วร้ายหายนะต่อพระพักตร์พระองค์อย่างนั้น
3 ขอให้คนเที่ยงธรรมได้ยินดี
และให้พวกเขาเบิกบานใจต่อพระพักตร์พระเจ้า
ให้พวกเขามีความปีติร่าเริง

ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าแห่งชัยชนะ

4 จงร้องเพลงถวายพระเจ้า
ร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์
จงยกย่องพระองค์ผู้มาพร้อมกับหมู่เมฆด้วยเสียงเพลง
พระนามของพระองค์คือ พระยาห์เวห์

จงชื่นชมยินดีต่อพระพักตร์พระองค์
5 พระเจ้าทรงอยู่ในที่ประทับอันบริสุทธิ์ของพระองค์
ทรงเป็นพระบิดาของผู้กำพร้าพ่อ ทรงเป็นผู้ปกป้องหญิงม่าย
6 พระองค์ทรงทำให้คนที่โดดเดี่ยวได้เข้ามาอยู่ในครอบครัว
ทรงนำผู้ที่ถูกจำจองออกมาพร้อมกับเสียงเพลง
แต่คนที่ดึงดันต้องใช้ชีวิตในดินแดนที่แร้นแค้น

ระลึกถึงวันที่อยู่ในถิ่นกันดาร
7 โอ พระเจ้า ยามที่พระองค์ทรงนำหน้าประชากรของพระองค์
ยามที่ทรงก้าวไปในที่ร้าง ถิ่นกันดาร เซลาห์
8 แผ่นดินก็สะเทือน ท้องฟ้าเทฝนลงมา
ต่อพระพักตร์พระองค์ ผู้เป็นพระเจ้าแห่งภูเขาซีนาย
ต่อพระพักตร์พระองค์ ผู้เป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอล
9 โอ พระเจ้า พระองค์โปรดให้ฝนโปรยชุ่มชื่น
ลงมายังแผ่นดินที่แห้งแล้ง
ทรงทำให้ผืนดินชุ่มน้ำมีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่
10 โอ พระเจ้า คนของพระองค์ได้มาอาศัยที่นั่น
พระองค์ทรงจัดเตรียมให้กับผู้ที่ยากไร้ เพราะพระองค์ทรงดียิ่งนัก

พระเจ้าทรงชนะเหนือกษัตริย์ทั้งหลาย
11 พระยาห์เวห์ตรัสถ้อยคำออกมา
พวกผู้หญิงที่ประกาศข่าวดีนั้นมีมากเป็นกลุ่มใหญ่
12 เหล่ากษัตริย์ และกองทัพแตกพ่ายหนีไป
พวกผู้หญิงในบ้าน ก็พากันแบ่งของที่ริบมาได้
13 ในขณะที่ท่านนอนอยู่ท่ามกลางฝูงแกะนั้น
ปีกของนกพิราบถูกปกคลุมด้วยเงิน ขนของมันเป็นทองคำแวววาว
14 เมื่อองค์ผู้ทรงฤทธิ์ทำให้กษัตริย์ในแผ่นดินนั้น
กระจัดกระจายไป ขาวโพลนราวกับหิมะตกลงบนภูเขาศัลโมน

ชัยชนะบนยอดเขาทั้งหลาย
15 ภูเขาของพระเจ้าเอ๋ย ภูเขาแห่งบาชาน
ยอดเขาที่ลดหลั่นตลอดเทือกเขาแห่งบาชาน
16 ยอดภูเขาทั้งหลายเอ๋ย
เหตุใดจึงจ้องดูภูเขาลูกที่พระเจ้าทรงเลือกเป็นที่ประทับ
ด้วยความริษยาเล่า?
17 พระเจ้าทรงมีรถศึกนับหมื่น หรืออาจเป็นแสนเป็นล้านคัน
พระยาห์เวห์เสด็จมาจากภูเขาซีนาย เข้าสู่สถานอันบริสุทธิ์
18 พระองค์ได้เสด็จขึ้นสู่ที่สูง ทรงนำเชลยจำนวนมากขึ้นไปด้วย พระองค์ทรงรับเครื่องถวายจากมนุษย์
แม้กระทั่งจากคนที่มักกบฎ
เป็นความจริงที่พระยาห์เวห์ทรงอยู่ที่นั่น


พระเจ้าทรงช่วยในการศึกให้ชนะเหนือศัตรู
19 ขอถวายสรรเสริญแด่องค์เจ้านาย
ผู้ทรงแบกภาระของเราทุกวัน
พระเจ้าผู้ทรงเป็นความรอดของเรา เซ ลาห์
20 พระเจ้าของเรา ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรอด
การหนีพ้นจากความตายได้นั้น
ก็เป็นได้โดยพระยาห์เวห์ องค์เจ้านาย
21แน่ที่เดียวที่พระเจ้าจะทรงบดขยี้กระโหลกของศัตรูของพระองค์ คือจัดการทุบหัวยุ่งเหยิงของคนที่ดำเนินในความบาป
22 องค์เจ้านายตรัสว่า “เราจะนำพวกเขากลับมาจากบาชาน เราจะนำพวกเขากลับมาจากที่ลึกในท้องทะเล
23 เพื่อว่าเจ้าจะได้เอาเท้าย่ำลงไปในเลือด เพื่อลิ้นของสุนัขเลี้ยงของเจ้าจะได้รับส่วนแบ่งจากศัตรู”

ขบวนแห่หีบพันธสัญญา
24 เราได้เห็นขบวนแห่ของพระองค์
โอ พระเจ้าเป็นขบวนแห่ของพระเจ้าของข้า
เข้าไปในสถานที่บริสุทธิ์ องค์ราชาของข้า
25 กลุ่มนักร้องนำหน้าไป นักดนตรีตามหลังมา
ส่วนหญิงสาวที่เล่นรำมะนาก็อยู่ตรงกลาง
26 จงถวายพระพรแด่พระเจ้าคือพระยาห์เวห์ในที่ประชุมใหญ่
ท่านทั้งหลายผู้สืบเชื้อสายจากอิสราเอล
27 เบนยามินซึ่งเป็นเผ่าเล็กที่สุดได้นำหน้าพวกเขาไป
ยังมีเจ้านายแห่งยูดาห์ตามมาเป็นกลุ่มใหญ่
รวมไปถึงเจ้านายแห่งเศบูลุน และนัฟทาลี

ขอพระเจ้าทรงปรามศัตรู
28 โอ พระเจ้า ขอทรงเรียกฤทธิ์เดชของพระองค์มา
โอพระเจ้า เพราะทรงใช้ฤทธิ์เดชนั้นทำการเพื่อข้าทั้งหลาย
29ขณะที่พระองค์ทรงดำเนินออกจากพระวิหารในเยรูซาเล็ม
เหล่ากษัตริย์ทั้งหลายได้นำเครื่องบรรณาการมาถวายแด่พระองค์
30 ขอพระองค์ทรงติเตือนสัตว์ป่าที่อาศัยในดงอ้อ
ฝูงกระทิงท่ามกลางหมู่ลูกกระทิงของชาติต่าง ๆ
ขอทรงย่ำเหล่าคนที่กระหายใคร่จะได้เครื่องบรรณาการ
ขอทรงทำให้พวกที่ใฝ่หาสงครามต้องกระจัดกระจายไป
31 ผู้สูงศักดิ์จะมาจากอียิปต์
ชาวคูชจะยกมือของพวกเขาแด่พระเจ้า

ชาติต่าง ๆ ในโลกจะสรรเสริญพระเจ้าแห่งอิสราเอล
32 โอ อาณาจักรของแผ่นดินโลก
จงร้องเพลงถวายพระเจ้า
จงร้องเพลงสรรเสริญแด่องค์เจ้านาย เซ ลาห์
33 แด่พระองค์ ผู้ทรงล่องไปในฟ้าสวรรค์มาตั้งแต่โบราณกาล
ดูเถิด พระองค์ทรงเปล่งพระสุรเสียงกึกก้องทรงฤทธิ์
34 จงป่าวร้องว่า พระเจ้าทรงฤทธิ์ ทรงยิ่งใหญ่สูงสุดเหนืออิสราเอล ฤทธานุภาพของพระองค์ปรากฏในท้องฟ้า
35 พระเจ้าจากที่ประทับของพระองค์ทรงน่าเกรงขามยิ่งนัก
พระเจ้าแห่งอิสราเอล
พระองค์คือผู้ที่ประทานฤทธิ์และกำลังแก่คนของพระองค์
ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า

พระคำเชื่อมโยง

1* กันดารวิถี 10:35; อิสยาห์ 51:9-10; สดุดี 44:26

2*มีคาห์ 1:4; สดุดี 37:20; โฮเชยา 13:3; อิสยาห์ 9:18

3* สดุดี 64:10, 100:1-2; วิวรณ์​ 19:7; 18:20

4* สดุดี 68:33, 66:4,18:10; เฉลยธรรมบัญญัติ 33:26; อิสยาห์ 12:4-6

5* สดุดี 10:14; เฉลยธรรมบัญญัติ 10:18; เยเรมีย์ 49:11; สดุดี 82:3-4

6* สดุดี 113:9; 107:10;69:33; อิสยาห์ 61:1

7*อพยพ 13:21; ผู้วินิจฉัย 5:4; 4:14; ฮาบากุก 3:12-13

8* อพยพ 19:16, 18; อิสยาห์ 45:3; ผู้วินิจฉัย 5:4-5

9* เอเสเคียล 34:26; สดุดี 78:24-27; 65:9-13; 77:16-17

10*สดุดี 74:19, 78:20; 1 เปโตร 5:3; มัทธิว 11:5

11*อพยพ 15:20, 17:9-16

12*โยชูวา 5:19,12:7-24; 1 ซามูเอล 30:24

13* สดุดี 105:37; ปฐมกาล 49:14; วิวรณ์ 1:5-6

14* อิสยาห์ 1:18; สดุดี 51:7

15* สดุดี 36:6; 68:16

16*อพยพ 15:17; เฉลยธรรมบัญญัติ 12:5; สดุดี 74:2, 78:54; 87:1

17* เฉลยธรรมบัญญัติ 33:2; 2 พงศ์กษัตริย์ 6:17; อิสยาห์ 66:15

18* เอเฟซัส 4:8; ผู้วินิจฉัย 5:12; สดุดี 7:7 ; 47:5

19* อพยพ 18:10; สดุดี 55:22, 65:5; อิสยาห์ 17:10, 46:4

20* อิสยาห์ 18:10; เฉลยธรรมบัญญัติ 32:39; สดุดี 49:15, 56:13

21* สดุดี 110:6; อาโมส 9:1; ฮาบากุก 3:13

22* กันดารวิถี 21:33 ; อาโมส 9:1

23* 1 พงศ์กษัตริย์ 21:19; สดุดี 58:10; เยเรมีย์ 15:3

24* สดุดี 63:2, 77:13; อิสยาห์ 38:20

25* อพยพ 15:20; ผู้วินิจฉัย 11:34; 1 ซามูเอล 18:6; 1 พงศาวดาร 13:8, 15:6

26* เฉลยธรรมบัญญัติ 33:28; สดุดี 22:22-23, 26:12, 145:10

27* กันดารวิถี 2:22, 34:21; ผู้วินิจฉัย 5:14,18; 1 ซามูเอล 9:21

28* สดุดี 29:11, 44:4; อิสยาห์ 26:12

29* 1 พงศ์กษัตริย์ 10:10,25; 2 พงศาวดาร 9:14, 32:23; สดุดี 45:12

30* โยบ 40:21; สดุดี 18:14; 22:12, 89:10

31*กิจการ 8:27; สดุดี 87:4; อิสยาห์ 18:7,19:19

32* สดุดี 67:4,102:22

33* เฉลยธรรมบัญญัติ 10:14,33:26; 1 พงศ์กษัตริย์ 8:27; สดุดี 18:10, 29:4

34* เฉลยธรรมบัญญัติ 33:26,29; สดุดี 29:1, 150:1

35* 2 โครินธ์ 1;3;ปฐมกาล 28:17; เฉลยธรรมบัญญัติ 7:21, 10:17

สดุดี 68:1-3 พระเจ้าทรงมีชัยชนะเหนือศัตรู
ดูเหมือนว่า กษัตริย์ดาวิดได้เขียนบทสดุดีนี้เมื่อท่านมีชัยชนะในการศึก ครั้งใดที่อิสราเอลชนะ บทสดุดีนี้จะเป็นบทนำช่วยให้เขาร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ท่านได้ใช้คำเดียวกับในกันดารวิถี 10:35 ที่โมเสสเคยกล่าวไว้ ทั้งสองคือดาวิดและโมเสส ต่างมั่นใจในพระเจ้า และเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงช่วยคนของพระองค์
ท่านเปรียบศัตรูกับควัน และขี้ผึ้ง ท่านมองว่า ศัตรูควรจะพินาศไปอย่างรวดเร็ว ง่าย ๆ แบบนั้น เราอาจไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าแล้ว มันจะง่าย ดังนั้นเมื่อเราต้องเจอกับอุปสรรคที่เป็นศัตรูเราก็ควรจะมาหาพระคำข้อนี้แน่นอนเมื่อศัตรูพ่ายแพ้ไป เราก็จะยินดีในพระเจ้ามาก ๆ

สดุดี 68:4-6 ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าแห่งชัยชนะ
เมื่อดาวิดกล่าวย้ำให้ร้องเพลงสรรเสริญ ท่านก็อธิบายด้วยว่า พระองค์ผู้ทรงพระนามว่า ยาห์เวห์ คือผู้ใด ประทับที่ใด เป็นพระบิดาของใคร ทรงดีต่อคนที่โดดเดี่ยวและผู้ถูกจำจองอย่างไร
เราต้องเข้าใจว่า ชีวิตของทุกคนมีโอกาสอยู่ในสภาพดังกล่าวได้ การโดดเดี่ยวและจำจองมีความหมายได้มากมาย การถูกจำจองด้วยคำมุสา ด้วยหนี้สิน ด้วยปัญหาต่าง ๆ การโดดเดี่ยวเพราะมาเชื่อในพระองค์ ฯลฯ เมื่อเรามองสดุดีนี้ด้วยสายตาของดาวิด แล้วหันมามองด้วยสายตาคนยุคใหม่ ดูแล้วก็ไม่ได้ต่างกันเลย

สดุดี 68:7-10 ระลึกถึงวันที่อยู่ในถิ่นกันดาร
กษัตริย์ดาวิดหวนคิดไปถึงวันที่พระเจ้าทรงช่วยคนอิสราเอลยามที่ทรงนำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ ในที่ ๆ แห้งแล้ง คนจำนวนมากเดินทางไปด้วยกัน พระเจ้าทรงเทฝนให้ชื่นใจ ทำให้ดินแดนที่เขาผ่านไปนั้นมีพืชพันธุ์เกิดขึ้น

สดุดี 68:11-14 พระเจ้าทรงชนะเหนือกษัตริย์ทั้งหลาย
ก่อนที่จะจบศึก พระเจ้าทรงประกาศว่า อิสราเอลจะได้ชัยชนะ ภูเขาซัลโมนนั้น เป็นอีกชื่อของภูเขาอีบาลซึ่งอยู่ตรงกลางของอิสราเอล แถว ๆ เชเคม ไม่ได้เป็นภูเขาสูงนัก ซัลโมน มีความหายว่า ผู้ที่มืด
ในช่วงเวลาที่เขานอนอยู่ในหมู่ฝูงแกะ ดูช่วงที่ไม่ไหวแล้ว เป็นช่วงที่อ่อนแอ แต่พระเจ้าก็ยังทรงต่อสู้เพื่อพวกเขา กษัตริย์ของฝ่ายศัตรูพ่ายแพ้ไปราวกับหิมะ นกพิราบตรงนี้มีความหมายถึงอิสราเอล.

สดุดี 68:15-18 ชัยชนะบนยอดเขาทั้งหลาย
พระเจ้าได้ทรงเลือกภูเขาศิโยนเป็นที่ประทับของพระองค์ ทำให้ภูเขาต่าง ๆ ในบาชานอิจฉา เพราะพระองค์ทรงเลือกที่จะครอบครองในศิโยนเป็นนิตย์. เมื่อดาวิดนำขบวนแห่หีบพันธสัญญาเข้าไปนั้น ดูเหมือนว่า ในโลกฝ่ายวิญญาณ มีภาพรถศึกของพระเจ้าอยู่ในขบวนแห่นั้นด้วย

สดุดี 68:19-23 พระเจ้าทรงช่วยในการศึกให้ชนะเหนือศัตรู
ก่อนหน้านี้กษัตริย์ดาวิดได้กล่าวถึงการที่พระเจ้าทรงช่วยในอดีต ต่อไปนี้ท่านจะกล่าวถึงความช่วยเหลือในปัจจุบัน ท่านกล่าวว่า พระเจ้าทรงแบกภาระของเราทุกวัน นี่คือการช่วยเหลือ การค้ำจุนประจำวันของพระเจ้าที่มีต่อพวกเราด้วย. และเราจะพ้นจากความตายฝ่ายวิญญาณไปได้ก็โดยพระองค์
สิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาต่อไป นำศัตรูกลับมาให้อิสราเอลย่ำนั้น เป็นภาพที่สุดโหดจริง ๆ

สดุดี 68:24-27ขบวนแห่หีบพันธสัญญา
แล้วกษัตริย์ดาวิดก็คิดถึงการแห่นำหีบพันธสัญญาเข้าไปยังพระวิหารในเยรูซาเล็ม ทั้งเผ่าเล็ก และเผ่าใหญ่ต่างพากันสรรเสริญพระเจ้าด้วยกัน และต่างก็อยู่ในขบวนที่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้านี้

สดุดี 68:28-31 ขอพระเจ้าทรงปรามศัตรู
กษัตริย์ดาวิดทูลขอพระเจ้าทรงช่วยท่านด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์ และขอทรงปรามศัตรูที่โอหังทั้งหลาย
สัตว์ป่าที่อาศัยในดงอ้อ มีความหมายถึงอียิปต์ และฝูงกระทิงท่ามกลางหมู่ลูกกระทิงของชาติต่าง ๆ ก็คือกษัตริย์ที่แข็งแรงซึ่งอยู่รอบ ๆ ชาติที่อ่อนแอกว่า พระเจ้าจะทรงทำให้ชนชาติที่ใฝ่แต่สงครามกระจัดกระจายไป

สดุดี 68:32-35 ชาติต่าง ๆ ในโลกจะสรรเสริญพระเจ้าแห่งอิสราเอล
มาถึงช่วงนี้ กษัตริย์ดาวิดตระหนักแน่ชัดว่า พระเจ้าทรงชนะ ท่านได้เชิญชวนชาติต่าง ๆ ให้มาสรรเสริญพระเจ้าด้วยกัน การที่กล่าวว่า พระเจ้าทรงล่องในฟ้าสวรรค์มาตั้งแต่โบราณกาล มีความหมายรวมไปถึงอนาคตด้วย เพราะในภาษาเดิมใช้คำว่า โอลาม แปลว่า นิรันดร์กาล พระเจ้าทรงเปิดเผยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ในฟ้าสวรรค์มาตั้งแต่มีโลกจนบัดนี้
ทรงเปล่งพระสุรเสียงกึกก้องทรงฤทธิ์.. ในบริบทนี้มีความหมายถึงทั้งฟ้าร้องตามมาด้วยฝน
และประโยคสุดท้ายก็เป็นคำแห่งกำลังใจที่สุด พระองค์ประทานฤทธิ์และกำลังให้กับผู้เชื่อในพระองค์!
อย่าลืมว่า กำลังแท้จริงของเรามาจากพระเจ้า

สดุดี 67 ให้ทั้งโลกสรรเสริญพระเจ้า

ถึงหัวหน้านักร้อง บรรเลงเครื่องสาย บทสดุดี บทเพลง
ขอพระพรพระเจ้า
1 ขอพระเจ้าทรงเมตตาและอวยพรเราทั้งหลาย
ขอพระพักตร์ทอแสงส่องมายังเราทั้งหลาย
2 เพื่อคนทั้งโลกจะได้รู้จักทางของพระองค์
และชาติต่าง ๆ จะรู้ถึงความรอดพ้นบาปที่มาจากพระองค์


สิ่งที่ปรารถนาอย่างยิ่ง
3 โอ พระเจ้าข้า ขอให้ชาติต่าง ๆ สรรเสริญพระองค์
ให้ชนชาติทั่วโลกได้สรรเสริญพระองค์
4 ขอให้ชาติต่าง ๆ ปีติยินดี เปล่งเสียงร้องเพลงด้วยความชื่นบาน เพราะพระองค์ทรงตัดสินชนชาติเหล่านั้นด้วยความเที่ยงธรรมพระองค์ทรงนำชาติทั้งหลายในโลกนี้ เซ ลาห์
5 โอ พระเจ้า ขอให้ชนชาติทั้งหลายสรรเสริญพระองค์
ให้ชนชาติทั่วโลกสรรเสริญพระองค์​

ผลที่ตามมา
6 แล้วแผ่นดินจะเกิดผล และพระเจ้า
พระเจ้าของเราจะทรงอวยพรพวกเรา
7 ขอพระเจ้าทรงอวยพรพวกเราต่อไป
ขอให้คนทั่วสุดปลายแผ่นดินโลกได้ยำเกรงพระองค์

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1*สดุดี 4:6; 2,119:135; โครินธ์​ 4:6;

2* ทิตัส 3:6; สดุดี 98:2-3; ลูกา 3:6

3* สดุดี 74:21; 67:5; 119:175

4* สดุดี 98:9; อิสยาห์ 24:14-16; 42:10-12

5*สดุดี 67:3; มัทธิว 6:9-10

6* เลวีนิติ 26:4; เยเรมีย์ 31:33; 1 โครินธ์ 3:6-9

7*สดุดี 22:27; กิจการ13:26; อิสยาห์ 45:22

สดุดี 67:1-2 ขอพระพรพระเจ้า
เป็นคำทูลขอเพื่อคนทั้งโลกที่รวดเร็ว รวบรัดได้ใจความแบบคนสมัยใหม่อย่างที่ไม่ได้สังเกตมาก่อน เป็นคำขอแบบเดียวกับคำอวยพรที่มาจากกันดารวิถี 6:24-26 ซึ่งเป็นคำที่ปุโรหิตจะอวยพระประชาชนอิสราเอล
ผู้เขียนได้ทูลขอให้พระเจ้าทรงเมตตาและอวยพระพร เป้าหมายของท่านคือ เพื่อคนทั้งโลกจะได้รู้จักความรอดเมื่อพวกเขาเห็นพระพรนี้ เมื่อพระพรที่ได้กลายเป็นพระพรที่ส่งต่อไปเหมือนกับที่พระเจ้าทรงอวยพระพรท่านอับราม
สดุดี 67:3-5 สิ่งที่ปรารถนาอย่างยิ่ง
ผู้เขียนอธิษฐานขอให้ชนทั่วโลกสรรเสริญพระเจ้า ทั้ง ๆ ที่เขาไม่รู้เลยว่า เขากำลังอธิษฐานในสิ่งที่เกิดขึ้นจริงแล้วในยุคนี้ เพราะพระเจ้าไม่ได้จำกัดพระองค์ในหมู่คนอิสราเอล แต่พระเจ้าทรงส่งผู้เชื่อออกไปประกาศพระนามทั่วโลก ชนชาติต่าง ๆ ในโลกกำลังสรรเสริญพระเจ้า จากที่อาทิตย์ขึ้นจนถึงอาทิตย์ตก ซึ่งเป็นไปได้เพราะพระเยซูคริสต์ที่ได้สิ้นพระชนม์เพื่อเราทั้งหลาย
สดุดี 67:6-7 ผลที่ตามมา
ผู้เขียนได้ขอให้พระเจ้าทรงอวยพระพรต่อไป จนคนที่สุดปลายแผ่นดินจะได้สรรเสริญพระองค์ นั่นก็หมายถึงคนที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์ ยังอาจเป็นคนที่ไม่ได้แตะพระกิตติคุณของพระเจ้าเลย .. เราทุกคนมีหน้าที่บอกต่อเพื่อให้พระพรไปยังคนทั้งโลก