โฮเชยา 14 กลับใจเสียเถอะ!

เขาจะผลิดอกราวดอกพลับพลึง และหยั่งรากลงเหมือนต้นซีดาร์แห่งเลบานอน

เรียกให้กลับใจจริงจัง
1 โอ อิสราเอล
จงกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าเถิด
เพราะเจ้าสะดุดเนื่องจากความบาปชั่วของเจ้า!
2 จงนำคำแห่งการกลับใจ
กลับมาหาพระยาห์เวห์ ทูลพระองค์ว่า
“ขอพระองค์ทรงอภัยบาปทั้งสิ้นของเรา
และขอทรงเมตตารับพวกเรา
เพื่อว่า เราทั้งหลายจะถวายคำสรรเสริญ
จากปากของพวกเราตอบแทนพระคุณ
พระองค์แทนสัตวบูชา”
3 อัสซีเรียไม่อาจช่วยเราได้
เราจะไม่พึ่งม้าศึก เราจะไม่กล่าวกับ
สิ่งที่เราทำขึ้นจากมือของเราว่า
“พระเจ้าของเรา!”อีกต่อไป 
เพราะว่า ลูกกำพร้าพ่อ
จะได้รับความเมตตาสงสารจากพระองค์”


เรียกให้กลับใจจริงจัง
คำขอให้กลับใจ ได้รับการตอบกลับอย่างไร?
จากข้อก่อนในบทที่ 13 เราจะเห็นผลของการดื้อดึงต่อพระเจ้า ผลของการที่ไม่กลับใจ หากคน ๆ หนึ่งรักครอบครัวของเขา เขาน่าจะคิดกลับใจ
14:1 คำขอร้องก่อนจะจบ: โฮเชยาขอให้คนอิสราเอลทางเหนือกลับมาหาพระเจ้า  ที่พวกเขาไปต่อไม่ได้ เพราะพวกเขาทำผิดต่อพระเจ้า

14:2 ตอนนั้นพวกเขาไม่มีพระวิหาร ดังนั้น พระเจ้าทรงให้เขานำคำไปด้วย คำแห่งการกลับใจ พวกเขาจะขอพระเจ้าทรงอภัย พวกเขาจะรับรู้ความชั่วช้าของตนเอง   จะมีการระลึกถึงพระคุณของพระเจ้า และแสดงความกตัญญูด้วยการถวายคำสรรเสริญออกมาจากปาก ซึ่งมีความหมาย และความจริงใจยิ่งกว่า สัตวบูชาเสียอีก

14:3 โฮเชยาเชื่อว่า อิสราเอลจะได้รับความเมตตาจากพระเจ้าอีกครั้ง  เมื่อพวกเขาไม่เชื่อในอัสซีเรียหรือในรูปเคารพ เมื่อเขาหันมาหาพระเจ้าอย่างไม่อาลัยในรูปปั้นอีกต่อไป คำว่า “ลูกกำพร้าพ่อ” คืออิสราเอลนั่นเอง


พระสัญญาแห่งพระพร
4 “เราจะรักษาอาการไร้ความเชื่อของพวกเขา
เราจะรักพวกเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เพราะความโกรธของเราได้หันไปจากพวกเขาแล้ว
5 เราจะเป็นดั่งน้ำค้างให้แก่อิสราเอล เขาจะผลิดอกราวดอกพลับพลึง และหยั่งรากลงเหมือนต้นซีดาร์แห่งเลบานอน

พระสัญญาแห่งพระพร
14:4 การไร้ความเชื่อ (การหลงไปจากทางของพระเจ้า) เป็นอาการที่เหมือนกับบาปเป็นโรคร้ายชนิดหนึ่งที่ต้องการผู้ช่วยบำบัดรักษา  และมีผู้เดียวที่ทำให้ได้คือพระเจ้า  พระเจ้าที่ทรงหยุดโกรธ ถ้าพระองค์ไม่ได้เป็นพระเจ้าที่ทรงอดทนนาน อิสราเอลก็คงไม่เหลือมาถึงทุกวันนี้แล้ว
เยเรมีย์ 3:22 บุตรที่กลับสัตย์จงกลับมา เราจะรักษาความอสัตย์ของเจ้าให้หาย 
โฮเชยา 6:1 
เราจำเป็นต้องกลับมาหาพระเจ้า เพื่อพระเจ้าจะทรงทำสิ่งดีอย่างนี้ให้เรา 

14:5 พระเจ้าจะทรงเป็นน้ำค้างคือที่มาของการเติบโตของพืช  พระเจ้าจะทรงช่วยให้เขาหยั่งรากลงไป 
สดุดี 104:16 ต้นไม้ของพระเจ้าที่ทรงปลูกไว้ได้อิ่ม..สนซีดาร์แห่งเลบานอน

เขาจะเป็นพระพร 
6 กิ่งก้านใหม่ของเขาจะแผ่ออกไป
เขาจะงดงามราวต้นมะกอก
จะส่งกลิ่นหอมเหมือนป่าแห่งเลบานอน 
7 ผู้คนจะกลับมาและอาศัยในร่มเงาของเขา
พวกเขาจะปลูกข้าวอีก
และจะผลิบานราวกับเถาองุ่น
จะมีชื่อเสียงลือเลื่องราวกับเหล้าองุ่นแห่งเลบานอน 

เขาจะเป็นพระพร 
14:6-7 เมื่อกล่าวถึงมะกอก ก็เท่ากับกล่าวถึงความอุดมสมบูรณ์ที่จะเกิดขึ้น  ต้นมะกอก จะมีอายุนานเป็นพันปีได้เลย  สดุดี 58:6 ข้าเป็นเหมือนมะกอกเขียวสดในพระนิเวศของพระเจ้า  พระเจ้าไม่ได้ให้สิ่งที่งดงามชั่วเวลาสั้น ๆ แต่เป็นเวลานานชั่วชีวิต ความงดงามไม่พอ พระเจ้ายังให้ส่งกลิ่นหอมอีกด้วย
การกลับใจทำให้เราเชื่อฟังพระเจ้า … และพระเจ้าประทานสิ่งที่งดงามให้ชีวิตของเรา และจะดีขึ้นไปเรื่อย ๆ 

8 โอ เอฟราอิม เราจะต้องทำอะไรกับรูปเคารพอีกเล่า?
เราเป็นผู้ที่ตอบเขาและเฝ้าดูแลเขา
 เราเป็นเหมือนต้นสนที่เขียวขจี
เจ้าจะมีผลดกก็เพราะเรา
 

คำหนุนใจ
9 ใครที่มีปัญญา ก็ให้เขาเข้าใจสิ่งเหล่านี้
ใครที่มีวิจารณญาณ? ผู้นั้นจะตระหนักสิ่งเหล่านี้ 
เพราะทางของพระเจ้าถูกต้อง 
และคนเที่ยงธรรมจะเดินในทางนั้น
แต่คนที่กบฎดื้อดึงกลับสะดุดในทางนั้น

14:8 อิสยาห์ 30:22 เจ้าจะทำลายรูปเคารพ บอกให้มันไปให้พ้น
โฮเชยา 2:8 เราคือผู้ที่ให้เมล็ดข้าว เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันแก่เธอเอง

จะไปยุ่งอะไรกับรูปเคารพ… เพื่ออะไรกัน
เพราะว่า พระเจ้าเท่านั้น ทรงตอบความต้องการของพวกเขา ทรงดูแลเขา พวกเขาคิดว่า ผลมาจากตัวเอง แต่เราต้องรู้ว่า เราจะผลดกได้เพราะพระเจ้า

คำหนุนใจ
14:9 เท่าที่เราอ่านโฮเชยามา จะเห็นว่า พระเจ้าทรงใช้ภาษาเปรียบเทียบ เรื่องราวเปรียบเทียบ อย่างเช่นการแต่งงาน ชื่อของลูก ๆ โฮเชยาที่มีความหมายเล็งถึงอิสราเอล ผู้อ่านจึงต้องมีสติปัญญาเพื่อที่จะเข้าใจความหมาย และเป้าหมายของพระเจ้าผ่านโฮเชยา
คนที่มาอ่านหนังสือนี้ในรุ่นอย่างเรา ๆ ไม่ได้เห็นเรื่องจริงด้วยตา แต่รับรู้จากการบันทึก จึงต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้าที่จะเข้าใจเรื่องทั้งหมดอย่างถ่องแท้ และต้องรู้ด้วยว่า ข้อใด ตรงไหน เป็นคำเพื่อจะเกิดผลใน ชีวิตของเราเอง

การจบหนังสือโฮเชยานี้แตกต่างจากเล่มอื่น ๆ เพราะเป็นการขอให้คนมีปัญญาได้สังเกตและเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และผลที่พระเจ้าทรงพระประสงค์
คนมีปัญญาแตกต่างจากคนที่ขาดความหยั่งรู้  ใน 4:14 เมื่อมีปัญญาจะเข้าใจสิ่งที่พระเจ้าตรัส แต่ขาดปัญญาก็จะพบหายนะทั้งหมดที่ผ่านมาพระเจ้าตรัสกับอิสราเอลทุกคน แต่เวลานี้พระองค์ตรัสให้แต่ละคนที่มีปัญญาได้ตอบสนองอย่างถูกต้อง  คนที่ฟังพระเจ้าจะรอด เพราะเขาได้ฉวยพระคุณ ของพระเจ้าไว้
ดาเนียล 12:10 คนอธรรมไม่เข้าใจแต่คนฉลาดจะเข้าใจ
( คนที่มองในโลก และมองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า และเราจะเข้าใจว่า ขั้นแรกของการที่จะไม่หายนะ ก็คือ ต้องมีการกลับใจเกิดขึ้นเท่านั้น)
คนเที่ยงธรรมเดินในทางของพระเจ้า .. ถูกต้อง และ มองขึ้นเป็นด้วยความเกรงกลัวพระเจ้า เขามองเห็นภาพที่แตกต่างออกไป เข้าใจไม่เหมือนอย่างเดิมอีกต่อไป คนที่ เข้าใจสิ่งที่พระเจ้าตรัส  จะตัดสินอะไรอย่างถูกต้อง แต่คนที่ดื้อ สะดุดเป็นประจำจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต  

พระคำเชื่อมโยง

1* โยเอล 2:13
2*  ฮีบรู 13:15
3* โฮเชยา 7:11; 10:13; 12:1 สดุดี 33:17; 10:14; 68:5
4* เยเรมีย์ 14:7; เอเฟซัส 1:6

5* สุภาษิต 19:2
6* สดุดี 52:8; 128:3; ปฐมกาล 27:27
7* ดาเนียล 4:12
8* ยอห์น 15:4
9* สุภาษิต 10:29

บรรณานุกรม สำหรับหนังสือโฮเชยา
Constable’s Note ใน Netbible.org
Enduringword.com
Netbible.org
Smith, Gary V. and Hill, Andrew E., ‘Commentary on the Minor Prophets’,
Baker Publishing group, Grand Rapids, 2012.

โฮเชยา 13 พระพิโรธ!

อิสราเอลหลงใหลเทวรูปอย่างมาก
1 เมื่อเอฟราอิมพูดขึ้นมา ผู้คนก็ตัวสั่นเทา
เขาเป็นที่ยกย่องในอิสราเอล
แต่เขามีความผิดเพราะกราบไหว้บาอัล
แล้วเขาก็สิ้นชีวิต
2  บัดนี้ พวกเขายังทำบาปต่อเนื่อง
และสร้างเทวรูปหล่ออย่างชำนาญจากแร่เงิน
เป็นผลงานของช่างฝีมือ 
ผู้คนกล่าวถึงพวกเขาว่า
“พวกเขาถวายมนุษย์เป็นเครื่องบูชา
แล้วยังจูบเทวรูปลูกวัวด้วย”
3 ดังนั้น พวกเขาจะเป็นเหมือนหมอกยามเช้า 
เป็นเหมือนน้ำค้างยามเช้าที่ระเหยไป
เหมือนกับแกลบที่ปลิวจากลานนวดข้าว 
หรือเหมือนควันที่ลอยออกมาจากหน้าต่าง 

อิสราเอลหลงใหลเทวรูปอย่างมาก
13:1 เมื่อก่อนอิสราเอลเป็นที่นับถือ ใครก็ยกย่อง ทั้งเหนือและใต้มองว่าพวกเขาเป็นผู้นำชาติ ยาโคบเองเคยพยากรณ์ว่า เอฟราอิมจะเป็นผู้นำ (ปฐมกาล 48:13-20) กษัตริย์องค์แรกก็มาจากเผ่าเอฟราอิม  แต่พวกเขากลับตัดสินใจและนำประชาชนไปกราบไหว้สิ่งที่มือของเขาทำขึ้นมา เขาจึงตายฝ่ายวิญญาณ และตายทั้งชาติ แต่พวกเขากลับไปกราบไหว้สิ่งที่มือของเขาทำขึ้นมา เขาจึงตายฝ่ายวิญญาณ และตายทั้งชาติ

13:2 นอกจากสร้างรูปปั้นขึ้นมา ยังเอาลูกหลานไปบูชายัญอีก  แสดงความภักดี นบนอบต่อลูกวัวที่ตนทำขึ้นมา มีความพยายามที่จะใช้ช่างฝีมือที่มีฝีมือดีมาก ๆ มาทำรูปเคารพเหล่านี้

13:3พระเจ้าทรงเปรียบเทียบเขาเป็นทั้งหมอก น้ำค้าง แกลบและควันที่หายไปอย่างรวดเร็ว จะเห็นว่า การไหว้รูปวัวเป็นปัญหาของอิสราเอลตลอดมาตั้งแต่ที่อาโรนยอมให้ประชาชนนำสร้างรูปนี้ขึ้นมา (อ่านอพยพ 32)
เมื่อเขานมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ ความจริง เขาจะได้รับพระพรและความโปรดปรานจากพระเจ้า แต่เมื่อเขาไล่ตามเทวรูปเหล่านี้ สิ่งที่กลับมาคือหายนะของชีวิต!

ไม่มีใครช่วยได้นอกจากพระยาห์เวห์
4 “เราเป็นพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า
ผู้นำเจ้าออกมาจากอียิปต์ 
เจ้าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเรา
และไม่มีผู้ช่วยให้รอดอื่นใดนอกจากเรา 
5 เรารู้จักเจ้าในถิ่นกันดาร
ในแผ่นดินที่แห้งผาก

6 เมื่อพวกเขาได้รับการเลี้ยงในทุ่ง
พวกเขาก็อิ่มหนำ  พวกเขาพอใจอิ่มเต็มที่
แล้วใจของพวกเขาก็หยิ่งผยอง และลืมเราไป

7 ดังนั้นเราจะจู่โจมหาเขาเหมือนสิงโต
เราจะซุ่มข้างทางเหมือนเสือดาว
8 เราจะกระโจนใส่พวกเขา
เหมือนกับแม่หมีที่ถูกขโมยลูกไป 
และจะฉีกอกพวกเขา
เราจะขย้ำกินพวกเขาเหมือนอย่างแม่สิงโต
เหมือนสัตว์ป่าที่จะฉีกพวกเขาเป็นชิ้น

9 โอ อิสราเอล เราจะทำลายเจ้า
 ไม่มีใครจะช่วยเจ้าได้นอกจากเรา

ไม่มีใครช่วยได้นอกจากพระยาห์เวห์
13:4 พระเจ้าทรงประกาศพระองค์เองให้รู้ว่าพระองค์คือผู้ใด ทรงทำอะไร ไม่มีพระเจ้าอื่น การที่พระองค์ตรัสถึงครั้งที่พวกเขาอพยพออกมาจากอียิปต์นั้น เพื่อให้เขาระลึกว่า พวกเขาเคยเป็นทาสแรงงานที่เหน็ดเหนื่อย ถูกกดขี่ ทำร้าย เฆี่ยนตี แล้วพระองค์ทรงช่วยเขามา

13:5 ในถิ่นกันดาร พระองค์ทรงอยู่กับพวกเขา ตอนที่เขาเดินทางวนเวียนในถิ่นกันดารพระเจ้าทรงอยู่กับเขาแบบเห็นกับตา ในรูปแบบของเสาเมฆและเสาไฟ

13:6 แต่พอพวกเขาได้ดี สบาย เขาก็ลืมพระเจ้าง่าย ๆ 
โฮเชยาว่า พวกเขาหยิ่งผยองพองตนขึ้นมา …​แล้วทำให้ความเชื่อพลิก!
พวกเขาหันไปกราบไหว้รูปปั้นต่าง ๆ (โฮเชยา 10:1-2) แทนที่จะนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้ที่ทรงเลี้ยงดู ปกป้องให้พ้นอันตราย พระเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าเดียวในเอกภพนี้ อาการหยิ่งผยองคือคิดว่า ตนเองตัดสินใจเองได้ สามารถช่วยตัวเองได้ และลืมพระเจ้า

13:7 พระเจ้าจึงทรงสั่งสอนเขา และทรงปฏิบัติต่อเขาอย่างรุนแรง ทรงเปรียบเทียบกับ สิงโต เสือดาว แม่หมีที่ลูกถูกลักไป แม่สิงโต สัตว์ป่า!! (ฉธบ 32:24 เมื่อทำผิด เมื่อทอดทิ้งพระเจ้า  ก็จะทรงส่งสัตว์ร้ายมา, เอเสเคียล 14:21 สัตว์ร้ายเป็นส่วนหนึ่งที่พระเจ้าทรงส่งมาเพื่อพิพากษา)

13:9 ที่เห็นศัตรูเข้ามาบุกนั้น พระเจ้าทรงส่งมาทั้งสิ้น และไม่มีใครช่วยได้นอกจากพระองค์เอง 

การลงโทษที่กำลังมา
10   ไหนล่ะ กษัตริย์ของเจ้า
ที่เขาจะมาช่วยเจ้าในเมืองต่าง ๆ ของเจ้า 
ไหนล่ะ เจ้านายของเจ้าที่เจ้าพูดถึงว่า
“ให้เรามีกษัตริย์ และเจ้านายด้วยเถิด”?
11 ด้วยความโกรธ เรามอบกษัตริย์ให้เจ้า
และเอากษัตริย์ออกไปเพราะเรากริ้วนัก 
12 ความผิดของอิสราเอลเป็นบาปที่พอกพูน
และบาปนั้นก็ถูกบันทึกไว้
13 เขาเจ็บปวดเหมือนหญิงใกล้คลอด
แต่เขาไม่ได้เป็นลูกชายที่มีปัญญา
เมื่อถึงเวลาคลอด
เขาก็ไม่ยอมคลอดออกมา!

การลงโทษที่กำลังมา
13:10จะไปหากษัตริย์ที่ไหนมาช่วย จะไปหาคนที่ช่วยได้ ไม่มีเลย!  อิสราเอลต้องการมีกษัตริย์เหมือนกับเพื่อนบ้าน และขอจากพระเจ้าด้วย (1 ซามูเอล 4-9)

13:11 พระเจ้าประทานกษัตริย์ซาอูลให้ แต่แล้วพระองค์ทรงถอนเขาออก เพราะเขาล่วงละเมิด คิดว่าตัวใหญ่ ทำสิ่งที่ไม่ควรทำ

13:12 พวกเขาเก็บบาปสะสมเอาไว้ ไม่มีการกลับใจ พอกพูนราวกับรายงานที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ  เป็นบาปที่ส่งผลให้เกิดการพิพากษา (ฉธบ.32:34 เรื่องนี้มิได้สะสมไว้กับเราดอกหรือ? โยบ14:17 การทรยศที่พระเจ้าทรงใส่ไว้ในถุงผนึกตรา)

13:13 เด็กที่ไม่ยอมเกิดก็คือตายนั่นเอง

ความผิดที่ต้องแบกเอง
14  เราควรจะไถ่เขาจากความตายไหม?
ความตายเอ๋ย เงี่ยงของเจ้าอยู่ที่ไหน
แดนตายเอ๋ย เหล็กในของเจ้าอยู่ที่ไหน?
ความเมตตาจะถูกซ่อนไปจากสายตาของเรา 

15 แม้ว่าเขาจะรุ่งเรืองท่ามกลางพี่น้องของเขา 
จะมีลมตะวันออกพัดมา
เป็นลมมาจากพระยาห์เวห์ที่ก่อตัวขึ้นจากทะเลทราย
แหล่งน้ำของเขาจะแห้งไป
และบ่อน้ำพุก็จะเหือดแห้งไป
คลังสมบัติมีค่าของเขาจะถูกปล้นจนไม่เหลืออะไร
 16 สะมาเรียจะต้องแบกความผิดของตนเอง
เพราะพวกเธอได้กบฏต่อพระเจ้า 
พวกเธอจะล้มลงด้วยดาบ
ลูกเล็กจะถูกฟาดฟันเป็นชิ้น ๆ
และพวกผู้หญิงที่ตั้งครรภ์จะถูกผ่าเปิดท้อง!

ความผิดที่ต้องแบกเอง
13:14 แต่.. พระเจ้าจะทรงไถ่อิสราเอลจากอำนาจของแดนตาย   ความตายคือโทษของบาป แต่พระเยซูคริสต์มาเพื่อทำลายความตายนั้นด้วยการสิ้นพระชนม์ และคืนพระชนม์ของพระองค์ (ฮีบรู 2:14-15; 1 โครินธ์ 15:55-57; ยอห์น 11:25-26)  แต่ถ้าเขาไม่ยอมกลับใจ เขาจะถูกซ่อนจากสายพระเนตรพระเจ้า 

13:15 ลมตะวันออกนี้คืออัสซีเรียหรือเปล่าเป็นศัตรูที่โหดร้ายมาก แต่อัสซีเรียไม่ได้มาด้วยตัวเอง พวกเขาถูกพระเจ้าใช้มา เพื่อสอนคนของพระองค์


13:16 อิสราเอลทางเหนือจะเจอกับสงครามที่ลูกเล็ก ๆ ก็จะถูกฆ่าตาย เด็กในท้องก็ถูกผ่าออกมา (2 พงศ์กษัตริย์ 17:5 อัสซีเรียเข้ามาล้อมสามปี อาโมส 1:13 อัมโมนบุกเข้ามา ผ่าท้องหญิงมีครรภ์ )

หากไม่มีการกลับใจ .. สิ่งที่จะเกิดขึ้นน่ากลัวเหลือเกิน 

พระคำเชื่อมโยง

1* โฮเชยา 11:2
2* อิสยาห์ 46:6
3* ดาเนียล 2:35
4* อิสยาห์ 43:11; 45:21-22
5* เฉลยธรรมบัญญัติ 2:7; 32:10; 8:15
6* เฉลยธรรมบัญญัติ 8:12, 14; 32:13-15


7* เพลงคร่ำครวญ 3:10; เยเรมีย์ 5:6
8*  2 ซามูเอล 17:18
9* เยเรมีย์ 2:17
10* เฉลยธรรมบัญญัติ 32:38;
1 ซามูเอล 8:5-6
11* 1 ซามูเอล 8:7;10:17-24

12* เฉลยธรรมบัญญัติ 32:34-35
13* อิสยาห์ 13:8
14* 1โครินธ์ 15:54-55 ; เยเรมีย์ 15:6
15* เยเรมีย์ 4:11-12
16* 2 พงศ์กษัตริย์ 18:12; 15:16

โฮเชยา 12 คดีฟ้องร้องเอฟราอิม

ทบทวนอดีต
1 เอฟราอิมวิ่งไล่ตามลม และไล่ตามลมตะวันออก
เขายังคงเพิ่มพูนการมุสาและความรุนแรง 
เขาไปทำสัญญากับอัสซีเรีย
แล้วยังส่งน้ำมันมะกอกไปยังอียิปต์
 2 พระยาห์เวห์ทรงมีข้อฟ้องร้องยูดาห์
พระองค์กำลังจะลงโทษยาโคบตามวิถีทางของเขา
พระองค์ทรงตอบแทนเขาตามการกระทำของเขา 

3 ในครรภ์มารดา เขาก็ฉวยส้นเท้าของพี่ชาย
และเมื่อเติบโตขึ้นมาเขาก็ได้สู้กับพระเจ้า
4 ยาโคบได้สู้กับทูตสวรรค์ และเอาชนะท่านได้
เขาร้องไห้อ้อนวอนขอเมตตา
พระองค์ทรงพบเขาที่เบธเอล
และต่อมาพระเจ้าได้ตรัสกับเขาที่นั่น 

 

ทบทวนอดีต
12:1 กลับไปยังบาปอย่างเดิม เอฟราอิมแทนที่จะกลับใจแต่กลับไปทำสิ่งที่ยิ่งยากขึ้นไปอีก  เขาไปทำสัญญาไมตรีกับทั้งอียิปต์ และอัสซีเรีย  การส่งน้ำมันมะกอกไปนั้น เป็นสัญญาว่าจะซื่อตรงต่ออียิปต์ 

12:2 พระเจ้าทรงบอกวิธีการตัดสินลงโทษของพระองค์ นั่นคือ ตัดสินตามการกระทำของพวกเขา
พระองค์ทรงกล่าวถึงยาโคบ ..

12:3-4 นั่นคือ ยาโคบเองได้ทำตัวคดโกงมาตั้งแต่อยู่ในท้อง(ปฐมกาล 25:26)  นี่เป็นสิ่งที่สื่อว่า เขาต้องการเป็นพี่หัวปี   แล้วเขาก็หลอกพ่อว่าเขาเป็นเอซาว เพื่อจะได้พรลูกหัวปี (ปฐมกาล 27:35-36)
ต่อมาก็สู้กับทูตสวรรค์ของพระเจ้า และยังเอาชนะได้ด้วย ไม่ยอมให้ไปนอกจากจะอวยพรเขาก่อน (ปฐมกาล 32)  ในวันนั้น เขาขอเมตตาจากพระเจ้า นี่แสดงว่าเขาตระหนักแล้วว่า  ชีวิตของเขาต้องขึ้นอยู่กับพระเจ้า  และเมื่อเขาขอ เขาก็ได้พรจากพระเจ้า(ปฐมกาล 32:29) 
เป็นคนกล้าที่จะขอ

5  พระยาห์เวห์ทรงเป็นองค์จอมทัพ
พระนามที่ควรจดจำคือพระยาห์เวห์ 
6 แต่เจ้าต้องกลับมาหาพระเจ้าของเจ้า
ผดุงรักษาความรักและความยุติธรรม
และวางใจหวังใจในพระเจ้าของเจ้าเสมอไป 

12:5 แล้วพระเจ้าก็ทรงประกาศขึ้นมาว่า ทรงเป็นองค์จอมทัพ พระนามคือพระยาห์เวห์  
12:6 ทรงเรียกให้พวกเขากลับมาหาพระเจ้า กลับไปหาความรัก ความยุติธรรม และการวางใจพระเจ้า 

7  พวกพ่อค้าใช้ตาชั่งไม่เที่ยง
เขาโกงกับมือเลยทีเดียว 
8 แต่เอฟราอิมกล่าวว่า
“ดูสิ ฉันร่ำรวยขึ้นมามากแค่ไหน
ฉันทำขึ้นมาด้วยตัวเอง
ไม่มีใครมาพบความชั่วหรือบาป
จากแรงงานของฉันเลย” 

12:7-8  คนที่ขายของแล้วโกงต่อหน้าต่อตา ก็เป็นเหมือนคนที่โฮเชยากำลังพูดถึง ซึ่งไม่ได้มีแค่ในยุคนั้น แต่มีทุกวัน ทุกเวลา เกิดขึ้นในโลก  พ่อค้ายิวจำนวนไม่น้อยที่โกงซึ่ง ๆ หน้าโดยที่ลูกค้าไม่รู้ตัว แถมยังอวดด้วยว่า ตนเองฉลาดหลักแหลม  พอใจในวิธีการของตัวเองเพราะทำให้ตนรวยขึ้นมา 

9 เราเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
ตั้งแต่ครั้งเจ้าอยู่ในอียิปต์ 
และเราจะให้เจ้ากลับไปอยู่ในเต็นท์อีกครั้ง
เหมือนเวลาที่มีเทศกาลตามที่กำหนดไว้ 
10 เรากล่าวผ่านผู้เผยพระดำรัส
และให้จินตภาพแก่พวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
เรามอบปริศนาผ่านผู้เผยพระดำรัส
11 ในเมื่อกิเลอาดเต็มด้วยความชั่ว(เทวรูป)
ทั้งหมดไร้ค่าและจะสูญสิ้นไปเป็นแน่ 
พวกเขาถวายวัวผู้ในกิลกาล
แต่แท่นบูชาของเขา
จะกลายเป็นแค่กองหินบนทุ่งที่ไถแล้ว
.

12:9 พวกเขาลืมไปแล้วหรือว่า พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของเขาตั้งแต่ที่อยู่ในอียิปต์  พระองค์จะให้เขากลับไปอยู่อย่างคนเร่ร่อนอีกก็ได้   คล้ายกับเทศกาลอยู่เพิง  เพื่อให้เขาไม่ลืมว่า เขามาจากไหน พระเจ้าทรงอยู่กับพวกเขาอย่างไร  ทรงช่วยพวกเขาขนาดไหนจนกระทั่งเติบโตเป็นชนชาติอิสราเอล 

12:10 พระองค์ทรงเตือนด้วยว่า ทรงส่งผู้เผยพระดำรัสมาไม่หยุดหย่อน  พวกเขามีทั้งพระดำรัส มีนิมิต กล่าวคำด้วยปริศนาแก่คนอิสราเอล  ถึงขนาดนี้แล้ว ผู้คนก็ยังไม่ฟังพระสุรเสียงของพระองค์ 

12:11 เหตุการณ์ที่เกิดในกิเลอาดนั้น เป็นเครื่องเตือนความทรงจำว่า พวกเขาเสื่อมทรามขนาดไหน
ที่กิลกาลพวกเขาก็ถวายเครื่องบูชาอย่างไม่อั้น
พระเจ้าทรงใช้เมืองทั้งสองมาพร้อม ๆ กันเพื่อบอกถึงความชั่วที่เกิดขึ้นในทั้งประเทศ และพระเจ้าจะทรงทำให้เห็นว่า แท่นบูชาเหล่านั้นก็แค่กองหิน ไม่มีค่าอย่างที่พวกเขาเข้าใจ

ทเรียนจากบรรพบุรุษ
12 ยาโคบหนีไปยังแผ่นดินอารัม
อิสราเอลทำงานเพื่อจะได้ภรรยา
เขาเลี้ยงดูฝูงแกะเพื่อจ่ายเป็นค่าตัวของเธอ 
13  พระยาห์เวห์ทรงนำอิสราเอลจากอียิปต์
โดยผู้เผยพระดำรัสท่านหนึ่ง
และทรงให้ผู้เผยพระดำรัสนั้นดูแลพวกเขา
14  เอฟราอิมได้ยั่วยุพระองค์
ดังนั้น พระยาห์เวห์ของเขาจะปล่อยให้ความผิด
เนื่องจากการนองเลือดตกอยู่กับเขา
และจะทรงตอบสนอง
เพราะเขาหมิ่นประมาทพระองค์ 


บทเรียนจากบรรพบุรุษ
12:12 ไม่รู้หรือว่า ยาโคบซึ่งเป็นบรรพบุรุษนั้น เป็นคนที่หนีความผิดไปยังแดนไกล และทำงานเพื่อจะได้มีภรรยา ทำงานที่ต่ำต้อยในสายตาของผู้คน คือการเลี้ยงแกะ เขาเป็นคนเร่ร่อน เมื่อไปอยู่อียิปต์ ครอบครัวของเขาจึงกลายเป็นชนชาติใหญ่โตขึ้น (เฉลยธรรมบัญญัติ 26:5)

12:13 แต่พวกเขาถูกข่มเหง   จนกระทั่งทรงส่งโมเสสไปนำพวกเขาออกมา และให้ดูแลจนกระทั่งได้เข้ามายังแผ่นดินที่ทรงสัญญา  แต่พวกเขาไม่ได้เชื่อฟังผู้รับใช้ของพระเจ้า (ข้อ 10)   ตั้งแต่สมัยของโมเสสเรื่อยมา เขาไม่รู้ว่า คนที่พระเจ้าทรงส่งมานั้น ช่วยดูแล ป้องกันไม่ให้พวกเขากลับไปเป็นทาสอีก อิสราเอลทั้งชาติยั่วยุพระเจ้าให้กริ้ว พวกเขาไร้ความกตัญญู เป็นคนทั้งโอหัง และโง่เขลา

พระคำเชื่อมโยง

1* โยบ 15:2-3; 2 พงศ์กษัตริย์ 17:4 ;
อิสยาห์ 30:6
2* มีคาห์ 6:2
3* ปฐมกาล 25:26; 32:24-28
4* ปฐมกาล 28:12-19; 35:9-15
5* อพยพ 3:15

6* มีคาห์ 6:8
7* อาโมส 8:5
8* วิวรณ์ 3:17
9* เลวีนิติ 23:42
10* 2 พงศ์กษัตริย์ 17:13

11* โฮเชยา 6:8; 9:15
12* ปฐมกาล 28:5;29:20,28
13* อพยพ 12:50-51; 13:3
14* เอเสเคียล 18:10-13; ดาเนียล 11:18