1 ทิโมธี 2 อธิษฐานมีพลัง…

คอลัมน์ซ้ายสุด เป็นพระคัมภีร์ถอดความ คอลัมน์กลางเป็นภาพและพระคัมภีร์เชื่อมโยง ส่วนคอลัมน์ขวาสุดสีครามนั้น เป็นคำอธิบายเพิ่มเติม

อธิษฐานเผื่อใครหรือ?

ดังนั้นก่อนอื่นใด ข้าขอกำชับให้เจ้าได้ทูลคำร้องขอ อธิษฐาน วิงวอนเพื่อผู้อื่น และขอบคุณพระเจ้า เพื่อทุกคน เพื่อกษัตริย์ทั้งปวง และผู้มีสิทธิอำนาจทั้งหลาย เพื่อว่าพวกเราจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ สันติ อยู่ในทางของพระเจ้า อย่างสง่างาม
1 ทิโมธี 2:1-2

มัทธิว 6:9-10, เอสรา 6:10, โรม 13:1, เยเรมีย์ 29:7, 1 เปโตร 2:9-13

ทูลคำร้องขอ …. คือการขอจากพระเจ้าตามน้ำพระทัย
อธิษฐาน … สนทนา สื่อสาร สัมพันธ์กับพระเจ้า
วิงวอนเพื่อผู้อื่น ทูลขอเพื่อความจำเป็นของผู้อื่น
ขอบคุณพระเจ้า …เพื่อใคร…ทุกคน และผู้มีอำนาจ
ผลที่ได้คือ…..ชีวิตสงบที่เป็นเช่นนี้เพราะในโลกเรามีคริสเตียนที่ทนทุกข์เพื่อพระเจ้ามากมายจริง ๆ เราจำเป็นต้องมีผู้ปกครองที่เป็นธรรม.. ชีวิตจึงจะสงบสุขได้


การทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ดีและเป็นที่พอพระทัย ของพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของเรา พระองค์ทรงประสงค์ที่จะให้ทุกคนได้รับความรอด
และมารู้จักกับความจริง

1 ทิโมธี 2:3-4

ฮีบรู 13:16, โรม 12:2, 2 ทิโมธี 1:9,

การอธิษฐานเพื่อคนอื่นไม่ใช่แค่คนที่เชื่อเท่านั้น แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เชื่อด้วย พระเจ้าทรงประสงค์ให้ทุกคนได้พบความจริง คนที่เราคิดว่า ไม่มีทางรอดได้แล้ว เราก็ยังอธิษฐานขอพระเมตตาจากพระเจ้าต่อไป เผื่อว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะทรงเมตตาเขา การอธิษฐานอย่างแรงกล้า ร้อนใจอย่างเอลียาห์จะเกิดผล (ยากอบ 5:17)

เพราะมีพระเจ้าเพียงองค์เดียว และมีคนกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์เพียงผู้เดียวเท่านั้น คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงสภาพเป็นมนุษย์ พระองค์ประทานชีวิตของพระองค์เองเป็นค่าไถ่ทุกคน คำยืนยันนี้เกิดขึ้นตาม เวลาอันเหมาะสม
1 ทิโมธี 2:5-6

1 โครินธ์ 8:6, กาลาเทีย 3:21, มาระโก 10:45

จากอิสราเอลโบราณที่ต้องมีปุโรหิตเป็นตัวกลางระหว่างพระเจ้ากับประชาชน แต่บัดนี้ ไม่มีตัวกลางอื่นแล้ว นอกจากพระเยซูเท่านั้น
(ฮีบรู 9:11-15) พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า และทรงเป็นมนุษย์ ไม่มีใครมีลักษณะเช่นนี้เลยในจักรวาล ( โรม 8:34)
เรามีพระเจ้าองค์เดียวคือพระบิดา มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวคือพระเยซู (1 โครินธ์ 8:6)

เรื่องของชาย หญิง ในคริสตจักร

และเพราะเหตุนี้ ข้าจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ประกาศ และเป็นอัครทูต (ข้าพูดความจริง ไม่โกหก) ข้าเป็นครูสอนความเชื่อแท้จริงแก่บรรดาคนต่างชาติ ดังนั้น ข้าอยากให้ผู้ชายทุกแห่ง ได้ชูมืออันบริสุทธิ์อธิษฐาน โดยไม่โกรธขึ้งหรือโต้เถียงกัน
1 ทิโมธี 2:7-8

เอเฟซัส 3:7-8, 1 ทิโมธี 1:11, 2 ทิโมธี 1:11,

การรับแต่งตั้งเป็นผู้ประกาศข่าวดีของเปาโลนี้ มีการ ยืนยันหลายที่ เอเฟซัส 3:7-8 กาลาเทีย 1:15
ส่วนผู้ชายในที่นี้ หมายถึงผู้นำในการนมัสการ การยกมือขึ้นอธิษฐานเป็นแบบของคนยิว พวกเขาจะต้องมีชีวิต ที่สะอาด และท่านห้ามไม่ให้ พวกเขาโกรธกัน เถียงกัน สงสัยว่า นิสัยใจคอของคนที่นั่นคงจะเลือดร้อนกันไม่น้อย

ส่วนผู้หญิง ข้าขอให้แต่งกาย
สุภาพเรียบร้อย เหมาะสม
ไม่ใช่ถักผมประดับทอง ไข่มุก หรือสวมเสื้อผ้าราคาแพงแต่ประดับตัวด้วยการทำความดี ซึ่งเหมาะกับผู้หญิงที่ประกาศตัวว่าเป็นคนอยู่ในทางของพระเจ้า

1ทิโมธี 2:9-10

1 เปโตร 3:3-4

ท่านเปาโลขอให้สตรีแต่งกายแบบที่บ่งบอก จิตใจที่อ่อนสุภาพ ถ่อมตน การที่เพื่อไม่ให้ดึงสายตา ของผู้คนเมื่อเข้ามานมัสการพระเจ้า ดูเหมือนพระคำข้อนี้จะแตกต่างจากที่เราเห็นกันในคริสตจักรทุกวันนี้

ให้ผู้หญิงเรียนรู้เงียบ ๆ ยอมเชื่อฟัง ข้าไม่อนุญาตให้ผู้หญิงสั่งสอน หรือมีอำนาจเหนือผู้ชาย แต่ให้นิ่งสงบ
1 ทิโมธี 2:11-12

(โคโลสี 3:11) อธิบายเพิ่มเติม 1 ทิโมธี 2:11-12 ,1 โครินธ์ 14:34, ทิตัส 2:5

ที่ท่านเปาโลกล่าวอย่างนี้เพราะในช่วงเวลานั้นมีปัญหาในคริสตจักรเอเฟซัส คือมีกลุ่มผู้หญิงที่เข้ามาแล้วสอนเท็จในคริสตจักร ดังนั้นการที่ขอให้ผู้หญิงนิ่งและฟังคำสอนจึงน่าจะเป็นเรื่องเฉพาะของคริสตจักรที่ทิโมธีทำงานอยู่โดยตรง
ท่านเปาโล มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้หญิงที่เป็นผู้เชื่อ อย่างเช่นนางนุมฟาที่มีคริสตจักรในบ้าน (โคโลสี 4:15)เฟบี ที่เป็นผู้ดูแลงานในคริสตจักร​(โรม 16:1-2)
และท่านเองก็ใส่ใจเรื่องความเท่าเทียมกันด้วย

ด้วยว่า พระเจ้าทรงสร้างอาดัม ก่อนเอวา และอาดัมไม่ได้ถูกหลอกล่อ ผู้หญิงต่างหากที่ถูกหลอกล่อและได้ทำบาป แต่ผู้หญิงจะรอดได้ ด้วยการคลอดบุตร หากว่าเธอยังดำรงในความเชื่อ ความรัก ความบริสุทธิ์ การควบคุมตนเอง
1 ทิโมธี 2:13-15

1 โครินธ์ 11:8-9, ปฐมกาล 2:18,22, 27, 3:12-13, ทิตัส 2:12

คนที่พ่ายแพ้ต่อการล่อหลอกของมารคือเอวาจากนั้นเธอก็ทำบาปและชักชวนอาดัมให้ทำตาม และนี่ก็เป็นสิ่งที่น่าจะเชื่อมโยงกับการสอนผิด เป็นไปได้ไหมที่เมื่อมีการสอนผิด พวกผู้หญิงในคริสตจักรเอเฟซัส ก็พากันคล้อยตามไปง่าย ๆ

สดุดี 73 คำอธิษฐานของอาสาฟ

1 ความจริงก็คือ พระเจ้าทรงดีต่ออิสราเอล
ทรงดีต่อคนที่มีใจสะอาดบริสุทธิ์
2 แต่สำหรับตัวข้า เท้าของข้าเกือบสะดุด
ย่างเท้าของข้าเกือบพลาดพลั้งไป
3 เพราะข้าไปอิจฉาคนที่เย่อหยิ่ง
เมื่อข้าเห็นคนชั่วร้ายรุ่งเรืองขึ้น
4 พวกเขาไม่ต้องสู้ชีวิตอย่างคนอื่น
ร่างกายก็อ้วนท้วน กินดีอยู่ดี
5 พวกเขาไม่ต้องลำบากอย่างคนอื่น
ทั้งยังไม่เจอความทุกข์ยากดังคนทั่วไป
6 ดังนั้น ความเย่อหยิ่งคือสร้อยประดับคอของพวกเขา
ความโหดร้ายรุนแรงเป็นเสื้อคลุมปกปิดเขา
7 ดวงตาของเขาถลนออกมาจากความอ้วน
ใจของพวกเขาเต็มด้วยความคิดชั่วร้ายไร้ขอบเขต
8 พวกเขาเยาะเย้ย กล่าวร้าย
ใช้ปากขู่เข็ญคุกคามอย่างโอหัง
9 ปากของพวกเขาต่อต้านท้าทายสวรรค์
ลิ้นก็เอ่ยคำกลั่นแกล้งหาเรื่องไปทั่วแผ่นดิน
10 ดังนั้น คนของพระองค์หันกลับไปหาพวกเขา
กลืนกิน เชื่อทุกคำพูดที่พวกเขาเอ่ย
11 และพวกเขากล่าวว่า “พระเจ้าทรงรู้ได้อย่างไร?
องค์ผู้สูงสุดจะทรงรู้อะไร?”
12 ดูให้ดี พวกนี้เป็นคนชั่วร้าย อยู่สบายเสมอ
และร่ำรวยขึ้นเรื่อย ๆ
13 ที่ข้าชำระใจไปก็ไร้ประโยชน์ ที่ข้าล้างมือ
แสดงความบริสุทธิ์ใจก็ไร้ค่าอย่างนั้นหรือ?
14เพราะข้าถูกโจมตีทั้งวัน
ถูกลงทัณฑ์ทุกเช้า

15 หากข้ากล่าวว่า “ข้าจะพูดตามอย่างพวกเขา”
เท่ากับเป็นการทรยศต่อลูกหลานของพระองค์
16 แต่เมื่อข้าพยายามที่จะเข้าใจเรื่องนี้
ข้าก็ท้อแท้ อ่อนใจ
17 จนกระทั่งข้าได้เข้ามายังที่บริสุทธิ์ของพระเจ้า
ข้าจึงหยั่งลึกถึงจุดจบของชีวิตพวกเขา
18 ที่จริง พระองค์ทรงวางพวกเขาไว้ในที่ลื่น
ทรงเหวี่ยงพวกเขาลงไปสู่หายนะ
19 พวกเขาถูกทำลายล้างชั่วพริบตา
ถูกกวาดพัดสูญสิ้นไปอย่างน่ากลัว
20 โอ้องค์เจ้านาย เมื่อทรงลุกขึ้น เหมือนตื่นจากฝัน
ทรงถือว่า พวกเขาเป็นดั่งภาพลวงตา*
21 เมื่อวิญญาณข้าขมขื่น และส่วนลึกข้างในถูกทิ่มแทง
22 ข้าช่างโง่เขลา ไร้ความคิด
ทำตัวเหมือนสัตว์ป่าต่อพระพักตร์พระองค์
23 ถึงกระนั้น ข้าก็ยังอยู่กับพระองค์เสมอ
พระองค์ทรงกุมมือขวาของข้าไว้
24 พระเจ้าทรงนำข้าด้วยคำปรึกษาของพระองค์
และจะทรงรับข้าเข้าสู่พระสิริรุ่งโรจน์
25 ข้ามีใครในสวรรค์เล่า นอกจากพระองค์?
และในโลกนี้ ข้าไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากพระองค์
26 กายและใจของข้าอาจท้อแท้
แต่พระเจ้าทรงเป็นพลังแห่งหัวใจ  เป็นส่วนของชีวิตตลอดไป
27 ดูให้ดี คนที่ห่างจากพระองค์จะพินาศ
พระองค์ทรงนำจุดจบมายังทุกคนที่ไม่ซื่อต่อพระองค์
28 แต่สำหรับข้า การได้อยู่ใกล้พระเจ้านั้นดีจริง ๆ
ข้าทำให้พระองค์ผู้เป็นพระเจ้าเป็นที่หลบภัยของข้า เพื่อข้าจะได้บอกให้รู้ถึงพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์
*ภาษาเดิมไม่ชัดเจน