สดุดี 76 เมื่อพระเจ้าทรงตัดสินความ ทั้งโลกก็นิ่ง

สดุดี 76: TEXT

1 พระเจ้าทรงเป็นที่รู้จักในยูดาห์
พระนามของพระองค์ยิ่งใหญ่ในอิสราเอล
2 ที่ประทับนั้นตั้งในซาเล็ม
ที่ทรงพำนักนั้นอยู่ในศิโยน
3 จากที่นั่น พระองค์ทรงหักลูกธนูเพลิง
รวมทั้งโล่ ดาบและอาวุธสงคราม
เส-ลาห์
4 พระเจ้าทรงพระสิริรุ่งโรจน์
งามตระการยิ่งกว่าทิวเขาแห่งเหยื่อ
5 คนใจกล้าถูกปล้นสะดม
พวกเขาต่างหลับลงไปในความตาย
บุรุษแห่งสงครามไม่อาจขยับมือขึ้นได้เลย
6 โอ พระเจ้าแห่งยาโคบ เมื่อพระองค์ตรัสขนาบ
ทั้งพลขับและม้าศึกพากันแน่นิ่งตายไป


7 แต่พระองค์ ทรงเป็นที่ยำเกรงครั่นคร้าม
เวลาที่พระองค์พิโรธ ใครจะยืนอยู่เบื้องพระพักตร์ได้
8 พระองค์ทรงกล่าวคำพิพากษาจากสรวงสวรรค์
ทั้งโลกก็หวั่นหวาด และนิ่งเงียบงัน9 ใช่ เมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้นตัดสินความ
และทรงช่วยคนที่ถูกข่มเหงทั้งสิ้นในแผ่นดิน
เส-ลาห์
10 แม้กระทั่งความโกรธของมนุษย์
ก็จะแปรเป็นคำสรรเสริญพระองค์
พระองค์จะทรงคาดบั้นพระองค์ด้วยความโกรธที่เหลืออยู่
11 จงปฏิญาณตนต่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า
และทำตามคำมั่นนั้น
จงให้ทุกคนที่อยู่ล้อมรอบพระองค์ ถวายบรรณาการแด่พระองค์ผู้น่ายำเกรง
12 พระองค์จะทรงเฉือนความอหังการของเหล่าผู้นำออกไป
ทรงเป็นที่คร้ามกลัวของกษัตริย์ทั้งหลายในแผ่นดิน

1 ทิโมธี 5 การปฏิบัติต่อพี่น้อง

อย่าตำหนิผู้อาวุโสอย่างเกรี้ยวกราด แต่จงเตือนเขาเหมือนว่าเขาเป็นพ่อของเจ้า จงปฏิบัติต่อชายหนุ่มที่อ่อนกว่าเจ้าเหมือนเป็นน้องชาย ปฏิบัติต่อสตรีสูงวัยเหมือนเธอเป็นมารดา และหญิงสาวที่อ่อนกว่าเหมือนเป็นน้องสาวด้วยใจบริสุทธิ์ จงให้เกียรติแก่หญิงม่ายไร้ที่พึ่ง
1 ทิโมธี 5:1-3

เลวีนิติ 19:32, 1 เปโตร 5:5-6

คำว่าเตือนที่ท่านเปาโลใช้ มีความหมายว่าว่า ช่วยหนุน กำลังเขาคนนั้นให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง ส่วนแม่ม่ายแทบจะไม่มีทางหา รายได้เลย ต้องพึ่งพาครอบครัว คำสอนของท่านเปาโลช่วยให้ แม่ม่ายยากจนมีคนดูแลเอาใจใส่ นอกจากนั้น ผู้รับใช้อย่างทิโมธีจะ ต้องไม่ใช้วาจาล่วงล้ำ หรือหยอกเล่นหญิงสาวอย่างไม่สมควร

ถ้าหญิงม่ายคนใดมีลูกหลาน ก็ให้ลูกหลานได้เรียนรู้การทำหน้าที่ในทางของพระเจ้า โดยให้ดูแลเอาใจใส่ครอบครัวตนเองเป็นการตอบแทนคุณของพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย พระเจ้าทรงพอพระทัยกับการกระทำเช่นนี้
1 ทิโมธี 5:4

ปฐมกาล 45:10,มัทธิว 15:4-6

นี่เป็นการสร้างสังคมแห่งการเอื้อเฟื้อ การดูแลผู้ที่อ่อนแอกว่า ต่างจากสังคมคนนอกที่คนแข็งแรงเอาเปรียบคนที่อ่อนแอ เด็กกำพร้า หญิงม่ายต่าง ตกอยู่ในความยากแค้นแสนสาหัสเป็นส่วนใหญ่ และการตอบแทนคุณของผู้มีพระคุณเป็นเรื่องสำคัญใน หมู่คนที่เชื่อพระเจ้า

หญิงม่ายที่ขัดสนจริง ๆ และอยู่ลำพังคนเดียวมีความหวังในพระเจ้า เธออธิษฐานและขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าทั้งวันและคืน แต่หญิงม่ายที่ปล่อยตัวนั้น ก็เหมือนกับตายทั้งเป็นจงกำชับพวกเธอในเรื่องเหล่านี้ เพื่อว่าพวกเธอจะไม่ถูกใครตำหนิ
1 ทิโมธี 5:5-7

กิจการ 26:7, ยากอบ 5:5

แม่ม่ายที่ชราแล้ว เป็นคนที่ ต้องพึ่งพระเจ้ามาก จึงใช้เวลาที่เหลืออยู่ในชีวิตกับการ อธิษฐานให้พระเจ้าทรงช่วยเหลือ ในคริสตจักรเราพบว่า ม่ายเหล่านี้แหละที่เป็นคนมีความเชื่อ และเป็นพลังการอธิษฐานของคริสตจักรแต่ยังมีแม่ม่ายสาวที่ยังสนุกเพลิดเพลิน ซึ่งการใช้ชีวิตโดยไม่ระวังเท่ากับตายทั้งเป็น

ถ้าใครไม่ยอมเลี้ยงดูญาติพี่น้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในครอบครัวเท่ากับคนนั้นปฏิเสธความเชื่อ และชั่วยิ่งกว่าคนที่ไม่เชื่อเสียอีก
1 ทิโมธี 5:8

อิสยาห์ 58:7, 2 ทิโมธี 3:5, มัทธิว 18:17

หากผู้เชื่อไม่ดูแลคนในครอบครัว เท่ากับเขาล้มเหลวในความเชื่อของเขา ในโลกทุกวันนี้ เราเห็นพ่อแม่มากมายที่ไม่ดูแลครอบครัว แต่หลงทำบาป ทำตามใจตัวเอง ครอบครัวเป็นน้ำพระทัยของพระองค์ที่จะให้เป็นจุด เริ่มต้นของความรัก

การลงทะเบียนเพื่อช่วยเหลือ หญิงม่ายนั้น จะทำได้เมื่อเธอ
อายุเกินหกสิบปี และมีสามีเดียว และเธอต้องมีชื่อเสียงดี เป็นที่รู้กันว่า เธอเอาใจใส่เลี้ยงดูลูก มีน้ำใจรับรองแขก ล้างเท้าคนของพระเจ้า ช่วยเหลือคนทุกข์ยาก และทุ่มเททำดี
1 ทิโมธี 5:9-10

กิจการ 9:39, 1 เปโตร 2:12

ระบบการช่วยเหลือพี่น้องในชุมชนคริสเตียนนั้น นับว่า ก้าวหน้ามาก มีการลงชื่อแม่ม่ายที่มีอายุเกิน 60 ปี เพื่อเป็นหลักประกันว่า คริสตจักรจะต้องช่วยดูแลคน เหล่านี้ต่อไป น้ำใจของพระเจ้าที่มีต่อคนชรานั้น มากมายเหลือล้น จากพระคำข้อนี้เราเห็นว่า คนที่ได้ลงทะเบียนก็ต้องเป็น คนที่มีประโยชน์ต่อสังคม ต่อผู้อื่นมาก่อน

แต่อย่าลงทะเบียนให้หญิงม่ายสาว เพราะเมื่อไรที่ความอยากของพวกเธอชักจูงให้ห่างพระคริสต์ พวกเธออาจจะอยากแต่งงานอีกครั้ง เธอจึงมีโทษ เพราะไปละเมิดคำปฏิญาณเดิม
1 ทิโมธี 5:11-12

2 เปโตร 2:18, ยากอบ 5:5

จากคำพูดของท่าน เปาโล ดูเหมือนว่า บางคนไปแต่งงานกับคนที่ไม่เชื่อหรือการแต่งงานเกิดจากความไม่สามารถรักษาตัว
ให้บริสุทธิ์ตัวเธอเองก็จะถูกคนอื่นตำหนิติเตียน ท่านเปาโลไม่ได้ต้องการให้คริสตจักรปฏิเสธพวกเธอ แต่ให้ระวัง ทำสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมกับทุกคน
ท่านไม่ได้ห้ามแต่งงานใหม่ จากข้อถัดไปเราจะเห็น ความคิดของท่าน

นอกจากนั้นบางคนยังเกียจคร้าน สันหลังยาว เที่ยวไปตามบ้าน มีนิสัยนินทาว่าร้าย ยุ่งเรื่องคนอื่น พูดเรื่องที่ไม่ควรพูด ดังนั้นข้าจึงอยากให้ม่ายสาวมีสามี มีลูกชาย
ลูกสาว ได้ดูแลบ้านเพื่อไม่ให้ศัตรูมีช่องทางใส่ร้ายได้ และมีบางคนก็ได้ติดตามซาตานไปแล้ว
1 ทิโมธี 5:13-15

1 เปโตร 4:17, สุภาษิต 20:19,ทิตัส 2:5,ยูดา 1:4-5

การที่ม่ายสาวจะแต่งงาน มีครอบครัว มีลูก เท่ากับ
ท่านเปาโลกำลังเสนองานให้พวกเธอได้ทำตลอดชีวิตเลยทีเดียว ยังมีผู้หญิงที่ปล่อยตัวและตามความต้องการของตนเองทำให้ตัวเองพินาศไปก็มาก
เพื่อไม่ให้กลายเป็นคนเกียจคร้าน แม้คนอาวุโสก็ต้อง หาอะไรทำด้วย

สตรีผู้เชื่อคนใดที่มีญาติเป็นหญิงม่าย ก็ให้ช่วยเลี้ยงดูพวกเธอเพื่อไม่ให้เป็นภาระของคริสตจักร คริสตจักรจะได้
ไปสงเคราะห์หญิงม่ายไร้ที่พึ่งจริงๆ
1 ทิโมธี 5:16

1 ทิโมธี 5:3-5, 8

นี่ดูเหมือนเป็นภาระที่หนักของคริสตจักร แต่.. พระเจ้า
ไม่ได้ทรงคิดอย่างนั้น พระเจ้าทรงพอพระทัย
ที่คนของพระองค์จะให้เวลาและ ช่วยเหลือคนทุกข์ยากจริง ๆ ทรงบอกไว้ว่า
ที่ทำแก่คนเล็กน้อยคนหนึ่ง ก็เหมือนทำให้แก่พระองค์ด้วย

ผู้ปกครองทั้งหลายที่ดูแลเอาใจใส่อย่างดีนั้น ควรได้รับเกียรติสองเท่าโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ใส่ใจพระคำทั้งเทศนาและสอน พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “อย่าเอาตะกร้อครอบปากวัวขณะที่มันนวดข้าวอยู่” และ “คนทำงานก็สมควรได้รับค่าจ้างของตน”
1 ทิโมธี 5:17-18

ฉธบ.25:4, ลูกา 10:7, 1 โครินธ์ 9:7-10

ท่านเปาโลบ่งบอกเราชัดว่า ผู้ปกครองนั้นควร เทศนาสั่งสอนได้ ผู้ปกครองที่ทั้งหนุนใจและสอน เพื่อให้คนไม่ตกในคำสอนผิด เพื่อทำให้ชีวิต ของพี่น้องดีขึ้นควรได้รับเกียรติมาก
อธิบายเพิ่มเติม 1 ทิโมธี 5:17-18

อย่ายอมรับข้อกล่าวหาผู้ปกครอง นอกจากจะมีพยานสองหรือสามคน ส่วนคนที่ยังทำบาปอยู่ ก็ต้องถูกตำหนิ ตักเตือนต่อหน้าทุกคน
เพื่อคนที่เหลือจะได้เกรงกลัว
1 ทิโมธี 5:19-20

ฉธบ. 17:6,19:15, มัทธิว 18:16, ทิตัส 1:13

พระเยซูทรงกล่าวไว้ในเรื่องนี้ มัทธิว 18:15-17อย่างแรกต้องไม่เชื่อข่าวลือใด ๆ แต่ต้องพิสูจน์ให้รู้ว่า ข้อกล่าวหาเป็นจริงหรือไม่ ถ้ามีพยาน รู้เห็นและเป็นพยาน ก็ต้องดูด้วยว่า พยานนั้น เชื่อถือได้หรือไม่ และหากข้อกล่าวหาเป็นจริง ก็ต้องตักเตือนกันตามตรง ต่อหน้าชุมชนผู้เชื่อ

ข้ากำชับเจ้าเรื่องนี้ ต่อพระพักตร์พระเจ้า พระเยซูคริสต์ และเหล่าทูตสวรรค์ ที่ทรงเลือกไว้ว่า ให้รักษาระเบียบต่าง ๆ เหล่านี้ไว้ โดยไม่เห็นแก่หน้าใคร ไม่ลำเอียง
1 ทิโมธี 5:21

ฉธบ.1:17, 2 ทิโมธี 4:1, ยากอบ 2:1-4

ท่านเปาโลกับท่านยากอบ (ยากอบ 2) พูดเรื่องเดียวกัน คือ ไม่ให้ลำเอียง เพราะความ ลำเอียงนี้สามารถต่อยอดไปเป็นปัญหาเรื้อรังทั้งในครอบครัว ในโรงเรียน ที่ทำงาน ในชุมชนทุกแห่ง ความรักของพระเจ้านั้นก็ไม่มีลำเอียง

อย่าด่วนวางมือแต่งตั้งใคร อย่ามีส่วนในบาปของคนอื่น
จงรักษาตัวให้บริสุทธิ์ อย่าดื่มแค่น้ำ แต่ดื่มเหล้าองุ่นบ้าง เพื่อเป็นประโยชน์กับกระเพาะ
และโรคที่เจ้าเป็นอยู่
1 ทิโมธี 5:22-23

เอเฟซัส 5:6-7, สดุดี 1:1, เอเฟซัส 5:11, สดุดี 104:15,

การแต่งตั้งใครคนหนึ่งให้ทำงานรับใช้พระเจ้าอย่างไม่ตรวจสอบให้ดีก่อนนั้น เป็นสิ่งที่ท่าน เปาโลห้ามไว้
ท่านเปาโลบอกให้ทิโมธีดื่มเหล้าองุ่นบ้างอาจ เป็นเพราะว่ามันช่วยรักษาบางโรคได้ และตัวมันเองก็เป็นสิ่งที่ไม่มีเชื้อโรคเหมือนกับน้ำในสมัยก่อนที่ไม่ได้ถูกสุขอนามัย ท่านไม่ได้สนับ สนุนการดื่มเหล้าในแง่บันเทิง

บาปของบางคนนั้นชัดเจน
นำไปสู่การตัดสินลงโทษตัวเขา บาปของบางคนตามเขาไปภายหลัง การดีก็เห็นได้ชัดเจนเช่นกัน ถึงแม้บางเวลาจะไม่ชัดเจน แต่จะถูกปิดไว้ตลอดก็ไม่ได้
1 ทิโมธี 5:24-25

กาลาเทีย 5:19-21, ลูกา 11:33, สุภาษิต 10:9

ผู้ปกครองคริสตจักรนั้น หากมีความบาปที่ชัดเจน ทำให้เขาต้องหลุดจาก หน้าที่ซึ่งรับทำอยู่ การพิพากษา หรือการตัดสินโทษก็มาจากคริสตจักรเอง แม้่มีบางคนที่ปิดบังบาปของตนเอาไว้ แต่อีกไม่นานคนอื่นจะรับรู้และเขาก็จะถูกตัดสินเช่นกัน
1 ทิโมธี 5:24-25

พระเจ้าทรงสร้างฉัน

เพิ่งผ่านวันแม่มาหยก ๆ ฟังเพลงที่ลูกร้องถึงพระเจ้า ระลึกถึงความรักของพระองค์ที่มีต่อเรามาตั้งแต่ยังเล็ก ฝากให้เด็ก ๆ ในบ้านได้ฟังด้วย

เข้าไปดูในยูทูบจะมีคอร์ดและเนื้อเพลงให้

สดุดี 75 ขอบพระคุณสำหรับพระพิพากษาอันยุติธรรม

ถอดความจาก สดุดี 75
1 เราทั้งหลายถวายคำขอบพระคุณ โอพระเจ้า
เราทั้งหลายพากันขอบพระคุณ
เพราะพระนามของพระองค์อยู่ใกล้ ๆ
ผู้คนต่างประกาศพระราชกิจอัศจรรย์ของพระองค์
2 ถึงเวลาที่เราได้กำหนดไว้
เราก็จะพิพากษาอย่างเที่ยงธรรม
3 เมื่อโลก และทุกสิ่งในโลกสั่นสะเทือน
เรานี่แหละเป็นผู้ทำให้เสาโลกมั่นคง
เส-ลาห์
4 เราพูดกับคนโอ้อวดว่า “อย่าอวด”
พูดกับคนชั่วโฉดว่า “อย่ายกเขาของเจ้าขึ้น
5 อย่ายกเขาของเจ้าขึ้นสูง
หรือคอแข็งอวดอ้าง”

6 เพราะการยกย่องนั้นไม่ได้มาจากตะวันออก
ตะวันตก หรือจากถิ่นกันดาร
7 แต่พระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษา
พระองค์ทรงลดคนหนึ่งลง และเชิดชูอีกคนขึ้น
8 เพราะในพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์นั้น
คือเหล้าองุ่นฟูฟ่องที่ผสมเครื่องเทศอย่างดี
และพระองค์จะเทออกจากถ้วยนั้น
คนชั่วร้ายของโลกจะดื่มจนหมดพร้อมตะกอน
9 แต่ตัวข้าจะยินดีตลอดไปเป็นนิตย์
ข้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าของยาโคบ
10 เราจะตัดเขาทั้งสิ้นของคนอธรรมออกไป
แต่เขาของผู้ชอบธรรมรับการเชิดชู”