สดุดี 27 พระเจ้าทรงเป็นแสงสว่างและความรอดของข้า

สดุดีของดาวิด
พระเจ้าทรงเป็นแสงสว่างและความรอด
1 พระยาห์เวห์ทรงเป็นแสงสว่างและความรอดของข้า
ข้าจะต้องกลัวใคร?
พระยาห์เวห์ทรงเป็นที่กำบังของชีวิตข้า
แล้วข้าจะต้องหวาดหวั่นเพราะใคร?
2 เมื่อคนชั่วกำลังบุกเข้ามาขย้ำเลือดเนื้อข้า
ศัตรูและคู่ต่อสู้ของข้าจะสะดุดและล้มลง
3 ถึงแม้กองทัพจะตั้งค่ายล้อมรอบข้า
ใจข้าจะไม่หวาดหวั่น
แม้สงครามเกิดขึ้นต่อต้านข้า ข้าก็ยังจะมั่นใจ

ทูลขอที่จะได้อยู่ในพระนิเวศ
4 สิ่งเดียวที่ข้าทูลขอจากพระยาห์เวห์
เป็นสิ่งที่ข้าเฝ้าหา นั่นคือ
เพื่อข้าจะได้พักในพระนิเวศของพระยาห์เวห์
ตลอดชีวิตของข้า
เพื่อจะได้พินิจความงามของพระยาห์เวห์
และแสวงหาพระองค์ในพระนิเวศของพระองค์

ในวันลำบากพระเจ้าทรงซ่อนไว้
5 เพราะในวันแห่งความยากลำบาก
พระองค์จะทรงซ่อนข้าไว้ในพลับพลาของพระองค์
พระองค์จะทรงซ่อนข้าไว้ในที่ประทับลี้ลับของพระองค์
พระองค์จะทรงตั้งข้าไว้สูงบนศิลา
6 และบัดนี้ ศีรษะของข้าจะอยู่สูงเหนือศัตรูที่ล้อมรอบ
และข้าจะถวายเครื่องบูชาด้วยเสียงตะโกนแห่งความยินดี
ข้าจะร้องเพลง ใช่แล้ว ข้าจะร้องเพลงถวายพระยาห์เวห์

ตามหาพระเจ้าผู้ทรงซื่อตรง
7 ขอทรงโปรดฟัง โอ พระยาห์เวห์ เมื่อข้าร้องลั่น
ขอทรงพระเมตตา และตอบข้าด้วย
8 เมื่อพระองค์ตรัสว่า “จงตามหาหน้าของเรา”
ใจของข้าทูลต่อพระองค์ว่า “ พระพักตร์ของพระองค์
โอพระยาห์เวห์ ข้าจะตามหาพระองค์”
9 ขออย่าทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากข้า
ขออย่าทรงเมินจากผู้รับใช้ของพระองค์ไป
ด้วยพระพิโรธ พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยของข้า
ขออย่าทรงละทิ้ง หรือทอดทิ้งข้าไป
โอ พระเจ้าแห่งความรอดของข้า
10 แม้ว่าพ่อและแม่ทอดทิ้งข้า พระยาห์เวห์ทรงรับข้าไว้

ทูลขอพระเจ้าทรงนำ
11 โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงสอนทางของพระองค์ และขอทรงนำข้า
ไปตามทางราบเนื่องจากเหล่าศัตรูของข้า
12 ขออย่าทรงมอบข้าไว้ให้อยู่ในเงื้อมมือของศัตรู
เพราะมีพยานเท็จลุกฮือขึ้นต่อต้านข้า
พวกเขาหายใจออกมาเป็นความรุนแรง
13 ข้ามั่นใจว่า ข้าจะได้เห็นความดีเลิศของพระยาห์เวห์
ในแผ่นดินของคนเป็น

หนุนน้ำใจคนอื่นให้วางใจพระเจ้า
14 จงรอคอยพระยาห์เวห์
จงกล้าหาญเถิด และพระองค์จะทรงให้กำลัง
จงรอคอยพระยาห์เวห์

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 18:28,84:11, อิสยาห์ 60:19-20, ,มีคาห์ ,ฮีบรู 16:3

2* สดุดี 9:3, 118:12, อิสยาห์ 8:15

3*สดุดี 3:6, วิวรณ์ 2:10


4* สดุดี 26:8,23:6, 65:4, 84:10

5* สดุดี 31:20, 138:7, สุภาษิต 18:10, โคโลสี 3:3

6* สดุดี 3:3, 107:22, ฮีบรู 13:5, วิวรณ์ 15:3

7* สดุดี 130:2-4, 13:3,5:2,4:1

8*สดุดี 105:4, 119:58, เยเรมีย์ 29:12-13

9* สดุดี 69:17, 143:7, 102:2

10* อิสยาห์ 49:15,40:11

11*สดุดี 25:4, 86:11, 119:33, สุภาษิต 2:6-9

12* สดุดี 35:11,31:8, ฉธบ. 19:18, มัทธิว 26:60, ยอห์น 19:33

13* โยบ 28:13, สดุดี 52:5, 116:9, 142:5, อิสยาห์ 38:11, เยเรมีย์ 11:9

14* ปฐมกาล 48:18, สดุดี 25:5, 37:7, 62:5

อธิบายเพิ่มเติม

บทนี้ มีข้อความ อารมณ์ความรู้สึก เหมือนสดุดี 18:1-50 และ สดุดี 28:1-9

สดุดี 27:1-3
พระเจ้าทรงเป็นแสงสว่าง … นี่เป็นการบอกตรง ๆ ว่าพระเจ้าทรงเป็นแสงสว่าง เหมือนกับที่ยอห์นบอกไว้ ใน ยอห์น 1:4-9 คิดสิว่า แสงสว่างนั้นให้อะไรกับชีวิตของเราบ้าง ถ้าไม่มีพระเจ้า ก็ไม่มีแสงสว่างในชีวิตทั้งทางกายภาพและทางจิตวิญญาณ
กษัตริย์ดาวิดกล่าวถึงศัตรูว่าจะมาขย้ำกินเลือดเนื้อของท่าน. ท่านเห็นศัตรูเหมือนสัตว์ที่โจมตีอย่างดุร้าย คำของท่านทำให้เราเห็นภาพชัดเจนว่า ศัตรูนั้นน่าหวาดหวั่นเพียงใด แต่แล้ว ท่านกลับพลิกความรู้สึกนั้นเป็นความมั่นใจ ไม่กลัว เพราะท่านบอกแล้วว่า พระเจ้าทรงเป็นทั้งแสงสว่าง ความรอด ที่กำบัง (ข้อ 1)

สดุดี 27:4
และแล้วเราก็มาเห็นว่าท่านมีเป้าหมายเดียวในชีวิตคือ ที่จะได้จ้องดู ได้พินิจความงามของพระยาห์เวห์ จะได้แสวงหาพระเจ้า จะได้พักในพระนิเวศ นั่นคือท่านต้องการมองพระเจ้า ถามสิ่งต่าง ๆ ที่สงสัย ตามหาพระเจ้าและน้ำพระทัยของพระองค์
นี่เป็นแก่นแท้ของการนมัสการพระเจ้า พูดจริง ๆ คือ ท่านมุ่งใจไปที่องค์พระเจ้าและน้ำพระทัยของพระองค์มากกว่า สิ่งที่อยู่รอบตัวซึ่งล้วนนำมาซึ่งความรู้สึกทางลบ
ย้อนกลับไปที่สดุดี 23:6 6 แน่นอน ที่ความดีและความรักมั่นคงของพระองค์จะตามติดข้าไปตลอดชีวิตของข้าและข้าจะอาศัยในพระนิเวศของพระยาห์เวห์เป็นนิตย์ เป็นความรู้สึกเดียวกันที่กษัตริย์ดาวิดมีต่อพระนิเวศของพระเจ้า

สดุดี 27:5-6
เมื่อกษัตริย์ดาวิดมาตามหาพระเจ้า มาพบพระองค์ สิ่งที่ท่านได้ตามมาก็คือ การปกป้องจากศัตรู การมีความมั่นคงในชีวิต ท่านมั่นใจว่า พระเจ้าจะทรงยกท่านเหนือศัตรูทั้งหลายที่พยายามขย้ำท่านอยู่ ในข้อ 6 มีคำมั่นสัญญาว่าจะถวายเครื่องบูชาและร้องเพลงถวายพระเจ้า


สดุดี 27:7-10
ตามหา แสวงหาพระเจ้าผู้ซื่อตรง
หลังจากข้อ 6 ดูเหมือนว่า กษัตริย์ดาวิดยังไม่ได้รับคำตอบจากพระเจ้า ท่านขอพระเจ้าด้วยเสียงดังมาก ๆ ขอให้พระเจ้าทรงฟัง ทรงเมตตา ทรงตอบ โดยติดตามหาพระเจ้าอย่างอย่างมุ่งมั่นตามที่ท่านได้ยินพระดำรัสสั่งของพระองค์
คำขอนั้น ขออย่าซ่อนพระพักตร์. ขออย่าเมิน ขออย่าทรงละทิ้ง นี่เป็นความรู้สึกอันรุนแรงของบุรุษผู้หนึ่งที่พระเจ้าทรงใช้ให้เป็นผู้ปกครองคนของพระองค์ เห็นได้ชัดว่า แม้จะดูแข็งแกร่ง เป็นผู้นำ ใคร ๆ ก็ติดตาม. แต่เบื้องหลังของท่านนั้นคือการเข้ามาหาความช่วยเหลือของพระเจ้าด้วยรู้จักตนเองว่าเป็นอย่างไร ไม่อายที่จะทูลพระองค์ว่า ท่านเองต้องการพระองค์ขนาดไหน นี่คือ คนที่รู้จักตนเองจริง คนที่ถ่อมตนจริง ๆ

สดุดี 27:11-13
ทูลขอพระเจ้าทรงนำ
กษัตริย์ดาวิดขอพระเจ้าทรงสอนทาง ขอทรงนำ ขออย่าให้ตกในเงื้อมมือของศัตรู
และในขณะที่ท่านกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูเหล่านั้น ท่านกล่าวคำมั่นใจว่า ท่านจะรอดและเห็นความดีของพระเจ้าอย่างแน่นอน
ในข้อสิบสามนั้น ความรู้สึกคือ “ใจของข้าจะฝ่อไป ข้าจะหมดกำลัง. หากถ้าข้าไม่ได้เห็นความดีเลิศของพระเจ้าในแผ่นดินของคนเป็นแล้ว ” เป็นคำอธิษฐานต่อสู้ระหว่างการต่อสู้ที่กำลังเผชิญอยู่กับความไว้วางใจในพระเจ้า

สดุดี 27:14
หนุนน้ำใจคนอื่นให้วางใจพระเจ้า
การรอคอยนั้นเป็นการตั้งตา มุ่งมั่น จดจ่อ มีสมาธิอยู่ที่การรอคอย ไม่ใช่ใจไปอยู่ที่อื่น คำ ๆ นี้ยังมีความหมายถึงการที่เราจะรอไป ผูกพันกับพระองค์ไปในเวลาเดียวกัน ยิ่งรอ ยิ่งใกล้ชิด
คำว่า จงทำให้ใจเข้มแข็งนั้น เราได้ยินอยู่เสมอในยามที่โยชูวานำอิสราเอลเข้ามาในแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสัญญา​… เมื่อเราเจอปัญหา อุปสรรค ให้เราบอกตัวเองให้เข้มแข็ง ไม่ท้อใจเสียง่าย ๆ เพราะพระเจ้าจะทรงเป็นผู้เสริมกำลังให้ด้วยพระองค์เอง … อิสยาห์ 40:31

บรรณานุกรม
Barrick, D. William. “Psalms 27 My Light and my Salvation.” , 10 April 2021 <https://drbarrick.org/files/studynotes/Psalms/Ps_027.pdf>

Constable, L. Thomas “Notes on Psalms” 10 April 2021 <https://planobiblechapel.org/tcon/notes/pdf/psalms.pdf>

Lawson, J. Steven. Holman Old Testament Commentary Psalms 1-75. Nashville Tennessee: Broadman and Holman Publishers, 2003.

1 ยอห์น 1 ความสว่าง ความรักและชีวิต

ที่มาจากปฐมกาล ที่ได้ยิน ได้เห็น ได้ดู และสัมผัส

(นี่เป็นสิ่งที่เราประกาศแก่ท่าน)
สิ่งที่มาจากปฐมกาล
สิ่งที่เราได้ยิน
สิ่งที่เราได้เห็นด้วยตา
สิ่งที่เราได้พินิจดูและได้สัมผัสด้วยมือของเรา
เกี่ยวข้องกับพระคำแห่งชีวิต
1 ยอห์น 1:1

ยอห์น 1:1, 4, 14, 2 เปโตร 1:16, ลูกา 24:39,

ชีวิตนั้นได้ปรากฏ
และเราได้เห็นชีวิตนั้น
เราเป็นพยาน และประกาศกับท่าน
ถึงชีวิตนิรันดร์ที่อยู่กับพระบิดา
และสำแดงให้แก่เรา
1 ยอห์น 1:2

ยอห์น 1:4, โรม 16:26, ยอห์น 21:24, ยอห์น 1:1,18, 16:28

สิ่งที่เราเห็น และได้ยินเราประกาศแก่ท่าน เพื่อว่าท่านจะได้มีสัมพันธ์สนิทกับเราและเรามีสัมพันธ์สนิทกับพระบิดา
และกับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์
เราเขียนสิ่งเหล่านี้เพื่อว่า ความยินดีของเราจะสมบูรณ์พร้อม
1 ยอห์น 1:3-4

1 โครินธ์ 1:9, ยอห์น 17:21, 3, 15:11, 16:24

สัมพันธ์สนิทกับพระเจ้าและพี่น้อง

และนี่เป็นสาระของข่าว ที่เราได้ยินจากพระองค์
และประกาศแก่ท่าน นั่นคือ พระเจ้าทรงเป็นความสว่าง
และในพระองค์ไม่มีความมืดเลย
1 ยอห์น 1:5

1 ยอห์น 3:11, 1 ทิโมธี 6:16,ยอห์น 8:12, 1:9,
สดุดี 27:1

หากเราพูดว่า เรามีความสัมพันธ์กับพระองค์  แต่เรายังคงเดินในความมืดเท่ากับเราพูดเท็จ
และไม่ได้ประพฤติตามความจริง
1 ยอห์น 1:6

1 ยอห์น 2:9-11, 1 ยอห์น 4:20, ยากอบ 2:14

แต่หากว่าเราเดินในความสว่าง
เหมือนที่พระองค์ทรงดำเนินในความสว่าง
เราก็มีสัมพันธ์สนิทต่อกันและกัน
และพระโลหิตของพระเยซูพระบุตรของพระเจ้า
ก็ชำระเราให้สะอาดพ้นจากบาปทั้งสิ้น
1 ยอห์น 1:7

อิสยาห์ 2:5, 1 โครินธ์ 6:11, เอเฟซัส 5:8


หากเรากล่าวว่า เราไม่มีความผิดบาป
เราก็กำลังหลอกตนเอง
และความจริงไม่ได้อยู่ในเรา
1 ยอห์น 1:8

ยากอบ 3:2, โรม 3:23, ปัญญาจารย์ 7:20


แต่หากว่าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อตรงและเที่ยงธรรมจะทรงอภัยบาปให้เรา และชำระเราจากความอธรรมทั้งสิ้น
1 ยอห์น 1:9

สุภาษิต 28:13, โรม 13:24-26, สดุดี 51:2



หากเราพูดว่า เราไม่เคยทำบาปเท่ากับเรากล่าวหาว่า พระองค์ทรงมุสา และพระดำรัสของพระองค์ไม่ได้อยู่ในเรา
1 ยอห์น 1:10

1 ยอห์น 5:10, สดุดี 130:3

อธิบายเพิ่มเติม

1 ยอห์น 1:1
พอเราเห็นพระคำตอนนี้ เราก็นึกถึงพระกิตติคุณ
ยอห์นทันที (ในฉบับกรีก ไม่มีประโยคแรกแต่ใส่ไว้ให้เข้าใจง่ายว่าท่านยอห์นหมายถึงอะไร นี่เป็นประโยคเดียวที่ยาวมากเพราะหนึ่งประโยคนี้ยาวไปถึงข้อ 4 ) อ่านให้ดี สิ่งที่ท่านยอห์นกล่าวถึงคือ ข่าวสารเรื่องของพระเยซูนั่นเอง พระองค์ทรงมาจากปฐมกาล แต่เป็นพระเจ้า และอาจารย์ที่รักของท่านยอห์น เป็นผู้ที่ท่านได้อยู่ใกล้ชิดมาก ๆ

1 ยอห์น 1:2
“ชีวิตนิรันดร์ที่อยู่กับพระบิดา”ที่ท่านยอห์นกล่าว
ถึง ก็คือ พระเยซูคริสต์ก่อนที่พระองค์จะมาบังเกิดในโลกนี้ ยอห์น 1:4 และยังโยงกับยอห์น 3:16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ นั่นคือ พระบุตรพระเจ้าลงมาในโลกและทรงรับสภาพความเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ ทรงเป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์ในองค์ ๆ เดียว และคนจำนวนมากได้สัมผัสกับพระองค์จริง ๆ

1 ยอห์น 1:3-4
เวลานี้ท่านยอห์นเองได้บอกว่า เหตุผลที่ท่านเขียน
จดหมายฉบับนี้ก็เพื่อจะได้มีความยินดีอย่างเต็มเปี่ยม สมบูรณ์แบบ พระเจ้าผู้ที่เรามองไม่เห็นทรงสำแดงพระองค์ผ่านพระเยซู ซึ่งทำให้ผู้คน ได้ยิน ได้เห็น ได้สัมผัส ได้มีสัมพันธ์สนิทกับพระองค์จริง ๆ พระเยซูทรงเป็นผู้ที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ เป็นผู้ที่พลิกโฉมของสังคมโลกโบราณ ผู้คนที่มาเชื่อพระองค์ เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อพี่น้องร่วมสังคม แทนเกลียดด้วยความรัก อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

1 ยอห์น 1:5
สาระของข่าวที่ได้ยินจากพระองค์นั้นก็คือ เรื่องของข่าวประเสริฐนั่นเองข้อต่อ ๆ ไปเราจะทราบว่า อะไรคือสาระนั้น. สิ่งที่ท่านยอห์นพูดนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่ท่านคิดขึ้น มาเองตามใจ แต่ท่านได้ยินมาจากพระเยซูเอง และ ก็ตรงกับสิ่งที่พระเยซู ตรัสในยอห์น 8 และ 9 ดวงอาทิตย์ยังมีจุดมืดที่ดับ แต่สำหรับพระเจ้าแล้ว ไม่มีอะไรเช่นนั้นอยู่ในพระองค์

1 ยอห์น 1:6 พระเจ้าทรงเป็นความสว่าง คนของพระองค์จึง
ต้องเป็นสว่างด้วย พระเยซูตรัสว่า ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราใช้ชีวิตโดยไม่มีความมืดแฝงอยู่ เป็นชีวิตที่โปร่งใส ไม่มีการแอบหมกบาปไว้ หากเรามั่นใจว่า เรามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าแล้วเราต้องไร้บาปที่ไม่ได้สารภาพพระเยซูทรงชำระเราแล้วด้วยพระโลหิตของพระองค์ เพื่อให้เรามีสัมพันธ์สนิทที่แท้จริง

1 ยอห์น 1:7
ความสว่าง เป็นสัญลักษณ์บอกถึงพระลักษณะของพระเจ้า: ทรงงามเลิศตระการ พระสิริรุ่งโรจน์ ยังรวมไปถึงความบริสุทธิ์ ความจริงในพระองค์ และพระลักษณะที่ทรงสื่อสารกับมนุษย์อยู่เสมอ พลังที่ประทานให้มนุษย์ และสิทธิในการออกพระบัญชา การอยู่ในความสว่างของพระเจ้า ทำให้เรามีสัมพันธ์สนิทต่อกันและต่อพระเจ้าโดยที่ทุกคนได้รับการชำระโดยพระโลหิตแล้ว 

1 ยอห์น 1:8
คำว่า “ฉันไม่ได้ทำผิด” ในเรื่องนั้นเรื่องนี้ยังพอรับได้ว่าเป็นจริง แต่ที่บอกว่า ฉันไม่มีบาปนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนกล้าพูดคำนี้ การพูด เช่นนี้ไม่ใช่แค่หลอกตัวเอง แต่เท่ากับโกหกด้วย เชื่อหรือไม่ว่า ยิ่งเราเข้าใกล้พระเจ้ามากเท่าไร เรายิ่งรู้สึกถึงความบริสุทธิ์ของพระเจ้า และ ความสกปรกในชีวิตของเรามากเท่านั้น ท่านอิสยาห์เองได้อธิบายชัดเลยใน
อิสยาห์ 6:1-5

1 ยอห์น 1:9
พระคำข้อนี้ เป็นข้อที่คริสเตียนทุกคนจำได้เพราะถึงแม้เราเข้ามาอยู่ในพระเจ้าแล้ว แต่เรายังต้องการพระเจ้าทุก ๆ วัน ในชีวิตที่ดำเนินไปแต่ละวันนั้น มีโอกาสทำผิด ไม่ตรงตามเป้าหมายที่พระเจ้าทรงประสงค์อยู่เสมอ การสารภาพแปลว่า ประณามบาปในแบบที่พระเจ้าจะทรงกล่าวถึงมัน เรายอมรับความบาปนั้น ไม่ดื้อรั้น เป็นการแต่รู้ว่า บาปเป็นสิ่งที่ต้านพระเจ้าไม่ใช่แค่ผิดหรือพลาด

1 ยอห์น 1:10
ข้อ 6 เราบอกว่าเราสนิทกับพระเจ้า แต่ยังเดินในความมืด ข้อ 8 เราว่า เราไม่มีความผิดบาป ข้อนี้เป็นการกล่าวว่าสิ่งที่เราเคยทำมานั้น ไม่ใช่บาป
เราจะเห็นความสัมพันธ์ของข้อ 5-6, 7-8, 9-10
เมื่อเราอ่านและพิจารณาให้ดี ข้อหลังเป็นการ ปฏิเสธความจริงที่ข้อก่อนหน้าได้กล่าวไว้ พระคัมภีร์ในหนึ่งยอห์นห้าข้อสุดท้ายนับเป็นพื้นฐานการใช้ชีวิตคริสเตียนที่สำคัญมาก เราต้องใช้ชีวิตในความสว่าง สนิทกับพระเจ้า! E 2024 12 02

สดุดี 26 อธิษฐานขอพระเจ้าทรงตรวจสอบและทรงไถ่

สดุดีของดาวิด

ขอพระเจ้าทรงตัดสิน ตรวจสอบชีวิต
1 โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าพระองค์​
เพราะข้าดำเนินชีวิตในความเที่ยงตรง
ข้าวางใจในองค์พระยาห์เวห์ ข้าจึงไม่หวั่นไหว
2 โอ พระยาห์เวห์​ ขอทรงตรวจสอบข้า และพิสูจน์ข้า
ขอทรงทดสอบความคิดและจิตใจส่วนลึกของข้า
3 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์อยู่ตรงหน้าข้า
และข้าได้เดินในความจริงของพระองค์
ยืนยันว่าไม่คบคนชั่ว
4 ข้าไม่นั่งกับหมู่คนหลอกลวง
จะไม่เดินคู่ไปกับคนหน้าไหว้หลังหลอก
5 ข้าเกลียดชังชุมนุมคนทำชั่ว
และจะไม่นั่งกับคนโหดร้าย
ข้ารักพระนิเวศของพระเจ้า
6 ข้าจะล้างมือแสดงความบริสุทธิ์
และเดินรอบแท่นบูชาของพระองค์ โอ พระยาห์เวห์
7 เพื่อจะเปล่งเสียงขึ้นขอบคุณพระองค์
และเล่าถึงราชกิจอันน่าพิศวงของพระองค์
8 โอ พระยาห์เวห์ ข้ารักพระนิเวศของพระองค์
และสถานที่ซึ่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ปรากฏอยู่
อธิษฐานขอความรอดพ้น
9 ขออย่าทรงลากวิญญาณของข้าไปพร้อมกับคนบาป
หรือปลิดชีวิตของข้าไปพร้อมกับคนที่กระหายเลือด
10 คนที่มือเป็นแผนชั่วร้าย และมือขวาเต็มด้วยสินบน
11 แต่สำหรับข้า ข้าจะเดินในความเที่ยงตรง
ขอทรงไถ่ข้าและทรงเมตตาข้าด้วย
มั่นใจในพระยาห์เวห์
12 เท้าของข้ายืนมั่นคงอยู่บนพื้นราบ
ข้าจะถวายพระพรแด่พระยาห์เวห์
ในที่ประชุมใหญ่

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 7:8, 2 พงศ์กษัตริย์ 20:3, สุภาษิต 20:7, สดุดี 13:5, 28:7

2* สดุดี 17:3, 139:23

3* 2 พงศ์กษัตริย์ 20:3, สดุดี 86:11

4* สดุดี 1:1, เยเรมีย์ 15:17

5* สดุดี 31:6, 139:21, 101:3-8

6* สดุดี 43:4, อพยพ 30:19-20

7* สดุดี 9:1, 145:5

8* สดุดี 27:4,84:1-4, 10

9* วิวรณ์ 22:14-15, สดุดี 139:19

10* ฉธบ. 16:19, สดุดี 52:2, 1 ซามูเอล 8:3

11* สดุดี 26:1, 1 เปโตร 1:18-19

12* สดุดี 40:2, 27:11

อธิบายเพิ่มเติม สดุดี 26

สดุดี 26:1-3
สดุดี 26-28 เป็นสดุดีที่เราจะเห็นว่า กษัตริย์ดาวิดได้กล่าวถึงการได้ชมความงามของพระนิเวศอย่างชัดเจน ข้อ 1-3 ท่านได้ทูลขอพระเจ้าทรงแก้ต่างให้ เหมือนว่ามีคนมากล่าวโทษท่าน ท่านได้บอกความในใจชัดเจนว่า จะไม่หวั่นไหว หรือจะไม่สะดุดล้มเพราะวางใจพระเจ้าจริง ๆ ท่านรู้ว่า พระเจ้าของท่านยิ่งใหญ่เพียงใด ท่านจึงมั่นคงได้ไม่ว่าศัตรูจะมาไม้ไหน ในชีวิตของเราก็เช่นกัน อย่าให้ได้มีใครมากล่าวหาความผิดของเราได้ หากเรามีชีวิตอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าจริง ๆ พระองค์ทรงตรวจสอบเราอยู่แล้วทุก ๆ วัน
คำทูลขอของท่านนั้น กล้ามาก ขอให้พระเจ้าทรงตรวจสอบทุกซอกมุมของหัวใจ เรารู้อยู่ว่าใจของเรานั้น เป็นตัวหลอกยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ดังนั้น เมื่อพระเจ้าทรงตรวจสอบ เราจะเจ็บ จำ และตามด้วยการกลับใจ ..

สดุดี 26:4-5
ที่กษัตริย์ดาวิดมั่นใจให้พระเจ้าทรงตรวจสอบ เพราะท่านไม่ได้คบคนชั่ว ไม่ได้ยอมให้คนชั่วมาเป็นที่ปรึกษาในการปกครอง ในชีวิตของท่าน.. ท่านไม่อยู่ในหมู่คนที่หน้าไหว้หลังหลอก คนชั่วร้าย คนที่กินสินบน เหล่านั้นไม่มีทางที่จะได้มีส่วนใด ๆ ในอาณาจักรที่ท่านปกครองอยู่เลย

สดุดี 26:6-8
ยิ่งกว่านั้น ท่านรักพระนิเวศของพระเจ้าสุดหัวใจ ที่ ๆ คนของพระองค์มารวมตัวนมัสการพระองค์
ณ ที่นั่น พระสิริของพระเจ้าปรากฏอย่างชัดเจน บางทีเราไม่เข้าใจว่า แม้ในคริสตจักรเล็ก ๆ ที่มีแต่คนชราที่ซื่อตรงต่อพระเจ้ามานมัสการด้วยกัน คือ พระสิริอันงดงามของพระเจ้าฉายแสงในที่เล็ก ๆ นั้น

สดุดี 26:9-11
แล้วกษัตริย์ดาวิดก็อธิษฐานขอความรอดจากพระเจ้า ขอพระเจ้าอย่าทรงกริ้วและปลิดชีวิตของท่านไปพร้อม ๆ กับคนบาปชั่ว ท่านขอให้พระเจ้าเว้นท่านไว้จากหายนะ และท่านก็ทูลขอให้พระเจ้าทรงกู้จากการโจมตีของคนชั่วอีกครั้ง

สดุดี 26:12
แสดงความมั่นใจอย่างยิ่งว่า ได้ยืนอยู่ในที่ ๆ มั่นคง นั่นคือบนพันธสัญญาของพระเจ้าที่ซื่อตรง ท่านสัญญาว่าจะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าในที่ประชุมใหญ่ เชื่อว่า นั่นคือการที่ ท่านได้นมัสการพระเจ้าร่วมกับประชาชนของพระองค์ ใช่แล้วท่านจะนมัสการพระเจ้าในฐานะผู้ที่มีชัยชนะในที่ ๆ คนรวมกันมากมาย