สดุดี 1 ทางคนเที่ยงธรรมกับคนอธรรม

1 ความสุขเป็นของคนที่ไม่เดินตามคำแนะนำของชุมชนคนชั่ว
ไม่ยืนในทางของหมู่คนกระทำผิด
ไม่นั่งอยู่ในกลุ่มคนช่างเยาะเย้ย
2 แต่เขาปลาบปลื้มในพระบัญญัติของพระยาห์เวห์
เขาใคร่ครวญพึม ๆ ถึงพระบัญญัตินั้นทั้งวันและคืน
3 และเขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกริมธารน้ำ
ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล ใบก็ไม่ร่วงโรยไป
เขาลงมือทำสิ่งใด ก็เจริญรุ่งเรืองเสมอ
4 แต่คนชั่วไม่เป็นเช่นนั้น
พวกเขาเป็นเหมือนแกลบที่ลมพัดปลิวว่อนไป
5 คนชั่วจึงไม่อาจยืนอยู่ได้ในวันพิพากษา
และหมู่คนกระทำผิด ไม่อาจยืนอยู่ในที่ชุมชนคนเที่ยงธรรม
6 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรู้ทางของคนเที่ยงธรรม
แต่ทางของคนชั่วจะสูญสิ้น พินาศไป

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 26:4-5; 119:1-2, 36; เยเรมีย์ 15:17
2* โยชูวา 1:8; สดุดี 40:8
3* เยเรมีย์ 17:8; เอเสเคียล 47:12; สดุดี 92:14
4* โยบ 21:18; สดุดี 35:5; มัทธิว 3:12
5* สดุดี 5:5; มัทธิว 25:41; มาลาคี 3:18
6* 2 ทิโมธี 2:19; นาฮูม 1:7; ยอห์น 10:27

อธิบายเพิ่มเติม

สดุดี 1-3 หนทางคนเที่ยงธรรม
สดุดีเริ่มต้นที่คำฮีบรูว่า อาเชร์ ซึ่งแปลว่า ความสุขความยินดี ข้อนี้อ่านได้อีกอย่างว่า โอ เขาจะมีความสุขมากเพียงไร เขาที่มีความสุข เป็นคนที่ไม่เดิน ไม่ยืน ไม่นั่ง ในหมู่คนชั่ว แต่ในใจของเขาปลาบปลื้มในพระคำ และใคร่ครวญพระบัญญัติ หรือพระดำรัสของพระเจ้าทั้งวันและคืน ที่เราใช้คำพึม ๆ เพราะหมายถึงมีการกล่าวพระคำนั้น ซ้ำ ๆ จากปากด้วย การทำเช่นนั้น ทำให้เขาได้อยู่ใกล้พระองค์ เพราะเอาใจใส่ที่จะเข้าใจสิ่งที่พระเจ้าตรัสให้แก่เขาจากพระคัมภีร์
ผลที่ได้ในชีวิตคือ เขาเป็นเหมือนต้นไม้เขียวสดริมน้ำ กำลังและพระคุณมากจากพระคำของพระเจ้า ไหลล้น ไม่หยุด มีมาใหม่ทุกวัน รากของต้นไม้ได้อาหาร ความชุ่มชื่นจากพระคำโดยตรง ไม่ใช่จากสิ่งต่าง ๆ ที่มนุษย์พูดกันอยู่มากมาย
เขาจะเกิดผล มีใบไม้ที่เขียวสดเสมอ รุ่งเรืองไม่หยุด เรารู้อยู่ว่า ชีวิตของเรามีฤดูกาลของมัน มีเวลาดีและร้ายในชีวิต แต่ เขายังจะออกผลดีเสมอ เคล็ดลับของชีวิตที่รุ่งเรืองคือ การรู้จัก ดำเนินตาม รักษาพระคำของพระเจ้า ใช้ชีวิตกับพระคำ …
สดุดี 4-5 หนทางคนอธรรม
คนอธรรมอาจดูดี มั่งคั่ง ดูว่ามีความสำเร็จ แต่หากชีวิตของเขาไม่ได้อยู่กับพระเจ้า หากเขาเป็นคนที่กระทำผิดโดยไม่รู้สึกผิด เป็นคนช่างเยาะหยันผู้อื่น (เราเจอมากมายในโลกทุกวันนี้) สำหรับพระเจ้าแล้ว เขาเป็นเหมือนแกลบที่จะปลิวหายไป ไม่มีใครรู้จักต่อไปอีก เมื่อพระเจ้าพิพากษา เขาไม่ได้มีพระเยซูคริสต์ที่ทรงรับโทษแทน ดังนั้น เขาจึงไม่อาจชนะการพิพากษาของพระเจ้าได้
สดุดี 6 สรุปชีวิตคนสองแบบ
สดุดีบทนี้ ผู้เขียนได้บอกชัดเจนว่า ใครเป็นใคร คราวนี้ก็อยู่ที่เราจะตัดสินใจว่า เราจะทำอย่างไร..จะเป็นคนไหน

สดุดี 77 ในวันทุกข์ยาก ข้าแสวงหาพระเจ้า

Text สดุดี 77

1 ข้าส่งเสียงดังร้องทูลพระเจ้า
ร้องต่อพระเจ้าด้วยเสียงของข้า
และพระองค์ทรงฟังข้า
2 ในวันที่ทุกข์ยาก ข้าแสวงหาพระเจ้า
เวลากลางคืน ข้าชูมือหาพระองค์ไม่หยุด
จิตใจของข้าไม่ยอมรับคำปลอบประโลม
3 ข้าระลึกถึงองค์พระเจ้า และก็เป็นทุกข์นัก
ข้าคร่ำครวญ และวิญญาณของข้าระโหยโรยแรง
เส ลาห์
4 พระเจ้าทรงยึดเปลือกตาไม่ให้ปิด
ข้าเป็นทุกข์หนักจนพูดไม่ออก
5 ข้าคิดถึงวันก่อนเก่า ย้อนไปในอดีตกาล
6 ข้าระลึกถึงบทเพลงยามค่ำคืน
ข้าจะใคร่ครวญในใจ และวิญญาณของข้าก็ไตร่ตรอง
7 พระเจ้าจะทรงปฏิเสธเสมอไปหรือ?
และพระองค์จะไม่ทรงโปรดปรานอีกเลยหรือ?
8 ความรักมั่นคงของพระองค์จบไปเป็นนิตย์หรือ?
และพระสัญญาของพระองค์จบตลอดไปหรือ?
9 พระเจ้าทรงลืมที่จะแสดงพระคุณหรือ?
พระพิโรธได้ยับยั้งพระทัยทรงสงสารอย่างนั้นหรือ?
เส ลาห์

10 แล้วข้าจึงกล่าวว่า “ข้าทุกข์ระทมยิ่ง
เพราะพระหัตถ์ขวาขององค์ผู้สูงสุดได้เปลี่ยนไป”
11 แต่ข้าจะจดจำพระราชกิจของพระยาห์เวห์
ใช่ ข้าจะจดจำการมหัศจรรย์ในอดีตของพระองค์
12 ข้าจะใคร่ครวญถึงพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์
และจะไตร่ตรองถึงราชกิจอันทรงฤทธิ์ของพระองค์
13 โอพระเจ้า ทางของพระองค์นั้นบริสุทธิ์
มีพระอื่นใดที่ยิ่งใหญ่อย่างพระเจ้าของเราหรือ?
14 พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงทำการมหัศจรรย์
พระองค์ทรงสำแดงฤทธานุภาพของพระองค์
ท่ามกลางคนทั้งหลาย
15 พระองค์ทรงไถ่ประชากรของพระองค์ด้วยพระกร
คือลูกหลานของยาโคบและโยเซฟ
เส ลาห์
16 โอ พระเจ้า เมื่อมวลน้ำเห็นพระองค์
เมื่อมวลน้ำเห็นพระองค์ มันก็กลัวลาน ที่ลึกสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
17 หมู่เมฆ เทน้ำกระหน่ำลงมา
ท้องฟ้าก็ส่งเสียงคำราม
ลูกธนูของพระองค์ก็ส่องสว่างพรึบพริบ
18 เสียงอันกึกก้องของฟ้าผ่าของพระองค์อยู่ในพายุหมุน
ฟ้าแลบแปลบปลาบส่องสว่างให้โลก
แผ่นดินสั่นสะท้านหวั่นไหว
19 พระองค์เสด็จผ่านทะเลไป พระองค์เสด็จผ่านผืนน้ำกว้าง
แต่ไม่มีใครเห็นย่างพระบาทของพระองค์
20 พระเจ้าทรงนำประชากรของพระองค์ไปเหมือนอย่างนำฝูงแกะ
ด้วยมือของโมเสสและอาโรน