ฮีบรู 8 เราทุกคนรู้จักพระองค์

ฮีบรู 8:1-2 สิ่งที่เป็นจุดสำคัญคือเรามีมหาปุโรหิตเช่นนี้ ผู้ประทับนั่ง ณ เบื้องขวาของพระที่นั่งแห่งองค์ผู้ทรงยิ่งใหญ่ในสวรรค์และพระองค์ทรงปฏิบัติกรณียกิจในสถานบริสุทธิ์ และพลับพลาแท้ที่พระเจ้าทรงสถาปนา มนุษย์ไม่ได้เป็นผู้สร้างขึ้น

ฮีบรู 8:3-4 ในเมื่อมหาปุโรหิตทุกท่านถูกแต่งตั้งขึ้นมาเพื่อถวายทั้งของถวายและเครื่องบูชาจึงจำเป็นที่องค์ปุโรหิตท่านนี้จะต้องมีสิ่งที่จะถวายเช่นกัน หากพระองค์ทรงอยู่ในโลกพระองค์ก็จะไม่ได้เป็นปุโรหิตเพราะมีปุโรหิตท่านอื่น ๆ ที่ถวายของต่าง ๆ ตามที่บัญญัติกำหนดไว้อยู่แล้ว

ฮีบรู 8:5 ปุโรหิตเหล่านั้นได้ปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่ซึ่งเป็นแค่แบบจำลอง เป็นเงาของสิ่งที่อยู่ในสวรรค์ นี่เองที่โมเสสได้เตือนไว้ตอนที่ท่านกำลังจะสร้างพลับพลาว่า “จงระวังทำทุกอย่างตามต้นแบบ(แบบร่าง)ที่ได้แสดงให้เจ้าเห็นบนภูเขานั้น”

ฮีบรู 8:6-7 อย่างไรก็ตาม พระเยซูองค์มหาปุโรหิตของเรา ทรงได้รับพันธกิจที่เป็นเลิศกว่า (ระบบปุโรหิตเดิม) เพราะพระองค์ทรงเป็นสื่อกลางให้กับพันธสัญญาดีกว่าซึ่งอยู่บนพระสัญญาที่เหนือกว่า เพราะหากว่าพันธสัญญาแรกไม่มีข้อบกพร่องก็ไม่ต้องมีพันธสัญญาที่สองอีก

ฮีบรู 8:8 เมื่อพระเจ้าทรงพบความผิดในหมู่ประชากรและตรัสว่า “ดูเถิด วันนั้นจะมาถึง พระเจ้าทรงประกาศ .. เมื่อเราจะทำพันธสัญญาใหม่กับวงศ์วานอิสราเอลและกับวงศ์วานยูดาห์
ฮีบรู 8:9 จะไม่เป็นเหมือนพันธสัญญาที่เราทำกับบรรพบุรุษของพวกเขา ในเวลาที่เราจูงมือนำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์เพราะพวกเขาไม่ซื่อตรงในพันธสัญญาของเรา และเราจะหันหลังให้พวกเขา” องค์พระผู้เป็นพระเจ้าตรัสดังนั้น

ฮีบรู 8:10 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า นี่คือพันธสัญญาที่เราจะทำกับวงศ์วานอิสราเอลหลังจากสมัยนั้น นั่นคือเราจะใส่บทบัญญัติของเราเข้าไปในจิตใจของพวกเขา และจารึกมันไว้บนแผ่นหัวใจของเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา พวกเขาจะเป็นประชากรของเรา

ฮีบรู 8:11-12 ไม่มีใครในพวกเขาที่จะสอนเพื่อนบ้านหรือพี่น้องว่า“จงรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า”เพราะเขาทุกคนจะรู้จักเราตั้งแต่คนที่ต่ำต้อยสุดไปจนถึงคนที่ใหญ่โตสุดเพราะเราจะอภัยความบาปชั่วของพวกเขา และจะไม่จดจำบาปของพวกเขาอีกต่อไป”


ฮีบรู 8:13 เมื่อพระเจ้าตรัสถึงพันธสัญญาใหม่เท่ากับพระองค์ทรงทำให้พันธสัญญาเดิมนั้นพ้นไป ในไม่ช้า สิ่งที่พ้นยุคและเก่าแก่นั้นจะสูญหายไป

ฮีบรู 8:1-2
หลังจากที่พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ คืนพระชนม์ และเสด็จสู่สวรรค์แล้ว พระองค์ประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระบิดา ทรงทำหน้าที่ในฐานะปุโรหิตตามอย่างเมลคีเซเดคในสวรรค์ ซึ่งเป็นของแท้ ต้นแบบของพลับพลาที่โมเสสสร้างขึ้น บัดนี้ เราจึงมีพลับพลานิรันดร์ องค์ปุโรหิตของ เราทรงอยู่ใกล้ชิดพระบิดามากและทรงอยู่ด้วยกันทุกเวลา ไม่เหมือนปุโรหิตที่มาพระวิหารแล้วก็ไป

ฮีบรู 8:3-4
พระเยซูทรงเป็นปุโรหิตตามแบบของเมลคีเซเดคทรงมาจากตระกูลยูดาห์ซึ่งเป็นตระกูลของกษัตริย์ดาวิด หากทรงอยู่ในโลก พระองค์ก็ไม่อาจเป็นปุโรหิตตามสายเลือดได้เลย แต่ผู้เขียนเองได้บอกเราก่อนหน้านี้ว่า จะมีปุโรหิตที่ยิ่งใหญ่กว่าสายของเลวีมากนัก หากเรากลับไปอ่านในฮีบรู 7:11-19 จะเห็นว่าผู้เขียนพยายามอธิบายเรื่องนี้ให้กับยิวที่กำลังลังเลว่าจะกลับไปอยู่ในศาสนายิวเดิมหรือไม่เพราะเป็นคริสเตียนถูกข่มเหงเสมอ

ฮีบรู 8:5
พระเจ้ามักจะทรงใช้เหตุการณ์ สิ่งต่าง ๆ รอบตัวรูปแบบจำลองเรื่องราว มาช่วยให้ผู้คนเข้าใจพระดำริของพระองค์ การสร้างพลับพลาเพื่อนมัสการพระเจ้า ระบบปุโรหิตและการถวายเครื่องบูชาเหล่านี้ ต่างมีเพื่อให้คนได้เข้าใจว่า ความรอดจากพระเจ้ามีการวางแผนอย่างชัดเจน รอบคอบโดยพระองค์เอง ดังนั้น เราจึงต้องมองเรื่องต่าง ๆ ในพระคัมภีร์ทะลุถึงพระดำริในแต่ละสถานการณ์

ฮีบรู 8:6-7
ผู้เขียนกำลังบอกผู้อ่านชาวยิวที่กลับใจมาเป็นคริสเตียนว่า ระบบปุโรหิตเดิมที่พวกเขาคุ้นเคยนั้น เป็นระบบที่มีข้อบกพร่องในแง่ที่ว่า พวกเขาไม่อาจทำตามบัญญัติต่าง ๆ ที่มีอยู่ได้ครบครันเลย พวกเขายังต้องกลับมาถวายเครื่องบูชาไถ่บาปไม่หยุดหย่อน พระเจ้าทรงบอกพวกเขาล่วงหน้าหลายร้อยปีแล้วว่า พระองค์จะทรงทำอะไรกับบัญญัติเดิม แต่ตอนนั้นคนยิวที่ได้ยินคำพยากรณ์นี้ ก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร

ฮีบรู 8:8
ตั้งแต่สมัยของเยเรมีย์ พระเจ้าได้ทรงบอกล่วงหน้าว่า พระองค์จะทรงทำพันธสัญญาใหม่กับพวกเขา และตอนนั้น พวกเขาก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พระองค์ตรัสนั้น หมายความว่าอย่างไร พระองค์ทรงชัดเจนมาก ว่าพระองค์จะทรงทำพันธสัญญาใหม่กับชนอิสราเอล พวกเขาจะไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างเดิมในเรื่องการมาถวายเครื่องบูชาในพลับพลาหรือพระวิหารอีกต่อไป

ฮีบรู 8:9 (เยเรมีย์ 31:31-32)
ชัดเจนว่า พระเจ้าทรงประสงค์ที่จะทำพันธสัญญาใหม่มาตั้งนานแล้ว พระองค์ทรงทราบล่วงหน้าว่าสิ่งนี้ต้องเกิดขึ้น แต่หากไม่มีระบบเดิมอันนี้มาก่อน ผู้คนก็จะไม่รู้ว่า พวกเขาไม่สามารถที่จะทำตามบัญญัติของพระเจ้าด้วยตัวเอง พันธสัญญาใหม่เน้นความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับคนของพระองค์ การรักพระเจ้าสุดใจสุดจิตสุดกำลังความคิด มาเหนือการกระทำใด ๆ

ฮีบรู 8:10 (เยเรมีย์ 31:31-32)
นี่ไง พันธสัญญาใหม่ที่เหนือกว่าพันธสัญญาเดิมมากมายนัก ไม่ได้เป็นพันธสัญญาที่อยู่บนศิลาสองก้อนที่พระเจ้าประทานให้กับโมเสส แต่เป็นพันธสัญญาที่พระเจ้าจะจารึกเข้าไปในจิตใจ ในความคิด ในสมอง ในชีวิตของประชากรของพระองค์ ผู้ที่ติดตามพระเจ้าไม่จำเป็นต้องติดต่อกับพระองค์ผ่านคนกลางไม่ว่าเป็นแบบใดทั้งสิ้น เพราะพวกเขาจะติดต่อกับพระเจ้าโดยตรง

ฮีบรู 8:11-12 (เยเรมีย์ 31:34)
ในเวลานั้น การมีคนกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์เป็นเรื่องธรรมดา คนทั่วไปจะไม่รู้วิธีที่จะเข้ามาหาพระเจ้า และไม่ได้รับอนุญาตขนาดนั้นด้วย ในประวัติศาสตร์ของยิว จากระบบปุโรหิตก็ยังมีเหล่าธรรมาจารย์สำนักต่าง ๆ ที่เราเห็นในพระคัมภีร์ใหม่ คือพวกสะดูสี ฟาริสี ที่สำคัญคือ
พระเจ้าทรงสัญญาว่า เมื่อยกโทษแล้วพระองค์จะไม่ทรงจำบาปนั้นอีกต่อไป

ฮีบรู 8:13
พันธสัญญาใหม่ที่พระเจ้าประทานผ่าน พระเยซูคริสต์นั้น แตกต่างจากระบบเดิมของความเชื่อที่ส่งต่อมาตั้งแต่สมัยโมเสสลงมาจนยุคของพระเยซูอย่างสิ้นเชิง และในข้อนี้ได้บอกชัดว่า เมื่อระบบเดิมสิ้นไป มันจะหายไปเลย ไม่มีต่อไปอีก นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนยิวที่เคยชินกับการทำพิธีต่าง ๆ ในพระวิหาร สิ่งที่เขารักษาไว้จะหายไปอย่างนั้นหรือ? พวกเขาต้องยอมรับให้ได้

พระคำเชื่อมโยง

1* โคโลสี 3:1
2* ฮีบรู 9:8, 12; 9:11, 24
3* ฮีบรู 5:1; 8:4; เอเฟซัส 5:2

5* ฮีบรู 9:23-24; โคโลสี
2:17; อพยพ 25:40
6* 2 โครินธ์ 3:6-8; ฮีบรู 7:22
7* อพยพ 3:8; 19:5
8* เยเรมีย์ 31:31-34

10* เยเรมีย์ 31:33; เศคาริยาห์ 8:8
11* อิสยาห์ 54:13; เยเรมีย์ 31:34
12* โรม 11:27
13* 2 โครินธ์ 5:17

สุภาษิต 23 อย่าเห็นแก่กิน

คำกล่าวที่ 7
1 เมื่อเจ้านั่งรับประทานอาหารร่วมกับผู้ครองเมือง
ขอให้เจ้าระมัดระวังว่า มีอะไรวางอยู่ตรงหน้าเจ้า
2 ให้เอามีดจ่อคอหอยตัวเองไว้
หากว่าเจ้าเป็นคนเห็นแก่กิน
3 อย่าไปโลภอยากได้ของโอชะของเขา
เพราะอาหารเหล่านั้นเป็นสิ่งลวง
คำกล่าวที่ 8
4 อย่าตรากตรำทำงานจนหมดแรงเพื่อที่จะร่ำรวย
จงฉลาดพอที่จะยับยั้งตนเองไว้
5 แค่เจ้า ชายตามองความมั่งคั่ง มันก็หายไป
เพราะมันติดปีกของมันเอง บินลับฟ้าไปเหมือนนกอินทรี
คำกล่าวที่ 9
6 อย่าไปกินอาหารของคนตระหนี่
และอย่าไปอยากกินอาหารที่ดูอร่อยของเขา
7 เพราะในใจของเขานั้นจะคอยคิดราคาตามไปเสมอ
เขาพูดกับเจ้าว่า “มากินและดื่มเถอะ”
แต่ใจของเขาไม่ได้คิดอย่างนั้น
8 เจ้าจะอาเจียนสิ่งที่กินเข้าไปเพียงนิดหน่อย
และเสียดายคำพูดที่เจ้าได้พูดยกย่องเขา
คำกล่าวที่ 10
9 อย่าไปร่วมวงสนทนากับคนโง่
เพราะเขาจะดูหมิ่นปัญญาที่เจ้ากล่าวออกมา
คำกล่าวที่ 11
10 อย่าย้ายหลักเขตเก่าแก่
หรือรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของลูกกำพร้าพ่อ
11 เพราะองค์พระผู้ไถ่ของเขาทรงเข้มแข็ง
จะทรงว่าความต่อสู้เจ้าให้เขาด้วยพระองค์เอง


คำกล่าวที่ 12
12 จงให้ใจของเจ้าใส่ใจคำตักเตือน
และให้หูของเจ้าตั้งใจฟังคำแห่งความรู้
คำกล่าวที่ 13
13 อย่ายับยั้งการฝึกวินัยให้เด็ก
แม้เจ้าตีสอนเขาด้วยไม้เรียว เขาจะไม่ตาย
14 หากเจ้าตีสอนเขาด้วยไม้เรียว
เจ้าจะช่วยวิญญาณของเขาจากแดนตาย
คำกล่าวที่ 14
15 ลูกเอ๋ย หากใจของเจ้ามีปัญญา
ใจของเราก็จะยินดีจริง ๆ
16 ส่วนลึกของใจเราจะยินดียิ่งนัก
เมื่อเจ้าพูดสิ่งที่ถูกต้อง
คำกล่าวที่ 15
17 อย่าหลงไปอิจฉาคนบาป
แต่จงตั้งหน้ายำเกรงพระเจ้าตลอดไป
18 เพราะมีอนาคตให้แน่
และความหวังของเจ้าจะไม่ถูกตัดออกไป

คำกล่าวที่ 16
19 ลูกเอ๋ย จงตั้งใจฟัง และเป็นคนฉลาด
และรักษาใจของเจ้าให้อยู่ในทางที่ถูกต้อง
20อย่าไปร่วมวงกับคนขี้เหล้าและคนตะกละกินเนื้อ
21 เพราะคนขี้เหล้าและคนตะกละจะกลายเป็นคนยากจน
และความง่วงเหงาทำให้เหลือแต่ผ้าขี้ริ้วพันตัว
คำกล่าวที่ 17
22จงฟังพ่อที่ให้กำเนิดเจ้ามา
และอย่าดูหมิ่นแม่ของเจ้าที่ชราแล้ว
23 จงซื้อความจริงไว้ อย่าขายความจริงนั้นไป
จงซื้อปัญญา คำสอน และความเข้าใจ
24 พ่อของคนเที่ยงธรรมจะยินดีมาก
และพ่อที่มีลูกซึ่งมีปัญญาก็จะชื่นชมกับลูกของเขา
25 ขอให้พ่อและแม่ของเจ้าได้ยินดี
และขอให้เธอที่ให้กำเนิดเจ้านั้นได้ชื่นใจ
คำกล่าวที่ 18
26 ลูกชายเอ๋ย ขอใจของเจ้าให้เราเถิด
และให้สายตาของเจ้านั้นชื่นชมกับทางของเรา
27 เพราะหญิงโสเภณีนั้นเป็นดั่งหลุมลึก
และคนเป็นชู้ก็เป็นบ่อที่คับแคบ
28 เธอซุ่มตัวอยู่เหมือนโจร
และเพิ่มจำนวนชายที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อภรรยา


คำกล่าวที่ 19
29 ใครที่เจอความทุกข์? ใครที่เศร้าใจ?
ใครที่ต้องเจอกับการวิวาท? ใครมีเรื่องร้องทุกข์?
ใครต้องบาดเจ็บโดยไม่มีเหตุ? ใครที่ตาแดงก่ำ?
30 ก็คือคนที่จมปลักกับเหล้าองุ่น
คนที่ทดลองชิมเหล้าผสม
31 อย่าไปจับตาดูเหล้าองุ่นเมื่อมันยังมีสีแดง
เมื่อมีฟองส่องประกายวับในแก้ว
และลื่นลงคอง่าย ๆ
32 ในที่สุดมันจะฉกกัดเหมือนงู
และพ่นพิษออกมาดั่งงูพิษ
33 ตาของเจ้าจะมองเห็นภาพหลอน
และความคิดของเจ้าจะสับสนอลเวง
34 เจ้าจะเป็นเหมือนคนที่นอนลอยกลางทะเล
เหมือนคนที่นอนอยู่บนยอดเสากระโดงเรือ
35 เจ้าจะพูดออกมาว่า
“พวกเขาฟาดข้า แต่ข้าก็ไม่เห็นจะเจ็บเลย
เขาทุบตีข้า แต่ข้าก็ไม่รู้สึกอะไร
เมื่อไรหนอที่ข้าจะสร่างเมา และจะไปดื่มอีกสักแก้ว?”

พระคำเชื่อมโยง สุภาษิต 23

4* 1 ทิโมธี 6:9-10; โรม 12:16
6* เฉลยธรรมบัญญัติ 15:9
7* สุภาษิต 12:2
9* มัทธิว 7:6
11* สุภาษิต 22:23

13* สุภาษิต 13:24
17* สดุดี 37:1; สุภาษิต 28:14
18* สดุดี 37:37
20* อิสยาห์ 5:22
22* สุภาษิต 1:8
23* มัทธิว 13:44

24* สุภาษิต 10:1
27* สุภาษิต 22:14
28* สุภาษิต 7:1229* อิสยาห์ 5:11-12;
ปฐมกาล 49:12
30* เอเฟซัส 5:18; สดุดี 75:8
35* เยเรมีย์ 5:3 ; เอเฟซัส 4:19

สุภาษิต 22 คำกล่าวจากคนมีปัญญา

1 ชื่อเสียงที่ดีนั้นน่าปรารถนายิ่งกว่าความมั่งคั่ง
การเป็นที่โปรดปรานก็ดีกว่าเงินและทอง
2 สิ่งหนึ่งที่คนรวยคนจนเป็นเหมือนกัน
นั่นคือ พระยาห์เวห์ทรงสร้างพวกเขามา
3 คนฉลาดเห็นอันตรายแล้วก็หลบให้พ้น
แต่คนเขลากลับก้าวออกไปและต้องเผชิญกับผลที่ตามมา
4 รางวัลของความถ่อมใจและความยำเกรงพระยาห์เวห์
คือความมั่งคั่ง เกียรติยศ และชีวิต
5 หนามและกับดักเรียงรายอยู่ในทางของคนหัวแข็ง
คนที่ระวังรักษาใจของตนจะอยู่ห่างจากทางนั้น
6 จงฝึกฝนอบรมเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป
และเมื่อเขาเติบโตขึ้น เขาจะไม่พรากไปจากทางนั้น
7 คนมั่งคั่งปกครองคนยากจน
และลูกหนี้ก็จะเป็นทาสรับใช้เจ้าหนี้ของเขา
8คนที่หว่านความอยุติธรรมจะได้เก็บเกี่ยววิบัติ
และอำนาจที่โกรธเกรี้ยวของเขาจะถูกทำลาย


9 คนที่มีน้ำใจจะได้รับพระพร
เพราะเขาได้แบ่งอาหารให้กับคนยากจน
10 จงไล่คนช่างเยาะออกไป แล้วความขัดแย้งจะจากไป
แม้กระทั่งการวิวาท และการดูหมิ่นก็จะหยุดลงด้วย
11 คนที่รักใจบริสุทธิ์ และวาจาอ่อนโยน
จะได้กษัตริย์มาเป็นเพื่อน
12 พระเนตรของพระยาห์เวห์ทรงปกป้องความรู้
แต่ทรงลบล้างคำพูดของคนไม่ซื่อตรง
13 คนเกียจคร้านกล่าวว่า
“มีสิงโตอยู่ข้างนอก! ฉันจะถูกมันฆ่ากลางถนน!”
14 ปากของหญิงที่เป็นชู้นั้นเหมือนหลุมลึก
คนที่พระเจ้าทรงพิโรธจะตกลงในหลุมนั้น
15 มีความโง่อยู่ในใจของเด็ก
แต่การฝึกวินัยด้วยการตีสอน
จะไล่ความโง่นั้นออกไปไกลจากตัวเขา
16 การกดขี่คนยากจนเพื่อทำให้ตนมั่งคั่ง
หรือการมอบของกำนัลให้แก่คนรวย
จะนำสู่ความยากจนเป็นแน่



คำกล่าวของคนมีปัญญา สามสิบข้อ
คำกล่าวที่ 1
17 จงเอียงหูของเจ้าฟังคำของคนมีปัญญา
และใส่ใจในความรู้ของเรา
18 เพราะเมื่อเจ้ารักษามันไว้ในใจก็เป็นความชื่นใจ
โดยให้เจ้าพร้อมที่จะเอ่ยคำเหล่านั้นออกมา
19 เพื่อว่าเจ้าจะวางใจในองค์พระยาห์เวห์
เราสอนให้เจ้าเรียนรู้ในวันนี้ ใช่แล้ว เจ้านั่นเอง
20 เราไม่ได้เขียนคำกล่าวสามสิบข้อให้เจ้าหรือ
เป็นทั้งคำปรึกษา และความรู้
21 เพื่อทำให้เจ้ารู้จักคำที่เป็นจริงซึ่งวางใจได้
และเจ้าจะได้ตอบให้กับคนที่ส่งเจ้าไป?
คำกล่าวที่ 2
22 อย่าปล้นคนยากจนเพราะเขายากจน
และอย่าขยี้คนที่ยากไร้ที่ประตูเมือง
23 เพราะพระยาห์เวห์จะทรงว่าความให้กับพวกเขา
และจะทรงยึดคืนจากคนที่ปล้นพวกเขามา

คำกล่าวที่ 3
24 อย่าเป็นเพื่อนกับคนที่โกรธง่าย
และอย่าไปสังสรรค์กับคนที่ใจร้อน
25 เพราะเจ้าอาจไปเลียนแบบเขา
และทำให้ตนเองติดกับดัก
คำกล่าวที่ 4
26 อย่าไปให้คำสัญญาใด ๆ
หรือประกันคนหนึ่งคนใด
27 หากเจ้าไม่มีอะไรจะจ่ายค่าชดใช้
ทำไมจะให้เขามายึดเตียงนอนของเจ้าไปเล่า?
คำกล่าวที่ 5
28 อย่าเคลื่อนย้ายหลักเขตที่เก่าแก่
ซึ่งบรรพบุรุษของเจ้าได้ปักเอาไว้
คำกล่าวที่ 6
29 เจ้าเห็นคนที่มีความเชี่ยวชาญในงานของเขาไหม?
เขาจะได้รับใช้เหล่ากษัตริย์ เขาจะไม่ต้องรับใช้คนธรรมดาทั่วไป

พระคำเชื่อมโยง สุภาษิต 22

1* ปัญญาจารย์ 7:1
2* สุภาษิต 29:13; โยบ 31:15
3* สุภาษิต 27:12
6* เอเฟซัส 6:4
7* ยากอบ 2:6
8* โยบ 4:8

9* 2 โครินธ์ 9:6; สุภาษิต 19:17
10* สดุดี 101:5
11* สดุดี 101:6
13* สุภาษิต 26:13
14* สุภาษิต 2:16; 5:3; 7:5; ปัญญาจารย์ 7:26
15* สุภาษิต 13:24; 23:13,14

21* ลูกา 1:3-4; 1 เปโตร 3:15
22* อพยพ 23:6
23* 1 ซามูเอล 24:12
24* สุภาษิต 29:22
26* สุภาษิต 11:15
28* เฉลยธรรมบัญญัติ 19:14; 27:17

สุภาษิต 21 ชัยชนะมาจากพระเจ้า


1 พระทัยขององค์กษัตริย์เป็นดั่งธารน้ำในพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์
จะทรงเปลี่ยนสายน้ำไปยังทิศที่ทรงพอพระทัย
2 สำหรับมนุษย์แล้ว ทางทั้งสิ้นของเขาก็ดูเหมือนถูกต้อง
แต่พระยาห์เวห์ทรงตรวจสอบชั่งใจของเขา
3 ที่จะทำความเที่ยงธรรมและความยุติธรรม
ก็เป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงพอพระทัยมากกว่าของถวายบูชา
4 สายตาเย่อหยิ่งและหัวใจยโส
และตะเกียงนำทางของคนชั่วร้ายล้วนเป็นความบาป
5 แผนการของคนที่ขยันขันแข็งนำความมั่งคั่ง
พอ ๆ กับความรีบร้อนที่นำความยากจน
6 ความร่ำรวยที่ได้มาจากการโกหกนั้น
เป็นเหมือนไอน้ำที่ระเหยหายไป เป็นกับดักแห่งความตาย
7 ความรุนแรงของคนโหดร้ายจะกวาดพวกเขาไป
เพราะพวกเขาไม่ยอมทำตามความยุติธรรม


8 หนทางของคนผิด คดเคี้ยว ลดเลี้ยวนัก
แต่การกระทำของผู้บริสุทธิ์ก็เที่ยงตรง
9 ที่จะอาศัยในมุมหนึ่งของดาดฟ้า
ก็ดีกว่าการอยู่ร่วมกับภรรยาที่ชอบหาเรื่อง
10 คนชั่วร้ายนั้นโหยหาความชั่ว
เขาไม่เคยเมตตาเพื่อนบ้านของตนเองเลย
11 เมื่อคนช่างเยาะถูกลงโทษ คนอ่อนต่อโลกก็เริ่มเข้าใจ
และเมื่อคนมีปัญญารับการสอน เขาก็ได้รับความรู้
12 องค์ผู้ทรงเที่ยงธรรมทรงพิจารณาครอบครัวคนชั่วร้าย
และทรงโยนเขาไปสู่ความหายนะ
13 คนที่ปิดหูจากเสียงร้องขอของคนยากจน
เมื่อเวลาเขาร้องขอก็จะไม่มีใครตอบเขา

14 ของกำนัลที่แอบให้ ทำให้ความโกรธละลายไป
และสินบนที่แอบให้ก็ช่วยบรรเทาความเกรี้ยวกราด
15 การทำความยุติธรรมเป็นความยินดีของคนเที่ยงธรรม
แต่หายนะจะมาถึงคนที่ตั้งใจทำความชั่ว
16 คนที่หลงออกไปจากความเข้าใจ
จะจบชีวิตใน หมู่คนตาย
17 คนที่รักความสนุกสนานจะกลายเป็นคนยากจน
คนที่รักเหล้าองุ่นและน้ำมันจะไม่มีวันร่ำรวยขึ้นมา
18 คนชั่วร้ายจะกลายเป็นค่าไถ่ให้คนเที่ยงธรรม
และคนไม่ซื่อเป็นค่าไถ่ให้คนที่เที่ยงตรง
19 การอาศัยในถิ่นกันดาร
ยังดีกว่าอาศัยอยู่กับภรรยาอารมณ์ร้ายที่ชอบหาเรื่อง

20 ทรัพย์สินมีค่า และน้ำมันมีอยู่ในที่อาศัยของคนมีปัญญา
แต่คนโง่กลับเผาผลาญไปจนหมดสิ้น
21 คนที่ติดตามความเที่ยงธรรม และรักมั่นคงนั้น
จะพบชีวิต รางวัล และเกียรติยศ
22 คนฉลาดสามารถโจมตีเมืองของคนแข็งแรง
และทำลายป้อมที่พวกเขาวางใจได้
23 คนที่ระมัดระวังปากและลิ้น
จะรักษาวิญญาณของตนให้พ้นจากความหายนะ

24 “นักเยาะเย้ย” เป็นชื่อของคนที่เย่อหยิ่ง จองหอง
เป็นคนที่ทำตัวหยิ่งยโสเกินเหตุ
25 ใจที่อยากได้ของคนเกียจคร้านนั้นจะฆ่าเขา
เพราะเขาไม่ยอมลงมือทำงาน
26 เขากระหายอยากได้ไม่หยุด
แต่คนเที่ยงธรรมนั้นเอื้อเฟื้ออย่างไม่อั้น


27 เครื่องบูชาของคนชั่วร้ายนั้นน่ารังเกียจ
เมื่อเขาถวายด้วยเจตนาร้าย จะยิ่งน่ารังเกียจกว่านั้นสักเท่าใด
28 ผู้ที่เป็นพยานเท็จจะพินาศ
ส่วนคนที่รายงานตามจริงนั้น คำของเขาจะอยู่ตลอดไป
29 คนชั่วจะทำหน้าตาขึงขัง
แต่คนเที่ยงตรงจะก่อตั้งทางชีวิตของเขาให้มั่นคง
30 ไม่มีสติปัญญาใด ความเข้าใจใด
และแผนการใดที่จะต่อต้านองค์พระยาห์เวห์ได้
31 ม้าศึกนั้น ถูกเตรียมไว้สำหรับวันทำสงคราม
แต่ชัยชนะมาจากองค์พระยาห์เวห์

พระคำเชื่อมโยง สุภาษิต 21

2* สุภาษิต 16:2; 24:12
3* 1 ซามูเอล 15:22
4* สุภาษิต 6:17
5* สุภาษิต 10:4
6* 2 เปโตร 2:3
9* สุภาษิต 19:13

10* ยากอบ 4:5
11* สุภาษิต19:25
13* มัทธิว 7:2; 18:30-34
16* สดุดี 49:14
20* สดุดี 112:3
21* มัทธิว 5:6

22* สุภาษิต 24:5
23* ยากอบ 3:2
25* สุภาษิต 13:4
26* สุภาษิต 22:9
27* เยเรมีย์ 6:20
30* เยเรมีย์ 9:23-24
31* สดุดี 3:8