เศคาริยาห์ 11 ประเด็นเรื่องผู้เลี้ยง

ฝูงแกะที่ถูกสังหาร
1 โอ เลบานอน จงเปิดประตู
เพื่อไฟจะได้เผาป่าต้นซีดาร์ของเจ้า
2 ต้นสนทั้งหลาย จงร้องไห้คร่ำครวญ
เพราะต้นซีดาร์ถูกโค่นลงไปแล้ว 
ต้นไม้ที่สูงตระหง่านถูกทำลายไปแล้ว 
ร้องไห้คร่ำครวญสิ  ต้นโอ๊กแห่งบาชาน
เพราะป่าทึบถูกตัดลงจนเตียนโล่งไปแล้ว   

3 จงฟังเสียงคร่ำครวญของผู้เลี้ยงแกะ
เพราะ ความร่ำรวยของเขาถูกทำลายหายนะไป
จงฟังเสียงคำรามของเหล่าสิงโตหนุ่ม
เพราะป่าไม้แห่งจอร์แดนถูกทำลาย

พยากรณ์เรื่องคนเลี้ยงแกะ
4 พระยาห์เวห์องค์พระเจ้าของข้าพเจ้าตรัสว่า
“จงเลี้ยงฝูงแกะที่กำหนดไว้ให้ถูกฆ่า
5 เป็นฝูงแกะที่คนซื้อมาฆ่าล้างพวกเขา
โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร
คนที่ขายพวกมันไปกล่าวว่า
‘สรรเสริญพระยาห์เวห์ เพราะฉันรวยแล้ว!’
แม้แต่ผู้เลี้ยงก็ไม่ได้มีใจสงสารพวกมันเลย

6 เพราะเราก็จะไม่สงสารประชากรในแผ่นดินนี้ต่อไปแล้ว
พระยาห์เวห์ทรงประกาศ
แต่ดูเถิด เราจะทำให้คนแต่ละคนตกอยู่ในมือของเพื่อนบ้าน และกษัตริย์ของเขาผู้ที่จะเข้ามาทำลายล้างดินแดนนี้ 
และเราจะไม่ช่วยให้พวกเขาพ้นจากเงื้อมมือของคนเหล่านั้น 

ไม้เท้าสองอัน
7 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงดูแลฝูงแกะที่จะต้องถูกฆ่าหมู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวที่ถูกทำร้าย
แล้วข้าพเจ้าก็เอาไม้เท้าคนเลี้ยงแกะมาสองอัน
เรียกอันหนึ่งว่า เป็นที่พอใจ อีกอันว่า  เป็นหนึ่งเดียว
แล้วข้าพเจ้าก็ดูแลฝูงแกะ
8 ภายในเดือนเดียว
ข้าพเจ้าก็ไม่อาจอดทนกับฝูงแกะได้อีกต่อไป
พวกมันก็เกลียดข้าพเจ้าด้วย
ข้าพเจ้ากำจัดคนเลี้ยงแกะทั้งสามนั้นไป   
9 แล้วข้าพเจ้ากล่าวว่า
ข้าจะไม่ดูแลพวกเจ้าอีกต่อไป
ตัวไหนจะตายก็ให้ตายไป
ตัวไหนจะพินาศก็ปล่อยให้พินาศไป
ตัวที่ยังอยู่ก็ให้กินเลือดเนื้อกันเองแล้วกัน

10 ต่อมาข้าพเจ้าเอาไม้เท้าที่เรียกว่า
เป็นที่ชื่นชอบ มาหักเป็นสองท่อน
เป็นการล้มเลิกพันธสัญญาที่ข้าพเจ้าทำกับชาติต่าง ๆ
11 พันธสัญญาจึงกลายเป็นโมฆะในวันนั้น
แกะตัวที่ทุกข์ยากในฝูงมองดูข้าพเจ้าอยู่
และก็รู้ว่า เป็นพระดำรัสขององค์พระยาห์เวห์

เงินสามสิบเหรียญ (​มัทธิว 27:3–10)
12 แล้วข้าพเจ้าบอกเขาว่า
“หากท่านเห็นว่าดี ก็จ่ายค่าจ้างให้ข้ามาเถิด
หากไม่เห็นดี ก็เก็บค่าจ้างนั้นไว้แล้วกัน”
ดังนั้นพวกเขาจึงชั่งเงินให้ข้าพเจ้ามาสามสิบเหรียญ
13 แล้วองค์พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า

“จงโยนเงินนี้ให้แก่ช่างปั้นหม้อ”
คือเงินค่าจ้างราคาสูงที่พวกเขาประเมินจ่ายให้ข้าพเจ้า 
ดังนั้นข้าพเจ้าจึงนำเงินสามสิบแผ่นนี้
โยนลงไปไว้ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์เพื่อให้แก่ช่างปั้นหม้อ

14 แล้วข้าพเจ้าก็หักไม้เท้าอันที่สองซึ่งชื่อว่า
เป็นหนึ่งเดียว ..
เป็นการหักล้างความเป็นพี่น้องระหว่างยูดาห์และอิสราเอล
15 และพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า
“จงไปหยิบเครื่องมือเครื่องใช้ของคนเลี้ยงแกะที่โง่เขลามา

คนเลี้ยงแกะใจร้าย!
16 เพราะดูเถิด
เราจะตั้งคนเลี้ยงแกะผู้หนึ่งในแผ่นดิน
ที่จะไม่ใส่ใจแกะที่หลงหาย
ไม่ตามหาลูกแกะ
ไม่บำบัดรักษาตัวที่บ่วย
ไม่เลี้ยงดูตัวที่แข็งแรง
แต่เขาจะกินเนื้อแกะตัวที่อ้วนสุขภาพดี
และฉีกกีบเท้ามันออกมา 
17 “วิบัติแก่คนเลี้ยงแกะไร้ค่าที่ได้ทอดทิ้งฝูงแกะไป
ขอให้ดาบไปฟันแขนของเขาและตาขวาของเขา
ขอให้แขนของเขาลีบแห้งไป
และตาขวาของเขาบอดสนิท!”

อธิบายเพิ่มเติม

บทที่สิบเอ็ดแตกต่างจากบทที่เก้าและสิบ ซึ่งพูดถึงพระพร ความรุ่งเรือง บทนี้ กำลังให้เราเห็นภาพของบาปของผู้นำที่ทำให้ประชาชนหลงผิดไป  และยังเป็นภาพที่ให้เห็นถึงการที่อิสราเอลปฏิเสธพระเมสสิยาห์ที่พระเจ้าทรงส่งมา ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมาก  พระเยซูทรงต้องสู้กับผู้นำศาสนายิวตลอดระยะเวลาที่ทรงอยู่ในโลก จนกระทั่งทรงสิ้นพระชนม์เพราะพวกผู้นำเหล่านั้นไม่อาจทนพระองค์ได้  

11:1-2
พระเจ้าประทานพระผู้เลี้ยงให้อิสราเอล แต่พวกเขากลับหันหลังให้พระองค์! นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้อิสราเอลถูกทำลาย พระเจ้าจะทรงเผาซีดาร์แห่งเลบานอน ซึ่งเป็นต้นไม้อันดับหนึ่งที่ทรงคุณค่า นี่เป็นภาพของวังซาโลมอนที่ใช้สนซีดาร์สร้างอย่างอลังการ   ยังหมายรวมถึงวงศ์วานยูดาห์ (เอเสเคียล 17:3-4)
ดังนั้น ต้นสน ต้นโอ๊กแห่งบาชานมีความหมายถึงความมั่งคั่ง ยิ่งใหญ่ตระการ 
บาชานเป็นแผ่นดินที่อยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนมีต้นไม้โอ๊กที่ใหญ่แข็งแรงมากมาย ทำให้ข้อนี้มีความหมายว่า แผ่นดินต่าง ๆ ผู้นำจำนวนหนึ่งจะถูกทำลาย 

11:3 เมื่อผู้เลี้ยงแกะ ซึ่งหมายถึงผู้นำของประชาชน ผู้ปกครอง ทั้งเลบานอน และจอร์แดน ไม่ได้อยู่ใต้ความจริงของพระเจ้า ไม่ได้เชื่อฟังพระองค์  พวกเขาคร่ำครวญเพราะพวกเขาไม่เหลือความมั่งคั่งจากการทำลาย     ป่าไม้ถูกทำลาย ทำให้สิงโตก็ไม่เหลือที่อยู่ 

11:4 ส่วนอิสราเอล ผู้นำศาสนายิวไม่ได้เลี้ยงดูคนของพระองค์ พวกเขาไม่ได้สอนให้ประชาชนรู้จักพระเจ้า นี่เป็นปัญหาเรื่องผู้นำที่โหดร้าย ไม่เห็นใจประชาชนที่ไม่รู้อะไร
แล้วพระเจ้าทรงสั่งให้เศคาริยาห์เลี้ยงดูฝูงแกะของพระองค์ ที่จะต้องถูกสังหาร เพราะผู้เลี้ยงเดิมนั้นไม่ใส่ใจ เห็นแก่ประโยชน์ของตนเองเท่านั้น 

11:5   ฝูงแกะก็คือประชากรทั้งหลายนั้นเอง พวกเขาไม่ได้รับการสอนให้รู้จักพระเจ้า พวกผู้เลี้ยงที่ควรดูแลประชากรทั้งหลายของพระเจ้า กลับขายคนเหล่านั้นไป พวกเขาเห็นแก่ได้ พวกเขาเป็นผู้เลี้ยงที่ขายแกะไปเพื่อให้ถูกฆ่า  ไม่มีใจสงสาร  ดีใจที่ตัวเองรวยขึ้นจากการขายให้ผู้ซื้อนำไปเข้าโรงเชือด

11:6    พระเจ้าทรงอนุญาตให้มีความยากเข็ญเกิดขึ้น นั่นคือ คนต่างชาติจะเข้ามาทำลายทั้งประเทศ และพระเจ้าจะปล่อยให้เกิดขึ้น  ในปี 70 โรมได้เข้ามาและทำลายเยรูซาเล็ม พระเจ้าไม่ได้ช่วยพวกเขา เพราะพวกเขาปฏิเสธพระบุตรของพระองค์ที่ทรงส่งมาเพื่อให้พวกเขารอด 

11:7 เศคาริยาห์จึงดูแลฝูงแกะที่มีอยู่จำนวนน้อย  นั่นคือคนที่ยอมรับพระเจ้า พวกเขาเป็นพวกที่ถูกดูหมิ่น  การเลี้ยงดูของเขา เขามีไม้เท้าสองอัน ชื่อไม้เท้า โนอาม เป็นที่พอใจหรือเป็นที่โปรดปราน กับ  อีกไม้เท้าคือ การเป็นหนึ่งเดียว  ไม้เท้าแรกสื่อความหมายว่า พระเจ้าทรงมีความโปรดปรานคนของพระองค์เป็นพิเศษ  อีกอันหนึ่งมีความหมายถึงการที่พระองค์จะรวบรวมเขาเป็นชาติที่เป็นหนึ่งเดียว ไม่แยกเป็นเหนือใต้เหมือนก่อน

11:8 น่าแปลกที่เศคาริยาห์เลี้ยงแกะแค่เดือนเดียว ก็เกิดเรื่องว่า ฝูงแกะเกลียดชังเขา คนเลี้ยงแกะสามคน ซึ่งมีความหมายถึง ผู้เผยพระดำรัส ปุโรหิต และกษัตริย์ (แต่บางท่านเห็นว่าเป็นปุโรหิต ผู้ใหญ่  สภายิว บ้างก็เห็นว่า เป็นกษัตริย์สามองค์สุดท้ายของเยรูซาเล็ม)   จะถูกทำลายไปในช่วงที่โรมจัดการ เพราะคนเลี้ยงแกะทั้งสาม ทำให้พระเจ้า ไม่พอพระทัยมาก 

11:9 เศคาริยาห์จะไม่ดูแลฝูงแกะอีกต่อไป   ตัวที่พินาศ ให้พินาศ ตัวที่เหลือ กินเนื้อกันเอง  ภาพที่เห็นคือ เมื่อพระเจ้าทรงกำหนดไว้ให้เกิดโศกนาฏกรรม เศคาริยาห์ก็จะปล่อยไป ไม่ยื้อไว้  เราจะพบว่า เมื่อเกิดการโจมตีจากศัตรู อิสราเอลจะพบกับการอดอยาก ทำให้คนกินเนื้อคนด้วยกันเอง เป็นภาพที่น่าสลดมาก (เฉลยธรรมบัญญัติ 28:53-57)

11:10  พระเจ้าจะเอาไม้โนอาม (เป็นที่โปรดปราน) มาหักเป็นสองท่อน  เราจะเห็นว่า การหักไม้เท้าที่มีชื่อเฉพาะนี้ สื่อให้เห็นว่าจากที่พระเจ้าทรงเคยให้สัญญาว่าจะปกป้องพวกเขาจากการบุกรุกนั้น กลายเป็นโมฆะ พระองค์ทรงล้มเลิกการปกป้องนั้น
(เราต้องเข้าใจว่า พันธสัญญาที่ทรงมีต่ออับราฮัมหรือดาวิด ไม่มีวันที่จะเป็นโมฆะได้ อ่านปฐมกาล 7:12-16; 2 ซามูเอล 7:12-16 )

11:11 แกะตัวที่ทุกข์ยากมองมา นั่นคือ คนที่เข้าใจก็จะรู้ว่าทำไมพระเจ้าทรงทำเช่นนี้ 

การทรยศ
ข้อ 11:12  เศคาริยาห์ เป็นผู้เลี้ยงแกะที่สื่อถึงองค์พระเมสสิยาห์ แล้วเศคาริยาห์ก็ไปพูดถึงเงินสามสิบเหรียญ  (ซึ่งเราต้องไม่ลืมว่า เขาพูดล่วงหน้าก่อนการที่พระเยซูจะถูกทรยศหลายร้อยปี นี่เป็นคำพยากรณ์ที่ตรงไปตรงมา เห็นว่าเกิดขึ้นจริงตามนั้น!)
ค่าจ้างดังกล่าวเป็นค่าจ้างสำหรับคนเลี้ยงแกะรับจ้าง สามสิบเหรียญ เป็นราคาของการจ่ายค่าชีวิตของทาสที่ถูกฆ่า (อพยพ 21:32)
ตอนนี้เขากำลังกล่าวถึงพระผู้เลี้ยงแสนดีที่จะทรงมาสิ้นพระชนม์เพื่อแกะในอนาคต

11:13 พระเจ้าทรงตอบว่า ให้เศคาริยาห์โยนเงินให้ช่างปั้นหม้อ … เป็นการกระทำที่บอกว่า ไม่เอาเงิน ในพระคัมภีร์ฮีบรู บอกว่าส่งไปให้คลังพระวิหาร  คนที่รับเงินมานั้น เขารู้ว่าผิด  พระเจ้าให้โยนเงินนี้กลับไป ไม่เอา ถูกสบประมาท และเราพบว่า ยูดาสเองได้พยายามคืนเงินจำนวนนี้กลับไปให้พวกยิวที่จ้างให้เขาทรยศพระเยซู  และปุโรหิตไม่ได้เอาเงินคืน แต่ก็ใช้เงินนี้ไปซื้อทุ่งของช่างปั้นเพื่อเอาไว้ฝังศพคนยากจน  (มัทธิว 27:3-10) ทำให้เราเห็นว่า สิ่งที่เศคาริยาห์ เกิดขึ้นจริงในชีวิตของพระเยซู

11:14 ไม้เท้าอันที่สองชื่อ รวมเป็นหนึ่งเดียวหรือ ผูกพัน ​
เศคาริยาห์หักมันเป็นสองท่อน เพื่อไม่ให้อิสราเอลกับยูดาห์เป็นพี่น้องกันอีก 
ชี้ให้เห็นว่า ไม่มีความเป็นหนึ่งเดียวในชาติเลย เมื่อครอบครัว แตกแยก มันจะอยู่ไม่ได้ … ไปเป็นเชลย พวกเขาปฎิเสธพระเจ้า (สิ่งที่น่าสนใจคือ ในปัจจุบัน คนอิสราเอลมีความแตกแยกกันภายในระดับสูงมาก แม้ว่าจะมีสงครามกับฮามาส และอาหรับหลายด้าน ยังมีอีกหลายฝ่ายที่มีความเห็นแตกต่าง และ ขวางการทำงานของรัฐที่พยายามสู้กับศึกรอบด้านนี้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งการเดินขบวนประท้วง ทั้งการนำเสนอข่าวปลอมต่าง ๆ มากมาย )

11:15 จะมีผู้นำที่โง่เขลาในอิสราเอล  เมื่อพวกเขาทำสิ่งที่โลกต้องการ นั่นไม่ใช่ความต้องการของพระเจ้า 

11:16 เราจะต้ังคนเลี้ยงแกะที่ไม่ใส่ใจในการเลี้ยงคนของพระเจ้า แถมยังกินเนื้อด้วย  คิดถึงแต่ตัวเอง เป็นคนโหดที่จะทำร้ายประชาชนอย่างไม่น่าเชื่อ  ในข้อนี้ยังหมายถึงการที่เกิดสภาพคนกินเนื้อคนในพื้นที่ เนื่องจากสงคราม ความอดหยาก 

11:17 นี่เป็นการกล่าวถึงผู้นำที่เป็นผู้ต่อต้านพระคริสต์ เขาคนนี้จะทำทุกอย่างตรงกันข้ามกับองค์พระเมสสิยาห์  เขาเป็นคนโง่เขลา(ข้อ 15) และไร้ค่า (ข้อ 17)ที่คิดว่าตัวฉลาด  อิสราเอลจะพบกับความทุกข์ยาก ก่อนที่พระเจ้าจะทรงพิพากษาเขาด้วยการทำให้เขาตาบอด แขนลีบ จะเจอกับการพิพากษาของพระเจ้า 
ดูเหมือนมีหลายอย่างเกิดขึ้นในบทที่สิบเอ็ด ทั้งการที่พระเจ้าทรงลงโทษ พระเจ้าทรงล้มเลิกสัญญา
และยังจะมีผู้นำที่ต่อต้านพระเจ้าเกิดขึ้นด้วย เป็นบทที่ทำให้เราอาจจะสับสนบ้าง แต่เราจะดูบทต่อไปน่าจะเข้าใจอะไรขึ้นกว่านี้…

เศคาริยาห์ 11
1* เศคาริยาห์ 10:10
2* เอเสเคียล 31:3; อิสยาห์ 32:19
3* เยเรมีย์ 25:34-36
5* เยเรมีย์ 2:3; 50:7; โฮเชยา 12:8; เอเสเคียล 34:2,3
7* เศฟันยาห์ 3:12
8* โฮเชยา 5:7
9* เยเรมีย์ 15:2
11* เศฟันยาห์ 3:12
12* อพยพ 21:32; มัทธิว 27:9
13* มัทธิว 27:3-10
15* อิสยาห์ 56:11
16* เอเสเคียล 34:1-10
17* เยเรมีย์ 23:1

เศคาริยาห์ 10 เราจะนำพวกเขากลับมา

ยูดาห์และอิสราเอลจะได้รับการฟื้นฟู
1 จงทูลขอฝนจากพระยาห์เวห์ในฤดูใบไม้ผลิ
พระยาห์เวห์ทรงเป็นผู้สร้างพายุเมฆ
และพระองค์จะประทานฝน พืชผลในไร่นาแก่ทุกคน 
2 เพราะเทวรูปประจำบ้านต่างให้คำลวง
ผู้เผยพระดำรัสทั้งหลายก็เห็นจินตภาพปลอม 
พวกเขาเล่าความฝันที่มุสาและให้คำปลอบใจที่ว่างเปล่า 
เพราะประชาชนไม่มีผู้เลี้ยง ดังนั้น
พวกเขาจึงกระจัดกระจายไปเหมือนแกะ

พวกเขาถูกข่มเหงเพราะไม่มีผู้เลี้ยง 
3“เราจึงโกรธเกรี้ยวกับเหล่าผู้เลี้ยง และเราจะลงโทษผู้นำ เพราะพระยาห์เวห์องค์จอมทัพจะทรงดูแลฝูงแกะของพระองค์
คือวงศ์วานยูดาห์ และจะทำให้พวกเขา
เป็นเหมือนม้าศึกที่ทรนงองอาจในสงคราม
4 ศิลามุมเอกนั้นจะมาจากยูดาห์
หมุดยึดเต็นท์มาจากเขา
รวมทั้งธนู และผู้ปกครองมาจากเขาด้วยกันทั้งหมด
(ข้อนี้เป็นคำพยากรณ์ถึงพระเมสสิยาห์ที่ชัดเจนมาก มาจากเผ่ายูดาห์ และทำให้เห็นพระลักษณะของพระองค์ และพระราชกิจที่จะทรงทำ)
5 พวกเขาจะเป็นนักรบผู้กล้าในสงคราม
เหยียบย่ำศัตรูบนถนนโคลน

พวกเขาจะต่อสู้เพราะพระยาห์เวห์ทรงอยู่กับพวกเขา
และเขาจะเอาชนะพลม้าของศัตรู



6 เราจะทำให้วงศ์วานยูดาห์เข้มแข็งขึ้น
และช่วยกู้วงศ์วานโยเซฟให้รอด
ราจะนำพวกเขากลับมาเพราะเราสงสารพวกเขา 
และพวกเขาจะเป็นเหมือนคนที่ไม่เคยถูกเราปฏิเสธเลย
เพราะเราเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา
เราจะฟังคำทูลของพวกเขา 

7 เอฟราอิมจะเป็นดั่งนักรบผู้กล้า
และใจของพวกเขาจะยินดีดั่งได้ดื่มเหล้าองุ่น
ลูกหลานของเขาจะได้เห็นและชื่นชมยิ่ง
ใจของพวกเขาจะยินดีในองค์พระยาห์เวห์
8 เราจะผิวปากเรียกให้พวกเขามาชุมนุมกัน
เพราะเราได้ไถ่พวกเขาไว้
และพวกเขาจะมีจำนวนมากมายเหมือนอย่างที่เคย 

9 แม้เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปตามชาติต่าง ๆ  ในดินแดนที่ห่างไกลนั้นพวกเขาจะระลึกถึงเรา 
พวกเขาและลูกหลานจะมีชีวิตอยู่และกลับมา 
10 เราจะนำเขากลับมาจากอียิปต์
และรวบรวมพวกเขาจากอัสซีเรีย
เราจะนำพวกเขามายังกิเลอาดและเลบานอน
จนไม่มีที่พอสำหรับพวกเขา
 11 พวกเขาจะผ่านไปในทะเลแห่งความยากลำบาก
และจะสยบคลื่นทะเล 
น้ำลึกแห่งแม่น้ำไนล์จะแห้งเหือด
ความยะโสของอัสซีเรียจะถูกกำราบ
และคทาแห่งอียิปต์จะจากไป
12 เราจะทำให้พวกเขาเข้มแข็งโดยพลังของเรา
และพวกเขาจะเดินไปในพระนามของเรา”
พระยาห์เวห์ทรงประกาศ  

อธิบายเพิ่มเติม

ข้อ หนึ่งถึงห้า กล่าวถึงฤทธิ์ของพระเจ้าที่แตกต่างจาก ผู้นำที่เลวร้ายของอิสราเอล  ประชาชนของพระเจ้าหลงทางเพราะผู้นำชักชวนให้เขาไปทำผิด ให้จินตภาพหลอกลวง ทำให้คนอิสราเอลมีความรู้สึกดีทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์ไม่ดีเลย 
พระเจ้าจะทรงทำให้วงศ์วานยูดาห์เข้มแข็งขึ้นรวมไปถึงอิสราเอลด้วย……………………
10:1 พระเจ้าตรัสให้พวกเขารู้ว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ประทานฝนให้พวกเขาเพื่อจะมีอาหารกินบริบูรณ์ จะมีเมล็ดต่อไปให้ พวกเขาหว่าน
(อิสยาห์ 55:10 )
ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าต้องไปขอจากพระต่าง ๆ ที่พวกผู้นำทั้งหลายบอก (เพื่อพวกเขาจะได้เงินทองจากประชาชน)   แทนที่พวกเขาจะเชื่อพระเจ้า กลับกลายไปเชื่อรูปเคารพตามคนคานาอันซึ่งเป็นเพื่อนบ้านรอบ ๆ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเทพบาอัลที่ให้ฝน
ข้อนี้ พระเจ้าทรงย้ำเตือนให้อิสราเอลคิดให้ถูกต้องตามความเป็นจริง! 

10:2 สิ่งที่ผู้เผยพระดำรัสปลอมได้ทำกับประชาชนคือ  ฝันมุสาก็คือไม่ได้ฝันจริงเลย แต่เล่าเป็นตุเป็นตะให้ประชาชนฟัง ปลอบใจว่า บ้านเมืองจะดีขึ้น  พวกเขาไม่ได้พูดความจริงจากพระเจ้า นี่เป็นผู้นำฝ่ายวิญญาณที่พระเจ้าจะทรงจัดการ  อิสราเอลไม่มีผู้เลี้ยงแท้จริง

10:3 พระเจ้าทรงโกรธผู้นำเหล่านี้  พระองค์ต้องลงมาดูแลประชาชนด้วยพระองค์เอง  พระองค์จะทรงเป็นพระผู้เลี้ยงของพวกเขา พระองค์จะทรงเปลี่ยนคนอิสราเอลจากคนที่อ่อนแอ ไม่รู้เรื่อง จากคนที่เคยเป็นเชลยศึกพ่ายแพ้   ให้กลายเป็นคนที่เข้มแข็งดั่งม้าศึก 

10:4  แล้วจากวงศ์วานยูดาห์ พระเจ้าจะทรงส่งศิลามุมเอกมาให้ เป็นผู้นำของประชาชนที่ไม่เหมือนเหล่าคนหลอกลวง  นั่นคือ องค์พระเมสสิยาห์  ซึ่งทรงเป็นผู้นำที่จะทำให้ชาติมั่นคง (อิสยาห์  28:16) ช่วยยึดเป็นหมุดที่ทำให้พวกเขาไม่ตกลงไปในความดำมืดของผู้นำที่ชั่วช้าอีกต่อไป  หมุดนี้มีความหมายถึงผู้ที่ดูแลราชอาณาจักร แบกภาระไว้บนบ่าของพระองค์ (อิสยาห์ 22:22-24) ทรงเป็นหมุดที่ทำให้อาณาจักรของพระองค์มั่นคง  และพระเมสสิยาห์จะเป็นดั่งธนูของพระเจ้าที่ทำลายศัตรู (สดุดี 45:5)

10:5  และต่อมาผู้คนก็จะเป็นนักรบกล้าในสงคราม ทำลายศัตรูของพระเจ้า เพราะพระยาห์เวห์ทรงอยู่กับพวกเขา  แม้กระทั่งความยิ่งใหญ่ของกองทัพศัตรูที่มีรถม้า มีกำลังดูว่ามากกว่า แต่คนของพระเจ้าจะได้รับชัยชนะ ทำให้ความยิ่งใหญ่ของโลก ของศัตรูต้องอับอาย  กำลังของพวกเขาไม่ได้มาจากตัวเองแต่มาจากพระเจ้าผู้ทรงหนุนหลังพวกเขาอยู่ 

10:6  อิสราเอลไม่สามารถอวดตัวเองได้ว่า พวกเขาดี พระเจ้าจึงทรงช่วยกู้ แต่ที่พระเจ้าทรงช่วยกู้เพราะพระเมตตาสงสารที่มีต่อพวกเขา พระองค์จะตอบคำร้องทูลของพวกเขา นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาหันมาหาพระเจ้าเมื่อตกทุกข์ได้ยาก เช่นเดียวกัน  พระเจ้าทรงส่งพระเยซูลงมาในโลกเพื่อจะรื้อฟื้นให้ทุกคนกลับไปหาพระองค์​ทรงดีต่อมนุษย์ทุกคน 

10:7 ประชาชนที่เคยอ่อนแอ ตกอยู่ในการควบคุมของผู้นำคดโกง  จะกลายเป็นคนที่เข้มแข็ง พวกเขาจะยินดีในพระเจ้าที่ทรงช่วยกู้พวกเขาไว้   การที่ผู้เชื่อในพระเจ้าจะได้กลับมายินดีในพระเจ้าอย่างจริงจัง เป็นเป้าหมายของพระเจ้า เขาจะไม่ยินดีในสิ่งรอบข้างไร้สาระ ที่เคยยินดี เคยปรารถนาอีกต่อไป  แต่จะยินดีในพระเจ้าและแผ่นดินของพระองค์ทุกเวลา

10:8 ต่อมาพระองค์จะทรงแค่ผิวพระโอษฐ์ เรียกคนของพระองค์กลับมา และพวกเขาก็จะติดตามพระองค์ และไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ แต่เป็นคนจำนวนมากมายมหาศาล

10:9 คนเชื้อชาติอิสราเอลได้กระจัดกระจายไปตามชาติต่าง ๆ จริงอย่างที่พระเจ้าได้ตรัสไว้เมื่อหลายพันปีมาแล้ว  พวกเขาไปอยู่ในบาบิโลน และกระจายออกไปทางอิหร่าน ข้ามไปเอเชียด้วย

ส่วนในยุคก่อนสงครามโลก  พวกเขาอยู่ในยุโรปมากมาย จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่สองที่นาซีได้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวในห้องแก๊สกว่าหกล้านคน .. พวกเขาจึงได้กลับมายังแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสัญญาอีกครั้ง  นี่เป็นความจริงที่น่าประหลาดใจมาก เพราะเราไม่เคยเห็นชนชาติใดที่ได้กลับมายังที่เดิมซึ่งประเทศได้หายไปแบบอิสราเอลในโลกนี้เลย 
 

ชื่อของเศคาริยาห์ แปลว่า พระเจ้าทรงระลึกถึง และพวกเขาก็ระลึกถึงพระองค์เช่นกัน

10:10 การทรงเรียกกลับมายังดินแดนเดิมนั้น เศคาริยาห์กล่าวถึงอัสซีเรียและอียิปต์ที่เป็นศัตรูคู่แค้นของอิสราเอลมายาวนานมาก เมื่อพระเจ้ากล่าวถึงกิเลอาด (เป็นพื้นที่ทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน อยู่ระหว่างทะเลสาปกาลิลี กับทะเลตาย ) มีความหมายถึงดินแดนที่มียาขี้ผึ้งจากยางไม้ซึ่งรักษาบาดแผล และโรคภัยบางอย่างได้ (เยเรมีย์​ 22:6) ดินแดนแห่งนี้ ทำให้เราระลึกถึงความดีของพระเจ้าที่ทรงจัดหาสิ่งดี ๆ ให้ในชีวิตเรา  ส่วน เลบานอนนั้น มีความหมายถึงความเข้มแข็ง เกียรติ และความตระการงดงาม (อ่านอิสยาห์ 35:1-2)

10:11  พวกเขาจะผ่านไปในความยากลำบาก ทะเล มีความหมายถึงความสับสน วุ่นวาย ปัญหา  ในข้อนี้ เศคาริยาห์บอกว่า พวกเขาจะผ่านความทุกข์ยากต่าง ๆ ไป  เหมือนอย่างที่เคยผ่านทะเลในสมัยของโมเสส  คลื่นที่ถาโถมเข้ามาจะสยบต่อหน้าพวกเขา  อัสซีเรียและอียิปต์เป็นตัวแทนของศัตรูของอิสราเอล พระเจ้าจะทำให้พวกเขาหยุดที่จะยะโสต่อพระองค์ (มีบางเล่มที่แปลว่า พระเจ้าจะทรงข้ามทะเลไป)

10:12 พระยาห์เวห์ทรงสัญญาจะให้พลังแก่พวกเขา จะถึงเวลาที่พวกเขาจะเดินไปในพระนาม นั่นคือ  จะได้เป็นคนของพระองค์อย่างแท้จริง จะเชื่อมั่นในองค์พระเมสสิยาห์คือ พระเยซูคริสต์ แม้ว่าวันนี้พวกเขา เข้มแข็ง ต่อสู้ศัตรูอย่างกล้าหาญ ดูเหมือนว่า พวกเขาเข้มแข็งทั้งทางการเมือง การทหาร และมีจำนวนทวีขึ้น แต่จิตวิญญาณของพวกเขายังรอเวลาที่จะเป็นของพระเยซูคริสต์อย่างสมบูรณ์แบบ

พระคำเชื่อมโยง

เศคาริยาห์ 10
1* เยเรมีย์ 14:22; เฉลยธรรมบัญญัติ  11:13-14; โยเอล 2:23
2* เยเรมีย์ 10:8; 27:9; โยบ 13:4; เยเรมีย์ 50:6, 17; เอเสเคียล 34:5-8
3* เยเรมีย์ 25:34-36; เอเสเคียล 34:17; ลูกา 1:68;
บทเพลงโซโลมอน 1:9
4* อิสยาห์ 28:16; 22:23
5* สดุดี 18:42

6* เยเรมีย์ 3:18; โฮเชยา 1:7; เศคาริยาห์ 13:9
7* สดุดี 104:15
8* อิสยาห์ 5:26; เอเสเคียล 36:37;
9* โฮเชยา 2:23 ;เฉลยธรรมบัญญัติ  30:1
10* อิสยาห์ 11:11; 49:19-20
11* อิสยาห์ 11:15; เศฟันยาห์ 2:13; เอเสเคียล 30:13
12* มีคาห์ 4:5

เศคาริยาห์ 9 กษัตริย์องค์แท้จริงจะเสด็จมา

 ประเทศต่าง ๆ  ล่มสลาย
1 พระดำรัสที่หนักใจจากพระยาห์เวห์
ต่อต้านแผ่นดิน ฮัดราก และดามัสกัส 
เพราะดวงตาของมนุษย์และดวงตาของชนอิสราเอลทุกเผ่าจับจ้องที่พระยาห์เวห์ 
2 และทรงต่อต้าน ฮามัทซึ่งอยู่ติดดามัสกัส รวมไปถึงไทระและไซดอนด้วย แม้ว่าพวกเขาจะหลักแหลมยิ่งนัก 

3 ไทระได้สร้างกำแพงป้องกันเมือง
ได้เก็บสะสมแร่เงินมากมายเหมือนฝุ่น
และแร่ทองเหมือนผงดินตามถนน
4 ดูเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงริบสมบัติของเธอไป
และโยนอำนาจของเมืองลงทะเลไป
แล้วเมืองนี้จะถูกผลาญด้วยไฟ

5 อัชเคโลนจะเห็นแล้วกลัวลาน
กาซาจะบิดตัวด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว
รวมไปถึงเอโครน เพราะความหวังจะเหี่ยวเฉาไป 
จะไม่มีกษัตริย์ในกาซาอีกเลย
และจะไม่มีคนหลงเหลืออยู่ในอัชเคโลน 
6 คนเลือดผสมจะเข้ามาครองอัชโดด
และเราจะตัดความเย่อหยิ่งของฟิลิสเตียให้หมดสิ้นไป
7 เราจะเอาเลือดออกจากปากของพวกเขา
และเอาความขยะแขยงออกจากซี่ฟัน
แล้วพวกเขาเองก็จะกลายเป็นผู้ที่เหลืออยู่เพื่อพระเจ้าของเรา  
พวกเขาจะกลายเป็นเหมือนผู้นำในยูดาห์
และเอโครนจะเป็นเหมือนชาวเยบุส

8 แต่เราจะตั้งค่ายล้อมรอบพระนิเวศของเรา จากกองทัพทั้งหลายที่ผ่านเข้า ๆ ออก ๆ  เราจะไม่ให้คนเข้ามากดขี่ข่มเหง เหยียบย่ำคนของเราต่อไป
เพราะบัดนี้ เราจับตาดูด้วยดวงตาของเราเอง 

กษัตริย์ของศิโยนองค์แท้จริงจะเสด็จมา
9 ดูสิ องค์กษัตริย์ของเจ้าเสด็จมาหาเจ้า,พระองค์ทรงเที่ยงธรรม (צַדִּ֥יק)
ทรงนำความรอด (
וְנוֹשָׁ֖ע)มาให้เจ้า 
พระองค์ทรงอ่อนโยน (עָנִי֙)
และทรงลาเข้ามาทรงลูกลาเสด็จมา 
ลาหนุ่ม (หรือลูกลา) 


10 และเราจะกำจัดรถม้าศึกจากเอฟราอิมออกไป
และม้าจากนครเยรูซาเล็ม และลูกธนูสงครามก็จะถูกหัก
แล้วพระองค์จะประกาศสันติภาพให้แก่ชาติต่าง ๆ 
ราชอาณาจักรของพระองค์จะขยายจากทะเลจรดทะเล
และจากแม่น้ำยูเฟรติสไปจนสุดปลายแผ่นดินโลก

11 ส่วนเจ้า เป็นเพราะโลหิตแห่งพันธสัญญาของเราที่ให้ไว้แก่เจ้า เราจะปล่อยนักโทษของเจ้าจากหลุมลึกที่ไม่มีน้ำ 
12 โอ นักโทษที่มีความหวัง
จงกลับมายังป้อมปราการของเจ้าเถิด 
แม้ในวันนี้ เราประกาศว่า เราจะรื้อฟื้นเจ้าขึ้นมาเป็นสองเท่า

พระเจ้าจะให้ประชากรของพระองค์รอด
13 เพราะเราจะโก่งยูดาห์เหมือนโก่งคันธนูของเรา
เอฟราอิมจะเป็นเหมือนลูกธนูของเรา 
เราจะกระตุ้นลูกหลานของเจ้า โอ ศิโยน
เพื่อต่อต้านลูกหลานของกรีก
เราจะทำให้เจ้า ศิโยน เป็นเหมือนดาบของนักรบ  

14 แล้วพระยาห์เวห์จะปรากฎพระองค์
และลูกธนูของพระองค์จะเคลื่อนไปข้างหน้าราวกับฟ้าแลบ  พระยาห์เวห์องค์เจ้านายจะทรงเป่าแตรงอน 
จะเสด็จไปข้างหน้าในลมพายุหมุนของทิศใต้
15 พระยาห์เวห์องค์จอมทัพจะปกป้องพวกเขา
พวกเขาจะทำลายล้าง และเอาชนะด้วยสลิง 
พวกเขาจะดื่มและคำรามราวกับดื่มเหล้าองุ่น
และพวกเขาจะเต็มปริ่มราวกับอ่างประพรมที่มุมแท่นบูชา 
16 ในวันนั้น พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาจะทรงช่วยกู้
ในฐานะที่พวกเขาเป็นประชากรของพระองค์
พวกเขาจะเปล่งประกายในแผ่นดินของพระองค์
ราวกับอัญมณีประดับมงกุฎ
17 พวกเขาจะน่าชื่นชมเพียงไร  พวกเขาน่ารักเพียงไร
ธัญพืชจะทำให้ชายหนุ่มเติบใหญ่
และเหล้าองุ่นใหม่จะทำให้หญิงสาวเติบโต

อธิบายเพิ่มเติม

คำพยากรณ์ถึงพระเมสสิยาห์นั้น เป็นเรื่องสำคัญในเศคาริยาห์ 9-14  แบ่งคำพยากรณ์เป็น 9-11 และ 12-14
ซึ่งเป็นคำพยากรณ์ที่เราต้องเข้าใจประวัติศาสตร์ของภูมิประเทศแถบนั้นบ้าง เพื่อให้รู้ว่า สิ่งที่เศคาริยาห์กล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ร้อยปีข้างหน้า หรือในยุคสุดท้ายเรียกได้ว่า เป็นคำพยากรณ์ล่วงหน้าในช่วงใกล้
บทนี้ ได้มีการกล่าวถึงพื้นที่ และเมืองหลายแห่ง เมืองเหล่านี้ ยังคงพอใจกับการที่จะไหว้รูปเคารพ และไม่ได้นับถือพระยาห์เวห์ ทั้ง ๆ ที่พวกเขารู้อยู่แล้วว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว 

9:1-4 บทนี้เปิดเผยการทำลายประเทศต่าง ๆ และการรักษาศิโยนไว้ การเสด็จมาของพระเมสสิยาห์ การช่วยกู้และพระพรของอิสราเอล
1-4 เล่าถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดกับแผ่นดินทางเหนือ พระดำรัสที่หนักใจนี้ มาจากคำว่า มาสสาห์ คือการประกาศที่ทำให้ผู้ฟังคือเศคาริยาห์หนักใจ (เยเรมีย์ 23:33)
เหตุใดมนุษย์และอิสราเอลทุกเผ่าจึงจับจ้องที่พระยาห์เวห์ ?

เมืองทางเหนือ ที่พระเจ้าจะทรงทำลายหลังจากสมัยเศคาริยาห์ 
ฮัดรากหรือฮัททาริกา อยู่ใกล้ฮามัทริมฝั่งแม่น้ำ โอรอนเตส ในอาราม  (อาโมส 6:2)
ดามัสกัส อยู่ในอารามหรือซีเรียนั่นเอง
ฮามัท  อยู่ติดกับดามัสกัส
ไซดอนและ ไทระ อยู่ทางเหนือริมฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน
 ไทระเชื่อใจตัวเองว่ากำแพงแข็งแรงสูง 150 ฟุต รอบเมืองที่อยู่บนเกาะใกล้ ๆ เมือง เป็นเมืองที่ค้าขาย มั่งคั่ง  มีเงิน ทองมากมายเป็นที่ปกป้องเมือง (อ่าน อิสยาห์ 23 ) พระเจ้าทรงทิ้งไทระลงทะเลไป ส่วนที่เหลือก็ถูกเผา ที่ผ่านเนบูคัดเนสซาร์มาได้ ก็เจอกับอเล็กซานเดอร์มหาราชที่สร้างทางเข้าสู่เกาะและทำลายเมืองนี้สำเร็จ

9:5
เมืองทางใต้ ก็จะถูกทำลาย  สี่เมืองนี้เป็นเมืองริมทะเลของฟีลิสเตีย ใต้เมืองยัฟฟาลงมา
สี่เมืองคือ อัชเคโลน​​ กาซา จะไม่มีกษัตริย์
ไม่มีคนเหลือ ในส่วนของกาซานี้ สำคัญในโลกโบราณตรงที่เป็นทางผ่านของกองทัพต่างๆ การผ่านของพ่อค้าที่จะไปยังอียิปต์ หรือขึ้นไปบาบิโลน ส่วนคนฟีลิสเตียเดิมนั้น ก็เป็นคนที่มาจากเกาะทางใต้ของอิตาลี ไม่ได้เป็นคนพื้นเมือง ไม่ใช่คนอาหรับด้วย
9:6
อัชโดด จะถูกคนต่างชาติเลือดผสมที่ใคร ๆ ดูหมิ่นมาครอบครอง และเอโครน 
ความเย่อหยิ่ง สำคัญตัวว่ายิ่งใหญ่ เป็นสิ่งที่เราจะพบในประชากรเมืองริมทะเลเหล่านี้
9:7
การเอาเลือดออกจากปากก็คือพวกเขาถวายบูชารูปเคารพด้วยเลือด และกินเนื้อที่ถวายนั้น 
แต่น่าแปลกที่เศคาริยาห์บอกว่า คนเหล่านี้จะกลายเป็นผู้หลงเหลืออยู่เพื่อพระเจ้า คนที่หลงเหลือเหล่านี้จะกลับมาหาพระเจ้า และกลายเป็นผู้นำด้วย พระเจ้าทรงบอกให้เห็นว่า จะมีคนต่างชาติกลับมาหาพระเจ้า จะเป็นผู้ที่ติดตามพระองค์ แข็งแรงเหมือนชาวเยบุสที่เคยอาศัยในเยรูซาเล็ม และไม่ได้ถูกทำลายไปเมื่อกษัตริย์ดาวิดเข้าไปบุกยึดเมืองนี้



9:8
คนต่างชาติเหล่านี้จะได้รับการยอมรับให้เป็นผู้นำทั้งจากคนอิสราเอลและคนต่างชาติด้วยกัน แล้วพระเจ้าจะทรงปกป้องพระวิหารของพระองค์ ซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงเว้นเยรูซาเล็มไว้  ไม่ให้ใครมาข่มเหงอีก
**ข้อหนึ่งเราเห็นว่า ผู้คนมองที่พระยาห์เวห์ แต่ในข้อแปด พระยาห์เวห์จะทรงจับตาดูผู้คนไม่ให้เข้ามาเหยียบย่ำคนของพระองค์
  
กษัตริย์องค์แท้จริง
9:9 ตามกำหนดของพระเจ้าแล้ว พระเมสสิยาห์จะมาในโลกสองครั้ง ครั้งแรก พระองค์ทรงปรากฏเป็นเด็กน้อยในครอบครัวของโยเซฟและมารีย์ เมื่อทรงปรากฏแก่ฝูงชนชาวเยรูซาเล็ม ก็ทรงขี่ลาเข้าเมือง และชาวเมืองก็เฉลิมฉลองด้วยใบปาล์มและความยินดี

ความหมายของข้อความตอนนี้ องค์กษัตริย์ทรงเข้ามาเยี่ยมเยียนประชากรของพระองค์  ทรงนำความรอดมาให้พวกเขา  คำว่าทรงอ่อนโยน ภาษาฮีบรูว่ายานิ (עָנִי֙) มีความหมายรวมไปถึง พระองค์ทรงถูกทำร้าย ถูกกดขี่ ถูกทรมาน ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม นี่หมายถึงพระเมสสิยาห์ที่ทรงต้องทนทุกข์ เหมือนอย่างดาวิดที่ทรงทนทุกข์มากก่อนที่พระองค์จะทรงขึ้นครอง

เศคาริยาห์กล่าวล่วงหน้าประมาณ 550 ปีก่อนที่พระเยซูจะเสด็จมาเยี่ยมเยี่ยนอิสราเอล นี่เป็นเหตุการณ์ซึ่งพวกเราที่อ่านพระคัมภีร์ใหม่จะพบในพระกิตติคุณทั้งสี่เล่ม! (มัทธิว 21:1–11; มาระโก 11:1–11; ลูกา 19:28–40; ยอห์น  12:12–19) นับเป็นเหตุการณ์สำคัญมาก  แต่การเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์จะเต็มด้วยสง่าราศี จากท้องฟ้า ทุกคนในโลกจะได้เห็นพระองค์​

พระคำตอนนี้ เป็นการเตรียมผู้อ่านให้รู้ถึงพระเมสสิยาห์จากวงศ์วานดาวิด

9:10 พระเมสสิยาห์จะทรงประกาศสันติภาพในโลกทั้งโลก พระองค์ทรงใช้พระกิตติคุณแทนที่อาวุธ ซึ่งขณะนี้ คนของพระองค์กำลังรุดหน้าในการประกาศทุกประเทศทั่วโลก ไม่ว่ารัฐบาลจะห้ามเพียงใด ก็ไม่อาจหยุดยั้งพวกเขาได้  เศคาริยาห์บอกชัดว่า พระกิตติคุณจะไปจนสุดปลายแผ่นดิน แต่ในขณะเดียวกัน มารก็พยายามสุดฤทธิ์ที่จะทำลายพระกิตติคุณของพระเจ้าทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นคริสตจักรที่สอนผิด หรือผู้รับใช้ที่นอกคอก เชื่อสิ่งที่นอกเหนือพระคัมภีร์​ แล้วนำให้คนอื่นเชื่อตามไปด้วย (ตัวอย่างเช่นใน มัทธิว 23:15 ซึ่งยังเกิดขึ้นในยุคใหม่นี้เช่นกัน )


9:11 สิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องการคือ การได้เป็นคู่พันธสัญญาของพระเจ้า  เพราะทำให้ชีวิตรอดปลอดภัย ได้รับการช่วยกู้จากพระเจ้าทุกด้าน  ที่ผ่านมาในพระคัมภีร์ ก็มีโยเซฟ กับเยเรมีย์ที่พระเจ้าทรงให้ออกมาจากหลุมลึก

และถ้าพูดถึงปัจจุบันนักโทษในที่นี้ ทำให้นึกถึงการที่อิสราเอลกลายเป็นตัวประกันเมื่อไม่นานมานี้ เพิ่งได้ออกมาชุดสุดท้ายที่มีชีวิต ตค. 2025) พระเจ้าทรงให้นักโทษเหล่านี้มีความหวัง และพระเจ้าจะประทานพรเป็นสองเท่าให้แก่พวกเขา (จากคำพยานของพวกเขา มีหลายคนพบพระเจ้า ใกล้เข้ามา แต่ยังไม่พบพระเยซู เราเชื่อว่าจากคำอธิษฐานของพี่น้องทั่วโลก พวกเขาจะได้พบพระเยซู พระเมสสิยาห์องค์แท้จริง)

9:12 พระเจ้าทรงนำพวกเขาให้ออกมายังป้อมปราการของเขาก็คือ พระองค์นั่นเอง   พระองค์ทรงเป็นป้อมปราการของเขา (มีในสดุดีมากมายอย่างเช่น สดุดี 71:3, 144:2)
สิ่งที่ศัตรูเอาไปจากเขา พระองค์จะทรงคืนให้สองเท่า ซึ่งเหมือนกับโยบที่ได้รับคืนสองเท่า  การได้สองเท่านี้คือ การรื้อฟื้นอย่างสมบูรณ์แบบ 

9:13-15 และแล้ว ภาพก็เปลี่ยน พระเจ้าจะทรงโก่งยูดาห์เหมือนคันธนู เอฟราอิม(ซึ่งก็คืออิสราเอลนั่นเอง จะเป็นเหมือนลูกธนู)  ศิโยนจะเป็นเหมือนดาบ …คนของพระองค์จะเป็นเหมือนอาวุธที่ต้องมาต่อสู้  พวกเขาจะเป็นอาวุธที่พระเจ้าทรงใช้ทำลายศัตรูของพระองค์  (มีความเห็นตรงนี้ว่า ชัยชนะเหนือกรีกเมื่อ 200 ปีก่อนคริสตศักราช คือเมื่อพวกมัคคาบีชนะเหนือกรีก แอนติโอคุส เอปิฟาเนสแห่งราชวงศ์เซลูซิด กดขี่พยายามให้ยิวเปลี่ยนความเชื่อไปเป็นแบบกรีก เหตุการณ์นี้เป็นเหมือนเงาชี้ให้เห็นการช่วยกู้อิสราเอลในยุคสุดท้าย)  
ข้อสิบห้า อิสราเอลจะชนะเหนือศัตรู และยินดีอย่างมาก พวกเขาจะรู้ว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยกู้พวกเขา  ทรงเป็นพระองค์ผู้ที่เขาต้องเข้ามาสรรเสริญ  

9:16-17 คือภาพของอิสราเอลที่พระเจ้าทรงช่วยกู้ และประทานพระพร พวกเขาสยบต่อพระองค์ และกลายเป็นผู้ที่มีเกียรติศักดิ์ศรีอย่างยิ่ง เพราะเขาได้เป็นประชากรของพระองค์เต็มร้อย  
พวกเขาจะไม่เป็นคนที่ดื้อด้านต่อพระองค์อีกต่อไป  กลุ่มคนที่พระเจ้าทรงพอพระทัยจะมีเกียรติและเต็มด้วยพระพรทั้งฝ่ายวิญญาณและฝ่ายร่างกาย 
ธัญพืชและเหล้าองุ่นใหม่ที่กล่าวถึงนี้ หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง และพระพร เป็นคำที่กล่าวไปถึงการปกครองพันปีของพระเจ้า (โยเอล 2:19)

พระคำเชื่อมโยง

เศคาริยาห์ 9

1* อิสยาห์ 17:1 ; อาโมส 1:3-5
2* เยเรมีย์ 49:23 ; อิสยาห์ 23 ;
1 พงศ์กษัตริย์ 17:9 ; เอเสเคียล 28:3
4* อิสยาห์ 23:1 ; เอเสเคียล 26:17
5* เศฟันยาห์ 2:4-5

6* อาโมส 1:8 ; เอเสเคียล 25:15-17
8* สดุดี 34:7
9* เศคาริยาห์ 2:10  ; เยเรมีย์ 23:4-5 ;
มัทธิว 21:4-5
10* โฮเชยา 1:7; 2:18 ; มีคาห์ 4:2-4 ;
สดุดี 72:8
11* อิสยาห์ 42:7

12* อิสยาห์ 49:9; 61:7 
14* สดุดี 18:14 ;อิสยาห์ 21:1
15* เศคาริยาห์ 12:8
16* เยเรมีย์ 31:10-11 ; อิสยาห์ 62:3; 11:12
17* สดุดี 31:19; 45:1-16 ; โยเอล 3:18