เศคาริยาห์ 10 เราจะนำพวกเขากลับมา

ยูดาห์และอิสราเอลจะได้รับการฟื้นฟู
1 จงทูลขอฝนจากพระยาห์เวห์ในฤดูใบไม้ผลิ
พระยาห์เวห์ทรงเป็นผู้สร้างพายุเมฆ
และพระองค์จะประทานฝน พืชผลในไร่นาแก่ทุกคน 
2 เพราะเทวรูปประจำบ้านต่างให้คำลวง
ผู้เผยพระดำรัสทั้งหลายก็เห็นจินตภาพปลอม 
พวกเขาเล่าความฝันที่มุสาและให้คำปลอบใจที่ว่างเปล่า 
เพราะประชาชนไม่มีผู้เลี้ยง ดังนั้น
พวกเขาจึงกระจัดกระจายไปเหมือนแกะ

พวกเขาถูกข่มเหงเพราะไม่มีผู้เลี้ยง 
3“เราจึงโกรธเกรี้ยวกับเหล่าผู้เลี้ยง และเราจะลงโทษผู้นำ เพราะพระยาห์เวห์องค์จอมทัพจะทรงดูแลฝูงแกะของพระองค์
คือวงศ์วานยูดาห์ และจะทำให้พวกเขา
เป็นเหมือนม้าศึกที่ทรนงองอาจในสงคราม
4 ศิลามุมเอกนั้นจะมาจากยูดาห์
หมุดยึดเต็นท์มาจากเขา
รวมทั้งธนู และผู้ปกครองมาจากเขาด้วยกันทั้งหมด
(ข้อนี้เป็นคำพยากรณ์ถึงพระเมสสิยาห์ที่ชัดเจนมาก มาจากเผ่ายูดาห์ และทำให้เห็นพระลักษณะของพระองค์ และพระราชกิจที่จะทรงทำ)
5 พวกเขาจะเป็นนักรบผู้กล้าในสงคราม
เหยียบย่ำศัตรูบนถนนโคลน

พวกเขาจะต่อสู้เพราะพระยาห์เวห์ทรงอยู่กับพวกเขา
และเขาจะเอาชนะพลม้าของศัตรู



6 เราจะทำให้วงศ์วานยูดาห์เข้มแข็งขึ้น
และช่วยกู้วงศ์วานโยเซฟให้รอด
ราจะนำพวกเขากลับมาเพราะเราสงสารพวกเขา 
และพวกเขาจะเป็นเหมือนคนที่ไม่เคยถูกเราปฏิเสธเลย
เพราะเราเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา
เราจะฟังคำทูลของพวกเขา 

7 เอฟราอิมจะเป็นดั่งนักรบผู้กล้า
และใจของพวกเขาจะยินดีดั่งได้ดื่มเหล้าองุ่น
ลูกหลานของเขาจะได้เห็นและชื่นชมยิ่ง
ใจของพวกเขาจะยินดีในองค์พระยาห์เวห์
8 เราจะผิวปากเรียกให้พวกเขามาชุมนุมกัน
เพราะเราได้ไถ่พวกเขาไว้
และพวกเขาจะมีจำนวนมากมายเหมือนอย่างที่เคย 

9 แม้เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปตามชาติต่าง ๆ  ในดินแดนที่ห่างไกลนั้นพวกเขาจะระลึกถึงเรา 
พวกเขาและลูกหลานจะมีชีวิตอยู่และกลับมา 
10 เราจะนำเขากลับมาจากอียิปต์
และรวบรวมพวกเขาจากอัสซีเรีย
เราจะนำพวกเขามายังกิเลอาดและเลบานอน
จนไม่มีที่พอสำหรับพวกเขา
 11 พวกเขาจะผ่านไปในทะเลแห่งความยากลำบาก
และจะสยบคลื่นทะเล 
น้ำลึกแห่งแม่น้ำไนล์จะแห้งเหือด
ความยะโสของอัสซีเรียจะถูกกำราบ
และคทาแห่งอียิปต์จะจากไป
12 เราจะทำให้พวกเขาเข้มแข็งโดยพลังของเรา
และพวกเขาจะเดินไปในพระนามของเรา”
พระยาห์เวห์ทรงประกาศ  

อธิบายเพิ่มเติม

ข้อ หนึ่งถึงห้า กล่าวถึงฤทธิ์ของพระเจ้าที่แตกต่างจาก ผู้นำที่เลวร้ายของอิสราเอล  ประชาชนของพระเจ้าหลงทางเพราะผู้นำชักชวนให้เขาไปทำผิด ให้จินตภาพหลอกลวง ทำให้คนอิสราเอลมีความรู้สึกดีทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์ไม่ดีเลย 
พระเจ้าจะทรงทำให้วงศ์วานยูดาห์เข้มแข็งขึ้นรวมไปถึงอิสราเอลด้วย……………………
10:1 พระเจ้าตรัสให้พวกเขารู้ว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ประทานฝนให้พวกเขาเพื่อจะมีอาหารกินบริบูรณ์ จะมีเมล็ดต่อไปให้ พวกเขาหว่าน
(อิสยาห์ 55:10 )
ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าต้องไปขอจากพระต่าง ๆ ที่พวกผู้นำทั้งหลายบอก (เพื่อพวกเขาจะได้เงินทองจากประชาชน)   แทนที่พวกเขาจะเชื่อพระเจ้า กลับกลายไปเชื่อรูปเคารพตามคนคานาอันซึ่งเป็นเพื่อนบ้านรอบ ๆ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเทพบาอัลที่ให้ฝน
ข้อนี้ พระเจ้าทรงย้ำเตือนให้อิสราเอลคิดให้ถูกต้องตามความเป็นจริง! 

10:2 สิ่งที่ผู้เผยพระดำรัสปลอมได้ทำกับประชาชนคือ  ฝันมุสาก็คือไม่ได้ฝันจริงเลย แต่เล่าเป็นตุเป็นตะให้ประชาชนฟัง ปลอบใจว่า บ้านเมืองจะดีขึ้น  พวกเขาไม่ได้พูดความจริงจากพระเจ้า นี่เป็นผู้นำฝ่ายวิญญาณที่พระเจ้าจะทรงจัดการ  อิสราเอลไม่มีผู้เลี้ยงแท้จริง

10:3 พระเจ้าทรงโกรธผู้นำเหล่านี้  พระองค์ต้องลงมาดูแลประชาชนด้วยพระองค์เอง  พระองค์จะทรงเป็นพระผู้เลี้ยงของพวกเขา พระองค์จะทรงเปลี่ยนคนอิสราเอลจากคนที่อ่อนแอ ไม่รู้เรื่อง จากคนที่เคยเป็นเชลยศึกพ่ายแพ้   ให้กลายเป็นคนที่เข้มแข็งดั่งม้าศึก 

10:4  แล้วจากวงศ์วานยูดาห์ พระเจ้าจะทรงส่งศิลามุมเอกมาให้ เป็นผู้นำของประชาชนที่ไม่เหมือนเหล่าคนหลอกลวง  นั่นคือ องค์พระเมสสิยาห์  ซึ่งทรงเป็นผู้นำที่จะทำให้ชาติมั่นคง (อิสยาห์  28:16) ช่วยยึดเป็นหมุดที่ทำให้พวกเขาไม่ตกลงไปในความดำมืดของผู้นำที่ชั่วช้าอีกต่อไป  หมุดนี้มีความหมายถึงผู้ที่ดูแลราชอาณาจักร แบกภาระไว้บนบ่าของพระองค์ (อิสยาห์ 22:22-24) ทรงเป็นหมุดที่ทำให้อาณาจักรของพระองค์มั่นคง  และพระเมสสิยาห์จะเป็นดั่งธนูของพระเจ้าที่ทำลายศัตรู (สดุดี 45:5)

10:5  และต่อมาผู้คนก็จะเป็นนักรบกล้าในสงคราม ทำลายศัตรูของพระเจ้า เพราะพระยาห์เวห์ทรงอยู่กับพวกเขา  แม้กระทั่งความยิ่งใหญ่ของกองทัพศัตรูที่มีรถม้า มีกำลังดูว่ามากกว่า แต่คนของพระเจ้าจะได้รับชัยชนะ ทำให้ความยิ่งใหญ่ของโลก ของศัตรูต้องอับอาย  กำลังของพวกเขาไม่ได้มาจากตัวเองแต่มาจากพระเจ้าผู้ทรงหนุนหลังพวกเขาอยู่ 

10:6  อิสราเอลไม่สามารถอวดตัวเองได้ว่า พวกเขาดี พระเจ้าจึงทรงช่วยกู้ แต่ที่พระเจ้าทรงช่วยกู้เพราะพระเมตตาสงสารที่มีต่อพวกเขา พระองค์จะตอบคำร้องทูลของพวกเขา นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาหันมาหาพระเจ้าเมื่อตกทุกข์ได้ยาก เช่นเดียวกัน  พระเจ้าทรงส่งพระเยซูลงมาในโลกเพื่อจะรื้อฟื้นให้ทุกคนกลับไปหาพระองค์​ทรงดีต่อมนุษย์ทุกคน 

10:7 ประชาชนที่เคยอ่อนแอ ตกอยู่ในการควบคุมของผู้นำคดโกง  จะกลายเป็นคนที่เข้มแข็ง พวกเขาจะยินดีในพระเจ้าที่ทรงช่วยกู้พวกเขาไว้   การที่ผู้เชื่อในพระเจ้าจะได้กลับมายินดีในพระเจ้าอย่างจริงจัง เป็นเป้าหมายของพระเจ้า เขาจะไม่ยินดีในสิ่งรอบข้างไร้สาระ ที่เคยยินดี เคยปรารถนาอีกต่อไป  แต่จะยินดีในพระเจ้าและแผ่นดินของพระองค์ทุกเวลา

10:8 ต่อมาพระองค์จะทรงแค่ผิวพระโอษฐ์ เรียกคนของพระองค์กลับมา และพวกเขาก็จะติดตามพระองค์ และไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ แต่เป็นคนจำนวนมากมายมหาศาล

10:9 คนเชื้อชาติอิสราเอลได้กระจัดกระจายไปตามชาติต่าง ๆ จริงอย่างที่พระเจ้าได้ตรัสไว้เมื่อหลายพันปีมาแล้ว  พวกเขาไปอยู่ในบาบิโลน และกระจายออกไปทางอิหร่าน ข้ามไปเอเชียด้วย

ส่วนในยุคก่อนสงครามโลก  พวกเขาอยู่ในยุโรปมากมาย จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่สองที่นาซีได้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวในห้องแก๊สกว่าหกล้านคน .. พวกเขาจึงได้กลับมายังแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสัญญาอีกครั้ง  นี่เป็นความจริงที่น่าประหลาดใจมาก เพราะเราไม่เคยเห็นชนชาติใดที่ได้กลับมายังที่เดิมซึ่งประเทศได้หายไปแบบอิสราเอลในโลกนี้เลย 
 

ชื่อของเศคาริยาห์ แปลว่า พระเจ้าทรงระลึกถึง และพวกเขาก็ระลึกถึงพระองค์เช่นกัน

10:10 การทรงเรียกกลับมายังดินแดนเดิมนั้น เศคาริยาห์กล่าวถึงอัสซีเรียและอียิปต์ที่เป็นศัตรูคู่แค้นของอิสราเอลมายาวนานมาก เมื่อพระเจ้ากล่าวถึงกิเลอาด (เป็นพื้นที่ทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน อยู่ระหว่างทะเลสาปกาลิลี กับทะเลตาย ) มีความหมายถึงดินแดนที่มียาขี้ผึ้งจากยางไม้ซึ่งรักษาบาดแผล และโรคภัยบางอย่างได้ (เยเรมีย์​ 22:6) ดินแดนแห่งนี้ ทำให้เราระลึกถึงความดีของพระเจ้าที่ทรงจัดหาสิ่งดี ๆ ให้ในชีวิตเรา  ส่วน เลบานอนนั้น มีความหมายถึงความเข้มแข็ง เกียรติ และความตระการงดงาม (อ่านอิสยาห์ 35:1-2)

10:11  พวกเขาจะผ่านไปในความยากลำบาก ทะเล มีความหมายถึงความสับสน วุ่นวาย ปัญหา  ในข้อนี้ เศคาริยาห์บอกว่า พวกเขาจะผ่านความทุกข์ยากต่าง ๆ ไป  เหมือนอย่างที่เคยผ่านทะเลในสมัยของโมเสส  คลื่นที่ถาโถมเข้ามาจะสยบต่อหน้าพวกเขา  อัสซีเรียและอียิปต์เป็นตัวแทนของศัตรูของอิสราเอล พระเจ้าจะทำให้พวกเขาหยุดที่จะยะโสต่อพระองค์ (มีบางเล่มที่แปลว่า พระเจ้าจะทรงข้ามทะเลไป)

10:12 พระยาห์เวห์ทรงสัญญาจะให้พลังแก่พวกเขา จะถึงเวลาที่พวกเขาจะเดินไปในพระนาม นั่นคือ  จะได้เป็นคนของพระองค์อย่างแท้จริง จะเชื่อมั่นในองค์พระเมสสิยาห์คือ พระเยซูคริสต์ แม้ว่าวันนี้พวกเขา เข้มแข็ง ต่อสู้ศัตรูอย่างกล้าหาญ ดูเหมือนว่า พวกเขาเข้มแข็งทั้งทางการเมือง การทหาร และมีจำนวนทวีขึ้น แต่จิตวิญญาณของพวกเขายังรอเวลาที่จะเป็นของพระเยซูคริสต์อย่างสมบูรณ์แบบ

พระคำเชื่อมโยง

เศคาริยาห์ 10
1* เยเรมีย์ 14:22; เฉลยธรรมบัญญัติ  11:13-14; โยเอล 2:23
2* เยเรมีย์ 10:8; 27:9; โยบ 13:4; เยเรมีย์ 50:6, 17; เอเสเคียล 34:5-8
3* เยเรมีย์ 25:34-36; เอเสเคียล 34:17; ลูกา 1:68;
บทเพลงโซโลมอน 1:9
4* อิสยาห์ 28:16; 22:23
5* สดุดี 18:42

6* เยเรมีย์ 3:18; โฮเชยา 1:7; เศคาริยาห์ 13:9
7* สดุดี 104:15
8* อิสยาห์ 5:26; เอเสเคียล 36:37;
9* โฮเชยา 2:23 ;เฉลยธรรมบัญญัติ  30:1
10* อิสยาห์ 11:11; 49:19-20
11* อิสยาห์ 11:15; เศฟันยาห์ 2:13; เอเสเคียล 30:13
12* มีคาห์ 4:5

เศคาริยาห์ 9 กษัตริย์องค์แท้จริงจะเสด็จมา

 ประเทศต่าง ๆ  ล่มสลาย
1 พระดำรัสที่หนักใจจากพระยาห์เวห์
ต่อต้านแผ่นดิน ฮัดราก และดามัสกัส 
เพราะดวงตาของมนุษย์และดวงตาของชนอิสราเอลทุกเผ่าจับจ้องที่พระยาห์เวห์ 
2 และทรงต่อต้าน ฮามัทซึ่งอยู่ติดดามัสกัส รวมไปถึงไทระและไซดอนด้วย แม้ว่าพวกเขาจะหลักแหลมยิ่งนัก 

3 ไทระได้สร้างกำแพงป้องกันเมือง
ได้เก็บสะสมแร่เงินมากมายเหมือนฝุ่น
และแร่ทองเหมือนผงดินตามถนน
4 ดูเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงริบสมบัติของเธอไป
และโยนอำนาจของเมืองลงทะเลไป
แล้วเมืองนี้จะถูกผลาญด้วยไฟ

5 อัชเคโลนจะเห็นแล้วกลัวลาน
กาซาจะบิดตัวด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว
รวมไปถึงเอโครน เพราะความหวังจะเหี่ยวเฉาไป 
จะไม่มีกษัตริย์ในกาซาอีกเลย
และจะไม่มีคนหลงเหลืออยู่ในอัชเคโลน 
6 คนเลือดผสมจะเข้ามาครองอัชโดด
และเราจะตัดความเย่อหยิ่งของฟิลิสเตียให้หมดสิ้นไป
7 เราจะเอาเลือดออกจากปากของพวกเขา
และเอาความขยะแขยงออกจากซี่ฟัน
แล้วพวกเขาเองก็จะกลายเป็นผู้ที่เหลืออยู่เพื่อพระเจ้าของเรา  
พวกเขาจะกลายเป็นเหมือนผู้นำในยูดาห์
และเอโครนจะเป็นเหมือนชาวเยบุส

8 แต่เราจะตั้งค่ายล้อมรอบพระนิเวศของเรา จากกองทัพทั้งหลายที่ผ่านเข้า ๆ ออก ๆ  เราจะไม่ให้คนเข้ามากดขี่ข่มเหง เหยียบย่ำคนของเราต่อไป
เพราะบัดนี้ เราจับตาดูด้วยดวงตาของเราเอง 

กษัตริย์ของศิโยนองค์แท้จริงจะเสด็จมา
9 จงยินดีให้มากเถิด ลูกสาวของศิโยน
จงตะโกนด้วยชัยชนะ โอ ลูกสาวนครเยรูซาเล็ม
ดูสิ องค์กษัตริย์ของเจ้าเสด็จมาหาเจ้า,

พระองค์ทรงเที่ยงธรรม ทรงนำชัยชนะมาให้เจ้า
พระองค์ทรงอ่อนโยน และทรงลาเข้ามาทรงลูกลาเสด็จมา 

ลาหนุ่ม  !


10 และเราจะกำจัดรถม้าศึกจากเอฟราอิมออกไป
และม้าจากนครเยรูซาเล็ม และลูกธนูสงครามก็จะถูกหัก
แล้วพระองค์จะประกาศสันติภาพให้แก่ชาติต่าง ๆ 
ราชอาณาจักรของพระองค์จะขยายจากทะเลจรดทะเล
และจากแม่น้ำยูเฟรติสไปจนสุดปลายแผ่นดินโลก

11 ส่วนเจ้า เป็นเพราะโลหิตแห่งพันธสัญญาของเราที่ให้ไว้แก่เจ้า เราจะปล่อยนักโทษของเจ้าจากหลุมลึกที่ไม่มีน้ำ 
12 โอ นักโทษที่มีความหวัง
จงกลับมายังป้อมปราการของเจ้าเถิด 
แม้ในวันนี้ เราประกาศว่า เราจะรื้อฟื้นเจ้าขึ้นมาเป็นสองเท่า

พระเจ้าจะให้ประชากรของพระองค์รอด
13 เพราะเราจะโก่งยูดาห์เหมือนโก่งคันธนูของเรา
เอฟราอิมจะเป็นเหมือนลูกธนูของเรา 
เราจะกระตุ้นลูกหลานของเจ้า โอ ศิโยน
เพื่อต่อต้านลูกหลานของกรีก
เราจะทำให้เจ้า ศิโยน เป็นเหมือนดาบของนักรบ  

14 แล้วพระยาห์เวห์จะปรากฎพระองค์
และลูกธนูของพระองค์จะเคลื่อนไปข้างหน้าราวกับฟ้าแลบ  พระยาห์เวห์องค์เจ้านายจะทรงเป่าแตรงอน 
จะเสด็จไปข้างหน้าในลมพายุหมุนของทิศใต้
15 พระยาห์เวห์องค์จอมทัพจะปกป้องพวกเขา
พวกเขาจะทำลายล้าง และเอาชนะด้วยสลิง 
พวกเขาจะดื่มและคำรามราวกับดื่มเหล้าองุ่น
และพวกเขาจะเต็มปริ่มราวกับอ่างประพรมที่มุมแท่นบูชา 
16 ในวันนั้น พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาจะทรงช่วยกู้
ในฐานะที่พวกเขาเป็นประชากรของพระองค์
พวกเขาจะเปล่งประกายในแผ่นดินของพระองค์
ราวกับอัญมณีประดับมงกุฎ
17 พวกเขาจะน่าชื่นชมเพียงไร  พวกเขาน่ารักเพียงไร
ธัญพืชจะทำให้ชายหนุ่มเติบใหญ่
และเหล้าองุ่นใหม่จะทำให้หญิงสาวเติบโต

อธิบายเพิ่มเติม

คำพยากรณ์ถึงพระเมสสิยาห์นั้น เป็นเรื่องสำคัญในเศคาริยาห์ 9-14  แบ่งคำพยากรณ์เป็น 9-11 และ 12-14
ซึ่งเป็นคำพยากรณ์ที่เราต้องเข้าใจประวัติศาสตร์ของภูมิประเทศแถบนั้นบ้าง เพื่อให้รู้ว่า สิ่งที่เศคาริยาห์กล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ร้อยปีข้างหน้า หรือในยุคสุดท้ายเรียกได้ว่า เป็นคำพยากรณ์ล่วงหน้าในช่วงใกล้
บทนี้ ได้มีการกล่าวถึงพื้นที่ และเมืองหลายแห่ง เมืองเหล่านี้ ยังคงพอใจกับการที่จะไหว้รูปเคารพ และไม่ได้นับถือพระยาห์เวห์ ทั้ง ๆ ที่พวกเขารู้อยู่แล้วว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว 

9:1-4 บทนี้เปิดเผยการทำลายประเทศต่าง ๆ และการรักษาศิโยนไว้ การเสด็จมาของพระเมสสิยาห์ การช่วยกู้และพระพรของอิสราเอล
1-4 เล่าถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดกับแผ่นดินทางเหนือ พระดำรัสที่หนักใจนี้ มาจากคำว่า มาสสาห์ คือการประกาศที่ทำให้ผู้ฟังคือเศคาริยาห์หนักใจ (เยเรมีย์ 23:33)
เหตุใดมนุษย์และอิสราเอลทุกเผ่าจึงจับจ้องที่พระยาห์เวห์ ?

เมืองทางเหนือ ที่พระเจ้าจะทรงทำลายหลังจากสมัยเศคาริยาห์ 
ฮัดรากหรือฮัททาริกา อยู่ใกล้ฮามัทริมฝั่งแม่น้ำ โอรอนเตส ในอาราม  (อาโมส 6:2)
ดามัสกัส อยู่ในอารามหรือซีเรียนั่นเอง
ฮามัท  อยู่ติดกับดามัสกัส
ไซดอนและ ไทระ อยู่ทางเหนือริมฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน
 ไทระเชื่อใจตัวเองว่ากำแพงแข็งแรงสูง 150 ฟุต รอบเมืองที่อยู่บนเกาะใกล้ ๆ เมือง เป็นเมืองที่ค้าขาย มั่งคั่ง  มีเงิน ทองมากมายเป็นที่ปกป้องเมือง (อ่าน อิสยาห์ 23 ) พระเจ้าทรงทิ้งไทระลงทะเลไป ส่วนที่เหลือก็ถูกเผา ที่ผ่านเนบูคัดเนสซาร์มาได้ ก็เจอกับอเล็กซานเดอร์มหาราชที่สร้างทางเข้าสู่เกาะและทำลายเมืองนี้สำเร็จ

9:5-8 
เมืองทางใต้ ก็จะถูกทำลาย  สี่เมืองนี้เป็นเมืองริมทะเลของฟีลิสเตีย ใต้เมืองยัฟฟาลงมา
สี่เมืองคือ อัชเคโลน​​ กาซา จะไม่มีกษัตริย์
ไม่มีคนเหลือ ในส่วนของกาซานี้ สำคัญในโลกโบราณตรงที่เป็นทางผ่านของกองทัพต่างๆ การผ่านของพ่อค้าที่จะไปยังอียิปต์ หรือขึ้นไปบาบิโลน ส่วนคนฟีลิสเตียเดิมนั้น ก็เป็นคนที่มาจากเกาะทางใต้ของอิตาลี ไม่ได้เป็นคนพื้นเมือง ไม่ใช่คนอาหรับด้วย



อัชโดด จะถูกคนต่างชาติเลือดผสมที่ใคร ๆ ดูหมิ่นมาครอบครอง และเอโครน 
ความเย่อหยิ่ง สำคัญตัวว่ายิ่งใหญ่ เป็นสิ่งที่เราจะพบในประชากรเมืองริมทะเลเหล่านี้

การเอาเลือดออกจากปากก็คือพวกเขาถวายบูชารูปเคารพด้วยเลือด และกินเนื้อที่ถวายนั้น 
แต่น่าแปลกที่เศคาริยาห์บอกว่า คนเหล่านี้จะกลายเป็นผู้หลงเหลืออยู่เพื่อพระเจ้า คนที่หลงเหลือเหล่านี้จะกลับมาหาพระเจ้า และกลายเป็นผู้นำด้วย พระเจ้าทรงบอกให้เห็นว่า จะมีคนต่างชาติกลับมาหาพระเจ้า จะเป็นผู้ที่ติดตามพระองค์ แข็งแรงเหมือนชาวเยบุสที่เคยอาศัยในเยรูซาเล็ม และไม่ได้ถูกทำลายไปเมื่อกษัตริย์ดาวิดเข้าไปบุกยึดเมืองนี้

คนต่างชาติเหล่านี้จะได้รับการยอมรับให้เป็นผู้นำทั้งจากคนอิสราเอลและคนต่างชาติด้วยกัน แล้วพระเจ้าจะทรงปกป้องพระวิหารของพระองค์ ซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงเว้นเยรูซาเล็มไว้  ไม่ให้ใครมาข่มเหงอีก
**ข้อหนึ่งเราเห็นว่า ผู้คนมองที่พระยาห์เวห์ แต่ในข้อแปด พระยาห์เวห์จะทรงจับตาดูผู้คนไม่ให้เข้ามาเหยียบย่ำคนของพระองค์
  
กษัตริย์องค์แท้จริง
9:9 ตามกำหนดของพระเจ้าแล้ว พระเมสสิยาห์จะมาในโลกสองครั้ง ครั้งแรก พระองค์ทรงปรากฏเป็นเด็กน้อยในครอบครัวของโยเซฟและมารีย์ เมื่อทรงปรากฏแก่ฝูงชนชาวเยรูซาเล็ม ก็ทรงขี่ลาเข้าเมือง และชาวเมืองก็เฉลิมฉลองด้วยใบปาล์มและความยินดี
เศคาริยาห์กล่าวล่วงหน้าประมาณ 550 ปีก่อนที่พระเยซูจะเสด็จมาเยี่ยมเยี่ยนอิสราเอล นี่เป็นเหตุการณ์ซึ่งพวกเราที่อ่านพระคัมภีร์ใหม่จะพบในพระกิตติคุณทั้งสี่เล่ม! (มัทธิว 21:1–11; มาระโก 11:1–11; ลูกา 19:28–40; ยอห์น  12:12–19) นับเป็นเหตุการณ์สำคัญมาก  แต่การเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์จะเต็มด้วยสง่าราศี จากท้องฟ้า ทุกคนในโลกจะได้เห็นพระองค์​

9:10 พระเมสสิยาห์จะทรงประกาศสันติภาพในโลกทั้งโลก พระองค์ทรงใช้พระกิตติคุณแทนที่อาวุธ ซึ่งขณะนี้ คนของพระองค์กำลังรุดหน้าในการประกาศทุกประเทศทั่วโลก ไม่ว่ารัฐบาลจะห้ามเพียงใด ก็ไม่อาจหยุดยั้งพวกเขาได้  เศคาริยาห์บอกชัดว่า พระกิตติคุณจะไปจนสุดปลายแผ่นดิน แต่ในขณะเดียวกัน มารก็พยายามสุดฤทธิ์ที่จะทำลายพระกิตติคุณของพระเจ้าทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นคริสตจักรที่สอนผิด หรือผู้รับใช้ที่นอกคอก เชื่อสิ่งที่นอกเหนือพระคัมภีร์​ แล้วนำให้คนอื่นเชื่อตามไปด้วย (ตัวอย่างเช่นใน มัทธิว 23:15 ซึ่งยังเกิดขึ้นในยุคใหม่นี้เช่นกัน )


9:11 สิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องการคือ การได้เป็นคู่พันธสัญญาของพระเจ้า  เพราะทำให้ชีวิตรอดปลอดภัย ได้รับการช่วยกู้จากพระเจ้าทุกด้าน  ที่ผ่านมาในพระคัมภีร์ ก็มีโยเซฟ กับเยเรมีย์ที่พระเจ้าทรงให้ออกมาจากหลุมลึก

และถ้าพูดถึงปัจจุบันนักโทษในที่นี้ ทำให้นึกถึงการที่อิสราเอลกลายเป็นตัวประกันเมื่อไม่นานมานี้ เพิ่งได้ออกมาชุดสุดท้ายที่มีชีวิต ตค. 2025) พระเจ้าทรงให้นักโทษเหล่านี้มีความหวัง และพระเจ้าจะประทานพรเป็นสองเท่าให้แก่พวกเขา (จากคำพยานของพวกเขา มีหลายคนพบพระเจ้า ใกล้เข้ามา แต่ยังไม่พบพระเยซู เราเชื่อว่าจากคำอธิษฐานของพี่น้องทั่วโลก พวกเขาจะได้พบพระเยซู พระเมสสิยาห์องค์แท้จริง)

9:12 พระเจ้าทรงนำพวกเขาให้ออกมายังป้อมปราการของเขาก็คือ พระองค์นั่นเอง   พระองค์ทรงเป็นป้อมปราการของเขา (มีในสดุดีมากมายอย่างเช่น สดุดี 71:3, 144:2)
สิ่งที่ศัตรูเอาไปจากเขา พระองค์จะทรงคืนให้สองเท่า ซึ่งเหมือนกับโยบที่ได้รับคืนสองเท่า  การได้สองเท่านี้คือ การรื้อฟื้นอย่างสมบูรณ์แบบ 

9:13-15 และแล้ว ภาพก็เปลี่ยน พระเจ้าจะทรงโก่งยูดาห์เหมือนคันธนู เอฟราอิม(ซึ่งก็คืออิสราเอลนั่นเอง จะเป็นเหมือนลูกธนู)  ศิโยนจะเป็นเหมือนดาบ …คนของพระองค์จะเป็นเหมือนอาวุธที่ต้องมาต่อสู้  พวกเขาจะเป็นอาวุธที่พระเจ้าทรงใช้ทำลายศัตรูของพระองค์  (มีความเห็นตรงนี้ว่า ชัยชนะเหนือกรีกเมื่อ 200 ปีก่อนคริสตศักราช คือเมื่อพวกมัคคาบีชนะเหนือกรีก แอนติโอคุส เอปิฟาเนสแห่งราชวงศ์เซลูซิด กดขี่พยายามให้ยิวเปลี่ยนความเชื่อไปเป็นแบบกรีก เหตุการณ์นี้เป็นเหมือนเงาชี้ให้เห็นการช่วยกู้อิสราเอลในยุคสุดท้าย)  
ข้อสิบห้า อิสราเอลจะชนะเหนือศัตรู และยินดีอย่างมาก พวกเขาจะรู้ว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยกู้พวกเขา  ทรงเป็นพระองค์ผู้ที่เขาต้องเข้ามาสรรเสริญ  

9:16-17 คือภาพของอิสราเอลที่พระเจ้าทรงช่วยกู้ และประทานพระพร พวกเขาสยบต่อพระองค์ และกลายเป็นผู้ที่มีเกียรติศักดิ์ศรีอย่างยิ่ง เพราะเขาได้เป็นประชากรของพระองค์เต็มร้อย  
พวกเขาจะไม่เป็นคนที่ดื้อด้านต่อพระองค์อีกต่อไป  กลุ่มคนที่พระเจ้าทรงพอพระทัยจะมีเกียรติและเต็มด้วยพระพรทั้งฝ่ายวิญญาณและฝ่ายร่างกาย 
ธัญพืชและเหล้าองุ่นใหม่ที่กล่าวถึงนี้ หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง และพระพร เป็นคำที่กล่าวไปถึงการปกครองพันปีของพระเจ้า (โยเอล 2:19)

พระคำเชื่อมโยง

เศคาริยาห์ 9

1* อิสยาห์ 17:1 ; อาโมส 1:3-5
2* เยเรมีย์ 49:23 ; อิสยาห์ 23 ;
1 พงศ์กษัตริย์ 17:9 ; เอเสเคียล 28:3
4* อิสยาห์ 23:1 ; เอเสเคียล 26:17
5* เศฟันยาห์ 2:4-5

6* อาโมส 1:8 ; เอเสเคียล 25:15-17
8* สดุดี 34:7
9* เศคาริยาห์ 2:10  ; เยเรมีย์ 23:4-5 ;
มัทธิว 21:4-5
10* โฮเชยา 1:7; 2:18 ; มีคาห์ 4:2-4 ;
สดุดี 72:8
11* อิสยาห์ 42:7

12* อิสยาห์ 49:9; 61:7 
14* สดุดี 18:14 ;อิสยาห์ 21:1
15* เศคาริยาห์ 12:8
16* เยเรมีย์ 31:10-11 ; อิสยาห์ 62:3; 11:12
17* สดุดี 31:19; 45:1-16 ; โยเอล 3:18

เศคาริยาห์ 8 รื้อฟื้นนครเยรูซาเล็ม

พระเจ้าทรงหวงและห่วง
1 แล้วพระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพก็มาถึงข้าพเจ้าอีกดังนี้ 
2 พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสว่า
“เราหวงศิโยนยิ่งนัก เราหวงเธอด้วยความโกรธยิ่งนัก”

3 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้
“เราจะกลับมายังศิโยน และประทับในนครเยรูซาเล็ม
แล้วนครเยรูซาเล็มนี้จะได้ชื่อว่าเป็นนครเแห่งความจริง
และภูเขาของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ จะได้ชื่อว่า ภูเขาบริสุทธิ์

4 พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสดังนี้
“ชายชราและหญิงชราจะนั่งตามถนนของนครเยรูซาเล็ม
แต่ละคนก็ถือไม้เท้าเพราะพวกเขาต่างชรามากแล้ว
5 และตามถนนของนครนั้น
จะเต็มด้วยเด็กชายเด็กหญิงที่วิ่งเล่นกัน

6 พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า
“หากสิ่งนี้ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ในสายตาของคนที่หลงเหลืออยู่นี้  มันควรจะเป็นไปไม่ได้สำหรับเราหรือ?”
คำว่า เหมือนเป็นไปไม่ได้ อาจแปลได้อีกว่า
หากสิ่งนี้ เหมือนจะเหลือเชื่อในสายตาของคนที่หลงเหลืออยู่ มันควรจะเหลือเชื่อสำหรับเราหรือ?


จะทรงนำกลับมา
7 พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า
“เราจะช่วยกู้ประชากรของเราจากดินแดนทางตะวันออกและจากดินแดนทางตะวันตก
8 เราจะนำพวกเขากลับมาอาศัยอยู่ในนครเยรูซาเล็ม ที่นั่น พวกเขาจะเป็นประชากรของเรา
และเราจะเป็นพระเจ้าที่ซื่อตรงและเที่ยงธรรมของพวกเขา

9 พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า
“จงทำให้มือของเจ้าเข้มแข็ง
เจ้าผู้ได้ยินเสียงที่ผู้เผยพระดำรัสซึ่งกล่าวพระดำรัส
ในเวลาที่วางรากพระวิหารของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ 
เพื่อจะได้สร้างพระวิหารขึ้น” 
10 เพราะก่อนเวลานั้น ไม่มีมนุษย์คนใดได้รับค่าแรง 
หรือสัตว์ป่าตัวใดได้รับค่าจ้าง
และสำหรับคนที่มาและไปก็ไม่มีความปลอดภัยจากศ้ตรู
เพราะเราทำให้คนแต่ละคนหันมาต่อสู้เพื่อนบ้านของตนเอง 


เจ้าจะเป็นพร
11 “แต่บัดนี้ เราจะไม่กระทำต่อคนที่เหลืออยู่เหมือนก่อน” 
พระยาห์เวห์องค์จอมทัพทรงประกาศ 
12 “เพราะเมล็ดจะแตกกิ่งก้าน เถาองุ่นก็จะออกผล ผืนดินจะให้ผลผลิตเพิ่มพูน  และท้องฟ้าก็จะหยดน้ำค้างลงมา  เราจะมอบสิ่งเหล่านี้ให้เป็นมรดกแก่คนที่เหลืออยู่   
13 โอ วงศ์วานยูดาห์และอิสราเอลเอ๋ย อย่างที่เจ้าถูกสาปแช่งท่ามกลางชาติต่าง ๆ เราจะช่วยเจ้า และเจ้าจะเป็นพระพร
อย่ากลัวไปเลย แต่ทำให้มือของเจ้าเข้มแข็ง 

14 พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า 
“เหมือนอย่างที่เราตัดสินใจนำความหายนะมาสู่พวกเจ้า เมื่อบรรพบุรุษของเจ้ายั่วยุให้เราโกรธ และเราไม่ได้เปลี่ยนใจ 
15 มาบัดนี้ เราก็ตั้งใจจะทำดีต่อเยรูซาเล็มและยูดาห์อีก  ดังนั้น อย่ากลัวไปเลย”

สิ่งที่ประชาชนต้องทำ
16 “สิ่งที่เจ้าจะต้องทำก็คือ พูดความจริงต่อกันและกัน และตัดสินความอย่างถูกต้อง เที่ยงธรรมที่ประตูเมือง 
17 อย่าวางแผนชั่วในใจต่อต้านเพื่อนบ้าน และอย่ารักการสาบานเท็จ เพราะเราเกลียดชังพฤติกรรมเหล่านี้” พระยาห์เวห์ทรงประกาศ
18 แล้วพระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพมาถึงข้าดังนี้

19 “พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสว่า
การอดอาหารพิเศษในเดือนสี่ เดือนห้า เดือนเจ็ด และเดือนสิบจะเป็นเวลาแห่งความชื่นชมยินดี  มีการเลี้ยงรื่นเริงเพื่อยูดาห์ แต่เจ้าจงรักทั้งความจริงและสันติสุข”

ชนชาติอื่นจะเข้ามาด้วย
20 และพระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสว่า
“ยังจะมีประชากรชาติต่าง ๆ เข้ามาอีก
คือคนที่อาศัยในเมืองต่าง ๆ 
21 คนที่อยู่ในเมืองหนึ่งจะไปยังอีกเมือง กล่าวว่า 
‘ให้เราไปทูลต่อองค์พระยาห์เวห์ และแสวงหาพระยาห์เวห์องค์จอมทัพกันเถิด ตัวข้าพเจ้าก็จะไปด้วย’ 
 22 และชาติต่าง ๆ รวมทั้งชาติที่เข้มแข็งจะมายังนครเยรูซาเล็มเพื่อแสวงหาพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ และเพื่อทูลอ้อนวอนต่อองค์พระยาห์เวห์”

23  พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสว่า
“ในวันเหล่านั้น ชายสิบคนจากชาติต่าง ๆ ภาษาต่าง ๆ จะยึดเสื้อคลุมของยิว และกล่าวว่า ‘ขอให้เราไปกับท่าน เพราะเราได้ยินมาว่า พระเจ้าทรงสถิตกับท่าน’” 

อธิบายเพิ่มเติม

จากบทที่ 7 จะเห็นว่า พระเจ้าทรงบอกชัดว่า อิสราเอลจะต้องกระจัดกระจายไปทั่วโลก เป็นภาพที่น่าหดหู่ พวกเขาจะไม่มีแผ่นดินอยู่  แผ่นดินนี้จะกลายเป็นที่ร้าง อาจมีคนหลงเหลืออยู่บ้างเพียงไม่กี่คน   ในบทที่ 8 นี้ พระเจ้าทรงบอกว่า พระองค์ทรงหวงอิสราเอลเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าพระองค์จะทรงเหวี่ยงพวกเขาออกไป แต่พระองค์กำลังจะทำสิ่งใหม่ให้เยรูซาเล็ม

พระเจ้าทรงหวงและห่วง
8:1-3 จากสามข้อนี้ เราจะเห็นว่า พระองค์ยังทรงห่วงใยคนของพระองค์ พระองค์กำลังจะทำอะไรต่อไป? 
(ลองย้อนกลับไปบทที่ 1)
14 แล้วทูตสวรรค์ที่สนทนากับข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า “จงประกาศคำต่อไป นี่เป็นพระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ
‘เราหวงแหนเยรูซาเล็มและศิโยนยิ่งนัก 
15 แต่เราโกรธเกรี้ยวกับชาติต่าง ๆ ที่ ต่างรู้สึกไม่เกรงกลัวเรา เพราะเมื่อเราโกรธหน่อยเดียว แต่ชาติต่าง ๆ ก็กลับทำร้ายพวกเขาด้วยความคิดชั่วเกินขนาด’ )

พื้นฐานพระทัยของพระเจ้าคือ พระองค์ทรงหวงแหนเยรูซาเล็มและศิโยนมาก  ที่ว่ามากนั้นเป็นระดับที่สูงจริง ๆ  พระองค์จะทรงกลับมา ประทับ ในศิโยน และภูเขา ซึ่งมีความหมายถึงการปกครอง เท่ากับว่า พระองค์จะทรงมาปกครองอีกครั้ง  ภาพนี้จะไม่สมบูรณ์แบบ หากเราไม่ได้คิดถึงองค์ผู้จะเข้ามาปกครองคือ องค์พระเยซูคริสต์ พระเมสสิยาห์แห่งอิสราเอลและโลกนี้!  เป็นการปกครองแบบที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นการปกครองด้วยความจริงและความบริสุทธิ์  เราจะเห็นภาพของนครที่พระเจ้าทรงปกครอง แตกต่างจากเยรูซาเล็มสมัยก่อนอย่างสิ้นเชิง

8:4-6  ก่อนหน้านี้ ไม่มีคนหลงเหลือในเมือง แต่เวลานี้ที่พระเจ้าทรงปกครอง มีชายชรา หญิงชรา ซึ่งบ่งบอกว่า มีคนที่อาศัยอยู่จนกระทั่งชรา  มีเด็กหญิงเด็กชาย บอกว่า อนาคตของเมืองนี้มีอยู่ไม่ใช่มีแต่คนชราแล้วจบรุ่นไป 
ข้อ 6 เป็นคำที่ทำให้เราผู้เชื่อในพระเจ้า มีความหวังในพระองค์ ไม่ว่าอะไรที่มนุษย์คิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เป็นไปได้สำหรับพระเจ้าทุกอย่าง  
พระเจ้าทรงให้พวกเขากลับจากบาบิโลน และสร้างพระวิหาร และอยู่ต่อมาอีก 600 ปี  แต่แล้ว โรมก็มาทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปอีกครั้ง
น่าประหลาดที่การกลับมายังคงเกิดขึ้นอีกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง อิสราเอลที่กระจัดกระจายไปทั่วยุโรป พากันกลับมายังดินแดนของพวกเขาอีกครั้งและตั้งเป็นประเทศอิสราเอลในปี 1948 (พ.ศ. 2491) ไม่มีประเทศไหนในโลกที่มีประสบการณ์เช่นนี้ พระเจ้ากำลังทำให้เราเห็นว่า ทุกสิ่งที่ได้ตรัสในพระคัมภีร์เกิดขึ้นจริงจากแผนการของพระองค์เพื่อคนอิสราเอล

จะทรงนำกลับมา
8:7 พระเจ้าทรงสัญญาว่า จะทรงเอาคนจากตะวันออก ตะวันตกกลับมา นั่นคือ จะทรงเอาพวกเขากลับมาจากชาติต่าง ๆ ทั่วโลก  เศคาริยาห์เห็นภาพนี้จากการกลับมาจากบาบิโลนเท่านั้น เขาไม่ได้ทราบว่า เขากำลังพูดถึงอนาคตที่ไกลจากเขาเกือบสามพันปี 
พระทัยของพระเจ้านั้นคือ พระองค์จะทรงนำพวกเขากลับมาเพื่อเป็นประชากรของพระองค์
ขณะนี้ ในอิสราเอล มีคนกลับมาหาพระเยซูคริสต์เพิ่มมากขึ้น สงครามอิสราเอล-กาซา ทำให้คนมากมายหันมาอธิษฐาน และขอต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา แต่ยังมีไม่น้อย ที่ยังไม่ได้ยอมรับพระเยซูคริสต์   

8:10 เศคาริยาห์ยังคงหนุนใจให้ประชาชนสร้างพระวิหารเพื่ออนาคตของพวกเขา
เจ้าจะเป็นพร 

8:11 คนที่หลงเหลืออยู่ตรงนี้ นอกจากหมายถึงคนที่อาศัยในแผ่นดินอิสราเอลยามที่พี่น้องไปเป็นเชลยแล้ว ยังมีความหมายถึงคนอิสราเอลที่จะสร้างความสัมพันธ์ใหม่กับพระยาห์เวห์ 

8:12-13  พระสัญญานี้ ได้บอกเลยว่า บรรยากาศของโลกก็จะดี ส่งผลให้ พืชพันธ์ุธัญญาหารบริบูรณ์  เป็นพระสัญญาของพระเจ้าที่ให้ไว้กับทั้งคนที่หลงเหลืออยู่ และคนที่มีหัวใจถูกต้องกับพระเจ้า คือคนที่พระเจ้าทรงไถ่แล้ว เราจะเห็นว่า ข้อเขียนเศคาริยาห์เหมือนกับจะพูดทั้งกับคนในสมัยของเขา และสมัยของเราด้วย   
ความจริงแล้ว อิสราเอลมีหน้าที่ จะต้องเป็นพระพรแก่ชาวโลก วันนี้ เราเห็นการต่อต้านอิสราเอลทั่วโลก มีการเดินขบวนทั้งในอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลียให้จบชาติอิสราเอล   ให้ไม่มีอิสราเอลอีกต่อไป นี่เป็นการต่อต้านพระสัญญาของพระเจ้าที่มีต่ออับราฮัมโดยตรง แต่แล้วใน วันนี้ (ตุลาคม  2025) อิสราเอลก็เอาชนะศัตรูที่ร่ำรวย ที่มีกองทัพตัวแทนเข้ามาบุกรอบด้าน  เราไม่ได้บอกว่า อิสราเอลเป็นคนที่ถูกต้องทุกเรื่อง แต่การอยู่รอดของเขาทำให้เราเห็นว่า พระเจ้าจะทรงสำแดงพระเกียรติสิริของพระองค์ ต่อชาวโลกผ่านอิสราเอลที่พวกเขาเกลียดชังกันนัก
สิ่งที่เราเห็นอิสราเอลยืนกรานคือ พวกเขาสอนกันและกันว่า เราจะเข้มแข็ง เราจะไม่อ่อนแอ พระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ไม่ว่าโลกจะต้านเราแค่ไหนก็ตาม นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องมีติดตัวประจำชาติเลยทีเดียว

8:14-15 อะไรก็ตามที่เกิดกับอิสราเอล พระเจ้าทรงอยู่ตรงนั้น  ทุกอย่างผ่านการอนุญาตหรือไม่อนุญาตจากพระองค์ ศัตรูที่เข้ามา ไม่ได้เพื่อชนะ แต่เพื่อให้เห็นว่า พระเจ้าทรงชนะ 
เมื่ออิสราเอลยั่วยุพระเจ้า พระองค์ทรงลงโทษ แต่มาตอนนี้ พระองค์ทรงตั้งพระทัยที่จะรื้อฟื้นพวกเขา  ทรงให้ความมั่นใจว่า เขาไม่ต้องกลัว


สิ่งที่ประชาชนต้องทำ 
8:16-17  พระเจ้าทรงตั้งพระทัยทำดีให้อิสราเอล หรือให้เรา
แต่มีส่วนของเราที่จะต้องทำ ไม่ใช่ทำตัวเละเทะอย่างไรก็ได้
นั่นคือ พูดความจริง ตัดสินในศาลอย่างยุติธรรม (ประตูเมืองเป็นที่ ๆ ผู้ใหญ่ของอิสราเอลโบราณดำเนินการตัดสินคดีต่าง ๆ) ไม่วางแผนชั่ว  ไม่สาบานเท็จ  ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงรังเกียจ และปรากฎว่า โลกทุกวันนี้ เต็มด้วยสิ่งที่ทรงรังเกียจเหล่านี้  ผู้เชื่อในพระเจ้าจึงต้องระมัดระวัง ไม่ทำตามคนที่ไม่เชื่อ

8:18-19 พวกเขาเคยอดอาหารเนื่องจากการถูกบุกโดยบาบิโลน มาบัดนี้ การอดอาหารจะกลายเป็นเทศกาลแห่งความยินดี เพราะพระเจ้าทรงเทพระพรมาให้พวกเขา 
 
8:20-21 (ดู อิสยาห์ 2:1-5  และมีคาห์  4:1-5) อิสราเอลจะกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งโลก พระเจ้าจะทรงปกครองพวกเขาจากเมืองนี้  พวกเขาจะมาเรียนรู้พระองค์จากเมืองนี้  การที่คนทั้งโลกที่เคยดูหมิ่น หยามเยรูซาเล็มจะเปลี่ยนไป 
จะมีเมืองเกิดขึ้นอีกมากมาย  นี่เป็นภาพที่เกิดขึ้นในปัจจุบันใช่ไหม?  และไม่ใช่คนอิสราเอลเท่านั้น แต่คนเชื้อชาติอื่น ๆ ก็จะเข้ามาอยู่ในอิสราเอล ที่น่าแปลกคือ คนเชื้อชาติที่ต่อต้านอิสราเอล กำลังอยู่ในพื้นที่ด้วย อะไรกำลังจะเกิดขึ้น? ต้องติดตามเหตุการณ์ของโลกต่อไป

8:22 ประชาชนจากชาติต่าง ๆ  รวมทั้งชาติมหาอำนาจ จะมาที่เยรูซาเล็มเพื่อแสวงหาพระเจ้าเป็นพิเศษ เพื่อทูลอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์ 

8:23 คำว่า สิบคน สิบเป็นตัวเลขที่บอกถึงความสมบูรณ์แบบ
ในเวลาสุดท้าย  น่าสนใจ การที่ยึดเสื้อคลุมมีความหมายถึงว่า อิสราเอล จะได้รับพระพร ความช่วยเหลือจากพระเจ้าจนกระทั่งใคร ๆ ก็มาหา และมีผู้ให้ความเห็นว่า
พระเจ้าจะทรงให้อิสราเอลเป็นผู้ที่ประกาศพระนามของพระเยซู  พระเจ้าจะทรงยื่นพระหัตถ์ออกไปเพื่ออวยพระพรชนชาติต่าง ๆ ทั่วโลก  นี่เป็นเพราะไม้กางเขนของพระเยซูคริสต์ ประชาชนที่มา ไม่ได้มาเพื่อศาสนายูดาห์ที่ยิวออร์โธดอกซ์เชื่อถือ แต่พวกเขาหลั่งไหลมากันเพราะพระเยซู องค์พระเมสสิยาห์!

พระคำเชื่อมโยง

เศคาริยาห์ 8
2* เศคาริยาห์ 1:14 
3* เศคาริยาห์ 1:16; 2:10-11;อิสยาห์  1:21; 2:2-3; เยเรมีย์ 31:23
4* อิสยาห์ 65:20
5* เยเรมีย์  30:19-20
6* ลูกา 1:37
7* อิสยาห์11:11
8* เศฟันยาห์ 3:20; เยเรมีย์  30:22; 31:1, 33; 4:2

9* ฮักกัย  2:4;  เอสรา 5:1-2; 6:14; ฮักกัย 2:18
9* ฮักกัย 2:4; เอสรา 5:1-2; 6:14; ฮักกัย 2:18
10* ฮักกัย 1:6,9
11* ฮักกัย 2:15-19
12* โยเอล 2:22; สดุดี 67:6; ฮักกัย 1:10
13* เยเรมีย์ 42:18; ปฐมกาล 12:2

14* เยเรมีย์ 31:28;2 พงศาวดาร 36:1616* เศคาริยาห์ 7:9-10; เอเฟซัส 4:25
17* สุภาษิต 3:29
19* เยเรมีย์ 52:6,12; 2 พงศ์กษัตริย์25:25; เยเรมีย์ 52:4; เอสเธอร์ 8:17; เศคาริยาห์ 8:16
21* อิสยาห์ 2:2-3
22* อิสยาห์ 60:3; 66:23
23* อิสยาห์ 3:6; 45:14;1โครินธ์  14:25

เศคาริยาห์ 7 แผ่นดินจะถูกทิ้งร้าง

การอดอาหารปลอม
1 ในปีที่สี่ของรัชกาลกษัตริย์ดาริอัส พระดำรัสของพระยาห์เวห์มายังเศคาริยาห์ ในวันที่สี่ของเดือนที่เก้า คือเดือนคิสเลฟ (พฤศจิกายนถึงธันวาคม)
2 ประชาชนจากเบธเอลได้ส่งชาเรซอร์ และเรเกม-เมเลคพร้อมกับพวกของเขาเพื่อทูลถามพระยาเวห์  
3 โดยที่พวกเขาถามปุโรหิตในพระนิเวศของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ รวมทั้งเหล่าผู้เผยพระดำรัส “ข้าพเจ้าควรจะร้องไห้และอดอาหารในเดือนห้า เหมือนอย่างที่ได้ทำมาเป็นเวลาหลายปีหรือไม่?

4 แล้วพระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ
ก็มาถึงข้าพเจ้าดังนี้
 5 “จงถามประชาชนในแผ่นดิน ถามเหล่าปุโรหิตว่า ‘ในช่วงเวลาเจ็ดสิบปีที่ผ่านมา  เมื่อพวกเจ้าอดอาหารคร่ำครวญในเดือนห้าและเดือนเจ็ด พวกเจ้าอดอาหารเพื่อเราอย่างนั้นหรือ? 6 และเมื่อพวกเจ้ากินและดื่ม เจ้าก็ทำเพื่อตัวเองมิใช่หรือ?

7 นี่ไม่ใช่พระดำรัสของพระยาห์เวห์ที่ทรงประกาศผ่านผู้เผยพระดำรัสก่อนหน้านี้ หรือ? เมื่อนครเยรูซาเล็ม และเมืองรอบ ๆ มีคนอาศัยจำนวนมาก และเจริญรุ่งเรือง  และเนเกบ รวมถึงดินแดนเนินเขาเชเฟลาห์ ก็ยังมีผู้คนอาศัยอยู่

เพราะใจที่แข็งกระด้าง 
8 แล้วพระดำรัสของพระยาห์เวห์มายังเศคาริยาห์ดังนี้
9 “นี่เป็นพระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ ตรัสว่า
‘จงรักษาความยุติธรรมที่แท้  จงแสดงความรักเอาใจใส่ และความสงสารต่อกันและกัน 
10 อย่าได้กดขี่แม่ม่ายหรือคนที่กำพร้าพ่อ  คนต่างชาติ หรือคนยากจน และอย่าวางแผนชั่วต่อกันและกันในใจของเจ้า’

11 แต่พวกเขากลับปฏิเสธ ไม่ใส่ใจ และดื้อรั้นหันหลังให้เรา พวกเขาไม่ยอมฟังอีกต่อไป
12 พวกเขาทำให้ใจแข็งกระด้างเหมือนหินเหล็กไฟ ไม่ยอมฟังบัญญัติหรือพระดำรัสที่พระยาห์เวห์องค์จอมทัพทรงส่งมาโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ผ่านมายังผู้เผยพระดำรัสก่อนหน้านี้ ดังนั้น พระยาห์เวห์องค์จอมทัพจึงทรงพิโรธยิ่ง
13 ดังนั้นในเมื่อเราเรียก และพวกเขาไม่ยอมฟัง ดังนั้น เมื่อพวกเขาทูลเรา เราก็จะไม่ฟัง พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัส  

14 แต่เราได้ใช้ลมพายุหมุน ทำให้พวกเขากระจัดกระจายออกไปตามชาติต่าง ๆ ที่พวกเขาไม่รู้จักมาก่อน และแผ่นดินก็ถูกทิ้งร้างไว้อยู่ข้างหลัง เพื่อว่าจะไม่มีใครผ่านไปมาเลย  นี่แหละเป็นการที่พวกเขาทำให้แผ่นดินน่าอยู่กลับกลายเป็นที่รกร้างไป”

คำอธิบายเพิ่มเติม

การอดอาหารจอมปลอม 
7:4 แล้วพระเจ้าทรงตอบเขาผ่านเศคาริยาห์ เราจะเห็นคำว่า พระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพในบทที่ เจ็ดและแปดนี้อีกหลายครั้ง  พระเจ้าทรงสื่อสารกับคนของพระองค์จริง ๆ พระองค์ไม่ได้เมินพระพักตร์จากพวกเขาเลย 
7:5-6  พระเจ้าตรัสถามว่า ที่พวกเขาเคยอดอาหารกันมาก่อนหน้านั้น  พวกเขาอดอาหารเพื่อพระองค์อย่างนั้นหรือ?   นี่เป็นคำถามสะท้อนชีวิตของเราปัจจุบันด้วยว่า ที่เรามีความเชื่อ รับใช้พระเจ้าอยู่อย่างแข็งขัน หรือทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อถวายพระองค์นั้น เราทำเพื่อพระองค์ หรือเพื่อตัวเอง …  
พระเจ้าทรงถามถึงการอดอาหารเดือนเจ็ดด้วย เนื่องจากในเดือนเจ็ดมีการก่อกบฎ และได้มีการสังหารเกดาลิยาห์ คนของพระเจ้าที่ทรงตั้งไว้ให้ดูแลชนที่เหลืออยู่ในแผ่นดิน เดือนเจ็ดนี้พวกเขาจึงอดอาหารกันเพื่อระลึกถึงเรื่องนี้ (ดูเยเรมีย์ 41)
พวกเขาไม่ได้อดอาหารเพราะความทุกข์ใจที่ได้ทำผิดต่อพระเจ้า แต่พวกเขาทำไปเพราะเป็นเหมือนพิธีกรรมของพวกเขาเอง
7:7 ผู้เผยพระดำรัสก่อนหน้านี้ คือก่อนที่พวกเขาจะถูกกวาดไปเป็นเชลย  ช่วงเวลานั้นเป็นเวลาที่พวกเขากินดื่มและประเทศอยู่ในช่วงของสันติสุข มีความสุขกันถ้วนหน้า
พระเจ้าตรัสถึงเนเกบซึ่งเป็นเขตถิ่นกันดารทางใต้เต็มด้วยทะเลทราย 
ส่วนเนินเขาเชเฟลาห์นั้น เป็นพื้นที่ในยูดาห์ระหว่างหุบเขากับชายทะเล  

เพราะใจที่แข็งกระด้าง
7:8-9 พระดำรัสของพระเจ้ามาอีกแล้ว  เศคาริยาห์ก็ได้แจกแจงถึงหน้าที่ทางสังคมที่พวกเขาควรจะเอาใจใส่ ให้ความยุติธรรม จะต้องตัดสินความโดยไม่เข้าข้างแต่ทำตามความถูกต้อง   ให้แสดงความรักความ เอาใจใส่ สงสาร พี่น้องร่วมชาติ 
7:10 ห้ามกดขี่แม่ม่าย ลูกกำพร้า คนต่างชาติ คนยากจน  ไม่ให้วางแผนชั่วทำร้ายต่อกัน
พระเจ้าทรงสั่งแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ
7:11-13  ประชาชนอิสราเอลไม่ฟังพระเจ้า  สิ่งที่ทำคือ ไม่ทำตาม ไม่สนใจ หันหลังให้ ไม่ยอมฟัง ใจแข็ง (แม้ทุกวันนี้ที่พวกเขาเผชิญกับสงครามรอบด้าน ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา ยังมียิวที่ใจแข็งต่อพระเจ้ามาก ๆ  แต่ในเวลาเดียวกันก็มียิวที่กลับมาหาพระเจ้าอย่างจริงจังเพราะพวกเขาได้เห็นพระสิริ ฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าที่ทรงปกป้องพวกเขา) ทำให้พระยาห์เวห์ทรงกริ้วมาก พวกเขาจะต้องเผชิญกับการพิพากษาของพระเจ้าต่อทั้งชาติอย่างรุนแรง 
ผลที่ได้รับต่อมาคือ พระองค์จะไม่ทรงฟังพวกเขาถาม จะไม่ทรงตอบใด ๆ  เมื่อร้องทูลจะไม่ทรงฟังเช่นกัน คราวนี้พวกเขาจะได้รู้รสของสิ่งที่ตนได้ทำต่อพระเจ้า 
7:14 ยิ่งกว่านั้น พระเจ้าจะทรงทำให้พวกเขากระจายไปตามชาติต่าง   และแผ่นดินจะถูกทิ้งให้ร้าง ไม่มีผู้คนอาศัย ซึ่งต่อมา ก็เกิดขึ้นจริง พวกเขาได้อยู่ในแผ่นดินนี้อีกประมาณ 600 ปี และหลังจากที่โรมเข้ามาโจมตีในปี ค.ศ. 70  พวกเขาก็กระจัดกระจายออกไปอีกครั้ง
การลงโทษครั้งนี้ ไม่ใช่อยู่ดี ๆ พระเจ้าก็ให้เกิดขึ้น แต่เป็นผลจากการไม่เชื่อฟังของพวกเขาเอง พระเจ้าจึงทรงเตือนให้รู้กันไปชัด ๆ เลยว่า พวกเขาจะต้องมีชีวิตอย่างไรจึงจะถูกต้องตามที่พระเจ้าทรงเรียกเขามาเป็นคนของพระองค์ 

พระคำเชื่อมโยง

เศคาริยาห์ 7
3* มาลาคี 2:7; เศคาริยาห์ 8:19
5* อิสยาห์ 58:1-9; เยเรมีย์ 41:1; เศคาริยาห์ 1:12; โรม 14:6
6* 1 พงศาวดาร 29:22
7* เศคาริยาห์ 1:4; เยเรมีย์ 17:26
9* เยเรมีย์ 7:28


10* อพยพ 22:22; มีคาห์ 2:1
11* เนหะมีย์ 9:29; เยเรมีย์ 17:23
12* เอเสเคียล 11:19; เนหะมีย์ 9:29-30; ดาเนียล 9:11-12
13* สุภาษิต 1:24-28
14* เฉลยธรรมบัญญัติ 4:27; 28:64