อาโมส 7 พระเจ้าทรงเตือนด้วยจินตภาพ

จินตภาพที่หนึ่ง : ฝูงตั๊กแตน
1 พระยาห์เวห์องค์พระเจ้าทรงสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นดังนี้
พระองค์ทรงเตรียมฝูงตั๊กแตนจำนวนมากมายขึ้นมา ตอนที่ต้นอ่อนของรุ่นที่สองกำลังงอก
หลังจากที่ได้เกี่ยวเก็บรุ่นแรกของกษัตริย์ไปแล้ว
2 เมื่อตั๊กแตนทั้งฝูงเขมือบกินผักพืชพันธุ์เหล่านั้นจนไม่เหลือ ข้าพเจ้าทูลว่า “โอ พระยาห์เวห์ องค์พระเจ้า  ขอทรงอภัยด้วย แล้วยาโคบจะอยู่รอดได้อย่างไร ในเมื่อเขาเล็กน้อยเช่นนี้?”
3 พระยาห์เวห์จึงทรงยั้งพระทัยในเรื่องนี้ “เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น” พระองค์ตรัส  

จินตภาพที่หนึ่ง : ฝูงตั๊กแตน
7:1-3และแล้ว พระเจ้าก็ทรงทำให้อาโมสได้มองเห็นภาพเพื่อบอกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น  มกราคม กุมภาพันธ์เป็นช่วงที่จะหว่านปลูก และเก็บเกี่ยวผลประมาณ ฝูงตั๊กแตนที่มานั้น มาหลังจากที่เก็บเกี่ยวส่วนภาษีซึ่งเป็นของกษัตริย์ (1 พงศ์กษัตริย์ 18:5)ไปแล้ว ดังนั้นการเก็บเกี่ยวทีหลังเป็นของประชาชน อาโมสเห็นดังนั้นจึงร้องทูลพระเจ้า ทักท้วงพระองค์ ทูลว่าพวกเขาเป็นคนเล็กน้อย ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ … แล้วเขาก็ได้รับคำตอบ พระเจ้าทรงเปลี่ยนพระทัยไม่ทำลายไร่นา  เป็นคำอธิษฐานที่ร้อนรนจากคนของพระเจ้าที่จริงใจ และจะไม่ยอมแพ้ (ยากอบ 5:16-18) แต่ยังมีบางสิ่งที่เมื่อพระองค์ตัดสินพระทัยแล้วก็จะไม่มีวันเปลี่ยนได้เช่นกัน (เยเรมีย์ 7:16)
คำตอบที่อาโมสได้นั้น ทำให้เขาโล่งใจขึ้น  ..เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิด!!
แต่เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อคนอิสราเอลทำผิดต่อพระเจ้าไม่ใช่หรือ ?? (เฉลยธรรมบัญญัติ 28:38, 42; โยเอล 1:1-7) 

จินตภาพที่สอง : ไฟ 
4 พระยาห์เวห์องค์พระเจ้าทรงสำแดงให้เห็นดังนี้
พระยาห์เวห์ องค์พระเจ้าจะทรงลงโทษด้วยไฟ
ไฟนั้นจะเผาห้วงน้ำลึก และเผาผลาญแผ่นดิน
 5 แล้วข้าพเจ้ากล่าวว่า “โอ พระยาห์เวห์ องค์พระเจ้า โปรดหยุดเถิดพระเจ้าข้า!
ยาโคบจะอยู่รอดได้อย่างไรในเมื่อเขาเล็กน้อยเช่นนี้?”
6 พระยาห์เวห์จึงทรงยั้งพระทัย ในเรื่องนี้ “จะไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน”  

จินตภาพที่สอง : ไฟ
7:4-6  จินตภาพต่อมาที่เห็นคือ พระเจ้าจะทรงลงโทษอิสราเอลด้วยไฟ  ซึ่งลงมาที่แม่น้ำ และแผ่นดิน นี่เป็นภาพที่น่ากลัวกว่าเดิมอีก อาโมสก็อธิษฐานอีก แล้วพระเจ้าก็ทรงเปลี่ยนพระทัย  ถ้าอาโมสไม่อธิษฐาน พระเจ้ายังทรงทำตามพระดำริของพระองค์ จะไม่มีใครเหลือ

จินตภาพที่สาม : สายดิ่ง  
7 พระองค์ทรงสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นดังนี้คือ  พระยาห์เวห์ทรงยืนอยู่ข้างกำแพง พร้อมกับสายดิ่งในพระหัตถ์ 
8 พระยาห์เวห์ตรัสถามข้าพเจ้าว่า “อาโมส เจ้าเห็นอะไร?”
“สายดิ่ง พระเจ้าข้า” ข้าพเจ้าตอบ 
 แล้วพระยาห์เวห์ตรัสว่า “เราจะวางสายดิ่งท่ามกลางประชากรอิสราเอลของเรา เราจะไม่ละเว้นพวกเขาอีกต่อไป”
9 “สถานบูชาบนที่สูงจะถูกทำลายไป และสถานนมัสการทั้งหลายของอิสราเอลจะถูกพังลง เราจะลุกขึ้นต่อสู้วงศ์วานเยโรโบอัมด้วยดาบ”

จินตภาพที่สาม : สายดิ่ง
7:7-9 จินตภาพที่สามแตกต่างออกไป พระเจ้าทรงถือสายดิ่งที่จะทรงวางท่ามกลางประชาชน  ความหมายของจินตภาพนี้ก็คือ เมื่อพระองค์ทรงวัดชีวิตของประชากรของพระองค์ พวกเขาคดงอไปจากพระองค์  ไม่ตรงเหมือนสายดิ่ง พระเจ้าจะทรงทำลายสิ่งที่พวกเขารัก หวงแหน พระองค์จะนำชนชาติหนึ่งยกกองทัพมา สังหารอิสราเอล และทำลายที่สูงเหล่านี้เสีย 
นี่เป็นครั้งเดียวที่พระเจ้าทรงใช้คำอิสอัคแทนคนอิสราเอล โดยปกติจะทรงใช้คำยาโคบ … 

การต่อต้านจากอามาซิยาห์ 
10 อามาซิยาห์ ปุโรหิตแห่งเบธเอลได้ส่งสารไปยังเยโรโบอัมกษัตริย์แห่งอิสราเอล ว่า “อาโมสได้สมคบคิดวางแผนต่อต้านพระองค์ท่ามกลางวงศ์วานอิสราเอล  แผ่นดินไม่อาจทนต่อคำกล่าวของเขาได้ 
11 เพราะอาโมสกล่าวว่า ‘กษัตริย์เยโรโบอัมจะต้องสิ้นพระชนม์ด้วยดาบ และอิสราเอลจะต้องไปเป็นเชลยห่างจากบ้านเกิดของตน’”  
12 แล้วอามาซิยาห์กล่าวกับอาโมสว่า “ออกไปให้พ้น ผู้ทำนาย! จงหนีไปแผ่นดินยูดาห์เสีย ไปทำมาหากินและเผยพระดำรัสที่นั่น  
13 อย่ามาเผยพระดำรัสในเบธเอลอีก เพราะที่นี่เป็นสถานนมัสการขององค์กษัตริย์ และเป็นวิหารแห่งอาณาจักร”
14 ดังนั้นอาโมสจึงตอบอามาซิยาห์ว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้เผยพระดำรัสหรือลูกชายของผู้เผยพระดำรัส ข้าพเจ้าเป็นคนเลี้ยงแกะ และดูแลสวนมะเดื่อ 
15 แต่พระยาห์เวห์ทรงนำข้าพเจ้าออกมาจากงานเลี้ยงดูฝูงสัตว์ และตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงไป เผยพระดำรัสแก่อิสราเอล ประชากรของเรา””  
16 บัดนี้ จงฟังพระดำรัสของพระยาห์เวห์ “เจ้ากล่าวว่า อย่าเผยพระดำรัสต่อต้าน ติเตียนอิสราเอลเลย อย่าเทศนาต่อว่าวงศ์วานอิสอัคเลย”
17 ดังนั้น นี่เป็นพระดำรัสของพระยาห์เวห์ ว่า “ภรรยาของเจ้าจะกลายเป็นโสเภณีในเมือง ลูกชายและลูกสาวของเจ้าจะล้มลงด้วยดาบ แผ่นดินของเจ้าจะถูกวัดด้วยสายวัดและแบ่งออกมา  เจ้าเองจะสิ้นใจในดินแดนคนต่างชาติที่ไม่เชื่อพระเจ้า  อิสราเอลจะต้องตกไปเป็นเชลย ห่างไกลจากบ้านเกิดอย่างแน่นอน”

การต่อต้านจากอามาซิยาห์ 
7:10  หากย้อนกลับไปอ่าน  1 พงศ์กษัตริย์ 12:25-33  เราจะเห็นภาพของการที่พวกเขาสร้างสถานนมัสการในที่สูง.. กษัตริย์ไม่ต้องการให้ประชาชนไปนมัสการพระเจ้าในวิหารเยรูซาเล็มเพราะเกรงว่า ประชาชนจะไปสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์ทางใต้  ก็จึงสั่งสร้างวิหารเพื่อให้ประชาชนวนเวียนอยู่ที่เบธเอล กับเมืองดาน และตั้งปุโรหิตจากประชาชนขึ้นมาเอง กษัตริย์ได้ทำผิดต่อพระเจ้าโดยตรงในทุกเรื่อง และอามาซิยาห์ ปุโรหิตแห่งเบธเอลผู้นี้ ก็เป็นหนึ่งในคนที่ต่อต้านพระเจ้า.. เขาส่งสารไปโกหกกับกษัตริย์ว่า  1 อาโมส สมคบคิดต่อต้านองค์กษัตริย์  2 แผ่นดินทนฟังเขาไม่ได้

7:11-13 เพราะคำของอาโมสจากพระเจ้านั้นแรงจริง  ทำให้อามาซิยาห์ทนไม่ได้  ไล่เขาให้กลับไปบ้านเกิด  ให้เหตุผลว่า ที่เบธเอลเป็นสถานนมัสการของกษัตริย์ เป็นวิหารประจำอิสราเอลทางเหนือ จะเผยพระดำรัสก็ไปทำที่ภาคใต้ อย่ามาทำที่นี่   จะเห็นได้ว่า อาโมสต้องกล่าวพระดำรัสของพระเจ้าให้กับคนที่ใจแข็งกระด้างและมุ่งมั่นที่จะต่อต้านพระองค์ 

7:14-15 ที่อามาซิยาห์กล่าวหาว่าอาโมสสมคบคิดนั้น อาโมสก็ตอบไปให้รู้ชัดว่า เขาแค่เป็นคนเลี้ยงแกะ ดูแลต้นมะเดื่อ แต่พระเจ้าทรงเรียกมาให้เดินทางมาทางเหนือเพื่อเผยพระดำริของพระองค์ เพื่อตักเตือนให้เขากลับใจ เพื่อจะไม่มีหายนะมาถึงพวกเขา 

7:16-17  แล้วพระดำรัสที่น่าสะพรึงก็มาถึงอามาซิยาห์โดยตรง!   นอกจากตัวเขาจะตายในต่างแดน ตกเป็นเชลยพร้อมกับคนอิสราเอล เมียจะกลายเป็นหญิงขายตัว ลูก ๆ จะถูกฆ่า ที่ดินจะถูกแบ่งออกไป อามาซิยาห์จะไม่มีอะไรเหลือ เพราะเขาต่อต้านพระเจ้า และคนของพระองค์ 

พระคำเชื่อมโยง

อาโมส 7
2* อิสยาห์ 51:19
3* ยอห์น 3:10
5* อาโมส 7:2-3
8* 2 พงศ์กษัตริย์ 21:13; มีคาห์ 7:18

9* ปฐมกาล 46:1; 2 พงศ์กษัตริย์ 15:8-10
10* 1 พงศ์กษัตริย์ 12:31-33; อาโมส 4:4; 2 พงศ์กษัตริย์ 14:23
11* อาโมส 5:27; 6:7
13* อาโมส 2:12; 1 พงศ์กษัตริย์ 12:29, 32

14* 1 พงศ์กษัตริย์ 20:35; เศคาริยาห์  13:5
15* อาโมส 3:8
16* เอเสเคียล 21:2
17* เยเรมีย์ 28:12; 29:21, 32;
เศคาริยาห์ 14:2; โฮเชยา 9:3

อาโมส 6 วิบัติแก่ชีวิตแสนสบาย

วิบัติแก่ศิโยนและสะมาเรีย
1 วิบัติแก่คนที่อยู่สบายในศิโยน และแก่คนที่รู้สึกมั่นคงปลอดภัยบนภูเขาสะมาเรีย  คือคนที่มีชื่อเสียงเป็นที่หนึ่งในชาติต่าง ๆ คนที่วงศ์วานอิสราเอลมาขอให้ช่วย 
2 จงข้ามไปดูเมืองคาลเนห์ และจากที่นั่นก็ไปยังเมืองฮามัทที่ยิ่งใหญ่  จากนั้นลงไปยังเมืองกัทในฟีลิสเตีย  ทั้งสามเมืองนี้ รุ่งเรืองกว่าอาณาจักรทั้งสองของพวกเจ้าหรือ?ดินแดนของพวกเขากว้างใหญ่กว่าเจ้าหรือ?

 3 เจ้าคอยเลื่อนวันที่เลวร้ายนั้นออกไป และนำการปกครองที่รุนแรงเข้ามา

4 วิบัติแก่พวกเจ้าที่เอนกายบนเตียงฝังงาช้าง และยืดกายบนที่นั่งยาว อาหารของเจ้าคือเนื้อลูกแกะชั้นดี  และลูกวัวอ้วนจากคอก
5 พวกเจ้าแต่งเพลงจากพิณ และสร้างเครื่องดนตรีใหม่ ๆ เหมือนดาวิด 
6 พวกเจ้าดื่มเหล้าองุ่นเต็มชาม และใช้น้ำมันชั้นดีเจิมตัวเอง  แต่พวกเจ้ากลับไม่มีความโศกเศร้ากับหายนะของโยเซฟเลย
7 ดังนั้น พวกเจ้าจะเป็นกลุ่มแรกที่จะตกเป็นเชลย  และการเลี้ยงฉลองกับการนอนเล่นสบายจะจบสิ้นลง 

วิบัติแก่ศิโยนและสะมาเรีย
6:1 อาโมสกำลังกล่าวถึงศิโยน คือเยรูซเล็มหรือ คนยูดาห์ทางใต้ และสะมาเรีย คนอิสราเอลทางเหนือ  พวกเขาคิดว่าตนเป็นชนชั้นสูง มีชื่อเสียง ใคร ๆ ก็ต้องมาขอความช่วยเหลือ
ทำไมความสบายและรู้สึกมั่นคงจึงเป็นบาปในสายพระเนตรพระเจ้า?   
พอสบายก็ไม่เห็นความทุกข์ยากของคนอื่น แต่ในบทก่อนหน้านี้เราก็เห็นว่า พวกเขาไม่ได้ทำดีต่อคนยากจน แต่กลับกดขี่ ซื้อขายคน และเอาเปรียบอย่างเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิต 
6:2 พระเจ้าทรงให้พวกเขาหันไปดูสามเมืองเล็ก ๆ อย่างคาลเนห์ ฮามัท และเมืองกัท ซึ่งเป็นเมืองเล็กกว่า เจริญน้อยกว่า และพวกเขาไม่ได้มีความรู้สึกว่ามีความปลอดภัย มั่นคงอย่างยูดาห์และสะมาเรียเลย ความคิดที่ว่าตัวเองเก่งนี่เองเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้พระเจ้าจะคว่ำพวกเขาลง 
6:3  การเลื่อนวันที่เลวร้าย คือ พวกเขาไม่เชื่อว่าสงครามจะเกิดขึ้น   เห็นชัดว่า พวกเขาปกครองอย่างทรราช 
6:4 และเกียจคร้านไม่สนใจทำงานที่ดี  ช่วยเหลือประชาชน สิ่งที่ทำเป็นประจำคือการกินอาหารเนื้อแกะ เนื้อวัวชั้นดี ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย (ประชาชนทั่วไปกินปลาเป็นหลัก) 
6:5เต้นรำ ร้องเพลง คิดสิ่งที่สร้างความบันเทิงให้กับชนชั้นของตนเอง คิดว่าตนเองเทียบชั้นได้กับกษัตริย์ดาวิด 
6:6 พวกเขามีเหล้าองุ่นอย่างเหลือเฟือ มีน้ำมันชั้นดีชโลมตัว คือพวกเขาดูแลความงามของตนเองเป็นเรื่องใหญ่  ภาพรวมที่เราเห็นคือ คนที่ทำอะไรอย่างมากเกิน ฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย    เมื่อชนชาติของเขากำลังลำบาก ถูกโจมตี พวกเขาก็ไม่สนใจ  ที่สำคัญคือ พวกเขาคิดว่าจะไม่มีอะไรมาแตะพวกเขาได้
6:7พระเจ้าจะทรงจัดการกับพวกเขาเป็นกลุ่มแรก  ความสนุกสนานบันเทิงจะกลายเป็นโซ่ตรวน 

การลงโทษความเย่อหยิ่งของอิสราเอล
 8 พระยาห์เวห์องค์พระเจ้าทรงปฏิญาณโดยอ้างถึงพระองค์เอง นี่เป็นการประกาศของ พระยาห์เวห์องค์จอมทัพ
“เราชังความหยิ่งทะนงของยาโคบ และชังป้อมปราการทั้งหลายของเขา
ดังนั้นเราจะยกเมืองนี้และทุกสิ่งในเมืองนี้ให้ศัตรู”
9 และหากมีชายสิบคนเหลืออยู่ในบ้าน พวกเขาจะตาย
10 เมื่อมีญาติใกล้ชิดเข้ามาเพื่อเคลื่อนย้ายศพไปจากบ้าน เขาจะร้องถามเผื่อว่ายังมีใครหลงเหลือในบ้านอีก  “ยังมีใครอยู่กับเจ้าอีก?” เขาจะตอบว่า “ไม่มี” แล้วเขาจะกล่าวว่า “เงียบ ๆ สิ
เพราะเราจะไม่เอ่ยพระนามของพระยาห์เวห์ขึ้นมา”
11 เพราะพระยาห์เวห์ทรงบัญชา
บ้านหลังใหญ่จะถูกพังทลายเป็นชิ้น ๆ
บ้านหลังเล็กจะถูกพังจนเป็นเศษเล็ก ๆ
12 ม้าวิ่งตามหน้าผาสูงหรือ? หรือว่ามีใครใช้วัวไถที่นั่นได้?  แต่เจ้ากลับเปลี่ยนความยุติธรรมให้เป็นพิษ และทำให้ผลของความเที่ยงธรรมกลายเป็นความขม
13  คนที่ยินดีเมื่อเอาชนะเมืองโลเดบาร์ได้ และกล่าวว่า “เรายึดเมืองคาร์นาอิมด้วยกำลังของเราเองไม่ใช่หรือ?”
14 “แต่ดูเถิด โอ วงศ์วานอิสราเอล เรากำลังนำชาติหนึ่งมาต่อสู้เจ้า” พระยาห์เวห์องค์จอมทัพทรงประกาศ “พวกเขาจะข่มเหงเจ้าตั้งแต่เลโบฮามัท ไปจนถึงลำธารแห่งหุบเขาอาราบาห์ 

การลงโทษความเย่อหยิ่งของอิสราเอล
6:8 พระดำรัสของพระยาห์เวห์นั้นศักดิ์สิทธิ์ เมื่อตรัสสิ่งใด สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นเป็นแน่ (บางเล่มแปลว่า พระองค์ทรงปฏิญาณโดยอ้างถึงพระชนม์ชีพของพระองค์เอง) พระองค์ทรงบอกล่วงหน้าผ่านอาโมสให้รู้ว่า พวกเขาเย่อหยิ่งนัก คิดว่าตัวเง เก่ง ดี ช่วยตัวเองได้  พระเจ้าจะทรงยกเมืองสะมาเรียทั้งสิ้นให้กับศัตรูที่กำลังจะยกทัพมา 
6:9 และทุกคนในบ้านจะตายหมด ถึงจะเอาชายสิบคนเข้าไปแอบไว้ในบ้านเดียว พวกเขาก็จะพากันตายไป 
6:10 ญาติใกล้ชิดนี้ หมายถึงสัปเหร่อผู้ที่จะมาเอาศพไปเผย ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องปกติ การเผาศพในอิสราเอลจะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อมีโรคระบาด  เมื่อมาเอาศพ ก็จะถามว่า มีอีกไหม เพราะแต่ละบ้านก็มีศพมาก พวกเขาจะกลัวพระนามของพระยาห์เวห์ในเวลานั้นกลัวว่า พระองค์จะทรงนำการลงโทษมาให้พวกเขาอีก  แม้ว่าเวลานี้จะไม่ฟังพระสุรเสียงของพระองค์
6:11 ไม่ว่าจะเป็นบ้านรวย หรือบ้านจน จะไม่เหลือ  แต่เมื่อสถานการณ์เลวร้ายขนาดนี้ พวกเขาก็ยังไม่ตามหาพระองค์
6:12  คำถามทั้งสองมีคำตอบว่า เป็นไปไม่ได้… ม้าจะวิ่งบนหน้าผาลื่น ๆ ไม่ได้   วัวก็จะไถบนหินได้อย่างไร แต่สิ่งที่เป็นไปคือ พวกเขากลับทำให้ความยุติธรรม ความเที่ยงธรรมกลายเป็นสิ่งเลวร้าย คนที่อยู่ตรงข้ามกับพวกเขาในศาลก็เหมือนกับต้องกินยาพิษ  จิตใจของพวกเขาก็ขมขื่น
6:13 พวกเขาเคยไปตีเมืองอื่น ๆ แล้วได้ชัยชนะกลับมา สมัยที่อยู่ใต้กษัตริย์ เยโรโบอัมที่สอง พวกเขาตีเมือง โลเดบาร์ (2 ซามูเอล 9:4) มาได้ แต่ชื่อเมืองนี้แปลว่า ไม่มีอะไรเลย เป็นเมืองในกิเลอาด
อาโมสกำลังบอกว่า ที่เขาชนะนั้น ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย และคาร์นาอิม(แปลว่า กำลังหรือเขาสัตว์ ) และคิดว่า ตนเองเก่ง สามารถยึดเมืองที่แข็งแรงและริบเอาคน และสิ่งของมาได้
เชื่อว่าตนเองมีความสามารถมาก แต่จริงแล้วเมืองนี้ก็ไม่ได้มีความสำคัญแต่อย่างใด
6:14 รายละเอียดของการบุกของศัตรูนั้นชัดเจน เริ่มจาก เลโบฮามัท ไปถึงหุบเขาอาราบาห์ !

พระคำเชื่อมโยง

อาโมส 6
1* ลูกา 6:24;เศฟันยาห์ 1:12 ;
อิสยาห์ 31:1; อพยพ 19:5
2* เยเรมีย์ 2:10; อิสยาห์ 10:9 ;
2 พงศ์กษัตริย์ 18:34; เนหะมีย์ 3:8
3* อิสยาห์ 56:12 ; อาโมส 5:18 ; 5:12;
สดุดี 94:20


5* อิสยาห์ 5:12 ; อาโมส 5:23 ;
1 พงศาวดาร 23:5
6* อาโมส 2:8 ;4:1; ปฐมกาล 37:25
7* อาโมส 5:27
8* เยเรมีย์ 51:14; อาโมส 8:7

10* อาโมส 5:13; 8:3
11* อิสยาห์ 55:11 ; อาโมส 3:15
12* โฮเชยา 10:4
14* เยเรมีย์ 5:15 ;
1 พงศ์กษัตริย์ 8:65


อาโมส 5 คร่ำครวญเพื่ออิสราเอล

ความโศกเศร้าของอาโมส
1โอ วงศ์วานอิสราเอล
ขอให้เจ้าฟังเสียงคร่ำครวญของข้าถึงเจ้าว่า
2 “พรหมจารีอิสราเอลได้ล้มลง
และไม่อาจจะลุกขึ้นมาได้อีกเลย
เธอถูกทิ้งบนแผ่นดินของเธอเอง
โดยไม่มีใครช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นเลย
3 เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสว่า  “เมืองซึ่งส่งทหารเดินทัพออกไปนับพัน จะมีทหารเหลือเพียงร้อย  และเมืองที่ส่งทหารออกไปนับร้อย จะมีเหลือเพียงสิบในวงศ์วานอิสราเอล

ความโศกเศร้าของอาโมส
5:1-2 คราวนี้อาโมสคร่ำครวญเพราะสิ่งที่เขาเห็น   พรหมจารีอิสราเอลนั้นคือ ทั้งประเทศที่ยังไม่ทันเริ่มเป็นประเทศได้ดีก็ถูกทำลายเสียแล้ว    แต่ความบาปของอิสราเอลก็นำมาซึ่งหายนะให้กับตัวเอง ถูกทิ้งบนแผ่นดินซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้า และก็ไม่มีใครหน้าไหนมาช่วยได้เลย
5:3 อิสราเอลได้ส่งทหารออกไปเพื่อปกป้องตนเอง แต่กลายเป็นความพ่ายแพ้ ไม่อาจทำลายศัตรู แต่กลับถูกศัตรูทำลาย 

 จงแสวงหาพระเจ้าและมีชีวิต
4 เพราะพระยาห์เวห์ตรัสกับวงศ์วานอิสราเอลดังนี้
“จงแสวงหาเราและมีชีวิตอยู่!
5 อย่าแสวงหาเบธเอล หรือไปยังกิลกาล หรือเดินทางไปเบเออร์เชบา เพราะกิลกาลจะต้องตกไปเป็นเชลยแน่ ส่วนเบธเอลก็จะไม่มีอะไรเหลือให้เห็น 

6 จงแสวงหาพระยาห์เวห์และมีชีวิตอยู่ ไม่อย่างนั้น
พระองค์จะทรงออกไปเหมือนเพลิงเพื่อเผาผลาญวงศ์วาน
โยเซฟ ไฟนั้นจะผลาญทุกสิ่ง
ไม่มีใครในเบธเอลจะช่วยดับไฟนั้นได้
7 พวกเจ้าที่เปลี่ยนความยุติธรรมให้กลายเป็นความขมขื่น
ผู้เหวี่ยงความเที่ยงธรรมลงบนพื้น 

 จงแสวงหาพระเจ้าและมีชีวิต
5:4-5แล้วพระเจ้าก็ทรงบอกหนทางที่พวกเขาจะรอดได้
วิธีเดียวคือแสวงหาพระเจ้า และพระองค์จะทรงให้ชีวิตกับพวกเขา  ไม่ต้องไปหาแท่นบูชาเทพในเบธเอล กิลกาล หรือเบเออร์เชบาซึ่งเป็นสถานที่อิสราเอลนิยมไปทำพิธีอันน่าชัง   การหันไปหารูปเคารพคือความตาย 

5:6-7 พระเจ้าทรงบอกซ้ำอีกครั้ง พวกเขาจะฟังหรือเปล่าทรงเป็นศัตรูกับคนที่กราบไหว้รูปเคารพอย่างชัดเจน 
วงศ์วานโยเซฟในที่นี้คือชนชาติอิสราเอลทั้งเหนือและใต้
เมื่อไฟของพระเจ้ามา ไม่มีใครดับได้ …. ลองคิดถึงไฟที่ไหม้ป่าเป็นเวลานานต่อเนื่องจะดับเองต่อเมื่อหมดเชื้อไฟ 
พระเจ้าทรงยืนยันถึงความผิดของพวกเขาอีกครั้ง​…
ทำให้ความยุติธรรมกลายเป็นอยุติธรรม
เหวี่ยงความเที่ยงธรรมราวกับเป็นสิ่งไม่มีค่า
ทำให้ชีวิตของประชาชนคนยากจนเข็ญใจจำนวนมากพบความทุกข์แสนสาหัส   

ยืนยันความยิ่งใหญ่ของพระยาห์เวห์
8 พระองค์ผู้ทรงสร้างดาวลูกไก่และดาวไถ
ผู้ทรงทำให้ความมืดกลายเป็นรุ่งเช้า
และทรงทำให้กลางวันกลายเป็นกลางคืนที่มืดสนิท 
พระองค์ผู้ทรงเรียกน้ำทะเลมาให้โปรยลงบนพื้นผิวโลก พระนามของพระองค์คือ พระยาห์เวห์ 
9 พระองค์ทรงนำหายนะมายังสถานที่ ๆ แข็งแกร่ง
และหายนะเหล่านั้นทำให้เมืองป้อมต่าง ๆ ทลายลง

เวลาแห่งความชั่ว
10 พวกเขาเกลียดคนที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมที่ประตูเมือง และเกลียดชังคนที่กล่าวความจริง 
11 ดังนั้น เป็นเพราะเจ้าได้เหยียบย่ำคนยากจน
และรีดไถเอาเมล็ดข้าวจากไร่ของเขา
เจ้าจะไม่ได้อาศัยในบ้านหินสกัด ที่เจ้าสร้างขึ้นมา
เจ้าจะไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นจากสวนองุ่นที่งดงามซึ่งเจ้าเป็นผู้ปลูก
12  เพราะเรารู้ว่าเจ้ากระทำการผิดมากเพียงใด
และบาปของเจ้าก็นับไม่ถ้วน 
พวกเจ้าได้ข่มเหงคนเที่ยงธรรมและรับสินบน
และไม่ยอมให้ความยุติธรรมแก่คนยากจนที่ประตูเมือง 
13 ดังนั้น คนที่หลักแหลมจะนิ่งเงียบ
ในเวลาเช่นนี้
เพราะเป็นวันเวลาแห่งความชั่ว 

ยืนยันความยิ่งใหญ่ของพระยาห์เวห์
5:8 ทำไมอยู่ดี ๆ พระเจ้าทรงอ้างไปถึงดวงดาว?
เป็นเพราะพวกเขาไม่ได้แค่กราบไหว้รูปเคารพเท่านั้น แต่ยังกราบนมัสการดวงดาวด้วย อาโมสได้แจ้งให้พวกเขาทราบว่า สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่พระ แต่เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างมาด้วยพระองค์เอง
พระองค์เป็นผู้ทำให้มืดกลายเป็นรุ่งเช้า คนสมัยก่อนยังไม่รู้ว่า พระเจ้าทรงสร้างระบบสุริยะของเรา พระองค์ทรงจัดเตรียมทุกอย่าง แล้วมนุษย์ค่อยมาค้นพบทีหลังว่าอะไรเป็นอะไร พระองค์ทรงสร้างอย่างไร วัฏจักรของน้ำคืออะไร
พระองค์ทรงบอกเรามาตั้งแต่ก่อนคริสตศักราชหลายร้อยปี พวกเราเองเพิ่งมาค้นพบ นี่เป็นพระคำที่มหัศจรรย์สำหรับเราในยุคนี้   พระยาห์เวห์คือพระนามที่ยิ่งใหญ่นี้
5:9 ดังนั้น พระองค์ผู้ทรงสร้างจักรวาลจึงทรงเป็นผู้ที่จะนำการทำลายมายังสถานที่ ซึ่งมนุษย์เข้าใจว่า แข็งแกร่ง ไม่มีใครจะทำลายได้!

เวลาแห่งความชั่ว
5:10-12  การเรียกร้อง ต่อสู้เพื่อความถูกต้องมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ และเขาจะทำกันที่ประตูเมืองเพราะที่นั่นเป็นเหมือนศาลของเมือง ขบวนการทางกฎหมายจะเกิดขึ้นที่ประตูเมือง เป็นที่ ๆ ผู้ใหญ่ของเมืองประชุมกัน
การที่ผู้นำรีดไถเอาข้าวจากไร่ของคนยากจนเป็นภาษี ทำให้พวกเขาอดอยาก   ผู้นำเหล่านี้มั่งคั่งจนสร้างบ้านหินสกัด แต่พระเจ้าจะไม่ให้เขาได้เสวยสุขจากบ้าน จากไร่องุ่นของพวกเขา เป็นเพราะ….
บาปของพวกเขานั้นนับไม่ถ้วน ทำผิดมากจนท่วมท้น นอกจากผิดต่อพระเจ้าแล้ว ยังเป็นความผิดต่อผู้อื่นอย่างชัดเจนมาก ๆ 
5:13 คำว่าคนที่หลักแหลม บางแห่งแปลเป็นคนมีสติปัญญา ในที่นี้หมายถึงทั้งคนที่ประสบความสำเร็จ มั่งคั่ง ซึ่งก็คือคนที่ข่มเหงคนยากจนนั่นเอง พวกเขาอยู่นิ่งเฉยต่อหน้าสิ่งที่พวกเขาทำกับคนอื่น
พวกเขาจะนิ่งเพราะพระเจ้าทรงลงโทษพวกเขาอยู่
เป็นเวลาแห่งความย่อยยับของพวกเขา (ข้อนี้แปลความหมายอิง net bible)
หรือถ้าหากคำว่าคนหลักแหลม มีความหมายว่า เป็นคนมีสติปัญญา ดีที่สุดคือการนิ่งเงียบเพราะไม่อย่างนั้น เท่ากับหาเรื่องเข้าหาตัวนั่นเอง

สิ่งที่ต้องแสวงหา
14 จงแสวงหาความดี ไม่ใช่ความชั่วเพื่อว่าเจ้าจะมีชีวิตอยู่
แล้วพระยาห์เวห์องค์จอมทัพจะสถิตกับเจ้า
ตามที่พวกเจ้ากล่าวคำอ้างเอาไว้ 
15 จงชังความชั่วและรักความดี
รักษาความยุติธรรมที่ประตูเมือง
บางทีพระยาห์เวห์ พระเจ้าองค์จอมทัพ
จะทรงเมตตาต่อคนที่หลงเหลือของโยเซฟ

16 ดังนั้น พระยาห์เวห์ พระเจ้าองค์จอมทัพ
องค์พระยาห์เวห์ตรัสว่า
“จะมีการร้องไห้คร่ำครวญตามสี่แยก
พวกเขาจะร้องด้วยความเจ็บปวดตามถนนทุกแห่ง
ชาวนาชาวไร่จะถูกเรียกมาให้ร้องไห้ด้วยกัน
รวมทั้งคนรับจ้างร้องไห้ก็จะถูกเรียกมาด้วย 
17 จะมีการคร่ำครวญในสวนองุ่นทุกแห่ง
เพราะเราจะผ่านไปท่ามกลางเจ้า”
พระยาห์เวห์ตรัส 

สิ่งที่ต้องแสวงหา
5:14 อาโมสบอกอีกแล้วว่าให้กลับมาแสวงหาพระเจ้า เพื่อเขาจะมีชีวิต พระเจ้าจะทรงอยู่กับพวกเขา พวกเขานั้นรู้ดีว่า ควรทำอะไรทั้ง ๆที่ทำบาปอยู่ รู้ว่าควรกลับมาหาพระเจ้า แต่ก็ไม่ทำ
5:15 เผื่อว่าพระเจ้าจะทรงเมตตาต่อคนที่หลงเหลืออยู่ของคนทางเหนือที่ยังซื่อตรงต่อพระองค์ พวกเขาทุก ๆ คน ควรจะเกลียดชังความชั่ว รักความดี แต่แล้ว พวกเขายังดื้อด้าน ไม่ยอมทำ ไม่ยอมดีขึ้น.. ดังนั้น ความทุกข์จะเกิดขึ้นตามที่พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้า

5:16-17 สองข้อนี้บอกชัดว่า พวกเขาจะต้องพบอะไร
การร้องไห้ ความเจ็บปวด คร่ำครวญ …เกิดขึ้นทั้งเมือง ทั้งชาติ ทุกหนแห่ง
และพระองค์จะทรงผ่านไปท่ามกลางพวกเขา ไม่ใช่เพื่ออวยพระพร แต่เพื่อก่อให้เกิดความตาย ผู้คนต่างต้องมาฝังศพคนที่ตาย เหตุการณ์นี้จะคล้ายกับตอนที่พระเจ้าทรงผ่านไปท่ามกลางคนอียิปต์เพื่อส่งวิบัติมาให้ (อพยพ 11:4-7; 12:12-13))

วันแห่งองค์พระยาห์เวห์
18 วิบัติแก่คนที่ปรารถนาวันของพระยาห์เวห์! 
วันขององค์พระยาห์เวห์จะเป็นอย่างไรต่อเจ้าหรือ?
จะเป็นวันแห่งความมืดไม่ใช่ความสว่าง !
19 จะเป็นเหมือนคนที่หนีจากสิงโตเพื่อไปเผชิญกับหมี เขากลับไปบ้านเอามือพิงกำแพง กลับถูกงูฉกกัด 
20 วันขององค์พระยาห์เวห์จะเป็นวันที่มืด ไม่ใช่วันสว่าง มืดมิดจนไม่มีความสว่างสักนิดมิใช่หรือ?

21  เราเกลียด เราชังงานเทศกาลทั้งหลายของเจ้า เราไม่อาจทนกลิ่นเหม็นคละคลุ้งยามที่เจ้าประชุมกันอย่างเคร่งขรึม
22 แม้เจ้าจะนำสัตว์ถวายเป็นเครื่องบูชา และธัญบูชามาถวายเราก็จะไม่รับ เราไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมเพื่อถวายวัวขุน 
23 จงหยุดส่งเสียงร้องเพลงของเจ้า เราจะไม่ฟังเสียงจากพิณของเจ้า 

24 แต่จงให้ความยุติธรรมไหลเหมือนน้ำ
และให้ความเที่ยงธรรมไหลเหมือนน้ำในลำธารที่ไหลไม่ขาดสาย 

25 “โอ วงศ์วานอิสราเอล  ตลอดสี่สิบปีในถิ่นกันดารนั้น เจ้าได้ถวายเครื่องบูชา และธัญบูชาให้เราหรือ ? 
26  แต่เจ้าได้ยกกษัตริย์ของเจ้า ฐานรูปเคารพของเจ้า
และเทพแห่งดวงดาวของเจ้าขึ้นซึ่งเป็น
รูปปั้นที่เจ้าสร้างขึ้นเพื่อตัวเจ้าเอง   
27 ดังนั้นเราจะส่งเจ้าไปเป็นเชลยยังดินแดนที่ไกลกว่าดามัสกัส” พระยาห์เวห์องค์จอมทัพคือพระนามของพระองค์ เป็นผู้ตรัสดังนั้น    

วันแห่งองค์พระยาห์เวห์
5:18-20  หากเราเจอคำว่า วิบัติ ในภาษาฮีบรูว่า ฮอย  เป็นคำที่ประกาศวิบัติที่กำลังเคลื่อนเข้ามา  คนไม่น้อยในสมัยอาโมสสนใจวันของพระเจ้า หรือวันของพระยาห์เวห์ พวกเขาหารู้ไม่ว่าวันนั้นเป็นวิบัติสำหรับพวกเขาที่ดื้อดึงต่อพระเจ้าตลอดมา (พวกเขาเข้าใจว่าเป็นวันที่พระเจ้าจะทรงชนะศัตรู และจะทรงปกครองเหนือโลกนี้  (โยเอล  3:18-21)  แต่อาโมส กำลังบอกอีกมุมของวันแห่งพระยาห์เวห์ ว่าพวกเขาจะต้องเจอกับความหายนะ ความมืดมิด ถ้ายังทำตัวเช่นนี้ (เศคาริยาห์  14:1-3)

5:21-23  พระเจ้าทรงบอกตรง ๆ ว่าทรงชังงานเทศกาลที่พวกเขาทำขึ้นมา  ทรงรู้สึกเหม็นกับสิ่งที่พวกเขาทำ  ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร ถวายสัตว์ ถวายธัญพืช วัว พระองค์ไม่รับทั้งสิ้น  ไม่ฟังเสียงเพลงร้องสรรเสริญของพวกเขาด้วย 


5:24 สิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์ไม่ใช่ของถวาย การกระทำที่ดูศักดิ์สิทธิ์  หรือการร้องเพลง การเล่นดนตรีเสียด้วยซ้ำ พระองค์ทรงประสงค์ให้พวกเขาเป็นคนยุติธรรมต่อคนยากจน  ประพฤติตนต่อคนอื่นอย่างถูกต้องเที่ยงธรรมอย่างสม่ำเสมอ  ไม่หยุด…

5:25-26 ในช่วงเวลาออกมาจากอียิปต์ อยู่ในถิ่นกันดารนั้น พวกเขาไม่ได้แค่ถวายเครื่องบูชา ธัญบูชาแด่พระเจ้า แต่ยังได้มีเทพอื่นติดตัวมาด้วย  (กิจการ 7:42-43; อพยพ 32)  พวกเขารักใส่ใจในพิธีกรรมที่ดูศักดิ์สิทธิ์   แล้วระหว่างทางยังได้สร้างวัวทองคำขึ้นมาอีก   พวกเขาต้องการพระที่มองเห็นได้ ไม่ใช่พระยาห์เวห์ที่พวกเขาได้ยินพระสุรเสียงที่ภูเขาซีนาย  แต่กลับมองไม่เห็น  เห็นไม่ได้ 
ที่เขาสร้างรูปเคารพขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการหลายอย่างในตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการทางร่างกาย ทางเพศ เพราะเราจะเห็นได้จากพิธีกรรมที่อุจาดของพวกเขา (โรม  7 ชัดเจนเรื่องนี้)
 5:27 ในเมื่ออิสราเอลดึงดันที่จะนมัสการพระอื่นแบบต่าง ๆ พระเจ้าจะทรงส่งพวกเขาไปไกลกว่าดามัสกัส ซึ่งเป็นเมืองหลวงของซีเรีย นั่นคือ ไปถึงอัสซีเรียเลย 

พระคำเชื่อมโยง

อาโมส 5
1* เยเรมีย์ 7:29; 9:10, 17
4* เยเรมีย์ 29:13; อิสยาห์ 55:3
5* อาโมส 4:4; 8:14; 4:15
6* อิสยาห์ 55:3, 6-7
7* อาโมส 6:12
8* โยบ 9:9; 38:31; สดุดี 104:20 ; อาโมส
11* อาโมส 2:6; มีคาห์ 6:15

12* โฮเชยา 5:3; อาโมส 2:6; อิสยาห์ 29:21
13* อาโมส 6:10
14* มีคาห์ 3:11
15* โรม  12:9; โยเอล 2:14
16* เยเรมีย์ 9:17
17* อพยพ 12:12
18* อิสยาห์ 5:19; โยเอล 2:2
19* เยเรมีย์ 48:44

21* อิสยาห์ 1:11-16; เลวีนิติ 26:31
22* มีคาห์ 6:6-7
24* มีคาห์ 6:8
25* เฉลยธรรมบัญญัติ 32:17
26* 1 พงศ์กษัตริย์ 11:33
27* 2 พงศ์กษัตริย์ 17:6; อาโมส 4:13