สุภาษิต 4 ตั้งใจฟัง


ส่งต่อปัญญา จากรุ่นสู่รุ่น
1 ลูก ๆ ของเราเอ๋ย
จงฟังคำสอนของพ่อและเอาใจใส่
และเจ้าจะได้รับความเข้าใจ
2 เพราะเราสอนสิ่งที่ดีให้แก่เจ้า
ดังนั้นอย่าละทิ้งคำชี้แนะของเรา 
3 ตอนที่เราเป็นลูกชายในบ้านของพ่อ
เราเป็นเด็กอ่อนวัย และเป็นลูกชายคนเดียวของแม่เรา
4 พ่อสอนเราว่า “ให้ใจของเจ้ายึดคำของเราไว้
และรักษาคำสั่งของพ่อ แล้วเจ้าจะมีชีวิต”
5 จงรับปัญญา จงรับความเข้าใจ
อย่าลืมคำของพ่อ อย่าหันหลังให้คำที่พ่อสอน
6 อย่าละทิ้งปัญญา เพราะปัญญาจะช่วยปกป้องเจ้าไว้
จงรักเธอ และเธอจะคุ้มภัยให้เจ้า

7 ปัญญานั้นสูงส่ง ดังนั้นเจ้าจะต้องรับปัญญาไว้
และจากสิ่งที่เจ้าจะได้รับ จงเอาความเข้าใจไว้
8 จงรู้ถึงคุณค่าของปัญญา
และเธอจะยกย่องเจ้า หากเจ้ากอดเธอไว้
เธอจะให้เกียรติเจ้า

9 เธอจะสวมมาลัยแห่งพระคุณไว้บนหัวของเจ้า
และเธอจะมอบมงกุฎที่ทรงเกียรติให้แก่เจ้า

เลือกทางที่ถูกต้อง
10 ลูกเอ๋ย จงรับคำของเรา
และเจ้าจะมีชีวิตที่ยืนยาว
11 พ่อจะนำเจ้าไปในทางแห่งปัญญา
พ่อจะนำเจ้าไปในทางตรง
12 เมื่อเจ้าเดิน เจ้าจะไม่ถูกขวางกั้น
เมื่อเจ้าวิ่ง เจ้าจะไม่สะดุด
13 จงยึดคำสอนไว้ให้มั่นคง
อย่าปล่อยคำสอนให้หลุดมือไป
จงรักษาไว้ เพราะมันเป็นชีวิตของเจ้า

ทางนี้ไม่เลือก
14 อย่าเดินเข้าไปในทางของคนโหดร้าย
หรือเดินในทางของคนทำชั่ว
15 จงหลีกให้พ้น อย่าเดินเข้าไปในทางนั้น
หันหลังให้กับทางนั้น และเลี่ยงไปเสีย
16 เพราะคนเหล่านี้นอนไม่หลับ
จนกว่าจะได้ทำชั่วเสียก่อน
พวกเขาหลับไม่ลง จนกว่าจะทำให้ใครสักคนล้มลงก่อน
17 พวกเขากินความชั่วร้ายเป็นอาหาร
พวกเขาดื่มเหล้าองุ่นแห่งความรุนแรง
18 แต่ทางของคนเที่ยงธรรมเป็นเหมือนแสงอรุณ
ค่อย ๆ ฉายแสง แรงขึ้น ๆ จนเที่ยงวัน
19 แต่ทางของคนโหดร้ายเป็นความมืดมน
พวกเขาไม่รู้ว่า อะไรทำให้พวกเขาสะดุดล้ม


เอาใจใส่ รักษาใจและความคิด
20 ลูกเอ๋ย จงตั้งใจฟังคำพูดของพ่อ
เอียงหูของเจ้าฟังคำของพ่อ
21 อย่าให้มันคลาดจากสายตาของเจ้า
รักษามันไว้ในใจของเจ้า
22 เพราะมันเป็นชีวิตแก่ผู้ที่ค้นพบ
และทำให้ทั้งร่างกายมีสุขภาพดี
23 จงเอาใจใส่ดูแลรักษาใจของเจ้าให้ดีที่สุด
เพราะจากใจคือสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต

จดจ่อในทางเดิน
24 จงเอาคำหลอกล่อไปจากปากของเจ้า
อย่าให้ริมฝีปากของเจ้าเอ่ยคำตลบตะแลง
25 จงให้ตาของเจ้ามองตรงไป
จดจ่อ แน่วแน่ไปข้างหน้า
26 จงเอาใจใส่ ระวังย่างเท้าของเจ้า
และเจ้าจะเดินอย่างมั่นคงในทางนั้น

27 อย่าหันไปทางขวาหรือทางซ้าย
จงเบี่ยงเท้าของเจ้าออกจากความชั่ว

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 34:11
3* 1 พงศาวดาร 29:1
4* 1 พงศาวดาร28:9; สุภาษิต 7:2
5* สุภาษิต2:2-
6* 2 เธสะโลนิกา 2:10
7* มัทธิว 13:44

8* 1 ซามูเอล 2:30
9* สุภาษิต 3:22
10* สุภาษิต 3:2
11* 1 ซามูเอล 2:30
12* สดุดี 18:36; 91:11
14* สดุดี 1:1

16* สดุดี 36:4
18* มัทธิว 5:14, 45;
2 ซามูเอล 23:4
19* อิสยาห์ 59:9-10
23* มัทธิว 12:34;15:18-19
26* ฮีบรู 12:3

สุภาษิต 3 วางใจพระเจ้าสุดใจ

ทำตามนี้แล้วจะได้พร
1 ลูก ๆ ของพ่อเอ๋ย อย่าลืมคำสอนของเรา
แต่ให้ใจของเจ้ารักษาคำสั่งของเราไว้
2 เพราะว่ามันจะช่วยเพิ่มทั้งวันและปี
รวมถึงสันติสุขให้กับชีวิตของเจ้า
3 อย่าให้ความรักมั่นคงหรือความซื่อตรงละจากเจ้าไป
แต่จงผูกมันไว้รอบคอของเจ้า
เขียนมันไว้บนแผ่นหัวใจของเจ้า
4 แล้วเจ้าจะได้รับความโปรดปราน
ได้รับชื่อเสียงดีในสายพระเนตรพระเจ้าและในสายตามนุษย์
5 จงวางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้า
อย่าวางใจในความเข้าใจของตนเอง
6 จงยอมรับพระองค์ในทุกเส้นทางของเจ้า
และพระองค์จะทรงทำให้ทางของเจ้าราบรื่น


เดินไปกับพระเจ้า
7 อย่าคิดว่าตนฉลาดล้ำ
จงยำเกรงพระยาห์เวห์ และหันจากความชั่ว
8 การทำเช่นนี้จะช่วยบำบัดรักษาร่างกายของเจ้า
และทำให้กระดูกของเจ้าสดชื่น
9 จงถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์ด้วยทรัพย์ที่เจ้ามี
และด้วยผลแรกจากน้ำมือของเจ้า
10 แล้วยุ้งของเจ้าจะเต็มล้น
ถังของเจ้าจะเต็มล้นด้วยเหล้าองุ่นใหม่
11 ลูกของพ่อเอ๋ย อย่าหลีกหนีจากวินัยของพระยาห์เวห์
และอย่าเกลียด ชังคำเตือนของพระองค์เลย
12 เพราะพระยาห์เวห์ทรงสั่งสอนคนที่พระองค์ทรงรัก
เหมือนอย่างที่พ่อสอนลูกชายที่พ่อรัก

ประโยชน์ที่ได้รับจากการตักเตือนจากพระเจ้า

13 ความสุขเป็นของคนที่พบปัญญา
คนที่หาความเข้าใจพบ
14 เพราะปัญญานั้นให้ประโยชน์มากกว่าแร่เงิน
และให้ผลดีกว่าแร่ทองเนื้อดี
15 ปัญญานั้นล้ำค่ายิ่งกว่าแร่ทับทิม
ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าปรารถนาจะมาเทียบกับปัญญาได้
16 ชีวิตที่ยืนยาวจะอยู่ในมือขวาของเธอ
ส่วนในมือซ้ายคือความมั่งคั่งและเกียรติยศ
17 ทางของปัญญานั้นเป็นทางที่น่าชื่นชม
และทางทั้งสิ้นของเธอคือสันติสุข
18 เธอเป็นต้นไม้แห่งชีวิตให้กับคนที่โอบกอดเธอไว้
และเป็นพระพรให้แก่ผู้ที่ยึดเธออย่างมั่นคง


เอาใจใส่พระปัญญาของพระเจ้า
19 พระยาห์เวห์ทรงวางรากฐานของโลกด้วยพระปัญญา
และทรงสถาปนาฟ้าสวรรค์ด้วยความเข้าใจ
20 ด้วยความรู้ของพระองค์ ห้วงน้ำลึกก็แยกเปิดออกมา
และเมฆก็หยดน้ำค้างลงมา
21 ลูกของเราเอ๋ย อย่าให้เรื่องนี้คลาดไปจากสายตาของเจ้าเลย
จงรักษาดุลยพินิจและทักษะการสังเกตรอบตัวเอาไว้
22 เพราะเหล่านี้จะเป็นชีวิตให้กับวิญญาณของเจ้า
และเป็นเครื่องประดับรอบคอของเจ้า
23 แล้วเจ้าจะไปในทางของเจ้าอย่างปลอดภัย
เท้าของเจ้าจะไม่สะดุด
24 เมื่อเจ้านอนลง เจ้าจะไม่กลัว
เมื่อเจ้าพักเจ้าจะหลับไปอย่างเป็นสุข

พระเจ้าคือความมั่นคงของชีวิต
25 อย่ากลัวอันตรายที่มาอย่างทันควัน
หรืออย่ากลัวหายนะที่โถมถาเข้ามายังคนชั่ว
26 เพราะพระยาห์เวห์จะทรงเป็นความมั่นคงในใจของเจ้า
และจะช่วยให้เท้าของเจ้าพ้นจากกับดัก
27 อย่ารั้งสิ่งดีไว้จากผู้ที่สมควรได้รับ
ในเมื่อเจ้ามีอำนาจที่จะทำได้
28 อย่ากล่าวกับเพื่อนบ้านของเจ้าว่า
“กลับมาพรุ่งนี้นะ และฉันจะจัดหาให้”
ในเมื่อเจ้าก็มีของนั้นอยู่แล้ว
29 อย่าคิดแผนทำร้ายเพื่อนบ้านของเจ้า
เพราะว่าเขาอาศัยข้าง ๆ เจ้าด้วยความไว้ใจ
30 อย่าไปกล่าวหาใครโดยไม่มีเหตุ
ในเมื่อเขาไม่ได้ทำอันตรายใด ๆ แก่เจ้า

คนสองแบบ
31 อย่าไปอิจฉาคนที่ทำการรุนแรง
หรือเลือกหนทางแบบของเขา
32 เพราะพระยาห์เวห์ทรงชังคนวิปริต
แต่พระองค์ทรงเป็นเพื่อนกับคนเที่ยงตรง
33 คำสาปแช่งจากพระยาห์เวห์ตกอยู่กับครอบครัวที่โหดร้าย
แต่พระองค์ทรงอวยพระพรบ้านของคนเที่ยงธรรม
34 พระองค์ทรงเยาะคนที่ชอบเยาะผู้อื่น
แต่ประทานพระคุณแก่ผู้ที่ถ่อมใจ
35 คนมีปัญญาจะได้รับเกียรติเป็นมรดก
แต่คนโง่จะได้รับความอับอายเป็นแน่

อธิบายเพิ่มเติม

ทำตามนี้แล้วจะได้พร สุภาษิต 3:1-6
หากคนไหนอ่านพระคำตอนนี้แบบเร็ว ๆ ก็จะไม่ค่อยเห็นอะไร จะเห็นเหมือนคำสั่งให้ทำ และไม่ให้ทำ แต่หากมองลึกลงไป เราจะเห็นว่า นี่เป็นคำสัญญาให้พรกับคน ๆ หนึ่งที่เอาใจใส่พระดำริของพระเจ้า….
ข้อหนึ่ง มีอย่าลืม ให้รักษา สัญญาในข้อสองว่าชีวิตจะยืนยาวพร้อมกับมีความสุขด้วย แน่นอนว่า เป็นชีวิตที่ใคร ๆ ก็อยากมี เป็นคนอายุมากที่รู้จักพระเจ้า ฉลาด สุขภาพดี
ข้อสาม ต้องให้ชีวิตของตนมีรักมั่นคง มีความซื่อตรงลึกในใจ ข้อสี่สัญญาว่าจะมีชื่~อเสียงดี เป็นที่พอใจของทั้งพระเจ้าและผู้คน
ข้อห้าให้วางใจพระเจ้าสุด ๆ รับพระองค์ในทุกอย่างที่ทำ แล้วข้อหกสัญญาว่าทางจะราบรื่น

เดินไปกับพระเจ้า สุภาษิต 3:7-12
ข้อเจ็ด ไม่ให้เรามีอีโก้ อย่าคิดว่าตัวฉลาด ซึ่งตรงนี้หากเราเข้าใจว่า ในโลกนี้ยังมีคนเก่งกว่าเรา และถ่อมตน ยำเกรงพระเจ้า หนีความชั่ว ข้อแปดมีสัญญาว่าจะทำให้ร่างกายมีสุขภาพดี … เป็นเพราะเรายอมฟัง และรู้ว่า จะปฏิบัติตนอย่างไร
ข้อเก้า และสิบกล่าวถึงรายได้ของเรา ที่เราจะถวายเกียรติพระเจ้าด้วยการไม่เก็บไว้คนเดียว แต่ถวายไปเพื่อเป็นการน้อมรับว่า ที่เรามีชีวิตอยู่และทำงานได้นี้เพราะพระเจ้าทรงซื่อตรงทำให้เรามีรายได้เข้ามา ซึ่งที่จริงทั้งหมดก็เป็นของพระองค์อยู่แล้ว
ข้อสิบเอ็ด สิบสองเตือนพวกเราว่าอย่าเบื่อหน่าย อย่าหนีจากคำเตือน เพราะพระองค์ทรงรักจึงทรงเตือนก่อนที่เราจะก้าวไปสู่หายนะ

ประโยชน์ที่ได้รับจากการตักเตือนจากพระเจ้า สุภาษิต 3:13-18
พระเยซูเองทรงเริ่มคำเทศนาบนภูเขาด้วยคำเดียวกัน ความสุขเป็นของ….
และสุภาษิตบอกชัดว่า หากเราพบปัญญา พบความเข้าใจนั้นเรามีความสุขเพราะทั้งสองมีค่ายิ่งกว่าอัญมณีที่มนุษย์ต่างพยายามไปขุดหา ไปเจียระนัย ไปเอามาชมเชย อวดกันไปมา
ที่มีความสุขเพราะทั้งอายุยืน มั่งคั่ง มีเกียรติ มีความชื่นชมในชีวิต มีสันติสุข อยู่ข้าง ๆ ใครรักปัญญา ยึดเธอไว้ ก็จะเป็นดั่งผู้ที่กินผลไม้แห่งชีวิตจากเอเดน พวกเขาจะได้มีชีวิตนิรันดร์ตลอดไป

เอาใจใส่พระปัญญาจากพระเจ้า สุภาษิต 3:19-24
ข้อสิบเก้ายี่สิบ บอกเราถึงความยิ่งใหญ่ซับซ้อนแห่งพระปัญญาของพระเจ้า ไม่ว่าจะสิ่งใหญ่โตเกินความเข้าใจอย่างจักรวาล หรือ จะเป็นเซลเล็ก ๆ ในตัวเรา ต่างก็มีความซับซ้อน มีการทำงานที่ลึกล้ำ ทำให้นักวิทยาศาสตร์ต้องค้นคว้าหาความเข้าใจ พวกเราในโลกใหม่นี้ มีความเข้าใจมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนก็จริง แต่ยังมีความลึกลับของพระเจ้าที่มนุษย์ยังไม่รู้ และต้องค้นต่อไปอีกไม่มีวันจบ ในทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง เมื่อเราวิเคราะห์ เรียนรู้จักมัน
เรามั่นใจว่า เป็นการสร้างของผู้มีปัญญาที่สุด เป็นการสร้างของผู้มีความเข้าใจที่สุด …
แล้วข้อยี่สิบเอ็ดถึงยี่สิบสี่กษัตริย์โซโลมอนทรงกำชับให้เยาวชน ไม่ยอมให้พระปัญญาและความเข้าใจของพระเจ้าคลาดสายตาของพวกเขา ให้พวกเขารู้จักสังเกต และนี่จะต้องเป็นนิสัยใจคอของทั้งชีวิต คนใดที่ทำตามนี้ เราจะเห็นว่า เขาแตกต่างจากคนรอบตัวอย่างเห็นได้ชัด คนนี้จะไม่สะดุดคนง่าย ๆ มีชีวิตที่เป็นสุข

พระเจ้าคือความมั่นคงของชีวิต สุภาษิต 3:25 -30
ข้อยี่สิบห้า และยี่สิบหก การที่คนหนึ่งตามพระเจ้าแบบแน่วแน่ เขาจะไม่ต้องกลัวหายนะเพราะว่า เขามั่นใจว่า พระเจ้าอยู่ฝ่ายเขา คนที่เป็นของพระเจ้าจริง แม้ความตายอยู่ตรงหน้าก็ยังกล้าหาญ เขาเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นเจ้าของชีวิต
ข้อยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด บอกให้รู้ว่า ถ้ามีสิทธิทำสิ่งดีอะไรได้ก็ให้รีบทำ
ส่วนยี่สิบเก้าและสามสิบ ให้เราอยู่อย่างดี ๆ กับเพื่อนบ้าน อย่าได้หาเรื่องเขา

คนสองแบบ สุภาษิต 3:31-35
ข้อสามสิบสองถึงสามสิบห้า เราจะเห็นคนสองแบบที่จะได้รับการปฏิบัติจากพระเจ้าแตกต่างกัน ทรงชังคนวิปริต ทรงสาปคนโหดร้าย ทรงเยาะคนที่เยาะผู้อื่น ความอับอายจะมีแก่คนโง่
แต่ส่วนคนที่เที่ยงตรงจะได้เป็นเพื่อนกับพระเจ้า คนเที่ยงธรรมที่ปฎิบัติกับผู้อื่นอย่างยุติธรรมจะได้รับพระพร ผู้ที่ถ่อมใจจะมีพระคุณล้นเหลือ และคนที่มีปัญญาของพระเจ้าก็จะมีเกียรติ

พระคำเชื่อมโยง

1* เฉลยธรรมบัญญัติ 8:1
2* สดุดี 119:165
3* สุภาษิต 6:21; 2 โครินธ์ 3:3
4* โรม 14:18
5* สดุดี 37:3,5; เยเรมีย์ 9:23,24
8* โยบ 21:24
9* อพยพ 22:29
10* เฉลยธรรมบัญญัติ 28:8
11* โยบ 5:17
12* เฉลยธรรมบัญญัติ 8:5

13* สุภาษิต 8:32,34-35
14* โยบ 28:13
15* มัทธิว 13:44
16* 1 ทิโมธี 4:8
17* มัทธิว11:29
18* ปฐมกาล 2:9
19* สดุดี 104:24
20* ปฐมกาล 7:11

23* สุภาษิต. 10:9
25* สดุดี. 91:5
26* โรม 13:7
28* เลวีนิติ 19:13
30* โรม 12:18
31* สดุดี. 37:1
32* สดุดี 25:14
33* เศคาริยาห์ 5:3-4, สดุดี 1:3
34* ยากอบ 4:6

สุภาษิต 2 ปัญญาที่ปกป้องชีวิต

มุ่งเสาะหาปัญญา
1 ลูกชายของเราเอ๋ย หากเจ้ายอมรับคำของเรา
และสะสมคำสั่งของเราไว้ในตัวเจ้า
2 หากเจ้าตั้งใจฟังปัญญา
และหันใจของเจ้าเข้าหาความเข้าใจ
3 ยิ่งไปกว่านั้น หากเจ้าร้องหาการหยั่งรู้
และส่งเสียงหาความเข้าใจ
4 หากเจ้าตามหามันเหมือนตามหาเงิน
และค้นหามันเหมือนหาสมบัติที่ถูกซ่อนเอาไว้
5 แล้วเจ้าก็จะเข้าใจความยำเกรงพระเจ้า
และพบความรู้ของพระองค์

สุภาษิต 2:1-5


สติปัญญาจากพระเจ้าช่วยป้องกันเราไว้

6 เพราะพระยาห์เวห์ประทานปัญญา
ความรู้และความเข้าใจมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์
7พระองค์ทรงสะสมความสำเร็จให้กับคนเที่ยงตรง
ทรงเป็นโล่ให้กับคนที่ใช้ชีวิตไร้ตำหนิ
8 พระองค์ ทรงรักษาทางแห่งความยุติธรรมไว้
และปกป้องทางของคนที่ติดตามพระองค์
9 แล้วเจ้าจะเข้าใจความเที่ยงธรรม ความยุติธรรม
ความซื่อตรง และหนทางที่ดี
10 เพราะปัญญาจะเข้าไปในจิตใจของเจ้า
และความรู้จะทำให้ใจของเจ้ารื่นรมย์
11 ความสุขุมรอบคอบจะคุ้มครองดูแลเจ้า
และความเข้าใจจะพิทักษ์เจ้าไว้

สุภาษิต 2:6-11

ปัญญาช่วยเราให้พ้นจากคนชั่ว
12 โดยช่วยกู้เจ้าให้พ้นจากทางความชั่ว
จากคนที่กล่าวคำบิดเบือน
13 จากคนที่ละทิ้งทางแท้จริง
แล้วไปเดินในทางแห่งความมืด
14 จากคนที่มีความสุขกับการทำชั่ว
และชอบฉลองความวิปริต
15 คนเหล่านี้เดินในทางคด
เป็นคนที่หลอกลวง

สุภาษิต 2:12-15


ปัญญาช่วยเราให้พ้นจากหญิงชั่ว
16 ปัญญาจะช่วยให้เจ้าหนีพ้นจากหญิงต้องห้าม
จากหญิงแปลกหน้าที่มีคำพูดหวานเย้ายวนใจ
17 เธอได้ทิ้งคู่ชีวิตสมัยสาวๆ
และลืมคำสัญญาของพระเจ้าของเธอ
18 บ้านของเธอนั้นจมลงสู่ความตาย
และทางของเธอมุ่งตรงไปยังแดนคนตาย
19 คนที่ไปหาเธอไม่มีทางได้กลับมา
ไม่มีใครได้กลับคืนสู่ทางแห่งชีวิต
20 ดังนั้นจงตามทางของคนดี
และรักษาทางอย่างคนเที่ยงธรรม
21 เพราะคนเที่ยงตรงจะได้อาศัยในแผ่นดิน
และคนที่ไร้ตำหนิจะอยู่ในที่นั้น
22 แต่คนชั่วร้ายจะถูกตัดออกจากแผ่นดิน
และคนทรยศจะถูกถอนรากถอนโคนออกไป

สุภาษิต 2:16-22

คำอธิบายเพิ่มเติม

สุภาษิต 2:1-5 มุ่งเสาะหาปัญญา
วิธีการมุ่งหาปัญญาของกษัตริย์โซโลมอนเน้นที่การหิวหา แสวงหา ตามหา ค้นให้พบ สะสมไว้ เป็นการติดตามพระคำของพระเจ้าเหมือนกับที่คนทั่วไปตามหาเงินเพื่อเลี้ยงชีวิต ..
เท่ากับว่า ต้องทำทุกวัน สม่ำเสมอ ด้วยหัวใจมุ่งมั่น ไม่มีการหยุดล้มเลิกไป แล้วผลที่จะได้ก็คือ จะเข้าใจว่าการยำเกรงพระเจ้าในชีวิตของเราคือแบบไหน และความรู้ในพระเจ้าที่เรายังขาดอยู่ เราจะได้รับอย่างเต็มบริบูรณ์ด้วย

สุภาษิต 2:6-11 สติปัญญาจากพระเจ้าช่วยป้องกันเราไว้
ลูกชายลูกสาวที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต เขาต้องมีผู้ปกป้องไว้ แม้ว่าแต่ละคนจะมีคำสอนที่ดี มีการ เตรียมตัวที่ดี เพื่อจะไม่ตกอยู่ในทางบาป แต่ทุกคนต้องการพลังของพระเจ้าที่จะช่วยให้พ้นการทดลอง

สุภาษิต 2:12-15 ปัญญาช่วยเราให้พ้นจากคนชั่ว
ตอนนี้ความชั่วในโลกมีดาษดื่น มากมายยิ่งกว่าความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกโซเชียล เราจำเป็นต้องรู้ว่า สิ่งใดจะต้องไม่เชื่อ เราจะต้องไม่เป็นคนเชื่ออะไรง่าย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำพูดที่เกิดมาจากความเกลียดชัง เพราะสิ่งเหล่านั้นดูน่าเชื่อเหลือเกิน

สุภาษิต 2:16-22 ปัญญาช่วยเราให้พ้นจากหญิงชั่ว
กษัตริย์โซโลมอนเป็นคนที่เข้าใจเรื่องการเย้ายวนของหญิงชั่วเป็นอย่างดี เพราะในที่สุดท่านก็ตกหลุมแห่งความพอใจทางเพศ ท่านรู้ดีกว่าพวกเรา ดังนั้น ฟังท่านและพิจารณาให้ดี เราจะได้ปลอดภัย

พระคำเชื่อมโยง

1* สุภาษิต 4:10; 3:1
2* สุภาษิต 22:17;
4* สุภาษิต 3:14; โยบ 3:21; มัทธิว 13:44
5* สุภาษิต 1:7
6* โยบ 32:8; ยากอบ 1:5
7* สดุดี 84:11; สุภาษิต 30:5
8* 1 ซามูเอล 2:9; สดุดี 66:9
9* สุภาษิต 8:20; 4:18

10* สุภาษิต 14:33; 22:18
11* สุภาษิต 4:6; 6:22
12* สุภาษิต 28:26; 6:12
13* สุภาษิต 21:16; 4:19; สดุดี 82:5; ยอห์น 3:19; 3:20
14* สุภาษิต 10:23; เยเรมีย์ 11:15
15* สดุดี 125:5; สุภาษิต 21:8
16* สุภาษิต 6:24; 7:5; 23:27

17* มาลาคี 2:14-15; ปฐมกาล 2:24
18* สุภาษิต 7:27
19* สดุดี 16:11; สุภาษิต 5:6
20* ฮีบรู 6:12; สุภาษิต 4:18
21* สดุดี 37:9; 29; สุภาษิต 10:30; 28:10
22* สดุดี 37:38; สุภาษิต 10:30; 11:3; เฉลยธรรมบัญญัติ 28:63; สดุดี 52:5

สุภาษิต 1 ปัญญาเรียกหา

ทำไมกษัตริย์โซโลมอนจึงเขียนหนังสือสุภาษิต?
1 สุภาษิตของกษัตริย์โซโลมอนแห่งอิสราเอล
โอรสของกษัตริย์ดาวิด
2 เพื่อ จะเรียนรู้จักสติปัญญากับคำสั่งสอน
เพื่อเข้าใจถ้อยคำที่เต็มด้วยสติปัญญาลึกล้ำ
3 เพื่อรับคำสอนแห่งปัญญา ความเที่ยงธรรม
ความยุติธรรมและความซื่อสัตย์ 
4 เพื่อให้คนที่อ่อนต่อโลก จะได้มีความหลักแหลม 
ให้คนหนุ่มได้มีความรู้และปฏิภาณ 
5 ให้คนที่มีปัญญาได้ฟังและเพิ่มความรู้
และคนที่หยั่งรู้จะได้รับคำแนะนำ
6 เพื่อจะเข้าใจสุภาษิตและคำอุปมา คำคม
และข้อปริศนาของคนมีปัญญา
7 ความยำเกรงพระยาห์เวห์
เป็นจุดเริ่มต้นของความรู้ 
คนโง่ดูหมิ่นปัญญาและคำสั่งสอน





หน้าที่ของพ่อแม่และลูก
8 จงฟัง ลูกชายของเรา ฟังคำสอนของพ่อ
และอย่าละทิ้งคำของแม่
9 เพราะมันเป็นเหมือนมาลัยงดงามบนหัวของเจ้า
และเป็นดั่งสร้อยทองคล้องคอเจ้า

เมื่อคนชั่วมาชักชวน
10 ลูกชายของเราเอ๋ย หากคนบาปหลอกล่อ
ขออย่ายอมตามพวกเขาไป 
11 เพราะหากเขากล่าวชวนว่า
“มากับเรา ไปซุ่มดักรอเชือดใครสักคน
เรามารุมคนบริสุทธิ์กันเถอะ
12 เราจะกลืนพวกเขาทั้งเป็น
เหมือนว่าเราเป็นแดนคนตาย 
เรามากลืนเขาทั้งเป็น เหมือนส่งไปหลุมศพ 
13 เราจะยึดทรัพย์สินมีค่า
และสะสมของเหล่านี้ให้เต็มบ้าน 
14 มาเสี่ยงจับฉลากกับเรา 
แล้วเราจะได้แบ่งเงินกันใช้ “


อย่าเดินไปกับคนชั่ว
15 ลูกชายของเราเอ๋ย
อย่าเดินไปทางเดียวกับพวกเขา
อย่าก้าวเข้าไปในทางของพวกเขาเลย
16 เพราะเท้าของพวกเขาวิ่งไปหาความลำบาก
และพวกเขาดักทำร้ายคน
17 โง่จริงที่เราจะเหวี่ยงตาข่ายดักทั้ง ๆ ที่นกก็เห็น 
18  คนเหล่านี้ซุ่มอยู่เพื่อฆ่าตัวเองแท้ ๆ 
พวกเขาดักล่าชีวิตของตัวเอง
19 นี่เป็นหนทางของคนที่ทำกำไรอย่างคดโกง
และมันคร่าชีวิตของพวกเขาเอง

สติปัญญาร้องเรียกจากถนน เกิดอะไรขึ้นบ้าง?
20 ปัญญาร้องเรียกอยู่บนถนน
เธอส่งเสียงดังที่ลานชุมนุม
21 เธอร้องเสียงดังกว่าเสียงอึกทึกบนถนน
เธอพูดที่ทางเข้าประตูเมืองว่า
22 “ เจ้าคนโง่เอ๋ย เจ้าจะรักความเขลาไปอีกนานเท่าไร?
เจ้าคนช่างเยาะจะพอใจกับการเยาะเย้ยไปอีกนานแค่ไหน?
เจ้าคนเขลาจะชังความรู้ไปอีกนานเท่าไร?
23 หากเจ้าสนใจคำเตือนของเรา
เราก็จะเทวิญญาณของเราเหนือเจ้า
และสอนถ้อยคำของเราให้เจ้า


24 ในเมื่อเราเรียกเจ้าและเจ้าปฏิเสธ
เรายื่นมือออกมา แต่ไม่มีใครใส่ใจ
25 ในเมื่อเจ้าละทิ้งคำปรึกษาทั้งสิ้นของเรา
และไม่ยอมรับการแก้ไขจากเรา
26 ถึงคราวของเรา เราจะหัวเราะกับความหายนะของเจ้า
เราจะเยาะเย้ยเมื่อเจ้ากลัวลาน
27 เมื่อความกลัวโถมเข้ามาหาเจ้าเหมือนอย่างพายุ
และความหายนะมาถึงเจ้าดั่งลมหมุน
เมื่อความลำบาก และความทุกข์ใจมาเหนือเจ้า
28 ตอนนั้นพวกเขาจะร้องหาเรา แต่เราจะไม่ตอบ
พวกเขาจะค้นหาเรา แต่จะไม่เจอ
29 เพราะพวกเขาชังความรู้
และไม่เลือกที่จะยำเกรงพระเจ้า
30 เพราะพวกเขาไม่สนใจคำแนะนำของเรา
และละเลยคำตักเตือนทั้งสิ้นของเรา
31พวกเขาจะได้กินผลจากหนทางของพวกเขา
และจะได้อิ่มกับแผนชั่วของตน
32 ที่คนไม่รู้ประสาจะถูกฆ่าเพราะเขาไม่ยอมฟังใคร
และความเฉยเมยของคนโง่จะทำลายพวกเขาเอง
33 แต่ใครก็ตามที่ฟังเสียงของเรา
จะมีชีวิตอย่างปลอดภัย
และไม่ต้องกลัวอันตรายใด ๆ

คำอธิบายเพิ่มเติม

สุภาษิตเป็นข้อความซึ่งพระเจ้าทรงส่งผ่านชายชราทรงปัญญาที่สุดในโลก ที่ได้เห็นหนทางของมนุษย์ในตลอดชีวิตอันยาวนานของท่าน  ท่านสังเกตและเห็นว่า เกิดอะไรขึ้น และได้สรุปเห็นหลักการในชีวิตของมนุษย์ ว่าถ้าทำอย่างหนึ่งก็จะมีอย่างหนึ่งเกิดขึ้น  การกระทำทุกอย่างมีผลของมัน   ท่านได้มุ่งเน้นสอนเยาวชนในเรื่องการใช้ชีวิตให้ดี
สุภาษิตที่เขียนขึ้นมานี้เป็นเรื่องของสติปัญญา หลักการที่ได้ลงมือปฏิบัติจริง เกิดผลขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน. ที่เราเดินตามหลักการในพระคัมภีร์นั้นก็เพื่อว่าเราจะได้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์เป็นอันดับแรก
ความดีสูงสุดที่เราจะมีในชีวิตของเด็กหนุ่มสาวก็คือ ความรอด และการดำเนินชีวิตที่เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์มากขึ้นทุกวัน  สุภาษิตนี้จะนำให้เราไปรู้จักพระเยซูคริสต์ในอีกด้านของพระองค์ นี่คือสิ่งที่น่าประหลาดของหนังสือสุภาษิต
หนังสือสุภาษิตนี้ช่วยให้เราเห็นความเขลาของเราในหลาย ๆ เรื่อง และสิ่งที่ผู้เขียนสอนจะช่วยให้เราฉลาดขึ้น ดีจริง ใคร ๆ ก็อยากมีปัญญา และฉลาดขึ้นกันทั้งนั้น

สุภาษิต 1:1-7 ทำไมกษัตริย์โซโลมอนจึงเขียนหนังสือสุภาษิต?
เราได้รู้แล้วว่า ทำไมกษัตริย์โซโลมอนเขียนหนังสือสุภาษิตให้กับเยาวชนในบ้านเมืองที่ท่านปกครองอยู่
ท่านเน้นที่จะให้ประชาชนของท่านเป็นคนมีปัญญา มีความรู้ มีความเข้าใจ เป็นคนฉลาด และท่านก็เริ่มต้นบอกเคล็ดลับของความเป็นคนที่มีความรู้คือ ยำเกรงพระเจ้า ... ความยำเกรงดังกล่าวไม่ใช่ความกลัวจนลนลาน กลัวว่าพระองค์จะทำร้ายหรือลงโทษ แต่เป็นความยำเกรง นับถือ ให้เกียรติ และยกย่องพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น และก็กลัวด้วยคือกลัวที่จะทำอะไร คิดอะไรต่อต้านพระองค์
และท่านยังบอกอีกว่า ถ้าเรายำเกรงพระเจ้าเราจะได้รับผลอย่างไรบ้าง …ดู 8:13; 9:10,10:27, 14:26-27,15:33, 16:6, 19:23; 22:4
ส่วนใหญ่ในหนังสือสุภาษิต มีโซโลมอนเป็นผู้เขียน และยังมีผู้เขียนท่านอื่นที่เขียนบางบทตอนท้าย ๆ ด้วย
สติปัญญาเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็อยากได้ ในภาษาฮีบรูว่า ค๊อกมา חָכְמָה มีความหมายรวมไปถึง .. ความชำนาญในการใช้ชีวิต การทำงาน ความสามารถในการบริหารงานต่าง ๆ การทำสงคราม ความเข้าใจทางฝ่ายวิญญาณ ไปดูความหมายเพิ่มเติมได้ที่ https://biblehub.com/hebrew/2451.htm

สุภาษิต 1:8-9 หน้าที่ของพ่อแม่และลูก
พ่อแม่มีหน้าที่สอนสิ่งที่ดีให้ลูก ๆ ของตน แต่ ความที่โลกนี้เปลี่ยนไป พ่อแม่ที่รับผิดชอบมีน้อยลงไปเรื่อย ๆ
คนที่มีความรับผิดชอบสูงก็เกิดไม่อยากมีลูกเสียอีก … ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยได้คือ เยาวชนของเราต้องรู้จักหนังสือสุภาษิต เพื่อให้ข้อความเหล่านี้ได้สอนใจ และนำทางชีวิตของเขา

สุภาษิต 1:10-19 เมื่อคนชั่วมาชักชวน
สิ่งที่สำคัญคือ อย่าให้คนอื่นมาหลอกล่อให้เราทำชั่วอย่างพวกเขา ซึ่งตอนนี้ รายการความชั่วนั้น มีมากมายไม่เฉพาะแค่ที่โซโลมอนบอกเอาไว้ เยาวชนของเราต้องมีความเข้าใจที่จะเลือกสิ่งดีที่สุดให้กับชีวิตของตน และรู้ว่าจะฟัง ไม่ฟังใคร
การตักเตือนในตอนนี้ ได้ใช้เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาเล่าให้เยาวชนได้เข้าใจว่า คนชั่วจะชักชวนประมาณไหน ต้องสังเกตคำพูดของพวกเขาอย่างไร

สุภาษิต 1:20-23 เมื่อคนชั่วมาชักชวน
ครั้งนี้ ซาโลมอนได้กล่าวถึงปัญญาในฐานะที่เป็นสตรีผู้หนึ่ง เธอคือปัญญา ที่ท่านทำเช่นนี้ ทำให้ผู้อ่านได้เข้าใจการเรียกหาของปัญญาได้ดีขึ้น แทนที่จะเป็นคำนามธรรมที่มองไม่เห็น เหมือนกับที่อิสยาห์เองกล่าวถึงพระเมสสิยาห์ว่าทรงเป็นที่ปรึกษาที่ล้ำเลิศ (อิสยาห์ 9:6) ในมุมมองของพระคัมภีร์แล้ว พระปัญญาเป็นบุคคลไม่ใช่แค่นามธรรมที่ไม่มีชีวิต
ปัญญาส่งเสียงดังเรียก แต่คนไม่ได้ยิน ไม่ชอบปัญญา ชอบฟังอย่างอื่นที่สนุกมากกว่า ปัญญาพยายามที่จะเรียกร้องความสนใจ แต่ไม่มีใครเอาใจใส่เธอเลย
ปัญญาบอกด้วยว่า หากสนใจคำเตือน ก็จะได้รับคำสอนจากปัญญา

สุภาษิต 1:24-33 เมื่อเราเรียกเจ้าและเจ้าปฏิเสธ
ในเมื่อไม่มีใครฟัง ปัญญาก็บอกว่า เวลาต้องการเธอ ก็จะไม่พบเธอ ดังนั้น เราจึงต้องไม่ให้สายเกินไปที่เราจะหันกลับมาหาปัญญา คือพระคำของพระเจ้า เพราะวันหนึ่งที่เดือดร้อน เราอาจหาพระองค์ไม่พบแล้วก็เป็นได้ ข้อ 29 คนทั้งหลายชังความรู้ ไม่เลือกความยำเกรงพระเจ้า ..เขาจะได้กินผลจากการเลือกของเขา เป็นข้อความที่ตรงกันข้ามกับข้อ 7 ที่บอกว่า ความยำเกรงพระเจ้าเป็นที่เริ่มต้นของความรู้
โยบ 28:28 สรุปให้เรารู้ว่า ความยำเกรงพระเจ้านั่นคือปัญญา และที่จะหนีจากความชั่ว คือความเข้าใจ

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* 1 พงศ์กษัตริย์ 4:32
4* สุภาษิต 9:4
5* สุภาษิต 9:9
6* สดุดี 78:2
7* โยบ 28:28
8* สุภาษิต 4:1
9* สุภาษิต 3:22
10* ปฐมกาล 39:7-10

11* เยเรมีย์ 5:26
12* สดุดี 28:1
15* สดุดี 1:1, 119:101
16* อิสยาห์ 59:7
19* 1 ทิโมธี 6:10
20* ยอห์น 7:37
23* โยเอล 2:28
24* เยเรมีย์ 7:13

25* ลูกา 7:30
26* สดุดี 2:4
27* สุภาษิต 10:24-25
28* อิสยาห์ 1:15
29* โยบ 21:14; สดุดี 119:173
30* สดุดี 81:11
31* โยบ 4:8
33* สุภาษิต 3:24-26; สดุดี 112:7