พี่นองทั้งหลาย เรื่องของเวลาและฤดูนั้น เราไม่จำเป็นต้องเขียนบอกท่าน เพราะท่านรู้ดีว่า วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาถึงเหมือนขโมยยามค่ำคืน ขณะที่ผู้คนกล่าวว่า “เป็นสุข ปลอดภัย” หายนะจะมาถึงพวกเขาทันควัน เหมือนหญิงเจ็บท้องคลอดบุตร และพวกเขาจะหนีไม่พ้น
1 เธสะโลนิกา 5:1-3
กิจการ 1:7, มาระโก 13;30-32, 2 เปโตร 3:10,มัทธิว 24:3, ลูกา 21:34-35, 2 เปโตร 2:4
การเสด็จกลับมาของพระเยซูนั้น มีสัญญาณบอกว่า ใกล้แล้วนะ จะมาแล้ว แต่ไม่ได้มีบอกวันเวลาที่ชัดเจน “วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า” หมายถึง วันที่พระเจ้าจะเสด็จเข้ามาแทรกในกิจวัตรประจำวันของมนุษย์ ทรงเข้ามาเพื่อพิพากษา และช่วยกู้คนของพระองค์
แต่ว่าพี่น้องทั้งหลายไม่ได้อยู่ในความมืด เพื่อว่าวันนั้นจะไม่มาถึงราวกับโจรบุกเข้ามา เพราะพวกท่านเป็นลูกของความสว่าง ลูกของกลางวัน เราไม่ได้เป็นของกลางคืน ไม่ได้เป็นของความมืด
1 เธสะโลนิกา 5:4-5
โคโลสี 1:13,2 เปโตร 3:10,เอเฟซัส 5:8,ยอห์น 12:36
ในบทที่ 4 ข้อ 13-17 ท่านเปาโลได้บอกแล้วว่า การเสด็จมาของพระเจ้าจะเป็นอย่างไร พวกเขาจึงมีความเข้าใจดีการบอกว่า “เป็นลูกของ” หมายถึงว่าเป็นแบบนั้น พวกเขาเป็นของพระเจ้าแล้ว ไม่เป็นของมารอีกต่อไป
ดังนั้น เราอย่าหลับใหลเหมือนคนอื่น แต่จงตื่นตัว มีสติ ไม่เมาค้าง เพราะคนที่หลับ ก็หลับในเวลากลางคืน คนที่เมา ก็เมาในเวลากลางคืน
1 เธสะโลนิกา 5:6-7
1 เปโตร 1:13, ลูกา 22:46, มัทธิว 24:42,2 เปโตร 2:13, 1 โครินธิ์ 15:34, โรม 13:13
สิ่งสำคัญสำหรับพี่น้องคือ ตื่นตัวและรู้ตัวเสมอ เราต้องคอยดูว่า เมื่อไรผู้ต่อต้านพระคริสต์จะมาปรากฏตัว และทั้งต้องรอคอยพระเจ้าให้พร้อม
แต่ในเมื่อเราเป็นของกลางวัน ให้เราไม่เมามาย และสวมโล่แห่งความเชื่อและความรักป้องกันอกไว้ และสวมหมวกแห่งความหวังในความรอด 1 เธสะโลนิกา 5:8
1 เปโตร 1:13, โรม 13:12-13,อิสยาห์ 59:17, เอเฟซัส 6:11
เหมือนทหารที่ต้องปกป้องตนเอง พวกเขาจะต้องปกป้องชีวิตด้วยความเชื่อ ความรัก และความหวังในพระเจ้า สามประการนี้สำคัญยิ่งที่จะทำให้เรามั่นคงจนถึงวันนั้น
เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงเตรียมเราไว้เพื่อพระพิโรธ แต่เพื่อรับความรอดโดยพระเยซูคริสต์เจ้า ผู้สิ้นพระชนม์เพื่อเรา เพื่อว่า ไม่ว่าเราจะตื่นหรือหลับเราก็จะมีชีวิตกับพระองค์ ดังนั้นให้เราหนุนใจกันและกัน สร้างเสริมกันและกันอย่างที่ท่านกำลังทำอยู่
1 เธสะโลนิกา 5:9-11
1 เธสะโลนิกา 1:10, 3:3 กิจการ 13:48,1 เปโตร 3:18, โรม 14:8-9
ท่านเปาโลกำลังหนุนใจ ว่าผู้ที่เชื่อในพระองค์จริง ๆ จะไม่ต้องรับพระพิโรธ ทั้งนี้เป็นเพราะเราอยู่ใต้พระคุณของพระเยซูที่ทรงรับพระพิโรธแทนเราแล้ว
เราจึงหนุนใจกัน พระคำตอนนี้ให้ความหวังว่า พระเจ้าจะทรงรับเราไปเมื่อถึงวันของพระองค์
ชีวิตกับพี่น้องที่เชื่อ
เราขอร้องพี่น้องทั้งหลาย ให้ความเคารพต่อผู้ที่ลงแรงทำงานท่ามกลางพวกท่านและดูแลท่านอยู่ในพระเจ้า และเป็นผู้สอนพวกท่าน จงเคารพพวกเขาให้มากด้วยความรักเพราะงานที่เขาทำ และจงมีสันติสุขในหมู่พวกท่าน
1 เธสะโลนิกา 5:12-13
ฮีบรู 13:7,17, 1 โครินธ์ 16:18, กาลาเทีย 5:22
ท่านเปโตรกำลังกล่าวถึงผู้ที่ดูแลฝ่ายวิญญาณซึ่งทำงานอย่างขยันขันแข็ง เป็นห่วงเป็นใย เป็นผู้เลี้ยงที่ดี พี่น้องจึงควรที่จะให้เกียรติพวกเขา ไม่ใช่ทำลาย
เราขอวิงวอนท่านพี่น้องว่า ให้เตือนคนที่ไม่รับผิดชอบ หนุนใจคนที่ท้อแท้ ช่วยคนที่อ่อนแอและอดทนต่อทุก ๆ คน ดูว่า ไม่มีใครตอบแทนการชั่วด้วยการชั่ว แต่ให้ตามติดสิ่งที่ดี ทั้งเพื่อพวกท่านและเพื่อทุก ๆ คน
1 เธสะโลนิกา 5:14-15
2 ทิโมธี 4:2, โรม 14:1,1 เปโตร 3:9, 3 ยอห์น 1:11
ไม่เฉพาะให้เกียรติผู้นำที่ดีเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการดูแลพี่น้องคนอื่น ๆ อย่างเหมาะสมด้วย ในชุมชนของผู้เชื่อเราไม่ได้อยู่กันอย่างไม่สนใจกัน แต่มีความเอาใจใส่ต่อกันและกันเป็นอย่างมาก
จงยินดีอยู่เสมอ อธิษฐานไม่หยุดหย่อน ให้ขอบพระคุณในทุก ๆ สิ่ง เพราะนี่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์
1 เธสะโลนิกา 5:16-18
โรม 12:12, ฟีลิปปี 4:4-6, โคโลสี 4:2, 3:17 เอเฟซัส 6:18,5:20
คำสั่งให้ยินดีนั้นมีมากมายในพระคัมภีร์ เรายินดีได้เสมอเพราะรู้ว่า เราผ่านจากนรกมาได้ก็เพราะพระเจ้า หัวใจที่อธิษฐานไม่หยุดนั้น ก็เพื่อสิ่งดี ๆ จะเกิดขึ้นในชีวิตของคนอื่น การขอบพระคุณช่วยตัวเราให้เป็นคนไม่บ่น มองโลกอย่างมีความหวังเสมอ
อย่าดับไฟพระวิญญาณ อย่าดูหมิ่นคำเผยพระคำ จงพิสูจน์ทุกสิ่ง และยึดสิ่งที่ดีเอาไว้ ให้หลีกหนีความชั่ว
1 เธสะโลนิกา 5:19-22
เอเฟซัส 4:30, 1 ทิโมธี 4:14, 1 โครินธ์ 14:22-25, 1 ยอห์น 4:1, เอเฟซัส 5:10, ฟีลิปปี 4:8
การดับไฟพระวิญญาณคือการขัดขวางการทำงานของพระเจ้าในชีวิตของตัวเองและคนอื่น เหมือนกับเอาน้ำไปดับไฟ เราจำต้องตามพระวิญญาณไม่ใช่ตามใจตัวเอง และเราต้องระวังที่จะไม่เชื่อทุกสิ่งที่ใคร ๆ กล่าวออกมา ต้องพิสูจน์ ต้องชัดเจน
บัดนี้ ขอให้พระเจ้าแห่งสันติสุขทรงชำระท่านให้สะอาดหมดจด และขอให้จิตใจ และวิญญาณและร่างกายของท่านถูกรักษาไว้ไม่ให้มีข้อตำหนิใด ๆ จนถึงวันที่พระเยซูคริสต์เจ้าเสด็จกลับมา พระองค์ผู้ทรงเรียกท่านทรงซื่อตรง และพระองค์จะทรงทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ
1 เธสะโลนิกา 5:23-24
ยูดา 1:24, 1 โครินธ์ 1:8-9, 1 เปโตร 5:10, 2 เธสะโลนิกา 3:3, กันดารวิถี 23:19
ในข้อนี้เราเห็นชัดเจนว่า เราต้องสะอาดทั้งกาย จิตใจและจิตวิญญาณ ทั้งสามส่วนนี้มีความสัมพันธ์กับพระเจ้าในด้านต่างกัน วิญญาณของเราสื่อสารกับพระเจ้า จิตใจของเราใคร่ครวญเรียนรู้จากพระเจ้า ร่างกายของเราเป็นพระวิหารของพระวิญญาณ
พี่น้องทั้งหลาย อธิษฐานเผื่อเราด้วย และทักทายกันด้วยธรรมเนียมจุบที่บริสุทธิ์ ข้อขอกำชับท่านต่อพระพักตร์พระเจ้า ให้อ่านจดหมายนี้ให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ขอพระคุณของพระเยซูคริสต์เจ้าอยู่กับท่านทั้งหลาย อาเมน
1 เธสะโลนิกา 5:25-28
ฟิเลโมน 1:22, โคโลสี 4:3,16, โรม 16:16, 20,23
ภาพข้างบนบอกเราว่า สมัยก่อนเขาทักทายกันอย่างนี้ ต่อมาก็เป็นแก้มชนแก้ม จดหมายทุกฉบับมีการอ่านเวียนกันในคริสตจักร ขอบคุณพระเจ้าที่แม้กระทั่งเราก็ได้มีโอกาสอ่านจดหมายของท่านเปาโล