แนะนำ
สุภาษิต 7 เตือนเรื่องชู้
1 ลูกเอ๋ย จงรักษาคำของเราไว้
จงเห็นคุณค่าของคำสั่งของเรา สะสมไว้ในตัวเจ้า
2 จงทำตามคำสั่งของเรา และมีชีวิต
เอาใจใส่คำสอนของเราดั่งแก้วตาของเจ้า
3 จงพันไว้รอบนิ้วมือของเจ้า
และจารึกมันไว้บนแผ่นแห่งใจของเจ้า
4 จงกล่าวแก่ปัญญาว่า “เธอเป็นพี่สาวของฉัน”
และเรียกความเข้าใจว่าเป็นญาติของเจ้า
5 เพื่อสิ่งเหล่านี้จะรักษาเจ้าให้พ้นจากหญิงเล่นชู้
จากคนแปลกหน้าที่มีคำเย้ายวนใจ
6 เพราะว่าตรงหน้าต่างบ้านเรา
เรามองลอดบาดเกล็ดออกไป
7 ดูเหล่าคนที่อ่อนต่อโลก
ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งในพวกเขาที่ไร้วิจารณญาณ
8 เขาเดินข้ามถนนไป ใกล้หัวมุมบ้านของหญิงนั้น
เขาเดินมุ่งหน้าไปยังบ้านของนาง
9 ตอนเย็น แสงจางลง ความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามา
10 แล้วหญิงนั้นก็เข้ามาพบเขา
แต่งตัวตามแบบของหญิงขายตัว และใจเต็มด้วยเล่ห์
11 นางส่งเสียงดัง ท้าทาย อยู่ไม่ติดบ้าน
12 เดี๋ยวก็ไปที่ถนน เดี๋ยวไปที่ลานเมือง
นางคอยซุ่มอยู่แทบทุกหัวมุมถนน
13 นางคว้าตัวของเขาและจูบเขา พูดแบบไร้ยางอายว่า
14 “นี่แน่ะ ฉันเตรียมเครื่องสันติบูชาเอาไว้
วันนี้ ฉันทำตามคำที่ได้สาบานไว้
15 แล้วฉันจึงออกมาพบเธอ ตามหาเธอ และก็พบเธอแล้ว
16 ฉันปูผ้าบนที่นอน ด้วยผ้าป่านจากอียิปต์
17 และประพรมที่นอนด้วยมดยอบ กฤษณาและอบเชย
18 มาเถอะ มาเริงรักกันจนเช้า มาสนุกกับการเล้าโลมกันนะ
19 เพราะสามีของฉันไม่อยู่บ้าน เขาเดินทางไปไกล
20 เขาเอาเงินไปเป็นกระเป๋า
และจะไม่กลับมาจนกว่าวันที่จันทร์เต็มดวง”
21 นางชักชวนเขาให้หลงผิด นางล่อลวงเขาด้วยคำหวาน
22 เขาก็ตามนางไปทันที เหมือนวัวที่ถูกนำไปโรงฆ่า
เหมือนกับกวางที่ติดกับดัก
23 จนกระทั่งลูกธนูปักไปถึงตับ
เหมือนนกที่ถลำไปเข้ากับดัก
โดยไม่รู้เลยว่า การทำอย่างนี้เท่ากับเดินไปหาความตาย
24 บัดนี้ ลูกทั้งหลายเอ๋ย ขอให้ฟังเรา
จงเอาใจใส่คำจากปากของเรา
25 อย่าปล่อยใจของเจ้าไปตามทางของนาง
อย่าได้หลงไปตามทางนั้น
26 เพราะนาง ได้นำคนไปสู่ความตายมากมาย
นางฆ่าคนจำนวนมากทีเดียว
27 บ้านของนางเป็นทางไปสู่แดนตาย
ลงไปยังโถงคนตาย
คำอธิบายเพิ่มเติม
สุภาษิต 7:1-5
จะแก้ปัญหาที่สืบเนื่องจากความไร้ศีลธรรมได้ก็โดย เอาใจใส่คำสอนของพระเจ้าราวกับเป็นแก้วตา รักษาอย่างดี เรารู้ไหมว่า พระเจ้าเองทรงรักษาเราไว้ดั่งที่เราเป็นแก้วตาของพระองค์เหมือนกัน ฉธบ 32:10
ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง การรักษาคำของพระเจ้าจะทำให้เราพ้นจากการถูกหลอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เรื่องเงิน เพศ งาน ฯลฯ
สุภาษิต 7:6-10
ชายหนุ่มที่กำลังจะถูกหลอกถูกเรียกว่า คนที่อ่อนต่อโลก (ซึ่งในความจริง คนเหล่านี้ไม่ได้คิดว่าตนอ่อนโลก แต่คิดว่าตนเองเป็นคนที่สามารถใช้ประโยชน์จากร่างกายของผู้หญิงได้) เขาคิดว่าเขาฉลาดกว่าหญิงคนนั้น
สุภาษิต 7:11-15
เรามักเห็นผู้หญิงแบบนี้ทั่วไปหมด หญิงเด็กสาววัยรุ่น อยู่กันเป็นกลุ่ม ไม่พูดเรื่องอื่นใดนอกจากเรื่องแบบนี้ ดังนั้น สำหรับพ่อแม่ที่จะเลี้ยงลูกสาว ให้งดงาม เป็นผู้หญิงที่มีศักดิ์ศรี และอยู่ในทางของพระเจ้า จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมาก ลูกชายก็เช่นกัน ที่จะเลี้ยงให้พวกเขามีความเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ ก็ยาก แต่หากทำตามสิ่งที่พระเจ้าทรงเตือนไว้ สอนตามทางของพระเจ้าให้คิดเป็น ไม่ถูกใครหลอกได้ ก็จะช่วยชีวิตของลูกได้ทีเดียว
สุภาษิต 7:16-20
เราจะเห็นภาพแบบนี้ในภาพยนต์ที่เด็กอาจผ่านตา การไม่ซื่อตรงในชีวิตคู่กลายเป็นเรื่องธรรมดา .. พ่อแม่เท่านั้นที่จะช่วยป้องกันลูกชายลูกสาวจากความบาปที่ปัจจุบันไม่มองเป็นบาป
สุภาษิต 7:21-23
คนที่หลงทางไป มักมองไม่เห็นตนเองในภาพนี้ ” เขาก็ตามนางไปทันที เหมือนวัวที่ถูกนำไปโรงฆ่าเหมือนกับกวางที่ติดกับดัก” คนใดก็ตามที่มองเห็นภาพนี้ก่อนล่วงหน้า จะปลอดภัยกว่า เขาจะได้รู้ว่าเป็นภาพที่โง่เขลาขนาดไหน
สุภาษิต 7:24-27
การปล่อยใจทำผิดเรื่องเพศ เป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่ง เพราะท่านโซโลมอนเอง ยืนยันว่า มันเป็นทางแห่งความตาย
พระคำเชื่อมโยง
1* สุภาษิต 2:1
2* เลวีนิติ 18:5; เฉลยธรรมบัญญัติ 32:10
3* เฉลยธรรมบัญญัติ 6:8
5* สุภาษิต 2:16; 5:3
7* สุภาษิต 6:32; 9:4,16
9* โยบ 24:15
16* อิสยาห์ 19:9
21* สุภาษิต 5:3; สดุดี 12:2
23* ปัญญาจารย์ 9:12
26* เนหะมีย์ 13:26
27* สุภาษิต 2:8; 5:5; 9:18
เอเฟซัส 6 ยุทธภัณฑ์ทั้งชุด
เอเฟซัส 6:1
ผู้ที่เป็นลูก จงเชื่อฟังพ่อแม่ของตนในองค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
เอเฟซัส 6:2-3
จงให้เกียรติพ่อแม่ของเจ้า นี่เป็นพระบัญญัติข้อแรกที่มีพระสัญญาพ่วงมาด้วยเพื่อเจ้าจะมีชีวิตอย่างเป็นสุข และเจ้าจะมีชีวิตยืนยาวในโลก
เอเฟซัส 6:4
คนที่เป็นพ่อ ก็อย่ายั่วโมโหลูกของตนเอง แต่จงอบรม เลี้ยงดู
ฝึกฝนให้เขามีวินัย และสอนเขาตามทางของพระเจ้า
เอเฟซัส 6:5-6
ผู้ที่เป็นทาส จงเชื่อฟังนายฝ่ายโลกด้วยความเคารพ และมีความจริงใจ
ให้เหมือนกับที่เชื่อฟังพระคริสต์ไม่ใช่เชื่อฟังเขาต่อหน้าเพื่อให้เขาพอใจ
เท่านั้น แต่ให้รับใช้เหมือนที่เป็นทาสผู้รับใช้พระคริสต์ ให้ท่านทำตามพระดำริของพระเจ้าจากใจของท่าน
เอเฟซัส 6:7-8
จงรับใช้อย่างเต็มใจ เหมือนกับที่ท่านรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่รับใช้มนุษย์ เพราะท่านรู้อยู่ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงให้รางวัลแก่ทุกคนที่ทำสิ่งดี ไม่ว่าคนนั้นเป็นทาสหรือเป็นไท
เอเฟซัส 6:9
ผู้ที่เป็นนายก็จงปฏิบัติต่อทาสอย่างเดียวกัน อย่าข่มขู่เคี่ยวเข็ญเขา ในเมื่อรู้อยู่ว่าองค์เจ้านายของท่านและของเขานั้นประทับในสวรรค์ และพระองค์ไม่ทรงเห็นแก่หน้าผู้ใด
เอเฟซัส 6:10
สุดท้ายนี้ ขอให้ท่านเข้มแข็งขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้าและในฤทธิ์เดชยิ่งใหญ่ของพระองค์
เอเฟซัส 6:11
จงสวมยุทธภัณฑ์ของพระเจ้าให้ครบเพื่อท่านจะยืนหยัดต่อสู้กลลวงของมารได้
เอเฟซัส 6:12
เราไม่ได้ต่อสู้กับศัตรูที่เป็นเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเหล่าเทพผู้ครอง เทพผู้มีอำนาจ เทพผู้ครอบครองโลกแห่งความมืดนี้ และต่อสู้กับบรรดาวิญญาณชั่วในฟ้าอากาศ
เอเฟซัส 6:13
ดังนั้น จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าเพื่อท่านจะต้านทานในวันอันชั่วร้าย
และหลังจากที่ต่อสู้จนถึงที่สุดแล้วท่านก็ยังยืนหยัดอย่างมั่นคง
เอเฟซัส 6:14
ดังนั้นจงยืนมั่นด้วยความจริงที่คาดเอวและสวมเสื้อเกราะแห่งความชอบธรรมป้องกันอก
เอเฟซัส 6:15-16
สวมรองเท้าที่ทำให้พร้อมที่จะประกาศข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขนอกจากนี้แล้ว จงถือโล่แห่งความเชื่อเพื่อใช้ดับลูกศรเพลิงทั้งสิ้นของมารร้าย
เอเฟซัส 6:17
จงสวมหมวกเหล็กแห่งความรอดและถือดาบแห่งพระวิญญาณ คือพระดำรัสของพระเจ้า
เอเฟซัส 6:18
จงอธิษฐานในพระวิญญาณทุกเวลาด้วยการอธิษฐาน และการวิงวอนในทุกเรื่อง จงกระตือรือร้นมีความอดทน และทูลวิงวอนเพื่อวิสุทธิชนของพระเจ้าทุกคน
เอเฟซัส 6:19
และอธิษฐานเผื่อข้าด้วย เพื่อว่าครั้งใดที่ข้าพูดพระเจ้าจะประทานถ้อยคำ
ที่จะสำแดงข้อลี้ลับแห่งข่าวประเสริฐได้อย่างกล้าหาญ
เอเฟซัส 6:20
เพราะข่าวประเสริฐข้าจึงเป็นทูตที่ถูกล่ามโซ่อยู่ ขออธิษฐานให้ข้าได้ประกาศด้วยใจกล้าอย่างที่ควร
เอเฟซัส 6:21
ทีคีกัส น้องชายที่รักเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ในองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะบอกทุกอย่างให้ท่านรับทราบ ท่านจะได้ทราบว่า ข้าเป็นอยู่อย่างไรและกำลังทำอะไร
เอเฟซัส 6:22
ที่ข้าส่งเขาไปหาท่านก็เพื่อว่าให้ท่านทราบข่าวว่า พวกเราเป็นอย่างไร และ
เขาจะให้กำลังใจท่านด้วย
เอเฟซัส 6:23-24
ขอให้สันติสุขและความรักด้วยความเชื่อจากพระเจ้า องค์พระบิดา และองค์พระเยซูคริสต์เจ้าจงอยู่เหนือท่านทั้งหลาย ขอพระคุณอยู่กับคนทุกคนที่รัก
องค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเราด้วยความรักที่ไม่มีวันเสื่อมสลายไป
เอเฟซัส 6:1
ที่จริงแล้วท่านเปาโลได้ทบทวนบัญญัติสิบประการให้กับพี่น้องคริสเตียนอย่างเห็นได้ชัด การเชื่อฟังพ่อแม่จะทำให้ได้พรยิ่งใหญ่ และทำให้มีอายุยืนนานบนแผ่นดิน แต่เราสังเกตไหมว่า ท่านใช้คำว่าเชื่อฟังพ่อแม่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า หากว่าพ่อแม่เราไม่ได้เชื่อพระเจ้า และขอให้ทำในสิ่งที่ผิด เราก็ต้องเชื่อฟังพระเจ้าก่อน…
เอเฟซัส 6:2-3
การให้เกียรติพ่อแม่เป็นเรื่องที่ลูกทุกคนต้องทำถึงแม้ว่าพ่อแม่จะไม่ได้เป็นคนที่เชื่อพระเจ้า การตัดสินใจที่จะเชื่อฟังหรือไม่เราตัดสินใจเองได้
แม้เราต้องตัดสินใจทำสิ่งที่ผิดใจพ่อแม่ แต่ถูกต้องกับพระเจ้า ก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้เกียรติท่าน เราต้องฉลาดในการจัดการแต่ละสถานการณ์ แต่หากลูกให้เกียรติ ให้ความรักกับพ่อแม่ แม้มีความเชื่อไม่ตรงกัน ก็เป็นภาพที่งดงามมากเป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วย
เอเฟซัส 6:4
มีนักเทศน์ท่านหนึ่งเล่าว่า เคยเห็นพ่อล้อลูกเล่นจนกระทั่งลูกโกรธจัด หรือยั่วโมโหลูกแล้วยังรู้สึกสนุก บางทีเอาเรื่องไม่ดีของลูกไปเล่าให้เพื่อน
ฟังต่อหน้าเขา นั่นเป็นการทำลายความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อกับลูก และทำลายสิทธิอำนาจในฐานะที่เป็นพ่อ หน้าที่ของพ่อแม่คือ การนำให้ลูกเดินตามทางของพระเจ้า โดยมีตัวเขาเป็นต้นแบบเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ และมีเกียรติมาก
เอเฟซัส 6:5-6
แม้ในโลกปัจจุบันไม่มีใช้คำว่า ทาสแล้ว แต่เราก็หมายความถึงลูกจ้างได้ ไม่ว่าจะทำอะไรที่เป็นการรับจ้าง ก็ถืออยู่ในกรณีที่ท่านอาจารย์เปาโลกำลังกล่าวถึงได้ จุดสำคัญของท่านคือ การที่เราจะรับใช้ในหน้าที่การงานเหมือนกับที่เรารับใช้พระคริสต์อยู่ เราทำหน้าที่อย่างดีไม่ใช่เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าทำ แต่มีแนวคิดที่ชัดเจนว่ากำลังรับใช้พระเจ้า เจ้านายเป็นตัวแทนของพระเจ้าที่มีในชีวิต
เอเฟซัส 6:7-8
การรับใช้อย่างซื่อสัตย์ และเต็มใจนั้น เราหาได้ไม่มากในโลกทุกวันนี้ ยิ่งมีโทรศัพท์มือถือติดตัว เราจะเห็นว่า แต่ละคนสามารถหลุดออกจากงานในมือหันไปหาโทรศัพท์ เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นที่สนใจได้อย่างรวดเร็วภายในวินาทีเดียวคนที่เป็นลูกจ้างจึงต้องมีจรรยาบรรณของตนเอง ไม่ว่าใครจะเห็นหรือไม่ เราก็ซื่อตรงต่อหน้าที่การงานในเวลา เพราะผู้ที่ให้รางวัลไม่ใช่แค่เจ้านายเท่านั้น แต่พระเจ้าเป็นผู้ตัดสินพระทัยหลัก
เอเฟซัส 6:9
ในโลกโบราณ ทาสเป็นเหมือนมนุษย์อีกพันธ์ุราวกับไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสัตว์ที่กำลังรับใช้เจ้านายอยู่ การดูหมิ่นดูแคลนฐานะของทาสเป็นเรื่องปกติแต่สำหรับผู้เชื่อ ท่านเปาโลได้สอนให้เจ้านายปฏิบัติต่อทาสอย่างยุติธรรม ต่อพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า เห็นชัดว่า ความเชื่อคริสเตียนเป็นความเชื่อที่เปลี่ยนสังคม ให้คนที่เชื่อมองคนอื่น เท่าเทียมกับตนไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม เพราะพระเจ้าไม่ทรงเห็นแก่หน้าผู้ใดเป็นพิเศษ
เอเฟซัส 6:10
การเป็นผู้ที่ติดตามพระเจ้านั้่น ทำให้เราเป็นคนเข้มแข็ง กล้าหาญ และสามารถทำอะไรเกินได้อย่างมหัศจรรย์ เพราะว่า ความเข้มแข็งที่แต่ละคนมีนั้น ไม่ได้มาจากตัวเอง แต่มาจากพระเจ้า เราเห็นคนที่ป่วยเป็นมะเร็ง แต่ยังรับใช้พระเจ้าอย่างสดชื่น เห็นเด็กที่รักพระเจ้ากล้าหาญ ใครอยู่ใกล้ก็ได้กำลังใจไปด้วย ผู้รับใช้ต่างแดนที่ต้องอดทนอดกลั้นอย่างเหลือเชื่อ การเข้มแข็งในพระเจ้าในฤทธิ์ของพระอค์ …..เป็นหน้าที่ ๆ เราต้องทำ
เอเฟซัส 6:11
ทุกวันนี้การมุสา การหลอกลวงของมารเกิดขึ้นดาษดื่น เต็มโลกของเรา เวลาเราดูข่าว ดูเฟซบุ๊ค เอ็กซ์ ไอจี ติ๊กตอก ฯลฯ เราไม่รู้เลยว่าไหนจริง ไหนหลอก มารเป็นผู้ควบคุมโลกของการมุสาเหล่านี้ มันก้าวเข้าไปในโลกวิทยาศาสตร์ การแพทย์ ศิลปะ ความเชื่อ ฯลฯ และสร้างกรอบความคิดบนพื้นฐานของการโกหกหลอกลวงขึ้นมาวิธีที่จะไม่ตกหลุมลวงของมารก็คือ การสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า
เอเฟซัส 6:12
เราต้องเข้าใจว่า เราไม่ได้แค่ต่อสู้กับมนุษย์ แต่ต่อสู้กับวิญญาณที่มองไม่เห็นซึ่งอยู่เบื้องหลังบุคคลที่เป็นศัตรูของความจริง ที่โลกนี้ต่อสู้กันไม่หยุดหย่อน ไม่อาจมีสันติสุขแท้จริงอย่างที่พระเจ้าประทานให้ก็เป็นเพราะมารครองโลกนี้อยู่และมันรู้ว่าเวลาของมันมีน้อย มันจึงขยันที่จะหลอกลวงให้คนออกจากทางของพระเจ้าอย่างมากชีวิตในพระเจ้าไม่ใช่ชีวิตที่มีสันติสุขของพระเจ้าแต่อย่างเดียวแต่มีการต่อสู้อย่างไม่หยุดหย่อนด้วย
เอเฟซัส 6:13
ต้องชัดเจนว่า คนที่มีสิทธิจะใส่ยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าได้นั้น ไม่ใช่ใคร ๆ ก็ได้ในโลก แต่เขาต้องเป็นคนของพระองค์ และติดตามพระองค์อย่างใกล้ชิด ตามแบบหลุด ๆ รั่ว ๆ ก็ไม่ได้ด้วยเพราะการใส่ยุทธภัณฑ์นี้ มีความหมายถึงการที่เขาต้องเป็นทหารของพระคริสต์ เป็นผู้ที่จะต่อสู้เพื่อแผ่นดินของพระองค์ ต่อสู้เพื่อความจริง และเพื่อพี่น้องในพระคริสต์ และเพื่อตนเอง สำคัญคือ จะเห็นว่ามีทั้งการต้านทานและต่อสู้!
เอเฟซัส 6:14
สิ่งแรกคือความจริงที่เอว ความชอบธรรมของพระคริสต์เป็นเสื้อเกราะป้องกันอก เสื้อผ้าสมัยก่อนเป็นเสื้อยาวที่ต้องการที่คาดเอวเพื่อไม่ให้เสื้อลุ่ยลงมาเดินลำบาก ความจริงทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปโดยสะดวก ก้าวหน้า ชัดเจน ในฝ่ายวิญญาณเราต้องการความจริงจากพระคำเพื่อต่อต้านความเท็จที่ระบาดในสังคม การใช้ความชอบธรรมป้องกันจิตใจความคิดของเรา
เอเฟซัส 6:15-16
ความพร้อมที่จะกล่าวพระนาม ประกาศความรอดเป็นเหมือนรองเท้า และยังต้องถือโล่ที่ดับเพลิงแห่งศรความมุสา ความโหดร้ายต่าง ๆ ของมารที่พุ่งมายังเรา ท่านเปาโลใช้คำว่าศรเพลิงของมาร ไม่ใช่ลูกธนูธรรมดา แต่พร้อมที่จะจุดไฟเผาไหม้ศัตรูเราจะเห็นว่ายุทธภัณฑ์ทั้งหมดมีทั้งสำหรับป้องกันต้านรับ และสำหรับที่จะรุกไปข้างหน้า พระเจ้าไม่ทรงประสงค์ให้เราเอาแต่ตั้งรับอย่างเดียว
เอเฟซัส 6:17
อีกสองอย่างในยุทธภัณฑ์คือ ความรอด และพระดำรัสของพระเจ้า ความรอดทำให้เราเป็นลูกของพระเจ้า เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงปกป้องให้พ้นภัยต่าง ๆ คนที่มีความรอดแล้ว ก็จะไม่ตกไปในเงื้อมมือของมารง่าย ๆ ยกเว้นว่าเขาไม่เห็นคุณค่าของความรอด และไม่รักษาความรอดนั้นไว้ ส่วนพระแสงของพระวิญญาณคือพระคำ เป็นส่วนที่จะบุกเข้าไปในเขตแดนของมาร ในหัวใจของคนที่ยังถูกมารครอบครอง
เอเฟซัส 6:18
แม้จะสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าแล้ว แต่เราต้องไม่ลืมว่า ทหารต้องลงมือรบ ไม่ใช่แค่เข้าประจำการแล้วนั่งกันเฉย ๆ การอธิษฐานที่ท่านเปาโลสั่งครั้งนี้ น่าสนใจมากคือคำ ทุกเวลา ทุกเรื่อง ทุกคน ใช่แล้ว ทุกเวลาคือนอกจากที่จะจัดเวลาสำหรับการอธิษฐานแล้ว ยังต้องนำทุกเรื่องมาทูลต่อพระเจ้า และพร้อมที่จะอธิษฐานเผื่อทุกคนที่เรื่องราวของเขามาถึงเรา ไม่ว่าเราจะรู้จักเขาหรือไม่ เพราะพระเจ้าทรงรู้จักทุกคนดี
เอเฟซัส 6:19
ผู้รับใช้ของพระเจ้าทุกคนที่ออกไปเป็นแนวหน้าต้องการและจำเป็นต้องมีคนที่อธิษฐานเผื่อในแนวหลัง จะปล่อยให้พวกเขาไปตามลำพังไม่ได้ เพราะพวกเขาเป็นเป้าของศัตรูที่พยายามทำลายทุกวิถีทาง โดยใช้ทุกอย่างที่จะล่อลวง ล่อหลอกให้พวกเขาล้มลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน ชีวิตส่วนตัว ชีวิตครอบครัว ชื่อเสียง สุขภาพ ฯลฯ ท่านเปาโลเตือนให้เราเห็นตัวอย่างกว่าสองพันปีมาแล้ว …
เอเฟซัส 6:20
จากข้อความตอนนี้ทำให้เรารู้ว่า ท่านเปาโลมองตัวเองเป็นทูตแห่งข่าวประเสริฐที่ถูกจำจองก็เพราะการประกาศข่าวนั้น แต่ท่านไม่ได้มีกรอบความคิดแบบคนทั่วไป ท่านมองว่า ท่านคือทูตของพระเจ้าที่มีเครื่องประดับตัวที่งดงาม เพราะคำว่าโซ่นี้แม้จะหมายถึงโซ่ตรวน แต่หากเป็นทูตที่มีโซ่ความหมายกลับกลายเป็นเรื่องของเครื่องประดับที่ทูตมักสวมไปขณะที่ทำหน้าที่ของเขา
เอเฟซัส 6:21
ในการรับใช้พระเจ้า เราไม่ได้ทำงานคนเดียว แต่มีเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจได้ เราเห็นว่า ท่านเปาโลมีผู้ร่วมรับใช้ที่ซื่อสัตย์หลายคน และในยุคของท่านเอง ยังมีผู้รับใช้ในท้องที่ต่าง ๆ แต่ละคนออกไปประกาศ เป็นพยานตั้งคริสตจักรอย่างไม่กลัวตายคนรุ่นแรกได้เป็นตัวอย่างให้กับพวกเรา เป็นคนกลุ่มที่พระเจ้าจะตรัสกับเขาว่า “ดีแล้ว เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและซื่อสัตย์” มัทธิว 25:21
เอเฟซัส 6:22
ขอบคุณพระเจ้าที่จดหมายของท่านเปาโลซึ่งเขียนจากเรือนจำ เขียนจากหลาย ๆ ที่ ได้กลายเป็นบทเรียนที่ทำให้เรารู้จักพระเจ้าอย่างมากมาย เป็วรรณกรรมจดหมายที่ขาดไม่ได้จริง ๆ งานของท่านทำให้เราทราบความหมายของการที่พระเยซูทรงมาบังเกิดในโลก ทำให้เราเห็นภาพของการรับใช้พระเจ้าในโลกโบราณ และเห็นความต่อเนื่องในการประกาศพระกิตติคุณ เห็นการติดต่อสื่อสารส่งกำลังใจ และการรับใช้ที่สู้ไม่ถอย
เอเฟซัส 6:23-24
คนที่รักพระเยซู เป็นคนที่ได้รับพรมากเหลือเกินเพราะในชีวิตของเขาจะมีทั้งพระคุณ ซึ่งเป็นความดีต่าง ๆ ของพระเจ้าที่เพิ่มมาจากพระคุณที่พระเจ้าได้ประทานให้คนในโลก เขามีสันติสุข มีความรักและความเชื่อที่ช่วยทำให้เขารับใช้ได้โดยไม่บ่นเต็มใจรับใช้ เพราะเขาได้รับพลังพิเศษจากพระเจ้า คนที่รับใช้พระเจ้าด้วยรักที่ไม่มีวันหายไปนั้นบอกได้ว่า พิเศษมาก
พระคำเชื่อมโยง
1* โคโลสี 3:20-25; สุภาษิต 23:22, 6:20, 1:8
2* อพยพ 10:12; เฉลยธรรมบัญญัติ 27:16; มัทธิว 15:4-6; สุภาษิต 20:20
3* เฉลยธรรมบัญญัติ 5:16;,4:40, 12:28, 12:25
4* โคโลสี 3:21; สุภาษิต 22:6, 29:15, 19:18 เฉลยธรรมบัญญัติ 6:7
5* 1 เปโตร 2:18-21; ทิตัส 2:9-10; โคโลสี 3:17-24; 1 ทิโมธี 6:1-3
6* โคโลสี 3:22-23; 1 เธสะโลนิกา 2:4; กาลาเทีย 1:10; เอเฟซัส 5:17
7* โคโลสี 3:23; เอเฟซัส 6:5-6; 1 โครินธ์ 10:31
8* โคโลสี 3:24, 3:11; ลูกา 14:14; มัทธิว 16:27
9* โคโลสี 3:25-4:1; กิจการ 10:34; โรม 2:11; โยบ 31:13-15
10* ฟีลิปปี 4:13; อิสยาห์ 40:31; โยชูวา 1:9; 1โครินธ์ 16:1311* 2 โครินธ์ 10:4; โรม 13:12; 1 เธสะโลนิกา 5:8; เอเฟซัส 6:13
12* โคโลสี 1:13; 2 โครินธ์ 4:4; เอเฟซัส 2:2; กิจการ 26:18
13* 2 โครินธ์ 10:4; เอเฟซัส 6:11-17, 5:16; ลูกา 21:36; มาลาคี 3:2
14* อิสยาห์ 59:17, 11:5; 1 เธสะโลนิกา 5:8; ลูกา 12:35; 1 เปโตร 1:1315* อิสยาห์ 52:7; โรม10:15; 2 โครินธ์ 5:18-21
16* 1 เปโตร 5:8-9; 1 ยอห์น 5:4-5; สดุดี 56:3-4
17* ฮีบรู 4:12; อิสยาห์ 59:17, 49:2 ; วิวรณ์
19:15; 1 เธสะโลนิกา 5:8
18* 1 เธสะโลนิกา 5:17; โคโลสี 4:2; 1 ทิโมธี 2:1; ฟีลิปปี 4:6
19* โคโลสี 4:3; กิจการ 4:29; 2 เธสะโลนิกา 3:1
20* 2 โครินธ์ 5:20; โคโลสี 4:4; 2 ทิโมธี 2:9; ฟีลิปปี 1:7
21* กิจการ 20:4; 2 ทิโมธี 4:12; ทิตัส 3:12
22* โคโลสี 4:7-8; ฟีลิปปี 2:25; 2 เธสะโลนิกา 2:17
23* กาลาเทีย 6:16, 5:6; 1 เปโตร 5:14; 1 ทิโมธี 1:14; สดุดี 122:6-9
24* มัทธิว 22:37; ทิตัส 3:15, 2:7; 2 ทิโมธี 4:22