กิจการ 19 การต่อสู้ที่แปลกออกไป

เปาโลในเมืองเอเฟซัส

การอัศจรรย์ที่ทำให้หมอผีเปลี่ยนชีวิต

ความวุ่นวายจากกลุ่มนายช่าง

คำอธิบายเพิ่มเติม

เปาโลในเมืองเอเฟซัส
กิจการ 19:1-3
นี่เป็นการเดินทางออกไปประกาศเยี่ยมเยี่ยนครั้งที่สาม ของเปาโล และบทนี้เราได้รู้ว่า เปาโลได้อยู่ในเอเฟซัสประมาณสามปั เป็นความสุข ที่ได้กลับมายังเอเฟซัสอีก และเมื่อพบพี่น้องก็รู้สึกว่าต้องคุยกันเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพี่น้องเอเฟซัสก็ไม่เคยรู้จักเลย ซึ่งคล้ายกับอปอลโลแรก ๆ ที่รู้เรื่องของพระเจ้าแต่ยังรู้ไม่ครบถ้วน
กิจการ 19:4-7
พี่น้องเหล่านี้ฟังคำของท่าน ฟังความหมายของบัพติศมาของยอห์น และของพระเยซูว่าแตกต่างกันอย่างไร
พวกเขาจึงได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพูดภาษาต่าง ๆ มีการเผยพระคำด้วย เหมือนกับวันแรกที่พระวิญญาณทรงเติมเต็มเหล่าคนที่รอคอยพระองค์ในเยรูซาเล็ม (กิจการ 2)
กิจการ 19:8-10
ยิวที่เกลียดชังเรื่องที่เปาโลพยายามจะอธิบายให้เข้าใจก็ใช้วิธีเดิม คือ การให้ร้ายความจริง วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้กันมาแต่โบราณจนกระทั่งวันนี้ เวลานี้ มีคำ ๆ หนึ่งบอกว่า การโฆษณาชวนเชื่อสามารถเปลี่ยนประเทศได้ ซึ่งเป็นความจริง เราเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการโหมพูดสิ่งที่ต้องการซำ้แล้วซำ้เล่าจนคนได้ยินบ่อยก็เชื่อว่าเป็นจริง
เปาโลจึงแก้ไขโดยการออกไปคุยเรื่องของพระเจ้าในห้องใหญ่ของทีรัสนัส และได้ใช้ที่นั่นนานถึงสองปี ทำให้คนชาติต่าง ๆ ที่อยู่ในเมือง ที่ไม่เคยเข้าไปในศาลาธรรมได้ยินเรื่องของพระเยซูด้วย

การอัศจรรย์ที่ทำให้หมอผีเปลี่ยนชีวิต
กิจการ 19:11-12
การอัศจรรย์นี้มีความหมายถึงอำนาจ ฤทธิ์เดชซึ่งมาจากคำกรีกว่า ไดนามิส การอัศจรรย์จากเปาโลเป็นการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผ่านตัวเขา ทำแบบวิเศษมากคือ ตรงเป้าหมาย ซึ่งไม่ได้เกิดจากการวางมือเสียด้วยซ้ำ ในเมืองอื่น ๆ เราไม่ค่อยเห็นการอัศจรรย์แบบนี้ แต่สำหรับเอเฟซัสเป็นสิ่งที่เหมาะมากเพราะพวกเขาเชื่อในเรื่องอำนาจผีไม่น้อย ดูจากจดหมายของเปาโลที่เขียนมายังพี่น้องในเอเฟซัส โดยมีการอ้างถึงวิญญาณต่าง ๆ หลายครั้ง การอัศจรรย์เหล่านี้ทำให้รู้ว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าวิญญาณที่พวกเขาเชื่อถือ
กิจการ 19:13-14
และแล้ว ก็เกิดการเลียนแบบขึ้น มียิวหัวใสคิดทำตามเปาโล ทำตัวเป็นหมอผีเพื่อจะได้เงินจากครอบครัวของคนที่ถูกผีสิง แม้กระทั่งลูกชายของเสวาหัวหน้าปุโรหิตยังเลียนแบบด้วย พวกเขาช่างกล้าที่จะเอาพระนามของพระเยซูมาหาเงิน เป็นความกล้าทางมืดที่ไม่ได้หมดไปจากโลกนี้ แม้กระทั่งในหมู่ผู้เชื่อที่ไม่ค่อยเข้าใจพระคัมภีร์ หรือแค่เชื่อเผิน ก็จะโดนคนที่ไวในการหาประโยชน์เข้าตัวปอกลอกด้วยวิธีการแบบนี้ (ยิ่งในอเมริกา และในอัฟริกา จะพบสิบแปดมงกุฎสายนี้ไม่น้อย)
กิจการ 19:15-16
ที่เปาโลช่วยรักษาโรคและไล่ผีออกในพระนามพระเยซูได้ ก็เพราะพระเจ้าทรงสัญญาจะให้อำนาจนี้แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ที่ออกไปในพระนาม (พระมหาบัญชาระบุชัดเจน ดูมัทธิว 28:18-20)
แต่เรื่องนี้ลูกชายของเสวาไม่ได้รู้ด้วย พวกเขาคิดว่า ใช้พระนามพระเยซู ก็เหมือนใช้มนต์ของหมอผี พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตจากพระเจ้าให้ทำอย่างนั้น พวกเขาเองไม่รู้จักพระองค์เสียด้วยซ้ำ
ที่ผีมารต้องออกจากคนที่มันสิงอยู่เวลาเปาโลไล่มันออกไป เพราะเปาโลมีอำนาจของพระเยซูอยู่ มันรู้ว่าพระเยซูคือพระบุตรของพระเจ้า เรื่องนี้ ผีทุกตัวรู้ดี (ดูมาระโก 3:11-12, 5:7)
“พระเยซูข้ารู้จัก เปาโลข้าเคยได้ยิน แต่พวกเจ้าเป็นใคร?” นี่เป็นคำถามของผี จริง ๆ มันไม่สนใจด้วยซ้ำว่าพวกเขาเป็นใคร กลุ่มวิญญาณชั่วที่สิงในคนรู้ว่าลูกชายเสวาเป็นของปลอม มันเลยใช้ให้คนที่ถูกสิง กระโจนใส่ ทำร้ายพวกเขาจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน
กิจการ 19:17-18
เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นที่ฮือฮาในหมู่คนยิว กรีก พวกเขาแปลกใจที่ผีเองยังรู้จักพระเยซู และจัดการกับตัวปลอมได้ ในขณะที่คนชาวโรมันชอบรูปเคารพและพระต่าง ๆ แต่คนยิวบางส่วนกลับสนใจเรื่องฝ่ายวิญญาณเพื่อที่จะหาเงินเข้ากระเป๋า มีอาชีพเป็นหมอผี และเมื่อเห็นว่า แค่ผ้าที่เคยแตะต้องตัวเปาโลมายังมีฤทธิ์ขนาดนั้น พวกเขาจึงสวมรอยใช้พระนามของพระเจ้าในทางที่ผิด เหมือนอย่างลูกชายของเสวา
เรื่องนี้ทำให้หมอผีจำนวนหนึ่งที่มีปัญญา ต้องมาจำนนต่อฤทธิ์เดชจริงของพระเจ้า
กิจการ 19:19-20
ไม่ใช่แค่กลับใจเท่านั้น แต่ยังเผาตำราแพง ๆ ทั้งหมดด้วย ทำให้เราเห็นว่า พระเจ้าทรงเปิดตาพวกเขาให้เห็นความจริงและยอมรับว่า พระเจ้ายิ่งใหญ่ ถ้าไม่เห็นจริง คงไม่เผาสิ่งที่ช่วยให้ทำมาหากินคล่อง ๆ แบบนี้
เหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อทำให้พระคำของพระเจ้าขยายออกไปอีก มีฤทธิ์มากขึ้นอีกในเมืองเอเฟซัสและรอบ ๆ
นี่เป็นตัวอย่างให้เราเห็นว่า หากยังมีสิ่งใดที่ทำให้เราไม่บริสุทธิ์ในสายพระเนตร เราต้องทำลายมันทิ้งเสีย
กิจการ 19:21-23
การที่ได้เกิดผลในเอเฟซัส ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ที่นั่นตลอดไป เปาโลมีความหวังว่าจะเยี่ยมพี่น้องคริสเตียนที่อยู่ในโรมด้วย เป็นคริสเตียนที่เชื่อด้วยการประกาศของพี่น้องท่านอื่น ๆ ด้วยการทรงนำของพระวิญญาณ เปาโลจึงเดินทางผ่านไปยังมาซิโดเนีย อาคายา โดยให้ทิโมธีกับเอรัสทัสไปล่วงหน้าก่อน แต่แล้ว ยังไม่ทันไรก็เกิดความวุ่นวายขึ้น …

ความวุ่นวายจากกลุ่มนายช่าง

กิจการ 19:24-25
นั่นคือช่างเงินที่ทำรูปเคารพเกิดรู้ตัวขึ้นมา โดยมีเดเมตริอัสเป็นหัวหน้าแกนนำ โดยเรียกช่างทองมาเพื่อแจ้งให้รู้ว่า “ทางนั้น” คือความเชื่อในพระเยซูเป็นภัยต่ออาชีพของพวกเขา
อาชีพของพวกเขาคือการทำรูปหล่อวิหารอารเทมิสที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในโลกโบราณ ใคร ๆ ก็เห็นว่าเทพีนี้ให้ความอุดมสมบูรณ์กับชีวิต ช่างเงินเหล่านี้กำลังอยู่ช่วงขาขึ้น กำลังโกยเงินทองมากมายจากการขายรูปหล่อเล็ก ๆ ให้คนเอาไปไว้บูชาตามบ้าน
ที่แปลกคือ วิหารอารเทมิสเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งที่มหัศจรรย์ของโลกโบราณด้วย
กิจการ 19:26-27
เหตุผลของ เดเม-ตริอัส ช่างน่าเชื่อถือสำหรับช่างเงินทั้งหลายที่มารวมตัวกัน พวกเขาเห็นด้วยกับเดเม-ตริอัส ในเมื่อพวกเขาขายของเหล่านี้ หากคนไปเชื่อ “ทางนั้น” ก็เท่ากับธุรกิจต้องล่มสลาย. แปลกที่คนเชื่อพระเยซู ไม่ได้มาขอให้พวกเขาสร้างรูปเคารพของพระเยซูเลย คนเชื่อพระเยซูนมัสการพระเจ้าที่มองไม่เห็น ทั้งร้องเพลงด้วยกัน อธิษฐานด้วยกัน แต่ไม่มีรูปเคารพสักรูป!
กิจการ 19:28-29
พอคนเริ่มไม่พอใจก็เริ่มจากเพื่อนร่วมงานของเปาโล คือ กายอัส และอาริสทาคัส เอาเข้าไปสำเร็จโทษในโรงละครซึ่งเป็นโรงใหญ่จุคนได้ประมาณ สองหมื่นสี่พันคน เป็นที่ ๆ ชาวเมืองจะพบกันเพื่อดูละคร และถกเถียงกันในเรื่องต่าง ๆ
กิจการ 19:30-32
เปาโลไม่ได้กลัวเลย แต่จะเข้าไปช่วยเพื่อน แต่..หัวเด็ดตีนขาด ไม่มีใครยอมให้เปาโลมีส่วนตรงนี้ พวกเขาคงต้องลากเปาโลออกไป เพราะเรื่องแบบนี้ เปาโลถนัดมาก!! ขณะนั้นเองคนก็เริ่มงุนงงว่า มาทำอะไรกันอยู่ เนื่องจากต่างคนต่างตะโกน ไม่เป็นเรื่อง
กิจการ 19:33-34
พวกยิวต้องการให้คนรู้ว่า ยิวกับเปาโลไม่ได้เป็นพวกเดียวกัน แต่.. ช่างเงินช่างทองถือว่าถ้าเป็นยิวก็เป็นพวกเปาโลแน่นอน อเล็กซานเดอร์จึงไม่มีโอกาสจะพูดเลย
กิจการ 19:35-37
ผู้ว่าการเมืองเป็นคนเก่ง สามารถที่ทำให้คนที่กำลังโกรธสงบลงได้ ผู้ว่าจะไม่ยอมให้พวกเขาก่อจลาจลเพราะเดี๋ยวโรมจะเข้ามาคุมเข้มมากขึ้น ทำให้เขาทำงานไม่สะดวก จะกลายเป็นว่า โรมส่งคนมาควบคุมพวกเขาเอง อย่างนี้ ผู้ว่าก็รับไม่ได้เหมือนกัน
กิจการ 19:38-41
ใครมีเรื่องกับใคร ก็ไปฟ้องศาล อย่ามาทำให้บ้านเมืองต้องจลาจลอย่างนี้ ท่านให้ทุกคนเลิกชุมนุมได้
คนที่เข้ามาชุมนุมกันตอนนี้ก็เหนื่อยอ่อนไปตาม ๆ กัน ยังไม่ได้พักกันเลย เคยอยู่ทำงานไปกลับมาต้องโห่ร้องตะโกนสองชั่วโมง พวกเขาก็ฟังเหตุผลของผู้ว่าด้วย เป็นอันว่าเลิกรากันไป

พระคำเชื่อมโยง

1* 1 โครินธ์ 1:12; 3:5-6; กิจการ 18:23
2* 1 ซามูเอล 3:7
3* กิจการ 18:25
4* มัทธิว 3:11
5* กิจการ 8:12, 16; 10:48
6* กิจการ 6:6; 8:17; 2:4; 10:46
8* กิจการ 17:2; 18:4; 1:3; 28:23
9* 2 ทิโมธี 1:15; กิจการ 9:2; 19:23; 22:4; 24:14

10* กิจการ 19:8; 20:31
11* มาระโก 16:20
12* กิจการ 5:15
13* มัทธิว 12:27; มาระโก 9:38; 1โครินธ์ 1:23; 2:2
17* ลูกา 1:65; 7:16
18* มัทธิว 3:6
20* กิจการ 6:7; 12:24

21* โรม 15:25; กิจการ 20:22; 20* โรม 1:13; 15:22-29
22* 1 ทิโมธี 1:2; โรม 16:23
23* 2 โครินธ์ 1:8; กิจการ 9:2
24* กิจการ 16:16, 19
26* อิสยาห์ 44:10-20
29* โรม 16:23; โคโลสี 4:10
33* 2 ทิโมธี 4:14; กิจการ 12:17