ยอห์น 5 พยานทั้งห้าของพระบุตรพระเจ้า

เดินได้ทันที!

ประเด็นเดิม-สะบาโต

สิทธิอำนาจของพระบุตร

แหล่งพยานทั้งห้าของพระบุตร

อธิบายเพิ่มเติม ยอห์น 5

เดินได้ทันที

 ยอห์น 5:1-15 หมายสำคัญที่สาม   ทรงรักษาคนเป็นอัมพาต 

ต่อมา พระเยซูทรงขึ้นไปเยรูซาเล็มในงานเทศกาลหนึ่งของยิว  ที่ประตูแกะทางเหนือของเยรูซาเล็ม   ที่สระเบเธสดา หรือบางคนเรียก เบธไซดา (บ้านแห่งความเมตตา)   มีคนป่วยนอนรอน้ำกระเพื่อมอยู่มากมาย  (มีการอธิบายว่า เมื่อมีน้ำใต้สระพลุ่งเข้ามาเป็นระลอก  น้ำนั้นจะอุ่นและน่าจะมีแร่ธาตุที่ช่วยให้คนเป็นโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและไขข้อต่าง ๆ รู้สึกดีขึ้น) 
ชายคนที่เราพูดถึงเดินไม่ได้ และดูเหมือนว่าโรคนี้เป็นผลจากบาปของเขาเอง (ข้อ 14 ) จากคนที่ป่วยมากมายรายล้อมอยู่ พระเยซูทรงยื่นความช่วยเหลือไปให้เขาคนเดียวเท่านั้น  ทรงถามง่าย ๆ ว่าอยากหายป่วยไหม แปลก ทำไมทรงรักษาแค่คนเดียวในวันนั้น?
เขาบอกว่า ไม่มีใครช่วยพาเขาลงน้ำ  นี่บอกว่าเขาอยากหาย  พระเยซูทรงสั่งให้เขาหยิบเสื่อนอนแล้วเดิน  เขาก็ลุกขึ้น หายโรคทันที และนี่เองทำให้เกิดความชุลมุนวุ่นวาย   จากคนเดินไม่ได้กลายเป็นคนเดินคล่องพร้อมหอบหิ้วที่นอนไปด้วย  คนที่อยู่ตรงนั้นเห็นว่าเขาหายป่วยจริง ปกติแล้วถ้าง่อยมานาน กว่าจะลุกกว่าเดินมันต้องใช้เวลาขยับเนื้อขยับตัว  แต่ชายคนนี้กลับทำได้ทันควัน  
พระเมสสิยาห์มาแล้วจริงใช่ไหม?  พระเยซูทรงใช้การรักษาโรควันสะบาโตมาบอกให้ยิวรู้ว่า พระองค์คือใคร ทำไมทรงมีสิทธิที่จะรักษาโรคในวันสะบาโต  ทุกครั้งทำให้พวกยิวโกรธ
มัทธิว 12:1-14  ศิษย์เด็ดรวงข้าววันสะบาโตก็ผิดในสายตายิวแล้ว
ยอห์น 9:14 รักษาชายตาบอดในวันสะบาโต
เยเรมีย์ 17:21-22 พระเจ้าทรงสั่งให้คนไม่ทำงานในวันสะบาโต

ยอห์น 5:14-16 พระเยซูทรงเตือนชายคนนั้นว่าถ้าไม่ระวังจะเจอหนักกว่านี้

  พระเยซูทรงหลบไปสักพักแล้วมาเจอชายที่หายโรคอีกที เขาจึงรู้ว่า ท่านที่ช่วยให้เขาเดินได้คือพระเยซู จึงรีบกลับไปบอกยิว ชายคนนี้โยนความผิดเรื่องที่เขาแบกที่นอนไปให้พระเยซู   ดูไปแล้วชายคนนี้อาจไม่ได้กลับใจเสียด้วยซ้ำ การเตือนของพระเยซู นิสัยใจคอของเขา ทำให้เรารู้สึกว่าเขาเป็นคนไร้กตัญญู 
ยอห์น 8:11 พระเยซูไม่เอาโทษหญิงที่ถูกจับมา
ยอห์น 8:37 เจ้าหาโอกาสฆ่าเรา เพราะไม่เชื่อคำสอนของเรา
ยอห์น 10:39 พวกเขาพยายามจับพระเยซูอีกครั้ง แต่ทรงรอดไปได้

ยอห์น 5:17-18  พระเยซูทรงให้เหตุผลที่ทรงทำในสะบาโต

พระบิดาของเราทรงทำงานอยู่ และเราก็ทำด้วยเหมือนกัน   หลักการตรงนี้ของพระองค์ชัดเจนมาก   พระเจ้าทรงให้ทุกอย่างในธรรมชาติดำเนินต่อไปไม่ว่าจะเป็นวันไหน  ดังนั้นพระเยซูผู้ทรงเป็นพระบุตรพระเจ้า จึงทรงทำเช่นเดียวกัน
ในขณะที่พวกยิว ธรรมาจารย์สนใจว่า ทุกคนจะต้องรักษากฎ แต่พระเยซูกลับทรงก้าวข้ามกฎเหล่านั้นให้เห็น   ท้าทายพวกเขามาก  ที่พระเยซูทรงยืนยันว่า พระเจ้าของอิสราเอลเป็นพระบิดาของพระองค์ ก็เป็นอีกประเด็นที่ทำให้พวกเขาเกลียดชังพระองค์ 
ยอห์น 9:4  เราต้องทำงานของพระบิดาเมื่อยังเป็นกลางวัน
ยอห์น 17:4 ข้าพระองค์ถวายเกียรติแด่พระองค์ในโลก เพราะทำงานของพระองค์สำเร็จแล้ว

สิทธิอำนาจของพระบุตร

ยอห์น 5: 19-20  พระเยซูทรงอธิบายความสัมพันธ์ของพระองค์กับพระบิดา

พระเยซูทรงบอกพวกเขาว่า พระบุตรไม่ทำอะไรด้วยตัวเอง แต่เห็นพระบิดาทรงทำอะไรก็ทรงเช่นนั้นเหมือนกัน
คำของพระองค์ = พระบุตรทำอะไรตามลำพังไม่ได้เลย เพราะทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวกันแนบสนิท
คำพูดนี้ ยืนยันว่าทรงเป็นพระเจ้าและเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา
พวกเขาจะได้ประหลาดใจเพราะต่อมาพระบิดาทรงให้พระเยซูคืนชีพและให้พระองค์เป็นผู้พิพากษามนุษยชาติด้วย(ข้อ 22)
ยอห์น 6:38 เราลงมาจากสวรรค์เพื่อทำตามพระประสงค์ของพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา
ยอห์น 14:10 เราอยู่ในพระบิดา พระบิดาอยู่ในเรา คำที่เรากล่าวเกิดจากพระบิดาผู้สถิตในเราทรงทำกิจของพระองค์

ยอห์น 5: 21-23 งานของพระบิดาและพระบุตร

พระเยซูทรงยืนยันชัดเจนว่า ทรงมีสิทธิที่จะทำให้คนคืนชีพได้ซึ่งเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มาก ทรงบอกด้วยว่า ทรงมีทั้งอำนาจสูงสุดและอิสระที่จะทำ ไม่เหมือนเหล่าผู้เผยพระคำที่มีอำนาจจำกัด อีกแล้วที่น่าโมโหสำหรับคนยิว พวกเขาเชื่อว่า พระเจ้าเท่านั้นที่จะพิพากษามนุษย์ คำของพระเยซู เร้าอารมณ์โกรธพลุ่งพล่าน

ยอห์น 11:25 เราเป็นการคืนชีพและเป็นชีวิต คนที่วางใจในเราแม้ว่าตายไปแล้วแต่เขาจะมีชีวิต
กิจการ 17:31 พระเจ้าจะทรงพิพากษาตามความชอบธรรม โดยบุคคลที่พระองค์ทรงกำหนดไว้
1 ยอห์น 2:23  คนที่ปฏิเสธพระบุตรไม่มีพระบิดา คนที่รับพระบุตรก็มีพระบิดาด้วย   

ยอห์น 5:24-27  จากความตายสู่ชีวิตในพระบุตรของพระเจ้า

พระเยซูตรัสว่า คนที่ฟังคำเราและเชื่อพระบิดาจะมีชีวิตนิรันดร์ ไม่ต้องถูกพิพากษา แต่ผ่านจากความตายสู่ชีวิต คนตายจะได้ยินเสียงพระบุตรของพระเจ้า เมื่อได้ยินจะมีชีวิต ทรงให้พระบุตรมีอำนาจพิพากษาด้วยเพราะทรงเป็นบุตรมนุษย์  คำตรัสของพระองค์ บอกให้ผู้นำศาสนารู้ว่า พระองค์ทรงเป็นมากกว่ามนุษย์แน่นอน

ยอห์น 3:16 ทุกคนที่วางใจพระบุตร จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ 
โคโลสี 2:13  ท่านตายแล้ว.. แต่ พระเจ้าทรงให้ท่านมีชีวิตร่วมกับพระคริสต์  ทรงอภัยการละเมิดทั้งสิ้น สดุดี  36:9 น้ำพุแห่งชีวิตอยู่กับพระองค์ เราเห็นความสว่างได้โดยสว่างของพระองค์
กิจการ 10:42 พระเจ้าทรงตั้งพระเยซูให้เป็นผู้พิพาษาทั้งคนเป็นและคนตาย

ยอห์น 5:28-30 ความจริงเรื่องการพิพากษาโดยพระบุตร

ในข้อ25 พระเยซูตรัสว่า คนที่มีชีวิตนิรันดร์จะได้ยินเสียงของพระองค์และมีชีวิต  ตอนนี้ทรงกล่าวว่า คนที่อยู่ในหลุมศพจะได้ยินเสียงของพระองค์ ยังไงกัน??? ตอนนี้ทรงพูดถึงการคืนชีพของมนุษยชาติ  คนทำดี กับคนทำชั่วจะถูกตัดสินต่างกัน  พวกเขาจะอยู่นิรันดร์ นอกเหนือไปจากชีวิตสั้น ๆ ในโลกนี้ พระองค์จะทรงเป็นผู้ทำให้พวกเขาคืนชีพขึ้นมา
การพูดเช่นนี้ทำให้ผู้นำศาสนาอึ้งเลยทีเดียว … ทรงบอกเขาว่า พระองค์ทรงตัดสินอย่างยุติธรรม ทรงมีสิทธิ มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้พิพากษา   และทรงยืนยันคำเดิมว่า พระองค์ไม่ทำอะไรตามใจพระองค์เอง แต่ทำตามพระทัยพระบิดา

1 เธสะโลนิกา 4:15-17 พระเยซูจะทรงกลับมา คนที่ตายไปในพระองค์จะเป็นขึ้นมาก่อน 
อิสยาห์ 26:19 คนตายของพระองค์จะมีชีวิตขึ้นอีก
ดาเนียล 12:2  คนที่หลับในผลคลีแห่งแผ่นดินจะตื่นขึ้น

แหล่งพยานทั้งห้าของพระเยซู

ยอห์น 5:31-32 ห้าแหล่งคำพยาน   ว่าพระเยซูคือใคร

พระเยซูตรัสว่า ถัาเราเป็นพยานเพื่อตัวเอง คำพยานก็ไม่น่าเชื่อถือ พระเยซูทรงบอกเองว่า ต้องเป็นผู้อื่นที่เป็นพยาน ไม่ใช่พระองค์ (เฉลยธรรมบัญญัติ 19:15  กันดารวิถี 35:30)  แลัวพระองค์ก็ทรงบอกถึงห้าแหล่งพยาน ที่ยืนยันพระองค์คือพระบุตร ทรงเท่าเทียมกับพระบิดา
ยอห์น 8:14 คำพยานของเราจริง เพราะเรารู้ว่าเรามาจากไหน และจะไปไหน
มัทธิว 3:17 มีเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า ท่านนี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราพอใจท่านมาก

ยอห์น 5: 33-35  คำพยานของยอห์น

พวกผู้นำศาสนาได้ยินยอห์นพูดถึงพระเยซูแล้ว แล้ว เขาควรเชื่อยอห์นซึ่งเป็นเหมือนตะเกียงที่ส่องสว่างให้เห็นความจริง  พวกเขาได้ยินยอห์นพูดเรื่องพระเมสสิยาห์ แต่พอมาเจอพระเยซูกลับไม่รับ 
แต่มีผู้หนึ่งเป็นพยานถึงเรา  พยานนั้นเป็นจริง คำนี้กรีกหมายถึง อีกคนที่เป็นแบบเดียวกัน อัลโลส  ยอห์น 8:14 ตรัสว่าคำพยานของพระองค์เป็นจริง
ยอห์น 1:15,19,27,32  ยอห์นเป็นพยานให้พระองค์
2 เปโตร 1:19 ให้เราสนใจคำเผยพระวจนะ 
มาระโก 6:20  แม้เฮโรดยังเกรงกลัวและฟังยอห์น 

ยอห์น 5:36 คำพยานจากงานของพระเยซู

พระเยซูมีพยานใหญ่กว่าของยอห์น นั่นคือ งานที่พระเจ้าทรงให้พระองค์ทำจนสำเร็จ งานนั้นพิสูจน์ว่าทรงมาจากพระบิดาแน่ ๆ  จากการที่ทรงรักษาชายที่ป่วยมา 38 ปีหยก ๆ นี่เป็นหนึ่งในงานของพระองค์ การที่พระเยซูใส่พระทัยคนยากจน คนป่วย ไม่ได้เป็นพระเมสสิยาห์แบบที่พวกเขาต้องการ   พวกเขาอยากเห็นเมสสิยาห์องค์จอมทัพ เป็นนักรบ นักการเมืองที่กล้าหาญ   สิ่งที่พระองค์ทำไม่ถูกใจพวกเขาเลยสักนิด พวกเขาไม่อาจรับพระองค์ในฐานะพระบุตรพระเจ้าได้  (ยอห์น 1:29-34)

ยอห์น 5: 36 คำพยานจากงานของพระเยซู

พระเยซูมีพยานใหญ่กว่าของยอห์น นั่นคือ งานที่พระเจ้าทรงให้พระองค์ทำจนสำเร็จ งานนั้นพิสูจน์ว่าทรงมาจากพระบิดาแน่ ๆ  จากการที่ทรงรักษาชายที่ป่วยมา 38 ปีหยก ๆ นี่เป็นหนึ่งในงานของพระองค์ การที่พระเยซูใส่พระทัยคนยากจน คนป่วย ไม่ได้เป็นพระเมสสิยาห์แบบที่ พวกเขาต้องการ   พวกเขาอยากเห็นเมสสิยาห์องค์จอมทัพ เป็นนักรบ นักการเมืองที่กล้าหาญ   สิ่งที่พระองค์ทำไม่ถูกใจพวกเขาเลยสักนิด พวกเขาไม่อาจรับพระองค์ในฐานะพระบุตรพระเจ้าได้  (ยอห์น 1:29-34)
1 ยอห์น 5:9  พยานของพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่ามนุษย์
ยอห์น 3:2  ไม่มีใครทำหมายสำคัญที่ท่านทำได้ นอกจากพระเจ้าสถิตกับเขา
ยอห์น 10:25 สิ่งที่เราทำในนามพระบิดาก็เป็นพยานให้เรา
ยอห์น  17:4 ข้าพระองค์ถวายเกียรติแด่พระองค์ในโลก เพราะทำราชกิจที่ทรงให้ทำสำเร็จ
ยอห์น   9:16  ยิวไม่เชื่อว่าชายตาบอดมองเห็น แต่เมื่อได้คุยกับพ่อแม่เขาจึงยอมรับ
ยอห์น  10:38 ถ้าเจ้าไม่วางใจในเรา ก็วางใจเพราะพระราชกิจที่เราทำเถิด

ยอห์น 5: 37-38  คำพยานจากพระบิดา

พระบิดาทรงยืนยันว่า พระเยซูคือใครตอนที่พระองค์ทรงรับบัพติศมา  เสียงจากสวรรค์และพระวิญญาณที่ลงมาเหนือพระเยซูดุจนกพิราบ เรื่องนี้ ต้องเป็นที่รู้กันในหมู่คนยิว ต้องมีการคุยกันเยอะเพราะมีคนเห็นและเอาไปพูดต่ออย่างแน่นอน 
ลูกา 3:22    เหตุการณ์สุรเสียงจากสวรรค์
มัทธิว 3:17  มีเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า ท่านนี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราพอใจท่านมาก

ยอห์น 5:39  คำพยานจากพระคำ

ค้นพระคำเพื่อหาชีวิตนิรันดร์  ทั้ง ๆ ที่พระคำเหล่านั้นยืนยันถึงพระเยซูอยู่แล้ว พวกเขาเรียน พระคัมภีร์เดิม อ่าน ท่อง จำ ศึกษา เอาใจใส่ คิดอยู่ว่าการสำแดงของพระเจ้าจะทำให้พวกเขาได้พบชีวิตนิรันดร์  หากเขาค้นจริง หาจริง เขาต้องพบความจริงสิ   แต่ทำไมจึงไม่เจอ …???
พวกเขาไม่ได้มีพระคำของพระเจ้าในวิญญาณจิตจริง ๆ  มีอยู่ในสมอง แต่ไม่ได้เกิดผลเป็นชีวิตฝ่ายวิญญาณเลย 
อิสยาห์ 8:20 ไปดูธรรมบัญญัติและคำพยาน
อิสยาห์ 34:16 จงค้นและอ่านจากหนังสือของยาห์เวห์
ลูกา 24:27  พระเยซูทรงอธิบายพระคัมภีร์ให้ศิษย์ทั้งสองฟัง

ยอห์น 5:40-44 เหตุผลที่พวกเขาไม่เชื่อ

คือ เขาไม่เต็มใจทั้ง ๆ ที่มีพยานเหลือเฟือ  พวกเขาไม่ได้รักพระเจ้าจริง พระเยซูยังทรงพยากรณ์ล่วงหน้าด้วยว่า พวกเขาจะชอบและเข้าหาคนที่เป็นผู้ต่อต้านพระองค์ ซึ่งจะมาแน่ในอนาคต การที่เขาไม่ยอมรับพระเยซูเป็นเหมือนประตูเปิดรับสิ่งที่หลอกลวง   (2 เธสะโลนิกา 2: 4, 8-12)  ต่อมาในประวัติศาสตร์ของยิวเราพบว่า มีคนที่อ้างตัวเป็นพระคริสต์หลอกให้คนติดตามมาโดยตลอด 
ยอห์น 1:11 พระองค์มายังบ้านเมืองของพระองค์ แต่คนของพระองค์ไม่รับพระองค์ 
ยอห์น 3:19 หลักการพิพากษา ความสว่างเข้ามาในโลก แต่มนุษย์รักความมืดมากกว่า
ยอห์น  12:43 พวกเขารักการชมเชยจากมนุษย์มากกว่าจากพระเจ้า

ข้อ 45-47 คำพยานจากโมเสส

พระเยซูทรงบอกพวกเขาว่าพวกเขาวางใจโมเสส แต่เขากลับไม่เชื่อสิ่งที่โมเสสเขียนไว้เกี่ยวกับพระองค์  โมเสสได้ชี้ว่า จะมีผู้เผยพระคำแบบท่านเองเกิดขึ้นในอนาคต และขอให้ทุกคนได้เชื่อฟังท่าน (เฉลยธรรมบัญญัติ 18:15-19)  แต่กลับไม่มีใครฟังโมเสส   ถ้าเขาเชื่อโมเสสจริง ๆ เขาจะเชื่อพระเยซูด้วย ความจริงคือพวกเขาไม่ยอมรับคำของโมเสส 
ลูกา 16:29,31 เขามีโมเสสและผู้เผยพระคำแล้ว ให้เขาเชื่อคนเหล่านั้นเถิด


สดุดี 90 พระเจ้าองค์อมตะกับมนุษย์ที่ต้องตาย

1 โอพระเจ้าข้า พระองค์ทรงเป็นที่พักพิงของ
เราเรื่อยมาทุกชั่วอายุ
2 ก่อนภูเขาจะเกิด ก่อนพระองค์ทรงสร้างแผ่นดินและโลก
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าจากนิรันดร์ถึงนิรันดร์
3 พระองค์ทรงทำให้ร่างกายมนุษย์กลับคืนสู่ดิน
และตรัสว่า “กลับไปเถิด ลูกหลานมนุษย์เอ๋ย!”
4 ในสายพระเนตร หนึ่งพันปีเป็นเหมือนเมื่อวาน
ที่ผ่านไป หรือเหมือนยามเดียวในกลางคืน
5 พระองค์ทรงกวาดพวกเขาไปราวกับน้ำท่วมที่ซัดมา 
พวกเขาหลับไป เหมือนหญ้าที่งอกขึ้นมาใหม่ยามเช้า
6 รุ่งเช้างอกขึ้นมาใหม่ ยามเย็นก็เลือนหายเหี่ยวแห้งไป
7 เราถูกพามาถึงจุดจบด้วยความกริ้วของพระองค์
เราเดือดร้อนเพราะพระพิโรธของพระองค์ 
8 พระองค์ทรงเปิดโปงความผิดของเราต่อพระพักตร์
บาปลับ ๆ ของเราถูกเปิดเผยต่อพระพักตร์พระองค์
9 วันเวลาของเราสูญไปภายใต้พระพิโรธ
ปีเดือนของเราสิ้นสุดลงราวกับเสียงถอนหายใจ
10 วันเวลาในชีวิตเราก็มีแค่ 70 ปี หรือถ้าแข็งแรงก็ 80 ปี
กระนั้น ทั้งชีวิตก็มีแต่หยาดเหงื่อและความลำบาก
ไม่นานมันก็สิ้นสุดลง และเราบินจากไป (เราก็จากไป)
11 มีใครที่เข้าใจอานุภาพความกริ้วของพระองค์
รวมถึงพระพิโรธกับความน่าเกรงขามของพระองค์?
12 ขอทรงสอนให้เรานับวันเวลาของเรา  เพื่อเราจะมีปัญญา
13 โปรดทรงกลับมาเถิด โอ พระยาห์เวห์ อีกนานเท่าใด?
ขอทรงสงสารผู้รับใช้ของพระองค์
14 ขอให้เราดื่มด่ำกับรักมั่นคงของพระองค์แต่เช้า
เพื่อว่าเราจะได้ร้องเพลงเปรมปรีดิ์ และยินดีชั่วชีวิต
15 ขอประทานความยินดีในชีวิตเท่ากับเวลาที่ทรงให้
เราลำบาก เท่ากับปีที่เราได้เผชิญความชั่วร้าย
16 ขอราชกิจของพระองค์ปรากฏแก่ผู้รับใช้ของพระองค์
และให้พระสิริรุ่งโรจน์ปรากฏแก่ลูกหลานเขาพวกเขา
17 ขอให้ความโปรดปรานของพระเจ้าอยู่เหนือเรา
ขอทรงทำให้งานจากน้ำมือของเรามั่นคงเพื่อเรา 
ใช่แล้ว ขอทรงทำให้งานมือของเรามั่นคง