ยอห์น 13 อาหารมื้อสุดท้ายกับการล้างเท้า

ทรงล้างเท้าเหล่าศิษย์

คนหนึ่งจะทรยศเรา

บัญญัติใหม่เพื่อเจ้า

ทรงบอกล่วงหน้าเรื่องเปโตร

อธิบายเพิ่มเติมและพระคำเชื่อมโยง

 พระเยซูทรงล้างเท้าเหล่าศิษย์
 ข้อ 1-4

ในคืนวันที่รับประทานอาหารด้วยกัน พระเยซูผู้เดียวที่ทรงรู้ว่า การสิ้นพระชนม์ การคืนพระชนม์ การเสด็จกลับไปหาพระบิดา ใกล้เข้ามาทุกที
พระองค์ทรงรักศิษย์ของพระองค์จนถึงที่สุด เป็นความรักที่พวกเขาไม่รู้เลยว่า ยิ่งใหญ่มากเพียงใด
และความรักที่พระเจ้าให้กับคนของพระองค์นั้น ก็ล้ำลึก ลึกซึ้ง แตกต่างจากคนที่ไม่ใช่ของพระองค์ด้วย ที่ว่าทรงรักเขาจนถึงที่สุดนั้น มีความหมายว่าทรงรักสุด ๆ ไม่ใช่เป็นรักตื้น ๆ อย่างที่คนเรารักกัน
เราจะเห็นว่าหัวใจพระเยซูกับหัวใจของยูดาส แตกต่างกันมาก ใจของยูดาสถูกชักนำโดยซาตาน มันชวนให้เขาทรยศพระเยซู! และเขาก็เดินตามการชักชวนของมารด้วย
แม้ว่าพระเยซูจะทรงทราบว่า มีอะไรเกิดขึ้นในใจของยูดาส แต่พระองค์ไม่ได้กังวล พระองค์ไม่ไล่มารออกจากใจของยูดาด้วย เพราะว่า ทุกอย่างอยู่ในแผนการของพระเจ้า ยูดาสเองวางแผนล่วงหน้าแล้วว่าจะทรยศพระองค์ เขาได้เงินค่าจ้างมาจากเหล่าปุโรหิตเรียบร้อยแล้ว พระเยซูทรงทราบทั้งสิ้น แต่สิ่งที่พระบิดาจะทรงให้เกิดนั้น พระเยซูทรงยอมทำตาม

1* ยอห์น 12:1 , 16:28 2*ยอห์น 13:11,27 ; 6:70,71 3*ยอห์น 17:2; มัทธิว 11:27; วิวรณ์ 2:27; ยอห์น 8:42; 16:28 4* ยอห์น 21:7; ลูกา 22:27


ข้อ 5-11
ในห้องนั้น มีอ่างน้ำที่เจ้าของบ้านเตรียมไว้สำหรับแขกที่จะล้างเท้า คนที่จะทำหน้าที่ล้างเท้าแขกคือทาสต่างชาติ และจะล้างก่อนที่จะรับประทานอาหาร
แต่แล้วพระเยซูก็ทรงทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เวลานั้นทรงล้างเท้าพวกศิษย์ด้วยพระองค์เอง ทรงเช็ดเท้าให้พวกเขาด้วยผ้าคาดเอว พระอาจารย์กำลังลดพระองค์เองไปเป็นดั่งทาส ต่างชาติที่คุกเข่าลงปรนนิบัติเหล่าศิษย์ที่ควรจะทำให้พระองค์ รู้ไหมว่า คนยิวด้วยกันยังไม่ล้างเท้าให้กันเลย
แต่แล้วเปโตรไม่ยอมให้พระองค์ทำ จึงทรงบอกว่า เขาจะไม่มีส่วนในพระองค์เลย เท่านี้ เปโตรก็ยอมและขอให้พระองค์ล้างทั้งตัวด้วย
การล้างเท้าศิษย์ครั้งนี้ มีความหมายล้ำลึกมาก พระองค์ตรัสว่า เปโตรอาบน้ำแล้ว ไม่ต้องชำระอีก ยกเว้นเท้าที่ต้องล้างเพราะเดินทางมาโดนฝุ่นผงสกปรกตามทาง
ความหมายของพระดำรัสตอนนี้มีผู้แปลให้กระจ่างว่า เราทุกคนที่ได้รับความรอดจากพระเจ้าเหมือนกับที่ได้อาบน้ำแล้ว เป็นคนชอบธรรมในพระเจ้าแล้ว แต่ว่ายังมีบาปทุกวันที่เราทำ ต้องการการชำระจากพระเจ้าเสมอ ดังนั้น เราจึงมาหาพระเจ้า และสารภาพบาป ที่ต้องชำระทุกวัน
เมื่อพระองค์ล้างเท้าพวกเขาเสร็จ ก็ทรงบอกให้พวกเขาล้างเท้าซึ่งกันและกัน ซึ่งมีความหมายว่า พี่น้องจะต้องรับใช้ช่วยเหลือ ดูแลซึ่งกันและกัน ถ่อมใจลงรับใช้ ไม่ถือตัว แต่เป็นเหมือนทาสรับใช้อย่างที่พระเยซูทรงทำเป็นตัวอย่าง
(เรื่องพิธีล้างเท้านี้ มีหลายคริสตจักรได้รับมาทำอย่างตรงไปตรงมา แต่ในประวัติศาสตร์คริสตจักรยุคแรก ก็ไม่ได้มีการบันทึกว่า ทำเช่นนั้น เรื่องนี้น่าจะเป็นการตัดสินใจของแต่ละที่ แต่ละแห่งว่าควรทำเช่นไร พิธีอย่างนี้เมื่อทำแล้ว ความรู้สึกที่ได้มันก็ชัดเจน แต่สิ่งที่สำคัญคือ เมื่อมีพิธีแล้ว ก็ยังต้องมีการรับใช้อย่างถ่อมตนในชีวิตประจำวันด้วย เราคงมาล้างเท้ากันเป็นพิธีทุกวันไม่ได้ แต่เรารับใช้กันทุกวันได้)


5* 2 พงศ์กษัตริย์ 3:11 7* ดู ข้อ36 ยอห์น 12:16; 15:15; 8* มัทธิว 16:22 ; 1 โครินธ์ 6:11 ; เอเฟซัส 5:26; ทิตัส 3:5 10* ปฐมกาล 18:4; ยอห์น 15:3; ยอห์น 13: 18 11* ยอห์น 13: 2 ; 6:64; 2:24,25



ในข้อ 12-17 พระเยซูทรงย้ำให้เขาทุกคนทำตามอย่างพระองค์ และนี่เป็นทางแห่งความสุขที่พระเยซูทรงวางแบบไว้ให้กับเราทุกคน ทุกวันนี้ พระเยซูยังทรงล้างเท้าให้กับผู้เชื่อในพระองค์ ด้วยการส่งคนผู้รับใช้ของพระองค์ออกไปปรนนิบัติคนทั้งหลาย นั่นก็คือพวกเราที่รับใช้พระองค์ในชีวิตประจำวัน
ข้อ 18-20 ขณะที่พระเยซูตรัสสอนพวกเขา ยูดาสเองก็อยู่ในเหตุการณ์ตลอดเวลา พระเยซูไม่ได้ทรงเลือกว่าจะล้างเท้าใคร ไม่ล้างเท้าให้ใคร แม้แต่คนที่กำลังทรยศพระองค์อยู่ ก็ทรงทำให้เขาด้วย …
ในสมัยโบราณนั้น การกินขนมปังร่วมโต๊ะกันมีความหมายว่า คนที่กินขนมปังก้อนเดียวกัน ก็เป็นส่วนของกันและกัน เป็นเพื่อนที่ใช้ชีวิตด้วยกัน
สำหรับพระเยซูแล้ว ทรงรู้ทุกอย่างในจิตใจของยูดาส อิสการิโอท และพระองค์ทรงแจ้งให้ทุกคนทราบว่า มีคนหนึ่งยกส้นเท้าใส่พระองค์ นั่นคือมีคนหนึ่งในพวกเขาจะทรยศพระองค์


12* ยอห์น 13:4,7 ; 13* ลูกา 6:46; มัทธิว 23:8,10; 1 โครินธ์ 8:6; 12:3; ฟีลิปปี 2:11; 14* 1 ทิโมธี 5:10; 1 เปโตร 5:5;
15* มัทธิว 11:29; 16* ยอห์น 15:20; มัทธิว 10:24; 17* ลูกา 11:28; ยากอบ 1:22; 18* ยอห์น 13:10-11; 6:70; 15:16,19; มาระโก 3:13; 19* ยอห์น 14:29; 16:4 20* มัทธิว 10:40



คนหนึ่งจะทรยศเรา
ข้อ  21-26

ใคร ๆ ก็อยากรู้ว่าคนนั้นคือผู้ใด พระเยซูเองก็ทรงบอกเลยไม่ได้อ้อมค้อม คนที่พระองค์ทรงส่งขนมปังให้กิน คนนั้นแหละ!
และขณะที่ยูดาสกินขนมปัง “ซาตานก็เข้าสิงเขา” พระเยซูทรงบอกให้เขารีบไปทำสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำ แต่ไม่มีใครเข้าใจความหมายที่พระเยซูตรัสกับยูดาสเลย มัทธิว 26:25 ทำให้เรารู้ว่า ยูดาสเองรู้ว่า พระเยซูทรงทราบทุกสิ่งในใจของเขา
แต่ยูดาสเองเปิดใจให้กับซาตานแล้ว เงินสามสิบเหรียญที่ได้จากศัตรูมีความหมายมากกว่าชีวิตของพระอาจารย์


21* ยอห์น 12:27; มัทธิว 26:21; มาระโก 14:18; ลูกา 22:21; กิจการ 1:17. 22* ลูกา 22:23 23* ยอห์น 19:26; 20:2; 21:7, 20 ลูกา 16:22 25* มาระโก 4:36; ยอห์น 21:20 26 * มัทธิว 26:23; มาระโก 14:20; นางรูธ 2:14; มัทธิว 26:25; ยอห์น 6:71


ข้อ 27-30
พระเยซูทรงบอกให้ยูดาสไปทำตามแผนการของตนเอง แต่ทุกคนในที่นั้นยังไม่เข้าใจ แต่พระเยซูได้ทรงบอกศิษย์ที่เหลือว่า ทุกอย่างที่ทรงบอกในวันนี้ เมื่อเกิดขึ้นจริงในอนาคต พวกเขาจะเข้าใจว่ามันคืออะไร และทรงบอกให้มั่นใจด้วยว่า ถึงแม้พระองค์จะดูเหมือนพ่ายแพ้ แต่ศัตรูไม่ได้มีอำนาจเหนือพระองค์แม้แต่น้อย


27*ลูกา 22:3; 1 โครินธ์ 11:27; ลูกา 12:50 29* ยอห์น 12:6 ; ยอห์น 13:1; ยอห์น 12:5 30* 1 ซามูเอล 28:8



บัญญัติใหม่เพื่อเจ้า
ข้อ 31-35

หลังจากที่ยูดาสออกไป พระเยซูตรัสถึงพระเกียรติ หลายครั้ง เป็นพระเกียรติของพระบิดากับพระบุตรที่ส่งต่อกันและกัน เวลานั้น พวกศิษยไม่เข้าใจว่าพระเยซูทรงหมายถึงอะไร แต่สำหรับพระองค์ นั่นคือ ความอับอายที่พระองค์ต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชน มงกุฎหนาม การถูกเยาะเย้ย ความตายบนไม้กางเขน
นี่เป็นสภาพที่ใคร ๆ ก็เผชิญไม่ได้ แล้วพระเยซูก็ทรงให้คำบัญชาใหม่ที่พวกเขาคาดไม่ถึงนั่นคือ ให้พวกเขารักกันและกันเพื่อโลกจะได้รู้ว่า พวกเขาเป็นศิษย์ของพระองค์จริง ๆ และคำบัญชานี้ ก็มีเพื่อเราทุกคนในวันนี้ด้วย เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน ต้องขอพระเจ้าให้เกิดขึ้นในชีวิตของเรา


31* ยอห์น 7:39; 14:13; 15:8; 17:1,4; 1 เปโตร 4:11 32* ยอห์น 17:1,5; ยอห์น12:23 33* ยอห์น 7:33-34; 8:21 34* 1 ยอห์น 2:7,8; ยอห์น 3:11; 2 ยอห์น 5; ยอห์น15:12,17; 1 ยอห์น 3:23; เลวีนิติ 19:18; โรม 16:8; โคโลสี 3:14; 1 เธสะโลนิกา 4:9; 1 ทิโมธี 1:5; ยอห์น 15:12; เอเฟซัส 5:2; 1 ยอห์น 4;10-11 35* 1 ยอห์น 3:14; ยอห์น4:20


ทรงบอกล่วงหน้าเรื่องเปโตร
ข้อ 36-38
เปโตรเองเป็นคนที่มีความตั้งใจจะติดตามพระองค์ เขาและเพื่อน ๆ คิดว่า พระเยซูกำลังจะออกเดินทางไปไหนสักแห่ง พระองค์ตรัสตอบชัดเจน พระองค์ทรงกำลังเดินไปสู่ความตาย
ไม่ใช่เป็นที่ ๆ เปโตรหรือใคร ๆ จะไปกับพระองค์เดิน ทางสายนี้มีพระองค์เดียวเท่านั้นที่จะไปได้
เปโตรเองมั่นใจมากว่า เขาสามารถพลีชีวิตให้กับพระองค์ได้ แต่หารู้ไม่ว่า เขาเองจะกลัวตายจนกระทั่งกล่าวว่า เขาไม่รู้จักพระองค์


36* ยอห์น 13:7; 7:34; 14:2; 21:18-19 2 เปโตร 1:14 37* มัทธิว 26:33-35; มาระโก 14:29-31; ลูกา 22:33-34 38* ยอห์น 18:27