กิจการ 2 อธิบายเพิ่มเติม และพระคำอ้างอิง

คำนำ

กิจการบทที่ 2 นี้ได้บันทึกเหตุการณ์สำคัญมากคือ การเริ่มต้นของคริสตจักรด้วยคนจำนวน 120 คน รวมอีก 3000 คนในวันเดียว!  เมื่อเราอ่านกิจการบทนี้ ช่วงที่จะสับสนนิด ๆ คือ ช่วงที่ท่านเปโตร
เทศนา อธิบายคำพยากรณ์ของท่านโยเอล และพลิกกลับไปถึงข้อเขียนสดุดีของกษัตริย์ดาวิด เหตุการณ์ทั้งบทแบ่งเป็น
-พระวิญญาณเสด็จลงมาเหนือผู้เชื่อที่รวมใจกันอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง
-พวกเขาชาวกาลิลี พูดสรรเสริญพระเจ้าเป็นภาษาต่าง ๆ ที่เข้าใจได้
-ผู้คนที่มาจากพื้นที่ห่างไกลเยรูซาเล็ม รู้ว่าพวกเขาพูดอะไรต่างแปลกใจ

-ท่านเปโตรอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นโดยอ้างถึงคำพยากรณ์ของท่านโยเอล
-จากนั้นกล่าวถึงสิ่งที่กษัตริย์ดาวิดได้เขียนไว้ถึงหนึ่งในลูกหลานของท่าน
ซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาว่าจะให้เป็นผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่
-ท่านเปโตรยืนยันว่าพระเยซูทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าและพระเมสสิยาห์ พระผู้ช่วยให้รอด
คนที่ฟังพากันกลับใจ 3000 คน

ชีวิตประจำวันของคนในคริสตจักรยุคแรก คืออัครทูตยังคงทำสิ่งมหัศจรรย์ รักษาคนป่วย
มีการพบกันในพระวิหาร พบกันในบ้าน ฟังคำสอน หักขนมปังระลึกถึงพระเยซู อธิษฐานด้วยกัน
ส่วนในชีวิตประจำวันก็คือใช้ชีวิตด้วยกัน แบ่งปันสิ่งที่มี เป็นสังคมที่ไม่เคยมีมาก่อนเลย ในชีวิตประจำวันของคนยิว

พระวิญญาณเสด็จมาตามพระสัญญา

กิจการ 2:1-3
เทศกาลเพนเตคอสต์ เป็นเทศกาลที่ดึงดูดยิวจากพื้นที่ห่างไกล เทศกาลอื่น ๆ อยู่ในช่วงเวลาที่มีพายุ การเดินทางลำบาก เทศกาลนี้ฉลองกันในวันที่ห้าสิบหลังจากเทศกาลปัสกา วันที่ 16 เดือนนิสาน (ซึ่งเป็นเทศกาลที่พระเยซูสิ้นพระชนม์พอดี) เป็นการระลึกถึงการที่พระเจ้าประทานบัญญัติให้จากภูเขาซีนายและเป็นการถวายผลแรกแด่พระเจ้า ถ้าจะนับจากวันที่พระเยซูเสด็จสู่สวรรค์ พวกเขารอมาสิบวันพอดี
เมื่อพวกศิษย์มารวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พระสัญญาที่พระเยซูตรัสไว้ก็เกิดขึ้น มีเสียงพายุสนั่นจากฟ้า เสียงดังสนั่นได้บอกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาด้วยฤทธิ์เดชยิ่งใหญ่ ดังก้องไปทั้งบ้านที่เขารวมกันอยู่ คำว่าวิญญาณ เป็นคำเดียวกับ ลม ลมหายใจ นี่เป็นเสียงของพระวิญญาณที่กำลังเทลงมายังศิษย์ทั้งหลาย ไม่ใช่เป็นลมที่พัดแรง แต่เป็นเสียงเหมือนพายุ

การเทลงมาของพระวิญญาณครั้งนี้ …มีคนเป็นพยานต้นเรื่องถึง 120 คน และไม่ใช่แค่เสียงพายุกล้าเท่านั้น แต่พวกเขายังเห็นเปลวไฟเล็ก ๆ เหนือทุกคน ไฟ เป็นสัญลักษณ์ของการสถิตของพระเจ้า ( ปฐมกาล 15:17, อพยพ 3:2-6, ลูกา 3:16) แต่ครั้งนี้เป็นไฟที่ประหลาด แบ่งให้กับทุกคน มัทธิว 3:11 ยอห์นผู้ให้บัพติศมาบอกว่า พระเยซูจะบัพติศมาท่านด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และด้วยไฟ…
พวกเขาได้ยิน ได้สัมผัสด้วยตา และได้กล่าวออกมาด้วยปากของพวกเขา

นี่เป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ อิสราเอลไม่เคยมีอย่างนี้มาก่อน สิบวันหลังจากที่พระเยซูเสด็จสู่สวรรค์พระองค์ก็ได้ส่งพระวิญญาณผู้ทรงเต็มด้วยฤทธิ์เดชลงมายังคนของพระองค์ คนทั้งหลายเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีเป้าหมายเดียวกัน พระเจ้าองค์เดียวกัน คริสตจักรที่พระเจ้าทรงประสงค์ได้เกิดขึ้นแล้ว ตรงตามพระสัญญาของพระเยซูในมัทธิว 16:18 ที่ว่าพระองค์จะทรงสร้างคริสตจักร และประตูแห่งความตายจะเอาชนะคริสตจักรไม่ได้ และอีกครั้งใน ยอห์น 14:26 พระบิดาจะทรงส่งพระวิญญาณมาในนามของพระองค์เพื่อสอนทุกสิ่งให้ เราจะเห็นจากเหตุการณ์นี้ว่า การบัพติศมาด้วยพระวิญญาณนั้น นำให้ผู้เชื่อได้กลายเป็นพระวิหารแห่งพระวิญญาณ ที่ต้องเติมด้วยพระวิญญาณเสมอ
1** เลวีนิติ 23:15, กิจการ 1:14, โรม 15:6,
2** กิจการ 4:31, ยอห์น 3:8,
3** มัทธิว 3:11,

กิจการ 2:4-8
พอพระวิญญาณทรงเติมเต็มพวกเขา พระองค์ทรงบันดาลให้เขาพูดเป็นภาษาต่าง ๆ ตามท้องถิ่นของคนที่เข้ามาเยี่ยมกรุงเยรูซาเล็มในเวลานั้น ซึ่งน่าจะไม่ต่ำกว่ายี่สิบภาษา ทั้งชายหญิงที่อยู่ในห้องน้ันต่างพูดภาษาท้องถิ่นแตกต่างกันไป ทำให้เรารู้ว่าพระเจ้าทรงพอพระทัยที่จะให้ทั้งชายหญิงเป็นผู้กล่าวพระคำ และทรงเปิดโลกของทุกคนที่เข้ามาให้รู้ว่า พระองค์พอพระทัยให้ชนทุกชาติได้ยินข่าวประเสริฐของพระองค์ ไม่มีอุปสรรคของชาวยิว ชาวต่างชาติตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

คนยิวที่ได้ยินภาษาท้องถิ่นของเขา เป็นคนที่ยำเกรงพระเจ้า มาจากพื้นที่แถบเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งพวกเขามักจะเดินทางเข้ามากรุงเยรูซาเล็มในช่วงเวลาเทศกาล และเทศกาลเพนเตคอสต์ ก็เป็นช่วงเวลาของปีที่เดินทางสะดวกที่สุด อากาศจะดีไม่มีอุปสรรคมากเหมือนช่วงอื่น ๆ ของปี พอได้ยินคำกล่าวยกย่องถึงราชกิจอัศจรรย์ของพระเจ้าเป็นภาษาตนดังนั้น
ก็เลยมาชุมนุมกัน ต่างได้ฟังเรื่องราวในภาษาของตน พวกเขาตั้งคำถามแรกเพราะประหลาดใจมากว่า คนกาลิลีมาพูดภาษาถิ่นของพวกเขาได้อย่างไร พวกเขาตื่นตะลึง ประหลาดใจ พิศวง
4** กิจการ 1:5, มาระโก 16:17, กิจการ 10:46, 19:6, 13:52, 1 โครินธ์ 12:10,28, 30, 13:1
5** ลูกา 2:25, กิจการ 8:2, 10:7, 13:50 
6** กิจการ 4:32, 3:1
7** กิจการ 1:11, 2:12, 14:11-12, มัทธิว 26:73. 8** –

กิจการ 2: 9-13
ตอนที่พระวิญญาณทรงลงมาเหนืออัครทูตและพี่น้องผู้เชื่อในวันเพนเตคอสต์นั้น คนที่ได้ยินพวกเขาพูดภาษาของตนต่างถามกันเป็นคำถามที่สองว่า “นี่หมายความว่าอย่างไร?”
เมื่อเราย้อนไปที่กิจการ 1:4-8 ซึ่งเป็นคำบัญชาของพระเยซูให้พวกเขารอตามพระสัญญาของพระบิดา พระองค์ตรัสว่า อีกไม่กี่วัน พวกเขาจะได้รับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณ เพื่อจะได้ออกไปเป็นพยานฝ่ายพระเยซู ตั้งแต่ในเมืองหลวง ในสะมาเรีย จนสุดปลายแผ่นดิน
จริง ๆ แล้ว นี่เป็นรูปแบบเดียวกันกับก่อนที่พระเยซูจะทำราชกิจของพระองค์ พระวิญญาณทรงลงมาเหนือพระองค์ ในครั้งที่ทรงรับบัพติศมาจากยอห์น ดังนั้น ศิษย์ของพระเยซูจะทำการของพระองค์โดยขึ้นอยู่กับพระวิญญาณเช่นกัน
“เพนเตคอสต์ มีความหมายว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมคริสตจักรของพระองค์ให้พร้อมด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณเพื่อว่าพระเจ้าจะทรงได้รับพระเกียรติสิริท่ามกลางชาติต่าง ๆ ในโลกนี้ ” อ่านเพิ่มเติม ฮาบากุก 2:14
ชาวยิวที่มาจากพื้นที่ต่าง ๆ นั้นได้ยินภาษาท้องถิ่นของเขาจากปากชาวกาลิลีที่ไม่เคยพูดภาษาของพวกเขามาก่อน คำที่พูดคือ พวกเขากล่าวถึงงานอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า จะไม่ให้พวกเขาตกใจ ประหลาดใจ งุนงงได้อย่างไร
ในวันนี้เอง เป็นวันเริ่มต้นของการประกาศพระสิริของพระเจ้าไปตามชาติต่าง ๆ จนสุดปลายโลก โดยพระเจ้าทรงเริ่มให้ด้วยพระวิญญาณของพระองค์เอง
9** 1 เปโตร 1:1, กิจการ 18:2, 16:6, วิวรณ์ 1:11 10** กิจการ16:6,
11** ฮีบรู 2:4, อพยพ 15:11. 12** กิจการ 17:20,

คำเทศนาแรกของท่านเปโตร

กิจการ 2:14-16
คำเทศนาของท่านเปโตรในวันเพนเตคอสต์.
เมื่อท่านเปโตรยืนกล่าวคำปกป้องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น. ท่านยืนขึ้นพร้อมกับอัครทูตอีก 11 ท่าน
ไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว และทุกคนที่กำลังพูดภาษาต่าง ๆ ก็หยุดพูด ทุกคนกลายเป็นฟังท่านเปโตรที่กำลังพูดขึ้นด้วยเสียงอันดัง เป็นคำกล่าวที่ไม่ได้เตรียมมาก่อน แต่เป็นช่วงเวลาที่พระวิญญาณทรงทำการในท่านเปโตร นี่เป็นคำเทศนาแรกต่อผู้คนจำนวนมากที่กำลังจะเชื่อ และเกิดเป็นคริสตจักรของพระเยซูคริสต์ในวันนั้น
การเกิดขึ้นของคริสตจักรครั้งนี้ มีพลังเหลือล้นจากพระเจ้า เหมือนระเบิดที่รุนแรง และคำเทศนาครั้งแรกนั้นก็ขยายเลื่องลือออกไปทั่วดินแดน กลายเป็นการประกาศที่นำออกไปโดยผู้คนจากที่ต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงในชีวิตคนที่เกิดขึ้นทำให้รู้ว่านี่เป็นการทำงานของพระเจ้า
ท่านบอกตรงๆ ว่านี่เก้าโมงเช้าเอง ใครจะไปดื่มเหล้ากัน ส่วนใหญ่แล้วคนยิวที่เคร่งครัดจะไม่กินหรือดื่มจนกว่าบ่ายสามหลังจากที่พวกเขาอธิษฐานกันเสร็จแล้ว
แล้วท่านเปโตรก็กล่าวถึงคำพยากรณ์นานกว่า 700 ปีที่ท่านโยเอลได้กล่าวไว้ นี่แสดงว่าท่านเข้าใจคำพยากรณ์นั้นเป็นอย่างดี …
14. อิสยาห์ 58:1, 15** 1 เธสะโลนิกา 5:7, 1 ซามูเอล 1:15. 16** โจเอล 2:28-32

กิจการ 2:17-18
เปโตรอธิบายเหตุการณ์ประหลาดของวันเพนเตคอสต์ให้ทุกคนได้เข้าใจ
สิ่งที่เกิดขึ้น ที่ทุกคนเห็นนั้น พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าผ่านผู้เผยพระคำโจเอลมาก่อนแล้ว
ยุคสุดท้ายคือ ช่วงเวลาระหว่างพระเยซูเสด็จมาบังเกิดในโลกจนถึงวันที่พระเยซูเสด็จกลับมาอีกที
พระเจ้าจะทรงเทพระวิญญาณมาเหนือคนของพระองค์
โดยไม่จำกัดอายุ เพศ ชนชั้น และจะส่งต่อไปยังทุกชนชาติด้วยไม่เว้นใครเลย พระเยซูคริสต์ทรงทำลายกำแพงที่กั้นระหว่างคนยิวกับคนต่างชาติเรียบร้อย
แต่น่าเสียดาย ยังมียิวที่ไม่ยอมรับเรื่องนี้ คิดว่าพวกเขาเท่านั้นที่พระเจ้าทรงเลือก เปโตรอธิบายเหตุการณ์ประหลาดของวันเพนเตคอสต์ให้ทุกคนได้เข้าใจ
สิ่งที่เกิดขึ้น ที่ทุกคนเห็นนั้น พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าผ่านผู้เผยพระคำโยเอลมาก่อนแล้ว
ยุคสุดท้ายคือ ช่วงเวลาระหว่างพระเยซูเสด็จมาบังเกิดในโลกจนถึงวันที่พระเยซูเสด็จกลับมาอีกที
พระเจ้าจะทรงเทพระวิญญาณมาเหนือคนของพระองค์
โดยไม่จำกัดอายุ เพศ ชนชั้น และจะส่งต่อไปยังทุกชนชาติด้วยไม่เว้นใครเลย พระเยซูคริสต์ทรงทำลายกำแพงที่กั้นระหว่างคนยิวกับคนต่างชาติเรียบร้อย
แต่น่าเสียดาย ยังมียิวที่ไม่ยอมรับเรื่องนี้ ยังมียิวที่คิดว่า พวกเขาเท่านั้นที่พระเจ้าทรงเลือก
17** อิสยาห์ 44:3, เอเสเคียล 11:9, เศคาริยาห์ 12:10, ยอห์น 7:38, กิจการ 10:45, กิจการ 21:9
18** กิจการ 21:4,9, 1 โครินธ์ 12:10

กิจการ 2:19-21
สิ่งที่พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้า ได้สำเร็จไปส่วนหนึ่งแล้วคือการที่พระเจ้าเทพระวิญญาณลงมา
แต่ยังมีคำพยากรณ์อีกที่ยังไม่สำเร็จ คือกล่าวถึงวันที่พระเจ้าจะเสด็จมา
เป็นวันที่จะเห็นหมายสำคัญเกิดขึ้นในธรรมชาติ ในท้องฟ้า ทุกดวงตาจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
และมีการเชิญชวนให้ใครก็ตามที่ร้องออกพระนามของพระเจ้าจะรับการช่วยให้รอด ไม่ได้จำกัดแค่คนยิวอีกต่อไป
19** โยเอล 2:30-31, มาลาคี 4:1-6, เศฟันยาห์ 1:14-18
20** อิสยาห์ 13:10, เอเสเคียล 32:7, มัทธิว 24:29, มาระโก 13:24,25, ลูกา 21:25
21** โรม 10:12-13, สดุดี 86:5, ฮีบรู 4:16

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพระเยซูโดยตรง

กิจการ 2:22-24
เมื่อกล่าวถึงคำพยากรณ์แล้ว ท่านเปโตรหันมากล่าวถึงพระเยซู
เรื่องนี้สำคัญ เพราะขณะที่ท่านเปโตรและผู้เชื่อยืนยันว่า พระเยซูทรงเป็นพระเมสสิยาห์ หรือพระผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมเพื่อนำความรอดบาปมาให้โลกนี้ ยิวส่วนใหญ่ไม่เชื่อ พวกเขาคิดว่าเขาต้องรอต่อไปความเห็นของพวกเขาคือ “ท่านเยซูผู้นี้ไม่ใช่พระเมสสิยาห์” พระเมสสิยาห์จะต้องเป็นนักรบนำพาให้พวกเขาพ้นจากอำนาจการปกครองของคนต่างชาติต่างหาก

คำเทศนาต่อไปตอนนี้ ท่านเปโตร พิสูจน์ให้คนยิวรู้ว่า คนที่พวกเขาตรึงบนไม้กางเขนนั้น เป็นพระเมสสิยาห์จริง ๆเพราะในสามปีที่ผ่านมา พวกเขาได้เห็นการอัศจรรย์ สิ่งที่น่าพิศวง และหมายสำคัญที่พระเยซูทรงกระทำ ผู้ที่ฟังท่านเปโตรอยู่นั้น ก็ได้เห็นเป็นพยานอยู่แล้ว …

ท่านเปโตรยืนยันว่า พระเยซูถูกมอบไว้ให้กับพวกเขาตามที่พระเจ้าทรงวางแผนล่วงหน้า ไม่ใช่เพราะพระเยซูอ่อนแอ พ่ายแพ้คนชั่ว แต่เพราะพระเจ้าทรงกำหนดให้เป็นเช่นนั้น พระเจ้าทรงยอมให้ชาวโรมเป็นผู้ตรึงพระองค์ตามความต้องการของเหล่าผู้นำยิวทั้งหลาย
แต่แล้วพระเจ้าก็ทรงทำตามแผนของพระองค์ต่อไป โดยการให้พระเยซูคืนชีพขึ้นมา ที่พระเยซูคืนชีพเพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า และทรงมีอำนาจเหนือความตาย

22** ยอห์น 3:2, 5:6, 14:10-11, อิสยาห์ 50:5,กิจการ 10:38
23** มัทธิว 26:4, ลูกา 22:22, กิจการ 3:18, 4:28, 1 เปโตร 1:20, กิจการ 5:30,
24** โรม 8:11, 1 โครินธ์ 6:14, 2 โครินธ์ 4:14, เอเฟซัส 1:20, โคโลสี 2:12, 1 เธสะโลนิกา 1:10, ฮีบรู 13:20

กิจการ 2:25-32
พระคำช่วงนี้ ข้อ 25 -32 นี้ เมื่ออ่านครั้งแรกอาจจะเข้าใจยากสักนิด เพราะท่านเปโตรเองก็
กล่าวย้อนไปมา สรุปว่า กษัตริย์ดาวิด เขียนสดุดี 16:8-11 โดยกล่าวถึงผู้หนึ่งที่อยู่ข้างขวามือ ทำให้ท่านไม่กลัว ใจก็ยินดี ลิ้นก็สรรเสริญ มีความหวังใจ เพราะ พระเจ้าจะไม่ทิ้งให้อยู่ในแดนตาย ไม่ต้องเปื่อยเน่า จะคืนชีพขึ้นมา ผู้นั้นกษัตริย์ดาวิดเรียกว่า “องค์บริสุทธิ์” ซึ่งเป็นหนึ่งในวงศ์วานของท่านเป็นลูกหลานของท่านที่ยิ่งใหญ่กว่าท่านมากมายนัก
ดาวิดเองไม่ได้เห็นว่า องค์บริสุทธิ์เป็นใคร แต่คำของท่านเป็นคำพยากรณ์ล่วงหน้ากว่าพันปี!

25** สดุดี 16:8-11, 62:6, 109:31, อิสยาห์ 41:13. 26** สดุดี 16:9, 71:23, 30:11.     27** กิจการ 13:30-37, วิวรณ์ 1:18,    28** สดุดี 16:11, 21:6.   29** กิจการ 13:36.   30** สดุดี 132:11, 89:3-4, เยเรมีย์ 33:14-15   31** สดุดี 16:10, กิจการ  13:15 32** กิจการ 2:24, กิจการ 1:8, 3:15

กิจการ 2:33-36
พระเยซูผู้ที่คืนชีพมานั้น ตอนนี้ ได้ไปอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้าบนสวรรค์แล้ว
และพระองค์เคยสัญญาจะให้พระวิญญาณบริสุทธิ์
พระองค์ก็ทรงทำให้เห็นต่อหน้าต่อตาในวันนี้
เปโตรย้ำอีกชัดเจนว่า พระเจ้าทรงตั้งให้พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระเมสสิยาห์
(คือเป็นทั้งเจ้านาย และพระผู้ช่วยให้รอดของมนุษย์)
33** กิจการ 5:31, ฮีบรู 10:12, ยอห์น 14:26, กิจการ 2:1-11,17 , 10:45. 34** สดุดี 68:18, 110:1, มัทธิว 22:42-45 35** โรม 16:20 36** โรม 14:8-12, 2 โครินธ์ 5:10

คำเชิญให้เชื่อพระเยซู

กิจการ 2:37-41
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำการในจิตใจของผู้คนที่ยืนตรงนั้น (ยอห์น 16:8-11) พวกเขารู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจมาก ๆ พร้อม ๆ กัน เหตุคือพวกเขาปฏิเสธพระเยซู!
เมื่อได้ยินเรื่องการสิ้นชีพ คืนชีพ พระวิญญาณทรงช่วยให้เขาสำนึกถึงบาปในชีวิต
และทรงช่วยให้พวกเขาไม่ต่อต้านอีกต่อไป แต่ยอมรับความจริงที่ได้ยินจากท่านเปโตร และพวกเขาอยากรู้ว่าต้องทำอย่างไร ในเมื่อได้ยินเรื่องเหล่านี้แล้ว
เปโตรบอกทันทีให้พวกเขาเปลี่ยนความคิด ให้เขากลับใจ ซึ่งหมายความว่า ให้เปลี่ยนการดำเนินชีวิตแบบเดิมที่เป็นชีวิตบาป หันหลังให้ทางนั้น หันมาหาพระเจ้า วางใจในพระเยซู และการหันจากบาปนั้นจะทำได้สำเร็จเพราะพระเจ้าทรงช่วยเราและอย่างที่สองท่านให้พวกเขารับบัพติศมา เพื่อสื่อให้ผู้อื่นรู้ว่า ตนตัดสินใจแล้วว่าจะเดินทางของพระเจ้า จะเชื่อวางใจพระเยซู
จากนั้นพวกเขาจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์จากพระเจ้า
ท่านเปโตรย้ำว่า พระเจ้าทรงเรียกทั้งพวกเขา และลูกหลานของพวกเขาที่กำลังจะเกิดมาด้วย รวมไปถึงชนชาติต่าง ๆ ที่พระเจ้าจะทรงเรียกไม่ว่าจะเป็นใครอยู่ในศาสนาอะไร
ท่านเองเตือนพวกเขาให้ช่วยตนเองให้พ้นจากความหลงผิดของคนที่ได้ตรึงพระเยซูบนไม้กางเขน
และในหมู่คนเหล่านั้น มีคนที่ยอมรับคำของเปโตร และรับเชื่อ 3000คนในวันเดียว!
นี่คือวันที่คริสตจักรเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
37** ลูกา 3:10,  กิจการ 22:10 38** ลูกา 24:47, กิจการ22:16, 10:48 39** โยเอล 2:28,32, เอเฟซัส 2:13, 4:4, โรม 8:30. 40**  ฟีลิปปี 2:15, ฉธบ. 32:5. 41** กิจการ 4:4, 13:48, 16:31-34

ชีวิตของคริสตจักรแรก

กิจการ 2:42-43
ผู้เชื่อจากคน 120 คน กลายเป็น 3120 คนในวันเดียว เชื่อแล้วอยู่เฉยหรือ? เปล่าเลย
อัครทูตช่วยสอนพวกเขา มีการพบปะกันเพื่อคุยกันเรื่องของชีวิตใหม่
มีการหักขนมปังคือ การระลึกถึงพระเยซูคริสต์ มีการอธิษฐานเผื่อกันและกัน
ส่วนอัครทูตยังทำการอัศจรรย์ หมายสำคัญต่าง ๆ เพื่อช่วยคนป่วย คนมีปัญหาชีวิต
ความยำเกรงพระเจ้าอยู่ในบรรยากาศนั้น การอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขารู้ว่า
พระเยซูที่ทรงทำการอัศจรรย์และหมายสำคัญนั้น ยังคงทำการของพระองค์ไม่หยุดยั้ง
ผ่านผู้ที่เชื่อในพระองค์​
42** กิจการ 1:14, ฮีบรู 10:25, 1 ยอห์น 1:3
43** กิจการ 2:22, 9:40, 5:15-16

กิจการ 2:44-45
บัดนี้พวกเขามีพระวิญญาณอยู่ในชีวิต เป็นพระคริสต์ที่ทรงคืนชีพอยู่ในพวกเขา
จึงเกิดความแตกต่างอย่างชัดเจน ทุกคนมีหัวใจคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง อยู่กันเป็นชุมชน ตอนนี้พวกเขายังอยู่ในเยรูซาเล็ม
ความรักในหมู่พี่น้องเกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการบังคับ แต่มาจากความเข้าใจในความรักของพระเยซู เกิดจากหัวใจที่เปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง
ผู้เขียนได้บันทึกการมีน้ำใจที่เสียสละอย่างที่พวกเขาไม่เคยเป็นมาก่อน
คนที่เคยตระหนี่ถี่เหนียวก็เปลี่ยนแปลงไป เป็นการเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนสังคม
เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นอย่างนี้ไปได้
44** กิจการ 4:32,34,37, 5:2. 45**  อิสยาห์ 58:7, 1 ยอห์น 3:17, 1 ทิโมธี 6:18-19

กิจการ 2:46-47
พวกเขากลายเป็นกลุ่มชนที่คนอื่นต้องจับตามอง การไปประชุมที่พระวิหารก็ง่ายสำหรับ
ให้พวกเขารวมตัวกันมากฟังพระคำไปพร้อม ๆ กัน การรวมตัวในบ้านก็ช่วยให้มีโอกาส
ถามสิ่งที่สงสัย ช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ได้มีการอธิษฐานเผื่อกันอย่างใกล้ชิด
พวกเขาได้สรรเสริญพระเจ้าและเป็นที่ชื่นใจของคนอื่น ๆ ด้วย แถมยังมีคนเข้ามาเชื่อ
ทุก ๆ วันอีก … อย่างนี้พวกฟาริสีจะว่าอย่างไร? รัฐบาลโรมจะทนไหม?
46**  กิจการ 1:14, ลูกา 24:30,53, 2:42, 20:7, 1 โครินธ์ 10:16
47**. กิจการ 5:14, 16:5, 1 โครินธ์ 1:18

กิจการ 1 พระเยซูเสด็จไป พระวิญญาณเสด็จมา

หนังสือกิจการนี้ เป็นเรื่องราวของคริสตจักรที่ขยายจากเยรูซาเล็มไปตามที่ต่าง ๆ จนถึงโรม  และบุคคลสำคัญที่ถูกบันทึกไว้คือองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ทรงทำการผ่านเหล่าอัครทูตของพระเยซูคริสต์ 
ผู้เขียนคือท่านลูกา เป็นทั้งเพื่อนร่วมงาน ทั้งแพทย์ประจำตัวของท่านเปาโล  ท่านเขียนโดยได้รับการดลใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์  เวลาเขียนน่าจะอยู่ราว ๆ ปี ค.ศ. 60-68  งานเขียนของท่านทำให้เราเห็นว่า พระเยซูทรงเริ่มต้นคริสตจักรอย่างไร ลักษณะของคริสตจักรเป็นอย่างไร  และคริสตจักรมีหน้าที่อย่างไรบ้าง   
สิ่งสำคัญคือ คริสตจักรจะต้องถวายพระเกียรติแด่พระคริสต์เสมอ  ต้องภักดีต่อพระองค์ ด้วยฤทธิ์ของพระวิญญาณที่ทรงทำการผ่านพระกายของพระองค์

พระสัญญาเรื่องพระวิญญาณ

เลือกคนแทนยูดาส

คำอธิบายเพิ่มเติม คลิกที่นี่

กิจการ 1 อธิบายและพระคำอ้างอิง

กิจการ 1:1-3 ท่านลูกาบอกให้รู้พระเยซูทรงอยู่อีกสี่สิบวันหลังคืนพระชนม์
ท่านลูกาอ้างอิงไปถึงงานเขียนครั้งที่แล้วคือหนังสือลูกา   หนังสือกิจการเป็นเล่มที่สองของท่าน  โดยทั้งสองเล่มส่งไปให้ผู้อ่านคนเดียวกันชื่อ เธโอฟีลัส (ชื่อแปลว่า ที่รักของพระเจ้า)
ท่านลูกาบอกชัดเจนว่าในหนังสือเล่มแรกได้กล่าวถึงสิ่งที่พระเยซูตั้งต้นทำ และคำสอนของพระองค์ ส่วนในเล่มนี้ ท่านกล่าวถึงการที่พระเยซูทรงยืนยันด้วยพระองค์เองว่าพระองค์ทรงคืนชีพจากความตาย  พระองค์ทรงมีชีวิตอยู่จริง  ในสี่สิบก่อนเสด็จสู่สวรรค์​  ซึ่งแค่ในพระคัมภีร์เราก็เห็นหลาย ๆ ตอนแล้วที่อัครทูต ศิษย์  และคนอื่น ๆ ได้เห็น ได้คุย กินอาหารกับพระองค์ในช่วงเวลานั้น (อ่านพระกิตติคุณ 4 เล่ม ในบทสุดท้ายจะเห็นชัดเจน )
งานและคำสอนของพระเยซูก่อนที่จะทรงเสด็จสู่สวรรค์ก็คือเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า  เรื่องการที่พวกเขาจะต้องออกไปประกาศพระนามของพระองค์นี่เป็นรากฐานแห่งความเชื่อของคริสเตียนที่ได้เห็น ได้อยู่กับพระองค์ ตลอดเวลาที่ทรงอยู่กับพวกเขา

1* ลูกา 1:3  2-มาระโก 16:19,กิจการ 1:9,11,22, มัทธิว 28:19, มาระโก 16:15, ยอห์น 20:21, กิจการ 10:42  3* มัทธิว 28:17, มาระโก 16:12,14, ลูกา 24:34-36, ยอห์น 20:19,26, 21:1,14, 1 โครินธ์ 15:5-7

กิจการ 1:4-5  พระสัญญาเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่ก่อนที่พวกเขาจะทำตามพระบัญชานั้น พระเยซูทรงกำชับหนักแน่นให้พวกเขารอรับพระวิญญาณในกรุงเยรูซาเล็มก่อน  อย่าออกไปจากเมือง!
พระวิญญาณทรงเป็นผู้ที่จะขับเคลื่อนงาน และคนที่จะทำ    ท่านลูกากำลังรายงานว่า งานทั้งหมดที่จะทำต่อไปเกิดขึ้นจากพลังแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์คือผู้ที่สำคัญที่สุด สำหรับการสร้างคริสตจักร
คำว่า บัพติศมา ในที่นี้แปลว่า จุ่ม พระเยซูทรงกล่าวถึงยอห์นว่าได้ให้การจุ่มน้ำบัพติศมา เป็นการบอกว่ากลับใจใหม่ ได้รับการชำระ แต่ พระเยซูจะเป็นผู้ให้คริสเตียนรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ยอห์น 7:39)  
ซึ่งเป็นการรับพระวิญญาณและฤทธิ์เดชของพระเจ้าเข้ามาอยู่ในชีวิต จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง และทำให้ชีวิตเกิดผลไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

4*  ลูกา 24:49, ยอห์น 14:16,17,26, 15:26, กิจการ 2:33 5* มัทธิว 3:11,มาระโก 1:8, ลูกา 3:16, ยอห์น 1:33, กิจการ 11:16, โยเอล 2:28

กิจการ1:6-7 คำถามของศิษย์ก่อนจะจากกัน การเสด็จสู่สวรรค์ 
ตั้งแต่สมัยของเนบูคัดเนสซาร์ ยิวก็ไม่ได้มีอาณาจักรของตนเอง  ดังนั้นยิวทุกคนปราถนาให้มีพระเมสสิยาห์มาช่วยกู้พวกเขา   พวกศิษย์ก็สงสัยว่า พระเยซูจะทรงกู้ชาติกลับคืนมา จึงถามพระองค์ตรง ๆ  พวกเขายังติดที่จะมองพระองค์เป็นภาพของอำนาจทางการเมือง พระเยซูไม่ตอบคำถามตรง ๆ แต่บอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องของเขาที่จะรู้

6* ลูกา 19:11, 17:20  7* 1 เธสะโลนิกา 5:1, มัทธิว 24:36, มาระโก 13:32,

8 คำสอนครั้งสุดท้ายและพระสัญญาก่อนการเสด็จสู่สวรรค์ พระเยซูทรงเตือนพวกเขาว่า พระวิญญาณจะเสด็จมาเป็นฤทธิ์เดชเพื่อให้พวกเขาเป็นพยานเพื่อพระองค์จนสุดปลายโลกเลยทีเดียว

8* กิจการ 2:1,4, ลูกา 24:48-49, ยอห์น 15:27, กิจการ 8:1, 5, 14, มัทธิว 28:19, มาระโก 16:15, โรม 10:18, โคโลสี 1:23, วิวรณ์ 14:6

9-11  พระเยซูเสด็จสู่สวรรค์ ขณะที่พระองค์กำลังอยู่ต่อหน้าต่อตา กำลังตรัสอวยพรพวกเขา (ลูกา 24:51) พระองค์ก็ทรงถูกรับขึ้นไป ทรงลอยขึ้นไปและลับไปจากสายตาของศิษย์ที่อยู่ด้วยในเวลานั้น ตามพระดำรัสในยอห์น  7:33-34  พระองค์เสด็จสู่สวรรค์นอกเยรูซาเล็มที่บ้านเบธานี เนินเขามะกอกเทศ   และมีทูตสวรรค์มา
บอกพวกเขาว่า พระองค์จะทรงกลับมาในแบบเดียวกัน คือมาด้วยพระกายนี้ ณ สถานที่นี้
คนที่อยู่ในเหตุการณ์พบว่า พระเยซูทรงคืนชีพจริง เพราะเขาได้ยินพระองค์ อยู่กับพระองค์ และยังได้เป็นพยานการเสด็จสู่สวรรค์ของพระองค์ด้วย

9*  ลูกา 24:50,51, สดุดี 68:18,110:1, มาระโก 16:19, ลูกา 23:43, ยอห์น 20:17, กิจการ 1:2, ฮีบรู 4:14, 9:24, 1 เปโตร 3:22 10* มัทธิว 28:3, มาระโก 16:5, ลูกา 24:4, ยอห์น 20:12, กิจการ 10:3,30 11* ดาเนียล 7:13, มาระโก 13:26, ลูกา 21:27,  ยอห์น 14:3,  2 เธสะโลนิกา 1:10, วิวรณ์ 1:7

12-14  มีรายชื่อของคนที่ไปยังห้องชั้นบน ซึ่งคงมีคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อนี้ด้วย  เราจะเห็นว่ามีทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่เข้าไปร่วมกันอธิษฐานในห้องชั้นบน และมีมากถึง 120 คน คนเหล่านี้เป็นผู้เชื่อที่จะสร้างคริสตจักรร่วมกับพระวิญญาณในยุคแรกนี้

12* ลูกา 24:52  13- มาระโก 14:15, ลูกา 22:12, กิจการ 9:37, 39, 20:8, มัทธิว 10:2-4, ลูกา 6:15, ยูดา 1 14* กิจการ 2:1,46, ลูกา 23:49, 55, มัทธิว 13:55 

15-19   เปโตร ตอนนี้ท่านทำหน้าที่เป็นผู้ที่นำให้พันธกิจดำเนินต่อไป โดยได้อ้างถึงคำของราชาดาวิดที่บันทึกไว้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ทรยศพระบุตรพระเจ้า  ท่านยืนยันว่า พระคำของพระเจ้าจะต้องสำเร็จทุกอย่าง มัทธิว  27:3-8 ได้กล่าวถึงการสิ้นชีวิตของยูดาสว่า เขาแขวนคอตาย แต่ในกิจการ 1 ตอนนี้บอกว่าเขาตกลงมา ไส้ทะลักออกมา มีความเห็นว่า เขาแขวนคอแล้วเมื่อร่างค่อย ๆ เน่าเปื่อย ร่างก็คงหล่นลงมาตามนั้น เปโตรได้กล่าวย้อนไปที่พระคำสดุดี ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ทรยศพระเยซู คือให้ที่ของเขาร้าง ไม่มีใครอยู่ และให้คนมาแทนตำแหน่งของเขา

15* ลูกา 22:32, วิวรณ์ 3:4 16* สดุดี 41:9, ลูกา 22:47  17* มัทธิว 10:4, กิจการ 1:25   18* มัทธิว 27:3-10, มาระโก 14:21, 26:14, 15

20-23 เปโตรได้เสนอให้เลือกคนแทนยูดาส คุณสมบัติของคนที่เลือกมาทั้งสอง   คือต้องอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ต้นการทำงานของพระเยซู จากที่พระองค์รับบัพติศมาจนถึงวันที่เสด็จสู่สวรรค์  คนๆ นี้สามารถเล่าเรื่องที่ตนเห็นด้วยตาของตนเองได้เหมือนอัครทูตคนอื่น ๆ
และก็มีการเสนอชื่อสองคน ที่มีคุณสมบัติดังกล่าว

20* สดุดี 69:25, 109:8,22* กิจการ 1:8-9, 2:32 23* กิจการ 15:22

24-26  อัครทูตอธิษฐานและจับฉลากเลือกคนที่พระเจ้าทรงเลือก  ในยุคก่อนที่จะมีการเติมด้วยพระวิญญาณ สมัยโมเสสใช้วิธีนี้กันตามกันมาหลายร้อยปี  (เลวีนิติ  16:8)  พระเจ้าก็ทรงให้คำตอบกับพวกเขาตามความเชื่อมั่นที่เขามีต่อพระองค์  และนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่มีบันทึกไว้ในพระคัมภีร์

24* 1 ซามูเอล 16:7  25* กิจการ 1:17  26* โยชูวา 18:10, เลวีนิติ 16:8

1 เธสะโลนิกา 1 ตัวอย่างที่เยี่ยมยอด

จากเปาโล สิลาส และทิโมธี ถึง
คริสตจักรเมืองเธสะโลนิกา ซึ่งอยู่ในพระเจ้าพระบิดา และพระเยซูคริสต์เจ้า ขอพระคุณ และสันติสุขจาก พระเจ้าพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสตเจ้ามาถึงพวกท่าน
1 เธสะโลนิกา 1:1

กิจการ 16:19-30, 1 เธสะโลนิกา 3:2

สิลาส เคยเข้าคุกพร้อมท่านเปาโล
ส่วนทิโมธี พ่อเป็นกรีก แม่เป็นยิว
รักพระเจ้ามาตั้งแต่เด็ก
และเดินทางไปประกาศกับเปาโลหลายแห่ง ท่านเคยส่งเขาไปรับใช้ในเมืองเธสะโลนิกาด้วย

เราขอบพระคุณพระเจ้า
เพราะท่านทุกคนอย่างต่อเนื่อง เมื่อเราอธิษฐาน
ก็เอ่ยถึงท่านเสมอ
1 เธสะโลนิกา 1:2

โรม 1:8 ,กิจการ 17:1-9

ที่เมืองเธสะโลนิกา ท่านเปาโลไปประกาศ หลายคนกลับมาเชื่อ แต่ก็มีเรื่องวุ่นวาย พระเจ้าทรงให้ เกิดผล ท่านเปาโล และเพื่อนร่วมงานของท่าน อธิษฐานเผื่อ ขอบพระคุณเพราะพวกเขาไม่หยุดหย่อน นี่เป็นต้นแบบการทำงาน รับใช้แล้ว ก็ยังอธิษฐานเผื่อต่อไป

ต่อพระพักตร์พระเจ้าของเรา และพระบิดา เราไม่หยุดที่จะระลึกถึงการกระทำที่เกิดจากความเชื่อ ทั้งหยาดเหงื่อแรงงานที่เกิดจากความรัก และความอดทนที่เกิดจากความหวังในพระเยซูคริสตเจ้าของเรา
1 เธสะโลนิกา 1:3

ยอห์น 6:29, โรม 16:6

ท่านเปาโลไม่อาจลืมคริสเตียนในคริสตจักรเมืองเธสะโลนิกาได้ เพราะการกระทำ การงาน ความ
อดทนของพวกเขา เหนือชั้นจริง ๆ เราจะเห็นสามสิ่งที่สำคัญ คือ ความเชื่อ ความรัก และความหวัง ในพวกเขาเหล่านี้ นี่เป็นสูตรของชีวิตเราเช่นกัน

พี่น้องที่รักของพระเจ้า เรารู้ว่า ท่านได้รับการทรงเลือกจากพระ องค์แล้ว เพราะข่าวประเสริฐไม่ได้มาถึงท่านแค่ถ้อยคำเท่านั้น แต่มาพร้อมกับฤทธิ์พระวิญญาณบริสุทธิ์ และเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจ ตามที่ท่านรู้ว่า เพราะเห็นแก่ท่าน พวกเราเป็นคนอย่างไรท่ามกลางพวกท่าน
1 เธสะโลนิกา 1:4-5

โคโลสี 3:12, มาระโก 16:20, 2 โครินธ์ 6:6, ฮีบรู 2:3

ท่านเปาโลแน่ใจได้อย่างไรว่า พระเจ้าทรงเลือกพี่น้องชาวเธสะโลนิกาจริง? เพราะพระเจ้าทรงรักพวกเขา และพวกเขาได้
ตอบรับถ้อยคำของพระเจ้าอย่างมั่นใจ ได้มาพร้อมกับฤทธิ์พระวิญญาณที่เปลี่ยนชีวิต พวกเขาทำงานด้วยความรัก ความหวังใจในพระเจ้า

และท่านได้เลียนแบบชีวิตของเราและองค์พระผู้เป็นเจ้า ถึงแม้ถูกกดขี่ข่มเหงอย่างรุนแรง แต่ท่านยังต้อนรับพระคำด้วยความยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านได้กลายเป็นตัวอย่างให้กับผู้เชื่อทุกคนในแคว้นมาซิโดเนีย และอาคายา
1 เธสะโลนิกา 1:6-7

ลูกา 6:22, มัทธิว 5:10-12, 1 โครินธ์ 4:6, 11:1,กิจการ 5:41,13:52

คนที่รับพระคำของ พระเจ้าโดยไม่ย่อท้อแม้มีความลำบาก เป็นผู้เชื่อ ที่เข้มแข็ง อดทน คนเหล่านี้ จะได้รับบำเหน็จของพระเจ้าที่เหนือคนทั่ว ๆ ไปด้วยซ้ำ ในหลายประเทศที่ห้ามออกชื่อพระนามเยซู อย่าได้เอ่ยนามนี้ จะต้องโดนขัง โดนทำโทษ เราพบว่ามีผู้เชื่อจำนวนมากมายที่ต้องหนีจากบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อจะได้นมัสการ พระเจ้าอย่างอิสระ พระคำตอนนี้จึงเป็นพระคำสำหรับยุคปัจจุบันอย่างแท้จริง

เพราะพระคำของพระเจ้าได้เลื่องลือออกไปจากพวกท่าน ไม่เฉพาะในแคว้นมาซิโดเนีย กับแคว้นอาคายาเท่านั้น แต่ความเชื่อของท่านเป็นที่รู้กันทุกแห่ง เราจึงไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรอีก
1 เธสะโลนิกา 1:8

โรม 10:18, 1:8,16:19

เมื่อใครคนหนึ่งเชื่อพระเจ้า เมื่อเขารู้ว่า พระเจทรงยิ่งใหญ่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะแบ่งปันสิ่งดีที่สุด
ในชีวิตให้กับคนรอบข้าง อดไม่ได้ที่ชีวิตเปลี่ยน แปลงจะเป็นที่กล่าวขานไปทั่ว บางที เรามารู้จักพระเจ้า แต่นิสัยใจคอไม่เปลี่ยน
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราต้องหันกลับมาคิด ดี ๆ ว่า เราพบพระองค์จริงหรือเปล่า

เพราะคนเหล่านั้น รายงานเรื่องของเราว่า ท่านต้อนรับเราอย่างไร และท่านได้หันจากรูปเคารพ มาหาพระเจ้า เพื่อรับใช้พระเจ้าเที่ยงแท้ผู้ทรงพระชนม์อย่างไร
1 เธสะโลนิกา 1:9

1 เธสะโลนิกา 2:1, 1 โครินธ์ 12:2

การรับเชื่อพระเจ้าครั้งนี้ของพวกเขา ไม่ปลอม แต่เป็นจริง เพราะเห็นได้ว่า เขาได้หันหลังให้กับชีวิตแบบเดิม ที่ผ่านมาเราพบว่า เมื่อใครคนหนึ่งมีประสบการณ์ กับพระเจ้าจริง ๆ เขาก็ไม่อาจทนมีชีวิตกับรูป เคารพเหล่านั้นได้อีกเลย

และตั้งตาคอยพระบุตรของพระเจ้าจากสวรรค์ คือพระเยซูผู้ที่พระองค์ทรงให้คืนชีพขึ้นมา พระเยซูองค์นี้จะทรงช่วยกู้เราให้พ้นจากพระพิโรธที่กำลังจะมา
1 เธสะโลนิกา 1:10

โรม 2:7, โรม 5:9

คำว่าตั้งตาคอยนี้ คือ เรารอการเสด็จมาของพระเจ้าอย่างกระตือรือร้น รอด้วยความหวังใจ ซึ่งจะส่งผลให้เรามีชีวิตที่มีชีวิตชีวา เร่าร้อนในการรับใช้ ที่พระเยซูทรงช่วยให้พ้นจากพระพิโรธก็เพราะ ทรงรับโทษบาปของคนที่เชื่อในพระองค์ไปแล้วที่ไม้กางเขน เราจึงไม่ต้องกลัว พระพิโรธของพระเจ้าอีกต่อไป