คำอธิบายเพิ่มเติมและพระคำเชื่อมโยง ยอห์น 11

น้องชายที่จากไป

ยอห์น 11:1-2
หมู่บ้านเบธานีอยู่ทางตะวันตกของภูเขามะกอกเทศ ไม่ใช่เบธานีที่อยู่อีกด้านของแม่น้ำจอร์แดน (ยอห์น 1:28) ท่านยอห์นได้แนะนำให้เรารู้ว่า มารีย์น้องสาวคนนี้เป็นคนเดียวกับที่เคยชโลมพระบาทพระเยซู (มัทธิว 26:13) น่าสนใจที่ท่านยอห์น
เริ่มต้นเรื่องนี้ด้วยการแนะนำมารีย์เช่นนี้ จากนั้นจึงเล่าเรื่องว่าลาซารัสน้องชายป่วยหนักมากจนต้องพึ่งพระเยซู เพราะท่าทางเป็นไปได้ว่าลาซารัสต้องตายแน่ พระเยซูทรงสนิทกับสามพี่น้องนี้เป็นพิเศษ
1* ลูกา 10:38-39. 2* ยอห์น 12:3

ยอห์น 11:3-6
เธอได้ส่งข่าวไปให้พระเยซูทราบโดยใช้คำว่า “คนที่ทรงรักกำลังป่วยหนัก” แค่นี้เป็นที่เข้าใจแล้วว่า พวกเขาต้องการความช่วยเหลือขนาดไหน แต่ดูสิ ในเวลาที่ลาซารัสตายไปแล้ว พระเยซูกลับทรงบอกศิษย์ว่า เขาไม่ตายแต่จะเป็นการถวายพระเกียรติพระเจ้า และพระบุตรจะได้รับเกียรตินั่นคือ การคืนชีพของลาซารัสจะเป็นการถวายเกียรติแด่พระบุตรผู้ทรงทำให้เขาฟื้นขึ้นมา จากดำรัสของพระเยซู เราเห็นได้เลยว่า พระองค์ทรงรู้ ทรงเห็นว่า เกิดอะไรขึ้นที่บ้านเบธานี. ท่านยอห์นได้บันทึกไว้ว่าพระเยซูทรงรักพี่น้องทั้งสาม… แต่พระองค์ก็ไม่ทรงลนลานรีบไป วิธีของพระองค์นั้น นิ่งจนน่าแปลกใจ พระองค์ยังคงอยู่ที่เดิมอีกสองวันเสียด้วยซ้ำคิดดูแล้วกันว่า อีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร .. น้องชายตาย ต้องทำศพ พันผ้า เอาศพไปไว้ในถ้ำเก็บศพต้องมีน้ำตามากมาย ฟูมฟายกันขนาดไหน และทั้ง ๆ ที่พระองค์จะสั่งให้ลาซารัสหายป่วย แบบทางไกลก็ได้ แต่พระองค์ไม่ทรงทำเช่นนั้น
3* ยอห์น 11:5,11,36. 4* ยอห์น 11:11, มัทธิว 9:24, ยอห์น 9:3, 13:31. 5* – 6* ยอห์น 2:4, 7:6,8

ยอห์น 11:7-10
ตอนนี้พระเยซูทรงอยู่ที่perea พ้นไปจากจอร์แดน แต่ศิษย์ของพระองค์ทูลเตือนว่า ยิวต้องการจะเอาหินขว้างพระองค์อยู่ แล้วจะไปให้มีเรื่องทำไม.. การที่พระองค์ตรัสว่า กลางวันมีสิบสองชั่วโมง นั่นคือ พระองค์ยังมีงานที่ต้องทำอยู่ สิิบสองชั่วโมง
เป็นคำเปรียบเทียบหมายถึงเวลาที่พระเจ้าทรงจัดไว้ให้พระองค์ทำราชกิจในโลกนี้ และในช่วงเวลาที่ต้องทำงานนั้น จะไม่มีอันตรายมาถึงได้เลย ต้องรีบทำงานก่อนจะถึงวันสุดท้ายของพระองค์
7* ยอห์น 10:40, 8* ยอห์น 1:38, 8:59, 10:31 9* ลูกา 13:33, ยอห์น 9;4, 1 ยอห์น 2:1010* เยเรมีย์ 13:16

ยอห์น 11:11-16
เมื่อพระเยซูตรัสว่า เขาหลับอยู่ ท่านยอห์นผู้เขียนก็อธิบายด้วยว่า คำของพระเยซูหมายถึงตายแล้ว แต่ศิษย์ไม่เข้าใจเช่นนั้น พวกเขาคิดว่าถ้าหลับอยู่ ก็จะหายป่วยได้ถ้าพระเยซูทรงไปรักษาเขา ทำให้พระเยซูต้องอธิบายอีกครั้งว่า ความจริงคือลาซารัสตาย แต่พวกเขาจะได้เห็นสิ่งที่ทำให้เชื่อมากขึ้น การที่พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อรักษานั้นกลับกลายเป็นโอกาสที่จะทำให้พระองค์ทรงทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น มีการกล่าวถึงแฝดโธมัส แต่เราไม่ทราบว่า เขาเป็นแฝดของใคร แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นคือ เมื่อเขาจะไปกับพระเยซูไม่ว่าที่ไหน เขาคิดว่าจะตายพร้อมกับพระองค์ได้ เขาพูดทั้ง ๆ ที่ยังไม่เข้าใจ การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นความจงรักภักดีจากใจของเขา
11* มัทธิว 9:24, 16* ยอห์น 14:5, 20:26-28

ผู้ที่เป็นชีวิตแท้จริง

ยอห์น 11:17-22
เหตุการณ์ต่อมาคือที่บ้านของลาซารัสเอง มีเพื่อน ๆ มาปลอบใจพี่น้องที่เสียน้องชายไป ศพถูกเก็บไว้สี่วัน อากาศร้อนอบอ้าวทำให้ศพเน่าเปื่อยเร็วขึ้น และวันนั้นเป็นวันที่พระเยซูมาถึง
ในตะวันออกกลางแม้ว่าเขาจะเอาศพไปเก็บทันที แต่งานศพยังมีต่อเนื่องเพื่อให้เพื่อนฝูงได้แสดงความเสียใจกับญาติของผู้ตาย แล้วมีคนมาเรียกหามารธาว่า พระเยซูมาแล้ว เธอรีบออกไปพบพระองค์ สิ่งที่เธอกล่าวออกมานั้นมีความเชื่อว่า ถ้าพระเยซูอยู่ น้องชายจะไม่ตาย เธอมั่นใจว่าเธอขออะไรพระองค์จะตอบ แต่คำพูดนั้นแฝงด้วยคำตัดพ้อนิด ๆ และไม่ได้เชื่อว่า พระเยซูจะช่วยอะไรได้ไปมากกว่านี้ เป็นเรื่องปกติที่จะคิดว่า พระองค์ทำได้ระดับหนึ่ง แต่เธอไม่ได้คิดว่า ทรงทำได้ทุกอย่าง
ถึงกระนั้น มารธาก็ยังเชื่อวางใจพระเยซู
22* ยอห์น 9:31, 11:41

ยอห์น 11:23-26
แต่แล้วพระเยซูกลับทรงตรัสว่า น้องชายจะฟื้นขึ้นมา เธอเองก็มั่นใจว่า น้องจะฟื้นในวันสุดท้ายของโลก เป็นความเชื่อของยิวฝ่ายฟาริสีที่ชัดเจน แต่พระเยซูทรงหมายความว่าจะฟื้นวันนี้ ทรงยืนยันให้เธอทราบว่า พระองค์คือ ผู้ที่ฟื้นชีวิตคนตาย พระองค์คือชีวิต.. ทรงเป็นต้นกำเนิดของชีวิต ทรงเป็นแหล่งชีวิต ใครเชื่อพระองค์จะไม่ตายอีกเลย แม้ว่ากายตายแต่วิญญาณยังมีชีวิต
พระองค์ถามว่าเธอเชื่อหรือไม่…ที่ทรงถามเพราะต้องการความเชื่อจากปาก จากใจของเธอ เพื่อตัวเธอเองจะได้รับพระพรจากพระเจ้า
ยอห์น 5:29, 25* ยอห์น 5:21, 6:39, 40,44. ยอห์น 5:10, 1โครินธ์ 15:22

ยอห์น 11:27-29
มารธาไม่ลังเลแม้แต่น้อย เธอมั่นใจว่าพระเยซูทรงเป็นพระเมสสิยาห์พระบุตรของพระเจ้าที่ทรงส่งมาในโลก เธอย้ำชัดเจน..พระบุตรพระเจ้าที่ถูกส่งมา นี่เป็นความมั่นใจที่เราต้องมีเช่นกัน
จากนั้นเธอรีบไปบอกมารีย์แบบไม่ให้ใครรู้ว่า พระอาจารย์ทรงถามหาเธอ น้องสาวก็รีบไปพบพระองค์ แม้พระองค์จะเป็นพระเจ้าที่ถูกส่งมา แต่ในสายตาของเธอ พระองค์ทรงเป็นพระอาจารย์ด้วย
27* มัทธิว 16:16

ยอห์น 11:30-33
เมื่อมารีย์พบพระองค์ เธอก็พูดเหมือนพี่สาว เป็นคำพูดที่มีทั้งความเชื่อ และมีความน้อยใจแฝงอยู่ เมื่อพระเยซูทรงเห็นความโศกเศร้า น้ำตาของทุกคนในที่น้ัน พระเยซูทรงสะเทือนพระทัย เป็นอย่างยิ่ง ภาษากรีกเดิมนั้นมีความหมายว่า ถอนใจเหมือนกับม้า ซึ่งทำให้เห็นเห็นถึงความรู้สึกโกรธ และไม่พอใจในเวลาเดียวกัน พระองค์ทรงไม่พอใจศัตรูของพระเจ้า ผู้ชั่วร้ายที่ทำลายมนุษย์ที่ทำให้มนุษย์ต้องตกในความตาย
31* ยอห์น 11:19, 33, 32* วิวรณ์ 1:17, ยอห์น 11:21

ยอห์น 11:34-37
ทรงให้พวกเขาพาไปดูที่เก็บศพของลาซารัส พระเยซูทรงร้องไห้ด้วย ร้องกับความทุกข์ใจของทุกคนที่มา และร้องให้กับความน่าสลดใจของชีวิตมนุษย์ที่ต้องเจอกับความตาย ทั้ง ๆ ที่พระเจ้าทรงสร้างพวกเขามาให้พบความสุขในพระองค์​ พวกยิวเห็นพระเยซูร้องไห้ ก็เริ่มออกความเห็นกันว่า พระองค์ทรงรักลาซารัสมาก และบางคนพูดถึงกับว่า พระองค์น่าจะทำให้ลาซารัสไม่ตายก็ได้พวกเขาคงเห็นการอัศจรรย์ที่พระเยซูทรงทำมาหลายอย่าง และสรุปไปเลยว่า พระองค์ทรงทำได้ทุกอย่าง
35* ลูกา 19:41 37*ยอห์น 9:6-7, 38* มัทธิว 27:60-61

ลาซารัสคืนชีพ

ยอห์น 11:38-40
พระเยซูขอให้เปิดถ้ำทำไมกัน พระองค์เศร้ามากจนอยากเห็นลาซารัสอีกครั้งหรือ พวกเขาต่างให้เหตุผลว่าไม่น่าเปิดเพราะศพเน่าแล้ว แต่พระองค์กลับตรัสว่า ถ้าเชื่อก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า คำของพระองค์นี้ ถามเราทุกคนเช่นกัน ไม่ว่าเราตกอยู่ในสถานการณ์ใด พระองค์ยังคงตรัสว่า เชื่อแล้วจะเห็นความยิ่งใหญ่ หรือความมหัศจรรย์ การช่วยเหลือ ที่ไม่คาดฝันว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอนพระเจ้าทรงทำการยิ่งใหญ่ทั้ง ๆ ที่เราไม่มีความเชื่อก็ได้. แต่ว่าอะไรล่ะ จะดีสำหรับเรามากกว่ากัน? อะไรล่ะ ที่ทำให้เราเกิดใจกตัญญู และเห็นพระสิริของพระเจ้า?
38* มัทธิว 27:60,66, 40* ยอห์น 11:4, 23

ยอห์น 11:41-43
แล้วพระเยซูทรงอธิษฐานขอบพระคุณที่พระบิดาทรงฟังเสมอ และทรงกล่าวว่าเหตุใดจึงทรงมายืนอยู่หน้าถ้ำ. นี่เป็นการอธิษฐานในที่ ๆ มีคนมากมาย เป็นคำอธิษฐานที่บอกว่า ทรงรู้จักพระบิดา และสนิทกับพระองค์ เป็นอย่างมาก ทรงอธิษฐานก่อนก็เพื่อคนทั้งหลายจะได้เชื่อว่า พระเจ้าทรงส่งพระองค์มาจริง ๆ จากนั้นก็ทรงเรียกลาซารัสออกมาด้วยเสียงดังมาก ทรงตะโกนจากปากถ้ำเข้าไปในถ้ำเป็นคำง่าย ๆ ใน คิดดูว่า เหตุการณ์ในตอนนี้ระทึกขนาดไหน คนที่เห็นลาซารัสจะเห็นเขาเป็นคนหรือเห็นเป็นผี?คำตรัสของพระเยซูสั้นมาก ในภาษาเดิมจะเป็น… ลาซารัส ออกมา …​
42* ยอห์น 12:30, 17:21,

ยอห์น 11:44
ทันทีที่ตรัสสั่ง ท่านยอห์นบันทึกว่า และผู้ที่ตายไปแล้ว.. ก็ออกมา นับเป็นเหตุการณ์เหลือเชื่อ สุดบรรยายเป็นพวกเราอาจวิ่งหนีกัน … คนที่เห็นต่างตะลึงไปตาม ๆ กัน การฟื้นครั้งนี้ของลาซารัส เป็นการฟื้นมาโดยเขาจะตายอีกครั้ง ไม่ได้เป็นการคืนชีพแบบที่พระเยซูทรงฟื้นจากตาย แปลกที่ว่าเขาเดินออกมาเอง โดยมีแถบพันมือ พันขา และพันหน้าของเขาไว้ เหมือนกับลอยออกมาหรือเปล่านี่?​ พระเยซูทรงสั่งให้เอาผ้าที่ พันอยู่นั้นออกมา และปล่อยให้เขาเป็นอิสระ แน่นอนที่ว่า ลาซารัสฟื้นขึ้นมาโดยไม่มีความเน่าในตัวของเขาให้เป็นที่รังเกียจ ฟื้นขึ้นมา ไม่มีโรคที่ทำให้เขาตายในตัวอีกต่อไป เขาจะกลับไปเป็นน้องชายที่อยู่ในครอบครัวซึ่งเป็นที่ รักของพระเยซูต่อไป
44* ยอห์น 19:40, 20:7

แผนฆ่าพระเยซู

ยอห์น 11:45-46
คราวนี้ ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ก็แตกออกเป็นสองฝ่ายอีก เมื่อพระเยซูทรงทำการมหัศจรรย์ทีไร ก็มักเกิดการแตกคอกัน เพราะพวกหนึ่งจะเชื่อและเชื่อมากขึ้น พวกเขากลายเป็นผู้ที่ติดตามพระองค์ต่อไป เขาเชื่อว่า พระเยซูมาจากพระเจ้าจริง ๆ อย่างที่
พระองค์ตรัสแล้วตรัสอีก ส่วนอีกพวกก็จะพยายามต่อต้านทำร้ายพระองค์ เอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปรายงานหัวหน้าปุโรหิตกับฟาริสี
45* ยอห์น 2:23, 10:42, 12:11,18. 46* ยอห์น 5:15

ยอห์น 11:47-48
และทันทีที่ได้ยินเรื่อง พวกเขาก็เรียกประชุมด่วน เพราะเรื่องนี้ปล่อยไว้ไม่ได้จริง ๆ มันเป็นการกร่อนอำนาจที่พวกเขามีเหนือประชาชน พวกเขาต่างให้เหตุผลว่า คนจะตามพระเยซู แล้วโรมก็จะมีเหตุผลที่จะมายึดประเทศแบบเด็ดขาดพูดง่าย ๆ คือ มาริบอำนาจทางศาสนาของพวกเขาไป พวกเขาเห็นว่าพระวิหาร อำนาจต่าง ๆ เป็นของพวกเขาที่จะต้องรักษาเอาไว้ ไม่ได้คิดว่าทั้งหมดเป็นของพระเจ้า
47* สดุดี 2:2, กิจการ 4:16

ยอห์น 11:49-51
ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าปุโรหิต มีตำแหน่งที่มีหน้าที่ในการพยากรณ์เรื่องราวต่าง ๆ ของประเทศ คายาฟาสเองได้กล่าวคำสำคัญออกมา โดยไม่รู้ตัว เขาเองประกาศก้องว่า พระเยซูจะตายเพื่อ ชนชาติยิว เพื่อไม่ให้โรมมาแตะต้องศาสนาของพวกเขา แต่เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดมีความหมายลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น
49* ลูกา 3:2, 50* ยอห์น 18:14

ยอห์น 11:52-54
เขายังกล่าวต่อไปว่า ในการประหารพระเยซูนั้น จะกลายเป็นการรวมชนอิสราเอลต่างแดนให้มาเป็นหนึ่งเดียว เขากล่าวคำที่เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ใช่แล้ว การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูจะนำให้คนของพระเจ้าไม่ว่าเป็๋นยิวหรือเป็นคนต่างชาติ
เป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นลูกของพระเจ้าเหมือนกัน แล้วพวกเขาก็วางแผนฆ่าพระเยซู ซึ่งเรื่องนี้ พระเยซูทรงรู้ดี ในเมื่อยังไม่ถึงเวลา พระองค์จึงเสด็จไปอยู่นอกเมือง ไกลออกไปทางถิ่นกันดาร
52* อิสยาห์ 49:6, เอเฟซัส 2:14-17, 53* มัทธิว 26:4, 54* ยอห์น 4:1,3, 7:1, 2 พงศาวดาร 13:19

ยอห์น 11:55-57
ต่อมาอีกไม่กี่วันที่จะถึงเทศกาลปัสกา พวกยิวบางส่วนจะมาล่วงหน้า เพื่อทำพิธีนี้ และผู้นำศาสนาต่างก็พยายามหาว่าพระเยซูมาในงานนี้หรือไม่ ครั้งนี้พวกเขากะว่าจะกำจัดพระเยซูให้สำเร็จไปเลย
55*ยอห์น 2:13, 5:1, 6:4, กันดารวิถี 7:10,13, 31:19,20. 56* ยอห์น 7:11, 57*มัทธิว 22:14-16