สดุดี 107 พระเจ้าทรงตอบในทุกสถานการณ์

ภาพวาดโดย Joseph Mallord William Turner from 1842

สรรเสริญในความดีของพระเจ้า
1จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์เพราะพระองค์ทรงดีนัก
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
2ให้บรรดาคนที่ พระยาห์เวห์ทรงไถ่กล่าวดังนั้น
คือผู้ที่ทรงไถ่จากเงื้อมมือของศัตรู
3ผู้ที่พระองค์ทรงรวบรวมมาจากแผ่นดินต่าง ๆ
จากตะวันออกและตะวันตก จากเหนือและใต้*
ภาษาฮีบรูว่าเหนือและทะเล

พระองค์ทรงช่วยกู้คนที่อยู่ในถิ่นกันดาร
4บางคนก็ระหกระเหินไปในถิ่นกันดารที่แห้งแล้ง
ไม่พบหนทางเข้าเมืองที่พวกเขาจะเข้าไปอาศัย
5 ทั้งหิวโหย และกระหาย ทั้งอ่อนล้าหมดกำลังใจ
6 ในยามยากเข็ญ พวกเขาก็ร้องเรียกหา
องค์พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขา
ให้พ้นจากความยากลำบาก
7 พระองค์ทรงนำพวกเขาไปตามทางที่ตรงไปสู่เมืองที่จะอาศัยได้
8ให้พวกเขาขอบคุณพระยาห์เวห์เพราะพระเมตตาของพระองค์
เพราะการอัศจรรย์ที่ทรงกระทำเพื่อลูกหลานของมนุษย์
9 พระองค์ประทานน้ำดื่มอย่าง
ล้นเหลือแก่คนที่กระหายทรงทำให้คนที่หิวโหยอิ่มด้วยอาหารที่ดี

พระองค์ทรงช่วยกู้คนที่ถูกจำจอง
10 บางคนตกอยู่ในความมืด อยู่ใต้เงาความตาย เป็นนักโทษที่ถูกขังในความทุกข์ยากและติดตรวนอยู่
11 พวกเขาดื้อดึงต่อพระดำรัสและดูหมิ่นคำปรึกษาขององค์ผู้สูงสุด
12 ดังนั้น พระองค์จึงทรงทำให้ใจของพวกเขาต้องถ่อมลงเพราะงานที่หนักแสนสาหัส พวกเขาล้มลง และไม่มีใครเข้ามาช่วย
13 ในยามยากเข็ญ พวกเขาก็ร้องเรียกหาพระยาห์เวห์. พระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขาจากความยากลำบาก
14พระองค์ทรงนำพวกเขาออกมาจากความมืดและเงาความตาย พระองค์ทรงหักโซ่ตรวนของพวกเขา
15 ให้พวกเขาขอบคุณพระยาห์เวห์เพราะพระเมตตาของพระองค์ เพราะการอัศจรรย์ที่ทรงกระทำเพื่อลูกหลานของมนุษย์
16เพราะพระองค์ทรงพังประตูทองเหลือง
และทรงตัดลูกกรงเหล็กออก

พระองค์ทรงช่วยกู้คนที่ป่วยหนัก
17 คนที่โง่ เพราะการดื้อดึงซ้ำ ๆ พวกเขาต้องทนทุกข์ต่อไปเพราะความชั่วร้ายของตนเอง
18 พวกเขารู้สึกขยะแขยงกับอาหารทุกชนิด และก้าวเข้าไปใกล้ประตูแห่งความตาย
19 ในยามยากเข็ญ พวกเขาก็ร้องเรียกหาพระยาห์เวห์. พระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขาจากความยากลำบาก
20 เมื่อพระองค์ตรัสออกมา พวกเขาก็ได้รับการรักษาโรค และทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากความตาย
21ให้พวกเขาขอบพระคุณองค์พระยาห์เวห์ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ เพราะพระราชกิจมหัศจรรย์ที่ทรงทำเพื่อลูกหลานของมนุษย์
22 ให้เขาถวายเครื่องบูชาแห่งการขอบพระคุณ และเล่าถึงพระราชกิจต่าง ๆ ของพระองค์ ด้วยบทเพลงแห่งความยินดี

พระองค์ทรงช่วยกู้คนที่อยู่ในท้องทะเล
23 บางคนท่องทะเล ทำมาหากินตามท้องน้ำที่กว้างใหญ่
24 พวกเขาได้เห็นพระราชกิจของพระยาห์เวห์ เห็นการอัศจรรย์ของพระองค์ท่ามกลางน้ำลึก
25 เพียงพระองค์ตรัส ก็เกิดลมพายุแรงที่ทำให้คลื่นทะเลก่อตัวสูงขึ้น
26 เขาเหล่านั้นถูกโยนล่องขึ้นไปบนฟ้า ก่อนที่จะดำลงสู่ทะเลลึกจิตใจของเขาก็ฝ่อลง เมื่ออันตรายย่างกรายเข้ามา
27 เขาทั้งหลายถลาถไลไปมาราวกับคนเมาทั้งจนปัญญา ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ
28 ในยามยากเข็ญ พวกเขาก็ร้องเรียกหาพระยาห์เวห์. พระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขาจากความยากลำบาก 
29 พระองค์ทรงสยบพายุ และคลื่นก็สงบนิ่ง
30 พวกเขาต่างยินดีเพราะคลื่นสงบ และพระองค์ทรงนำไปยังเมืองท่าที่พวกเขาหมายตาไว้
31 ให้พวกเขาขอบพระคุณองค์พระยาห์เวห์ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ เพราะพระราชกิจมหัศจรรย์ที่ทรงทำเพื่อลูกหลานของมนุษย์
32 ให้พวกเขาเชิดชูพระองค์ในที่ประชุมของชาติทั้งหลาย และสรรเสริญพระองค์ในที่ประชุมของผู้อาวุโส

ทรงลงวินัยคนที่ดื้อดึง
33 พระองค์ทรงทำให้แม่น้ำกลายเป็นทะเลทราย แหล่งน้ำกลายเป็นดินที่แตกระแหง
34 ทรงทำให้ผืนดินอุดมกลายเป็นที่ร้างดินเค็ม เพราะความชั่วร้ายของคนในแผ่นดินนั้น

ทรงอวยพระพรคนที่ถ่อมตนลง
35 พระองค์ทรงเปลี่ยนที่กันดารกลายเป็นแอ่งน้ำ และเปลี่ยนแผ่นดินแตกระแหงให้กลายเป็นแหล่งน้ำ
36 พระองค์ทรงนำคนที่หิวโหยไปตั้งถิ่นฐาน และพวกเขาตั้งเมืองที่อยู่อาศัยได้
37 พวกเขาหว่านท้องนา และปลูกสวนองุ่น และเก็บเกี่ยวได้ผลมาก
38 พระองค์ทรงอวยพรพวกเขา และพวกเขาจึงทวีจำนวนลูกหลานขึ้น และไม่ทรงให้ฝูงสัตว์ลดจำนวนลงเลย

ทรงลดจำนวนคนที่เย่อหยิ่ง
39 และผู้คนของพวกเขาก็ลดจำนวนลงเพราะการกดขี่ ความทุกข์ และความเศร้าโศก
40 พระองค์ทรงทำให้ผู้นำทั้งหลายเป็นที่ดูแคลน ทรงให้พวกเขาเร่ร่อนไปในถิ่นกันดาร

บทสรุปที่ควรใคร่ครวญ
41แต่พระองค์ทรงยกคนขัดสนขึ้นมาจากความทุกข์ยากและทรงให้เขามีลูกหลานมากมายอย่างฝูงแพะแกะ
42 ผู้ใดมีปัญญาก็ให้เขาฟังสิ่งเหล่านี้ และใคร่ครวญไตร่ตรองถึงความรักอันมั่นคงของพระยาห์เวห์

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 106:1, 100:5; 1 พงศาวดาร 16:35

2* 1 เปโตร 1:18-19; ลูกา1:74; สดุดี 106:10

3* สดุดี 106:47; วิวรณ์ 5:9; เยเรมีย์ 29:14

4*เฉลยธรรมบัญญัติ 32:10; กันดารวิถี 14:33; วิวรณ์ 12:6

5* มาระโก 8:2-3; เพลงคร่ำครวญ 2:19; เยเรมีย์ 14:18

6* สดุดี 50:15,91:15; เยเรมีย์ 29:12-14; ฮีบรู 4:15-16

7* ฮีบรู 12:22, 11:9-10,16; เยเรมีย์ 33:10-13

8* สดุดี 107:31, 147:1; ดาเนียล 6:27

9* มัทธิว 5:6; เยเรมีย์ 31:25; สดุดี 34:10; ลูกา 1:53

10* ลูกา 1:79; มัทธิว 4:16; อิสยาห์ 42:7; โรม 6:20-21

11* สุภาษิต 1:25; สดุดี 106:43; โรม 1:28

12* สดุดี 22:11; ลูกา 15:14-17; อพยพ 5:18-19; 2:23

13* อิสยาห์ 42:16; สดุดี 116:16; 1 เปโตร 2:9; เศคาริยาห์ 9:11-12

14*อิสยาห์ 42:16; สดุดี 116:6; 1 เปโตร 2:9; เศคาริยาห์ 9:11-12

15* สดุดี 107:31,21,8

16* อิสยาห์ 45:1-2; มีคาห์ 2:13; ผู้วินิจฉัย 16:3

17* เพลงคร่ำครวญ 3:39; สุภาษิต 1:22; เยเรมีย์ 2:19; อิสยาห์ 65:6-7

18* สดุดี 88:3; 9:13; โยบ 33:19-22; อิสยาห์ 38:10

19* เยเรมีย์ 33:3; สดุดี 116:4-8, 107:13

20* มัทธิว 8:8; สดุดี 147:15,103:3-4

21* ลูกา 17:18; สดุดี 107:31,15;66:5

22* สดุดี 118:17, 50:14,9:11, 116:17

23* วิวรณ์ 18:17

24*สดุดี 104:24-27, 95:5

25* โยนาห์ 1:4; สดุดี 148:8, 93:3

26* สดุดี 22:14,119:28, นาฮูม 2:10

27* โยบ 12:25; อิสยาห์ 29:9, 19:14

28* สดุดี 107:6,13,19; กิจการ 27:23-25

29* สดุดี 65:7; มัทธิว 8:26; ลูกา 8:23-25

30* ยอห์น 6:21

31* สดุดี 107: 8, 15,21, 103:2

32* สดุดี 22:22,25,99:5; อิสยาห์ 25:1

33* อิสยาห์ 50:2, 42:15; เศฟันยาห์ 2:13

34* ปฐมกาล 14:3, 13:10; เอเสเคียล 47:11

35* สดุดี 114:8; อิสยาห์ 41:17-19; 35:6-7

36* สดุดี 107:7; ลูกา 1:53; กิจการ 17:26

37* 1 โครินธ์ 3:7; เยเรมีย์ 29:5; 2 โครินธ์ 9:10

38*อพยพ 1:7; ปฐมกาล 17:20, 12:2, สดุดี 144:13-14

39* 2 พงศ์กษัตริย์ 10:32; อพยพ 2:23-24; เยเรมีย์ 51:33-34

40* โยบ 12:24; 12:21; ดาเนียล 4:33; อิสยาห์ 23:8-9

41* โยบ 21:11; 1 ซามูเอล 2:8; อิสยาห์ 49:20-22

42* สดุดี 63:11; โยบ 22:19; โรม 3:19

สดุดีบทที่ 107 ได้ชวนให้เราคิดถึงความรักมั่นคงของพระเจ้าที่ทรงมีต่อคนที่ร้องหาพระองค์ในบทนี้ พระเจ้าทรงช่วยใครบ้างหรือ? ใช่แล้ว เราก็เคยอยู่ในสภาพที่คล้ายคลึงกัน และเราทูลขอได้เหมือนอย่างพวกเขาเลย ไม่ได้ต่างอะไร

1 คนที่เร่ร่อน หิวโหยอยู่ในถิ่นกันดาร
2 คนที่ ถูกจำจอง
3 คนที่ป่วยหนัก
4 คนที่ทำงานในท้องทะเล

แม้ว่าพวกเขาเคยดื้อดึง กบฎต่อพระองค์ ในบทนี้ ได้เล่าถึงผู้คนในสถานการณ์ต่างๆ ที่เราเองก็ต้องเผชิญเช่นกัน เป็นข้อเขียนที่ช่วยให้เราได้มองเห็นตัวเอง และรู้ว่าในยามยากเข็ญ ต้องทบทวนตัวเอง ต้องร้องเรียกหาพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงซื่อตรงที่จะช่วยเหลือคนของพระองค์อย่างแน่นอน

สดุดี 36 มนุษย์ชั่ว แต่พระเจ้าทรงดีเหลือเกิน

ฟ้าที่อยุธยา

ถึงหัวหน้านักร้อง ของดาวิด ผู้รับใช้พระยาห์เวห์
ความชั่วร้ายของมนุษย์
1 คนชั่วนั้น ชั่วถึงกระดูก
เขาไม่เกรงกลัวพระเจ้าเลย
2 เขาหยิ่งเกินไปที่จะรับรู้ว่าตนบาป
และไม่อาจเลิกทำบาปได้
3 คำจากปากของเขาทั้งชั่วร้ายและล่อหลอก
เขาหยุดที่จะทำอย่างคนฉลาด หยุดที่จะทำดี
4 แม้กระทั่งบนที่นอน เขาก็ยังคิดแผนชั่ว
ตั้งใจไปในทางที่ไม่ดี เขาไม่เกลียดชังความชั่วเลย

พระเจ้าทรงเป็นที่สุดของที่สุด
5 โอ พระยาห์เวห์ ความรักมั่นคงของพระองค์สูงถึงฟ้า
และความซื่อตรงของพระองค์สูงถึงเมฆ
6 ความเที่ยงธรรมของพระองค์ เป็นเหมือนกับภูเขาสูงที่สุด
การพิพากษาของพระองค์เป็นเหมือนทะเลลึกที่สุด
โอ พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงรักษาทั้งมนุษย์และสัตว์ไว้
7 โอ พระเจ้าข้า
ความรักมั่นคงของพระองค์นั้นทรงคุณค่ามากเท่าใด
ดังนั้น ลูกหลานของมนุษย์ภายใต้ร่มปีกของพระองค์
จึงวางใจในพระองค์
ชีวิตของผู้ที่ติดตามพระเจ้า
8 พวกเขาเต็มอิ่มกับความมั่งคั่งจากพระวิหาร
และพระองค์ทรงให้พวกเขาดื่มจากธารน้ำ
แห่งความโปรดปรานของพระองค์
9 เพราะน้ำพุแห่งชีวิตอยู่กับพระองค์​
เราเห็นทุกสิ่งใดเพราะแสงสว่างจากพระองค์
10 ขอทรงยืนยันความรักมั่นคงต่อคนที่รู้จักพระองค์
และทรงยืนยันความเที่ยงธรรมของพระองค์
ต่อคนที่มีใจเที่ยงตรง
11 ขอโปรดอย่าให้เท้าของคนเย่อหยิ่งมาต่อสู้ข้า
หรือมือของคนชั่วร้ายมาไล่ข้าออกไป
12คนที่ทำความชั่วล้มลงไป
พวกเขาถูกโยนทิ้งไป และไม่อาจที่จะลุกขึ้นมาได้อีกเลย

พระคัมภีร์เชื่อมโยง

1* โรม 3:18; สุภาษิต 16:6

2*สดุดี 49:38; เฉลยธรรมบัญญัติ 29:19

3*เยเรมีย์ 4:22; สดุดี 55:21

4*มีคาห์ 2:1; สุภาษิต 4:16

5* สดุดี 108:4; อิสยาห์ 55:7-9

6*โรม 11:33, สดุดี 145:9

7*สดุดี 86:5; 1ยอห์น 3:1

8* สดุดี65:4; 16:11; อิสยาห์ 25:6

9* ยอห์น 8:12; 4:10,14 ; 1 ยอห์น 1:7

10* เยเรมีย์ 22:16; ฮีบรู 8:11

11*สดุดี 119:69; 17:8-14

12* สดุดี 1:5 ; วิวรณ์ 19:1-6

ราชาดาวิดเรียกตัวท่านเองว่า ผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์เฉพาะในสดุดีบทที่ 18 และบทนี้เท่านั้น เข้าใจว่าบทที่ 36 เขียนเมื่อยังหนุ่ม และบทที่ 18 เป็นตอนที่ท่านอายุมากแล้ว

สดุดี 36:1-4
ความชั่วร้ายของมนุษย์
ลักษณะของคนที่ชั่วร้ายเกิดจากใจที่ไม่เกรงกลัวพระเจ้าก่อน เขาไม่คิดว่าเขาจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง สังเกตได้ว่าคนที่ทำชั่วจนเป็นนิสัย เขาคิดไม่ออกว่าสิ่งที่เขาทำนั้นผิดต่อผู้อื่นขนาดไหน เขาสามารถพูดโกหก พูดโกงต่อหน้าต่อตา ต่อประชาชนมากมายโดยไม่รู้ตัวเลยว่า ใคร ๆ ก็เห็นกึ๋นของเขา ท่านดาวิดได้บรรยายความชัดเจนมาก ท่านเห็นคนแบบนี้มาแล้วว่า ก่อนจะหลับไปยังคิดแผนชั่วได้ด้วย

สดุดี 36:5-7
พระเจ้าทรงเป็นที่สุดของที่สุด
คราวนี้ ท่านดาวิดได้หันกลับไปหาพระเจ้าผู้ประเสริฐ แตกต่างจากมนุษย์ที่ท่านกล่าวถึงในสี่ข้อแรกอย่างสิ้นเชิง เราควรที่จะเก็บพระคำข้อ 5-10 นี้ไว้ในใจของเรา จำเอาไว้ ท่องจำ มั่นใจในความดีของพระเจ้าตามที่ท่านดาวิดได้บอกเรา.
ความรักมั่นคงของพระเจ้า สูงถึงฟ้า ทรงคุณค่า (7) = มหาศาล ครอบคลุมทุกแห่ง
ความซื่อตรงของพระเจ้า สูงถึงเมฆ = เยอะมาก สวยงาม อยู่ล้อมเรา ให้เราเห็นเสมอ
ความเที่ยงธรรมของพระเจ้า เหมือนภูเขาสูงที่สุด= มองเห็นแต่ไกล เข้มแข็ง มั่นคง ไม่คลอนแคลน
การพิพากษาของพระองค์ เหมือนทะเลลึก = ลึกล้ำ เราอาจหยั่งถึงไม่หมด
ร่มปีกของพระองค์ เป็นที่พักพิง หลบภัยของเรา

สดุดี 36:8-12
ชีวิตของผู้ที่ติดตามพระเจ้า
ใครที่อยู่ในพระเจ้า เขาจะเต็มบริบูรณ์ในวิญญาณของเขาเพราะพระวิหารของพระเจ้านั้นมั่งคั่ง สมบูรณ์ พระวิหารนั้นเป็นของพระเจ้าแต่ก็เป็นของเขาด้วย เพราะเขาเป็นลูกของพระองค์
ชีวิตใครที่มีความโปรดปรานของพระเจ้าอยู่ ถึงแม้เขาไม่รู้ แต่ถ้าหากเขาดูดี ๆ มองให้ออก เขาจึงจะเข้าใจว่า เมื่อพระเจ้าโปรดปรานใคร มันแตกต่างจากคนที่ไม่ทรงโปรดปรานอย่างไร
แค่นั้นยังไม่พอ เรายังมีน้ำพุแห่งชีวิตที่ทำให้สดชื่น ให้ชีวิต รวมไปถึงที่เราจะมองเห็นทุกอย่างด้วยความเข้าใจเพราะพระเจ้าให้แสงสว่างของพระองค์ ช่วยให้เราเห็นทุกสิ่งอย่างชัดเจน
จากนั้นราชาดาวิดทูลขอพระเจ้าทรงย้ำเตือนความรักมั่นคงให้กับคนของพระองค์และไม่ให้คนชั่วมาทำอันตรายคนของพระองค์ได้
นี่เป็นคำอธิษฐานที่เราจะอธิษฐานเผื่อเพื่อนผู้เชื่อในประเทศที่ต้องถูกข่มเหงได้
อย่าลืมว่าพี่น้องคริสเตียนต้องอธิษฐานเผื่อกันและกันแม้จะไม่รู้จักกันเป็นส่วนตัว