สดุดี 42 เหตุใดจึงท้อแท้นัก ?

ภาพจาก pixabay.com โดย StockSnap

ถึงหัวหน้าวงดนตรี สดุดีแห่งความเข้าใจ จากลูกหลานโคราห์
เหตุใดจึงหดหู่ ท้อแท้?
1 จิตวิญญาณของข้ากระหายหาพระเจ้า
เหมือนอย่างกวางตัวเมียที่กระเสือกกระสนหาธารน้ำ
2 จิตวิญญาณข้ากระหายหาพระเจ้า หาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์
เมื่อไรข้าจะได้เข้ามาและเข้าเฝ้าต่อพระพักตร์ ?
3 น้ำตาของข้ากลายเป็นอาหารทั้งกลางวันและกลางคืน
ขณะที่พวกเขากล่าวกับข้าทั้งวันว่า “พระเจ้าของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
4 ขณะที่ข้าเทวิญญาณจิตออกมานั้น
ข้าจำได้ถึงการที่ข้าได้เดินนำฝูงชนไปยังพระนิเวศของพระเจ้า
พร้อมกับเสียงร้อง และบทเพลงแสดงการขอบพระคุณ
ท่ามกลางผู้คนในงานฉลองเทศกาล

จะหายจากความรู้สึกนั้นได้อย่างไร
5 จิตวิญญาณของข้าเอ๋ย เหตุใดเจ้าจึงท้อแท้นัก?
เหตุใดจึงกระสับกระส่ายอยู่ข้างในแบบนี้?
จงหวังใจในพระเจ้า
เพราะข้าจะสรรเสริญพระองค์อีก ผู้ทรงเป็นความรอด


แล้วทำไมยังหดหู่ใจไม่หยุด?
6 และพระเจ้าของข้า จิตวิญญาณของข้าท้อแท้อยู่ข้างใน
ดังนั้น ข้าระลึกถึงพระองค์จากแผ่นดินจอร์แดน
และจากภูเขาเฮอร์โมนจนถึงภูเขามิซาร์

7 ห้วงลึก เรียกหาห้วงลึกด้วยเสียงคำรามแห่งน้ำตกของพระองค์
ทั้งคลื่นและก้อนน้ำที่ม้วนท่วมลงมานั้น โถมใส่ข้า
8 ยามกลางวัน องค์พระผู้เป็นทรงบัญชา
ความรักมั่นคงของพระองค์
ยามกลางคืนเพลงของพระองค์ก็อยู่กับข้า
เป็นคำอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งชีวิตของข้า
9 ข้าทูลต่อพระเจ้าผู้เป็นพระศิลาของข้า
“เหตุใดพระองค์จึงทรงลืมข้า
เหตุใดข้าจึงต้องคร่ำครวญเพราะการข่มเหงของศัตรู?”
10 ศัตรูต่างเยาะหยันข้าดั่งมีบาดแผลลึกถึงกระดูก
ขณะที่เขาก็กล่าวทั้งวันว่า “พระเจ้าของเจ้าอยู่ที่ไหน?”

หายจากความรู้สึกอันมืดมน หมดหวังอย่างไร?
11 เหตุใดเจ้าจึงท้อแท้ โอจิตวิญญาณของข้า
และเหตุใดเจ้าจึงกระสับกระส่ายอยู่ภายใน?
จงหวังใจในพระเจ้า เพราะข้าจะสรรเสริญพระองค์อีกครั้ง
โอความรอดและพระเจ้าของข้า

พระคำเชื่อมโยง

1*สดุดี 63:1-2; 143:6-7; 119:131

2* สดุดี 84:10; 27:4; 36:8-9

3* สดุดี 79:10; 115:2; 80:5; 102:9

4*สดุดี 62:8; 55:14; อิสยาห์ 30:29

5*สดุดี 42:11; 43:5; 71:14; เพลงคร่ำครวญ 3:24

6*สดุดี 61:2; โยนาห์ 2:7

7*โยนาห์ 2:3; สดุดี 88:7; 69:14-15

8* สดุดี 149:5; 63:6; โยบ 35:10

9* สดุดี 38:6; 43:2; เพลงคร่ำครวญ 5:1-16

10*สดุดี 42:3; โยเอล 2:17

11* สดุดี 42:5; เยเรมีย์ 33:6

เป็นสดุดีที่แนะนำให้วางใจพระเจ้าในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ลูกหลานของโคราห์เป็นผู้เขียน โดยตั้งใจจะให้กับผู้นำดนตรีในพระวิหาร ตระกูลโคราห์นั้น ทำหน้าที่ทางดนตรีมาตั้งแต่สมัยที่เดินอยู่ในถิ่นกันดาร จนกระทั่งมีการสร้างพระวิหารในเยรูซาเล็ม
สดุดีบทนี้เป็นบรรพที่สองของสดุดีทั้งหมด เราจะพบว่า มีการเปลี่ยนการเรียกพระเจ้าจากพระยาห์เวห์เป็นเอโลฮิม บทนี้ผู้เขียนได้บอกว่าเขามีความหดหู่ ท้อแท้เป็นอย่างมาก ซึ่งเราทุกคนย่อมพบเหตุการณ์อย่างนั้นในชีวิต แล้วดูว่า เขาคิดอย่างไรต่อไป….

สดุดี 42 :1-4. เหตุใดจึงหดหู่ ท้อแท้?
สดุดีบทนี้เหมาะกับทุกคนที่กำลังรู้สึกซึมเศร้า ท้อแท้ ผู้ที่เขียนมีความรู้สึกขาดแคลนในฝ่ายวิญญาณ ไม่มีกำลังใจเหลือ ท่านไม่ได้ต้องการหาความช่วยเหลือจากคน ไม่ได้ต้องการหาทรัพย์สมบัติ แต่หัวใจกำลังต้องการพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์สุด ๆ
ถามตัวเองว่า เมื่อไรจะได้เข้าเฝ้าพระเจ้า? นั่นคือท่านกำลังต้องการความรู้สึกต่อพระเจ้าตรงหน้า
ความรู้สึกอึดอัดใจเพิ่มขึ้นอีกเพราะมีคนมาเยาะเย้ย และถามว่า พระเจ้าของเจ้าอยู่ที่ไหน? ไม่ได้แค่พูดครั้งเดียว แต่พูดทั้งวันทั้งคืน ทำให้ท่านกินไม่ได้นอนไม่หลับ
และขณะที่ท่านกำลังเทใจออก คร่ำครวญอยู่นั้น ท่านก็นึกถึงวันที่ได้นำคนเป็นจำนวนมากไปยังพระวิหารของพระเจ้า เป็นช่วงเวลาแห่งความร่าเริงใจ เป็นเวลาที่มีแต่เสียงร้องเบิกบาน

สดุดี 42:5 จะหายจากความรู้สึกนั้นได้อย่างไร
ผู้เขียนถามตนเอง และตอบโดยสั่งให้ตนเองหวังใจในพระเจ้า แม้จะยังไม่เห็นทางออก
สรรเสริญพระเจ้าทั้งที่ยังกระสับกระส่ายอยู่ นี่เป็นวิธีบำบัดใจที่ทุกข์ร้อนของท่าน
ท้อแท้ + กระสับกระส่าย ต้อง หวังใจในพระเจ้า+สรรเสริญพระองค์
ใคร ๆ อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องพูดง่าย แต่ทำยาก ก็..อาจจะใช่ เพราะถึงอย่างนั้น ท่านยังไม่หยุดทุกข์ใจ

แล้วทำไมยังหดหู่ใจไม่หยุด?
ตอนนี้ผู้เขียนยังครุ่นคิดว่า แม้จะตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ แต่มีครั้งหนึ่งในชีวิตที่ท่านไม่ได้อยู่ในเยรูซาเล็ม แต่อยู่ไกลจากความสะดวกสบาย ในเวลานั้น มีความทุกข์ใจใหญ่หลวงท่วมท้นในชีวิต
ราวกับน้ำในห้วงลึกที่โถมเข้ามา เป็นภาพของทุกข์ซ้อนทุกข์ ไม่รู้จะหาใครช่วย
ถึงกระนั้น ท่านยังรู้ว่า พระเจ้าทรงยังส่งความรักของพระองค์ลงมา จะมืดอย่างไร ท้อแท้แค่ไหน ความรักของพระเจ้ายังรออยู่ ทั้งกลางวัน และกลางคืน
ท่านยังทูลต่อพระเจ้าผู้เป็นพระศิลา พระเจ้าผู้ทรงเข้มแข็งดั่งหินผา ถามพระองค์ว่าทำไมพระองค์ทรงลืมข้าไป ทำไมถูกศัตรูข่มเหง ตรงนี้เราเห็นด้วยว่า ไม่ใช่เจ็บใจเท่านั้น แต่เมื่อโดนมาก ๆ เขาท่านเจ็บกาย เจ็บปวดถึงกระดูกทีเดียว เพราะคำถามที่ล้อเลียนพระเจ้า ดูหมิ่นพระองค์ ทำให้เจ็บมาก

หายจากความรู้สึกอันมืดมน หมดหวังอย่างไร?
ขณะที่เผชิญหน้าศัตรู เผชิญความมืดมน จนตรอก ถูกเย้ยหยัน ผู้เขียนไม่ได้ปิดบังความรู้สึกต่าง ๆ ที่ประดังเข้ามานั้นเลย
ท่านตั้งใจที่จะหวังใจในพระเจ้าอย่างมั่นคง มั่นใจว่าจะสรรเสริญพระเจ้าผู้จะทรงช่วยให้ท่านรอดจากสถานการณ์นั้นอย่างแน่นอน
นี่เป็นสดุดีสำหรับเราทุกคนที่เผชิญความตกต่ำในจิตวิญญาณ ที่จะแสวงหา ปรารถนาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และรอให้พระองค์กู้เราขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

การทรงสร้างวันที่ห้า แพลงก์ตอน

ขอแนะนำคลิปสอนการทรงสร้างของพระเจ้าให้กับเด็ก อนุบาลสาม ประถมต้น โดยเราจะเข้าไปศึกษาสัตว์ พืช และสิ่งต่าง ๆ ที่พระเจ้าทรงสร้างเป็นรายละเอียด คลิปนี้จะออกประมาณสัปดาห์ละครั้ง
เมื่อเด็ก ๆ เข้าใจว่าพระเจ้าของเขาทรงเป็นพระผู้สร้างที่ปราชญ์เปรี่อง และเด็กมีความรู้รอบในสิ่งที่เขาเห็นรอบตัว เข้าใจกฎธรรมชาติที่พระเจ้าทรงวางไว้ เขาจะภูมิใจในพระองค์ และติดตามพระองค์ไปตั้งแต่ยังเล็กอยู่
ขอฝากให้พี่น้องแบ่งปันให้กับเพื่อน ๆ ที่มีลูกเล็ก ๆ ด้วย เชื่อว่าจะได้ประโยชน์มาก
เพราะเป็นการเรียนรู้พระเจ้า พระคำ ดนตรี ศิลปะ ไปพร้อม ๆ กัน

สดุดี 41 ชัยชนะแม้ถูกทรยศ

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
รางวัลของดาวิด
1 ความสุขมีแก่คนที่เอาใจใส่คนยากจน
พระยาห์เวห์จะทรงช่วยเขาให้รอดในเวลาลำบาก
2 ขอพระเจ้าทรงปกป้องรักษาเขา และช่วยเขาให้มีชีวิตรอด
และเขาจะได้รับพระพรในแผ่นดิน
พระองค์จะไม่ทรงยื่นเขาให้อยู่ในมือของศัตรู
3 พระเจ้าจะทรงรักษาเขา แม้ป่วยอยู่บนเตียง
พระองค์จะทรงรักษาเขาบนเตียงที่เขานอนอยู่

คำร้องทูลต่อพระเจ้า คำร้ายจากศัตรู
4 ข้ากล่าวว่า “ โอพระยาห์เวห์ ขอทรงเมตตาแก่ข้า
ขอทรงรักษาข้า เพราะข้าได้ทำบาปต่อพระองค์”
5 ศัตรูทั้งหลายได้กล่าวถึงข้าอย่างเสีย ๆ หาย ๆ
“เมื่อไรเขาจะตาย และสิ้นชื่อไปเสีย?”
6 เมื่อใครสักคนในพวกเขามาเยี่ยม
เขาจะกล่าวคำชั่วร้าย เขาเก็บความคิดชั่วไว้ในใจ
เมื่อออกไปก็พูดออกมา
7 คนที่เกลียดชังข้าต่างซุบซิบนินทาเรื่องร้าย ๆ
พวกเขาหาทางที่จะทำร้ายข้า
8 “เขาเป็นโรคร้าย และตอนนี้ก็นอนป่วยอยู่
ไม่มีทางได้ลุกจากเตียงนั่นได้หรอก”
9 แม้กระทั่งเพื่อนของข้า คนที่ข้าไว้ใจ
คนที่กินอาหารกับข้า ก็ยังหันหลังให้

การรื้อฟื้นของดาวิด
10 แต่พระองค์ พระยาห์เวห์ ขอทรงเมตตาต่อข้า
ขอทรงยกข้าขึ้น เพื่อว่าข้าจะได้ตอบแทนพวกเขา
11 เพราะอย่างนี้ ข้าจึงรู้ว่าพระองค์ทรงยินดีในข้า
นั่นคือ ศัตรูไม่อาจร้องโห่ชัยชนะเหนือข้าได้
12 พระองค์ทรงอุ้มชูข้าเพราะความซื่อตรงของข้า
และพระองค์ทรงวางข้าไว้ต่อพระพักตร์ตลอดไป

ถวายพระพรด้วยความยินดี
13 ขอให้พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ทรงได้รับคำถวายพระพรตลอดไปเป็นนิตย์
อาเมน และอาเมน

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 1:1, 2:12; มัทธิว 5:1-11

2*สุภาษิต 3:18, 21:28; สดุดี 27:12

3* 2 พงศ์กษัตริย์ 4

4*สดุดี 6:2, 103:3, 147:3

5* สุภาษิต 41:5; สดุดี 102:8

6* สดุดี 12:2; สุภาษิต 26:24-26

7*2 โครินธ์ 12:20; โรม 1:29

8* สดุดี 71:11

9*2 ซามูเอล 15:12; ยอห์น 13:18, 21-30; สดุดี 55:12-14

10* ลูกา 19:27; สดุดี 109:6-21

11* สดุดี 124:6; สดุดี 31:8

12* โยบ 36:7

13* สดุดี 72:18-19, 89:52; 106:48; 150:6

สดุดี 41:1-3
รางวัลของดาวิด
สดุดีบทนี้เป็นสดุดีเริ่มและจบด้วยการสรรเสริญพระเจ้า. กษัตริย์ดาวิดมีความมั่นใจในการช่วยเหลือ การปกป้องของพระเจ้า

ความสุขมีแก่… หรือพระพรมีแก่… คนที่มีความสัมพันธ์กับพระเจ้าเป็นพิเศษในแบบต่าง ๆ ให้เปิดดูพระคำเชื่อมโยงแล้วจะเห็นว่าความสุขมีแก่ใครบ้าง ในข้อสามบอกชัดเจนว่า พระเจ้าทรงเป็นแพทย์ผู้รักษาอย่างเอาใจใส่ ให้เราเชื่อในการรักษาของพระเจ้า อย่าสงสัยไป

สดุดี 41:4-9
คำร้องทูลต่อพระเจ้า คำร้ายจากศัตรู
ดาวิดคิดเสมอว่า ความบาปของท่านกับความเจ็บป่วยเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน นั่นเป็นความตระหนักในใจของท่าน ทุกคนเองก็ย่อมมีความตระหนักที่แตกต่างกันไปตามแต่ที่พระเจ้าประทานความเข้าใจให้
แต่ในขณะเดียวกันข้อ 12 ท่านก็มีความซื่อตรงต่อพระเจ้าด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องซับซ้อน แต่ละกรณีก็มีสาเหตุของมันเอง
ท่านเล่าว่าเมื่อมีคนมาเยี่ยม ก็มาเพื่อรวมรวมข้อมูล เอาท่านไปพูดเสียหาย เพื่อใส่ร้าย เพื่อทำร้าย เพื่อของท่านนั้น เป็นประเภทล้มแล้วเหยียบซ้ำ .. ในข้อ 9 เป็นเรื่องเดียวกันกับที่เกิดกับพระเยซูกับยูดาส ในยอห์น 13:8 และมัทธิว 26:21

สดุดี 41:10-12
การรื้อฟื้นของดาวิด
กษัตริย์ดาวิดสรุปโดย ทูลขอพระเมตตาให้พระองค์ทรงรักษาให้หายป่วยเพื่อว่าจะตอบสนองคนชั่ว ท่านเป็นกษัตริย์และจะต้องจัดการเพื่อความยุติธรรมและความมั่นคงของประเทศที่ปกครองอยู่
การที่ท่านกล้ากล่าวว่าพระเจ้าทรงยินดีในท่าน เพราะท่านได้เมตตาต่อคนที่อ่อนแอ (ข้อ 1) ท่านได้สารภาพบาป ( ข้อ 4) และท่านมั่นใจว่า ความซื่อตรงของท่านยังมีอยู่ต่อพระเจ้า ท่านจึงมีความมั่นคงในพระเจ้าตลอดไปเพราะท่านอยู่ต่อพระพักตร์ของพระเจ้าเสมอ

สดุดี 13
ถวายพระพรด้วยความยินดี
คำว่า อาเมนคือ สิ่งนั้นเป็นจริง วางใจได้ ยืนยันแล้ว ให้สังเกตว่า สดุดี 1-41 นั้นจะลงท้ายด้วยการสรรเสริญพระเจ้า รวมถึงบทที่ 72, 89, 106, 150 พระพรที่พระเจ้าประทานให้แก่มนุษย์ในบทที่ 1:1
จบสดุดีของดาวิด ใน 41:13 ด้วยการทูลถวายพระพรกลับไปที่พระเจ้า