สดุดี 42 เหตุใดจึงท้อแท้นัก ?

ภาพจาก pixabay.com โดย StockSnap

ถึงหัวหน้าวงดนตรี สดุดีแห่งความเข้าใจ จากลูกหลานโคราห์
เหตุใดจึงหดหู่ ท้อแท้?
1 จิตวิญญาณของข้ากระหายหาพระเจ้า
เหมือนอย่างกวางตัวเมียที่กระเสือกกระสนหาธารน้ำ
2 จิตวิญญาณข้ากระหายหาพระเจ้า หาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์
เมื่อไรข้าจะได้เข้ามาและเข้าเฝ้าต่อพระพักตร์ ?
3 น้ำตาของข้ากลายเป็นอาหารทั้งกลางวันและกลางคืน
ขณะที่พวกเขากล่าวกับข้าทั้งวันว่า “พระเจ้าของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
4 ขณะที่ข้าเทวิญญาณจิตออกมานั้น
ข้าจำได้ถึงการที่ข้าได้เดินนำฝูงชนไปยังพระนิเวศของพระเจ้า
พร้อมกับเสียงร้อง และบทเพลงแสดงการขอบพระคุณ
ท่ามกลางผู้คนในงานฉลองเทศกาล

จะหายจากความรู้สึกนั้นได้อย่างไร
5 จิตวิญญาณของข้าเอ๋ย เหตุใดเจ้าจึงท้อแท้นัก?
เหตุใดจึงกระสับกระส่ายอยู่ข้างในแบบนี้?
จงหวังใจในพระเจ้า
เพราะข้าจะสรรเสริญพระองค์อีก ผู้ทรงเป็นความรอด


แล้วทำไมยังหดหู่ใจไม่หยุด?
6 และพระเจ้าของข้า จิตวิญญาณของข้าท้อแท้อยู่ข้างใน
ดังนั้น ข้าระลึกถึงพระองค์จากแผ่นดินจอร์แดน
และจากภูเขาเฮอร์โมนจนถึงภูเขามิซาร์

7 ห้วงลึก เรียกหาห้วงลึกด้วยเสียงคำรามแห่งน้ำตกของพระองค์
ทั้งคลื่นและก้อนน้ำที่ม้วนท่วมลงมานั้น โถมใส่ข้า
8 ยามกลางวัน องค์พระผู้เป็นทรงบัญชา
ความรักมั่นคงของพระองค์
ยามกลางคืนเพลงของพระองค์ก็อยู่กับข้า
เป็นคำอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งชีวิตของข้า
9 ข้าทูลต่อพระเจ้าผู้เป็นพระศิลาของข้า
“เหตุใดพระองค์จึงทรงลืมข้า
เหตุใดข้าจึงต้องคร่ำครวญเพราะการข่มเหงของศัตรู?”
10 ศัตรูต่างเยาะหยันข้าดั่งมีบาดแผลลึกถึงกระดูก
ขณะที่เขาก็กล่าวทั้งวันว่า “พระเจ้าของเจ้าอยู่ที่ไหน?”

หายจากความรู้สึกอันมืดมน หมดหวังอย่างไร?
11 เหตุใดเจ้าจึงท้อแท้ โอจิตวิญญาณของข้า
และเหตุใดเจ้าจึงกระสับกระส่ายอยู่ภายใน?
จงหวังใจในพระเจ้า เพราะข้าจะสรรเสริญพระองค์อีกครั้ง
โอความรอดและพระเจ้าของข้า

พระคำเชื่อมโยง

1*สดุดี 63:1-2; 143:6-7; 119:131

2* สดุดี 84:10; 27:4; 36:8-9

3* สดุดี 79:10; 115:2; 80:5; 102:9

4*สดุดี 62:8; 55:14; อิสยาห์ 30:29

5*สดุดี 42:11; 43:5; 71:14; เพลงคร่ำครวญ 3:24

6*สดุดี 61:2; โยนาห์ 2:7

7*โยนาห์ 2:3; สดุดี 88:7; 69:14-15

8* สดุดี 149:5; 63:6; โยบ 35:10

9* สดุดี 38:6; 43:2; เพลงคร่ำครวญ 5:1-16

10*สดุดี 42:3; โยเอล 2:17

11* สดุดี 42:5; เยเรมีย์ 33:6

เป็นสดุดีที่แนะนำให้วางใจพระเจ้าในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ลูกหลานของโคราห์เป็นผู้เขียน โดยตั้งใจจะให้กับผู้นำดนตรีในพระวิหาร ตระกูลโคราห์นั้น ทำหน้าที่ทางดนตรีมาตั้งแต่สมัยที่เดินอยู่ในถิ่นกันดาร จนกระทั่งมีการสร้างพระวิหารในเยรูซาเล็ม
สดุดีบทนี้เป็นบรรพที่สองของสดุดีทั้งหมด เราจะพบว่า มีการเปลี่ยนการเรียกพระเจ้าจากพระยาห์เวห์เป็นเอโลฮิม บทนี้ผู้เขียนได้บอกว่าเขามีความหดหู่ ท้อแท้เป็นอย่างมาก ซึ่งเราทุกคนย่อมพบเหตุการณ์อย่างนั้นในชีวิต แล้วดูว่า เขาคิดอย่างไรต่อไป….

สดุดี 42 :1-4. เหตุใดจึงหดหู่ ท้อแท้?
สดุดีบทนี้เหมาะกับทุกคนที่กำลังรู้สึกซึมเศร้า ท้อแท้ ผู้ที่เขียนมีความรู้สึกขาดแคลนในฝ่ายวิญญาณ ไม่มีกำลังใจเหลือ ท่านไม่ได้ต้องการหาความช่วยเหลือจากคน ไม่ได้ต้องการหาทรัพย์สมบัติ แต่หัวใจกำลังต้องการพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์สุด ๆ
ถามตัวเองว่า เมื่อไรจะได้เข้าเฝ้าพระเจ้า? นั่นคือท่านกำลังต้องการความรู้สึกต่อพระเจ้าตรงหน้า
ความรู้สึกอึดอัดใจเพิ่มขึ้นอีกเพราะมีคนมาเยาะเย้ย และถามว่า พระเจ้าของเจ้าอยู่ที่ไหน? ไม่ได้แค่พูดครั้งเดียว แต่พูดทั้งวันทั้งคืน ทำให้ท่านกินไม่ได้นอนไม่หลับ
และขณะที่ท่านกำลังเทใจออก คร่ำครวญอยู่นั้น ท่านก็นึกถึงวันที่ได้นำคนเป็นจำนวนมากไปยังพระวิหารของพระเจ้า เป็นช่วงเวลาแห่งความร่าเริงใจ เป็นเวลาที่มีแต่เสียงร้องเบิกบาน

สดุดี 42:5 จะหายจากความรู้สึกนั้นได้อย่างไร
ผู้เขียนถามตนเอง และตอบโดยสั่งให้ตนเองหวังใจในพระเจ้า แม้จะยังไม่เห็นทางออก
สรรเสริญพระเจ้าทั้งที่ยังกระสับกระส่ายอยู่ นี่เป็นวิธีบำบัดใจที่ทุกข์ร้อนของท่าน
ท้อแท้ + กระสับกระส่าย ต้อง หวังใจในพระเจ้า+สรรเสริญพระองค์
ใคร ๆ อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องพูดง่าย แต่ทำยาก ก็..อาจจะใช่ เพราะถึงอย่างนั้น ท่านยังไม่หยุดทุกข์ใจ

แล้วทำไมยังหดหู่ใจไม่หยุด?
ตอนนี้ผู้เขียนยังครุ่นคิดว่า แม้จะตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ แต่มีครั้งหนึ่งในชีวิตที่ท่านไม่ได้อยู่ในเยรูซาเล็ม แต่อยู่ไกลจากความสะดวกสบาย ในเวลานั้น มีความทุกข์ใจใหญ่หลวงท่วมท้นในชีวิต
ราวกับน้ำในห้วงลึกที่โถมเข้ามา เป็นภาพของทุกข์ซ้อนทุกข์ ไม่รู้จะหาใครช่วย
ถึงกระนั้น ท่านยังรู้ว่า พระเจ้าทรงยังส่งความรักของพระองค์ลงมา จะมืดอย่างไร ท้อแท้แค่ไหน ความรักของพระเจ้ายังรออยู่ ทั้งกลางวัน และกลางคืน
ท่านยังทูลต่อพระเจ้าผู้เป็นพระศิลา พระเจ้าผู้ทรงเข้มแข็งดั่งหินผา ถามพระองค์ว่าทำไมพระองค์ทรงลืมข้าไป ทำไมถูกศัตรูข่มเหง ตรงนี้เราเห็นด้วยว่า ไม่ใช่เจ็บใจเท่านั้น แต่เมื่อโดนมาก ๆ เขาท่านเจ็บกาย เจ็บปวดถึงกระดูกทีเดียว เพราะคำถามที่ล้อเลียนพระเจ้า ดูหมิ่นพระองค์ ทำให้เจ็บมาก

หายจากความรู้สึกอันมืดมน หมดหวังอย่างไร?
ขณะที่เผชิญหน้าศัตรู เผชิญความมืดมน จนตรอก ถูกเย้ยหยัน ผู้เขียนไม่ได้ปิดบังความรู้สึกต่าง ๆ ที่ประดังเข้ามานั้นเลย
ท่านตั้งใจที่จะหวังใจในพระเจ้าอย่างมั่นคง มั่นใจว่าจะสรรเสริญพระเจ้าผู้จะทรงช่วยให้ท่านรอดจากสถานการณ์นั้นอย่างแน่นอน
นี่เป็นสดุดีสำหรับเราทุกคนที่เผชิญความตกต่ำในจิตวิญญาณ ที่จะแสวงหา ปรารถนาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และรอให้พระองค์กู้เราขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

การทรงสร้างวันที่ห้า แพลงก์ตอน

ขอแนะนำคลิปสอนการทรงสร้างของพระเจ้าให้กับเด็ก อนุบาลสาม ประถมต้น โดยเราจะเข้าไปศึกษาสัตว์ พืช และสิ่งต่าง ๆ ที่พระเจ้าทรงสร้างเป็นรายละเอียด คลิปนี้จะออกประมาณสัปดาห์ละครั้ง
เมื่อเด็ก ๆ เข้าใจว่าพระเจ้าของเขาทรงเป็นพระผู้สร้างที่ปราชญ์เปรี่อง และเด็กมีความรู้รอบในสิ่งที่เขาเห็นรอบตัว เข้าใจกฎธรรมชาติที่พระเจ้าทรงวางไว้ เขาจะภูมิใจในพระองค์ และติดตามพระองค์ไปตั้งแต่ยังเล็กอยู่
ขอฝากให้พี่น้องแบ่งปันให้กับเพื่อน ๆ ที่มีลูกเล็ก ๆ ด้วย เชื่อว่าจะได้ประโยชน์มาก
เพราะเป็นการเรียนรู้พระเจ้า พระคำ ดนตรี ศิลปะ ไปพร้อม ๆ กัน

สดุดี 41 ชัยชนะแม้ถูกทรยศ

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
รางวัลของดาวิด
1 ความสุขมีแก่คนที่เอาใจใส่คนยากจน
พระยาห์เวห์จะทรงช่วยเขาให้รอดในเวลาลำบาก
2 ขอพระเจ้าทรงปกป้องรักษาเขา และช่วยเขาให้มีชีวิตรอด
และเขาจะได้รับพระพรในแผ่นดิน
พระองค์จะไม่ทรงยื่นเขาให้อยู่ในมือของศัตรู
3 พระเจ้าจะทรงรักษาเขา แม้ป่วยอยู่บนเตียง
พระองค์จะทรงรักษาเขาบนเตียงที่เขานอนอยู่

คำร้องทูลต่อพระเจ้า คำร้ายจากศัตรู
4 ข้ากล่าวว่า “ โอพระยาห์เวห์ ขอทรงเมตตาแก่ข้า
ขอทรงรักษาข้า เพราะข้าได้ทำบาปต่อพระองค์”
5 ศัตรูทั้งหลายได้กล่าวถึงข้าอย่างเสีย ๆ หาย ๆ
“เมื่อไรเขาจะตาย และสิ้นชื่อไปเสีย?”
6 เมื่อใครสักคนในพวกเขามาเยี่ยม
เขาจะกล่าวคำชั่วร้าย เขาเก็บความคิดชั่วไว้ในใจ
เมื่อออกไปก็พูดออกมา
7 คนที่เกลียดชังข้าต่างซุบซิบนินทาเรื่องร้าย ๆ
พวกเขาหาทางที่จะทำร้ายข้า
8 “เขาเป็นโรคร้าย และตอนนี้ก็นอนป่วยอยู่
ไม่มีทางได้ลุกจากเตียงนั่นได้หรอก”
9 แม้กระทั่งเพื่อนของข้า คนที่ข้าไว้ใจ
คนที่กินอาหารกับข้า ก็ยังหันหลังให้

การรื้อฟื้นของดาวิด
10 แต่พระองค์ พระยาห์เวห์ ขอทรงเมตตาต่อข้า
ขอทรงยกข้าขึ้น เพื่อว่าข้าจะได้ตอบแทนพวกเขา
11 เพราะอย่างนี้ ข้าจึงรู้ว่าพระองค์ทรงยินดีในข้า
นั่นคือ ศัตรูไม่อาจร้องโห่ชัยชนะเหนือข้าได้
12 พระองค์ทรงอุ้มชูข้าเพราะความซื่อตรงของข้า
และพระองค์ทรงวางข้าไว้ต่อพระพักตร์ตลอดไป

ถวายพระพรด้วยความยินดี
13 ขอให้พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ทรงได้รับคำถวายพระพรตลอดไปเป็นนิตย์
อาเมน และอาเมน

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 1:1, 2:12; มัทธิว 5:1-11

2*สุภาษิต 3:18, 21:28; สดุดี 27:12

3* 2 พงศ์กษัตริย์ 4

4*สดุดี 6:2, 103:3, 147:3

5* สุภาษิต 41:5; สดุดี 102:8

6* สดุดี 12:2; สุภาษิต 26:24-26

7*2 โครินธ์ 12:20; โรม 1:29

8* สดุดี 71:11

9*2 ซามูเอล 15:12; ยอห์น 13:18, 21-30; สดุดี 55:12-14

10* ลูกา 19:27; สดุดี 109:6-21

11* สดุดี 124:6; สดุดี 31:8

12* โยบ 36:7

13* สดุดี 72:18-19, 89:52; 106:48; 150:6

สดุดี 41:1-3
รางวัลของดาวิด
สดุดีบทนี้เป็นสดุดีเริ่มและจบด้วยการสรรเสริญพระเจ้า. กษัตริย์ดาวิดมีความมั่นใจในการช่วยเหลือ การปกป้องของพระเจ้า

ความสุขมีแก่… หรือพระพรมีแก่… คนที่มีความสัมพันธ์กับพระเจ้าเป็นพิเศษในแบบต่าง ๆ ให้เปิดดูพระคำเชื่อมโยงแล้วจะเห็นว่าความสุขมีแก่ใครบ้าง ในข้อสามบอกชัดเจนว่า พระเจ้าทรงเป็นแพทย์ผู้รักษาอย่างเอาใจใส่ ให้เราเชื่อในการรักษาของพระเจ้า อย่าสงสัยไป

สดุดี 41:4-9
คำร้องทูลต่อพระเจ้า คำร้ายจากศัตรู
ดาวิดคิดเสมอว่า ความบาปของท่านกับความเจ็บป่วยเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน นั่นเป็นความตระหนักในใจของท่าน ทุกคนเองก็ย่อมมีความตระหนักที่แตกต่างกันไปตามแต่ที่พระเจ้าประทานความเข้าใจให้
แต่ในขณะเดียวกันข้อ 12 ท่านก็มีความซื่อตรงต่อพระเจ้าด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องซับซ้อน แต่ละกรณีก็มีสาเหตุของมันเอง
ท่านเล่าว่าเมื่อมีคนมาเยี่ยม ก็มาเพื่อรวมรวมข้อมูล เอาท่านไปพูดเสียหาย เพื่อใส่ร้าย เพื่อทำร้าย เพื่อของท่านนั้น เป็นประเภทล้มแล้วเหยียบซ้ำ .. ในข้อ 9 เป็นเรื่องเดียวกันกับที่เกิดกับพระเยซูกับยูดาส ในยอห์น 13:8 และมัทธิว 26:21

สดุดี 41:10-12
การรื้อฟื้นของดาวิด
กษัตริย์ดาวิดสรุปโดย ทูลขอพระเมตตาให้พระองค์ทรงรักษาให้หายป่วยเพื่อว่าจะตอบสนองคนชั่ว ท่านเป็นกษัตริย์และจะต้องจัดการเพื่อความยุติธรรมและความมั่นคงของประเทศที่ปกครองอยู่
การที่ท่านกล้ากล่าวว่าพระเจ้าทรงยินดีในท่าน เพราะท่านได้เมตตาต่อคนที่อ่อนแอ (ข้อ 1) ท่านได้สารภาพบาป ( ข้อ 4) และท่านมั่นใจว่า ความซื่อตรงของท่านยังมีอยู่ต่อพระเจ้า ท่านจึงมีความมั่นคงในพระเจ้าตลอดไปเพราะท่านอยู่ต่อพระพักตร์ของพระเจ้าเสมอ

สดุดี 13
ถวายพระพรด้วยความยินดี
คำว่า อาเมนคือ สิ่งนั้นเป็นจริง วางใจได้ ยืนยันแล้ว ให้สังเกตว่า สดุดี 1-41 นั้นจะลงท้ายด้วยการสรรเสริญพระเจ้า รวมถึงบทที่ 72, 89, 106, 150 พระพรที่พระเจ้าประทานให้แก่มนุษย์ในบทที่ 1:1
จบสดุดีของดาวิด ใน 41:13 ด้วยการทูลถวายพระพรกลับไปที่พระเจ้า

สดุดี 40 คำขอบพระคุณ และคำร้องทูลขอความช่วยเหลือ

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
ผลดีของการรอคอยพระเจ้า
1 ข้าวางใจในพระยาห์เวห์อย่างสุดใจ
แล้วพระองค์ทรงหันมาหาข้า
ทรงฟังเสียงข้าร้องทูลขอความช่วยเหลือ
2 พระองค์ทรงฉุดข้าขึ้นมาจากหลุมร้าง จากโคลนตม
และทรงวางเท้าข้าไว้บนศิลา ทำให้ย่างก้าวของข้ามั่นคง
3 พระองค์ประทานบทเพลงใหม่ให้แก่ข้า
เป็นเพลงสรรเสริญพระเจ้าของเรา
หลายคนจะเห็นสิ่งที่พระเจ้าทรงทำ
เพื่อพวกเขาจะเกรงกลัว และวางใจในพระยาห์เวห์

ไม่มีใครเทียบพระองค์ได้
4 ผู้ที่วางใจในพระยาห์เวห์นั้นมีความสุขมากเท่าใด
และเขาไม่ขอความช่วยเหลือจากคนยะโสหรือคนมุสา
5 โอพระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้า
พระองค์ทรงทำสิ่งมหัศจรรย์มากมาย
ทรงวางแผนการเพื่อชีวิตของเรา
ไม่มีใครเทียบกับพระองค์ได้เลย
หากข้าจะประกาศ และกล่าวถึงพระราชกิจนั้น
ก็มีมากมายเกินกว่าที่ข้าจะเล่าจนหมดได้

คำสัญญาจะทำตามน้ำพระทัย
6 สำหรับพระองค์ เครื่องบูชา หรือของถวาย
ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก
พระองค์ทรงทำให้ข้าเข้าใจชัดเจนว่า
พระองค์ไม่ได้ทรงเรียกร้องเครื่องเผาบูชา
หรือเครื่องบูชาไถ่บาป
7 แล้วข้ากล่าวว่า “ดูสิ ข้ามาแล้ว
ในหนังสือม้วนนั้น มีบันทึกเรื่องราวเกี่ยวข้องกับข้า”
8 ข้าปรารถนาทำตามน้ำพระทัย พระเจ้าของข้า
พระบัญญัติของพระองค์ก็ฝังอยู่ในใจของข้า

สิ่งที่กษัตริย์ดาวิดจะประกาศออกไป
9 ข้าประกาศเรื่องความเที่ยงธรรมของพระองค์ในที่ประชุมใหญ่
ดูเถิด ข้าจะไม่รั้งริมฝีปากของข้าเลย
โอพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงทราบว่าเป็นจริง
10 ข้ามิได้ซ่อนความเที่ยงธรรมของพระองค์ไว้ในใจของข้า
ข้าได้ประกาศความซื่อตรงและการช่วยกู้จากพระองค์ออกไป
ข้ามิได้ปกปิดความรักมั่นคงและความจริงจากที่ชุมนุมใหญ่

คำร้องทูล
11 โอ พระยาห์เวห์
ขออย่าทรงรั้งความสงสารของพระองค์ไปจากข้า
ความรักมั่นคงและความจริงของพระองค์
จะปกป้องรักษาข้าไว้เสมอ
12 มีความยากลำบากนับไม่ถ้วนล้อมรอบข้าอยู่
บาปของข้าก็ไล่ทัน ข้าจึงมองไม่เห็น
บาปนั้น มีมากกว่าเส้นผมบนศีรษะ
ทั้งกำลังความกล้าหาญก็หนีข้าไป
13 โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงโปรดยินดีที่จะช่วยกู้ข้า
โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงรีบมาช่วยข้าด้วย
14 ขอให้คนที่พยายามเอาชีวิตของข้านั้น
ต้องเจอกับความสับสนและความอับอาย
ขอให้คนที่ต้องการทำร้ายข้าต้องล่าถอยและพบความอดสู
15 ให้คนที่กล่าวกับข้าว่า สมน้ำหน้า สมน้ำหน้า
ต้องตกใจกลัวพร้อมกับอับอายอย่างยิ่ง
16 ให้ทุกคนที่แสวงหาพระองค์ได้ยินดีและเปรมปรีดิ์ในพระองค์
ให้ทุกคนที่รักความรอดของพระองค์กล่าวเสมอว่า
“พระยาห์เวห์ทรงยิ่งใหญ่นัก”

ขอพระเจ้าทรงคิดถึงข้า
17 ข้านั้นทั้งถูกข่มเหงและขัดสน
พระยาห์เวห์ทรงคิดถึงข้า
พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วย และผู้ช่วยกู้ของข้า
โอ พระเจ้าของข้า ขออย่าทรงเนิ่นช้าเลย

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 25:5; 27:14; 37:7

2* สดุดี 37:23; 27:5; 71:20

3* สดุดี 103:1-5; 33:3; 52:6

4* เยเรมีย์ 17:7-8; สดุดี 125:5; 118:8-9

5* เยเรมีย์ 29:11; สดุดี 139:17-18

6* อิสยาห์ 1:11; ฮีบรู 10:5-12; 1 ซามูเอล 15:22

7* ฮีบรู 10:7-9; ลูกา 24:44; ยอห์น 5:39

8* โรม 7:22; ยอห์น 4:34; สดุดี 119:47

9* สดุดี 119:3; 22:25; ฮีบรู 2:12

10* โรม 1:16-17; กิจการ 20:26-27; 20:20-21; วิวรณ์ 22:17

11*สดุดี 57:3; 43:3; 61:7 สุภาษิต 20:28;

12* สดุดี 38:4; 73:26; 69:4

13* สดุดี 70:1-5; 38:22

14* สดุดี 35:4; 71:13; 35:26

15* สดุดี 35:21,25

16* สดุดี 35:27; 68:3; กิจการ 19:17

17* สดุดี 70:5; อิสยาห์ 41:17; 1 เปโตร 5:7

สดุดี 40:1-3 ผลดีของการรอคอยพระเจ้า
เฝ้ารอพระเจ้า ร้องขอความช่วยเหลือ …. ทำแบบนี้ อาจรอนานหลายวัน หลายเดือน หรือรอสั้น ๆ แล้วแต่สถานการณ์ แต่ผลก็คือ พระเจ้าทรงยิน ทรงฟังคำร้องทูล และฉุดเราขึ้นมาจากปัญหาที่พัวพัน ความทุกข์ยาก และตั้งเราให้มั่นคง
จากนั้น พระเจ้าก็ประทานเพลงใหม่ให้ อาจเป็นเพลงเดิมที่เคยร้อง แต่ประสบการณ์ทำให้เราซาบซึ้งในพระองค์มาก จนมันกลายเป็นเพลงใหม่สำหรับพระเจ้า และไม่ร้องคนเดียวแต่ ร้องให้คนอื่นได้รับรู้ถึงการช่วยเหลือของพระเจ้า …​นี่เป็นเหมือนสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อเราหันมาหาพระเจ้าในยามจนตรอก

สดุดี 40:4-5 ไม่มีใครเทียบพระองค์ได้
เมื่อเราวางใจพระเจ้า เราก็ไม่ต้องไปง้อคนที่เย่อหยิ่ง อวดตัว คนรวย คนเหล่านั้น เราไม่ต้องไปสยบให้ เมื่อเราทบทวนสิ่งที่พระเจ้าทรงทำอย่างอัศจรรย์ ตั้งแต่การทรงสร้างสารพัดสิ่งในจักรวาล และการอัศจรรย์ทั้งสิ้นที่ทรงทำให้ผู้คนในพระคัมภีร์ และในโลกปัจจุบัน ใช่แล้ว มีมากมาย เล่าไม่หมดแน่นอน ต้องใช้เวลาถึงนิรันดร์ทีเดียว เมื่อเราคิดถึงสิ่งอัศจรรย์เหล่านั้น ก็ต้องตามด้วยการประกาศให้คนอื่น ๆ ได้รู้ด้วย

สดุดี 40:6-8 คำสัญญาจะทำตามน้ำพระทัย
สิ่งที่ดาวิดมี และเป็นจุดแข็งของท่านก็คือ ท่านทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกว่า บุรุษที่เดินตามน้ำพระทัย พระเจ้าทรงต้องการให้เรามีพระดำรัส พระดำริในหัวใจของเราเหมือนในข้อที่ 8 ได้กล่าวไว้ การที่ท่านกล่าววถึงหนังสือม้วน น่าจะเป็นหนังสือที่เขียนขึ้นเมื่อท่านขึ้นเป็นกษัตรย์นั่นเอง

สดุดี 40: 9- 10 สิ่งที่กษัตริย์ดาวิดจะประกาศออกไป
กษัตริย์ดาวิดได้ทำสิ่งที่เหมาะสมสำหรับการเป็นกษัตริย์คือ ได้ประกาศความดีของพระเจ้าท่ามกลางประชาชนของท่าน และเมื่อกษัตริย์ประกาศเช่นนั้น ย่อมมีสิทธิอำนาจมาก และคนทั้งกลายก็จะทำตามที่ท่านประกาศ เชื่อตามที่ท่านบอก

สดุดี 40:11-15 คำร้องทูล
ดูเหมือนกษัตริย์ดาวิดตระหนักว่า การที่ท่านถูกคนล่าเอาชีวิต มีความลำบากมากมาย เป็นเพราะบาปของท่านเอง ท่านมองว่า ตนเองเป็นสาเหตุของความยุ่งยากเหล่านี้ ไม่ได้โทษคนอื่นแต่ประการใด ถึงกระนั้น ก็ขอพระเจ้าที่จะทรงมาช่วย ขอพระองค์ทรงยินดีจะช่วย

ขอพระเจ้าทรงคิดถึงข้า
พระคัมภีร์ข้อนี้ เป็นที่ปลอบประโลมใจสำหรับทุกคนที่ถูกข่มเหง ไร้ที่พึ่ง และขัดสน พระเจ้าจะประทานให้พวกเขาตามที่ทูลขอ พวกเขาเป็นคนที่ยินดีในพระเจ้า และรู้ว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ที่สุด