สดุดี 45 บทเพลงงานสมรส

ถึงหัวหน้านักร้องตามทำนองลิลลี่มัสคิลของบุตรชายโคราห์ บทเพลงรัก

ความสุขของผู้เขียน
1 ใจของข้าเต็มล้นด้วยเนื้อหาที่น่าชื่นชม
ข้าทูลข้อความนั้นถวายองค์กษัตริย์
ลิ้นของข้าเป็นเหมือนปากกาของอาลักษณ์ที่พร้อม*อยู่

เจ้าบ่าวผู้สูงศักดิ์
2 พระองค์ทรงสง่างามเหนือบุตรของมนุษย์ทั้งสิ้น
พระคุณนั้น เทลงมาเหนือริมฝีพระโอษฐ์ของพระองค์
พระเจ้าจึงทรงอวยพระพรแด่พระองค์ตลอดไป
3 โอ ท่านผู้มีฤทธิ์ ขอเตรียมดาบให้พร้อมที่เอว
ในความงามและความตระการของท่าน
4 ให้ท่านควบม้าออกไปด้วยชัยชนะ
เพื่อปกป้องความจริงและความเที่ยงธรรม
ขอให้พระกรขวาของท่านบรรลุราชกิจที่ยอดเยี่ยม
5 คันธนูของท่านนั้นคมกริบ แทงหัวใจของศัตรูขององค์กษัตริย์
ประชาชาติต่าง ๆ ล้มลงใต้พระบาท
6 โอ พระเจ้าข้า พระบัลลังก์ของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์
พระองค์ทรงปกครองด้วยพระคทาแห่งความเที่ยงธรรม
7 พระองค์ทรงรักความเที่ยงธรรมและทรงชังความโหดร้าย
ดังนั้น พระเจ้า ผู้ทรงเป็นพระเจ้าของพระองค์ได้ทรงเจิม
พระองค์ด้วยน้ำมันแห่งความยินดี
ยกชูพระองค์เหนือมิตรทั้งปวงของพระองค์

8 เสื้อคลุมของพระองค์เต็มด้วยกลิ่นของ
มดยอบ กฤษณา และ การบูน
เสียงแห่งเครื่องสายจากราชวังงาช้างทำให้พระองค์ทรงยินดี
9 ราชธิดาของกษัตริย์ทั้งหลายเป็นสตรีสูงศักดิ์ของพระองค์
เบื้องพระหัตถ์ขวานั้น คือพระราชินีผู้ทรงเครื่องทอง
จากเมืองโอฟีร์

เจ้าสาวผู้งดงาม
10 ราชธิดาเอ๋ย ขอไปพิจารณา เอียงพระกรรณฟัง
ขอให้เธอลืมประชาชนของเธอ ลืมบ้านของพระบิดาที่จากมา
11 และองค์กษัตริย์จะปรารถนาความงามของพระนาง
จงน้อมองค์ลงต่อพระองค์ เพราะทรงเป็นเจ้านายของพระนาง
12 ธิดาจากเมืองไทระจะนำเครื่องบรรณาการมา
เพื่อจะได้รับความโปรดปรานจากพระนาง
คือเหล่าคนที่มั่งคั่งกว่าคนทั่วไป

ขบวนเจ้าสาว
13 เจ้าหญิงที่อยู่ในห้องประทับนั้นก็งดงามยิ่งนัก
ในเสื้อคลุมที่ทอด้วยเส้นไหมทอง
14 พระนางถูกนำไปเฝ้าองค์กษัตริย์ในเสื้อคลุมหลากสี
มีสาวพรหมจารีติดตามพระนางไป
15 พวกเธอถูกนำไปด้วยความยินดีและความชื่นชม
ขณะที่เดินเข้าไปในราชวังขององค์กษัตริย์

ลูกหลานที่จะได้ครอบครอง
16 ราชโอรสของพระนาง จะเป็นผู้ปกครองแผ่นดินต่อไป
สืบต่อจากบรรพบุรุษของท่าน
17 ข้าจะทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่จดจำทุกชั่วอายุคน
ชาติต่าง ๆ จึงจะสรรเสริญพระองค์ ตลอดไปนิรันดร์

พระคำเชื่อมโยง

1* เชี่ยวชาญ สดุดี 49:3; 2 ซามูเอล 23:2

2* ลูกา 4:22

3* อิสยาห์ 49:2; ฮีบรู 4:12; วิวรณ์ 1:16; ยูดา 25

4* วิวรณ์ 6:2

5* สดุดี 21:12;

6*สดุดี 93:2; ฮีบรู1:8-9; กันดารวิถี 24:17

7* สดุดี 2:2; 21:6; ฮีบรู 1:8-9

8* เพลงโซโลมอน 1:12-13; 4:14

9* เพลงโซโลมอน 6:8; 1 พงศ์กษัตริย์ 2;19

10* เฉลยธรรมบัญญัติ 21:13; รูธ 1:16-17

11* สดุดี 95:6, อิสยาห์ 54:5; เอเฟซัส 5:25-27

12* อิสยาห์ 49:23; สดุดี 22:29

13* วิวรณ์ 19:7-8; อิสยาห์ 61:10

14* เพลงโซโลมอน. 1:3-5

15* วิวรณ์ 7:15-17; 3:21

16* 1 เปโตร 2:9; วิวรณ์ 1:6; 20:6

17* มาลาคี 1:11; อิสยาห์ 62:3

ผู้เขียนกำลังมีความคิดดี ๆ ซึ่งกำลังจะทูลเสนอความคิดนั้นต่อองค์กษัตริย์ ดูเหมือนว่าเป็นบทเพลงสำหรับงานสมรสในข้อต่อ ๆ มา และลิ้นของท่านนั้นพร้อมกล่าวคำที่งดงามถวายราวกับปากกาของอาลักษณ์ที่ชำนาญงาน

สดุดี 45: 2-9 เจ้าบ่าวผู้สูงศักดิ์
ข้อ 2-5ผู้เขียนได้กล่าวว่า องค์กษัตริย์ของท่านนั้น งามเหนือผู้ใด และคำตรัสของพระองค์ก็เหมาะสม เป็นคำที่ดี และนี่เป็นผลมาจากพระพรของพระเจ้าเหนือองค์กษัตริย์ คำตรัสของพระองค์นั้นนำพระพรมายังประชาชนของพระองค์
สดุดีบทนี้ เป็นสดุดีที่กล่าวถึงองค์พระเมสสิยาห์ที่จะเสด็จมาในอนาคต
ที่เราสรุปได้เช่นนั้น เพราะฮีบรู 1:8-9 ได้เขียนโยงมาถึงพระคำข้อนี้ (ที่เป็นตัวเอียง) ถ้าเราอ่านดี ๆ จะรู้สึกว่า กษัตริย์องค์นี้ยังหนุ่มแน่น พระลักษณะของพระองค์ก็เหมาะสมที่จะเป็นกษัตริย์ และพระองค์ทรงได้รับการยกย่องเหนือคนอื่น ๆ ฮีบรูว่าทูตสวรรค์ทั้งสิ้นของพระเจ้านมัสการพระองค์​ และชัยชนะเหนือศัตรูทำให้รู้ว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ปกป้องประชาชนของพระองค์
ข้อ 6-7 พระบัลลังก์ที่ดำรงเป็นนิตย์ มีความหมายถึงพระบัลลังก์ของเชื้อสายผู้หนึ่งของกษัตริย์ดาวิด ทรงปกครองด้วยความเที่ยงธรรม (ถ้าเรากลับไปอ่านฮีบรู 1:5-9 จะเห็นว่า ผู้เขียนกำลังหมายถึงพระบุตรของพระเจ้าที่ทรงเป็นเชื้อสายของดาวิด)
ข้อ 8-9 องค์กษัตริย์ทรงสวมเสื้อคลุมที่มีกลิ่นหอม เป็นเครื่องหอมราคาแพงที่เหมาะกับพระองค์ ในราชวังของพระองค์ก็โอ่อ่าตระการ และมีนักดนตรีที่พร้อมเล่นเพลงถวายที่ทำให้พระองค์ทรงยินดี
ในวันนั้น ก็มีผู้ที่จะเป็นพระราชินีของพระองค์ประทับอยู่ข้างขวาพระหัตถ์

สดุดี 45:10-12 เจ้าสาวผู้งดงาม
เจ้าสาว(ราชธิดา) ที่บัดนี้เธอต้องเปลี่ยนความภักดีจากผู้ให้กำเนิดมาเป็นองค์กษัตริย์ซึ่งเธอจะสมรสด้วย เธอรับตำแหน่งใหม่ และจะได้รับความภักดีจากคนขององค์กษัตริย์
และเธอเป็นที่ปรารถนาขององค์กษัตริย์ เธอจึงควรถวายเกียรติแด่พระองค์
ข้อ 11 มีความหมายถึงการสมรสของพระคริสต์กับคริสตจักร (เอเฟซัส 5:25-27)
ข้อ 12 ธิดาจากเมืองไทระ คือประชาชนจากเมืองที่มั่งคั่ง เป็นเมืองท่าจะมาถวายความภักดีด้วย

สดุดี 45:13-15 ขบวนเจ้าสาว
ผู้เขียนได้บรรยายว่า ก่อนที่พระนางจะเข้ามายังท้องพระโรงของกษัตริย์นั้น เป็นอย่างไร เธองดงามในเสื้อคลุมทองคำ และมีเหล่าบริวารตามไปด้วย ทุกคนในที่นั้นเต็มด้วยความยินดี

สดุดี 45:16-17 ลูกหลานที่จะได้ครอบครอง
ลูกหลานที่จะเกิดจากครอบครัวใหม่นี้ จะเป็นผู้ที่ครอบครองแผ่นดินสืบไป พวกเขาจะกลายเป็นเจ้าชาย และเป็นกษัตริย์ที่รับหน้าที่ยิ่งใหญ่นี้
ผู้เขียนได้สัญญาว่าจะทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่ระลึกถึงตลอดไป และชาติต่าง ๆ ก็จะสรรเสริญพระองค์นิรันดร์ และเราขอบคุณพระเจ้าที่พระนามของพระเยซูคริสต์ยังคงเป็นที่สรรเสริญในวันนี้ และคนเป็นจำนวนมากยังคงเข้ามาหาพระองค์ทุก ๆ วัน

สดุดี 44 ขอทรงลุกขึ้นมา ช่วยพวกเรา

นอกเมืองเยรีโคก่อนกำแพงพัง

ถึงหัวหน้าวงดนตรี มัสคิลของวงศ์วาน โคราห์
บทเพลงสดุดีเพื่อให้ความเข้าใจ

ในอดีต พระเจ้าทรงตั้งประเทศให้กับพวกเขา
1 โอ พระเจ้าข้า เราได้ยินกับหู
บรรพบุรุษของเราได้บอกเราไว้ถึง
พระราชกิจที่ทรงกระทำในยุคของท่าน ในวันโบราณ
2 ทรงไล่ชนชาติทั้งหลายออกไปด้วยพระหัตถ์
และทรงให้พวกเขาตั้งรกรากขึ้นมา
พระองค์ทรงให้ชนชาติเหล่านั้นต้องทุกข์ยาก
และทรงไล่พวกเขาออกไป
3 พวกเขามิได้ยึดแผ่นดินด้วยดาบของพวกเขา
แขนของพวกเขามิได้ช่วยกู้ตนเอง
แต่เป็นพระหัตถ์ขวา และ พระกรของพระองค์
รวมทั้งแสงจากพระพักตร์
เพราะทรงพอพระทัยในพวกเขา
4 พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของเรา
โอพระเจ้า ทรงบัญชาให้ยาโคบได้รับการช่วยกู้
5 เราเอาชนะศัตรูได้โดยพระองค์
โดยพระนาม เราเหยียบย่ำเหล่าคนที่ลุกขึ้นต่อสู้พวกเรา
6 เพราะข้ามิได้วางใจในธนูของข้า
มิวางใจว่า ดาบจะช่วยให้รอดได้
7 แต่พระองค์ทรงช่วยเราจากศัตรู
และทรงทำให้คนที่เกลียดชังเราต้องอับอาย
8 เราโอ้อวดพระเจ้าของเราเรื่อยมา
และเราจะถวายคำขอบคุณต่อพระนามของพระองค์ตลอดไป
เซ ลาห์
พวกเขาถูกโจมตี เสียหายมาก ประเทศเพื่อนบ้านเยาะหยัน
9 แต่แล้วพระองค์ทรงทิ้งเรา และทรงทำให้เราอับอาย
พระองค์มิได้เสด็จไปกับกองทัพของเรา
10 ทรงทำให้เราหันหลังหนีศัตรู
และคนที่เกลียดชังเราก็ริบข้าวของไป
11  พระองค์ทรงทำให้เราเป็นดั่งแกะสำหรับนำไปฆ่า
ทรงทำให้เรากระจัดกระจายไปตามชาติต่าง ๆ
12 พระองค์ทรงขายคนของพระองค์ในราคาน้อยนิด
ไม่ได้ทรงเรียกร้องราคาสูงเลย
13 พระองค์ทรงทำให้เรากลายเป็นที่เย้ยหยันของเพื่อนบ้าน
ถูกพวกเขายั่วเย้า และคนรอบข้างก็เหยียดหยาม
14 พระองค์ทรงทำให้เราเป็นคำล้อเลียน
ท่ามกลางชาติต่าง ๆ เป็นที่ขบขันของคนทั้งหลาย
15 ความน่าอายของข้าก็อยู่ต่อหน้าข้าทั้งวัน
ความอับอายปกคลุมใบหน้าของข้าไว้

16 ก็เพราะเสียงของคนที่เยาะหยัน
ก็เพราะศัตรูและผู้ที่จองล้างจองผลาญ

ขอพระเจ้าทรงชี้ให้เห็นถึงต้นตอของความทุกข์ยากนี้
17 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับเรา แต่เราก็ไม่ได้ลืมพระองค์
และเราไม่ได้ทำผิดต่อพันธสัญญาของพระองค์
18 ใจของเราไม่ได้หันกลับไปจากพระองค์
เราไม่ได้ก้าวเท้าออกไปจากทางของพระองค์

19  แม้พระองค์ทรงฉีกเราในที่ของหมาป่า
และปกคลุมพวกเราไว้ด้วยเงาแห่งความตาย

20 หากเราได้ลืมพระนามของพระเจ้าของเรา
และชูมือขึ้นบูชาพระต่าง ๆ
21 พระเจ้าจะไม่ทรงเห็นหรือ ?
เพราะพระองค์ทรงรู้ความลับในใจ
22 แต่เพื่อเห็นแก่พระองค์ เราถูกฆ่าทั้งวัน
เราถูกนับเหมือนแกะที่จะถูกนำไปฆ่า

ทูลขอพระเจ้าทรงลุกขึ้นช่วยประชากรของพระองค์
23  ขอทรงตื่นขึ้น เหตุใดพระองค์จึงบรรทมอยู่
โอ้พระผู้เป็นเจ้า?
ขอทรงลุกขึ้น
ขออย่าทรงทิ้งขว้างพวกเราตลอดไป
24  เหตุใดพระองค์จึงทรงซ่อนพระพักตร์?
เหตุใดพระองค์ทรงลืมความทุกข์ยาก
และการถูกกดขี่ของพวกเรา?
25  เพราะวิญญาณของเราน้อมลงถึงดิน
ร่างของเราอยู่ติดพื้นดิน
26  ขอพระองค์ทรงลุกขึ้น ขอทรงมาช่วยเรา
ขอทรงไถ่เรา
เพื่อเห็นแก่ความรักมั่นคงของพระองค์

พระคำเชื่อมโยง

1* อพยพ 12:26,27; เฉลยธรรมบัญญัติ 6:20; ผู้วินิจฉัย 6:13; สดุดี 78:3

2*อพยพ 15:17; 2 ซามูเอล 7:10; เยเรมีย์ 24:6; อาโมส 9:15

3* เฉลยธรรมบัญญัติ 8:17-18; 4:37; 7:7-8; โยชูวา 24:12;

4* สดุดี 74:12

5* เฉลยธรรมบัญญัติ 33:17; ดาเนียล 8:4

6*1 ซามูเอล 17:47; สดุดี 33:16; โฮเชยา 1:7

7* โยชูวา 1:5; สดุดี 144:10

8* สดุดี34:2; เยเรมีย์ 9:24

9* สดุดี 60:1

10* เลวีนิติ 26:17; โยชูวา 7:8,12; สดุดี 89:43

11*สดุดี 44:22, โรม 8:36; เลวีนิติ 26:33; เฉลยธรรมบัญญัติ 4:27,28:64

12* อิสยาห์ 52:3-4; เยเรมีย์ 15:13

13* สดุดี 79:4, 80:6; เยเรมีย์ 24:9

14*เฉลยธรรมบัญญัติ 28:37; โยบ 16:4

15* สดุดี 69:7; เยเรมีย์ 51:51

16* สดุดี 8:2

17* ดาเนียล 9:13

18* โยบ23:11

19*อิสยาห์ 34:13; สดุดี23:4

20* เฉลยธรรมบัญญัติ 6:14

21* โยบ 31:14; สดุดี 139:1,2; เยเรมีย์ 17:10

22* โรม 8:36

23* สดุดี 7:6

24* โยบ 13:24

25* สดุดี 119:25

26*สดุดี 130:7-8

สดุดีบทที่ 44 เป็นการคร่ำครวญถึงความพ่ายแพ้ และความรู้สึกว่า พระเจ้าไม่ทรงอยู่กับพวกเขาเหมือนเมื่อก่อน เราไม่ทราบว่า สดุดีบทนี้เขียนตอนที่ถูกศัตรูโจมตีตอนไหน​… แต่ในที่สุด ผู้เขียนก็ไม่ได้หันจากพระเจ้า แต่ขอความช่วยเหลือจากพระองค์เท่านั้น

สดุดี 44:1-8
ในอดีต พระเจ้าทรงตั้งประเทศให้กับพวกเขา
ผู้เขียนย้อนคิดไปถึงคราวที่พระเจ้าทรงตั้งประเทศขึ้นมา พระองค์ทรงช่วยให้พวกเขาชนะศึกต่าง ๆ และพระองค์ทรงจัดการให้พวกเขาสามารถรวมกลุ่มกันได้เป็นประเทศอิสราเอลที่น่าเกรงขาม ภาษาที่ใช้ในบทนี้ เป็นภาษาทางการทหาร การต่อสู้ที่ผ่านมา พระเจ้าทรงอยู่กับพวกเขามาโดยตลอด เป็นเรื่องที่เล่าขานกันต่อ ๆ มา ชัดเจนว่า ที่อยู่ถึงวันนี้ได้ก็เพราะพระเจ้า
เราจะเห็นว่า ข้อ 6 และข้อ 15 เปลี่ยนจากคำว่าเรา มาเป็นข้า … ตัวเอง ในขณะที่ทั้งหมดเป็นเรื่องของคนทั้งชาติ ตั้งแต่ข้อ 4 จนมาถึงข้อ 8 เราเห็นความมั่นใจว่า พระเจ้าทรงช่วยในอดีต เขาโอ้อวดพระเจ้าเสมอ วันนี้ พระองค์ก็น่าจะทรงช่วยเช่นกัน

สดุดี 44:9-16
พวกเขาถูกโจมตี เสียหายมาก ประเทศเพื่อนบ้านเยาะหยัน
แต่แล้ว เมื่อมีศึกใหม่มา เหตุการณ์ไม่เป็นเหมือนเดิม นอกจากพระเจ้าไม่ทรงอยู่ด้วยแล้ว (9) พระองค์ยังทรงทำให้พวกเขากระจัดกระจายไป ไม่ให้อยู่ในแผ่นดินที่พระองค์ทรงนำพาพวกเขาเขามา (11-12) พระองค์เป็นผู้มอบพวกเขาให้ศัตรู (ข้อ 12)
ที่น่าปวดใจมากคือ กลายเป็นที่ล้อเลียนของศัตรู (13-14) ชีวิตอัปยศอดสู ถูกแช่งด่าตลอด (15-16) เขารู้สึกอับอายทุกวัน
ถ้าเราจะดูการต่อต้านอิสราเอลในวันนี้ เราจะสัมผัสได้เลยว่า รุนแรงแค่ไหน คนอิสราเอลจะรู้สึกหวาดกลัวขนาดไหน

สดุดี 44:17-22
ขอพระเจ้าทรงชี้ให้เห็นถึงต้นตอของความทุกข์ยากนี้
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องมีสาเหตุสิ ผู้เขียนยังคิดว่า พวกเขาไม่ผิด ยังคงซื่อตรงต่อพระเจ้า ใจไม่หันไปไหน เท้าไม่ออกไปจากทางของพระองค์​
แต่ทำไมพระเจ้าทรงทำกับพวกเขาอย่างนี้ สำหรับคนยิวแล้ว ในเมื่อพระเจ้าทรงเห็นทุกอย่างที่เขาทำ ไม่มีสิ่งใดพ้นจากสายพระเนตรไปได้ เขาทูลขอพระเจ้าทรงตรวจสอบใจของเขา (20-21) ดูแล้วไม่มีเหตุผลเลยที่ต้องเจอแบบนี้

สดุดี 44:23-26
ทูลขอพระเจ้าทรงลุกขึ้นช่วยประชากรของพระองค์
ไม่ว่าจะทุกข์หนักเพียงไหน ไม่รู้ว่าเหตุผลอะไร ผู้เขียนยังคงเข้ามาหาพระเจ้าขอพระเมตตา เขาใช้คำที่รุนแรงมาก ทำไมพระองค์ทรงหลับอยู่? ทำไมพระองค์ซ่อนพระพักตร์? เขาร้องขอพระเจ้าโปรดทำอะไรสักอย่างเถิด เขาขอให้พระเจ้าลุกขึ้น ช่วยและไถ่ เพราะเขารู้ว่าพระเจ้าทรงรักมั่นคงนัก

สดุดี 43 หวังใจแม้ในยามลำบาก

1 โอ พระเจ้า ขอทรงพิสูจน์ว่าข้าไม่ผิด
ขอทรงปกป้องข้าจากคนไร้พระเจ้า
จากคนหลอกลวงและคนที่ไร้คุณธรรม ขอทรงช่วยข้าให้รอด!
2 เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าทรงเป็นที่ ๆ ข้าเข้าไปหลบภัย
เหตุใดพระองค์จึงทรงปฏิเสธข้า?
เหตุใดข้าจึงต้องคร่ำครวญเพราะการข่มเหงของศัตรู?
3 ขอพระองค์ทรงส่งแสงสว่างและความจริงของพระองค์
มาเพื่อนำชีวิตของข้า
ให้ทั้งสองนำข้ามา
ยังภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์
มายังพระนิเวศของพระองค์
4 แล้วข้าจะไปยังแท่นบูชาของพระเจ้า
พระเจ้าผู้ทรงเป็นความยินดีล้นเหลือของข้า
และข้าจะสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณ
โอ้พระเจ้า พระเจ้าของข้า
5 เหตุใดเจ้าจึงท้อแท้ โอวิญญาณจิตของข้า ?
และเหตุใดเจ้าจึงกระสับกระส่ายอยู่ภายใน?
จงหวังใจในพระเจ้า
เพราะข้าจะสรรเสริญพระองค์อีกครั้ง
โอความรอดและพระเจ้าของข้า

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 26:1; 35:24; 1 ซามูเอล 24:15; สดุดี 35:1

2* สดุดี 42:9, 28:7

3* สดุดี 40:11; สดุดี 3:4

4* ฮาบากุก 3:17-18; สดุดี 57:8

5* สดุดี 42:5,11

สดุดี บทที่ 42 และ 43 เป็นเหมือนสดุดีที่ต่อกัน สามตอน น่าจะเป็นบทเดียวกัน มีประโยคที่เหมือนกันอยู่ที่ 42:5, 11 และ 43:5
บทที่ 43 นี้ เริ่มต้นการขอความยุติธรรม และขอการปกป้องจากคนอธรรม ซึ่งน่าจะเป็นศัตรูที่กวาดพวกเขาไปเป็นเชลย ข้อหนึ่งนี้เหมือนกับบทที่ 42 :9
ส่วนข้อที่สามขอให้พระเจ้าทรงส่งแสงสว่าง และความจริงมา พูดไปแล้ว พระเจ้าก็ทรงตอบคำอธิษฐานนี้ เพราะต่อมาพระองค์ได้ทรงส่งพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นแสงสว่างและความจริง มาบังเกิดในหมู่คนอิสราเอล น่าเสียดายที่อิสราเอลจำนวนมากมองไม่เห็นความจริงนี้
ข้อที่สี่ ผู้เขียนต้องการไปยังแท่นบูชา เพื่อนมัสการพระเจ้า เขาพูดทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นใจก็กระสับกระส่ายอยู่
ข้อความตอนนี้ทำให้เราเห็นเลยว่า เมื่อมีความทุกข์ใจ มีความกระวนกระวายใจ
เราต้องสั่งใจของเราให้คิดอย่างถูกต้อง
เชื่อหวังใจในพระเจ้า ไม่ว่าสถานการณ์รอบตัว และจิตใจจะเป็นอย่างไรก็ตาม