2 เปโตร 2 คำเตือนเรื่องครูสอนผิด

ครูสอนผิดกับหายนะ

แต่ยังมีผู้เผยพระคำเท็จอยู่ท่ามกลางผู้คน เหมือนกับที่มีครูสอนผิดท่ามกลางพวกท่านด้วย พวกเขาแอบนำคำสอนผิดที่สร้างความหายนะเข้ามา โดยถึงกับปฏิเสธองค์เจ้านายที่ทรงไถ่พวกเขา ซึ่งทำให้พวกเขาย่อยยับอย่างรวดเร็ว
2 เปโตร 2:1

มัทธิว 24:5,24, 1 ทิโมธี 4:1-2

เปโตรเตือนให้ระวังคนสอนเท็จที่ใช้ประโยชน์จากพี่น้อง 1 ทิโมธี 4:1 เตือนแล้วว่า คนสอนเท็จเหล่านี้จะระบาดหนักในยุคสุดท้าย ครูสอนผิดมีอยู่ทุกยุค ตั้งแต่โบราณจนกระทั่งวันนี้ ศัตรูของพระเจ้าทำงานอย่างแข็งขันที่จะให้มีครูสอนผิดเหล่านี้ มาหลอกให้คนของพระเจ้าที่ไม่เอาใจใส่ติดตามพระดำรัสของพระองค์ให้ หลงไปจากความจริง คนพวกนี้แปลพระดำรัสของพระเจ้าตามใจตนเอง

มีคนมากมายจะติดตามหนทางหายนะของพวกเขา ทำให้เกิดการดูหมิ่นทางแห่งความจริงด้วยความโลภ พวกเขาจะหาประโยชน์จากท่านด้วยเรื่องที่กุขึ้นมา การกล่าวโทษพวกเขาก็มีมานานแล้ว และความพินาศของเขาไม่ได้หลับอยู่
2 เปโตร 2:2-3

โรม 2:24, ยูดา 1:10,15, 2 โครินธ์ 2:17, 1 เธสะโลนิกา 2:5 , 1 ทิโมธี 6:5

จากคำตอนนี้ของท่านเปาโล เราจะเห็นชัดว่า ในโลกโซเชียล มีการขายของที่หลอกลวงว่าจะทำให้ดูดี สวยงามถ้ากินอาหารที่เขาโฆษณา ในคริสตจักร ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรเลย หากคริสเตียนไม่ระวังตัว ก็จะมีความเห็นที่คล้อยตามคนที่เข้ามาหลอกลวง เช่นว่า พระเจ้าจะทรงทำให้เรารวยขึ้น ถ้าเราถวายทรัพย์เยอะ ๆ ทางของความจริงก็กลาย เป็นหลบอยู่ในพระคัมภีร์เท่านั้น ไม่มีใครอ่านพระคำต่อไป คอยแต่ฟังคนที่หลอกลวง

เพราะหากว่า พระเจ้ามิได้ทรงยกเว้นเหล่าทูตสวรรค์ที่ได้ทำบาป แต่ได้ทรงผลักพวกเขาลงนรก และล่ามโซ่ไว้ในความมืดมิดเพื่อรอวันพิพากษา
2 เปโตร 2:4

ยูดา 1:6, มัทธิว 25:41, วิวรณ์ 20:10

จากพระคำข้อนี้ เรารู้ว่า พระเจ้าทรงทำอย่างไรกับทูตสวรรค์ที่ทำบาปต่อพระองค์​ พวกที่กบฎต่อพระเจ้าพร้อม ๆ กับซาตาน พวกเขาไม่ได้มีโอกาสลอยนวล ดูเหมือนว่าทูตที่ทำบาป จะไม่มีโอกาสรอดได้เหมือนกับมนุษย์ เพราะพระเยซูได้ทรง ทรงมีทางที่จะช่วยให้มนุษย์พ้นการพิพากษาผ่านไม้กางเขนของพระเยซู แต่ถ้าใครไม่รับพระเยซูคริสต์อีก ทางรอด ก็ไม่เหลืออีกเลย (ฮีบรู 2:16, วิวรณ์ 20:10)

และพระองค์ก็มิได้ยกเว้นโลกโบราณตอนที่ทรงให้น้ำท่วมโลกของคนอธรรม แต่ทรงปกป้องโนอาห์ ผู้เทศนาเรื่องความเที่ยงธรรมรวมทั้งอีกเจ็ดคน
2 เปโตร 2:5

2 เปโตร 3:6, 1 เปโตร 3:19-20,

นอกจากทูตสวรรค์ถูกจำจองแล้ว ในโลกโบราณ พระเจ้าก็ไม่ได้ยกเว้นคนอธรรมด้วย“พระเจ้าทรงเห็นว่า ความชั่วช้าของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน และทรงเห็นว่าความคิดในใจของเขาล้วนเป็นเรื่องร้ายเสมอไป” (ปฐมกาล 6:5) ดังนั้นพระองค์จึงทรงกวาดล้างผู้คนทั้งสิ้นให้หมดไปจากแผ่นดินหลายคนไม่ได้กลัวพระพิโรธของพระเจ้า เขาจึง จมอยู่ในความบาปต่อไปเรื่อย ๆ แม้มีโอกาสกลับตัวก็ทิ้งโอกาสนั้นไป

พระเจ้าทรงทำอย่างไรกับคนแต่ละประเภท?

แล้วพระองค์ทรงเผาเมืองโสโดม โกโมราห์ จนเป็นเถ้าถ่าน เพื่อใช้เป็นตัวอย่างถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคนอธรรม
2 เปโตร 2:6

ปฐมกาล 19:16, 28-29, ยูดา 1:7, ลูกา 17:28-30

โลท ซึ่งเป็นคนของพระเจ้า ได้เลือกเข้าไปอาศัยในเมืองที่ชั่วช้า และพระเจ้าทรงลงโทษทั้งสองเมืองนี้เพื่อเป็นตัวอย่างว่า พระองค์จะทรงลงโทษความชั่วร้ายอย่างไร ในปฐมกาล 18:20 เขียนว่า .. พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เสียงร้องกล่าวโทษเมืองโสโดมและโกโมราห์นั้น ดังเหลือเกิน บาปของพวกเขาก็หนักมาก” พระเจ้าทรงลงโทษ ทั้งทูตสวรรค์ที่ทำผิด คนอธรรมในโลกสมัยโนอาห์ และเมืองสองเมืองในสมัยของโลท เราสักคนจึงไม่ควรคิดว่าจะลอยนวลไปได้จากการพิพากษาโทษบาป

และทรงช่วยกู้โลทคนเที่ยงธรรมที่ต้องทุกข์หนักเพราะชีวิตโสโครกของคนชั่วช้า(เพราะในขณะที่เขาใช้ชีวิตเที่ยงธรรมทุกวัน ท่ามกลางคนพวกนั้น จิตใจของเขาจะทรมานนักจากการกระทำไร้คุณธรรมที่ได้เห็นและได้ยิน)
2 เปโตร 2:7-8

ปฐมกาล 19:16,29, 1 โครินธ์ 10:13, สดุดี 119:158, 136, เอเสเคียล 9:4

พระเจ้าทรงช่วยโลทให้พ้นจากเมืองโสโดมทันเวลา อ่านการช่วยเหลือของพระเจ้าจากปฐมกาล 19:12-29 พระองค์ทรงเอาเขาออกมาจากเมืองชั่วร้ายก่อนที่เขาเองจะกลายเป็นคนชั่วเหมือนชาวเมืองเหล่านั้น เพราะถึงแม้เขาจะเป็น คนของพระเจ้า แต่การอยู่ในเมืองแบบนั้น มันสุดจะทน และชีวิตก็พร้อมที่จะตกในความชั่วด้วย ในที่สุดถึงแม้โลทจะรอดมาอย่างหวุดหวิด แต่เขาสูญเสียทุกสิ่ง บ้านเรือน ภรรยา ออกมาตัวเปล่าพร้อมกับลูกสาวอีกสองคน

ดังนั้น พระเจ้าทรงทราบว่า จะช่วยคนเที่ยงธรรมให้พ้นจากการล่อล่วงอย่างไร และจะทรงกักขังคนอธรรมไว้เพื่อให้รับโทษในวันพิพากษา
2 เปโตร 2:9

1 โครินธ์ 10:13, สดุดี 34:15-`19, วิวรณ์ 3:10

จากตัวอย่างทั้งสองเรื่องที่ผ่านมา เราเห็นว่า พระเจ้าทรงลงโทษและทรงช่วย พระเจ้าทรงรู้ว่าจะช่วยให้เราพ้นจากการล่อลวงอย่างไร เมื่อเราเลือกให้พระองค์ทรงช่วย ทำได้โดยหันจากบาป สำนึกผิด และเข้ามาหาพระองค์ผู้ทรงพระคุณและเมตตา ให้เรารู้เสมอว่า พระเจ้าไม่ทรงประสงค์ให้ใครพินาศเลย

ลักษณะของคนที่บิดเบือนพระคำ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ทำตัวเป็นมลทินไปตามกิเลสตัณหา
และยังเหยียดหยามผู้มีอำนาจปกครอง พวกเขากล้าบ้าบิ่น ไม่กลัวที่จะพูดสบประมาทเหล่าผู้ทรงอำนาจ……
2 เปโตร 2:10

ยูดา 1:4,7,8, อพยพ 22:28

รู้อะไรไหม? ครูสอนที่อ่านพระคัมภีร์จริง ๆ จะไม่มีอาการประเภทดูถูก ดูหมิ่นคนอื่น เขาจะใช้ความ สุภาพ อ่อนโยนตามแบบของพระเยซูคริสต์ ในการสอน ในการเทศนา แต่เหล่าครูสอนผิด มักจะอวดตัวว่าเก่ง สามารถไล่วิญญาณชั่ว และหาเงินจากการกระทำอย่างนั้นทั้ง ๆ ที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังสบประมาทใครอยู่ ท่านเปโตรกำลังเตือนคนเหล่านี้

ซึ่งแม้แต่ทูตสวรรค์ที่มีกำลังและฤทธิ์เดชมากกว่า ก็ยังไม่ใส่ร้ายสบประมาทพวกเขาต่อพระพักตร์พระเจ้า
2 เปโตร 2:11

ยูดา 1:9, 2 เธสะโลนิกา 1:7

ครูสอนผิดเหล่านี้ ทั้งเย่อหยิ่ง ยโส เกลียดชังอำนาจปกครองทุกชนิด เพวกเขาจะพูดใส่ร้าย ทุก ๆ อย่างในโลกฝ่ายวิญญาณอย่างไม่กลัวสิ่งใดทั้งสิ้น เราจะพบว่า มีบางคนที่บอกว่าตนเองมีความเชี่ยวชาญในด้านสงคราม การต่อสู้ฝ่ายวิญญาณ มาให้เขาช่วยได้แต่จริง ๆ แล้ว ทั้งหมดนี้มันเต็มดวยความเย่อหยิ่ง และอวดตัว ลองสังเกตกันดูด้วยตัวเอง จะเห็น ชัดเจนมาก ๆ ถึงแม้คริสเตียนมีสิทธิที่จะไล่ผีออกจากคนที่ถูกทรมานได้ แต่ในเรื่องการที่จะด่าว่า อำนาจเหล่านั้นไม่ใช่เป็นของมนุษย์

แต่คนเหล่านี้ เป็นเหมือนสัตว์เดรัจฉานที่ทำตามสัญชาตญาณ มันเกิดมาเพื่อถูกจับและฆ่า พวกเขากล่าวคำดูหมิ่นสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจ
ในที่สุดพวกเขาจะต้องถูกพบกับหายนะเหมือนสัตว์เหล่านั้น
2 เปโตร 2:12

ยูดา 1:10, เยเรมีย์ 12:3, สดุดี 92:6

คนเหล่านี้ คือเหล่าครูสอนเท็จทั้งหลายแตกต่างจากทูตสวรรค์ฝ่ายพระเจ้า เพราะคิดและทำโดยใช้ความอยาก ไม่ได้ใช้เหตุผลแบบที่ควรเป็น เขากล้าที่จะดูหมิ่นสิ่งที่พระเจ้า ทรงตั้งไว้ ไม่ว่าจะในโลกวิญญาณหรือโลกมนุษย์ ที่จริงแล้วในสังคมเราทุกวันนี้ เราเห็นคนที่กล้าท้าทายผู้มีอำนาจ โดยใช้วาจาสามหาวที่คิดว่า วาจา แบบนั้นจะช่วยให้เขามีชัย แปลกจริง ๆ เป็น อย่างนี้กันทั้งโลก

บาปของครูสอนผิด

และจะได้รับความทุกข์ยากสนองคืน เพราะการอธรรมของตน เพราะพวกเขาคิดว่า การมั่วสุมสุดเหวี่ยงในเวลากลางวันนั้น คือความบันเทิงเริงใจ พวกเขามีมลทิน ด่างพร้อย หาความสำราญกับการหลอกตัวเอง ในขณะที่กินเลี้ยงกับท่าน
2 เปโตร 2 :13

ฟีลิปปี 3:19, โรม 13:13, 1 โครินธ์ 11:20

การอธรรมของพวกเขาจะได้รับการตอบสนองอย่างสาสม มันเป็นค่าจ้างของบาป. คนเหล่านี้ทำลายคริสตจักรของพระเจ้า ไม่ใช่มีน้อยคน แต่มีมากจนน่าเป็นห่วง พวกเขาจะบอกใคร ๆ ว่าตนรักพระเจ้า แต่การกระทำไม่ได้ไปกับคำพูด พวกเขาทั้งหลอกตัวเองและหลอกคนอื่น

ดวงตาเต็มด้วยความกระหายทางกาม ไม่สามารถหยุดทำบาปชั่ว คอยดักจับคนที่ไม่มั่นคง ใจนั้นมีความชำนาญในความโลภ เป็นคนที่ถูกแช่งสาป
2 เปโตร 2:14

เอเฟซัส 2:3, 2 เปโตร 3:16, 2:3

พระคำข้อนี้ทำให้เรารู้ว่า การมองของครูสอนผิดที่ท่านเปโตรกล่าวถึงนั้น เป็นสายตามองสิ่งต่ำ สิ่งที่สกปรก ไม่อาจหยุดทำบาปเพราะตายังมองสิ่งเหล่านั้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ หรือเรื่องผลประโยชน์ ความละโมภในตัว ที่เขาดักจับคนไม่มั่นคง เพราะคนเหล่านั้นจะกลายมาเป็นเครื่องมือในการทำลายคนอื่นต่อไปได้ ดังนั้น ภาพของข้อนี้ ชัดเจนว่า เราต้องมั่นคง หนักแน่น เข้าใจพระคำของพระเจ้า เป็นอย่างดี เพื่อจะไม่ตกเป็นเหยื่อของคนเหล่านี้

พวกเขาละทิ้งทางที่ถูกต้อง แล้วก็หลงไปตามทางของบาลาอัม ลูกชายเบโอร์ที่รักรายได้จากการทำชั่ว แต่เขาถูกตำหนิเพราะเขาทำผิด ลาที่พูดไม่ได้กลับพูดออกมาด้วยเสียงมนุษย์ เพื่อห้ามความวิกลจริตของเขา
2 เปโตร 2:15-16

กันดารวิถี 22:5-7, 21-33, ยูดา 1:11

บาลาอัม เป็นต้นแบบของคนที่รับจ้างทำลายคนดี ทำลายสิ่งดีของพระเจ้าที่มีอยู่ คนเหล่านี้มีอยู่มากมายในโลก มีในคริสตจักรด้วย (โยชูวา 13:22, กันดารวิถี 22-24) แต่พระเจ้าทรงใช้ลา ให้พูดเพื่อเตือนสติเขา! เรื่องนี้ต้องตามกลับไปอ่านแล้วจะเห็นว่า ถึงบาลาอัมจะดึงดันขนาดไหน แต่ถ้าพระเจ้าทรงจัดการ ทุกอย่างจะสำเร็จ ครูสอนผิดเองต้องรู้ว่าไม่มีวันที่เขาจะชนะพระองค์ได้

พวกเขาเป็นบ่อไร้น้ำ เป็นหมอกที่ถูกพายุพัดไป มีความดำมืดนิรันดร์ที่ถูกเตรียมไว้รอคอยพวกเขาอยู่ เพราะพวกเขาใช้การโอ้อวดที่โง่เขลา ใช้ความอยากทางเพศ ดักจับคนที่เพิ่งหนีมาจากพวกที่เดินทางผิด
2 เปโตร 2:17-18

เยเรมีย์ 14:3, ยูดา 1:12-16, 2 เปโตร 2:20, 1:4, วิวรณ์ 13:5-6

ท่านเปโตรกล่าวว่าคนเหล่านี้เป็นบ่อไร้น้ำ นั่นคือเป็นบ่อเปล่า ๆ ไม่มีน้ำที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้คน เป็นหมอกที่อยู่ให้เห็นประเดี๋ยวเดียวแล้วก็ไม่อยู่อีกต่อไป สิ่งที่เราเห็นจากพวกเขาคือ การโอ้อวดในเรื่องที่ตอบสนองความอยาก ของคนที่ฟัเป็นการใช้กิเลสตัณหามาล่อลวง บอกว่าพระเจ้าจะให้สิ่งดี ๆ ให้ความมั่งคั่งให้อะไร ๆ ที่ทูลขอตามใจทุกอย่าง เจอคนสอนแบบนี้ จงหนีให้ไกล!

พวกเขาสัญญาให้อิสรภาพ แต่ตัวเองกลับเป็นทาสความเสื่อมทราม เพราะสิ่งใดมีชัยเหนือใคร เขาก็ย่อมเป็นทาสของสิ่งนั้น
2 เปโตร 2:19

ยอห์น 8:34, โรม 6:16-22, กาลาเทีย 5:13

พวกเขาสัญญาว่าทุกคนที่ตามเขาจะมีเสรีภาพซึ่งเป็นสถานะที่คนสมัยใหม่อยากได้ และเรียกร้อง คนที่สัญญาเช่นนี้ ตัวเองยังเป็นทาสของความอยากส่วนตนอยู่อย่างชัดเจน พวกเขาต้องการเงินทอง ต้องการแฟนคลับ ต้องการคนติดตามมาก ๆ เพราะนั่นหมายถึง ประโยชน์ส่วนตน ครูสอนผิด นักเทศน์สอนผิด เหล่านี้ยังเป็นทาสความคดโกงอย่างเห็นได้ชัด อีกอย่างของคนเหล่านี้คือ มักให้ร้ายคนอื่น และยกตัวเองว่าดีกว่าใคร

อันตรายของการกลับไปทางเดิม

ถ้าหลังจากที่เขาได้หนีจากมลทินของโลกด้วยการรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระผู้ช่วยให้รอด คือพระเยซูคริสต์ แล้วยังกลับไปเกี่ยวข้องและแพ้มันอีก สุดท้าย ชีวิตของเขาจะเลวร้ายยิ่งกว่าเริ่มต้น
2 เปโตร 2:20

มัทธิว 12:45, ฮีบรู 10:26-27, 6:4-8, ฟีลิปปี 3:19

สภาพนี้ เป็นสภาพที่น่าเศร้าใจมาก ไม่ต่างอะไรกับคนที่เข้าไปฟื้นฟูบำบัดอาการเสพติด แล้วในที่สุดก็กลับไปติดยาอีกครั้ง และไม่สามารถออกมาได้อีกเลย ท่านเปโตรบอกไว้ล่วงหน้าให้รู้ว่า ใครก็ตามที่ได้พบพระเจ้าแล้ว และตัดสินใจหันหลัง กลับไปอยู่ในชีวิตเดิมๆ สุดท้ายแล้ว ชีวิตนั้นจะจมดิ่งลงไปในความบาปโดยถอนตัวไม่ขึ้น

หากว่าพวกเขาไม่รู้ทางแห่งความเที่ยงธรรม ก็จะดีกว่าที่รู้ทางแล้วยังกลับหันหลังให้บัญญัติบริสุทธิ์ที่เขาเคยยอมรับ
2 เปโตร 2:21

ลูกา 12:47, ยากอบ 4:17, เอเสเคียล 18:24

การที่เรามารู้จักพระเจ้าแล้ว เราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เรารู้ การหันกลับไปสู่มลทินของโลกนั้นน่าเสียดายมาก ๆ ไม่รู้เลยก็ดีกว่า ยุคนี้มีคน ไม่น้อยที่หันกลับจากทางของพระเจ้าไปในทางที่เขาเลือกเอง ส่วนใหญ่เป็นเพราะมาแตะทางของพระเจ้าแล้ว ไม่ถูกใจ ไม่เข้าใจ ไม่ตามหา ไม่เรียนรู้ ไม่สัมผัสพระเจ้าจริงดังนั้นจึงตัดสินใจใช้ชีวิตของตนเองตามทางที่ตนพอใจ

สิ่งนี้เกิดขึ้นตามสุภาษิตที่ว่า
“สุนัขกลับไปกินสิ่งที่มันสำรอกออกมา” และ “สุกรที่อาบน้ำแล้วก็จะกลับไปจมปลักอีก”
2 เปโตร 2:22

สุภาษิต 26:11

คนที่มีสิ่งดี ครอบครัวดี งานดี โรงเรียนดี แล้วยังตกไปอยู่ในสภาพเลวร้ายเพราะการตัดสินใจผิดนั้นน่าเสียดายมาก หากใครคนหนึ่งมีชีวิตที่ตามใจตนเอง ไม่สนใจสิ่งดี ๆ แต่หลงไปตามความรู้สึกพอใจทั้งที่มันส่งผลเสียกับตนเองและครอบครัวก็เหมือนสุภาษิตนี้เลย