
ทรงเตือนให้เข้มแข็งกี่ครั้ง?
1 ในวันที่ยี่สิบเอ็ดเดือนที่เจ็ด
พระยาห์เวห์ตรัสผ่านทางฮักกัยผู้เผยพระดำรัสว่า
2 “บัดนี้ จงกล่าวแก่
เศรุบบาเบล ผู้ว่าราชการของยูดาห์ ลูกชายเชอัลทิเอล
กล่าวแก่ โยชูวา ลูกชาย เยโฮซาดักมหาปุโรหิต
กล่าวแก่ประชากรที่หลงเหลือว่า
3 มีใครในพวกเจ้าที่ได้เห็นพระนิเวศตอนที่มีความสง่าตระการ? แล้วตอนนี้เจ้าเห็นเป็นอย่างไรเล่า?
เหมือนกับว่าเหล่านี้ไม่ได้มีความหมายอะไรกับเจ้าใช่ไหม?
4 ถึงอย่างนั้น ขอให้เจ้าเข้มแข็งเถิด เศรุบบาเบลเอ๋ย”
พระยาห์เวห์ทรงประกาศดังนี้
“จงเข้มแข็ง โยชูวา ลูกชายเยโฮซาดักมหาปุโรหิต
จงเข้มแข็งเถิด ประชากรแห่งแผ่นดิน”
พระยาห์เวห์องค์จอมทัพทรงประกาศ
5 “นี่เป็นไปตามพันธสัญญาที่เราทำกับเจ้า
เมื่อเจ้าออกมาจากอียิปต์
และวิญญาณของเราประทับอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า
อย่ากลัวเลย”
ฮักกัย 2:1-5 วันที่ยี่สิบเอ็ดเดือนที่เจ็ด คือ 17 ตุลาคม ปี 520 ก่อนคริสตศักราช เป็นวันสุดท้าย(วันที่เจ็ด)ของเทศกาลอยู่เพิง ช่วงเทศกาลนี้ คนยิวจะอยู่ในเพิง หรือพลับพลาเป็นการชั่วคราว เพื่อระลึกถึงช่วงที่พวกเขาต้องอยู่ในเต็นท์ ในเวลาที่เดินทางออกจากอียิปต์ ที่น่าสนใจคือ เป็นวันเดียวกับที่โซโลมอนสร้างพระวิหารเสร็จเมื่อ 440 ปีก่อน (ปี 960 ก่อนคศ. ดู พงศ์กษัตริย์ 6:38; 8:2)
พระเจ้าทรงให้ฮักกัยสื่อพระดำรัสแก่ ทั้งเศรุบบาเบล ผู้ว่ายูดาห์ โยชูวา ปุโรหิต รวมทั้งประชากรในเวลานี้ ในวันนี้เลย ต้องย้อนไปถึงสมัยที่โซโลมอนสร้างพระวิหาร เป็นวิหารที่สวยงามตระการ พรั่งพร้อมด้วยทองมหาศาล แต่วิหารที่เขาสร้างหลังจากกลับมาจากบาบิโลนนั้นดูด้อยค่าในสายตาของหลาย ๆ คน.. แต่ดูเหมือนพระเจ้าไม่ทรงสนพระทัยว่าพระวิหารจะสวยงามดังเดิม พระองค์ทรงให้กำลังใจ
พระองค์ตรัสกับทั้งเศรุบบาเบล โยชูวา และประชาชนเป็นคำเดียวกัน เท่ากับซ้ำสามครั้ง ว่า จงเข้มแข็งเถิด ทำไมพระเจ้าตรัสคำนี้??
โมเสสเองก็ได้รับคำนี้จากพระเจ้าเช่นกัน ในอพยพ 3:12 นั่นคือ เราจะอยู่กับเจ้า อย่ากลัว พระเจ้าทรงทวนพระสัญญาที่ทรงทำไว้กับโมเสสให้พวกเขาได้ยิน ทรงย้ำเตือนการสถิตอยู่ด้วย พระเจ้าทรงประสงค์ให้คนอิสราเอลได้นมัสการพระองค์ในแผ่นดินนี้ ดังนั้น เมื่อกลับจากการเป็นทาสในอียิปต์ และเมื่อกลับจากการเป็นเชลยในบาบิโลน พวกเขายังต้องมีเป้าหมายเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
นี่เป็นคำที่พระเจ้าตรัสกับเราด้วย! พวกเรากำลังสร้าง ตกแต่งพระวิหารฝ่ายวิญญาณของพระองค์ในชีวิตของเรา และเพื่อน ๆ ของเรา
ฟ้าและแผ่นดินสั่นสะเทือน
6 เพราะพระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสดังนี้
“อีกครั้ง อีกไม่นาน
เราจะเขย่าฟ้าสวรรค์ และโลกนี้ รวมทั้งทะเลและแผ่นดิน
7 เราจะเขย่าชาติต่าง ๆ เพื่อว่าสมบัติของชาติต่าง ๆ นั้น
จะเข้ามา และเราจะทำให้พระนิเวศแห่งนี้
เต็มด้วยความสง่าตระการ”
พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสดังนั้น
8 “แร่เงินและทองเป็นของเรา” พระยาห์เวห์ทรงประกาศ
9 “ความสง่าตระการของพระนิเวศในครั้งนี้จะงามยิ่งกว่าความสง่าตระการในครั้งแรก”
พระยาห์เวห์องค์จอมทัพได้ตรัส
“เราจะให้ความสงบสุขเกิดขึ้นในที่แห่งนี้”
นี่เป็นการประกาศของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ
ฮักกัย 2:6-9
พระเจ้าจะทรงเข่าทั้งฟ้าสวรรค์ทั้งโลก ทั้งทะเล และแผ่นดิน
นี่เป็นการเขย่าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย เป็นการตรัสถึงวันของพระผู้เป็นเจ้า (มัทธิว 24:29) เป็นวันที่พระเจ้าทรงเตรียมสำหรับการที่ชาติต่าง ๆ จะได้เข้ามาอยู่ในการปกครองขององค์พระเยซูคริสต์ และตรงนี้แหละที่พระเกียรติของพระเจ้าจะระบือไปทั่ว
แร่ทั้งสิ้นในโลกเป็นของพระเจ้าและพระวิหารที่พวกเขาคิดว่า ไม่งดงามเท่าพระวิหารโซโลมอนนั้น จะเป็นพระวิหารที่งดงามที่สุด
ดูกันตรง ๆ พระนิเวศใหม่ที่พวกเขาสร้างไม่ได้งดงามเท่าวิหารโซโลมอน แต่พระเจ้ากำลังตรัสว่า พระนิเวศนี้งามกว่า พระเจ้าทอดพระเนตรไม่เหมือนมนุษย์ มีอะไรที่พระองค์ทรงสื่อให้เราคิดต่อ?
ชีวิตที่สะอาดจะได้งานสะอาด
10 ในวันที่ยี่สิบสี่ เดือนเก้า ปีที่สองแห่งรัชกาลกษัตริย์ดาริอัส พระดำรัสจากพระยาห์เวห์มายังฮักกัย ผู้เผยพระดำรัสว่า
11 พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสว่า จงไปถามปุโรหิตเรื่องพระบัญญัติ
12 หากชายคนหนึ่งมีเนื้อสัตว์จากของถวายมาติดที่รอยพับของเสื้อ และส่วนของเสื้อนั้นไปโดนขนมปัง แกงเนื้อ เหล้าองุ่น น้ำมัน หรืออาหารอื่น ๆ ของเหล่านั้นจะกลายมาเป็นของบริสุทธิ์หรือไม่? ” เหล่าปุโรหิตตอบว่า “ไม่ !”
13 แล้วฮักกัยจึงถามว่า “หากใครคนหนึ่งเป็นมลทินจากการแตะต้องศพ แล้วมาแตะต้องสิ่งเหล่านี้ที่กล่าวมา สิ่งนั้นจะเป็นมลทินหรือไม่?” เหล่าปุโรหิตตอบว่า “แน่นอนสิ่งนั้นจะเป็นมลทิน”
14 แล้วฮักกัยจึงตอบว่า “องค์พระยาห์เวห์ทรงประกาศดังนี้ ‘ประชากรที่นี่ และชาตินี้ก็เป็นอย่างนั้นในสายตาของเรา ไม่ว่าเขาลงมือทำอะไร ไม่ว่าเขาถวายสิ่งใด ทั้งสิ้นเป็นมลทิน
ฮักกัย 2:10-14
วันที่ยี่สิบสี่ เดือนเก้า ปีที่สอง คือวันที่ 18 ธันวาคม ปี 520 ก่อนคริสตศักราช เป็นวันที่พระยาห์เวห์ตรัสให้ฮักกัยไปตั้งคำถามกับปุโรหิตที่รู้เรื่องพระบัญญัติเป็นอย่างดี โดยคำถามสองข้อนี้ จะเป็นสื่อ
ช่วยให้คนอิสราเอลได้รู้ว่า จะพิจารณาตนเองอย่างไร
ที่พระเจ้าทรงสั่งให้ไปถามปุโรหิต เรื่องพระบัญญัติ เพราะปุโรหิตมีหน้าที่ในการสอนพระบัญญัติให้กับประชาชน พวกเขาควรตอบได้
คำถามของฮักกัยคือ หากมีส่วนใด ๆ ของเนื้อสัตว์มาติดตามเสื้อผ้าของปุโรหิต จากนั้น เสื้อก็ไปโดนสิ่งต่าง ๆ เนื้อจะยังบริสุทธิ์ไหม… คำตอบคือ สิ่งต่าง ๆ จะเป็นมลทินไปหมด
อีกข้อหนึ่งคือ หากคนไปแตะต้องศพ สิ่งที่เขาแตะจะเป็นมลทินไหม คำตอบคือ ทุกอย่างเป็นมลทิลไปหมด
ดังนั้น หากพวกเขาจะทำงาน เขาต้องมีชีวิตที่บริสุทธิ์สะอาดด้วย
เราจะรับใช้พระเจ้าด้วยใจและมือที่สกปรกอยู่ไม่ได้ เพราะเราจะไม่ได้อะไรที่ดีจากงานนั้น
พระเจ้าทรงเตือนให้เขามีชีวิตที่บริสุทธิ์ในการทำงานของพระองค์
ใช้วิจารณญาณให้ดี
15 บัดนี้ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป จงพิจารณาให้ดีก่อนที่จะวางก้อนหินซ้อนกันในพระนิเวศของพระยาห์เวห์”
16 ดูสิว่า เจ้าอยู่ในสภาพใด เมื่อใครคนหนึ่งมาตักกองข้าวโดยหวังว่าจะได้ยี่สิบถึง แต่แล้วกลับมีแค่สิบถัง เมื่อคนหนึ่งมายังบ่อเก็บเหล้าองุ่น ตวงได้แค่ยี่สิบถึง ทั้ง ๆ ที่ต้องการห้าสิบถัง
17 เราเฆี่ยนเจ้าไง ผลงานจากน้ำมือของเจ้า เราทำลายมันด้วยลมร้อน เชื้อรา และลูกเห็บ แต่เจ้าก็ยังไม่หันมาหาเรา” พระยาห์เวห์ทรงประกาศ
18 “จากวันนี้ไปจงพิจาณาให้ดี จากวันที่ยี่สิบสี่เดือนเก้า
จากวันที่วางรากฐานของพระนิเวศของพระยาห์เวห์
จงพิจารณาให้ละเอียด
19 ยังมีเมล็ดข้างในยุ้งฉางบ้างหรือไม่? องุ่น มะเดื่อ ทับทิม และต้นมะกอกยังไม่ได้ออกผลหรือ?
แต่จากวันนี้ไปเราจะอวยพรเจ้า”
ฮักกัย 2:15-19
พระเจ้าทรงเตือนให้คนของพระองค์พิจารณาตนเอง
ก่อนที่จะเริ่มวางรากฐานพระนิเวศ …
คำเตือนของพระองค์นี้ เป็นเหมือนพระพรที่ซ่อนอยู่เพื่อให้คนของพระองค์ได้เปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี
มัทธิว เฮนรี่ เตือนเราว่า เหตุการณ์แบบนี้ก็เหมือนพวกเรา เมื่อเราได้ทำงานใดก็ตาม เราต้องระมัดระวังตัวเอง มิฉะนั้น เราอาจทำให้งานที่เราทำกลายเป็นงานไม่สะอาดด้วยความบาปของเราเอง
เมื่อเราเห็นผลงานของเราว่า มันไม่เป็นอย่างที่คาด สิ่งที่ต้องทำคือการสำรวจตัวเอง เมื่อเราเริ่มทำงานรับใช้เราอาจจะคาดพระพร คนที่มีปัญญาจะเข้าใจความรักของพระเจ้า
พระเจ้าจะทรงสาปแช่งงานของคนชั่วร้าย และทำให้พระพรของคนที่ไม่ระมัดระวังขาดหายไป แต่พระองค์จะทรงทำให้ถ้วยแห่งความทุกข์ยากของคนที่ตั้งใจรับใช้พระองค์ด้วยชีวิตที่ถูกต้องนั้นหวานชื่น
พระเจ้าทรงสัญญาจะอวยพระพร ทั้งที่พวกเขาเห็นความการทำลาย ความขาดแคลน พระองค์ทรงเห็นความตั้งใจของพวกเขาในการที่จะสร้างพระวิหารอีกครั้ง
พระสัญญาต่อเศรุบบาเบล
ที่จะทรงรื้อฟื้นอาณาจักรวงศ์วานดาวิด
20 ในวันที่ยี่สิบสี่ของเดือนนี้
พระดำรัสของพระยาห์เวห์มายังฮักกัย
21 “จงกล่าวแก่เศรุบบาเบล ผู้ว่าราชการยูดาห์ ว่า
เราจะเขย่าฟ้าสวรรค์ และแผ่นดิน
22 เราจะคว่ำบัลลังก์ทั้งหลาย และทำลายอำนาจของอาณาจักรชาวต่างชาติ เราจะคว่ำรถม้าศึก พลม้าทั้งหลาย ทั้งม้าศึกและผู้ขับขี่จะล้มลงโดยดาบของพี่น้องของเขาเอง
23ในวันนั้น เราจะรับเจ้า เศรุบบาเบลลูกชายของเชอัลทิเอลผู้รับใช้ของเรา” พระยาห์เวห์ทรงประกาศ “เราจะทำให้เจ้าเป็นดั่งแหวนตราของเรา เพราะเราได้เลือกเจ้าแล้ว” พระยาห์เวห์องค์จอมทัพประกาศดังนั้น
น่าสนใจที่เศรุบบาเบล เป็นทั้งผู้รับใช้ ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือก และแหวนตราของพระเจ้า ซึ่งเป็นแหวนตราที่จะไม่ถูกถอดออกไป
ฮักกัย 2:20-23
พระเจ้าตรัสผ่านฮักกัยให้รู้ว่า พระองค์ทรงอำนาจเหนือประชาชาติต่าง ๆ การเขย่าฟ้าสวรรค์ และแผ่นดินโลกนั้น ไม่มีใครทำได้นอกจากพระเจ้า เพราะเป็นเรื่องของทั้งจักรวาล และโลก เป็นอนาคตที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่ในสมัยของพวกเขา นี่เป็นการตรัสย้ำที่พระองค์ตรัสมาแล้วในข้อ 6-7
การคว่ำบัลลังก์ทั้งหลาย การทำลายอาณาจักรต่าง ๆ คือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เรากำลังเห็นอยู่ในโลกอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และจะเป็นไปอย่างที่พระเจ้าทรงประสงค์
เศรุบบาเบลถูกเรียกว่า ผู้รับใช้ของเรา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่พระคัมภีร์เดิมมักจะใช้โยงถึงพระเมสสิยาห์ ตัวอย่างเช่น 1 พงศ์กษัตริย์ 11;34; อิสยาห์ 42:1-9; 50:4-11 ยิ่งกว่านั้น พระเจ้ายังทรงบอกล่วงหน้าว่า
จะมีอาณาจักรของพระเมสสิยาห์เกิดขึ้น
พระเยซูทรงเป็นลูกหลานสืบเชื้อสายของเศรุบบาเบลโดยตรง ทรงเป็นผู้เดียวที่ทรงสร้างพระวิหารนิรันดร์ของพระเจ้า จากประชาชนจากชาติต่าง ๆ ทั่วโลก
เบื้องหลังของพระคำตอนนี้อยู่ในเยเรมีย์ 22:24-30 กษัตริย์ก่อนองค์สุดท้ายของยูดาห์คือ เยโฮยาคีน (อีกนามว่า โคนิยาห์) ถือเป็นแหวนตราในพระหัตถ์ขวาของพระเจ้า แต่พระองค์จะถอดออก และมอบชีวิตของท่านให้กับศัตรู จะไม่มีใครในเชื้อสายของเขาจะได้นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด และปกครองในยูดาห์อีก
ดังนั้นเมื่อเศรุบบาเบล ซึ่งเป็นหลาน ได้รับพระดำรัสจากพระเจ้าผ่านฮักกัย นี้คือ การยกเลิกการพิพากษาของพระเจ้าที่ทรงให้ไว้กับปู่ของท่าน
เช่นเดียวกับบาปของเราที่ได้รับการยกเลิก ได้รับการอภัยโดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ ทั้งหมดนี้เป็นพระคุณให้กับเศรุบบาเบล และพระคุณแก่พวกเรา คนทั้งโลก!
พระเยซูทรงเป็นดั่งแหวนตราแห่งอำนาจในพระหัตถ์ขวาของพระเจ้า(แหวนตราที่กล่าวถึงเป็นสิ่งที่มีค่ามาก เป็นเหมือนลายเซ็นของคน ๆ หนึ่ง ที่สามารถเซ็นรับรองสิ่งต่าง ๆ)
เพราะสิทธิอำนาจทั้งสิ้นทรงมอบไว้ให้แก่พระองค์แล้ว พระสัญญาของพระเจ้าทุกอย่าง ทุกคำ สำเร็จโดยพระเยซูคริสต์
พระคัมภีร์เชื่อมโยง
1* เอสรา 3:12, 13; เศคาริยาห์ 4:10
4* เศคาริยาห์ 8:9
5* อพยพ 29:45-46; เนหะมีย์ 9:20
6* ฮีบรู 12:26; โยเอล 3:16
7* ปฐมกาล 49:10; อิสยาห์ 60:7
9* ยอห์น 1:14; สดุดี 85:8-9
11* มาลาคี 2:7
13* กันดารวิถี 19:11, 22
14* ทิตัส 1:15
15* ฮักกัย 1:5, 7; 2:18
16* เศคาริยาห์ 8:10
17* เฉลยธรรมบัญญัติ 28:22; ฮักกัย 1:11; อาโมส 4:6-11
18* เศคาริยาห์ 8:9
19* เศคาริยาห์ 8:12; มาลาคี 3:10
21* เศคาริยาห์ 4:6-10; ฮักกัย 2:6-7
22* ดาเนียล 2:44; มีคาห์ 5:10
23* บทเพลงโซโลมอน 8:6; อิสยาห์ 42:1; 43:10
บรรณานุกรม
https://www.blueletterbible.org/commentaries/mhc/.. (Matthew Henry Matthew Henry’s Concise Commentary on the Whole Bible)
https://enduringword.com/bible-commentary/haggai-2/
https://freshread.wordpress.com/2011/01/31/haggai-223-signet-ring/
https://netbible.org/bible/Haggai+1
Gary M.Berg and Andrew E. Hill, eds , “Commentary on the minor prophets“, Baker Publishing Group, 2012.