คำพิพากษาเอโดม
1 ต่อไปนี้เป็นจินตภาพของโอบาดีห์
เอโดมจะถูกทำให้ต่ำลงต่อหน้าชาติต่าง ๆ
องค์พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตได้ตรัสถึงเอโดมว่า
เราได้ยินพระดำรัสจากองค์พระยาห์เวห์ดังนี้
มีท่านผู้หนึ่งถูกส่งไปตามชาติต่าง ๆ ประกาศออกไปว่า
“จงลุกขึ้น ให้เราไปโจมตีเอโดม!”

พระยาห์เวห์ตรัสกับชาวเอโดม
2 “ดูเถิด อีกไม่นาน เราจะทำให้เจ้า
กลายเป็นผู้ที่เล็กน้อย ท่ามกลางชาติต่าง ๆ
เจ้าจะถูกเกลียดชังเป็นที่สุด (อ่าน มาลาคี 1:2-4, เยเรมีย์ 49:7-22)
3 ความหยิ่งยโสในใจของเจ้าล่อลวงเจ้า
เจ้าผู้อาศัยตามหลืบ ในซอกหิน
บ้านของเจ้าอยู่บนที่สูง เจ้ากล่าวกับตัวเองว่า
‘จะมีใครมาดึงเราลงไปอยู่บนพื้นดินได้เล่า?’
4 “แม้ว่าเจ้าจะบินสูงไปอย่างอินทรี
และสร้างรังท่ามกลางดวงดาว
เราจะฉุดเจ้าลงมาจากที่นั่น” พระยาห์เวห์ตรัส
5 “ หากมีโจรเข้ามาหาเจ้า
หากพวกปล้นมายามกลางคืน
เจ้าจะถูกทำลายย่อยยับขนาดไหน !
พวกเขาก็จะเอาของไปเท่าที่ต้องการ
หากมีคนเก็บองุ่นเข้ามา
และเก็บองุ่นจากสวนของเจ้า
เขาจะเหลือไว้ให้คนยากจนบ้างไม่ใช่หรือ?
6 แต่เจ้า เอซาว จะถูกค้นทุกซอกทุกมุม
ทรัพย์สมบัติที่ซ่อนไว้ทุกชิ้น
จะถูกค้นพบช่วงชิงไปจนหมด
7 คนที่เป็นมิตรของเจ้า จะบังคับให้เจ้าไปจนสุดเขตแดน คนที่สัญญาจะให้สันติสุขกับเจ้า ก็หลอกเจ้า และเอาชนะเจ้า คนที่กินอาหารร่วมโต๊ะกับเจ้าเวลานี้ กลับวางแผนดักเจ้า และเจ้าเองก็ไม่สังเกตเห็นเลย
8 พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ในวันนั้น เราจะไม่ทำลายนักปราชญ์แห่งเอโดม และคนที่มีความเข้าใจให้หมดจากขุนเขาเอซาวหรือ?”
9 โอเมืองเทมาน นักรบที่เก่งกล้าของเจ้าจะตกใจกลัว
และทุกคนจากขุนเขาแห่งเอซาวจะถูกสังหาร
เอโดมทำกับน้องอย่างไม่สมควร
10 เจ้าได้ทำความอำมหิตต่อยาโคบน้องของเจ้า เจ้าจะปกคลุมด้วยความอับอาย และถูกตัดขาดไปเป็นนิตย์
11 ในวันที่เจ้ายืนอยู่เฉยอีกด้าน เจ้าไม่ยอมช่วยในวันที่ มีคนแปลกหน้าเข้ามาขนสมบัติของอิสราเอลออกไป มีคนต่างชาติผ่านเข้ามาทางประตูเมือง และจับสลากแบ่งส่วนนครเยรูซาเล็มกันเจ้าเป็นเหมือนคนหนึ่งในพวกเขา

12 “ เจ้าไม่ควรไปหัวเราะเย้ยหยันน้องอิสราเอลของเจ้าในวันที่เขาต้องเจอเหตุการณ์ร้าย
เจ้าไม่ควรไปยิ้มเยาะดีใจเมื่อคนยูดาห์พบเจอหายนะ หรือไม่ควรไปโอ้อวด ในวันที่พวกเขาเจ็บปวด
13 เจ้าไม่ควรเข้าไปในประตูเมืองของประชากรของเรา ในวันที่พวกเขาพบหายนะ เจ้าไม่ควรหัวเราะเยาะสมน้ำหน้า ในวันที่พวกเขาพบหายนะ หรือไม่ควรปล้นเอาสมบัติของพวกเขาไป ในวันที่พวกเขาพบหายนะ
14 เจ้าไม่ควรยืนดักอยู่ที่ทางแยกเพื่อทำลายคนที่พยายามลี้ภัย
เจ้าไม่ควรจับคนที่รอดชีวิตส่งให้กับศัตรูในวันที่เขาเจ็บปวด

วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า
15 “วันแห่งพระยาห์เวห์ กำลังใกล้เข้ามายังชาติต่าง ๆ สิ่งชั่วร้ายที่เจ้าได้ทำกับคนอื่น เจ้าจะถูกกระทำคืนเช่นนั้น
การกระทำทุกอย่างจะกลับมาตกบนหัวของเจ้า
ชาติต่าง ๆ จะถูกพิพากษา
16 เพราะเจ้าได้ดื่มจนเมาบนภูเขาบริสุทธิ์ของเรา ชาติต่าง ๆ ก็จะดื่มต่อไปอย่างนั้น พวกเขาจะดื่มแล้วดื่มอีกราวกับไม่เคยดื่มมาก่อน
ชัยชนะที่สุดของอิสราเอล
17 แต่บนภูเขาศิโยน จะมีบางคนหนีพ้นมาได้ และภูเขานั้นจะเป็นที่บริสุทธิ์ วงศ์วานยาโคบจะได้รับกรรมสิทธิ์ในแผ่นดินคืนมา
18 วงศ์วานยาโคบจะเป็นเหมือนไฟ
วงศ์วานของโยเซฟจะเป็นเหมือนเปลวไฟ
แต่วงศ์วานของเอซาวจะเป็นเหมือนตอไม้วงศ์วานยาโคบจะจุดไฟและเผาผลาญพวกเขาจนหมด
จะไม่มีใครรอดชีวิตจากวงศ์วานเอซาวเลย ที่เป็นเช่นนี้ เพราะพระยาเวห์ได้ตรัสไว้

19 แล้วประชากรแห่งเนเกบจะได้รับภูเขาเอซาวคืนมา
ประชากรแห่งเนินเขาต่าง ๆ จะครอบครองดินแดนฟีลิสเตีย
เขาจะได้ท้องทุ่งของเอฟราอิมกับสะมาเรีย
และเบนยามินจะได้ครอบครองกิเลอาด
20 ประชาชนจากอิสราเอลผู้ที่เคยเป็นเชลย
จะเข้ามาในดินแดนคานาอันจนไปถึงเศราฟัท ประชากรจากยูดาห์ผู้ที่ถูกบังคับให้ทิ้งนครเยรูซาเล็มไป และไปอาศัยอยู่ในเสฟาราด จะยึดเมืองต่าง ๆ คืนมาจากเนเกบ
21 เหล่าผู้กล้า จะขึ้นไปยังภูเขาศิโยน เพื่อปกครองขุนเขาของเอซาวจากที่นั่น
และอาณาจักรนั้นจะเป็นกรรมสิทธิ์ของพระยาห์เวห์

อธิบายเพิ่มเติม
เบื้องหลังโอบาดีย์
หนังสือสั้น ๆ โอบาดีย์ฉบับนี้ เขียนโดยโอบาดีย์ ซึ่งชื่อของเขาแปลว่า ผู้รับใช้ของพระเจ้า หนังสือโอบาดีห์ เป็นคำพยากรณ์สั้น ๆ สั้นที่สุดในพันธสัญญาเดิม โดยที่พระยาห์เวห์ตรัสผ่านโอบาดีห์ด้วยจินตภาพและพระดำรัส เรื่องราวของโอบาดีย์ก็ทำให้เราเห็นสภาพความสัมพันธ์ของผู้คนในดินแดนแถบนั้น ที่ยังคงตึงเครียดมาจนทุกวันนี้ (เพื่อให้ไม่สับสน ชาวเอโดมเป็นลูกหลานของเอซาว ซึ่งเป็นพี่ชายของยาโคบ
ดังนั้นพวกเขาจึงได้ชื่อว่าเป็นเหมือนพี่ชายของอิสราเอลหรือที่เรียกว่ายูดาห์ หรือบางครั้งเรียกยาโคบ บางครั้งจะพูดถึงเอโดม โดยใช้ชื่อ เอซาว (ปฐมกาล 36 นั่นคือ เอซาว=เอโดม อิสราเอล=ยาโคบหรือ โยเซฟ)
เอโดมคือใคร?
จำได้ไหมว่า อิสอัคกับเรเบคาห์นั้น มีลูกชายแฝดสองคนคือ เอซาวกับยาโคบ ทั้งสองต่อสู้กันมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ (ปฐมกาล 25-27) วันหนึ่งพี่ชายหิวโซมา จึงขายสิทธิลูกหัวปีให้น้องด้วยราคาแกงหนึ่งหม้อ ต่อมาน้องคือยาโคบก็ปลอมตัวไปรับสิทธิและพรของลูกหัวปีจากพ่อ
ลูกหลานของเอซาวคือชาวเอโดมย้ายลงไปอยู่แถบภูเขาเซียร์ทางใต้ (เราจะเห็นลำดับวงศ์วานของพวกเขาในปฐมกาล 38 และอ่าน มาลาคี 1:2-4, เยเรมีย์ 49:7-22)
ลูกหลานของยาโคบคืออิสราเอล ซึ่งรวมไปถึงทั้งสิบสองเผ่า ทั้งสองชนชาตินี้ก็ได้มีข้อขัดแย้งกันมาตลอด
แค่ข้อความจากโอบาดีย์สั้น ๆ แต่โยงเหตุการณ์ตั้งแต่สมัยของเอซาวมาถึงปัจจุบัน … ดังนั้น โอบาดีย์จึงเป็นการบันทึกในสิ่งที่ทั้งเกิดขึ้นในอดีต และสิ่งที่กำลังเกิดต่อหน้าต่อตาเราในปัจจุบัน (7 ตุลาคม 2023 เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ มองหนังสือโอบาดีห์อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ) อ่านดี ๆ เราจะเห็นว่า
พระเจ้าทรงทำให้โฮเชยาเห็นภาพบางอย่าง ทั้งได้ยินพระสุรเสียงจากพระยาห์เวห์ให้ชวนชาติต่าง ๆ เข้าไปโจมตีเอโดม
เอโดมอยู่ที่ไหนในโลก?
พื้นที่ของเอโดม อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลตาย เป็นพื้นที่เต็มด้วยขุนเขา ซึ่งเขตนี้เอง เรียกว่า เทือกเขาเซียร์ (Sier)
โอบาดีย์ 1
พระเจ้าทรงส่งผู้สื่อสารคนหนึ่งไปยังผู้ที่เป็นผู้ดูแลชาติต่าง ๆ ซึ่งสามารถบอกได้ว่า เป็นผู้ที่มีอำนาจเหนือประเทศเหล่านั้น มีผู้ให้ความเห็นว่า นั่นคือวิญญาณที่พระเจ้าทรงให้ดูแลประชาชาติ ที่พระองค์ทรงทำเช่นนั้น ก็เป็นเพราะเหตุผลในข้อถัดมา คือความเย่อหยิ่ง ข้อ 2-3 การดูหมิ่นเยาะเย้ย ทับถม และไม่ช่วยชนชาติของน้องเมื่อถูกโจมตี แถมยังร่วมมือกับศัตรูอีกด้วย (6-15)
พระเจ้าทรงเรียกระดมชาติต่าง ๆ ให้มาสู้กับเอโดมเพราะเขามีความผิดที่พระองค์จะทรงแจ้งอย่างชัดเจน พระเจ้าทรงทำกับบาบิโลนก็คล้ายกันกับครั้งนี้ ตัวอย่างในอิสยาห์ 13:2-5
โอบาดีย์ 2
พระเจ้าได้ตรัสกับชาวเอโดมซึ่งเป็นลูกหลานของเอซาว พี่ชายแฝดของยาโคบพระเจ้าตรัสว่า ดูเถิด ซึ่งมีความหมายให้คนฟัง สนใจสิ่งที่กำลังจะพูด สิ่งที่พระเจ้าตรัสไม่ใช่พร แต่เป็นความอัปยศที่ชาวเอโดมต้องเจอ คือ การที่จะกลายเป็นผู้เล็กน้อย และชาติต่าง ๆ จะเกลียดชัง เป็นความต่ำต้อย ทางการเมืองอย่างชัดเจน
โอบาดีย์ 3
ประชากรเอโดมอาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งเป็นขุนเขา ทางตะวันตกของอาราบาห์ สูงถึง 1.5 กิโลเมตรเหนือระดับน้ำทะเล พวกเขาเชื่อมั่นว่าตนเองปลอดภัยจากศัตรู ไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาบุกรุกได้ จากข้อ 3 เราเห็นความรู้สึกสบายใจของพวกเขาได้จากคำรำพึงของพวกเขา พระเจ้าจึงจะทรงจัดการเขาเรื่องนี้
จะเห็นว่า เอโดมมีนักรบที่เก่งกล้า เป็นพวกที่เย่อหยิ่ง คิดว่าตัวเองดีกว่าใคร ทำร้ายญาติพี่น้องของตน และหักหลังส่งคนที่พยายามหนีภัยให้ศัตรูด้วย
โอบาดีย์ 4
อินทรี เป็นอย่างไร ทั้งบินสูง เร็ว เข้มแข็ง สง่างาม
คนชาวเอโดมในบ้านที่อยู่ตามภูเขาสูงมีความเห็นว่า พวกเขาปลอดภัย ไม่มีอันตรายใด ๆ มาทำร้ายพวกเขาได้ แต่ความเห็นของเขา ในข้อสามนี้ ช่างมีความคล้ายคลึงกับ นี่เป็นความเข้าใจผิดผสมกับความเย่อหยิ่งของพวกเขาเอง
สิ่งที่เขาพูดเป็นแบบเดียวกับที่มารกล่าว ในอิสยาห์ 14:13-205
โอบาดีย์ 5
ปกติแล้ว โจรที่ปล้นก็ไม่ได้ปล้นไปหมด ยังเหลือข้าวของไว้ให้บ้าง คนที่เก็บองุ่น ก็มักจะเหลือทิ้งไว้ให้คนยากจนได้มาเก็บกินบ้าง
โอบาดีย์ 6
แต่เอโดมจะไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ของที่ซ่อนไว้ ทำให้เราเห็นภาพของชาติที่ถูกปล้นสะดมไปโดยไม่เหลือแม้กระทั่งทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ
โอบาดีย์ 7 คนที่กินอาหารร่วมโต๊ะ คือคนที่ตกลงจะเป็นพันธมิตรด้วย เพราะเวลาทำการประทับตราสัญญาก็จะมีการกินอาหารร่วมกันเป็นสัญญา (ดูสดุดี 41:9) เอโดมหลงเชื่อคนที่บอกว่าเป็นพันธมิตร แต่ในที่สุดเขาก็ถูกหักหลัง
โอบาดีย์ 8
คนชาวเอโดม เป็นชาติที่มีคนที่ฉลาดปราชญ์เปรื่องระดับหนึ่งเลยทีเดียว พวกเขาทำเหมืองทองแดงเป็นอาชีพหลักที่สร้างรายได้มากมาย
โอบาดีย์ 9
เทมานเป็นชื่อของหลานปู่ของเอซาว ปฐมกาล 36:9-11 เมืองเทมานอยู่ทางใต้ของเขตเอโดม เขามีทั้งคนเก่ง นักรบชั้นยอด แต่พระเจ้าจะทรงทำลายพวกเขา เป็นเพราะ….
โอบาดีย์ 10
ชนชาติเอโดมได้ทำการอำมหิตต่อยูดาห์ แทนที่จะช่วยในฐานะเป็นพี่น้องกัน และเขาทำตัวเหมือนกับชาวบาบิโลนด้วย
โอบาดีย์ 11
553 ปีก่อนคริสตศักราช บาบิโลนได้เข้ามาบุกเอโดม ต่อมาเปอร์เซียเรืองอำนาจ พวกนาบาเทียนได้เข้ามาครอบครอง
นอกจากที่เขาไม่ยอมช่วยแล้ว เขายังเยาะหยัน นี่คือเขายืนเฉย เป็นบาปของการละเลยที่จะไม่ช่วย ไม่ส่งทหารเก่ง ๆที่พวกเขามีมากมาย เข้ามาช่วยในขณะที่อิสราเอลถูกบาบิโลนโจมตี
โอบาดีย์ 12
นอกจากนั้นยังมีการเยาะหยันอิสราเอลเมื่อเขาต้องเจอกับหายนะด้วย ทั้งกร่าง ทั้งทำโอ่ ทั้งจับพวกเขาส่งศัตรู(14) มีแปดอย่างที่พวกเขาไม่ควรทำ
พระเจ้าทรงห้ามชัดเจนว่า ไม่ควรทำอะไร แต่เราจะเห็นการทำเช่นนี้ ในโลกสมัยใหม่
โอบาดีย์ 13
เอโดมทำตัวเหมือนกับศัตรูที่ไปปล้นรอบสองเมื่อศัตรูปล้นไปแล้วหนึ่งรอบ เอโดมยังมีรับซื้อทาสมนุษย์ด้วย ดูอาโมส 1:6,9พระเจ้าทรงสอนเสมอว่า เราไม่ควรที่จะทับถมคนที่กำลังล้มลง เพราะไม่อย่างนั้น สิ่งร้าย ๆ จะกลับมาที่เราเอง
โอบาดีย์ 14
เอโดมยังคอยขวางคนที่พยายามหนี และจับคนที่หนีจากบาบิโลน ไปส่งให้กับบาบิโลนอีก เป็นการเพิ่มระดับความเป็นศัตรูอย่างเห็นได้ชัด
โอบาดีย์ 15
ในเมื่อวันของพระเจ้ามาใกล้แล้ว เป็นวันที่พระเจ้าจะพิพากษาคนทั้งโลก เอโดมจึงควรที่จะหยุดเป็นศัตรูกับคนของพระเจ้า (วันของพระเจ้าเป็นวันที่บอกให้รู้ว่า พระเจ้าทรงมีพระลักษณะแท้จริงอย่างไร พระประสงค์ของพระองค์คืออะไร) อ่าน อพยพ 32:34 เฉลยธรรมบัญญัติ 31:16-19 ,32:35-38) วันของพระเจ้ายังหมายถึงการที่พระเจ้าจะทรงพิพากษาคนของพระองค์ อาโมส 5:18-27 อิสราเอลไปเป็นเชลย เศฟันยาห์ 1:7, 14 และการพิพากษาคนที่กดขี่คนของพระเจ้า อิสยาห์ 13:6 การลงโทษบาบิโลน โยเอลได้กล่าวถึงวันของพระเจ้าอย่างชัดเจนว่ามีสภาพเป็นอย่างไร
โอบาดีย์ 16
บาบิโลนทำกับเยรูซาเล็มเหมือนกับเป็นสินค้า มีการจับฉลากแบ่งส่วนกัน ข้อ 11 เยเรมีย์ 51:51 บอกให้รู้ว่า พระเจ้าทรงถูกสบประมาท เพราะคนต่างชาติเข้ามาในที่บริสุทธิ์ของพระเจ้า
มีชาติต่าง ๆ สองแบบ แบบที่เป็นศัตรู กับแบบที่จะเข้ามาหาพระเจ้า อิสยาห์ 25:6-9; 45:22 mic 4:1-4การเจอกับพระพิโรธของพระเจ้านั้น เป็นเหมือนการดื่ม..ที่ไม่ได้นำความสุข มีแต่ความเจ็บปวด
โอบาดีย์ 17
พระเจ้าทรงสัญญาให้อิสราเอลได้รับกรรมสิทธิ์ของแผ่นดินคืนมา ที่จริงเขาก็ได้รับแล้วในปี 1948 เมื่อตั้งประเทศอิสราเอลขึ้นมา แต่ยังไม่ได้อย่างครบถ้วนตามที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ มีปัญหาเกิดขึ้นตามมาอย่างยิ่งใหญ่ที่เราเห็นกับตาในสงครามอิสราเอล กับฮามาสเวลานี้ (ตั้งแต่ปี 2023 ) แต่.. เราต้องคอยระวังดู และอธิษฐาน จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ดูเหมือนจะเป็นสงครามที่ยืดเยื้ออีกนาน
โอบาดีย์ 18
วงศ์วานยาโคบ คือสองเผ่าของยูดาห์ทางใต้ และวงศ์วานโยเซฟ คืออีกสิบเผ่าทางเหนือ ได้รับการปล่อยตัวจากอัสซีเรียในปี 722 ปีก่อนคริสตศักราช จะกลับมายังแผ่นดินนี้ ทั้งสิบสองเผ่าจะปราบวงศ์วานเอซาว และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเพราะพระเจ้าได้ตรัสเอาไว้ การใช้ไฟ เปลวเพลิง บ่งบอกว่า เอโดมจะถูกกวาดล้างอย่างรวดเร็ว และเหลือแต่ตอคือไม่เหลือใครเลย นี่เป็นการสนองตอบข้อ 14 ที่เอโดมทำร้ายชนชาติน้องของเขา
หมายเหตุ
ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์จำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่า ฮามาส ซึ่งศัตรูสำคัญของอิสราเอล เป็นลูกหลานของเอซาวเนื่องจากพวกเขาไม่ได้เป็นอาหรับ พวกเขามีความเคียดแค้นอิสราเอลเป็นที่สุด ต้องการทำลายอิสราเอลให้สิ้นไปจากโลกนี้ นี่เป็นความต้องการอันรุนแรงที่ฮามาสแห่งปาเลสไตน์ไม่ได้ปิดบังไว้เลย พวกเขาได้ร่วมมือกันกับหลายกลุ่มผู้ก่อการร้ายในหลายประเทศที่ความตั้งใจเหมือนกันคือ ทำให้อิสราเอลสิ้นชาติ (สดุดี 83:1-8) ต้องไปอ่าน เพราะเป็นจริงมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่เขียนมาหลายพันปีแล้ว
คำว่า ฮามาส Strong’s word # 2555 – Hamas
จาก The Word Study Dictionary of the Old Testament กล่าวว่า เป็นคำนาม ที่มีความหมายถึงความรุนแรง ความผิด ความโหดร้าย โยงถึงความเสียหาย และอยุติธรรม เป็นความรุนแรงทางร่างกาย เป็นความโหดเหี้ยมที่สุด เมื่อใช้กับคน หมายถึงผู้กดขี่ ผู้ที่สร้างความรุนแรง
เราเองเพิ่งเห็นอาการแสดงการเยาะเย้ยชัดเจนในช่วงเวลาที่พวกเขาแลกตัวประกันกับนักโทษชาวปาเลสไตน์ที่ถูกขังไว้ในคุกอิสราเอล ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ที่ผ่านมา อาการแสดงความเหยียดหยามเมื่อส่งตัวศพของตัวประกันที่ตายไปก่อนหน้านี้ พยายามให้คนทั้งโลกเห็น เหมือนกับที่เขียนไว้ในข้อ 12-14
พระคำเชื่อมโยง
1* อิสยาห์ 21:11; เยเรมีย์ 49:14-16
3* เยเรมีย์ 49:16; วิวรณ์ 18:7
4* โยบ 20:6; ฮาบากุก 2:9
5* เยเรมีย์ 49:9; เฉลยธรรมบัญญัติ 24:21
6* เยเรมีย์ 49:10;
7* เยเรมีย์ 38:22; อิสยาห์ 19:11
8* โยบ 5:12-14
9* สดุดี 76:5; เยเรมีย์ 49:7
10* ปฐมกาล 27:41; เอเสเคียล 35:9
11* สดุดี 83:5-8; นาฮูม 3:10
12* มีคาห์ 4:11; 7:10; สุภาษิต 17:5
13* เศคาริยาห์ 1:15
14* อาโมส 1:9
15* เอเสเคียล 30:3; ฮาบากุก 2:8
16* โยเอล 3:17
17* อาโมส 9:8
18* เศคาริยาห์ 12:6
19* อิสยาห์ 11:14; เศฟันยาห์ 2:7
20* 1 พงศ์กษัตริย์ 17:9;
เยเรมีย์ 32:44
21* ยากอบ 5:20; วิวรณ์ 11:15