สดุดี 150 ทุกสิ่งที่หายใจ ..สรรเสริญพระเจ้าเถิด

จงให้ทุกสิ่งที่หายใจสรรเสริญพระยาห์เวห์
pexel : Anthony

ให้สรรพสิ่งสรรเสริญพระยาห์เวห์

1สรรเสริญพระยาห์เวห์
จงสรรเสริญพระเจ้าในสถานบริสุทธิ์ของพระองค์
จงสรรเสริญพระองค์ในแผ่นฟ้าอันทรงอานุภาพของพระองค์
2 จงสรรเสริญพระองค์
เพราะราชกิจอันทรงฤทธิ์ที่ล้นเหลือของพระองค์

3 จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงแตรเขาแกะ
จงสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณสิบสายและพิณเล็ก
4 จงสรรเสริญพระองค์ด้วยรำมะนา
และการเต้นรำจงสรรเสริญพระองค์ด้วยเครื่องสาย และปี่
5จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงฉาบ
จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงฉาบที่ดังก้อง

6 จงให้ทุกสิ่งที่หายใจสรรเสริญพระยาห์เวห์
สรรเสริญพระยาห์เวห์

พระคำเชื่อมโยง


1* สดุดี 148:14
สดุดี 11:4; 134:2
สดุดี 68:34
2* สดุดี 145:12
เฉลยธรรมบัญญัติ 3:24
3* สดุดี 98:6;
สดุดี 33:2; 71:22
4* สดุดี 149:3;
สดุดี 45:8; 38:20; โยบ 21:12
5* 2 ซามูเอล 6:5; 1 พงศาวดาร 15:16, 19, 28; 25:1, 6
6 * สดุดี 145:21

บทสุดท้ายของสดุดีที่ผ่านมานี้ ได้ขึ้นต้นและจบลงด้วยการสรรเสริญพระยาห์เวห์
จากบทที่ 150 นี้ เราจะเห็นว่า เราถูกชวนให้สรรเสริญพระเจ้าในที่สูง ในท้องฟ้า ในที่บริสุทธิ์ของพระเจ้า ในสดุดีบทนี้คือ การสรรเสริญพระเจ้าของเหล่าทูตสวรรค์ที่อยู่ในสรวงสวรรค์ อยู่กับพระเจ้า
สรรเสริญอะไรหรือ? เราสรรเสริญที่พระเจ้าทรงทำกิจอัศจรรย์ให้กับชีวิตของมนุษย์เรา ทรงทำการยิ่งใหญ่ในอดีต แต่ที่สำคัญที่สุดคือการที่พระเยซูลงมาสิ้นพระชนม์เพื่อทำให้เราได้คืนดีกับพระบิดาอีกครั้ง
ผู้เขียนชักชวนให้ทุกคนที่สรรเสริญพระเจ้า ได้ย้อนคิดถึงราชกิจที่ทรงทำเพื่อทุกคน และราชกิจดี ๆ ที่ทรงทำเพื่อเราทุก ๆ วัน ไม่เว้นแต่ละวันด้วย ชีวิตของผู้เชื่อจึงเต็มด้วยการขอบพระคุณและการสรรเสริญไม่หยุดหย่อน ไม่มีการหยุดนิ่ง การสรรเสริญทำให้มนุษย์ได้เชื่อมโยงกับพระเจ้าอย่างเหมาะสม
นอกจากการร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าที่ทุกคนทำได้ เปล่งเสียงออกมา เรายังร้องเพลงในใจได้ด้วย
แล้วผู้เขียนให้ใช้เครื่องดีด สี ตี เป่า มาสรรเสริญพระเจ้า นี่เป็นเหตุผลที่เราเห็นครอบครัวคริสเตียนมักให้ลูกหลานได้เรียนดนตรี เพื่อเป้าหมายในการใช้สรรเสริญพระเจ้า …
และเราต้องไม่ลืมว่า ในบทอื่น ๆ ได้ชวนให้เราเต้นรำถวายพระองค์ด้วย ทั้งชีวิต ทั้งร่างกาย จิตใจของมนุษย์สามารถใช้เพื่อการสรรเสริญพระเจ้าได้อย่างครบถ้วน
และในบทก่อนหน้านี้ยังมีการชวนให้ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างสรรเสริญพระองค์ ผู้เขียนได้จบสดุดีด้วยการชวนให้ทุกสิ่งที่มีลมหายใจ สรรเสริญพระเจ้า …​และนั่นคือ เขากำลังชวนเราสรรเสริญพระองค์พร้อมกันกับสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง …​
ดังนั้น ให้เราเปิดใจฟังเสียงของบรรดาสัตว์ นกที่ส่งเสียงออกมา เสียงของคลื่นลม และพายุ เสียงของฝน สายของสายน้ำ …​เหล่านี้กำลังบอกว่า พระเจ้าของเราทรงเป็นพระผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่ พระเจ้าที่ทรงไถ่ และทรงโอบอุ้มเรามาตลอดชีวิต .. ให้ใจของเรายิ่งสรรเสริญพระองค์ให้มากขึ้นในชีวิตนี้ ตราบที่เรายังมีลมหายใจ

ยอห์น 17 คำทูลก่อนไม้กางเขน

พระบุตรทูลต่อพระบิดาเพื่อพระองค์เอง

คำอธิษฐานเพื่ออัครทูต

คำอธิษฐานเผื่อผู้เชื่อทุกคน

ยอห์น 17:1-2 บทนี้ได้บันทึกคำทูลอธิษฐานของพระเยซูต่อพระบิดาที่ทรงอธิษฐานก่อนจะถูกจับไป พระองค์ทรงทราบว่า อะไรจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า และตรัสว่า “ถึงเวลาแล้ว” พระองค์ทรงอธิษฐานเพื่อพระองค์เอง เพื่ออัครทูต และเพื่อพวกเราที่มาเชื่อในพระคำของพระองค์ พวกเราที่เชื่อว่า พระเจ้าทรงส่งพระองค์มาในโลกนี้
ไม่ใช่ว่าเราอ่านทุกอย่างในพระคัมภีร์ แล้วเราจะเข้าใจหมด เพราะมีคำที่ล้ำลึกเกินความเข้าใจมากมาย แต่การที่เราได้อ่าน ได้รับรู้และได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยพระคำนั้น เป็นสัญญาณบอกเราว่า เราอยู่ถูกทางแล้ว ให้เดินตามทางนี้ต่อไป แล้วจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้ามากขึ้นทุกวัน
พระเยซูเป็นผู้เดียวที่ทรงมีสิทธิอำนาจเหนือคนในโลกทั้งหมด พระองค์มีอำนาจที่จะให้ชีวิตนิรันดร์ได้… ไม่มีทางอื่นที่จะได้ชีวิตนิรันดร์ + คือที่จะได้อยู่กับพระเจ้าตลอดไป

ยอห์น 17:3-4 จะได้ชีวิตนิรันดร์นั้น เราต้องรู้จักทั้งพระบิดาและพระบุตร การรู้จักพระบิดาองค์พระผู้สร้าง องค์พระเจ้าผู้ทรงยุติธรรมนั้น เราจะรอดได้อย่างไรเล่า เพราะหากพระองค์ตัดสินชีวิตของเราตามความจริงแล้ว ไม่มีใครสักคนในโลกนี้ จะรอดได้เลย
พระเยซูได้ลงมาในโลกเพื่อทำราชกิจแห่งการไถ่บาปให้สำเร็จ ทำให้คนบาปได้รับการตัดสินว่าเป็นคนที่จะได้รับชีวิตนิรันดร์ เริ่มตั้งแต่วันที่เขาสำนึกผิด และได้รับเชื่อวางใจว่า พระเยซูเป็นพระผู้ช่วยของเขา

ยอห์น 17:5-6 พระเยซูตรัสชัดเจนว่า พระองค์ทรงอยู่มาก่อนโลกนี้ ก่อนอับราฮัม พระสิริ พระเกียรติยิ่งใหญ่นั้น ทรงมีกับพระบิดามาก่อนที่มนุษย์จะเกิดมา ก่อนมนุษย์จะเข้าใจอะไร คำพูดแบบนี้ ไม่มีใครพูดออกมาได้นอกจากบุคคลที่เป็นดังนั้นจริง ๆ
ไม่มีมนุษย์คนใดจะคาดคิดได้ว่าต้องพูดอย่างนี้ แต่พระเยซูทรงกล่าวถึงความเป็นจริงของพระองค์ตั้งแต่นิรันดรกาล
ให้ศิษย์ทุกคนได้ยิน
ในข้อต่อมา ทรงอธิษฐานเพื่ออัครทูต…สิ่งที่พระองค์ตรัสทำให้เราเห็นว่า เหล่าศิษย์ของพระองค์เป็นอย่างไร พระองค์ได้เผยพระนามให้เขารู้จัก นั่นคือ พระองค์ทรงสอนให้เขารู้จักพระบิดาว่าทรงมีลักษณะอย่างไร และพวกเขาก็รักษาพระคำของพระบิดา ซึ่งหมายถึงใช้ชีวิตตามพระบัญชาของพระองค์​

ยอห์น 17: 7-8 สามปีที่อัครทูตอยู่กับพระเยซู พวกเขามั่นใจว่า พระเยซูทรงเป็นตัวกลางระหว่างเขากับพระเจ้า และทรงเป็นพระเจ้าที่พระบิดาส่งมาแน่นอน เราจะเห็นว่า พระเยซูทรงย้ำเรื่อง การที่พระเจ้าทรงส่งพระองค์มานั้น เป็นเรื่องสำคัญที่อัครทูตและผู้เชื่อจะต้องเข้าใจ หากเราไม่มีความเชื่อนี้ เราจะเชื่อเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้เลย

ยอห์น 17:9-10 ข้อความที่ชัดเจนให้เราจับได้คือ เวลานี้ พระองค์ทรงทูลขอเพื่อคนของพระองค์ ไม่ได้ทูลขอเพื่อคนในโลก ขอเพื่อคนที่พระบิดาประทานให้กับพระองค์โดยเฉพาะ แต่ไม่ได้หมายความว่า พระองค์ไม่ได้ทรงรักคนในโลก พวกเขาจำเป็นต้องแข็งแรงเพื่อจะช่วยคนอื่นได้ พวกเขากำลังจะเจอกับการกดขี่ข่มเหงมากมาย และพวกเขาเป็นคนที่จะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเมื่อเจอกับความยากลำบากเหล่านั้น

ยอห์น 17:11. พระเยซูทรงขอให้อัครทูตมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อย่างกับพระบิดาและพระองค์
คำอธิษฐานของพระเยซูไม่ได้จบในวันนั้น แต่เป็นสำหรับวันนี้ด้วย พี่น้องคริสเตียนต้องการหัวใจเดียวกันที่จะสร้างแผ่นดินของพระเจ้าในโลกนี้ พระองค์ไม่ได้ทรงหยุดอธิษฐานเพื่อพวกเขา พระองค์อธิษฐานเพื่อพวกเขาจะไม่ล้มลง (ลูกา 22:32)


ยอห์น 17: 12 จากอัครทูต 12 คน มีคนเดียวที่หลงไปจากทางของพระเจ้า พวกเขาได้รับการปกป้องอย่างดีจากพระบุตรพระเจ้า คนที่หลงไปนั้น พระเยซูทรงเรียกเขาว่า ลูกแห่งความพินาศ
ยูดาสเองอยู่กับพระเยซูเหมือนกับคนอื่น ๆ ซึ่งทุกคนตั้งใจที่จะติดตามพระเยซูไปตลอดชีวิต แต่น่าเสียดายที่ยูดาสมีเป้าหมายชีวิตเป็นอย่างอื่น นั่นคือ เขาไม่ได้ต้องการทำอย่างที่เพื่อน ๆ ทำ แต่เขาต้องการเป็นคนมีเงิน นั่นเป็นเป้าหมายสำคัญของเขา แต่เป้าหมายนั้นกลับทำให้เขาต้องพินาศ และทำในสิ่งที่ไม่น่าเป็นตัวเขาต้องทำเลยสักนิด

ยอห์น 17:13-14 พระเยซูทรงอธิษฐานด้วยความมั่นใจ รู้ว่า อีกไม่นานพระองค์จะจากโลกนี้ไปหาพระบิดาแล้ว เป็นความชัดเจนมากที่เหล่าศิษย์ไม่เข้าใจเลย
ความยินดีของพระเยซูที่ทรงขอพระบิดาให้เติมเต็มพวกเขานั้น เป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ เพราะอีกไม่นานพวกเขาจะพบเจอกับการข่มเหงและความเกลียดชังอย่างหนัก แต่ความยินดีและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนั้นจะทำให้พวกเขาผ่านไปได้
พระเยซูได้สอนพระดำรัสของพระเจ้าแก่อัครทูตอย่างพอเพียงที่จะทำให้พวกเขาก้าวต่อไปได้

ยอห์น 17:15-17 ดูสิว่า พระเยซูไม่ได้ทรงประสงค์ให้คนของพระองค์ต้องออกไปจากโลกให้หมด แต่พระองค์ทรงให้เขาอยู่ที่นี่ เพื่อช่วยคนอื่น และให้เขาพ้นจากผู้ที่ชั่วร้าย จากศัตรูของพระองค์ หากพวกเขารู้ว่า พระองค์จะเสด็จสู่สวรรค์ พวกเขาคงต้องอยากไปกับพระองค์แน่นอน เพราะในโลกนั้น มีแต่ความทุกข์ยากรออยู่
หากพวกเขาออกจากโลกไปกับพระองค์ โลกก็หมดหวังเช่นกัน เพราะไม่เหลือคนของพระเจ้าที่จะอยู่บอกพวกเขาเรื่องของพระองค์ อีกประการพวกเขาจะได้รับการชำระให้สะอาด ให้แยกออก คิดไม่เหมือนโลกด้วยพระคำของพระองค์
การชำระให้สะอาดด้วยความจริงของพระเจ้านั้นคือการแยกออกจากสิ่งไม่สะอาดในโลก เพื่อว่าจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า จะเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้ตามพระประสงค์ มีความหมายถึงชีวิตที่บริสุทธิ์ตามมาตรฐานของพระเจ้า ความบริสุทธิ์นั้นขึ้นอยู่กับความจริงที่พระคัมภีร์สอนให้ทุกคนรับรู้

17:18-19 เมื่ออัครทูตได้รับการชำระจากพระเจ้าแล้ว พวกเขาก็ถูกส่งออกไปเพื่อประกาศอาณาจักรของพระเจ้าเหมือนอย่างพระเยซู เขารับใช้พระเจ้าด้วยชีวิตที่ได้รับการชำระ ถูกแยกออกจากความบาป ไม่ใช่นึกจะออกไปก็ทำได้ตามใจตัวเอง ..
ตรงนี้ที่บอกว่า ลูกได้สละชีวิตเพื่อพวกเขา มีความหมายด้วยว่า ลูกได้ชำระตัว แยกตัวออกเพื่อเห็นแก่พวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้รับการชำระ แยกตัวออกจากโลกด้วยความจริงของพระเจ้า พระบุตรพระเจ้าทรงสละพระองค์เองตั้งแต่ที่ทรงลงมาเกิดในโลก สละสวรรค์ สละฐานะ และยังจะสละชีวิตในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

ยอห์น 17:20-21 และแล้ว พระเยซูก็ทรงอธิษฐานเผื่อผู้เชื่อทุกคน ซึ่งหมายถึงพวกเราเอง ที่ได้เชื่อคำจากพระคัมภีร์ กลับใจใหม่ วางใจพระเยซูคริสต์ ทรงขอให้พวกเขามีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ขอให้พวกเขาได้อยู่ในพระบิดาและพระองค์ สิ่งสำคัญที่พระเยซูกล่าวหลายครั้งคือ เพื่อเขาจะได้รู้ว่า พระเจ้าทรงส่งพระองค์ลงมา

ยอห์น 17:22-23 พระเยซูทรงพร้อมที่จะประทานเกียรติให้กับผู้เชื่อ นี่เป็นเรื่องสำคัญในชีวิตเราที่เราไม่ค่อยคิดกัน เมื่อเรามาเชื่อพระเจ้าแล้ว เราได้รับเกียรติสูงสุดในการได้เป็นลูกของพระเจ้า ได้คืนดีกับพระองค์ ได้เป็นผู้ที่อยู่ในครอบครัวของพระองค์ และยังมีอะไรดี ๆ ที่มากมายในเกียรติที่พระองค์ประทาน เป็นเรื่องที่เราต้องสืบค้นเพื่อจะเข้าใจให้ลึกซึ้ง
อีกครั้งที่พระเยซูทรงขอให้ผู้เชื่อได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ลักษณะอย่างที่พระองค์ทรงเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา และเพื่อว่าเขาจะเชื่อว่า พระเจ้าทรงส่งพระองค์ลงมา โลกจะมั่นใจได้ว่า พระเยซูเป็นพระบุตรที่พระบิดาทรงส่งมาได้เพราะพวกเขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน นี่เป็นเคล็ดลับสำคัญ ที่เราจะเห็นว่า มีการต่อสู้ของความเชื่อที่แตกต่างกัน มีความไม่เข้ากันมาโดยตลอดในประวัติศาสตร์
เราจะเห็นได้ว่า พระเจ้าทรงเกลียดชังผู้ที่หว่านความแตกร้าวในหมู่พี่น้อง เพราะความไม่เข้ากันนั้น เป็นศัตรูสำคัญของการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ยอห์น 17:24
พระเยซูทรงประสงค์ให้ทุกคนที่เชื่อได้อยู่กับพระองค์ ได้ชื่นชมกับพระเกียรติสิริที่มีมาก่อนพระเจ้าทรงสร้างโลก นี่เป็นการย้อนกลับไปก่อนปฐมกาลเสียอีก ตอนนี้ พระเยซูกำลังตรัสย้อนอดีตที่ทรงอยู่กับพระบิดา และก้าวไปสู่อนาคตที่คนของพระองค์จะได้มาอยู่กับพระองค์ เป็นพระพรฝ่ายวิญญาณที่ประทานให้เรา (เอเฟซัส 1:3)

ยอห์น 17:25-26 คนที่เชื่อพระเยซู คือ คนที่เชื่อว่า พระเจ้าทรงส่งพระองค์ลงมาเป็นมนุษย์ เป็นผู้ที่ประกาศพระนามของพระเจ้า
อย่าลืมว่า พระเยซูทรงเน้นย้ำเรื่องนี้หลายครั้ง การจบคำอธิษฐานของพระเยซูกล่าวถึงการที่โลกไม่รู้จักพระเจ้า แต่พระเยซูจะทรงเป็นผู้นำพระนามนั้นไปให้โลกรู้จัก เพื่อพระวิญญาณและความรักของพระเจ้าจะได้อยู่ในพวกเขาทุกคน

พระคำเชื่อมโยง
1* ยอห์น 11:41; 7:30; 12:23; 7:39
2* มัทธิว 28:18; วิวรณ์ 2:26, 27 ; ยอห์น 10:28; 1 ยอห์น John 2:25; ยอห์น 17: 6, 9, 24; ยอห์น 6:37, 39; 10:29; 18:9; ฮีบรู 2:13
3* 1 ยอห์น 5:20; โฮเชยา 2:20; 6:3; 2 เปโตร 1:2, 3 ยอห์น 5:44; 1 เธสะโลนิกา 1:9; 1 ยอห์น 5:20; เยเรมีย์ 10:10; ยอห์น 3:17
4* ยอห์น 17: 1; ยอห์น 13:31; ยอห์น 19:30; ลูกา 22:37
5* ยอห์น 13:32; 1:1, 2; วิวรณ์​ 3:21; ดูข้อ 24; สุภาษิต 8:23; ยอห์น 8:58
6* ดูข้อ 26; สดุดี 22:22 ดูข้อ 2, 9
7* ดูข้อ 9
8* ดูข้อ 14; ยอห์น 15:15; 8:26; 12:49; 8:42; 16:27 ดูข้อ 21, 25; ยอห์น 11:42; 16:30
9* ดูข้อ 20, 21; ยอห์น 2l :6
10* ยอห์น 16:15; 2 เธสะโลนิกา 1:10
11* ยอห์น 13:1 1 เปโตร 1:5 ยอห์น 14:12; 10:30
12* ฮีบรู 2:13; 1 ยอห์น 2:19; ยอห์น 6:70; สดุดี 41:9; 109:8
13* ยอห์น 14:12; 15:11
14* ยอห์น 15:19; ดูข้อ 16; ยอห์น 8:23
15* ดูข้อ 9; 1 โครินธ์ 5:10; ดูข้อ 11 ; มัทธิว 13:19
16* ดูข้อ 14
17* 1 เธสะโลนิกา 5:23; 2 เธสะโลนิกา 2:13; 1 เปโตร. 1:22 ; ยอห์น 15:3; 2 ซามูเอล 7:28; สดุดี 119:160
18* ยอห์น 20:21; 4:38; มัทธิว 10:5
19* ทิตัส 2:14 ; ยอห์น10:36; 1 โครินธ์ 1:2, 30; 6:11; ฮีบรู 2:11; 10:10
20* ดูข้อ 9; ยอห์น 4:39; โรม 10:14; 1 โครินธ์ 3:5
21* ดูข้อ 11; 1 โครินธ์ 6:17; 1 ยอห์น 1:3; 3:24; 5:20 ; ยอห์น 14:23; ดูข้อ8
22* 1 ยอห์น 1:3; 2 โครินธ์ 3:18
23* ยอห์น 14:20; โรม 8:10; 2 โครินธ์ 13:5; 1 ยอห์น 2:5; โคโลสี 3:14; 1 ยอห์น 4:12, 17
24* 2 ทิโมธี 2:11, 12; ยอห์น 12:26 ; 1:14; 2 โครินธ์ 3:18; 1 ยอห์น 3:2; เอเฟซัส 1:4; 1 เปโตร 1:20
25* เยเรมีย์ 12:1; วิวรณ์ 16:5 ; 1 ยอห์น 1:9; ยอห์น 8:55; 10:15
26* ดูข้อ 6; ยอห์น 15:15;9

สดุดี 149 คำสรรเสริญพร้อมกับการต่อสู้

เพราะพระยาห์เวห์ ทรงยินดีในคนของพระองค์
pixels : Luis Quintero


ชวนกันสรรเสริญพระเจ้า
1 สรรเสริญพระยาห์เวห์
มาร้องเพลงบทใหม่ถวายพระยาห์เวห์
มาร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
ในที่ประชุมของเหล่าผู้ติดตามพระองค์
2 ให้อิสราเอลยินดีในองค์พระผู้สร้างของเขา
3ให้พวกเขาสรรเสริญพระองค์ด้วยการเต้นรำ
ส่งทำนองเพลงถวายพระองค์ด้วยรำมะนา และพิณเขาคู่
4 เพราะพระยาห์เวห์ ทรงยินดีในคนของพระองค์
พระองค์ทรงตกแต่งคนที่ใจถ่อมด้วยความรอด
5 ขอให้คนของพระองค์ยินดีในพระสิริ
ให้พวกเขาร้องเพลงด้วยความยินดีบนที่นอนของเขา

คำสรรเสริญกับการต่อสู้ศัตรู
6 ให้เพลงสรรเสริญอยู่ในลำคอของพวกเขา
และมีดาบสองคมอยู่ในมือ
7 เพื่อตอบโต้ชาติต่าง ๆ เพื่อลงโทษชนชาติทั้งหลาย
8 เพื่อล่ามโซ่บรรดากษัตริย์
และสวมตรวนเหล็กให้เหล่าขุนนาง
9 เพื่อลงโทษตามคำพิพากษาที่บันทึกไว้แล้ว
นี่เป็นเกียรติยศสำหรับทุกคนที่ติดตามพระองค์
สรรเสริญพระยาห์เวห์

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 135:1; 33:3; 89:5, 7
2* สดุดี 85:6; สดุดี 95:6; โยบ 35:10;
1 ซามูเอล 12:12; Zech. 9:9
3 *สดุดี 150:4; 30:11; 150:4; อพยพ 15:20; สดุดี 150:3
4* สดุดี 35:27; 147:11; อิสยาห์ 61:3
5* โยบ 35:10; สดุดี4:4; 63:6; โฮเชยา 7:14
6* สดุดี 66:17; ฮีบรู 4:12; วิวรณ์ 1:16; 2:12; สุภาษิต 5:4
8* โยบ 36:8
9* อิสยาห์​ 65:6; โยบ 13:26;สดุดี 148:14;

สดุดี 149:1-5 ชวนกันสรรเสริญพระเจ้า
นี่เป็นคำเชิญชวนอีกครั้งให้คนของพระเจ้าสรรเสริญพระองค์ด้วยกัน คำว่า เหล่าผู้ติดตามพระองค์มในข้อ 1 กับคำว่า คนของพระองค์ในข้อ เป็นคำศัพท์ที่มีความหมาย โยงไปถึงคำว่า จงรักภักดี รัก ไว้ใจได้ เมตตา …​

ข้อสองให้อิสราเอลยินดี.. ในพระผู้สร้างนั้น คือ พวกเขาควรจะยินดีในพระองค์ วิธีการที่เขาทำได้ชัดเจนคือการเต้นรำและเล่นดนตรีพร้อมไปกับการร้องเพลง นี่เป็นคำชักชวนที่ตรงไปตรงมา การเต้นรำถวายพระเจ้า แตกต่างจากการเต้นรำของโลกที่มีจุดสนใจอยู่ที่คนเต้น แต่การเต้นรำถวายพระเจ้านั้น ออกมาจากหัวใจส่งไปถึงพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ คนที่เต้นนั้นไม่ได้สำคัญในสายตาของตัวเองเลย และนี่ไม่ใช่เป็นการเต้นคู่ แต่เป็นการเต้นของกลุ่มคนที่ต้องการสรรเสริญพระเจ้าด้วยกัน
ข้อสี่บอกเราชัดว่า คนของพระองค์เป็นคนใจถ่อม และความถ่อมใจนี้เป็นความงามในสายพระเนตร เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงพอพระทัยยิ่ง
ที่แปลกมากในข้อห้าคือ ให้พวกเขาร้องเพลงยินดีบนที่นอน เราได้ลองไหม ลองได้เลยว่า เราจะรู้สึกแปลกแตกต่างไปจากที่เราร้องพร้อม ๆ กับคนอื่น ไหม​ การสรรเสริญพระเจ้าไม่ติดกับเวลาและสถานที่เลย …​

สดุดี 149:6-9 คำสรรเสริญกับการต่อสู้ศัตรู
ทำไมสรรเสริญพระเจ้าพร้อมกับดาบสองคม? เมื่ออิสราเอลต้องต่อสู้กับศัตรู พวกเขายังมีอีกอย่างที่ต้องทำในเวลานั้น คือการสรรเสริญพระเจ้าไปด้วย ดูเหมือนการนมัสการพระเจ้า กับการต่อสู้เป็นของคู่กัน ผู้ที่นมัสการพระเจ้าเป็นผู้ที่จะต่อสู้กับศัตรูของพระองค์อย่างกล้าหาญ พวกเขาจะตอบโต้กับศัตรูของพระเจ้าพร้อมกันกับพระองค์
สงครามฝ่ายวิญญาณที่พวกเราเจอก็เช่นกัน ไม่ใช่แค่ตั้งหน้าตั้งตาสู้ แต่เราจะนมัสการพระเจ้ายิ่งใหญ่ของเราไปพร้อมกับที่เราต่อสู้ นี่เป็นคำจากผู้ที่เชี่ยวชาญในการรบและการนมัสการพระเจ้าจากสดุดี!

สดุดี 148 มาสรรเสริญพระเจ้าด้วยกัน

จงสรรเสริญพระองค์เถิด
ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวทั้งสิ้น
Hubble จับภาพ กาแล็กซีสุดสว่าง NASA

สรรเสริญพระเจ้าจากฟ้าสวรรค์
1 สรรเสริญพระนามพระยาห์เวห์
สรรเสริญพระยาห์เวห์จากห้วงฟ้าสวรรค์
สรรเสริญพระองค์จากที่สูงทั้งหลาย
2 มาสรรเสริญพระองค์เถิด
ทูตสวรรค์ทั้งสิ้นของพระองค์
มาสรรเสริญพระองค์เถิด
กองทัพทั้งสิ้นของพระองค์
3 มาสรรเสริญพระองค์เถิด
ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
และดวงดาวทั้งสิ้นที่ส่องแสงออกมา
มาสรรเสริญพระองค์เถิด
4 มาสรรเสริญพระองค์ ฟ้าสวรรค์ที่อยู่สูงสุด
รวมทั้งน้ำที่อยู่เหนือฟ้าสวรรค์ด้วย
5 จงให้สรรพสิ่งเหล่านั้น
สรรเสริญพระนามพระยาห์เวห์
เพราะเมื่อพระองค์ทรงบัญชา
มันก็ถูกเนรมิตสร้างขึ้นมา
6 และพระองค์ทรงทำให้มันคงอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์
พระองค์ทรงสร้างขอบเขตให้กับมัน
ที่ไม่มีใครอาจ จะข้ามไปได้

สรรเสริญพระเจ้าจากทุกสิ่งในแผ่นดิน
7 สรรเสริญพระยาห์เวห์จากแผ่นดินโลก
เจ้าสัตว์ทะเลขนาดมหึมา และน้ำในที่ลึกทั้งสิ้น
8 ไฟ และลูกเห็บ หิมะและหมอก
ลมพายุที่ทำตามพระบัญชาของพระองค์
9 ภูเขาและเนินเขาทั้งสิ้น
ต้นไม้ผลและต้นซีดาร์ทั้งสิ้น
10 สัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย
สัตว์เลื้อยคลาน และนกที่มีปีก
11บรรดากษัตริย์ในแผ่นดิน
และชนชาติทั้งปวง
เหล่าเจ้านาย และผู้นำของโลก
12 คนหนุ่มรวมไปถึงคนสาว คนชรา
กับเด็กเล็กทั้งหลาย

สรรเสริญพระเจ้าจากประชากรของพระองค์
13 ให้ทั้งสิ้นนี้ สรรเสริญพระนามพระยาห์เวห์
เพราะพระนามของพระองค์เท่านั้น
ที่สมควรรับการยกย่อง
พระสิริตระการตาของพระองค์
อยู่เหนือแผ่นดินและฟ้าสวรรค์
14 พระองค์ทรงทำให้ประชากรของพระองค์เข้มแข็ง
ทรงเป็นที่สรรเสริญของผู้ที่จงรักภักดีทั้งหลาย
ของคนอิสราเอล ผู้ที่อยู่ใกล้พระองค์
สรรเสริญพระยาห์เวห์

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 135:1; 69:34
; มัทธิว 21:9
2* สดุดี 103:20, 21
4* สดุดี 68:33; เฉลยธรรมบัญญัติ 10:14; เนหะมีย์ 9:6; 1 พงศ์กษัตริย์ 8:27; 1:7
5* ดูข้อ 13; สดุดี 33:6, 9
6* สดุดี 119:90, 91; 28:26; Jer. 31:35, 36; 33:25;
สดุดี 104:9; เอสเธอร์ 1:19; โยบ 14:5
7* ดูข้อ 1; ปฐมกาล 1:21 ; สดุดี 74:13
8* สดุดี 18:12; 105:32
; 147:16; 107:25; 103:20; 147:15-18
9* อิสยาห์ 44:23; 49:13; 55:12
ปฐมกาล 1:11;
สดุดี 104:16
10* ปฐมกาล 1:24
ปฐมกาล 1:20, 21
11* วิวรณ์ 7:9
13* ดูข้อ 5; สดุดี 8:1; สดุดี 113:4
14* 1 ซามูเอล 2:1; เฉลยธรรมบัญญัติ 10:21; เยเรมีย์ 17:14
เฉลยธรรมบัญญัติ 4:7; เอเฟซัส 2:17; สดุดี 135:1


สดุดี 148:1-6 สรรเสริญพระเจ้าจากฟ้าสวรรค์
ผู้เขียนได้ชวนให้ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมา สรรเสริญพระองค์ไปด้วยกันพร้อมกับเขา ไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่ในอวกาศแสนไกลที่เรามองไม่เห็น ไม่ว่าจะอยู่ในสวรรค์ หรือเป็นเทหวัตถุบนท้องฟ้า ไม่มีอะไรที่จะหยุดให้เขาชวนสรรพสิ่งมาสรรเสริญพระเจ้าได้เลย …
เขาสรุปอย่างน่าชื่นใจว่า พระเจ้าทรงบัญชา มันก็เกิดขึ้นมา และพระเจ้าทรงมีขอบเขตให้กับทุกสิ่งที่ทรงสร้าง มันไม่อาจข้ามไปจากที่พระองค์ทรงวางไว้ได้

สดุดี 148:7-12 สรรเสริญพระเจ้าจากทุกสิ่งในแผ่นดิน
ไม่มีสิ่งใดที่นิ่งอยู่โดยไม่ได้สรรเสริญพระเจ้า ผู้เขียนไม่ได้สนใจเลยว่า สิ่งนั้นจะมีคำงาม ๆ ที่จะสรรเสริญหรือไม่ ความเป็นตัวของมันเอง สรรเสริญพระเจ้าอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ทูตสวรรค์ ไปจนถึงสัตว์ทุกตัวที่อยู่บนโลก ไม่ว่าจะใหญ่หรือตัวเล็กจนมองไม่เห็นอย่างพวกแพลงตอนในทะเล …
การที่ผู้เขียนชวนสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มาสรรเสริญพระเจ้านั้น น่าสนใจมาก เขาคิดอะไรอยู่จึงชวนกันง่าย ๆ เช่นนี้?

สดุดี 148:13-14 สรรเสริญพระเจ้าจากประชากรของพระองค์
จะปล่อยให้ห้วงอวกาศทั้งดิน น้ำ ลม ไฟ รวมไปถึง สัตว์ทะเล สรรเสริญพระเจ้า สัตว์ต่าง ๆ คนอื่น ๆ สรรเสริญพระเจ้าหรือ?
พระเจ้าทรงสนพระทัยที่จะฟังคำสรรเสริญจากคนของพระองค์
แล้วพวกเขามีคำสวย ๆ ดี ๆ ที่เหมาะกับพระองค์ไหม?
พวกเขาได้เตรียมอะไรไว้บ้างเพื่อที่จะสรรเสริญพระเจ้าได้อย่างที่สมควรจะทำ?
ตรงนี้เอง เป็นหน้าที่ของคนของพระเจ้าที่จะสรรเสริญพระเจ้าให้ได้งดงามเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า …​อย่าอยู่เฉย ๆ กัน แต่ให้เรา มาจริงจังกับการสรรเสริญพระเจ้ากันเถอะ