ความรักและความเกลียด การติดตามและการปฏิเสธพระเยซูจากผู้คน ปรากฏชัดในบทนี้
พระเยซูทรงถูกเจิมที่บ้านเบธานี
ยิวที่สนใจ
พระเยซูเสด็จเข้าเมืองอย่างราชา
มีคนตามหาพระองค์
คำเปรียบเมล็ดข้าวกับชีวิต
พระสุรเสียงจากสวรรค์ พระบุตรที่ถูกยกขึ้น
ยิวไม่เชื่อ
คำกล่าวแห่งชีวิตที่อาจให้โทษ
คำอธิบายเพิ่มเติมและข้อพระคำเชื่อมโยง
ยอห์น 12:1-8 พระเยซูทรงถูกเจิมที่บ้านเบธานี
น้ำมันนารดาที่มารีย์กำลังจะใช้ชโลมพระเยซูนั้น สกัดจากรากไม้ชนิดหนึ่งจากอินเดีย เธอเจิมน้ำมันนี้ที่พระบาทของพระเยซู เธอกำลังความรักเคารพพระเยซูอย่างสูง ราคาของน้ำมันนี้สูงถึงค่าแรง 1 ปีเลยทีเดียว
คนที่ไม่พอใจอย่างยิ่งสำหรับเรื่องนี้คือ ยูดาส ผู้เป็นคนดูแลการเงิน และเขาก็มักจะยักยอกเงินไปใช้ส่วนตัวเสียด้วย เขาจึงออกความเห็นว่า มารีย์ไม่ควรทำเช่นนี้ แต่พระเยซูทรงบอกเขาชัดว่า เธอกำลังทำเพื่อพระศพของพระองค์ (ทั้ง ๆ ที่มารีย์เองไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำเช่นนั้นอยู่) อย่างหนึ่งที่พระเยซูบอกยูดาสคือ ไม่ต้องไปกังวล อยากช่วยคนจน จะช่วยเมื่อไรก็ได้เพราะอีกไม่นานพระองค์ก็ไม่อยู่แล้ว
1* ยอห์น 11:1,43 2* มัทธิว 26:11, มาระโก 14:3; ลูกา 10:38-41. 3*ยอห์น 11:2; เพลงซาโลมอน 1:12. 4*ยอห์น 13:26 6*ยอห์น 13:29. 8* มาระโก 14:7;
ยอห์น 12:9-11 ยิวที่สนใจ
ผู้คนที่ได้ข่าวว่าพระเยซูมาที่บ้านนั้น ต่างก็พากันมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น …. แต่จากเหตุการณ์เราได้รับรู้ว่า เหล่าปุโรหิตใหญ่ก็วางแผนที่จะสังหารลาซารัสด้วย ส่วนใหญ่เป็นพวกสะดูสีที่ไม่เชื่อในการคืนชีพ ดังนั้นการมีคนที่ตายไปจนขึ้นอึด แต่แล้วฟื้นขึ้นมาอยู่ต่อหน้าต่อตาแบบนี้เป็นการหยามความเชื่อกันมาก ๆ
ในทางตรงข้าม ก็มียิวที่หันมาเชื่อพระเยซูจริงจังกันขึ้นอีก การคืนชีพของลาซารัสนั้น พิสูจน์ว่า พระเยซูทรงมาจากพระเจ้าจริง ๆ คนที่เคยเชื่อก็ยิ่งเชื่อมั่นขึ้นไปอีก
9* ยอห์น 11:43,44. 10* ลูกา 16:31. 11* ยอห์น 11:45, 12:18
ยอห์น 12:12-23 องค์ราชามาเยี่ยมเยือน
คนยิวที่มางานเทศกาลปัสกานั้น มาจากทุกทิศ และเมื่อเขาได้ข่าวเรื่องพระเยซู ก็พากันมาต้อนรับพระองค์ ซึ่งทรงลาอย่างที่เศคาริยาห์ ได้กล่าวล่วงหน้าไว้นานแล้ว
ดูสิ ขณะที่พระเยซูทรงลา พวกเขายังมองพระองค์เป็นกษัตริย์ที่จะมาปลดแอกจากโรม พวกเขาร้องว่าพระองค์มาจากพระเจ้า นำเอาใบปาล์มซึ่งนิยมใช้กับการฉลองต่าง ๆ มาโบกต้อนรับพระองค์ ร้องตะโกนคำว่า โฮซันนา คือขอทรงช่วยเดี๋ยวนี้ และและเมื่อพวกเขาร้องว่า พระผู้เสด็จมาในพระนามของพระเจ้า นั่นก็หมายถึงพระเมสสิยาห์ที่พระเจ้าทรงเจิมนั่นเอง
พวกเขาสรรเสริญพระองค์อย่างกึกก้องไปทั่วเมือง เท่ากับต้อนรับพระองค์ในฐานะผู้ที่พระเจ้าทรงเจิม ตามคำในสดุดี 118:25-26
ประชาชนร้องขอให้พระเยซูทรงช่วย แต่พวกเขาลืมสังเกตไปว่า พระองค์ไม่ได้ขี่ม้า ไม่สวมเครื่องแบบทหารเข้ามา พระองค์ทรงขี่ลา ซึ่งมีความหมายถึงสันติ
เหตุการณ์นี้พร้อมกับการคืนชีพของลาซารัส จุดความโกรธของเหล่าปุโรหิตให้รุนแรงขึ้นไปอีก
ในขณะเดียวกัน พระเยซูกลับเป็นคนที่ชาวกรีกมาตามหา เพราะอยากรู้จักเหลือเกิน
ส่วนพระเยซูล่ะ พระองค์ทรงรู้สึกตื่นเต้นกับการที่ประชาชนพากันมาชื่นชมพระองค์หรือเปล่า? … ลองกลับไปอ่านลูกา 19:41-44 พระองค์ทรงทรมานใจเหลือเกิน….
12*มัทธิว 21:4-9 13* สดุดี 118:25-26 14* มัทธิว 21:7 15*เศคาริยาห์ 9:9 16*ลูกา 18:34; ยอห์น 7:39; 12:23; 14:26. 18* ยอห์น 12:11 19* ยอห์น 11:47-48. 20*กิจการ 17:4, 1 พงศ์กษัตริย์ 8:41,42 21*ยอห์น 1:43,44; 14:8-11 23* ยอห์น 13:32, กิจการ 3:13
ยอห์น 12:24-26 คำเปรียบเมล็ดข้าวกับชีวิต
เมื่อพระเยซูทรงรู้ว่า มีชาวต่างชาติมาตามหาพระองค์ จึงทรงบอกศิษย์ว่า ถึงเวลาที่พระองค์จะได้รับเกียรติ ซึ่งไม่มีใครในหมู่ศิษย์เข้าใจเลย
พระเยซูทรงกล่าวถึง
*เมล็ดพืชที่ต้องตาย และงอกขึ้นมา เพื่อว่าจะเกิดผลมาก … พระองค์กำลังตรัสถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ที่จะต้องเกิดขึ้นเพื่อคนทั้งโลกจะได้รับความรอด และไม่ใช่แค่พระองค์เท่านั้น แต่ผู้รับใช้ของพระองค์จำนวนมากก็ได้กลายเป็นเมล็ดที่ ตายไปเพื่อการเกิดผลด้วยเช่นกัน
* คนที่รักชีวิตต้องทำอย่างไร นี่เป็นคำเตือนที่สำคัญมาก คนที่มีชีวิตเพื่อตัวเองเท่านั้น กลับกลายเป็นคนที่เสียชีวิตไปเปล่า ๆ แต่คนที่ใส่ใจคนอื่น ใส่ใจน้ำพระทัยพระเจ้านั้น แม้จะต้องเสียสละชีวิตของตน เหมือนว่าไม่ได้ทำอะไรเพื่อตัวเอง กลับจะเป็นคนที่ได้รับสิ่งที่เป็นนิรันดร์
* คนที่จะรับใช้พระเจ้า ต้องทำอย่างไร ก็คือตามพระองค์ไป อยู่ใกล้ชิดพระองค์ พูดดูเหมือนสั้น แต่ทำจริงหมายถึงทั้งชีวิต แต่สิ่งที่เขาจะได้รับนั้น เหลือเชื่อ!!… คือ พระเจ้าจะทรงให้เกียรติเขาคนนั้น
24* 1โครินธ์ 15:36 25* มาระโก 8:35 26*มัทธิว 16:24; ยอห์น 14:3, 17:24
ยอห์น 12:27-36. พระสุรเสียงจากสวรรค์ พระบุตรที่ถูกยกขึ้น
ตอนนี้เราเห็นความทุกข์ใจของพระเยซูเองเพราะเรื่องที่พระองค์ต้องสิ้นพระชนม์บนกางเขน ต้องเป็นเมล็ดพืชที่ต้องตาย เป็นความทุกข์ที่ไม่มีใครตอนนั้นเข้าใจเลย … ตอนนั้นเองเป็นช่วงเวลาที่พระองค์ทรงติดต่อกับพระบิดา เป็นเวลาที่พระองค์ทรงเจ็บปวดพระทัย พระองค์ไม่ได้แสดงว่าทรงเป็นวีรบุรุษ เป็นอัศวิน แต่ทรงเปิดเผยความรู้สึกของพระองค์ที่จะต้องเผชิญกับไม้กางเขนที่ไม่ใช่ความบาปของพระองค์ และเผชิญกับความตายอันน่าอับอาย
แต่…ในที่สุดพระเยซูถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า !
ไม่ว่าพระองค์จะต้องเผชิญกับอะไร พระองค์จะถวายพระเกียรติพระบิดา จะเชื่อฟังพระองค์ จะทำตามแผนที่ได้ตกลงกันไว้เพื่อโลกที่พระเจ้าทรงรัก
แล้วพระเจ้าทรงตอบลงมาจากสวรรค์อย่างมหัศจรรย์ คนในที่นั้นได้ยินเสียงของพระบิดา แต่พวกเขาคิดว่าเป็นเสียงฟ้าร้องบ้าง เสียงทูตสวรรค์บ้าง เราจึงพอประเมินได้ว่า หลายคนไม่ได้ยินเป็นเสียงพูดที่ชัดเจน
พระเจ้าได้ทรงให้เกียรติพระเยซูในการเกิดจากหญิงสาวพรหมจารี จากทำงานของพระองค์ การอัศจรรย์ต่าง ๆ มาโดยตลอด และต่อไปพระเจ้าจะทรงให้เกียรติแก่พระบุตรจากการสิ้นพระชนม์ การคืนพระชนม์ และการเสด็จสู่สวรรค์ด้วย ตอนนั้นไม่มีใครที่อยู่กับพระเยซูเข้าใจอะไร ที่พวกเราเข้าใจเพราะเราเห็นภาพทั้งหมดโดยรวมแล้ว
พระเยซูทรงสรุปให้พวกเขาว่า เมื่อทรงคืนพระชนม์คนทั้งหลายจะกลับเข้ามาหาพระองค์ แต่ตอนนั้น ทุกคนที่ฟังอยู่ก็ยังไม่เข้าใจ
พระเยซูไม่ได้ตอบคำถามของพวกเขา แต่ทรงเตือนให้เขาเดินในความสว่าง เพราะว่าความสว่าง(คือพระองค์) จะไม่ได้อยู่กับเขานานนัก แล้วจากนั้น พระองค์ก็จากพวกเขาไป
27* มัทธิว 26:38,39; ลูกา 22:53 28* มัทธิว 3:17; 17:5 30*ยอห์น 11:42 31* 2 โครินธ์ 4:4 32*ยอห์น 3:14; 8:28; โรม 5:18 33* ยอห์น 18:32; 21:19 34* มีคาห์ 4:7 35*ยอห์น 1:9; 7:33; 8:12; เอเฟซัส 5:8; 1 ยอห์น 2:9-11 36* ลูกา 16:8; ยอห์น 8:59
ยอห์น 12:37-43 ยิวไม่เชื่อ
ถึงแม้ว่า พระเยซูทรงทำการอัศจรรย์ที่สำคัญมากมาย ซึ่งชี้ให้เห็นว่า พระองค์คือ ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมมาให้เป็นพระเมสสิยาห์ แต่ยิวโดยเฉพาะพวกที่ติดอยู่กับพิธีกรรม บัญญัติ ก็ไม่เชื่อว่า พระองค์เป็นพระเมสสิยาห์ คำว่าเชื่อนั้น ปรากฏในพระคำช่วงนี้หลายครั้งทีเดียว
การไม่เชื่อของพวกยิวมีการพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าโดยท่านอิสยาห์ ใจที่แข็งอยู่ในหัวใจของคนที่คิดว่าตัวเก่ง มีกรอบความคิดว่า ฉันถูกต้องคนเดียว คนอื่น ไม่ใช่ แถมยังไม่ฟังใคร
แต่ยังมีอุปสรรคสำหรับคนที่เชื่อด้วย พวกเขาใจอ่อนกับประเพณี กฎเกณฑ์ วัฒนธรรมของศาสนาเดิม กังวลว่าจะไม่มีตำแหน่ง อาจถูกไล่ออกจากพวก คนเหล่านี้แม้อยากเชื่อแต่ก็ไม่อาจติดตามพระเยซูได้
การเชื่อในพระเยซูนั้น ต้องมีการเปิดเผยให้คนอื่นรู้ เราจึงมีการบัพติศมา เป็นการยอมรับพระเจ้าด้วยใจและปากว่า จะติดตามพระองค์จริง ๆ
37* ยอห์น 11:47 38* อิสยาห์ 53:1 40* อิสยาห์ 6:9,10; มัทธิว 13:14 41* อิสยาห์ 6:10 42* ยอห์น 7:13; 9:22 43* ยอห์น 5:41,44
ยอห์น12:44-50 คำกล่าวแห่งชีวิตที่อาจให้โทษ
พระเยซูทรงกล่าวด้วยเสียงอันดัง ทำให้ เรารู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก นั่นคือ หากคนใดเชื่อพระเยซู เท่ากับเชื่อพระเจ้า. คนใดเห็นพระองค์เท่ากับเห็นพระเจ้าพระบิดาด้วย พระองค์ทรงเป็นผู้ทำลายความมืดในชีวิตของทุกคน
พระคำของพระเจ้าที่นำชีวิตให้ทุกคน จะกลายเป็นคำที่กล่าวโทษพวกเขาเพราะพวกเขาที่ได้ยิน ไม่ยอมเชื่อ น่าเสียดายจริง ๆ ได้ยินแล้ว แต่ไม่เชื่อ!
และพระเยซูยังทรงยืนยันว่า สิ่งที่ตรัสกับพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่ทรงคิดขึ้นเอง แต่ทรงกล่าวตามที่พระบิดาให้ตรัส พระบุตรทรงบอกให้เราชัดเจนว่า คำของพระองค์มาจากพระบิดาโดยตรง
44* มาระโก 9:37; ยอห์น 3:16,18,36 ; 11:25-26; ยอห์น 5:24 45* ยอห์น 14:9 46*ยอห์น 1:4-5; 8:12; 12:35-36. 47* ยอห์น 5:45; 3:17 48* ลูกา 10:16; เฉลยธรรมบัญญัติ 18:18-19 49* ยอห์น 8:38; เฉลยธรรมบัญญัติ 18:18 50* ยอห์น 5:19; 8:28