โฮเชยา 6 กลับมารู้จักพระเจ้า


กลับมาเถิด
มาเถิด ให้เรากลับมาหาองค์พระยาห์เวห์
เพราะพระองค์ได้ทรงฉีกเราเป็นชิ้น
และพระองค์จะทรงรักษาเรา
พระองค์ได้ทรงฟาดฟัน
 และพระองค์จะทรงพันบาดแผลให้ 

2 สองวันต่อมา พระองค์จะทรงให้ชีวิตใหม่แก่เรา
และในวันที่สาม พระองค์จะทรงให้เราฟื้นขึ้นมา
เพื่อว่า เราจะได้มีชีวิตอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์
ให้เรารู้จัก ให้เราพยายามที่จะรู้จักพระยาห์เวห์
พระองค์ทรงปรากฏอย่างแน่นอนเหมือนกับฟ้ายามเช้า พระองค์จะทรงมาหาเราดั่งสายฝน
เหมือนกับสายฝนที่โปรยลงมายังผืนดิน ในฤดูใบไม้ผลิ   



กลับมาเถิด
ก่อนหน้านี้พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าว่าจะมีการลงโทษพวกเขาทั้งชาติ
แต่มาบทนี้ พระเจ้าทรงเรียกให้กลับมา เรารู้ไหมว่า พระเจ้าทรงมีพระทัยที่ชอกช้ำมากเพียงใดกับคนของพระองค์? นั่นหมายถึงตัวเราด้วย

6:1-3 เป็นเหมือนคำขอร้องจากโฮเชยาเอง เขารู้ว่า การพิพากษา ความทุกข์ยาก หรือวินัยที่พระเจ้าให้กับคนของพระองค์นั้น เป็นโอกาสที่ทำให้กลับมาหาพระองค์ แม้พระเจ้าจะทรงทำอย่างแรงแต่ก็ไม่เกินที่พระองค์จะทรงบำบัดรักษา  โฮเชยาใช้คำว่า เรา ซึ่งเท่ากับเขามองว่าตนเองก็เป็นคนพวกเดียวกับประชาชนที่หลงทางไปจากพระเจ้า
พยายามรู้จักพระเจ้า ตามพระองค์ มีประสบการณ์สัมผัสพระองค์ เมื่อเรามาใกล้พระเจ้า พระเจ้าจะมาใกล้เรา (ยากอบ 4:8)
เปาโลได้กล่าวถึงการที่อิสราเอลจะกลับมาเป็นของพระเจ้าในวันสุดท้าย ในโรมบทที่ 9-10-11 

พระเจ้าทรงฉีกเราเป็นชิ้น ๆ  ทรงทำให้บาดเจ็บ  แต่จะทรงรักษา บาดแผลให้  คนของพระเจ้าที่ถูกพระเจ้าทรงลงวินัยนั้น ต้องเข้าใจว่า พระองค์ทรงรักยิ่งนัก (ฮีบรู 12)
พระเจ้าทรงสัญญาจะรื้อฟื้น ..  จะประทานชีวิตคืนมา จากคนบาปได้รับชีวิตใหม่ อิสราเอลกำลังป่วยหนักฝ่ายวิญญาณ ดูภายนอกเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ภายในนั้น เน่าเฟะ ต้องการการบำบัดรักษาจากพระเจ้า
พระเจ้าทรงเปิดเผยให้โฮเชยารู้ว่า พระองค์จะทรงชนะใจคนของพระองค์ จะทรงนำอาณาจักรที่หลงทางไปในความบาปกลับมาอีกครั้ง 

การใช้ชีวิตต่อพระพักตร์พระองค์ = การมีชีวิตที่เชื่อฟัง   การใช้ชีวิตโดยตระหนักว่า เราอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าเสมอ
สองวันต่อมา …​การบำบัดรักษาของพระเจ้านั้น รวดเร็ว!
เรามาหาพระเจ้า แล้วเราจะตามพระองค์ … และเราจะพบพระองค์ แสงสว่างของพระองค์
วันที่สาม สาม หมายถึงการเปิดเผย และชัยชนะ  เป็นชัยชนะของพระเจ้า ที่จะทรงนำอาณาจักรของพระองค์มาในโลกนี้
หากเราพยายามที่จะรู้จักพระองค์ เราจะพบพระองค์แน่นอนเหมือนกับเราพบเวลาเช้า ทุกเช้าในชีวิตของเรา เราจะได้แสงสว่างจากพระองค์
ยิ่งกว่านั้น  พระองค์เสด็จมาอย่างฝน = ฝนหมายถึงพระพร

พระเจ้าทรงคร่ำครวญถึงคนของพระองค์

เอฟราอิมเอ๋ย?  เราจะทำอย่างไรกับเจ้าดี 
ยูดาห์เอ๋ย เราจะทำอย่างไรกับเจ้าดี? 

ความจงรักภักดีของเจ้านั้น
เป็นเหมือนหมอกบาง ๆ ยามเช้า
เป็นเหมือนน้ำค้างเช้าตรู่ที่ระเหยหายไป 
5 นี่เป็นเหตุที่เราใช้เหล่าผู้เผยพระดำรัส
มาฟาดฟันพวกเขา 
เราได้สังหารพวกเขาด้วยคำจากปากของเรา 
คำพิพากษาของเรานั้นปะทะราวกับสายฟ้าแลบ

พระเจ้าทรงคร่ำครวญถึงคนของพระองค์

6:4 ในขณะที่อิสราเอลและยูดาห์ต่างปฏิบัติต่อพระเจ้าอย่างไม่เคารพ
ไม่รัก ไม่ภักดี พระเจ้ายังทรงตั้งพระทัยที่จะให้พวกเขากลับมาหาพระองค์
บทกวีนี้ ได้กล่าวว่า ความรักของพวกเขาเหมือนหมอกบาง เหมือนน้ำค้างยามเช้าที่อยู่ไม่นานแล้วหายไป เป็นภาพที่ทำให้น้ำตาไหลกับความรักมั่นคงของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ที่ต่างเข้าใจว่า ตนเองอยู่ได้โดยไม่มีพระองค์ คำปรารภของพระองค์นั้น บ่งบอกถึงความท้อแท้ของพระเจ้าที่ต้องพบเจอกับผู้คนที่ไร้ความภักดีเช่นนี้
6:5 ระยะเวลาหลายต่อหลายรัชกาลของกษัตริย์ทางเหนือและใต้ พระเจ้าทรงส่งคนของพระองค์มาเพื่อช่วยให้พวกเขาได้เข้าใจ และกลับใจมาหาพระเจ้า แต่ดูเหมือนว่า ไร้ผล พวกเขายังคงรักที่จะกราบไหว้รูปเคารพต่อไป น่าจะมีคนกลับมาหาพระเจ้าบ้าง แต่น้อยเหลือเกิน

เพราะเราต้องการความรักเมตตา ไม่ใช่เครื่องบูชา
เราต้องการความรู้ในพระเจ้ามากกว่าเครื่องเผาบูชา 

7  แต่พวกเขาเป็นเหมือนอาดัม
ที่ล่วงละเมิดพันธสัญญา
ที่นั่นพวกเขาทรยศต่อเรา 
8 กิเลอาดเป็นเมืองของคนทำชั่ว 
เต็มด้วยรอยเท้าที่เปื้อนเลือด
9 ที่ทำตัวเหมือนกองโจรคอยซุ่มทำร้ายผู้คน
ก็คือเหล่าปุโรหิตที่สังหารผู้คน
ตามถนนไปยังเมืองเชเคม
พวกเขาทำสิ่งที่โหดร้ายป่าเถื่อนนัก 
10 เราได้เห็นสิ่งที่เลวร้ายในวงศ์วานอิสราเอล
และความสำส่อนของเอฟราอิมก็อยู่ที่นั่น 
อิสราเอลทำตัวเป็นมลทิน 
11 โอ ยูดาห์ เวลาเก็บเกี่ยวถูกกำหนดไว้สำหรับเจ้าแล้ว 
เมื่อเราจะรื้อฟื้นทำให้ประชากรของเรา
กลับสู่สภาพเดิม 

6:6 พวกเขาไม่ได้มองเห็นพระเจ้าสำคัญ ไม่ให้ความเอาใจใส่ต่อคำเตือนเรื่องการลงโทษ พวกเขายังคงถวายเครื่องบูชาโดยทำแค่เป็นพิธี ไม่มีการกลับใจใหม่ สนใจพิธีกรรมมากกว่าที่จะรู้จักพระเจ้าเป็นส่วนตัว
6:7 แล้วพระเจ้าก็ทรงย้อนไปถึงอาดัมที่ละเมิดคำบัญชาของพระองค์
คำว่าพันธสัญญา בְּרִית บะรีท คือพันธสัญญา ไม่ได้มีความหมายแค่ข้อตกลง แต่ยังหมายถึงข้อตกลงที่ทำให้สองฝ่ายมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นต่อกัน มีความเป็นเพื่อน ใกล้ชิดกัน เป็นพวกเดียวกัน อิสราเอลและอาดัมทำเหมือนกันคือ เลิกความใกล้ชิด เป็นเพื่อนที่ไว้ใจกัน
6:8 กิเลอาด เป็นเมืองคนทำชั่ว เป็นเมืองที่มีการนองเลือดไม่หยุดหย่อน คำที่ใช้คือ คนที่ทำการชั่วร้าย เน้นการทำชั่วร้ายอย่างต่อเนื่อง สื่อการมีอาชีพทำความชั่วร้าย
6:9 แม้กระทั่งคนที่เป็นปุโรหิตยังเป็นฆาตกรตามถนนด้วย
6:10 ความสำส่อนของอิสราเอลกับเทพเจ้าอื่น ๆ เป็นมลทินเพราะการไปปรนนิบัติพระอื่น
6:11 แต่พระเจ้าไม่ทรงยอมแพ้ พระองค์จะทรงรื้อฟื้นเขาให้กลับคืนสู่สภาพเดิม พระเจ้าจะทรงให้พวกเขาเป็นปุโรหิตที่ภักดีของพระองค์ที่ทำให้คนทั้งโลกได้มารู้จักพระองค์​ เหมือนอย่างที่ได้ตรัสกับโมเสส ในอพยพ 19:5-6
5 บัดนี้หากเจ้าทั้งหลายเชื่อฟังเราอย่างหมดใจและรักษาพันธสัญญาของเรา เจ้าก็จะเป็นกรรมสิทธิ์ล้ำค่าของเราจากประชาชาติทั้งปวงทั่วโลก ถึงแม้ทั้งโลกนี้เป็นของเรา 6 แต่เจ้า[a]จะเป็นอาณาจักรแห่งปุโรหิตและเป็นชนชาติที่บริสุทธิ์สำหรับเรา’ เจ้าจงบอกชนชาติอิสราเอลตามนี้

พระคำเชื่อมโยง

1* อิสยาห์ 1:18 ; เฉลยธรรมบัญญัติ 32:39 ; เยเรมีย์ 30:17
2* 1โครินธ์ 15:4
3* อิสยาห์ 54:13; 2 ซามูเอล 23:4; สดุดี 72:6; โยบ 29:23
5* เยเรมีย์ 23:29
6* มัทธิว 9:13; 12:7; มีคาห์ 6:6-8; ยอห์น 17:3
8* โฮเชยา 12:11
9* โฮเชยา 9:1-10; เอเสเคียล 22:9; 23:27


โฮเชยา 5 การลงโทษที่ใกล้เข้ามา

อิสราเอลไม่แสวงหาพระเจ้าอย่างจริงจัง
1 “เหล่าปุโรหิต จงฟังทางนี้!
วงศ์วานอิสราเอล จงตั้งใจฟัง
เหล่าราชวงศ์ จงฟังใกล้ ๆ
เพราะการลงโทษมาถึงพวกเจ้าแล้ว
เพราะพวกเจ้าเป็นกับดักที่มิสปาห์
และเป็นตาข่ายที่วางดักไว้บนภูเขาทาโบร์

ข้อ 1-7 อิสราเอลไม่แสวงหาพระเจ้าอย่างจริงจัง
พระเจ้าทรงเรียกคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ ปุโรหิต หรือประชาชนทั่วไป ไม่มีใครที่พระเจ้ายกเว้น
จากบทที่ 1 เป็นต้นมา พระเจ้าทรงเตือนแล้ว เตือนอีก แต่พวกเขาก็ยังไม่ฟังพระสุรเสียงของพระองค์

มิสปาห์อยู่ในกิเลอาด อยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน
ส่วนภูเขาทาโบร์ อยู่ในหุบเขายิสเรเอล ทางตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบกาลิลี เหล่าปุโรหิตได้ชักชวนให้ประชาชนกราบไหว้เทวรูปที่นั่น
พวกเขาเป็นกับดัก มีความหมายถึง การวางแผนทำร้าย หรือ ต้นเหตุของความหายนะ

ทาโบร์เป็นภูเขาที่บาราคได้ชัยชนะ และเป็นภูเขาที่พระเยซูทรงเปลี่ยนพระกายเป็นพระองค์จริงให้ศิษย์สามคนได้เห็น  

เพราะไม่รู้จักพระเจ้า
2  เหล่ากบฏก็ออกไปสังหารผู้คนอย่างโหดร้าย 
เราจะปราบพวกเขาทุกคน (หรือเราเป็นผู้ตำหนิ)
3 เรารู้จักเอฟราอิมเป็นอย่างดี
และอิสราเอลก็ไม่ได้ซ่อนไว้จากสายตาเรา
บัดนี้ เอฟราอิมเอ๋ย เจ้าได้ทำตัวเสเพล
อิสราเอล
ก็เป็นมลทิน 
4 พฤติกรรมของพวกเขา
ไม่ปล่อยให้เขากลับไปหาพระเจ้าของพวกเขา
มีวิญญาณแห่งความสำส่อนอยู่ท่ามกลางพวกเขา
และพวกเขาไม่รู้จักองค์พระยาห์เวห์ 

ความอหังการของอิสราเอล
เป็นหลักฐานฟ้องพวกเขา
ทั้งอิสราเอลและเอฟราอิมสะดุดล้มลง
เพราะความชั่วร้ายของเขา
แม้แต่ยูดาห์ก็ล้มลงไปกับพวกเขาด้วย 


เพราะไม่รู้จักพระเจ้า
5:2 เหล่ากบฎ พวกนี้ก็คือพวกราชวงศ์ และปุโรหิต ที่โหดร้าย เที่ยวไปฆ่าประชาชนตามอำเภอใจ
กบฎ..ในภาษาฮีบรูใช้คำว่า  שֵׂט เซธ หมายถึงผู้ที่บิดเบือน หลงไปจากศีลธรรม จริยธรรม รวมถึงการหันไปจากทางแห่งความเที่ยงธรรม
5:3 พระเจ้าทรงเห็นทุกอย่างที่พวกเขาทำ โดยที่พวกเขาไม่ได้สำนึกเช่นนั้น กลับทำตัวเสเพล เป็นมลทิน จึงไม่เหมาะที่จะมารับใช้นมัสการพระเจ้าเลยเอฟราอิมก็คือ อิสราเอลทางเหนือ พระเจ้าทรงเรียกเขาสองชื่อสลับไปมา นี่เป็นพระดำรัสสำหรับเราในปัจจุบันด้วย เพราะเรามองดีเป็นชั่ว ชั่วเป็นดี เราหลงไปจากทางของพระเจ้า ทำตามใจตัวเองเหมือนอิสราเอล
5:4 การมีวิญญาณของหญิงโสเภณี คือกราบไหว้เทวรูปมีอำนาจยึดจิตใจพวกเขาไว้ การที่พวกเขาเอาแต่จดจ่อกระสันทางเพศทำให้เขาไม่อาจรู้จักพระเจ้าได้ นี่เป็นมุมมองจากพระเจ้าที่โฮเชยาได้สื่อให้เห็น พวกเขาทำสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้อง วิญญาณแห่งการสำส่อน คือไปตามหาศาสนา ความเชื่อต่าง ๆ และแบบไหนที่ชอบก็ยึดแบบนั้นไว้ตามใจ ใช้ชีวิตตามตัวเองเลือก ไม่ใช่ตามพระเจ้า
พวกเขาไม่กลับมาหาพระเจ้าเพราะ … ไม่รู้จักพระองค์
5:5 ความอหังการ..เป็นหลักฐาน สมัยนี้ ความอหังการปรากฎใน
โซเชียลมีเดียอย่างมากมาย เป็นหลักฐานชัดว่าใครคิดอย่างไร
ไม่ใช่แค่สะดุดล้มลง แต่พวกเขา ถูกทำลาย ถูกโยนทิ้ง ถูกกวาดไปเป็นเชลย ข้อนี้ได้ใช้บอกภาพอธิบายถึงการที่ชนชาติหนึ่ง ๆ ถูกพระเจ้าทำลายด้วยพระองค์เอง (เยเรมีย์ 6:15; ดาเนียล 11:19)
พวกเขาพากันสะดุดไปด้วยกัน ประมาณร้อยห้าสิบปีต่อมาอิสราเอลก็ถูกอัสซีเรียกวาดไปเป็นเชลย ส่วนต่อมายูดาห์ก็ถูกบาบิโลนกวาดไปดังที่โฮเชยากล่าวไว้ล่วงหน้า








ความไร้สาระของพิธีกรรม
6 แม้ว่าพวกเขานำฝูงแพะแกะ และฝูงวัวของตน
เพื่อมาแสวงหา(ความโปรดปรานจาก)พระยาห์เวห์
แต่ก็ไม่พบพระองค์
พระองค์ทรงถอยจากพวกเขาไปแล้ว 
7 เขาทรยศต่อองค์พระยาห์เวห์ 
จริงแล้ว พวกเขาได้ให้กำเนิดลูกต่างชาติ

บัดนี้ (หรือ ในไม่ช้า) เทศกาลข้างขึ้นจะกลืนกินพวกเขาไป
พร้อมกับไร่นาของพวกเขา 

ความไร้สาระของพิธีกรรม
5:6 ตรงนี้ ผู้อธิบายหลายท่านเชื่อว่า โฮเชยาพูดถึงยูดาห์ทางใต้ ​​การนำแพะแกะมาแบบนี้หมายถึงการเข้ามาถวายเครื่องสัตวบูชา แต่อย่าลืมว่า เขาไม่รู้จักพระเจ้า .. พวกเขาได้นำเอาวิธีการนมัสการบาอัลมาไว้ในพระวิหารของพระเจ้า พระเจ้าทรงออกไปจากพวกเขา น่ากลัวมาก

5:7 การทรยศต่อพระเจ้านั้น มีความหมายคือ การปฎิบัติต่อพระเจ้าอย่างไร้ความภักดี การทรยศต่อพระเกียรติของพระเจ้า อกตัญญูต่อพระองค์
พวกเขากำเนิดลูกต่างชาติ นั่นคือ ลูกหลานของพวกเขากลับกลายเป็นคนที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางพันธสัญญากับพระเจ้า

โฮเชยาประกาศการลงโทษ
8 จงเป่าแตรในกิเบอาห์
จงเป่าเขาสัตว์ในรามาห์ 
และตะโกนร้องออกศึกในเบธอาเวน
เบนยามิน จะตามเจ้าไป (จงกลัวจนตัวสั่น)
9 เอฟราอิมจะกลายเป็นที่ทิ้งร้าง
ในวันแห่งการลงโทษ
เราประกาศสิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ ๆ
ท่ามกลางเผ่าต่าง ๆ ของอิสราเอล

โฮเชยาประกาศการลงโทษ
5:8 การเป่าแตรเขาสัตว์เป็นสัญญาณบอกภัย และเรียกให้ประชาชนเข้ามารวมตัวกันเพื่อป้องกันประเทศ เมืองทั้งสองอยู่ทางเหนือของนครเยรูซาเล็ม จะเห็นว่า ศัตรูกำลังเข้ามาใกล้พร้อมบุกอาณาจักรยูดาห์ทางใต้ พวกเขากวาดทางเหนือเรียบแล้ว ..กำลังลงมาทางใต้ ไม่มีใครถูกเก็บรักษาไว้ พวกเขาจะถูกศัตรูทำลายทั้งทางเหนือและทางใต้

5:9 พระเจ้าตรัสว่า พระองค์จะทรงลงโทษ และสิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และจะเกิดตามที่ต่าง ๆ ของอิสราเอล ไม่มีส่วนไหนที่ถูกยกเว้นเลย

ผู้ที่กดขี่ข่มเหงผู้อื่นจะถูกข่มเหง
10 เหล่าผู้นำของยูดาห์
เป็นเหมือนคนที่โยกย้ายหลักเขตแดน
เราจะเทการลงโทษเหนือพวกเขาราวน้ำโถมเข้ามา
11 เอฟราอิมถูกข่มเหง
เขาถูกขยี้ยับเยินจากการลงโทษ
เพราะเขาตั้งใจที่จะติดตามสิ่งที่ไร้ค่า 

ผู้ที่กดขี่ข่มเหงผู้อื่นจะถูกข่มเหง
5:10-11 ความผิดของผู้นำยูดาห์คือ การไปเปลี่ยนเขตเสาหลักของที่ดินเพราะได้รับสินบน นี่เป็นการคดโกงในหมู่ผู้นำ พระเจ้าบอกว่า พวกเขาจะถูกลงโทษ … พวกเขาจะถูกทำลายเหมือนถูกกวาดด้วยน้ำ พระเจ้าจะทรงเทความกริ้วของพระองค์ลงมาด้วยพระองค์เอง
ส่วนเอฟราอิมก็ตามสิ่งไร้ค่า นั่นคือการตามสิ่งที่โกหก เราตามคนโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่า พวกเขากำลังโกหกเราอยู่ แต่ก็ จะถูกลงโทษเช่นกัน

แผลเน่าที่ไม่มีวันหายขาด 
12 แต่เราเป็นเหมือนแมลงที่กัดกินเอฟราอิม
เป็นเหมือนความผุพังของวงศ์วานยูดาห์ 
13  เมื่อเอฟราอิมเป็นความเจ็บป่วยของตน
และยูดาห์เห็นบาดแผลของตน 
เอฟราอิมก็หันไปหาอัสซีเรีย
และส่งตัวแทนไปหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่(กษัตริย์ยาเรบ) 
แต่กษัตริย์นั้น ไม่อาจรักษา
หรือบำบัดบาดแผลของเจ้าได้
 (มีอีกนามว่า กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ คือทิกลัทปิเลเสอร์ที่สาม ฉบับ 2 พงศาวดาร 28:16-21)

แผลเน่าที่ไม่มีวันหายขาด 
5:12 พวกเขาไม่ได้มองพระเจ้าเป็นที่หนึ่ง เป็นกษัตริย์เหนือชีวิต พระองค์จะทรงกัดกินพวกเขาเหมือนกับแมลงที่กินไม้ไปเรื่อย ๆ จนพังไปหมด
ถ้าพระเจ้าทรงเป็นเหมือนแมลงที่กัดกิน ความผุพังในชีวิต ชีวิตของเราจะพังไปขนาดไหน?

5:13 พอประเทศเริ่มไม่มีความมั่นคง แทนที่จะหันมาหาพระเจ้า พวกเขากลับย้อนไปหาอัสซีเรีย โดยหารู้ไม่ว่า อัสซีเรียต้องการอำนาจเหนือเขา ต้องการประโยชน์จากทรัพยากรที่พวกเขามีอยู่ กษัตริย์ยาเรบผู้นี้ น่าจะเป็นกษัตริย์ทิกลัท ปิเลเสอร์ที่สาม จาก 2 พงศ์กษัตริย์ 15:19 ; 2 พงศาวดาร 28:16-21

14 เพราะเราเป็นเหมือนสิงโตต่อเอฟราอิม
เราเป็นเหมือนสิงโตหนุ่มต่อวงศ์วานยูดาห์ 
ใช่แล้ว เราจะฉีกเขาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วจะจากไป
เราจะคาบพวกเขาไป และไม่มีใครช่วยกู้พวกเขาได้เลย 
15 เราจะกลับไปยังที่ของเรา
จนกว่าพวกเขาจะยอมรับผิด และแสวงหาเรา
พวกเขาจะแสวงหาเราอย่างร้อนรนจริงใจ
เพราะความทุกข์ร้อนของพวกเขา 

5:14 พระเจ้าจะทรงโจมตีอิสราเอลและยูดาห์ ราวกับสิงโตที่โดดขย้ำผู้คน
การลงโทษของพระองค์ไม่เบา เจ็บปวด รวดเร็ว ตั้งตัวไม่ทัน สิงโตจะทำให้ผู้คนกระจัดกระจายออกไปด้วย
เป้าหมายของการที่พระเจ้าทรงทำกับเขาอย่างนั้น เพื่อว่าเขาจะกลับใจจริง
แสวงหาพระเจ้าจริง ต้องการพระองค์จริง ๆ

เชื่อกันว่า โฮเชยาใช้เวลาประมาณ 25  ปีในการกล่าวพระดำรัสเตือนของพระเจ้า 
คำว่า ความทุกข์ร้อนนี้ มาจากคำว่า צַר ซาร แปลว่า การบีบคั้น การเป็นศัตรู ความทุกข์ร้อน ความลำบาก มีความหมายรวมไปถึง ความแคบ ที่ ๆ เล็กอึดอัด ศัตรู!

ข้อสิบห้า ชัค มิสเลอร์ ตีความว่า สิงโตนั้นคือพระเยซู .. เราจะกลับไปยังที่ของเรา…กลับไปยังพระที่นั่งของพระบิดา คิดว่าตรงนี้เป็นข้อที่บอกถึงการเสด็จกลับมาครั้งที่สอง  อิสราเอลต้องกลับใจ  เลวีนิติ 26:32-42
ความทุกข์ร้อน พระเยซูตรัสในมัทธิว 24:22 และดาเนียล 12:1 จะนำอิสราเอลกลับใจ

ซาตานไม่ต้องการให้สิ่งนี้เกิดขึ้นมันจึงเร่ง ทำร้ายอิสราเอลให้หมดไปจากโลกอย่างที่เราเห็นในสงครามที่อิสราเอลต้องเผชิญ ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมาอย่างชัดเจน  และอิสราเอลจะพบความทุกข์ร้อนที่ต่อเนื่อง ยาวนาน ถูกคนในโลกรุมประณาม ความอดทนของพวกเขาจะจบลงที่ไม่ไหวแล้ว ต้องหันมาหาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์

พระคำเชื่อมโยง

1* โฮเชยา 6:9
2* อิสยาห์ 29:15
3* อาโมส3:2; 5:12 ; โฮเชยา 4:17
4* โฮเชยา 4:12
5* โฮเชยา 7:10

6* สุภาษิต 1:28
7* เยเรมีย์ 3:20
8* โยเอล 2:1 ; อิสยาห์ 10:30 ; โยชูวา 7:2
10* เฉลยธรรมบัญญัติ 19:14; 27:17

11* เฉลยธรรมบัญญัติ 28:33 ;มีคาห์ 6:16
12* สุภาษิต 12:4
13* เยเรมีย์ 30:12-15 ; 2 พงศ์กษัตริย์ 15:19
14* เพลงคร่ำครวญ 3:10 ; สดุดี 50:22

โฮเชยา 2 พระเมตตาต่อคนทรยศ

การพิพากษาและการรื้อฟื้นชุดที่สอง

เป็นเพราะเล่นชู้ อิสราเอลจะถูกลงโทษ
1 จงกล่าวแก่พี่ชายน้องชายว่า ‘ประชากรของเรา’
และกล่าวแก่พี่สาวน้องสาวว่า‘พวกเธอได้รับพระเมตตา’
2 “จงติเตียน ติเตียน แม่ของเจ้า
เพราะเธอไม่ใช่ภรรยาของเรา
และเราไม่ได้เป็นสามีของเธอ
ให้เธอหยุดทำสีหน้ายั่วยวนใจเสีย
และหยุดการล่วงประเวณีจากหว่างอกของเธอ 
3 มิฉะนั้น เราจะเปลื้องเธอให้เปลือยเปล่า
และเปิดเผยร่างกายของเธอ
เหมือนวันที่เธอเกิดมาในโลก
และให้เธอเป็นเหมือนถิ่นกันดาร
เป็นดินแดนที่แห้งผาก
และเราจะปล่อยให้เธอกระหายน้ำจนสิ้นลม 
4  เราจะไม่สงสารลูก ๆ ของเธอ
เพราะพวกเขาเป็นลูกจากความไม่ซื่อสัตย์
5 เป็นเพราะแม่ของพวกเขาเป็นคนไม่ซื่อสัตย์
ให้กำเนิดพวกเขามาอย่างน่าอับอาย
เพราะเธอคิดว่า “ฉันจะตามชู้รักของฉันไป
เพราะพวกเขาให้อาหารและน้ำ ผ้าขนสัตว์
และผ้าป่าน น้ำมันและเครื่องดื่มแก่ฉัน”

เป็นเพราะเล่นชู้ อิสราเอลจะถูกลงโทษ
2:1-2 ในตอนนี้ ดูเหมือนโฮเชยากล่าวกับโกเมอร์ แต่จริงแล้ว เป็นความหมายถึงอิสราเอล พี่ชายน้องชาย พี่สาวน้องสาว หมายถึงคนอิสราเอล และคนยูดาห์ แม่ของเจ้าคือ ผู้นำอิสราเอลทั้งหลายที่นำพาให้อิสราเอลทำผิด พระเจ้ากำลังบอกอิสราเอลว่า พระองค์ไม่ใช่สามีของพวกเขาอีกต่อไป และให้อิสราเอลเลิกวิ่งตามเทวรูป เลิกการกราบไหว้สิ่งเหล่านั้น ให้หยุด!!
เราเห็นความพยายามของพระเจ้าที่ทรงพยายามให้อิสราเอลได้ตระหนักรู้ว่า ทางของพวกเขานั้นนำสู่หายนะ พระเจ้าทรงเป็นดั่งสามีที่พยายามอย่างมากกับภรรยาที่ไม่ซื่อสัตย์ ยังมีความรัก ความเป็นห่วงเธอเป็นอย่างมาก และพยายามจะทำทุกอย่างทั้งลงโทษและปลอบใจ!

2:3-4 พระเจ้าจะทรงทำให้เขาต้องอับอาย เปิดโปงความชั่วให้ใคร ๆ ได้เห็น จะทรงทำให้แผ่นดินของพวกเขากันดาร ไม่มีฝน ไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงการเกษตร พืชผลจะตาย ที่เป็นอย่างนี้เพราะคนของพระเจ้ากลับกลายเป็นวิ่งตามเทวรูปที่ช่วยอะไรไม่ได้ เป็นการดูหมิ่นพระเจ้าอย่างรุนแรง ​​​​​ พวกเขารักที่จะติดตามเทพบาอัลมากกว่าพระเจ้าเที่ยงแท้ ที่พระเจ้าตรัสว่า จะไม่สงสารลูก เพราะพวกเขาเป็นลูกที่ไร้ศีลธรรมไปด้วยเหมือนแม่
2:5 พวกเขาเข้าใจผิด คิดว่า เทพเจ้าต่าง ๆ เป็นผู้ให้ฝน ให้น้ำ ให้อาหารกับพวกเขา ลืมไปว่าใครคือพระผู้สร้าง ใครคือผู้ดำรงรักษาให้พวกเขามีชีวิต และก็ตั้งใจจะตามเทวรูปเหล่านั้น

เวลาเราอ่านพระคำตอนนี้ ต้องนึกเสมอว่า พระเจ้าตรัสเป็นภาพเปรียบเทียบพระองค์เป็นโฮเชยา และอิสราเอลเป็นโกเมอร์

พระเจ้าจะทรงริบสิ่งที่พวกเขามี
6  ดังนั้น เราจึงจะทำอย่างนี้ เราจะจะขวางทางของเธอด้วยพุ่มหนาม เราจะล้อมเธอ ด้วยกำแพงเพื่อว่าเธอจะจนตรอก หาทางไปไม่ได้
7 เธอจะวิ่งตามคนรักของเธอ แต่ไม่อาจจะจับพวกเขาได้ เธอจะตามหาพวกเขา แต่ก็ไม่พบ แล้วเธอจะคิดว่า “ฉันจะกลับไปหาสามีเก่า เพราะตอนนั้นฉันยังใช้ชีวิตดีกว่าตอนนี้”
8 ถึงอย่างนั้น จนกระทั่งตอนนี้ เธอไม่ได้ตระหนักเลยว่า เราคือผู้ที่ให้เมล็ดข้าว เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันแก่เธอเอง เรามอบทั้งเงินและทองให้ ซึ่งเธอกลับเอาไปใช้สังเวยเทพบาอัล
9  ดังนั้น คราวนี้ เราจะกลับไปริบเมล็ดข้าวของเราคืนมาเมื่อมันสุก และเหล้าองุ่นใหม่เมื่อได้ที่ เราจะเอาคืนทั้งผ้าขนสัตว์ และผ้าลินินของเราที่ใช้ปกปิดร่างเปลือยของเธอ

2:6-9 คำว่าดังนั้น อาจแปลได้ว่า ดูเถิด … ในอนาคตอันใกล้ พระเจ้าจะทรงทำสิ่งที่รูปปั้นทำไม่ได้  พระองค์จะทำให้อิสราเอลจนตรอก  ขวางทางด้วยพุ่มหนาม  ถูกล้อมด้วยกำแพง จะทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักอย่างหากยังกราบไหว้รูปเหล่านั้น ยังไม่กลับใจ ที่พระเจ้าทรงทำเช่นนั้นก็เพื่อจะได้คิดได้ว่าใครที่ประทานสิ่งดี เขาหารู้ไม่ว่า ที่จริงแล้ว พวกเขาต่างหากที่ปรนเปรอรูปปั้นด้วยอาหารและการกระทำที่น่ารังเกียจ
แล้วในที่สุด อิสราเอลจะคิดกลับมาหาพระเจ้า เพราะเข้าใจแล้วว่า อยู่กับพระองค์ดีกว่า


การลงโทษของพระเจ้า
 10 บัดนี้ เราจะเปิดเผยความเปลือยเปล่าของเธอต่อหน้าชู้รักทั้งหลาย และจะไม่มีใครมาช่วยเธอให้รอดจากมือของเรา 
11 เราจะหยุดงานเลี้ยงฉลองทั้งหมดของเธอ งานเทศกาล วันข้างขึ้น วันสะบาโต.. เทศกาลทั้งสิ้นของเธอ 
12 เราจะทำลายเถาองุ่นและต้นมะเดื่อ
ที่เธอมีจนหมด เธอคิดว่า
‘เหล่านี้เป็นค่าตัวที่คนรักทั้งหลายให้ฉันมา’
เราจะเปลี่ยนให้กลายเป็นพุ่มหนาม
ที่สัตว์ป่าทั้งหลายเข้ามาทึ้งกิน
13 และเราจะลงโทษเธอในวันเหล่านั้น
ที่เธอจุดเครื่องหอมสักการะเหล่าเทพบาอัล 
เธอประดับกายด้วยแหวนและอัญมณีต่าง ๆ
วิ่งตามพวกชู้รักเหล่านั้น แต่กลับลืมเรา” 
พระยาห์เวห์ทรงประกาศดังนั้น 

การลงโทษของพระเจ้า
2:10-13 แล้วพระเจ้าจะทรงลงโทษให้สาสมกับที่พวกเขาทำต่อพระองค์ เวลาไปกราบไหว้เทวรูปบาอัล ในพิธีขอความอุดมสมบูรณ์จากบาอัล พวกเขาจะถอดเสื้อผ้า เปลือยต่อหน้าผู้คน ต่อหน้าเทวรูปเหล่านั้น
พระเจ้าจะทรงให้เขาเปลือย แต่ไม่ใช่แบบที่พวกเขาคาดคิด เพราะพระองค์จะทรงทำให้พวกเขาไม่มีกิน ยากจน อดอยากจนกระทั่งแม้เสื้อผ้าก็ไม่มีใส่

ทรงแจ้งให้ทราบว่า พระองค์จะทรงเอาสิ่งที่ทรงให้พวกเขามาโดยตลอดนั้นคืนไป ไม่ว่าจะเป็นข้าว เหล้าองุ่น เสื้อผ้า  
ด้วยการลงโทษของพระองค์ ใคร ๆ ก็จะได้เห็นว่า พระองค์เป็นผู้ให้และเอาไป ไม่มีพระใด จะมาช่วยได้เลย งานเลี้ยงเทศกาลต่าง ๆ ต้องหยุดลง พืชไร่ต่าง ๆ จะไม่เหลือให้รับประทานต่อไป กลับกลายเป็นพุ่มหนามไปหมด   ทุกอย่างที่คิดว่าได้มาจากรูปเคารพนั้น ไม่มีความจริงเลย…
จะเห็นได้ว่า อิสราเอลไม่ได้มีพระที่เดียวแต่มีบนที่สูงหลาย ๆ แห่ง ใต้ต้นไม้ใหญ่หลายที่  เห็นที่ไหนเหมาะ พวกเขาก็จะตั้งเสา วางเทวรูป
แหวนและอัญมณี ทำให้เราเห็นภาพการไหว้รูปเคารพเพราะสิ่งเหล่านี้จะใช้ประดับในตัวของคนทำพิธี
พวกเขาหลงใหลทั้งเทวรูป และพิธีกรรม ทุกอย่างที่ประกอบกัน เป็นความน่าเกลียดน่าชัง และสามารถลืมพระเจ้าสนิท

อิสราเอลกลับใจในอนาคต รื้อฟื้นความสัมพันธ์
14 ดังนั้น เราจะชวนเธอไป พาเธอไปยังถิ่นกันดาร
และกล่าวกับเธออย่างอ่อนโยน  
15 เราจะคืนสวนองุ่นให้เธอ
และจะทำให้หุบเขาอาโคร์ (ความเดือดร้อน)
กลายเป็นประตูแห่งความหวัง และที่นั่นเอง
เธอจะร้องเพลงตอบรับเหมือนอย่างวันแรกรุ่น 
เหมือนวันที่เธอออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ 
16 ในวันนั้น พระยาห์เวห์ทรงประกาศว่า
เจ้าจะเรียกเราว่า ‘สามีของฉัน’  และไม่เรียกว่า
 ‘เจ้านายของฉัน’ อีกต่อไป
(หรืออีกอย่างคือไม่เรียกว่า เทพบาอัลของฉัน)
17 เพราะเราจะกำจัดชื่อเทพบาอัล
ออกไปจากปากของเธอ
ชื่อนั้นจะไม่เป็นที่จดจำอีกต่อไป
(หรือ ชื่อนั้นจะไม่ออกจากปากของเธออีกต่อไป)


พระเจ้าจะทรงสร้างความสัมพันธ์ใหม่กับอิสราเอล 
ก่อนหน้านี้ มีแต่พระพิโรธ พระองค์ทรงโกรธพวกเขาอย่างมาก แต่ดูสิ พระเจ้าทรงตั้งพระทัยหันกลับมาที่จะเมตตาอิสราเอลอีกครั้ง ข้อความตอนนี้ในภาษาเดิมบ่งบอกว่า จะเกิดขึ้นในไม่ช้า
2:14-17  พระเจ้าตรัสกับอิสราเอลอย่างอ่อนโยน  พระเจ้าตรัสกับหัวใจของอิสราเอล  ให้กลับมาจากการเป็นเชลย (เหมือนถิ่นกันดารสมัยโมเสส) พระเจ้าทรงพาไปถิ่นกันดารทำไม? … ที่นั่น มีความเงียบ และความอ้างว้าง มีโอกาสให้คิดทบทวนได้ ทรงสัญญาจะให้ความสมบูรณ์กลับมาอีก
ทรงย้อนไปถึงครั้งที่อาคานทำบาป และพระองค์ทรงตีสอนอิสราเอล (โยชูวา 7:24-26)  ที่แห่งนี้จะกลายเป็นความหวังที่จะได้คืนดีกับพระเจ้าอีกครั้ง  อ่านข้อความนี้เราจะเห็นว่า พระเจ้าปรารถนาเหลือเกินที่จะให้อิสราเอลได้สิ่งดี ๆ  แต่พวกเขาจะต้องรู้ว่า สิ่งดีที่ได้มานั้นไม่ได้มาจากเทพบาอัล แต่มาจากพระองค์ผู้เดียว 

เราจะเห็นคำว่า ในวันนั้น ซึ่งบ่งบอกถึงอนาคต   อิสราเอลจะไม่เรียกพระเจ้าว่า เทพบาอัลซึ่งแปลว่า  เจ้านาย อิสราเอลจะมีความสัมพันธ์ อย่างใกล้ชิดกับพระเจ้าอีกครั้ง
การกำจัดชื่อบาอัล ออกจากใจ ออกจากปากของอิสราเอลนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ ชั่วข้ามคืน แต่เป็นเวลานาน 70 ปีที่พวกเขาต้องถูกเนรเทศออกไปจากแผ่นดิน!



พันธสัญญาใหม่ที่จะทำกับอิสราเอลที่กลับใจแล้ว
18 ในวันนั้น เราจะทำพันธสัญญากับเหล่าสัตว์ป่า
นกในอากาศ และสัตว์ที่เลื้อยคลานบนดิน
เราจะทำลายธนู ดาบและอาวุธสงครามในแผ่นดิน
และจะทำให้ประชากรอยู่อย่างปลอดภัย 
19 เราจะให้เจ้ามาเป็นภรรยาของเราตลอดไป เราจะให้เจ้ามาเป็นภรรยาในความเที่ยงธรรม ความยุติธรรม ความรัก และความเห็นอกเห็นใจ
20 เราจะให้เจ้ามาเป็นภรรยาของเราในความซื่อตรง
แล้วเจ้าจะรู้จักองค์พระยาห์เวห์

ภาพการแต่งงานใหม่ที่งดงาม
2:18-20   เป็นความงดงาม เป็นความซื่อตรง เป็นสุภาพบุรุษ … เหมือนกับชายคนหนึ่งที่จะรับผู้หญิงคนหนึ่งเป็นของเขาตลอดไป โดยที่จะไม่ละทิ้งเธอไม่ว่าเธอจะเป็นเช่นไร เป็นการคืนดีที่งดงามอย่างยิ่ง เพราะครั้งนี้ภรรยาที่ถูกไถ่มา จะไม่มีการเล่นชู้อีกต่อไป
สิ่งที่สำคัญคือ พระองค์ทรงปรารถนาให้อิสราเอลรู้จักพระองค์จริง ๆ โดยที่พวกเขาจะอยู่ในความปลอดภัย พ้นจากสัตว์ร้าย และสงคราม

พระพร ทางการเกษตรที่จะเกิดขึ้นกับอิสราเอลที่กลับใจ
21 องค์พระยาห์เวห์ทรงประกาศว่า
ในวันนั้น เราจะตอบรับฟ้าสวรรค์
และเราจะตอบรับแผ่นดินโลก
22 ผืนแผ่นดินจะตอบรับเมล็ดข้าว  เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมัน และจะตอบรับยิสเรเอล (พระเจ้าทรงหว่าน)
 23  เราจะหว่านเธอไว้ในแผ่นดินนั้นเพื่อเราเอง 
เราจะแสดงความสงสาร ต่อผู้ที่ไม่ได้รับความสงสาร
เราจะเรียกคนที่ไม่ใช่ประชากรของเราว่า
“เจ้าคือประชากรของเรา” และเขาจะกล่าวว่า
“พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า”

2:21-23 ความสัมพันธ์ใหม่นี้ มีลักษณ์คือ ยั่งยืนตลอดไป เที่ยงธรรม ยุติธรรม ความรัก ความเห็นใจ ความซื่อตรง การรู้จักกันอย่างใกล้ชิดของทั้งสองฝ่าย
ฟ้าสวรรค์เป็นพยานในการคืนดีครั้งนี้ จะให้มีฝนเพื่อแผ่นดินจะเกิดผลเป็นอาหารที่สมบูรณ์พูนสุข เป็นเวลาที่ทั้งโลกและสวรรค์ต่างชื่นชมยินดี
พระเจ้าจะทรงหว่านอิสราเอลขึ้นใหม่ในแผ่นดิน
พระเจ้าทรงเอาการแช่งสาปออกไป และครอบครัวกลับคืนดีกันอีก เป็นภาพของคริสตจักรของพระเจ้า
(1 เปโตร 2:9 พระเจ้าทรงให้ผู้เชื่อเป็นพงศ์พันธุ์ที่ทรงเลือกสรร เป็นปุโรหิตหลวง เป็นชนชาติบริสุทธิ์ เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์​)
จากชื่อที่ว่า โลอัมมี ไม่ใช่ประชากรของเรา (โลอัมมี עַמִּי לֹ֣א)
พระเจ้าจะทรงเรียกเขาว่า เจ้าคือประชากรของเรา… (อัมมี עַמִּי)
เขาจะเรียกพระองค์ว่า พระเจ้าของข้าพเจ้า ( เอโลฮัย אֱלֹהָֽי)

พระคำเชื่อมโยง

2* อิสยาห์ 50:1 ; เอเสเคียล 16:25
3* เยเรมีย์ 13:22, 26; เอเสเคียล 16:4-7;
อาโมส 8:11-13
4* ยอห์น 8:41
5* โฮเชยา 2:8, 12
6* เพลงคร่ำครวญ 3:7, 9

7* ลูกา 15:17-18; เอเสเคียล 16:8; 23:4
8* อิสยาห์ 1:3
10* เอเสเคียล 16:37
11* อาโมส 5:21; 8:10
15* โยชูวา 7:26; เอเสเคียล 16:8-14; อพยพ 15:1

17* อพยพ 23:13
18* โยบ 5:23; อิสยาห์ 2:4; เลวีนิติ 26:5
20* เยเรมีย์ 31:33-34
21* เศคาริยาห์ 8:12
23* เยเรมีย์ 31:27; โฮเชยา 1:6; 1:10

โฮเชยา 1 การแต่งงานที่น่าพิศวง

พระดำรัสเรื่องการพิพากษาและการรื้อฟื้นชุดแรก
1 พระดำรัสของพระยาห์เวห์มายังโฮเชยา ลูกชายของเบเออรี ในรัชกาลอุสซียาห์ โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์ แห่งยูดาห์ และในรัชกาลกษัตริย์เยโรโบอัม โอรสกษัตริย์เยโฮอาช (หรือโยอาช)แห่งอิสราเอล  (793-752 BC.)

สัญญลักษณ์ของคำตัดสินที่จะมาถึง
2  เมื่อองค์พระยาห์เวห์เริ่มตรัสกับโฮเชยานั้น  พระองค์ตรัสดังนี้ “จงไปรับหญิงโสเภณีมาเป็นภรรยา  และมีลูกจากความไม่ซื่อสัตย์ของนาง เพราะแผ่นดินนี้กระทำความผิดประเวณีอย่างโจ่งแจ้งโดยการละทิ้งองค์พระยาห์เวห์”
3 ดังนั้นเขาจึงไปรับโกเมอร์ ลูกสาวของดิบลาอิมมาเป็นภรรยาและเธอได้ตั้งครรภ์ คลอดลูกให้เขาคนหนึ่ง 
4  แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับเขาว่า
“จงเรียกชื่อเด็กชายคนนี้ว่า ยิสเรเอล เพราะอีกไม่นานนัก เราจะลงโทษวงศ์วานเยฮูที่ได้สังหารผู้คนครั้งใหญ่ที่ยิสเรเอล และเราจะทำให้อาณาจักรของวงศ์วานอิสราเอลสิ้นสุดลง
5 ในวันนั้น เราจะหักธนูของอิสราเอลในหุบเขายิสเรเอล”

พระดำรัสเรื่องการพิพากษาและการรื้อฟื้นชุดแรก
ช่วงนี้ของโฮเชยา ถ้าดูในประวัติศาสตร์โลกก็คือ กรีซ เริ่มเรืองอำนาจ เพิ่งตั้งโรมขึ้นมา ปี 753 BC อัสซีเรียเองก็มีอำนาจมากในแถบนั้น
เบื้องหลังของโฮเชยา อยู่ที่ 2 พงศาวดาร 26-32 , 2 พงศ์กษัตริย์  15-20 (บรรดากษัตริย์ของยูดาห์)โฮเชยาอยู่ทางเหนือ แต่กลับพูดถึงกษัตริย์ทางใต้หลายองค์  พูดถึงกษัตริย์ทางเหนือเพียงหนึ่ง เพราะกษัตริย์องค์ต่อ ๆ มา ถูกลอบสังหาร…  

สัญญลักษณ์ของคำตัดสินที่จะมาถึง
อิสราเอล = โกเมอร์  
1:2-5
สิ่งแรกที่พระเจ้าทรงบัญชาโฮเชยาคือ ไปรับหญิงขายตัว มาเป็นภรรยา ดูเหมือนว่า โกเมอร์เป็นผู้หญิงที่ขายบริการในวิหารเทวรูปเพื่อการบูชาเทพเจ้าต่าง ๆ และพระองค์ทรง เปรียบเทียบผู้หญิงที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อสามี  กับอิสราเอล พระองค์ตรัสชัดเจนว่า แผ่นดินได้ทำผิดอย่างเปิดเผย พวกเขาละทิ้งพระเจ้าไป เรื่องของโฮเชยาจะสะท้อนให้เห็นว่า พระเจ้าทรง ทำพันธสัญญากับอิสราเอล เริ่มต้นดี แต่อีกฝ่ายกลับทรยศ  (เอเสเคียล 16 คนเยรูซาเล็มไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าเหมือนกับคนอิสราเอล)
แล้วโฮเชยา (ชื่อความหมายว่า ช่วยกู้ให้รอด มาจากรากศัพท์ว่า ยาชาห์ โยชูวา) ก็มีลูกคนแรกเป็นชายเป็นลูกของโฮเชยา ชื่อ ยิสราเอล แปลว่า พระเจ้าทรงหว่าน   ขณะเดียวกันก็เป็นชื่อเดียวกับเมืองในอิสราเอลทางเหนือ  
เด็กคนนี้เกิดมาเพื่อบอกให้รู้ว่า พระเจ้าจะทรงลงโทษอิสราเอลที่เยฮูทำลายอาหับ และเยเซเบล แต่เขาทำโหดร้ายเกินเหตุ !
( 2พงศ์กษัตริย์ บทที่ 9-10)

สัญลักษณ์ของลูกสองคนหลัง
6 แล้วโกเมอร์ก็ตั้งครรภ์อีกครั้งคลอดลูกสาว และพระยาห์ตรัสกับเขาว่า “จงเรียกเธอว่า โลรุหะมาห์ (แปลว่า ไม่เมตตา) เพราะเราจะไม่เมตตาต่อวงศ์วานอิสราเอลอีกต่อไป เราจะไม่ยกโทษให้พวกเขาอีกเลย
7 แต่เราจะสงสารวงศ์วานยูดาห์ และช่วยพวกเขาโดยไม่ใช้ธนู ดาบ หรือสงคราม หรือโดยม้าและพลม้า

8 หลังจากที่โกเมอร์หย่านมลูกโลรุหะมาห์แล้ว
เธอก็ตั้งครรภ์ และมีลูกชายอีกคน
9 แล้วพระยาห์เวห์ตรัสว่า
จงเรียกเขาว่า โลอัมมี เพราะเจ้าไม่ใช่ประชากรของเรา
และเราไม่เป็นพระเจ้าของเจ้า(หรือ เราไม่เป็นของเจ้า)

สัญลักษณ์ของลูกสองคนหลัง
1:6-9 (อิสราเอลเป็นประชาชนทางเหนือ ยูดาห์เป็นประชาชนทางใต้)
คนที่สองเป็นลูกสาว ชื่อ โลรุหะมาห์ = ไม่เมตตา เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า พระเจ้าจะไม่ทรงเมตตาอิสราเอล แลัวพระเจ้าตรัสว่า จะเมตตายูดาห์

พระเจ้าจะทรงช่วยยูดาห์ อาณาจักรทางใต้ในอนาคต นั่นคือในช่วงปี 701 ก่อนคริสต์ศักราชวันนั้นพระเจ้าทรงทำลายกองทัพอัสซีเรียนอกเมืองอย่างมหัศจรรย์ เป็นจริงตามที่ทรงบอกผ่านโฮเชยา (อ่าน พงศ์กษัตริย์ 19:32-36, อิสยาห์ 37) เยรูซาเล็มเป็นนครใหญ่เดียวที่ไม่ตกเป็นของอัสซีเรียในช่วงเวลานั้น

คนที่สามเป็นลูกชาย ชื่อ โลอัมมี = ไม่ใช่ประชากรของเรา    ทำให้รู้ว่า พระเจ้าจะทรงจบพันธสัญญาที่มีกับพวกเขา ดู เลวีนิติ 26:12 ที่ทรงสัญญากับเขาว่า เราจะดำเนินในหมู่พวกเจ้า และเจ้าจะเป็นประชากรของเรา แต่ชื่อของโลอัมมีเป็นคำตรงข้ามกับพระสัญญานี้ และข้อต่อ ๆ มาจะเห็นว่า หากพวกเขาไม่ฟังพระเจ้าอะไรร้าย ๆ จะเกิดขึ้นบ้าง (เลวีนิติ 26:14-39) 
ชื่อของลูกทั้งสามพระเจ้าทรงตั้งให้ ต่างสื่อความหมายชัดเจนเพื่อเตือนทุกคนที่ได้ยินชื่อเหล่านี้ให้นึกถึงความสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้นระหว่างพระยาห์เวห์และอิสราเอล แต่ละชื่อบ่งบอกให้เตรียมตัวรับการพิพากษา

พระสัญญาว่าจะรื้อฟื้น……..
10 ถึงอย่างนั้น จำนวนของคนอิสราเอลก็มหาศาลราวกับเม็ดทรายชายทะเล ซึ่งไม่อาจจะตวงหรือนับไม่ได้ และในที่ซึ่งพวกเขาถูกกล่าวถึงว่า  ‘เจ้าไม่ใช่ประชากรของเรา’ นั้น พวกเขาจะถูกเรียกว่า
‘เหล่าบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์’ (โรม 9:26)
11 แล้วคนยูดาห์ และคนอิสราเอลจะรวมตัวกันอีก พวกเขาจะแต่งตั้งผู้นำคนหนึ่ง และจะขึ้นไปจากแผ่นดิน
เพราะวันของยิสเรเอลจะเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ 
!”

พระสัญญาว่าจะรื้อฟื้น……..
1:10-11
แต่พระเจ้าทรงเมตตาล้นเหลือ จะไม่ทรงปฏิเสธพวกเขาตลอดไป ความหวังใจกลับมา ดูว่าขณะที่ทรงลงโทษ แต่ก็ทรงให้เห็นสิ่งดีที่อยู่ข้างหน้า ซึ่งเกิดขึ้นได้ก็เพราะพระเจ้าเท่านั้น ไม่ใช่เกิดจากมนุษย์ พระองค์เคยบอกกับอับราฮัมอย่างไร จะทรงซื่อตรงต่อพระสัญญานั้น (ปฐมกาล 22:17; 32:12) 
ข้อสิบเป็นคำพยากรณ์ถึงอนาคต ใกล้ๆ กับยุคของเราปัจจุบัน
พระเจ้าทรงให้เขาเห็นว่า พระองค์ทรงปรารถนาจะให้พวกเขากลับเข้ามาเป็นคนในครอบครัวของพระองค์ เป็นบุตรของพระองค์ ผู้เป็นพระเจ้าที่ทรงพระชนม์อยู่ ในวันนั้น อิสราเอลทั้งหลายจะได้เห็นว่า พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียวที่ทรงพระชนม์อยู่

พระเจ้าจะทรงรักษาคนของพระองค์ไว้และทำให้พวกเขากลายเป็นชนชาติใหญ่โต จะมีการรวมระหว่างอาณาจักรเหนือและใต้ จะมีกษัตริย์องค์เดียวไม่เป็นสองอีกต่อไป ผู้นำท่านนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากองค์พระเยซูคริสต์! ที่ว่าวันของยิสเรเอลจะเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ เพราะที่ยิสราเอล พวกเขาเคยชนะมาแล้วสมัยผู้วินิจฉัย (ผู้วินิจฉัย 7)และในอนาคตจะชนะเช่นกัน (อิสยาห์ 9:4-7; 41:8-16)

พระคำเชื่อมโยง

1* อาโมส 1:1; 2 พงศ์ศาวดาร บทที่ 27, 28, 29:1-32:33; 2 พงศ์กษัตริย์ 13:13; 14:23-29
2* โฮเชยา 3:1; เยเรมีย์ 2:13
4* 2 พงศ์กษัตริย์ 10:11; 15:8-10; 17:6, 23; 18:11
5* 2 พงศ์กษัตริย์ 15:29

6* 2 พงศ์กษัตริย์ 17:6
7* 2 พงศ์กษัตริย์ 19:29-35; เศคาริยาห์ 4:6
10* ปฐมกาล  22:17; 32:12; 1 เปโตร 2:10; โรม 9:26; ยอห์น 1:12
11* อิสยาห์ 11:11-13

หมายเหตุเพิ่มเติม
คำว่า ยิสเรเอล คำฮีบรูว่า יִזְרְעֵאל ยิสเรเอล คำนี้แปลว่า พระเจ้าทรงหว่าน หรือพระเจ้าทรงให้กระจายไป ใช้ทั้งกับบุคคลและสถานที่ เป็นชื่อลูกคนแรกของโฮเชยาและโกเมอร์ เป็นสัญลักษณ์ ถึงการลงโทษของพระเจ้าที่จะทรงกระจายเขาให้ไปเป็นเชลยในเวลาต่อมา

หุบเขายิสเรเอลนั้น คือแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ทางเหนือของอิสราเอล เป็นที่ ๆ ปลูกพืชได้ดีและเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ (https://biblehub.com/hebrew/3157.htm) แถบนี้เกิดสงครามบ่อย ๆ ในอิสราเอล เนื่องจากใกล้กับเส้นทางขนส่งสินค้าที่ผ่านไปมา

ส่วนเมืองยิสเรเอลเป็นเมืองของกษัตริย์อาหับกับราชินีเยเซเบล ซึ่งเป็นที่ ๆ ต่อต้านพระเจ้า และผู้เผยพระดำรัสเอลียาห์ (เยฮูได้รับคำสั่งจากเอลีชาให้จัดการกับกษัตริย์อาหับและพระนางเยเซเบล แต่เยฮูได้ทำมากเกินเหตุ อ่าน 1 พงศ์กษัตริย์  21:17-24; 2 พงศ์กษัตริย์ 1 9:7; 10:30)