กิจการ 13 ส่งผู้ประกาศออกไป

พระวิญญาณทรงส่งออกไป

อุปสรรคที่จัดการได้

คำเทศนาต้นแบบ

คำอธิบายเพิ่มเติม

พระวิญญาณทรงส่งออกไป
กิจการ 13:1
ที่เมืองอันทิโอก หลังจากที่ไปช่วยการบรรเทาทุกข์ในเยรูซาเล็ม เซาโล บารนาบัสก็กลับมาพร้อมกับยอห์น มาระโก ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนเยรูซาเล็มจะเป็นสถานีหลักที่นำพระกิตติคุณออกไป แต่หลังจากบทนี้เราจะเห็นว่า อันทิโอก กลายเป็นเหมือนสถานีอีกแห่ง ลูกาเล่าว่ามีทั้งผู้กล่าวพระคำ(เรียกทั่วไปว่าผู้เผยพระวจนะหรือผู้พยากรณ์) และครูอาจารย์ เป็นผู้นำอยู่ แต่เรามองดี ๆ จะเห็นว่า ท่านเหล่านี้ก็เป็นผู้ประกาศด้วยจะเห็นว่าทั้งห้าคนนี้ มีพื้นเพแตกต่างกันอย่างมาก บารนาบัส เป็นยิวที่ใครๆ รู้ว่าเป็นคนพร้อมที่จะหนะนใจ สิเมโอนชื่อเป็นยิว แต่น่าจะเป็นคนจากอัฟริกา ลูซิอัส เป็นชื่อลาตินมาจากเมืองไซรีน ทางเหนือของอัฟริกา ส่วนมานาเอน เป็นชื่อกรีก(ถ้ายิว ว่ามานาเคม) เป็นคนที่เติบโตมาพร้อมกับเฮโรด เป็นเพื่อนของลูกเจ้านาย
และสุดท้ายคือเซาโล ที่เรารู้จักดีว่า เป็นฟาริสีเคร่งสุดโต่ง ที่กลับใจมาเชื่อพระเจ้า
กิจการ 13:2-3
วันหนึ่งเมื่อเขากำลังอธิษฐานพร้อมกับอดอาหารอยู่นั้น พระวิญญาณของพระเจ้าก็ตรัสชัดเจนให้บารนาบัสกับเซาโลไปทำงานที่ทรงเรียกเฉพาะ เมื่อเราอ่านต่อไป.. พบว่างานนั้น คือการประกาศกับคนต่างชาติในพื้นที่ไกลออกไป การตรัสของพระเจ้าครั้งนี้ลูกาไม่ได้บอกว่าเป็นวิธีไหน .. อาจจะผ่านผู้เผยพระคำก็เป็นได้ และพี่น้องได้เชื่อฟังพระเจ้าทันที พวกเขาอธิษฐานวางมือ ส่งเขาออกไป นับได้ว่าเป็นการส่งผู้รับใช้ออกไปทำงานต่างบ้านต่างเมือง เป็นครั้งแรกโดยคริสตจักรที่เข้มแข็ง
กิจการ 13:4-5
พวกเขาไปยังเมืองเซลูเคียเป็นแห่งแรก น่าจะมีผู้เชื่อบ้างเพราะไม่ไกลจากอันทิโอกเท่าไร จากนั้น ก็เดินทางเรือไปยังเมืองซาลามิส ซึ่งอยู่บนเกาะไซปรัส .. (บารนาบัสเติบโตมาจากที่นี่ กิจการ 4:36)
มีประเพณีสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำกันประจำในศาลาธรรมยิว นั่นคือเมื่อมีผู้เชี่ยวชาญพระคำเดินทางมา เขาก็จะเปิดโอกาสให้พูดกับพี่น้องผู้เชื่อ ยอห์นมาระโก เดินทางไปกับท่านทั้งสองด้วยในคราวนี้ เขาเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่พระเยซูทรงทำ และได้เขียนหนังสือมาระโกในเวลาต่อมา
มิชชันนารีชุดนี้ทำหน้าที่ดีมาก เพราะออกไปประกาศทั่วเกาะ ไปแทบทุกเมือง ..

อุปสรรคที่จัดการได้
กิจการ 13:6-7
แล้วพวกเขาก็เดินทางมาถึงเมืองปาโฟส มีผู้ตรวจการจากโรมดูแลอยู่ชื่อ เสอร์จีอัสเปาลุส ท่านทำงานให้กับโรมโดยตรง ท่านผู้นี้ส่งคนมาเชิญผู้ประกาศทั้งสามไปหา ท่านอยากรู้จักพระเจ้า อยากเข้าใจว่า พระเจ้าทรงทำอะไรในโลกนี้ แต่.. มีอุปสรรค เพราะมีบางคนไม่อยากให้ผู้ตรวจการมาเชื่อพระเจ้า จะเป็นการทำลายอาชีพการงานของเขา
ท่านผู้ตรวจการคนนี้เป็นคนฉลาดรอบรู้ เหมาะที่จะคุยกับเซาโลจริง ๆ
กิจการ 13:8-10
เอลีมาสผู้นี้เป็นคนเล่นไสยศาสตร์ ถ้าผู้ตรวจการเชื่อพระเจ้าเมื่อไร ก็จะเลิกใช้เขาแน่นอน ดังนั้น เขาจึงพยายามหาทางไม่ให้เปาโลและเพื่อนพบกับผู้ตรวจการทั้ง ๆ ที่ท่านเชิญทั้งสามไปพบ
แต่เปาโลประกอบด้วยพระวิญญาณ เห็นถึงเป้าหมายของเอลีมาสชัดเจน เปาโลไม่ได้กลัวเขาเลย แต่
จัดการกับเอลีมาสอย่างตรงไปตรงมา รวดเร็ว ไม่ปล่อยให้สิ่งร้ายเกิดขึ้นก่อน
เราจะสังเกตว่า ตอนนี้คนเริ่มเรียกเซาโลว่า เปาโลแล้ว ชื่อเซาโลเป็นชื่อตอนเกิดเป็นภาษาฮีบรู พออายุได้เก้าวันจะมีชื่อเป็นภาษาของโรม ชื่อเปาโลเป็นชื่อทางการซึ่งใช้ในอาณาจักรโรม
กิจการ 13:11-12
เปาโลบอกกับเอลีมาสว่าเขาจะตามืดมัวไปสักพัก ซึ่งก็เกิดขึ้นจริงทันที แต่เราไม่ทราบว่าเขาได้กลับใจหรือเปล่า เปาโลไม่ยอมให้เอลีมาสมาเป็นอุปสรรคกับความเชื่อของผู้ตรวจการ
การอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับเอลีมาส ทำให้ผู้ตรวจการเชื่อพระเจ้าง่ายขึ้นอีก คนที่เป็นเหมือนหมอผี แต่แล้วมาเจอกับคนของพระเจ้ากลับถูกทำให้ตาบอด เราไม่ทราบว่า เกิดอะไรขึ้นกับเขาอีก เขามาเชื่อพระเจ้าหรือไม่ แต่ผู้ตรวจการผู้นี้ ทั้งครอบครัวได้เชื่อในพระเจ้า โดยเราได้พบเอกสารโบราณที่กล่าวถึงท่านผู้นี้ว่า เป็นคริสเตียนทั้งครอบครัว พระเจ้าได้ทรงทำการของพระองค์ตามที่ต่าง ๆ ที่พวกเขาไปไม่หยุดยั้ง
กิจการ 13:13-14
จากนั้น เปาโล บารนาบัส ก็เดินทางจากเกาะไซปรัสมุ่งหน้าขึ้นไปแคว้น ปัมฟีเลีย โดยที่ยอห์นมาระโกได้แยกทางกลับไปเยรูซาเล็ม เมื่อถึงเมืองอันทิโอกทางเหนือซึ่งอยู่ห่างขึ้นไปประมาณ 220 กิโลเมตร ก็ได้เข้าไปในศาลาธรรมยิวเช่นเคย ดูเหมือนว่าตอนนี้ เปาโลเริ่มเป็นผู้นำในการประกาศ เพราะท่านลูกาบันทึกว่า เปาโลกับเพื่อน ๆ และเราทราบมาว่า
เปาโลไม่ค่อยพอใจกับการที่ยอห์นมาระโกทิ้งพวกเขาไป (กิจการ 15:36-41)

คำเทศนาต้นแบบ
กิจการ 13:15-16
นอกจากจะอ่านพระคัมภีร์เดิมที่กำหนดในศาลาธรรมตามธรรมเนียมยิว (พวกเขาจะเลือกอ่านจากพระคำที่โมสสเขียนก่อน แล้วตามด้วยบางส่วนของหนังสือผู้เผยพระวจนะที่เราเรียกกันว่า ผู้พยากรณ์) เปาโลยังมีโอกาสที่จะกล่าวคำหนุนใจอีกด้วย นี่เป็นโอกาสดีที่สุด
เปาโลกล่าวกับคนยิวและคนที่เกรงกลัวพระเจ้า นั่นคือ คนต่างชาติที่ขอเข้ามาเป็นเชื่อศาสนายิว
กิจการ 13:17-19
ต่อไปนี้เป็นคำเทศนาที่มีบันทึกไว้ คล้ายกับของสเทเฟน โดยที่จะมีการเล่าเรื่องราวย้อนหลังไป ถึงเหตุการณ์ในอียิปต์ การที่พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงนำคนอิสราเอลออกมา และพวกเขาได้เข้าไปอยู่ในคานาอัน เป็นเรื่องราวที่ชาวยิวมักจะเล่าสู่กันฟังเสมอมา เปาโลชี้ให้พวกเขาเห็นว่า การเริ่มต้นของพวกเขามาจากพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์หรือพระยาห์เวห์ที่เขาเชื่อถือ
กิจการ 13:20-22
สี่ร้อยห้าสิบปีคือ 400 ปีในอียิปต์ 40 ปีในถิ่นกันดาร และอีก 10 ปีในการครอบครองดินแดนคานาอัน
เปาโลเล่าต่อไปเมื่อพวกยิวต้องการกษัตริย์ พระองค์ก็ประทานให้ ปรากฏว่ากษัตริย์ทำให้ผู้คนหันไปจากพระเจ้า พระเจ้าจึงทรงถอดซาอูลจากตำแหน่ง และมอบให้ดาวิด
กิจการ 13:22-23
กษัตริย์ดาวิดเป็นคนที่พระเจ้าทรงพอพระทัย และท่านทำตามพระทัยของพระเจ้าทุกอย่าง พระเจ้าทรงสัญญาว่า บัลลังก์ของดาวิดจะอยู่ตลอดไป เปาโลชี้ว่า ดาวิดมีลูกหลานผู้หนึ่งที่สำคัญมากคือ พระเยซู
กิจการ 13:24-25
ยอห์นได้มาก่อนพระเยซูไม่นาน และเขาได้แนะนำพระเยซู พระบุตรของพระเจ้าที่อยู่ในวงศ์ของดาวิดให้ประชาชนได้รู้จัก พระองค์คือพระผู้ช่วยที่แท้จริง ซึ่งเป็นผู้ที่ผู้เผยพระคำสมัยโบราณกล่าวถึง
กิจการ 13:26-28
พระเจ้าได้ให้ชนอิสราเอลได้รู้เรื่องนี้ก่อนใคร ๆ แต่ชาวยิวทั้งหลายในเยรูซาเล็มกลับไม่ยอมรับคำของพระเจ้า ตอนนั้นเราต้องไม่ลืมว่า ยังไม่มีพระคัมภีร์ใหม่ คนยิวจะอ่านพระคำพระเจ้าคืออ่านจากพระคัมภีร์เดิม
คนที่น่าจะเชื่อในคำของพระเจ้ามากที่สุดกลับพยายามทำลายพระคำของพระองค์ด้วยการตรึงพระบุตรพระเจ้าบนไม้กางเขน ไม่ใช่ใครอื่นที่ทำร้ายพระเยซู แต่เป็นชาวยิวเอง พวกเขาหารู้ไม่ว่า พวกเขาทำให้คำพยากรณ์ที่เกี่ยวข้องกับพระเยซูนั้น สำเร็จในรายละเอียดแม้กระทั่งการนำพระองค์ไปฆ่าด้วยการตรึง เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับไม้กางเขน ก็เกิดเป็นจริงตามที่เขียนไว้ ลองอ่านสดุดี 22 เราจะเห็นว่า ราวกับเป็นสคริปต์ที่เขียนเอาไว้จริง ๆ
กิจการ 13:29-31
ชาวยิวได้ประหารพระเยซู และคิดว่าจบ แต่…​พระเจ้า ทรงให้พระบุตรของพระองค์คืนพระชนม์​
เรื่องราวจึงพลิกไปจากความคาดหมายของยิว
เปาโลเล่าถึงการที่พระเยซูเป็นขึ้นจากตาย และพี่น้องหลายคนได้พบพระเยซู และพวกเขาคือพยานปากเอกที่จะบอกใคร ๆ ในโลกให้รู้ นี่สำคัญมาก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องบอกกับคนที่เราเป็นพยานด้วย เราจะเอาเรื่องนี้ออกไปจากข่าวประเสริฐไม่ได้เลย การคืนพระชนม์ของพระเยซูทำให้เราได้มีชัยชนะเหนือความบาปและความตาย
คนที่เห็นพระเยซูได้กลายมาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าที่มั่นคงมากเพราะสิ่งที่เขาได้ประสบ ความเชื่อของเขาสืบเนื่องต่อมาจนถึงเราทุกวันนี้ นี่เป็นผลของการคืนพระชนม์!
กิจการ 13:32-35
ทำไมเปาโลจึงย้อนมาที่หนังสือสดุดี? เพื่อว่าจะให้เห็นถึงคำพยากรณ์ล่วงหน้าที่พระเจ้าบอกเรื่องของพระเยซูให้ยิวได้พิจารณาอย่างชัด ๆ ที่พระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์เพราะพระเจ้าพระบิดาทรงกำหนดไว้เช่นนั้นแล้ว พระบุตรลงมาในโลก จะทรงถูกประหาร และจะไม่อยู่ในถ้ำเก็บศพแต่จะฟื้นขึ้นมา
กิจการ 13:36-37
เปรียบเทียบกษัตริย์ดาวิดกับพระเยซู.. ดาวิดสิ้นแล้วสิ้นเลย แต่พระบุตรพระเจ้าซึ่งตามสายเลือดก็เป็นลูกหลานของดาวิด ทรงเป็นอยู่ตลอดไป นี่เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องบอกแก่คนยิว สังเกตไหมว่า การประกาศพระนามครั้งนี้ แม้ว่าเปาโลจะพูดถึงพระคัมภีร์เดิม แต่ก็จะโยงมาถึงความจริงที่เกิดขึ้นในยุคของท่าน
เรื่องของคริสเตียนไม่ใช่แค่ข้อเขียนจากพระเจ้า แต่เป็นการกระทำเฉพาะเจาะจงของพระเจ้าตามที่พระองค์ทรงบอกไว้ล่วงหน้า
กิจการ 13:38-41
เปาโลสอนชัดเจนว่า ทั้งคนยิวและคนต่างชาติที่เชื่อพระเจ้าไม่สามารถพ้นบาปด้วยพระบัญญัติที่พระเจ้าประทานผ่านโมเสส เมื่ออ่านบัญญัติเหล่านั้น เราเห็นข้อห้าม และคำบัญชาให้ทำ แต่ไม่มีใครสามารถรักษาบัญญัติเหล่านั้นเลย แสดงว่า มนุษย์ล้มเหลว ไม่มีใครสักคนพ้นโทษบาปได้
กิจการ 13:42-43
น่าแปลกใจที่พวกเขาฟังแล้ว ก็ยังอยากฟังอีก ขอร้องให้ท่านมาพูดให้ฟัง พวกเขาตอบสนองข่าวประเสริฐของพระเยซู แต่ท่านเองก็ไม่ได้ทิ้งพวกเขา แต่ขอให้พวกเขามั่นคงในพระคุณพระเจ้า นั่นหมายความว่า ขอให้เขาได้ทำทบทวนสิ่งดี ๆ ที่พระเจ้าทรงทำให้พวกเขา มีใจขอบพระคุณซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้พวกเขาเติบโตต่อไปแม้ในหนึ่งสัปดาห์ที่จะห่างกันไป

กิจการ 13:44-46
สะบาโตต่อมา คนเกือบทั้งเมืองมาฟังเปาโลในศาลาธรรม เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์เขย่าเมืองเลยทีเดียว สำหรับยิวเปาโลทำมากเกินไปแล้ว พวกเขาโกรธเกรี้ยว แต่ยิวจะโกรธแค่ไหน พวกเขาก็ยังกล้าปฏิบัติงานของพระเจ้าอย่างไม่กลัวเกรง แล้วบอกด้วยว่า ที่มาประกาศเรื่องพระเยซูให้ในศาลาธรรมก็เพราะต้องให้ยิวรู้ก่อน แต่หากยิวไม่สนใจ ก็จะไปประกาศกับคนต่างชาติ

กิจการ 13:47-48
เปาโลกล่าวว่า จริง ๆ แล้วพระเจ้าทรงตั้งคนยิวให้เป็นพรกับคนต่างชาติ ดังนั้นจะมียิวที่เชื่อและยิวที่ตั้งตัวเป็นศัตรู แบ่งกันเป็นสองพวกชัดเจน เปาโลกำลังเจอกับการเล่นงานของยิวเหมือนอย่างที่พระเยซูทรงเจอมาตลอดที่พระองค์รับใช้พระเจ้า สมกับที่พระเยซูตรัสว่า บ่าวไม่ใหญ่กว่านาย
ถึงอย่างนั้น ผู้บันทึกเรื่องราวนี้ ได้บอกข่าวดีกับเราว่า ทุกคนที่พระเจ้าทรงเลือกไว้ก็ได้เชื่อวางใจ เมื่อเราออกไปกล่าวคำของพระเจ้า อาจมีทั้งความเฉยเมย การต่อต้าน แต่ก็จะมีการตัดสินใจติดตามพระเจ้าด้วยเช่นกัน
กิจการ 13:49-52
หลังการประกาศ มีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ แต่ศัตรูสำคัญคือ พวกยิวที่หาเรื่องไม่หยุดหย่อน พวกเขาไปชวนให้คนอื่น ๆ เลิกเชื่อ เลิกนับถือเปาโลและบารนาบัส ที่ใดมีการเชื่อเกิดขึ้น มารก็ไม่หยุดนิ่ง มันพยายามทำร้ายคนของพระเจ้าโดยยืมมือคนที่ไม่ชอบเขาเป็นทุนอยู่แล้ว และครั้งนี้ พวกเขาทำได้ผล ทำให้เปาโลและบารนาบัสถึงกับต้อง สลัดผงจากเท้า เป็นเครื่องหมายแสดงว่า นี่เป็นเมืองที่ปฏิเสธพระเจ้า และผู้รับใช้ของพระองค์ก็ไม่มีอะไรจะยุ่งเกี่ยวด้วยแล้ว
แต่แล้วทั้งสองก็เข้าไปในอีกเมือง ไม่มีการหยุดทำงาน ทำงานโดยใบหน้าแจ่มใส ยินดีมาก ๆ

พระคำเชื่อมโยง

1* กิจการ 4:36, 15:35, 11:22-27; กาลาเทีย 2:9; เอเฟซัส 4:11
2* กาลาเทีย 1:15; กิจการ 9:15; 2 ทิโมธี 1:11; 1 โครินธ์ 12 11
3* กิจการ 6:6; 2 ทิโมธี 2:2; 1 ทิโมธี 4:14
4* กิจการ 4:36; 13:2; 11:19
5* กิจการ 13:14; 13:46; 19:8
6* มัทธิว 7:15; 1 ยอห์น 4:1; 2 เปโตร 2:1-3; 2โครินธ์ 11:13; มาระโก 10:46
7* กิจการ 19:38; 13:12; 18:12
8* 2 ทิโมธี 3:8; กิจการ 13:6-7; 9:36; 2 ทิโมธี 4:14-15
9* มีคาห์ 3:8; กิจการ4:8
10* ยอห์น 8:44; โฮเชยา 14:9; 2 โครินธ์ 11:3; มัทธิว 13:38
11* สดุดี 32:4; อพยพ 9:3; ฮีบรู 10:31; ยอห์น 9:39;โยบ 12:21
12* 2 โครินธ์ 10:4-5; กิจการ 13:7; ลูกา 4:22
13* กิจการ 15:38; 27:5; 14:24-24
14* กิจการ 17:2
15* โรม 12:8

16* กิจการ 12:17; 13:26
17* เฉลยธรรมบัญญัติ 7:6-8; กิจการ 7:2-53
18* กิจการ 7:36; ฮีบรู 3:16-19
19* เฉลยธรรมบัญญัติ 7:1; สดุดี 78:55; กิจการ 7:45
20*ผู้วินิจฉัย 2:16; 1 ซามูเอล 3:20
21* 1 ซามูเอล 10:1; 15:1
22* 1 ซามูเอล 13:13-14 ; 1 พงศ์กษัตริย์ 15:5
23* มัทธิว 1:1; สดุดี 132:11
24* กิจการ 1:22; 19:3-4
25* มัทธิว 3:11; ยอห์น 1:26-27; มาระโก 1:7
26* ลูกา 1:77 ; 1:69; อิสยาห์ 46:3
27*กิจการ 3:17; 15:21; ลูกา 24:20
28* ยอห์น 19:4; ลูกา 23:21-25
29* ลูกา 23:53; ยอห์น 19:28, 30; กิจการ 5:30
30* กิจการ 2:24, 17:31; มัทธิว 28:6
31* กิจการ 1:3; ลูกา 24:48; กิจการ 1:11
32* โรม 4:13; กิจการ 26:6; เอเสเคียล 34:23
33* สดุดี 2:7; ฮีบรู 5:5
34* โรม 6:9; อิสยาห์ 55:3; สดุดี 89:2-4


35* สดุดี 16:10; กิจการ 2:27-31
36* กิจการ2:29; 13:22; 1 พงศ์กษัตริย์ 2:10
37* กิจการ 13:30, 2:24
38* ลูกา 24:47; 2โครินธ์ 5:18-21; 1 ยอห์น 2:12
39* กาลาเทีย 2:16; โรม 10:4; โรม 8:3
40* มาลาคี 4:1
41* ฮาบากุก 1:5; 1 เปโตร 4:17; โรม 11:7
42* กิจการ 28:28; 13:14
43* กิจการ 11:23; 2 ยอห์น 1:9; 2 เปโตร 3:17-18
45* ยูดาห์ 1:10; กิจการ 18:6
46* กิจการ 28:28; 26:20
47* อิสยาห์ 49:6; 42:6
48* เอเฟซัส 1:4; โรม 11:7
49*กิจการ 12:24; ฟีลิปปี 1:13-14
50* กิจการ 14:19; 14:2; 2 ทิโมธี 3:11
51* มัทธิว 10:14; กิจการ 18:6
52* 1 เธสะโลนิกา 1:6; โรม 15:13; กิจการ 4:31