2 ยอห์น 1 ต้อนรับด้วยความจริง

ทักทายสตรีที่พระเจ้าทรงเลือก

จดหมายฉบับนี้ มาจากข้าซึ่งเป็นผู้ปกครองอาวุโส เขียนถึงสตรีที่พระเจ้าทรงเลือกไว้ และลูกหลานของเธอที่ข้ารักในความจริง และไม่ใช่ตัวข้าเท่านั้น แต่คนทั้งหลายที่รู้จักความจริงก็รักด้วย
2 ยอห์น 1:1

1 ยอห์น 3:18; 1 ทิโมธี 2:4; ยอห์น 8:32;
โคโลสี 1:5

ผู้ที่รู้จักความจริง ก็รักคนที่มีความจริง คือมีพระเยซูคริสต์อยู่ในชีวิต ท่านยอห์นเน้นเรื่องความจริงอย่างมาก ในก่อนสุดท้ายบทที่แล้ว ท่านกล่าวถึงพระเยซูผู้ทรงเป็นจริง สิ่งที่ผู้พันหัวใจคริสเตียนให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียว กันนั้นคือ องค์พระเยซูผู้ทรงเป็นความจริง

เพราะความจริงอยู่ในเรา
และจะอยู่กับเรา
ไปชั่วนิรันดร์
2 ยอห์น 1:2

1 ยอห์น 1:8; 2:14;2:17; 2 เปโตร 1:12

,มีคำที่พระเยซูเคยตรัสไว้ในยอห์น 14:16-17 พระองค์จะทูลขอพระบิดา ให้ประทานที่ปรึกษา เพื่อจะอยู่กับศิษย์ของพระองค์ตลอดไป คือองค์พระวิญญาณที่จะอยู่ในพวกเขา
ดังนั้นความจริงที่ท่านยอห์นกล่าวถึงก็คือการที่พระวิญญาณแห่งความจริงจะเข้ามาสถิตในผู้ที่เชื่ออย่างถาวร นี่เป็นสิ่งที่คนนอกความเชื่อไม่อาจมีได้

พระคุณ พระเมตตา และสันติสุข จากพระเจ้าองค์พระบิดา และจากพระเยซูคริสต์องค์พระบุตรของพระบิดา จะอยู่กับเราในความจริงและในความรัก
2 ยอห์น 1:3

1 ทิโมธี 1:2; โรม 1:7; 1 ยอห์น 4:10

ท่านยอห์นไม่ได้แค่ขอให้ผู้อ่านรับสิ่งดี ๆ จากพระเจ้า แต่ท่านเขียนราวกับว่า สิ่งดี ๆ เหล่านั้นจะอยู่กับพี่น้องที่อ่านจดหมายของท่าน
รู้ไหมว่า หากไม่มีความจริง และความรักจากพระบิดาและพระบุตรแล้ว เราก็จะมีพระคุณ พระเมตตา สันติสุขในชีวิตไม่ได้เลย พระเยซูเคยตรัสว่า สันติสุขที่เราให้แก่เจ้า ไม่เหมือนโลกให้ เป็นสันติในใจที่ต่างกันมากจากความสุขของโลกนี้

เดินตามคำบัญชาพระคริสต์

ข้ายินดีมากที่พบว่าลูกหลานของท่านบางคน เดินในความจริงตามที่พระบิดาทรงบัญชาไว้
2 ยอห์น 1:4

3 ยอห์น 1:3-4; เอเฟซัส 5:8; 5:2

มีลูกหลานบางคนเดินตามทางของพระเจ้าทำให้เรารู้ว่า บางคนอาจไม่เดินตามทางที่พระเจ้าทรงบัญชา ชีวิตที่เดินในความจริงของพระเจ้านั้น ไม่ใช่ชีวิตที่อยู่เฉย ๆ แต่เป็นชีวิตที่แสดงออกมาเป็นการกระทำอย่างชัดเจนว่าพวกเขาทำตามที่พระเจ้าพระบิดาทรงบัญชาไว้ เราจะเห็นว่าคนเชื่อจริงและเชื่อแค่ปากนั้น แตกต่างกันมากขนาดไหน

และบัดนี้ สตรีทั้งหลาย
ข้ามิได้เขียนบัญญัติใหม่มาถึงท่าน แต่เป็นบัญญัติที่เรามีมาตั้งแต่ต้น คือ ขอให้เรารักซึ่งกันและกัน
2 ยอห์น 1:5

1 ยอห์น 3:11; 1 เธสะโลนิกา 4:9

ท่านยอห์นชัดเจนว่าต้องการ ย้ำเตือนให้พี่น้องรักกันและกัน
ชีวิตที่เต็มด้วยรักซึ่งกันและกัน จะทำให้สังคมนั้น ๆ มีความสุขและช่วยกันแก้ปัญหา ไม่สร้างปัญหาให้กันและกัน ยิ่งยุคของเรานี้ เรายิ่งต้องการความรักมากขึ้นอีก เพราะความเกลียดมีท่วมท้นในสังคม และยังมีความพยายามสร้างความเกลียดชังทุกวัน

และความรักนี้คือ เราเดินตามพระบัญญัติของพระองค์ที่ท่านได้ยินมาแต่แรกเริ่ม พระบัญญัตินั้นคือให้ท่าน
ดำเนินชีวิตด้วยความรัก
2 ยอห์น 1:6

1 ยอห์น 2:5; 5:3; 1 ยอห์น 2:24; ยอห์น 15:4

พระบัญญัติแห่งรักที่ท่านยอห์นกล่าวถึง เป็นบัญญัติที่มีไว้ให้เราเชื่อฟัง ไม่ใช่วางตั้งไว้เฉย ๆ เป็นบัญญัติที่ เราต้องลงมือรักคนอื่นไม่ใช่รอความรักจากคนอื่น รักแค่ปากก็ไม่ได้ ต้องลงมือ และเมื่อเราเห็นคนอื่นรักเรา ก็อย่าลืมรักตอบ

ระวังคนหลอกลวง

เพราะมีคนล่อลวงมากมายออกไปในโลก คือคนที่ไม่ยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมนุษย์ คนเหล่านี้เป็นคนหลอกลวง เป็นผู้ต่อต้านพระคริสต์ ท่านจงระวังให้ดี จะไม่สูญเสียสิ่งที่ท่านได้มุ่งมั่นทำมา แต่เพื่อท่านจะได้รับรางวัลเต็มขนาด
2 ยอห์น 1: 7-8

1 ยอห์น 2:19; 4:1-2; 2:22
มาระโก 13:9; กาลาเทีย 3:4

คนที่ไม่ยอมรับว่า พระเยซูคริสต์ หรือพระเมสสิยาห์
ได้เสด็จจากสวรรค์ลงมาในร่างของมนุษย์ ท่านยอห์นกล่าวว่า พวกเขาเป็นคนลวงโลก เราจึงต้องระวัง พิสูจน์ทุกอาจารย์ที่สอนพระคัมภีร์ โดยเฉพาะคนแปลกหน้าที่เราไม่รู้จักมาก่อนอย่าหลงเชื่อทันทีเพียงเขาหยิบข้อพระคัมภีร์มาพูดให้ดูน่าเชื่อถือ เพื่อเราจะไม่หลงทางไป

คนใดที่ก้าวเกินไปกว่านั้นและไม่ยึดอยู่ในคำสอนของพระคริสต์ ก็ไม่มีพระเจ้า
แต่คนที่ยึดมั่นอยู่ในคำสอนนั้นก็มีทั้งพระบิดาและพระบุตร
2 ยอห์น 1:9

ยอห์น 7:16; 8:31

ชัดเจน..ไม่ให้เปลี่ยนคำสอนของพระเยซูไปตามใจของตนเอง คนไหนล้ำยุคคิดเกินเลย คนไหนคิดเอาเอง เท่ากับพวกเขาไม่มีพระเจ้าในเรื่องของพระเยซู พระองค์คือผู้ใด
พระองค์ทรงทำอะไรเพื่อเรา และจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น เราต้องเดินตามคำของพระเยซู ไม่ใช่วาดภาพนิมิตขึ้นมาเอง เราต้องระวังการเปิดเผยใหม่ ๆ ที่แต่งขึ้นมาแต่อ้างว่ารับมาจากพระเจ้า

และหากใครมาหาท่าน
โดยไม่นำคำสอนนี้มา
อย่ารับเขาไว้ในบ้าน
อย่าทักทายยินดีต้อนรับเขา เพราะใครก็ตามที่ทักทายเขาเท่ากับมีส่วนในความชั่วร้ายของเขาด้วย
2 ยอห์น 1:10-11

ทิตัส 3:10; โรม 16:17; 1 ทิโมธี 5:22; เอเฟซัส 5:11

สมัยก่อนนั้น อัครทูตมักจะเดินทางไปเยี่ยมตามคริสตจักรต่าง ๆ และท่านจะได้รับการต้อนรับจากสมาชิกที่เต็มใจต้อนรับท่านแต่ในเวลาเดียวกัน จะมีครูสอนผิดที่พยายามออกไปตามที่ต่าง ๆ เพื่อปอกลอกผู้เชื่อที่ ไม่รู้ประสีประสา ต้อนรับพวกเขาโดยคิดว่า เป็นอาจารย์แท้ สอนเรื่องพระเจ้าแท้ ท่านยอห์นจึงเตือนสติพี่น้องไว้ให้ระวังตัว เพื่อจะไม่หลงไป และไม่มีส่วนในความชั่วนั้น

คำส่งท้าย

ยังมีอีกหลายสิ่งที่จะพูดกับท่าน แต่ข้าไม่ต้องการเขียนด้วยปากกาและหมึกเพราะข้าต้องการที่จะพูดกับท่านตัวต่อตัว เพื่อว่าความยินดีของเราจะได้เต็มบริบูรณ์ ลูก ๆ ของน้องสาวของท่านที่พระเจ้าทรงเลือก ฝากความคิดถึงมาด้วย
2 ยอห์น 12-13

3 ยอห์น 13; 14; ยอห์น 17:13; 1 เปโตร 5:13; ยอห์น 16:12

ขอบคุณพระเจ้าที่ท่านยอห์นเขียนจดหมายนี้ เพราะเมื่อท่านพบกับพี่น้องและพูดกันต่อหน้าก็จะไม่มีบันทึกมาให้พวกเราอ่านจนทุกวันนี้
แต่การที่พวกเขาได้พบกัน ก็ทำให้พวกเขามีความชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่งในเวลานั้น จากคำของท่านทำให้เรารู้ว่า พี่น้องในคริสตจักรที่ท่านกำลังใช้เวลาอยู่ด้วยนั้น ฝากความคิดถึงมาด้วย (เหมือนคำว่าคริสตจักรแม่ คริสตจักรลูก ทำนองนั้น)

1 ทิโมธี 1 จดหมายจากท่านเปาโล

ทิโมธีเป็นผู้ช่วยท่านเปาโลพร้อม ๆ กับทิตัส เขาได้รับงานที่สำคัญคือ ดูแลเสริมสร้างคริสตจักรที่ท่านเปาโลได้ก่อตั้งในเมืองเอเฟซัส เขาเป็นลูกครึ่งกรีกยิว และเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับพระเจ้ามาก เปาโลถือว่าเขาเป็นผู้ร่วมงานรับใช้ ท่านรักเขาเหมือนกับลูกชาย

ทิโมธีเป็นคนหนุ่มที่มีโรคประจำตัว (1 ทิโมธี 5:23) และดูเหมือนสมาชิกก็ไม่ได้ให้ความเคารพเขาอย่างที่สมควร ( 1 ทิโมธี 2:2-8) ท่านเปาโลหนุนใจเขามาก ไม่แน่ว่าเขาอาจจะท้อใจง่ายเหมือนกัน

ส่วนเมืองเอเฟซัสนั้น เป็นเมืองใหญ่ที่สนใจกราบไหวเทพีไดอานา เป็นเทพีที่หลงไหลเรื่องเพศ รูปปั้นของเทพีนี้ ก็ชักชวนให้คนหันไปสนใจกิจกรรมทางเพศทุกชนิด ท่านเปาโลทำงานในเมืองนี้ถึงสามปี

ท่านเปาโลได้เขียนทิโมธีฉบับที่หนึ่งเพื่อหนุนใจทิโมธีและแนะนำว่าควรจะดูแลคริสตจักรอย่างไรบ้าง ท่านเน้น
ให้เขาสอนอย่างถูกต้อง (1-11)
ให้ประกาศพระกิตติคุณ (12-17)
และปกป้องความเชื่อ (18-20)

คอลัมน์ซ้ายสุด เป็นพระคัมภีร์ถอดความ คอลัมน์กลางเป็นภาพและพระคัมภีร์เชื่อมโยง ส่วนคอลัมน์ขวาสุดนั้น เป็นคำอธิบายเพิ่มเติม

คำทักทาย

จดหมายจากข้า เปาโล
อัครทูตของพระเยซูคริสต์
ตามคำบัญชาของพระผู้ช่วยให้รอดของเรา และพระเยซูคริสต์ ความหวังของเรา
1 ทิโมธี 1:1

1 เปโตร 1:3, ทิตัส 2:13

พระผู้ช่วยให้รอด soter คำนี้หมายถึงผู้ช่วยกู้ ผู้รักษา ผู้อุปถัมภ์ ผู้ปลดปล่อย ใช้กับทั้งพระบิดาและพระเยซู

ท่านเปาโลเขียนจดหมายนี้โดยประสงค์จะแนะนำให้ทิโมธีได้รู้ว่าจะบริหารคริสตจักรให้ดีที่สุดอย่างไร จะทำอย่างไรพี่น้องจึงจะเติบโตในทางของพระเจ้าอย่างดี และไม่หลงเชื่อเหล่าครูสอนผิด

ถึง ทิโมธี ลูกชายแท้ในความเชื่อของข้า ขอพระคุณ พระเมตตาและสันติสุขจากพระเจ้า พระบิดา และพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจงอยู่ในตัวเจ้า
1 ทิโมธี 1:2

2 ทิโมธี 1:2, ทิตัส 1:4 ,
กาลาเทีย 1:3

ปกติแล้วท่านเปาโลจะขอพระคุณและสันติสุขให้ผู้รับจดหมายแต่สำหรับฉบับนี้ท่านขอสามประการ พระคุณ พระเมตตาและสันติสุขให้แก่ทิโมธี

ไม่เอาคำสอนอื่น สอนอย่างถูกต้อง

ตอนที่ข้าไปยังแคว้นมาซิโดเนีย ข้าได้ออกคำสั่งให้เจ้าอยู่ในเมืองเอเฟซัสต่อ เพื่อจะได้หยุดบางคนไม่ให้เผยแพร่คำสอนอื่น
1 ทิโมธี 1:3

กิจการ 20:1,3, โรม 16:17,
2 โครินธ์ 11:4, กาลาเทีย 1:6

ออกคำสั่ง: เป็นคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ท่านเปาโลใช้คำทหาร

พันธกิจหลักของทิโมธีคือการหยุดคำสอนผิดที่ระบาดอยู่ในสังคมคริสเตียนในเมืองเอเฟซัส เนื้อหาของสิ่งที่คนเหล่านี้สอนนั้น หนีความเชื่อในพระเจ้า ไปเน้นสิ่งที่ไร้สาระ อื่น ๆ พยายามเอาพระคุณของพระเจ้าเปลี่ยนเป็นกฎเกณฑ์ทางศาสนา

ทั้งไม่ให้หมกมุ่น คลั่งไคล้กับตำนานต่าง ๆ รวมถึงลำดับวงศ์ตระกูลที่ไม่จบสิ้น ทำให้เกิดการทุ่มเถียงกันมากกว่าแผนงานของพระเจ้าซึ่งดำเนินไปด้วยความเชื่อ
1 ทิโมธี 1:4

1ทิโมธี 6:3,4,20, ทิตัส 1:14

ก่อนหน้านี้หลายร้อยปี ธรรมาจารย์ได้เพิ่มเติมกฎและตำนานเข้าไปในพระคัมภีร์เดิม ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตประจำวันเรื่องเล็กน้อย มีกฎที่คนต้องทำตามหลายร้อยข้อ พวกเขาสุดโต่ง ต่อต้านความรอดโดยความเชื่อหัวชนฝา

เป้าหมายของคำสั่งกำชับคือ
ความรักจากใจบริสุทธิ์
จากจิตสำนึกดี
และความเชื่อที่จริงใจ
1 ทิโมธี 1:5

โรม 13:8-10,กาลาเทีย5:14, เอเฟซัส 6:24

ความรัก จิตสำนึกดี ความเชื่อ สามอย่างนี้เป็นสิ่งที่ทิโมธีจะต้องปลูกฝังให้พี่น้อง เพื่อทุกคนจะมีมุมมองที่ถูกต้อง เป็นฐานของชีวิตที่สำคัญ .. จิตสำนึกดีคือ ไม่มีความผิดติดค้างในใจ แม้ในที่ไม่มีใครเห็นก็ไม่ทำผิด

บางคนเฉไฉไปจากสิ่งเหล่านี้ หันไปคุยเรื่องไร้สาระ ขนาดว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองพูด ไม่รู้ว่าตัวเองยืนยันเรื่องอะไรอยู่ เขาก็ยังคงใฝ่ฝัน ที่จะเป็นครูสอนบัญญัติ
1 ทิโมธี 1:6-7

1 ทิโมธี 6:4,20 , ทิตัส 3:9, 2 ทิโมธี 2:23-24

หากคนที่เป็นครูสอนฝ่ายวิญญาณ ไม่มีฐานความดีสามอย่างดังกล่าวในชีวิต
แต่ยังอยากเป็นคนสอนพระคำของพระเจ้า เราต้องสงสัย ระวังไว้ว่า เขาจะสอนได้ถูกต้องหรือ ?

เรารู้ว่า บัญญัตินั้นเป็นสิ่งดีหากใช้อย่างถูกต้อง นี่หมายความว่า บัญญัติไม่ได้มีสำหรับผู้ถูกต้องชอบธรรม แต่มีไว้สำหรับคนดื้อด้าน ละเมิดกฎมีไว้สำหรับคนอธรรม กับคนบาป สำหรับคนไร้พระเจ้า ไร้ศาสนา สำหรับคนที่ฆ่าพ่อแม่ของตนและฆาตกร
1 ทิโมธี 1 :8-9

โรม 7:12,5:20, 1 เปโตร 4:18

คนสอนผิด ไม่ได้นำคนเข้าใกล้พระเจ้า แต่จะนำคนออกจากทางของพระเจ้า บัญญัติมีไว้สำหรับคนดื้อ แต่ความเชื่อมีไว้สำหรับคนที่จะวางใจพระเจ้าในทุกส่วนของชีวิต

(บัญญัติมีไว้)สำหรับคนสำส่อน รักร่วมเพศ สำหรับค้นค้ามนุษย์ และคนโกหก สำหรับคนที่ให้การเท็จและสำหรับสิ่งอื่น ๆ ที่ขัดแย้งกับคำสอนถูกต้อง ตามข่าวประเสริฐอันเลื่องลือของพระเจ้าผู้ทรงเป็นที่สรรเสริญ ซึ่งเป็นข่าวประเสริฐ ที่ทรงมอบให้ข้าประกาศ
1 ทิโมธี 1:10-11

1 ทิโมธี 6:15, 2 ทิโมธี 4:3, 1 โครินธ์ 9:17

ข่าวประเสริฐเลื่องลือของพระเจ้าคือ พระเจ้าทรงบริสุทธิ์ ยุติธรรม ทรงชังความบาป เมื่อมนุษย์ทำผิด ต้องถูกลงโทษ ขณะเดียวกัน พระเจ้าทรงรักมนุษย์ ทรงเปิดทางให้เขาทุกคนกลับมาหาพระองค์ได้ ด้วยการให้พระบุตรมารับโทษบาปแทนทุกคนที่เชื่อในพระองค์

พระคุณที่ท่วมล้นชีวิต ประกาศพระกิตติคุณ

ข้าขอบพระคุณองค์พระเยซูคริสต์ ผู้ประทานกำลังให้ข้า เพราะพระองค์ทรงเห็นว่า ข้าซื่อตรง จึงทรงแต่งตั้งให้ข้าได้รับใช้ในราชกิจของพระองค์
1 ทิโมธี 1:12

ฟีลิปปี 4:13 , 1 โครินธ์ 15:10,7:25, โคโลสี 1:25

พระเจ้าทรงเห็นว่า เปาโลซื่อตรง? แม้ว่าในอดีตเขาทำร้ายคนของพระองค์อย่างรุนแรง แต่เมื่อทรงใช้เขา ก็ทรงใช้อย่างถึงที่สุดเช่นกัน

แต่พระคุณของพระผู้เป็นเจ้าของเรานั้น ได้เทลงมาท่วมท้นล้นชีวิตข้า พร้อมกับความเชื่อ และความรักที่มีในองค์พระเยซูคริสต์
1 ทิโมธี 1:14

โรม 5:20, 2 ทิโมธี 1:13,2:22

ท่านเปาโลมั่นใจว่า พระเจ้าทรงเลือกท่านไว้ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ (กาลาเทีย 1:13-16) พระคุณของพระเจ้าท่วมชีวิตของท่าน ยิ่งเขาทำร้ายพระองค์มากเท่าไร เขาก็รักและจำนนต่อพระองค์มากเท่านั้น

ข้อความต่อไปนี้ ทั้งสัตย์จริง และสมควรที่ทุกคนจะรับไว้ คือพระเยซูคริสต์ได้เสด็จเข้ามาในโลกเพื่อช่วยคนบาปให้รอด ข้าเป็นคนบาปร้ายสุดในบรรดาคนบาปนั้น
1 ทิโมธี 1:15

2 ทิโมธี 2:11, มัทธิว 1:21, ลูกา 19:10,ยอห์น 3:16-17

คำที่สมควรรับเพราะเป็นความจริงคือ พระเยซูทรงมาเพื่อช่วยคนบาปให้รอด
นี่เป็นคำสำคัญสำหรับคนบาปอย่างเราทุกคน พระองค์ทรงมาเพื่อช่วยฉันให้รอด!

และด้วยเหตุนี้ ข้าจึงได้รับพระเมตตา เพื่อว่าพระเยซูคริสต์จะทรงอดกลั้นพระทัยอย่างยิ่งในตัวข้า ซึ่งเป็นคนบาปร้ายสุด เป็นตัวอย่างให้คนทั้งปวงที่จะเข้ามาเชื่อเพื่อรับชีวิตนิรันดร์
1 ทิโมธี 1:16

1 ทิโมธี 1:13,ลูกา 7:47,เอเฟซัส 2:7

ท่านเปาโลเอาตัวเองที่ทำร้ายพระเจ้าสุด ๆ เป็นตัวอย่างว่า หากพระเจ้าทรงอดกลั้นพระทัยกับคนอย่างเขาได้ คนในโลกทุกคนก็ไม่เว้น พระเจ้าทรงอดทนต่อเขาทั้ง ๆ ที่พระองค์จะกำจัดเขาเมื่อไรก็ได้ (1โครินธ์ 15:9)

ขอพระเกียรติและพระสิริจงมีแด่จอมราชาองค์นิรันดร์ ผู้ทรงเป็นอมตะ ผู้ที่เราไม่อาจเห็นได้ด้วยตา ผู้ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าแต่องค์เดียวตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน
1 ทิโมธี 1:17

สดุดี 10:16, โรม 1:23,
วิวรณ์ 19:1, ยูดา 1:25

พระเยซูองค์นี้ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว ไม่มีผู้อื่นมาเทียบพระองค์ได้ การที่เราไม่เห็นพระองค์ ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาอ้างว่า ไม่มีพระองค์

จงต่อสู้อย่างเข้มแข็ง ปกป้องความเชื่อ

ทิโมธี ลูกชายของข้า ที่ข้าออกคำสั่งกำชับเจ้าอย่างนี้ ก็สอดคล้องกับคำกล่าวล่วงหน้าจากพระเจ้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับเจ้า เพื่อว่าคำเหล่านั้นจะช่วยให้เจ้าต่อสู้อย่างเข้มแข็ง
1 ทิโมธี 1:18

1 ทิโมธี 4:14, 6:20,2 ทิโมธี 4:1-3

ทิโมธีได้รับการแต่งตั้งมาทำงานนี้ ( 1 ทิโมธี 4:14 ) ท่านเปาโลหนุนใจให้เขาต่อสู้ไม่ถอย เพราะพระเจ้าทรงเรียกเขามา สู้คนเหล่านั้นที่พยายามทำลายความจริงของพระเจ้า ครั้งนี้ท่านใช้ออกคำสั่ง เหมือนทหารอีก
ก่อนส่งใครไปรับใช้จะมีการอธิษฐาน วางมือและส่งออกไป ( กิจการ 13:1-3 )

จงยึดมั่นในความเชื่อและจิตสำนึกที่ดี บางคนละทิ้งสิ่งนี้ไป ความเชื่อของเขาจึงอับปาง
1 ทิโมธี 1:19

1 ทิโมธี 6:9, 1 ทิโมธี 3:9,
2 เปโตร 2:1-3

การทิ้งความเชื่อ และความรู้ผิดชอบชั่วดี นั้น ส่งผลให้ความเชื่อพบกับหายนะ !

จิตสำนึกที่ดี คือ คนนั้นจะทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า ไม่ว่าจะมีคนเห็นหรือไม่

ฮีเมเนอัสกับอเล็กซานเดอร์ ก็เป็นคนแบบนี้ ซึ่งข้าได้มอบพวกเขาไว้กับซาตาน เพื่อพวกเขาจะได้เรียนรู้ว่า จะต้องไม่หมิ่นประมาทพระเจ้า
1 ทิโมธี 1:20

2 ทิโมธี 2:16-18, 1 โครินธ์ 11:32

การมอบให้กับซาตานคือการให้ออกไปจากคริสตจักร พ้นจากร่มพระคุณของพระเจ้า ไปอยู่ใต้การควบคุมของมาร ไม่ให้มีเนื้อร้ายอยู่ในชุมชนผู้เชื่อ นี่เป็นความเมตตาต่อทั้งสองคน เพื่อให้เขาเรียนรู้ความจริง ว่าอะไรปลอดภัย อะไรไม่ปลอดภัย