มีคาห์ 6 คดีฟ้องร้องยูดาห์

ข้าพเจ้าควรจะนำสิ่งใดมาต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ ยามที่ข้าพเจ้าเข้ามากราบลงต่อพระเจ้าองค์สูงสุด?

พระเจ้าทรงฟ้องร้องยูดาห์
ผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกมาเป็นพยาน เป็นคณะลูกขุนของพระองค์ คือ ภูเขาทั้งหลาย
พระองค์ทรงทำอะไรให้พวกเขาจนกระทั่งพวกเขาดูหมิ่น และทำบาปต่อพระองค์ สิ่งที่เราเห็นจากอิสราเอลยุคนี้คือ พวกเขาขาดความกตัญญูต่อพระเจ้า ไม่มีเลยสักนิด (เราจะรู้สึกถึงพระทัยของพระเจ้าชัดขึ้นเมื่อย้อนกลับไปที่อิสยาห์ 5)

1 บัดนี้ จงฟังว่าพระยาห์เวห์ได้ตรัสอย่างไร
 “จงลุกขึ้น และสู้คดีของเจ้าต่อหน้าภูเขาทั้งหลาย และให้เนินเขาได้ยินเสียงของเจ้า
2 จงฟังคำกล่าวโทษขององค์พระยาห์เวห์
ภูเขาทั้งหลายเอ๋ย
จงฟัง ฐานรากอันมั่นคงของโลก
เพราะพระเจ้าทรงมีคดีกับประชากรของพระองค์
และพระองค์จะทรงตั้งข้อหาของอิสราเอล
3 ประชากรของเราเอ๋ย เราได้ทำอะไรให้เจ้า?
เราได้ทำให้เจ้าเหน็ดเหนื่อยอย่างไรหรือ?
จงตอบเรามาเถิด
4 ความจริงคือ เราได้นำเจ้าขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ และไถ่เจ้าออกจากที่ซึ่งกักเจ้าไว้เป็นทาส
เราส่งโมเสส อาโรนและมิเรียมไปล่วงหน้าเจ้า
5  ประชากรของเราเอ๋ย จงระลึกถึงสิ่งที่กษัตริย์บาลาคแห่งโมอับต้องการแช่งเจ้า และสิ่งที่บาลาอัม ลูกชายของเบโอร์ตอบเขาด้วยการอวยพรเจ้า  และสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทางจากชีทธีม ถึงกิลกาล เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์ทรงทำกับเจ้าอย่างยุติธรรม 

คำสารภาพ
มีคาห์ทราบดีว่า พระเจ้าทรงประสงค์การกลับใจ ไม่ใช่การนำของมาถวายพระองค์เหมือนอย่างที่พวกเขาทำกับรูปเคารพของพวกเขา สิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์ที่สุดคือการเชื่อฟัง

6  ข้าพเจ้าควรจะนำสิ่งใดมาต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ยามที่ข้าพเจ้าเข้ามากราบลงต่อพระเจ้าองค์สูงสุด?
ข้าควรจะเข้ามาเฝ้าพร้อมกับเครื่องเผาบูชาด้วยเหล่าลูกวัวอายุหนึ่งปีอย่างนั้นหรือ?
7 องค์พระยาห์เวห์จะทรงพอพระทัยกับแกะผู้หลายพันตัว หรือธารน้ำมันนับหมื่นสายอย่างนั้นหรือ?  ข้าพเจ้าควรถวายลูกชายคนโตของข้าพเจ้าเนื่องจากข้าพเจ้าได้ล่วงละเมิด
พระองค์อย่างนั้นหรือ ?
ถวายเลือดเนื้อเชื้อไข
เนื่องจากบาปของข้าพเจ้าหรือ? 
มนุษย์เอ๋ย พระองค์ได้ทรงบอกท่านแล้วว่า อะไรดีและอะไรเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์จากพวกท่าน นั่นก็คือ การประพฤติอย่างยุติธรรม การรักความซื่อตรง และการดำเนินชีวิตไปด้วยความถ่อมใจกับพระเจ้าของท่าน (แม้พระคำข้อนี้จะเป็นพระคำยอดนิยม .. แต่เราต้องรู้ว่า เรา ในยุคปัจจุบัน ก่อนที่เราจะทำสิ่งที่พระองค์ประสงค์ได้นั้น เราต้องเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ก่อน เป็นลูกของพระเจ้าก่อน )

คำพิพากษา
การพิพากษาของพระเจ้านั้นชัดเจน อิสราเอลจึงรู้ว่า ที่ตนเองตกอยู่ในสภาพเชลยเป็นเพราะพระเจ้าทรงเตือนแล้วเตือนอีก แต่พวกเขาก็เมินพระองค์ กษัตริย์อมรีและอาหับ เป็นกษัตริย์ที่นำให้ประชาชนตกอยู่ในความมัวเมากับรูปเคารพ
เมื่อผู้นำทำผิด ประชาชนตาม พวกเขาจึงต้องเผชิญการพิพากษาเดียวกัน

9 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ได้เรียกนครเยรูซาเล็ม  การยำเกรงพระนามของพระองค์ก็คือสติปัญญา  “จงฟังเถิด โอชนชาติ ที่ชุมนุมกันในเมืองนั้น ”
10  โอ ยังมีคนในบ้านชั่ว
พร้อมกับทรัพย์สมบัติที่ได้มาจากความโหดร้าย
และเครื่องชั่งตวงโกงที่ถูกสาป
อยู่ในบ้านหรือเปล่า ?
11 จะให้เราปล่อยตัวให้คนชั่วโกงตาชั่ง
หรือปล่อยคนใช้ตุ้มน้ำหนักโกงตาชั่ง
ลอยนวลไปอย่างนั้นหรือ?
12  ผู้ที่มั่งคั่งในเมืองนั้นเต็มด้วยความรุนแรง ประชาชนล้วนโกหก ลิ้นของพวกเขาหลอกลวงทั้งนั้น 


13 “ผลก็คือ เราจะเฆี่ยนเจ้าอย่างรุนแรง จะทำให้บ้านเมืองกลายเป็นร้างเพราะบาปของพวกเจ้า”
14 เจ้าจะกิน แต่ไม่เคยอิ่ม
เพราะเจ้ายังคงหิวโหยไม่หยุด 
สิ่งที่เจ้าเอามาเก็บไว้ แต่กลับไม่มีอะไรเหลือ
สิ่งที่เจ้าสะสมก็จะต้องเจอคมดาบจากเรา
 15 เจ้าจะได้หว่าน แต่ไม่ได้เก็บเกี่ยว
เจ้าจะคั้นลูกมะกอก
แต่จะไม่ได้เจิมตนเองด้วยน้ำมัน
เจ้าจะย่ำองุ่น แต่ไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่น
16 เพราะเจ้ายังคงเดินตามกฎเกณฑ์ของอมรี และปฏิบัติตนตามพิธีกรรมของวงศ์วานอาหับ 
เจ้าทำตามอย่างพวกเขา 
ดังนั้น เราจะทำให้เจ้าเป็นสถานที่รกร้าง และประชาชนในเมืองของเจ้าจะถูกเหยียดหยาม เป็นที่เยาะเย้ยของชาติต่าง ๆ  

อธิบายเพิ่มเติม

6:1-2 พระเจ้าทรงเรียกภูเขาใหญ่น้อยมารับรู้การกล่าวโทษชนอิสราเอลเหมือนครั้งที่อิสยาห์ และโมเสส เคยชวนให้ฟ้าสวรรค์ แผ่นดินมาฟังพระสุรเสียงของพระเจ้าในอิสยาห์ 1:2 เฉลยธรรมบัญญัติ 32:1 สิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติเหล่านี้อยู่กันมาเนิ่นนาน ถ้าพูดได้ ก็คงจะเป็นพยานให้พระเจ้าถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ของอิสราเอลที่ได้ล่วงละเมิดพระเจ้า

6:3 พระเจ้าทรงเรียกให้เขาตอบพระองค์ว่า เหตุใดพวกเขาจึงเลิกที่จะเชื่อฟังพระองค์ พระองค์ทรงทำอะไร ตอบมา พระเจ้าไม่ได้ทรงเอาแต่จะลงโทษ ทรงเปิดโอกาสให้พวกเขาพูดออกมาถึงสิ่งที่อยู่ในใจ ตรงนี้ เราจะเห็นว่า เมื่อเรามีอะไรอยู่ในใจก็ทูลต่อพระเจ้าได้ ไม่ต้องปิดเอาไว้ คับแค้นใจแค่ไหนก็ให้บอกมา พระเจ้าทรงเปิดโอกาสแล้ว

6:4 พระเจ้าทรงย้อนอดีตให้เขาได้พิจารณาตัวเอง เมื่อพวกเขาตกเป็นทาสแรงงาน ถูกบังคับขู่เข็ญ พระเจ้าทรงไถ่พวกเขาออกมาอย่างอัศจรรย์ ทรงส่งผู้รับใช้ของพระองค์ไปช่วยพวกเขา ทรงจัดโมเสสเป็นสื่อกลางที่ประทานบทบัญญัติ อาโรนเป็นปุโรหิตเพื่อช่วยพวกเขาเรื่องการลบบาป ทรงให้มิเรียมเป็นดั่งผู้เผยพระดำรัสเพื่อนำพวกเขาสรรเสริญขอบคุณพระเจ้า

6:5 เมื่อโมอับต้องการแช่งอิสราเอล พระเจ้าทรงเปลี่ยนปากของคนทำนายรับจ้างคือบาลาอัมให้กล่าวคำพรแก่อิสราเอล
(กันดารวิถี 22-24)ทั้งหมดนี้ พระเจ้าทรงยุติธรรม และทรงให้อิสราเอลเกินกว่าที่เขาสมควรจะได้

6:6 แล้วมีคาห์ก็ทูลตอบพระเจ้าเหมือนว่าจะแก้ต่างให้อิสราเอล เขาทูลถามว่า ควรนำเครื่องเผาบูชาเป็นลูกวัวตัวเล็กหนึ่งขวบไหม? เป็นตามอย่างที่โมเสสเคยบัญชาไว้ใช่ไหม? (เลวีนิติ 9:2-3)

6:7 แล้วเขาก็ทูลรายงานเรียงดูว่า เครื่องบูชาแบบไหนที่พระเจ้าทรงพอพระทัย
แกะผู้หลายพันตัว .. น้ำมันที่มากมายดั่งสายน้ำเป็นหมื่นสายหรือลูกชายหัวปี ? พระเจ้าทรงประสงค์อย่างไรกันแน่? มีคาห์ถามให้ประชาชนที่ฟังอยู่คิดว่า พระเจ้าทรงประสงค์อะไร ซึ่งก็น่าจะอยู่ในใจพวกเขาแล้ว แต่ละคนคงคิดว่า มีคาห์ต้องให้คำตอบมาสักหนึ่งข้อสิ

6:8 แต่แล้ว มีคาห์พลิกความคาดหมายของพวกเขา พระเจ้าไม่ได้สนพระทัยในสัตว์ หรือลูกชายหัวปี สิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์นั้นต้องมาจากหัวใจที่กลับใจแล้ว พฤติกรรมยุติธรรมซื่อตรง ถ่อมใจ เดินไปกับพระเจ้า … ทรงขอเพียงแค่นี้ ..แต่อิสราเอลไม่สามารถมอบให้พระเจ้าได้
พวกเขาหยิ่งเกิน ดื้อเกิน หลงไหลรูปเคารพเกิน…..

6:9 มีคาห์บทนี้ ได้บันทึกคำพิพากษาของพระเจ้าก็จริง แต่แล้ว พระเจ้าก็ทรงสัญญาจะให้การรื้อฟื้นเกิดขึ้นในบทต่อไป
ตอนนี้พระเจ้าทรงเรียกนครเยรูซาเล็มเพื่อจะบอกบางอย่างแก่พวกเขา …

6:10-11 ยังมีคนที่ขายของซึ่งได้มาจากการโกง การยึดคนอื่นมาเหรือเปล่า พวกเขายังใช้เครื่องชั่งโกง พระเจ้าทรงกล่าวถึงตุ้มน้ำหนักโกงในข้อต่อมา แสดงว่า คนที่ทำการค้าไม่น้อย ได้ใช้เครื่องชั่งที่โกงลูกค้ามานาน พวกเขาคิดว่า พระเจ้าจะไม่ทรงเห็น แต่พระองค์ จะไม่ปล่อยพวกเขาให้ลอยนวล เรื่องนี้

6:12 นอกจากนั้น มีการใช้ความรุนแรง โกหก เพื่อว่าเขาจะได้สิ่งต่าง ๆ ที่ต้องการจากคนยากจน
ข้ามไปข้อ 16 พวกเขายังติดตามรูปเคารพ ไม่ติดตามพระเจ้า
พวกเขาไม่ได้มีหัวใจและพฤติกรรมอย่างที่พระเจ้าทรงประสงค์ในข้อแปดเลย ..

6:13-16 แล้วพระเจ้าก็ทรงเผยว่า พวกเขาจะได้รับอะไรเป็นการลงโทษ การเฆี่ยนของพระเจ้ามาในภาพของเมืองร้าง หิวโหย ยากจน คมดาบ ไม่มีผลจากไร่ ไม่มีน้ำมันมะกอกหรือเหล้าองุ่น อดอยากทุกด้าน และที่ร้ายสุดคือ ชาติต่าง ๆ จะดูหมิ่นเหยียดหยาม
แม้ว่าอิสราเอลจะเป็นประเทศที่มั่งคั่งในเวลานี้ แต่ที่พวกเขาผ่านมาเพราะการที่พวกเขาต้องเข้าไปอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเพราะไม่มีแผ่นดินเป็นของตนเองก่อนปี 1948 สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญมาโดยตลอดคือ การที่ถูกดูหมิ่น เยาะเย้ย และต้องการทำลายอิสราเอลให้พ้นไปจากโลกนี้ สงครามกาซาครั้งนี้ เกิดจากอาหรับต้องการให้อิสราเอลซึ่งเป็นเหมือนหอกข้างแคร่สำหรับพวกเขา ..หมดไปจากโลกนี้ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว

พระคำเชื่อมโยง

มีคาห์ 6
2* สดุดี 50:1, 4; โฮเชยา 12:12; อิสยาห์ 1:18
3* เยเรมีย์ 2:5,31; อิสยาห์ 43:22-23
4* เฉลยธรรมบัญญัติ 4:20
5* กันดารวิถี  22:5-6; ผู้วินิจฉัย 5:11
7* อิสยาห์ 1:11; โยบ 29:6; 2 พงศ์กษัตริย์ 16:3

8* เฉลยธรรมบัญญัติ 10:12; ปฐมกาล 18:19
11* โฮเชยา 12:7
12* มีคาห์ 2:1-2; เยเรมีย์ 9:2-6, 8
13* เลวีนิติ 26:16
14* เลวีนิติ 26:26
15* อาโมส 5:11
16* 1 พงศ์กษัตริย์ 16:25-26; โฮเชยา 5:11; อิสยาห์ 25:8

โรม 10 ทุกคนต้องรับด้วยปากเชื่อด้วยใจ

โรม 10:1-2
พี่น้องชายหญิงทั้งหลายสิ่งที่ข้าต้องการมากที่สุดและที่ข้าอธิษฐานต่อพระเจ้าคือ ขอให้ชาวอิสราเอลทุกคนได้รับความรอด ข้าเป็นพยานเรื่องพวกเขาได้ว่าพวกเขาพยายามอย่างยิ่งที่จะติดตามพระเจ้า แต่ ไม่ได้ทำอย่างถูกวิธีตามความรู้ที่แท้จริง

โรม10:3-4
เพราะเขาไม่รู้ความเที่ยงธรรมที่มาจากพระเจ้า แต่พวกเขาตั้งวิธีการที่จะเป็นคนเที่ยงธรรมด้วยตนเอง 
โดยไม่รับความเที่ยงธรรมของพระเจ้า พระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของบทบัญญัติ คือทุกคนที่เชื่อพระองค์จะเป็นคนเที่ยงธรรม 


โรม10:5
โมเสสได้เขียนถึงการที่มนุษย์จะมี
ความเที่ยงธรรมได้โดยการทำตามบทบัญญัติ
ท่านกล่าวว่า “คนที่เชื่อฟังทำตามบทบัญญัติจะมีชีวิตด้วยบทบัญญัตินั้น (เลวีนิติ  18:5)


โรม 10:6-7
แต่พระคัมภีร์กล่าวถึงความเที่ยงธรรมจากความเชื่อนั้นกล่าวว่า อย่านึกในใจว่าใครจะขึ้นไปสวรรค์? (คือนำพระคริสต์ลงมา?) หรือใครจะลงไปนรก? (คือนำพระคริสต์ขึ้นมาจากความตาย?)”

โรม 10:8-9
แต่พระคัมภีร์ได้กล่าวว่า “ถ้อยคำนั้นอยู่ใกล้ท่าน อยู่ในปากอยู่ในใจของท่าน คือ ถ้อยคำแห่งความเชื่อซี่งเรากำลังประกาศ ถ้าท่านยอมรับด้วยปากของท่านว่า “พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า” และเชื่อในใจว่า พระเจ้าได้ทรงทำให้พระเยซู ทรงคืนชีพจากความตายท่านจะรอด

โรม10:10-11
ท่านได้รับการประกาศว่าเป็นผู้เที่ยงธรรมเพราะท่านเชื่อด้วยใจ และท่านได้รับความรอดเพราะท่านยอมรับด้วยปาก ตามที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า
“คนใดที่วางใจในพระองค์จะไม่ได้รับความอับอาย”

โรม10:12-13
ไม่มีความแตกต่างระหว่างคนอิสราเอลกับคนต่างชาติ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกันทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของคนทั้งปวงและประทานพรมากมายให้กับทุกคนที่วางใจในพระองค์ ตามที่
พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “ทุกคนที่ร้องเรียกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็จะรอด”

โรม10:14-15
แต่ที่ผู้คนจะทูลขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเขา พวกเขาต้องเชื่อในพระองค์ ก่อนที่จะเชื่อใพระองค์ พวกเขาต้องได้ยินถึงพระองค์ก่อน ที่จะได้ยินถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ต้องมีใครบอกพวกเขาก่อน  ที่จะมีใครสักคนไปและบอกพวกเขา ก็ต้องมีคนส่งเขาไปก่อน ตามที่มีเขียนไว้ว่า (อิสยาห์  52:7)
“เท้าของผู้นำข่าวดีนั้นงามสักเพียงใด”

โรม10:16-17
ไม่ใช่คนอิสราเอลทุกคนจะตอบรับข่าวประเสริฐ เพราะอิสยาห์กล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าข้า ใครบ้างหรือที่เชื่อสิ่งที่เขาได้ยินจากเรา?” (อิสยาห์ 53:1)ดังนั้น ความเชื่อจึงมาจากการได้ยินข่าวประเสริฐ  เมื่อมีคนประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระคริสต์

โรม10:18
แต่ข้าถามว่า จริงหรือที่เขาไม่ได้ยินข่าวประเสริฐ? 
ใช่ พวกเขาได้ยินตามที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า“มีเสียงออกไปจนสุดปลายแผ่นดินโลก”
(สดุดี 19:4)

โรม10:19
ข้าถามอีกว่า “คนอิสราเอลไม่เข้าใจหรือ?  แน่นอน เขาเข้าใจทีแรกโมเสสกล่าวว่า เราจะทำให้คนที่
ไม่ใช่ชนชาตินี้ทำให้เจ้าอิจฉา เราจะใช้
ชนชาติที่ไม่เข้าใจทำให้เจ้าโกรธ”

โรม10:20-21
และอิสยาห์กล้าหาญที่กล่าวว่า“คนที่ไม่ได้แสวงหาเราได้พบเรา เราปรากฏแก่คนที่ไม่ได้ถามหาเรา”พระเจ้าตรัสถึงคนอิสราเอลว่า “ตลอดวันเวลา เรายื่นมือของเราออกมาให้แก่ชนชาติที่ไม่เชื่อฟังและดื้อด้าน” (อิสยาห์ 65:2) 

อธิบายเพิ่มเติม

โรม 10:1-2
คนอิสราเอลที่ท่านเปาโลกล่าวถึงนี้ คือคนที่มีความกระตือรือร้นในการติดตามพระเจ้า ในปัจจุบันจะมี 1คนอิสราเอลที่ติดตามบัญญัติอย่างสุดโต่ง
2 คนที่ไม่เอาพระเจ้าเลย 3 คนที่กลับใจมาเชื่อในองค์พระเยซูคริสต
์ คนกลุ่มหลังสุดนี้กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ พระเจ้าทรงนำพวกเขากลับมาอย่างมหัศจรรย์จะเห็นว่าในจดหมายท่านเปาโลชมด้วยว่ายิวทั่วไปต้องการติดตามพระเจ้าแต่ที่น่าเสียใจคือไม่ทำตามวิธีของพระเจ้า 

โรม10:3-4
การที่ใครคนหนึ่งจะเป็นคนเที่ยงธรรม หรือเป็นคนที่ถูกต้องกับพระเจ้า หรือพ้นผิดได้ ก็ต้องทำตามเงื่อนไขของพระเจ้า แต่มนุษย์ไม่ต้องการฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า พวกเขาคิดหาวิธีการของตนเอง โดยหารู้ไม่ว่า วิธีการของเขาไม่ได้ผล นี่คือมนุษย์ได้สร้างระบบความเชื่อ ศาสนาต่าง ๆ มาเพื่อช่วยให้รู้สึกสบายใจมีที่ยึดเหนี่ยว มีที่ไปหลังจากตายแล้ว แต่พระเจ้าทรงเป็นเจ้าของจักรวาล ทรงเป็นเจ้าของชีวิตทุกคนหน้า ..จึงต้องฟังพระองค์

โรม10:5
ท่านโมเสสกล่าวชัดเจนให้ทุกคนรู้ว่า ถ้าพวกเขาทำตามบทบัญญัติ ก็จะได้ชีวิต ได้ความเที่ยงธรรมจากการทำตามนั้น แต่ปัญหาคือ ไม่มีใครจะได้ชีวิตและได้ความเที่ยงธรรมจากบัญญัติเลย เพราะอะไรเล่า?ก็เป็นเพราะไม่มีใครสามารถทำตามบัญญัติทุกข้อโดยไม่มีการพลาดเลย  ทุกคนมีความพลาดมาตั้งแต่เป็นเด็กมา อย่างน้อย บาปยอดนิยมก็คือทุกคนเคยโกหกกันมาแล้วทั้งนั้น

โรม10:6-7
เราจะเข้าใจพระคำตอนนี้ได้ก็ต้องย้อนไปที่ เฉลยธรรมบัญญัติ 30:11-13 11 สิ่งที่ข้าพเจ้ากำชับท่านในวันนี้ไม่ใช่สิ่งที่เหลือบ่ากว่าแรงหรือเกินเอื้อมสำหรับท่าน 12 ไม่ได้อยู่สูง ในฟ้าสวรรค์จนท่านต้องถามว่า “ใครจะขึ้นไปบนสวรรค์แล้วนำมาประกาศแก่เราเพื่อเราจะได้ปฏิบัติตาม?” 13 และไม่ใช่อยู่โพ้นทะเลจนท่านต้องถามว่า “ใครจะข้ามทะเลเพื่อนำมาประกาศแก่เราเพื่อเราจะได้ปฏิบัติตาม?”  (จากเล่มอมตธรรมร่วมสมัย)นั่นคือ ความเที่ยงธรรมจากความเชื่อไม่ได้อยู่ไกล จนเป็นนามธรรม ไกลจนไม่เข้าใจ สังเกตได้ว่าท่านเปาโลได้ใช้พระคัมภีร์เดิมหลายข้อในหนังสือโรมเพราะยิวที่มาเชื่อนั้นคุ้นเคยดี

โรม 10:8-9
(เฉลยธรรมบัญญัติ  30:14) การที่จะได้รับของประทานยิ่งใหญ่จากพระเจ้า “ความรอดพ้น”  นั้น คือการได้อยู่กับพระเจ้าอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งในโลกนี้และหลังจากตายไปแล้ว  สิ่งแรกที่เราต้องทำคือการรับด้วยปาก”พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า” และเชื่อด้วยใจว่า “พระบิดาทรงทำให้พระองค์คืนชีพจากความตาย” เป็นสองสิ่งที่ดูง่าย แต่คนเป็นจำนวนมากกลับไม่ยอม พวกเขาต้องการวิธีที่ยากกว่า ต้องการวิธีที่เขาทำเองเพื่อได้มา

โรม10:10-11
 ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า“ดูเถิด เราวางศิลาก้อนหนึ่งไว้ในศิโยนเป็นศิลามุมเอกล้ำค่าเหมาะเป็นรากฐานอันมั่นคงผู้ที่วางใจจะไม่มีวันท้อแท้[ (อิสยาห์ 28:16) (อมตธรรมร่วมสมัย) เราเห็นชัดว่า ท่านเปาโลยังไม่ได้หลุดไปจากคำจากพระคัมภีร์เดิมเลย ท่านใช้ข้อความต่าง ๆ ที่ชาวยิวคริสเตียนรู้ดี มาทำให้พวกเขาเข้าใจว่า ผู้เผยพระดำรัสสมัยก่อนได้กล่าวถึงพระเยซูมาตั้งนานแล้ว  การที่เราแต่ละคนปฏิเสธพระองค์เท่ากับเป็นการหาความอับอายมาให้ตัวเอง 

โรม10:12-13
และทุกคนที่ร้องออกพระนามของพระยาห์เวห์จะรับความรอดจากโยเอล 2:32  ท่านเปาโลได้ยืนยันชัดเจนให้ผู้เชื่อชาวยิวไม่หลงตัวเองไปว่า พวกเขาเป็นคนที่พระเจ้าทรงเลือก จึงเป็นพวกเดียวที่มีสิทธิรับความรอดได้พระยาห์เวห์ในโยเอล คือองค์พระเยซูคริสต์เพราะพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของมนุษย์ทั้งปวงจึงทรงตอบคำอธิษฐานใครก็ตามที่ร้องเรียกหาพระนามของพระองค์ด้วยจริงใจ รับด้วยปากเชื่อด้วยใจ  พระเจ้าจะไม่ทรงเมินจากพวกเขา 

โรม10:14-15
พระคำข้อนี้จริง ๆ แล้ว เป็นวัฎจักร  คนที่ได้เชื่อจะกลายเป็นคนที่ออกไปในเวลาต่อมา พระเจ้าทรงใช้เราทุกคนให้เป็นคนที่ถูกส่งออกไป  เท้าของผู้นำข่าวดีท่านแรกคือ องค์พระเยซูคริสต์ที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน คนต่อ ๆ มา จำนวนไม่น้อยที่ถูกเข่นฆ่าทรมานเพราะพวกเขายึดมั่นในพระองค์ผู้พลีชีวิตเพื่อพวกเขา  พระเจ้าทรงให้กำลังใจกับทุกคนที่ออกไป สิ่งที่งามสุดคือ เท้าของพวกเขา! เป็นเท้าที่นำความรอดไปสู่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน 

โรม10:16-17
ท่านเปาโลรู้ดีว่า คนอิสราเอลจำนวนมากจะต้องได้ยินเรื่องพระเยซู องค์พระเมสสิยาห์ พระผู้ช่วยให้รอดที่พระเจ้าทรงส่งลงมา แต่ก็มีจำนวนมากที่จะไม่ยอมรับพระองค์ ยังติดกับเชื่อว่าจะต้องทำตามบทบัญญัติให้ครบจึงจะรอด การรับด้วยปากเชื่อด้วยใจดูเหมือนง่ายไป  พวกเขายังคงทะนงตัวไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากพระเจ้า แต่คนที่ได้รับพระองค์ พวกเขาก็ได้รับการเปลี่ยนชีวิตจริง ๆความถ่อมตนนั้นคือเส้นทางแห่งชีวิตนิรันดร์ !

โรม10:18
ก่อนที่พระเยซูจะเสด็จสู่สวรรค์ พระองค์ทรงบัญชาให้ผู้เชื่อออกไปประกาศพระกิตติคุณทั่วโลก โดยเริ่มจากเยรูซาเล็ม .. จนสุดปลายแผ่นดินโลก ในวันนี้ มีผู้รับใช้ของพระเจ้ามากมายทั้งส่วนตัว ทั้งเป็นองค์กร ทั้งเป็นคริสตจักรที่กลับเข้าไปยังประเทศอิสราเอลที่กำลังต่อสู้สงครามรอบด้าน
และปรากฎว่า มีคริสเตียนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คนชาวอิสราเอลได้ฟังเรื่องพระเยซูอย่างไตร่ตรองมากขึ้น ใช่แล้ว!! พวกเขากำลังได้ยินข่าวประเสริฐ

โรม10:19
(เฉลยธรรมบัญญัติ  32:21) ในสมัยของโมเสส  อิสราเอลได้ก่อกวนให้พระเจ้าทรงพิโรธจากการที่พวกเขาไปไหว้รูปเคารพพระองค์ทรงกริ้วเป็นอย่างมากที่พวกเขาพากันไปสร้างและกราบไหว้รูปเคารพไร้ค่า แทนที่จะเชื่อฟังพระองค์ ดังนั้นเมื่อเขามองว่า คนต่างชาติโง่เขลาพระองค์จะทรงทำให้คนที่พวกเขาเห็นว่าโง่เขลาได้รู้จักพระองค์ ติดตามพระองค์อย่างภักดี  แล้ววันหนึ่งอิสราเอลจะอิจฉาและโกรธมากที่พระเจ้าทรงแสนดีต่อคนต่างชาติ  

โรม10:20-21 พระเจ้าทรงตั้งพระทัยมานานแล้วว่า พระองค์จะให้ชาวโลก ชาติต่าง ๆ ได้มาพบพระองค์ เราเห็นจาก
คำกล่าวของอิสยาห์ และพระเยซูก็ได้ทรงยืนยันน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งถ้าย้อนกลับไป เราจะเห็นว่า พระเจ้าทรงตั้งพระทัยมาตั้งแต่ก่อนทรงสร้างโลกเสียอีก (เอเฟซัส 1:4) พอเรารู้อย่างนี้ ก็ต้องขอบคุณพระเจ้ามาก เพราะว่าทรงเลือกอิสราเอลเพื่อให้เขาเป็นพระพร แต่สถานการณ์กลับเป็นว่า ชาติต่าง ๆ จะกลายเป็นพระพรต่ออิสราเอล 

พระคำเชื่อมโยง

โรม 10
2* กิจการ 21:20
3* โรม  1:17; ฟีลิปปี 3:9
4* กาลาเทีย 3:24; 4:5
5* เลวีนิติ 18:5
6* เฉลยธรรมบัญญัติ 30:12-14
7* เฉลยธรรมบัญญัติ 30:13


8* เฉลยธรรมบัญญัติ 30:14
9* ลูกา 12:8
11* อิสยาห์ 28:16
12* โรม 3:22,29  ; กิจการ 10:36;
เอเฟซัส 1:7
13* โยเอล 2:32 ;กิจการ 9:14
14* ทิตัส 1:3

15* อิสยาห์ 52:7; นาฮูม 1:15
16* อิสยาห์ 53:1; ยอห์น  12:38
18* สดุดี 19:4
19* เฉลยธรรมบัญญัติ 32:21; ทิตัส 3:3
20* อิสยาห์ 65:1
21* อิสยาห์ 65:2

มีคาห์ 5 จากเมืองเล็ก ๆ ของเผ่ายูดาห์ 

สองเมืองเปรียบเทียบ
พระเจ้าทรงใช้เมืองที่ต่ำต้อยอย่างเบธเลเฮม
จะเป็นทางที่พระบุตรพระเจ้าเข้ามาบังเกิด
เพื่อทำงานในโลกนี้

1 บัดนี้ นครแห่งป้อมปราการเอ๋ย
จงเสริมกำลังของเจ้าเถิด 
เพราะศัตรูได้มาล้อมเมืองแล้ว
 พวกเขาใช้ไม้เท้าฟาด
ไปที่ใบหน้าของผู้พิพากษาแห่งอิสราเอล
2 “เบธเลเฮม เอฟราธาห์เอ๋ย
แม้ว่าเจ้าเล็กน้อยท่ามกลางเผ่ายูดาห์ 
แต่จะมีผู้หนึ่งออกมาจากเจ้า
เพื่อที่จะปกครองอิสราเอลเพื่อเรา
ท่านนั้นมาจากอดีตกาล  มาจากนิรันดร์กาล

 3  ดังนั้น ท่านจะทิ้งพวกเขาไป
จนถึงเวลาที่ผู้หญิงซึ่งกำลังเจ็บครรภ์
ได้คลอดบุตรออกมา
และพี่น้องคนอื่น ๆ ที่เหลือ
จะกลับมาสมทบกับประชากรอิสราเอล 
4 ท่านจะยืนหยัด และเลี้ยงดูฝูงแกะของท่าน
ด้วยพลังจากพระยาห์เวห์ 
ในความยิ่งใหญ่แห่งพระนามของพระยาห์เวห์
พระเจ้าของท่าน  
พวกเขาจะอยู่อย่างปลอดภัย
เพราะเวลานั้น ความยิ่งใหญ่ของท่าน
จะขยายเขตออกไปจนสุดปลายแผ่นดินโลก
5 (a)พระองค์จะทรงเป็นสันติสุขของพวกเขา

ชัยชนะสองด้าน
พระเมสสิยาห์จะทรงมีชัยเหนือศัตรู
และทรงชนะใจผู้คนของพระองค์ด้วย
จะทรงชำระบาปของพวกเขา ทุกสิ่ง
ที่เป็นรูปเคารพ เครื่องรางต่าง ๆ จะถูก
ทิ้งไป และพวกเขาจะมีชีวิตในสันติสุข

5 (b)เมื่ออัสซีเรียบุกรุกแผ่นดินของเรา
เหยียบย่ำป้อมปราการของเรา
เราจะตั้งผู้เลี้ยงแกะ  7 คน ผู้นำ 8 คน
ที่จะมาต่อสู้กับพวกเขา 
6  พวกเขาจะเลี้ยงดูแผ่นดินอัสซีเรียด้วยดาบ
ปกครองแผ่นดินของนิมโรดด้วยดาบที่ชักออก
เพื่อว่าเขาจะช่วยกู้เราจากอัสซีเรีย
เมื่อพวกเขาเข้ามาบุกแผ่นดินของเรา 
เมื่อพวกเขายกทัพเข้ามาบุกรุกเขตแดนของเรา
7 คนที่หลงเหลือของยาโคบจะอยู่ท่ามกลางชาติต่าง ๆ
จำนวนมากเหมือนกับน้ำค้างจากพระยาห์เวห์
เหมือนกับฝนที่โปรยลงมาบนใบหญ้า
ซึ่งไม่ต้องมีการรอคอยใคร
ไม่ต้องหวังพึ่งมนุษย์
8 แล้วคนที่หลงเหลือของยาโคบ
จะอยู่ท่ามกลางชาติต่าง ๆ ท่ามกลางผู้คนมากมาย
เหมือนกับสิงโตอยู่ท่ามกลางสัตว์ป่า 
เหมือนกับสิงโตหนุ่มท่ามกลางฝูงแกะ
ซึ่งมันจะเหยียบย่ำ และฉีกเนื้อ
ในขณะที่มันย่างไป และไม่มีใครจะช่วยได้
9  มือของท่านจะยกชูขึ้นต่อต้านฝ่ายตรงข้าม
และศัตรูทั้งหลายของท่านจะต้องพินาศไป

พระเจ้าจะทรงชำระคนของพระองค์
10 นี่เป็นการประกาศขององค์พระยาห์เวห์ ..
ในวันนั้น เราจะกำจัดม้าออกไปจากพวกเจ้า
และทำลายรถศึกของพวกเจ้า
11 เราจะทำลายเมืองต่าง ๆ ในแผ่นดินของเจ้า
และพังทลายป้อมปราการที่แข็งแกร่งของพวกเจ้า 
12 เราจะกำจัดเหล่าแม่มดจากเงื้อมมือของเจ้า
และเจ้าจะไม่มีพวกหมอดูอีกต่อไป 


13  เราจะทำลายรูปปั้นสลักของพวกเจ้า
รวมทั้งเสาหินศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
เพื่อว่าเจ้าจะไม่หมอบกราบสิ่งที่มือของเจ้าทำขึ้นอีกต่อไป 
14 เราจะถอนเสาเทพีอาเชราห์
ที่อยู่ท่ามกลางพวกเจ้าออกไป
และทำลายเมืองต่าง ๆ ของเจ้า 
15  เราจะแก้แค้นด้วยความกริ้ว และเกรี้ยวกราด
ต่อชาติต่าง ๆ ที่ไม่ยอมเชื่อฟังเรา 

อธิบายเพิ่มเติม

สองเมืองเปรียบเทียบ
5:1 ผู้พิพากษาของอิสราเอลโดนฟาดหน้า เป็นการหมิ่นเกียรติอย่างยิ่ง พวกเขาถูกศัตรูล้อมเมือง มีคาห์บอกให้เสริมกำลัง

5:2 ในทันใดนั้น ความรู้สึกพ่ายแพ้ก็เปลี่ยน เป็นความหวัง เพราะว่า มีคำสัญญาเกิดขึ้นว่า พระเจ้าจะทรงส่งผู้หนึ่งเพื่อปกครองอิสราเอล ท่านผู้นี้มาจากนิรันดร์กาล และจะมาเกิดที่เบธเลเฮม เมืองเล็ก ๆ ที่เคยเป็นเมืองของดาวิด ดูเหมือนว่า พระเจ้ากำลังจะส่งผู้ปกครองเชื้อสายดาวิดมาให้อิสราเอล
กลับไปอ่าน 2 ซามูเอล 7: 16 เราจะพบพันธสัญญาของพระเจ้าที่มีต่อดาวิด ว่าบัลลังก์ของท่านจะดำรงตลอดไปเป็นนิตย์ 

5:3 ท่านจะทิ้งพวกเขาไป.. เป็นช่วงเวลาที่พระองค์จากเขาไป มีผู้ให้ความเห็นว่า นี่เป็นช่วงเวลาของคนต่างชาติ อิสราเอลจะทุกข์ทรมานมาก ขณะเดียวกันอิสราเอลก็ปฏิเสธพระเยซูคริสต์ ภายใต้การครองของศัตรู (MacArthur Study Bible) การรวบรวมคนที่หลงเหลือเข้ามาด้วยกันนั้น จะเกิดขึ้นหลังจากที่พระเยซูเสด็จกลับมาครั้งที่สอง (อิสยาห์ 10:20-22 ในวันนั้นชนหยิบมือที่เหลือของอิสราเอล คือวงศ์วานของยาโคบซึ่งรอดชีวิตพึ่งพิงพระยาห์เวห์ องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลอย่างแท้จริง ) ในข้อนี้ เหมาะเจาะกับการเสด็จมาครั้งสอง ดังนั้น หญิงที่คลอดบุตรจึงหมายถึงการเกิดขึ้นของประเทศอิสราเอลอีกครั้ง (2:12, 4:6-7) )(1948 คนที่กระจัดกระจายไปกลับมารวมกันที่อิสราเอลและประกาศความเป็นประเทศ 14 พฤษภาคม 1948)

5:4 มีคาห์กล่าวถึงการปกครองพันปีของพระเยซู (อิสยาห์ 6:13 ) พระผู้ไถ่จะทรงเลี้ยงดูคนของพระองค์ดุจเลี้ยงแกะ (เป็นภาพของกษัตริย์ในสมัยโบราณที่เลี้ยงดูประชากรดุจเลี้ยงแกะ)ด้วยพลังของพระยาห์เวห์ ด้วยความยิ่งใหญ่ของพระองค์ (2:12; เศคาริยาห์ 10:3)
แตกต่างจากผู้ปกครองในสมัยมีคาห์อย่างชัดเจน
คนอิสราเอลจะปลอดภัยภายใต้การคุ้มครองของพระองค์ และคนทั้งโลกจะรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ (มาลาคี 1:11)

5:5 อัสซีเรียเป็นประเทศที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อสั่งสอนอิสราเอลทางเหนือว่า พระองค์ทรงโกรธเพียงใดกับการที่พวกเขาเฝ้ากราบไหว้รูปเคารพและทำตัวเลวร้ายกับเพื่อนบ้านของตน ทั้ง ๆ ที่พระองค์ทรงเตือนแล้วเตือนอีก (เราจะเห็นการเตือนของพระเจ้าไม่หยุดหย่อนในโฮเชยา อาโมส และหนังสือผู้เผยพระดำรัสท่านอื่น ๆ ) พวกเขาไปเป็นเชลย 722 ปีก่อนคริสตศักราช
คำว่าผู้เลี้ยง 7 คน ผู้นำ 8 คน เป็นสำนวนหมายถึงว่าจะมีมากพอที่จะต่อสู้กับศัตรู

ชัยชนะสองด้าน
5:5b- 6 ในสมัยโบราณนั้น อัสซีเรียเป็นผู้บุกรุก และกวาดคนอิสราเอลไป แต่ ตรงนี้ มีคาห์กลับกล่าวว่าอิสราเอลจะชนะอัสซีเรีย ดังนั้นเรื่องราวนี้น่าจะเป็นในอนาคตข้ามปัจจุบันไปอีก (อาจจะต่อจาก 4:1-5:5a; อิสยาห์ 11:11) เมื่ออัสซีเรียเข้ามาโจมตีอิสราเอลอีกครั้ง พวกเขาจะต่อสู้ คำว่า 7 คน 8 คนมีความหมายว่าจะมีผู้นำของอิสราเอลมากพอที่จะมาสู้กับศัตรู (คำว่านิมโรดนี้คือ อัสซีเรียนั่นเอง ซึ่งอาจหมายรวมถึงบาบิโลน)
(อ่านเศคาริยาห์ 10:10 พระเจ้าจะทรงนำคนของพระองค์กลับมา)

5:7 การที่อิสราเอลกระจัดกระจายเข้าไปอยู่ในประเทศต่าง ๆ นั้น พระเจ้าตรัสว่า จะเป็นพระพรของชาติเหล่านั้น ซึ่งถ้าเรามองย้อนไปจะเห็นว่า เป็นอย่างนั้นจริง เพราะพวกเขาได้สร้างความเจริญทางเศรษฐกิจขึ้นมา และมียิวไม่น้อยที่เป็นนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการด้านต่าง ๆ ที่สร้างประเทศเหล่านั้นขึ้นมาพร้อมไปกับคนเก่งในชาตินั้น ๆ (แต่พวกเขาต่อมาก็ถูกมองว่าเลวร้าย เพราะเก่งเกิน)

5:8-9 พวกเขาจะกลายเป็นเหมือนสิงโต ที่ทั้งคนทั้งหลายกลัว ( แล้วจะมีวันที่พระเจ้าทรงเรียกพวกเขากลับคืนสู่ดินแดนที่พระองค์ประทานให้กับเขา อิสยาห์ 11:12 แต่ก็ด้วยความยากเย็นแสนสาหัส ถ้าดูในประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สอง จะเห็นว่า ยิวถูกตามล้างผลาญทำให้พวกเขาไม่มีที่ไป และต้องหาทางกลับมายังถิ่นฐานเดิม )
อิสราเอลจะกลายเป็นประเทศที่โดดเด่น มีอำนาจทางทหาร เศรษฐกิจ เทคโนโลยีเหนือชาติต่าง ๆ ในโลก มือเหนือกว่าศัตรู แม้ว่าศัตรูจะมีมากมาย ล้อมรอบแผ่นดินอิสราเอล ขณะนี้ เราก็จะเห็น ความยิ่งใหญ่ของพวกเขาทั้ง ๆ ที่โดยถล่มรอบด้าน (2025)

5:10 ในวันนั้น มีความหมายถึงอาณาจักรในอนาคต ในเฉลยธรรมบัญญัติ 17:16 พระเจ้าตรัสสั่งอิสราเอลว่า ต้องไม่ใช้รถม้า เพราะหากพึ่งรถศึกเหล่านี้ พวกเขาก็จะลืมพระเจ้าผู้ประทานชัยชนะให้พวกเขา พวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากมนุษย์เพื่อเขาจะได้รู้ว่า การช่วยเหลือ ชัยชนะของพวกเขามาจากพระเจ้า (ดูในสงครามตั้งแต่ 7 ตค. 2023 เป็นต้นมา อิสราเอลต้องพึ่งพระเจ้ามากแค่ไหนในเมื่อทั้งโลกหันหลังให้)

5:11-14 พระเจ้าจะทรงทำลายเมือง แม่มด หมอดู รูปปั้น เสาหิน เสาเทพีเอเชราห์ (ที่เชื่อว่าให้ความอุดมสมบูรณ์และเทพีแห่งสงคราม ) ให้หมดไปจากแผ่นดิน เราคงสงสัยว่าทำไมพระเจ้าทำลายเมือง เป็นเพราะ เมืองเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นมาเป็นเมืองป้อมเพื่อป้องกันศัตรู ผู้คนจึงวางใจสิ่งเหล่านั้นแทนที่จะวางใจพระเจ้า (โฮเชยา 10:13 13 เจ้าได้ปลูกความชั่วช้าและเก็บเกี่ยวความอธรรมเจ้าได้กินผลของความมุสา เพราะเจ้าเชื่อวางใจทางของตนเอง และทหารจำนวนมากของเจ้า 14 เสียงกระหึ่มของสงครามดังขึ้นต่อสู้ประชากรของเจ้า และป้อมปราการทั้งสิ้นของเจ้าจะถูกทลายลงในวันแห่งสงคราม)

5:10-14 หากพระเจ้าจะเอาอะไรออกไปจากชีวิตเรา บางทีก็ต้องพิจารณาให้ดีว่า สิ่งเหล่านั้น มาแทนที่พระเจ้าหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้น เราก็ต้องดีใจที่พระเจ้าทรงจัดการกับชีวิตของเรา ขอบคุณพระองค์ที่ทรงเตือนไม่ให้เราวางใจสิ่งใดไปนอกจากพระองค์ผู้เดียว

5:15 แล้วพระเจ้าทรงสัญญาจะแก้แค้นให้กับชาติต่าง ๆ ที่ไม่เชื่อฟังพระองค์ ชาติที่ไม่รับในการปกครองสูงสุดของพระองค์ (สดุดี 2:9 ด้วคทาเหล็กจนพวกเขาแตกละเอียด ดูวิวรณ์ 12:5, 19:5)

พระคำเชื่อมโยง

มีคาห์ 5
1* เพลงคร่ำครวญ 3:30; มาระโก 15:19
2* ลูกา 2:4-7; ยอห์น 7:42; ปฐมกาล 35:19; 48:7; 1 ซามูเอล  23:23; อพยพ 18:25; อิสยาห์ 9:6
3* มีคาห์ 4:10; 4:7; 7:18
4* อิสยาห์ 4:11; 49:9; สดุดี 72:8
5* อิสยาห์ 9:6

6* ปฐมกาล 10:8-11; อิสยาห์ 14:25
7* มีคาห์ 5:3; เฉลยธรรมบัญญัติ   32:2
8*  นาฮูม 24:9
10*เศคาริยาห์ 9:10 ; เฉลยธรรมบัญญัติ  17:16; อิสยาห์ 2:7; 22:18
12*  อิสยาห์ 2:6
13* เศคาริยาห์  13:2;  อิสยาห์ 2:8
15* 2 เธสะโลนิกา 1:8

บรรณานุกรม
https://netbible.org/bible/Micah+5

มีคาห์ 4 พระยาห์เวห์จะทรงครอง

ไม่ทราบผู้วาด วาดประมาณ ปี 1880

เราอยู่ใต้องค์พระยาห์เวห์ 
ภาพของนครเยรูซาเล็ม
บาบิโลนทำลายเยรูซาเล็ม
แต่วันหนึ่งนครแห่งนี้จะกลายเป็นเมืองหลวง
จะมีเวลาแห่งความสงบ
ผู้คนปรารถนาจะเดินในทางของพระเจ้า

1 ในเวลาช่วงสุดท้าย
เนินเขาแห่งพระวิหารจะถูกสถาปนาขึ้น
เป็นภูเขาสูงสุดในบรรดาเนินเขาทั้งหลาย  
และชนชาติต่าง ๆ
จะหลั่งไหลเข้าไปยังที่แห่งนั้น
ชาติต่าง ๆ มากมายจะเข้ามาและกล่าวว่า
“มาเถิด เราขึ้นไปยังภูเขาของพระยาห์เวห์กัน
ไปให้ถึงพระนิเวศของพระเจ้าแห่งยาโคบ 
พระองค์จะทรงสอนวิถีทางของพระองค์ให้แก่เรา

เพื่อว่าพวกเราจะได้เดินไปตามทางของพระองค์”
เพราะว่าบทบัญญัติจะออกมาจากศิโยน
และพระดำรัสของพระยาห์เวห์จะมาจากเยรูซาเล็ม 

3 พระองค์จะทรงตัดสินความ
ระหว่างชาติต่าง ๆ และจะยุติการพิพาท
ให้กับชาติมหาอำนาจซึ่งอยู่ห่างไกล  
พวกเขาจะตีดาบให้กลายเป็นคันไถ
และตีดาบให้กลายเป็นขอลิดกิ่ง
ชาติต่าง ๆ จะไม่ใช้ดาบปะทะกันอีก
และจะไม่มีการฝึกการรบอีกต่อไป
 4 ทุกคนจะนั่งใต้เถาองุ่นของตน
ใต้ต้นมะเดื่อของตน
โดยไม่มีใครมาทำให้เขากลัว
เพราะพระยาห์เวห์ได้ตรัสสัญญา
โดยพระโอษฐ์ของพระองค์
5 แม้ชาติทั้งหลายต่างดำเนินชีวิต
ภายใต้นามของเทพเจ้าของพวกเขา
แต่เราดำเนินชีวิตไปใน
พระนามแห่งพระยาห์เวห์
พระเจ้าของเรา
ตลอดไปเป็นนิตย์ 

การปกครองที่กลับคืนมา (ฝูงแกะของพระเจ้า)
พระเจ้าจะทรงรวบรวมผู้คนของพระองค์
คืนมา จะทรงดูแลคนพิการ คนที่ทุกข์เจ็บปวด
พระผู้เลี้ยงทรงเป็นกษัตริย์ของพวกเขา

6 พระยาห์เวห์ทรงประกาศว่า
“ในวันนั้น เราจะรวบรวมคนพิการ
และรวบรวมคนที่กระจัดกระจายไป
คนที่เราได้ทำให้พวกเขาเจ็บปวด 
7 เราจะทำให้คนพิการเป็นคนที่เหลืออยู่
ให้คนที่ถูกเนรเทศไปไกล
กลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่ง
แล้วพระยาห์เวห์จะทรงปกครองพวกเขา
จากภูเขาศิโยน
จากวันนั้นตลอดไปเป็นนิตย์
8 และเจ้า คือผู้เฝ้ายามสำหรับฝูงแกะ 
เป็นที่มั่นของลูกสาวศิโยน 
การปกครองเดิมจะกลับมาหาเจ้า
ลูกสาวของศิโยนจะได้รับอำนาจสูงสุด
เพื่อปกครอง

จากการเป็นเชลยสู่ชัยชนะ
การเกิด ยูดาห์จะถูกกวาดไปบาบิโลน
เป็นเวลาแห่งความเจ็บปวด ซึ่ง
ในที่สุดจะนำมาซึ่งพระพร พระเจ้า
จะทรงรื้อฟื้นพวกเขา


9  บัดนี้ เหตุใดเจ้าจึงร้องเสียงดังนัก? 
ไม่มีกษัตริย์กับเจ้าอย่างนั้นหรือ? 
เหล่าที่ปรึกษาพบหายนะ
จนทำให้เจ้าเจ็บปวดราวกับผู้หญิงกำลังคลอด? 
10 ลูกสาวของศิโยนเอ๋ย
จงบิดตัวและร้องออกมาเถิด
เหมือนผู้หญิงที่กำลังคลอด
เพราะบัดนี้ เจ้าจะต้องละจากเมืองไป
และตั้งค่ายอยู่ในที่โล่ง 
เจ้าจะต้องไปยังบาบิโลน
และเจ้าจะได้รับการช่วยกู้ ณ ที่นั่น
พระเจ้าจะทรงไถ่เจ้า
จากอำนาจของศัตรู ณ ที่นั้น 

การเก็บเกี่ยว รวบรวม
คนของพระเจ้าจะชนะศัตรูที่พยายาม
ทำลายล้างพวกเขา เป็นเหมือนการ
ฝันร่อน และสิ่งที่เก็บเกี่ยวมาได้ จะถูก
นำมาถวายพระเจ้า


11  บัดนี้ ชาติต่าง ๆ
กำลังรวมตัวเข้ามาโจมตีเจ้า
พวกเขากล่าวว่า
“ทำให้ศิโยนเป็นมลทินเถิด
และเราจะได้สะใจ
กับการเห็นศิโยนเป็นแบบนั้น”
12  แต่พวกเขาไม่รู้ถึงพระดำริของพระยาห์เวห์
พวกเขาไม่เข้าใจแผนของพระองค์
ว่าพระองค์จะทรงรวบรวมพวกเขา
เหมือนรวบฟ่อนข้าวที่เอาไปยังลานนวดข้าว 

13 จงลุกขึ้น และนวดข้าวเถิด
ลูกสาวศิโยน
เพราะเราจะทำแท่งเขาเหล็กให้กับเจ้า
และทำกีบทองสัมฤทธิ์ให้เจ้า 
เพื่อว่าเจ้าจะได้บดขยี้ชนหลายชาติ
ให้แหลกราญไป 
แล้วเจ้าจะได้ถวายของริบ
แก่พระยาห์เวห์
ถวายความมั่งคั่งของพวกเขา
แด่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งแผ่นดินโลกทั้งสิ้น

อธิบายเพิ่มเติม

สองบทต่อไปนี้ เป็นการบอกถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง พระเจ้าจะทรงครอบครองจากศิโยน เป็นภาพที่แตกต่างจากบทก่อน ๆ อย่างสิ้นเชิง  อิสยาห์ 2:2-4 กับมีคาห์ 4:1-3 เป็นคำพูดที่เป็นแนวคิดเดียวกัน เหมือนกัน ทำให้เรารู้ว่า พระเจ้าทรงย้ำเน้นเรื่องนี้อีกครั้งโดยผู้เผยพระดำรัสสองคน  ต้องเป็นเหตุการณ์สำคัญมาก
ภาพของนครเยรูซาเล็ม
4:1 ในเวลายุคสุดท้าย มีความหมายจากวันที่พระเยซูเสด็จสู่สวรรค์ มาจนถึงวันนี้ เราไม่ทราบว่า จะยาวนานเพียงใด แต่ยุคนี้จะจบด้วยการที่พระเจ้าจะทรงครอบครองโลกนี้
พระองค์ทรงถูกเลือกไว้ก่อนวางรากฐานโลก แต่ทรงให้พระองค์ปรากฏในยุคสุดท้ายเพื่อพวกท่าน 1 เปโตร 2:20
และคนอิสราเอลจะกลับมาหาพระเจ้า มีคาห์พูดเหมือนโฮเชยา 3:5. หลังจากนั้น ชนอิสราเอลจะกลับมาและแสวงหาพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเขา และดาวิด กษัตริย์ของพวกเขาพวกเขาจะมาด้วยความยำเกรงพระยาห์เวห์และมารับพระพรพระคุณของพระองค์ในวาระสุดท้าย
พระคำตอนนี้ เหมือนกับอิสยาห์ 2  เนินเขาแห่งพระวิหารจะถูกยกขึ้นให้สูงกว่าที่เป็นอยู่  มีความเชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่ยกระดับความสูงของพื้นที่เยรูซาเล็ม  ผู้คนจะหลั่งไหลไปที่นั่น

4:2 พวกเขาจะชวนกันไป มีน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อที่จะฟังพระดำรัสของพระเจ้า  หลายชาติจะยอมรับอิสราเอลว่าเป็นคนของพระเจ้า และพวกเขาจะต้องมาที่เยรูซาเล็มเพื่อเรียนทางของพระองค์   ซึ่งในวันนี้เราจะเห็นว่า ความรู้สึกต่อต้านยิว หรือ Anti-Semetic  กำลังรุนแรงอย่างมากในโลก ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้  แต่คนของพระเจ้าก็กำลังต่อสู้ พระเจ้ากำลังเรียกคนจำนวนมากกลับมาหาพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นในอิหร่าน ในประเทศจีน แม้กระทั่งในอังกฤษที่หลงทางไปจากพระเจ้ามาเนิ่นนาน ณ วันนี้ ผู้คนก็กำลังกลับมาหาพระเจ้าเพราะพวกเขากำลังเผชิญกับศัตรูที่น่ากลัวมากในเรื่องของ ปัญหา Immigration ที่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถสู้ไหวเลย  (ขณะเขียนคือ กันยายน 2025)
     แต่สำหรับมีคาห์แล้ว เขากำลังบอกว่า โลกจะกลับมาหาพระเจ้า โดยมีอิสราเอลเป็นตัวกลาง อพยพ 19:6 และพวกเจ้าจะเป็นอาณาจักรแห่งปุโรหิตทั้งหลาย และเป็นประชาชาติที่บริสุทธิ์ นี่คือสิ่งที่เจ้าจะต้องพูดกับชาวอิสราเอล
มีคาห์บอกเราว่า พระเจ้าจะตรัสจาก เยรูซาเล็ม!! ที่จริงแล้วน่าตื่นเต้นมากว่า พระเจ้าจะทำอะไรกับโลกนี้ เพราะความร้อนระอุของสงครามอิสราเอลกับชาติรอบข้างยังไม่มีภาพลงตัวให้พวกเราเห็นเลย 

4:3 องค์พระผู้เป็นเจ้าคือ องค์ผู้พิพากษาคนทั้งโลก ตรงนี้น่าสนใจมาก ว่า มีคาห์ได้กล่าวถึงชาติมหาอำนาจที่อยู่ห่างไกล
ต่อไปประชาชาติต่าง ๆ จะไม่ได้ทำสงคราม แต่จะเปลี่ยนอาวุธให้กลายเป็นเครื่องมือสร้างอาหารให้ประชากรโลก 
พระองค์จะทรงตัดสินความระหว่างชาติต่าง ๆ และจะยุติการพิพาทให้กับชาติมหาอำนาจซึ่งอยู่ห่างไกล  ซึ่งทำให้เราคิดถึงชาติต่าง ๆ ทั่วโลกในเวลานี้ ที่ในช่วงเวลาของมีคาห์ พวกเขายังไม่รู้จัก หรือยังไม่เกิดชาตินั้นเลย
ชาติแม้จีนจะมีประเทศแล้ว (รวมจีน 221 ปีก่อนคริสตศักราช) ) แต่มหาอำนาจอย่างอเมริกา(เกิดเมื่อ 1607)หรือรัสเซีย(เกิดปี 862)ยังไม่มีตัวตนเลย

4:4  ทั้งโลกจะได้พบกับสันติสุข!! เราต้องดูต่อไป ? ตอนนี้ทุกมุมโลกของเรากำลังเผชิญกับสงครามทั้งใหญ่และเล็ก เป็นสงครามตรงไปตรงมา แต่มีความลึกลับซับซ้อนเพราะเหล่ามหาอำนาจที่อยู่เบื้องหลัง   แต่มีคาห์ยืนยันว่า ผู้คนจะได้มีสันติสุขกับเถาองุ่น มะเดื่อ ซึ่งมีความหมายถึงพระพรของพระเจ้าในไร่นา ในการทำมาหากินของพวกเขา  และนี่เป็นพระสัญญาที่มาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า  

4:5 ประเทศต่าง ๆ ในโลกต่างมีความเชื่อในศาสนาของตน มีเทพเจ้าต่าง ๆ ที่ตกทอดกันมานานแสนนาน    แต่ในอนาคต จะมีคนจำนวนหนึ่งจากชาติต่าง ๆ ที่เป็นโลกมืด ได้มาพบพระเจ้าอีกมากมาย  จะดำเนินชีวิตใต้พระเจ้า ไม่ได้อยู่ใต้เทพเจ้าใด ๆ อีก  เป็นชีวิตที่บริสุทธิ์ อย่างที่พระเจ้าทรงบริสุทธิ์  พวกเขาคือเหล่าคนที่เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ (ในเมื่อสรรพสิ่งจะถูกทำลายไปเช่นนี้ จึงชัดเจนว่า ท่านควรเป็นคนอย่างไร ให้ใช้ชีวิตบริสุทธิ์ในทางของพระเจ้ารอคอยและเร่งวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นวันที่ฟ้าสวรรค์จะถูกเผาและสูญสลายไป และเทหวัตถุในนั้นจะหลอมละลายไปกับความร้อนยิ่ง. 2 เปโตร 3:11-12)

การปกครองที่กลับคืนมา (ฝูงแกะของพระเจ้า)
4:6 อิสราเอลที่ถูกกระจัดกระจายไปในประเทศต่าง ๆ นั้น มีทั้งที่กลับมายังอิสราเอลแล้ว และยังมีคนหลงเหลือตามประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ยุโรป อเมริกา และทางเหนือของอัฟริกา  คนเหล่านี้ พระเจ้าทรงให้เขาต้องเผชิญกับการข่มเหงจากเจ้าของประเทศอย่างต่อเนื่อง ไม่มีวันจบ  แต่ก่อนที่พระเจ้าจะทรงครอบครองหนึ่งพันปีในวันสุดท้ายนั้น พระเจ้าจะทรงรวบรวมพวกเขากลับมา

ตั้งแต่ที่ถูกจับไปเป็นเชลย โดยอัสซีเรีย และบาบิโลน คนยิวไม่ได้กลับมาจากการเป็นเชลยของอัสซีเรียและที่กลับมาจากบาบิโลนก็ไม่ได้กลับมาหมด
ลูกา 21:24 เล่าว่า พวกเขาจะต้องถูกไปเป็นเชลยทั่วทุกชาติ คนต่างชาติจะเหยียบย่ำเยรูซาเล็ม  จนกว่ากำหนดของคนต่างชาติจะครบถ้วน

(อาจมีการแปลความหมายของพระคำตอนนี้แตกต่างไปมากเพราะมีคนทั้งที่เชื่อว่าจะมีการปกครองหนึ่งพันปี และบางคนก็ไม่เชื่อ บางคนคิดว่า หนึ่งพันปีนั้นผ่านไปแล้ว ถ้าเกิดความไม่ชัดเจนก็ยังไม่ต้องตกใจ เราจะดูกันต่อไปว่า พระเจ้าจะทรงให้เกิดอะไรขึ้น )

4:7 พระเจ้าทรงสัญญาที่จะทำให้คนพิการซึ่งเป็นคนที่สังคมโยนทิ้ง คนยิว กลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่ง และพระองค์จะทรงปกครองพวกเขาจากศิโยน  สมกับคำที่สดุดี 146:10 กล่าวว่า พระเจ้าจะทรงปกครองเป็นนิตย์  นั่นคือ พระเยซูจะทรงปกครองไปจนถึงวันที่โลกเดิมนี้สิ้นสุดลง (/ เปโตร  3:10 วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาอย่างขโมย ฟ้าสวรรค์จะสูญสิ้น!!)

4:8 นอกจากพระเจ้าจะปกครองจากศิโยนแล้ว  ที่นี่จะเป็นดั่งคนยาม คอยดูแลคนของพระเจ้า  มีป้อมที่จะเป็นที่ลี้ภัย
 น่าจะมีการรื้อฟื้นการปกครองของดาวิดขึ้นมาใหม่ ซึ่งก็หมายถึงองค์พระเยซูคริสต์นั่นเอง (อาโมส 9:11 11 ในวันนั้น เราจะตั้งเต็นท์ของดาวิดที่ล้มลงขึ้นมาใหม่  เราจะซ่อมแซมส่วนที่แตกหักไป จะรื้อฟื้นสิ่งที่พังทลาย และสร้างขึ้นมาใหม่เหมือนวันวารในอดีต)   การปกครองด้วยพระเจ้าอย่างเดิมจะกลับมายังอิสราเอล 

ากการเป็นเชลยสู่ชัยชนะ
4:9-10 นี้ เป็นภาพของอิสราเอลที่ไปตกเป็นเชลยในศิโยน ไม่มีกษัตริย์ของตนเอง พวกเขาร้องเสียงดังอย่างเจ็บปวด ไม่มีทางหนีรอด
ขณะนี้มีคาห์มองไปในอนาคตอันใกล้ (ไม่ถึงยุคของเรา) เป็นช่วงเวลาอีกไม่นานที่ยูดาห์จะถูกกวาดไปเป็นเชลย   มีคาห์กำลังแจ้งให้ยูดาห์รู้ว่า ต่อไปอนาคตของพวกเขาคือ จะต้องไปอยู่ที่ในที่โล่ง เป็นการเดินทางที่ยาวนาน  พบกับหายนะ ความเจ็บปวด การไม่มีกษัตริย์ 
แต่มีคาห์ยังปลอบใจให้รู้ว่า พระเจ้าจะทรงไถ่พวกเขาจากบาบิโลนแน่นอน เป็นเราได้ยินอย่างนี้ยังใจชื้นขึ้นมา  พระเจ้าไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา ที่นั่น เขาจะได้หันมามองชีวิตที่เคยเป็นชนชาติอิสระ
การกล่าวถึงบาบิโลนนั้น ฟังแล้วเหมือนไม่น่าเชื่อ เพราะตอนนั้น ผู้ที่ข่มขู่อิสราเอลมากที่สุดคือ อัสซีเรีย  บาบิโลนยังไม่ได้เป็นมหาอำนาจ

การเก็บเกี่ยว รวบรวม
4:11 ชาติต่าง ๆ ยุคโบราณต่างต้องการทำลายอิสราเอล พวกเขาเกลียดชังพระเจ้าเที่ยงแท้แห่งอิสราเอล และคิดว่า จะทำลายพระองค์ได้
พวกเขาทำทุกด้านไม่ว่าจะเป็นทางการทหาร การเมือง หรือการหลอกให้อิสราเอลหลงไปกับรูปเคารพ  ซึ่งไม่ได้ต่างอะไรกับยุคปัจจุบันเลย
เราเห็นความเกลียดชังเหนือธรรมชาติ ข้ามกาลเวลาจากโลกโบราณจนถึงยุคใหม่นี้ ..

4:12 แต่พวกเขาไม่รู้ว่า การต่อต้านพระเจ้านั้นคือหายนะ พระเจ้าจะทรงรวบรวมพวกเขาเหมือนฟ่อนข้าว เพื่อนำไปเผา

4:13 ทำไมพระเจ้าจึงเรียกคนอิสราเอล (ลูกสาวศิโยน)ให้บดขยี้คนหลายชาติ​?  นี่คือแผนการของพระองค์ที่พระเจ้าจะทรงให้กำลังกับพวกเขา เพื่อเอาชนะ และให้คนทั้งโลกได้ยอมสยบต่อพระเจ้าสูงสุด  ( ซึ่งตรงนี้เรายังมองไม่เห็น เกิดขึ้นเมื่อไรเราจะเห็นว่าคำพยากรณ์นี้เกิดขึ้นจริง)  ตอนนี้ (กย.2025) เรายังเห็นการต่อสู้ของอิสราเอลอย่างหนัก เป็นศึกที่ไม่ได้สิ้นสุด แต่กำลังต่อสู้รอบด้านเพื่อต่อต้านศัตรูที่ต้องการทำลายอิสราเอลให้สิ้นซาก ทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นนั้น มีคำพยากรณ์ล่วงหน้าไว้แล้ว บางข้อความตรงจนน่าตกใจ

นี่เป็นภาพการปกครองของพระเมสสิยาห์  เศคาริยาห์ 14:12-15 12 พระผู้เป็นเจ้าจะให้ภัยพิบัติเกิดขึ้นกับชนชาติทั้งปวงที่โจมตีเยรูซาเล็มคือ เนื้อหนังของพวกเขาจะเน่าขณะที่พวกเขายังยืนอยู่ ลูกตาของพวกเขาจะเน่าในเบ้าตา และลิ้นของพวกเขาจะเน่าในปาก13 และในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้พวกเขาตื่นตระหนกยิ่งนัก แต่ละคนจะคว้ามือของอีกคนหนึ่ง และต่างก็จะโจมตีกันเอง 14 ยูดาห์จะต่อสู้ที่เยรูซาเล็ม สมบัติของประชาชาติทั้งปวงโดยรอบจะถูกเก็บรวบรวมคือ ทองคำ เงิน และเครื่องแต่งกายจำนวนมหาศาล 15 และภัยพิบัติอย่างเดียวกันนี้จะเกิดแก่ม้า ล่อ อูฐ ลา และสัตว์ป่าชนิดใดก็ตามที่อยู่ในค่ายเหล่านั้น
และสันติสุขนิรันดร์ที่จะเกิดขึ้น หลังจากการพิพากษาในข้อ 12

พระคำเชื่อมโยง

มีคาห์ 4
1* อิสยาห์ 2:2-4
3*อิสยาห์ 2:4; สดุดี72:7
4* เศคาริยาห์ 3:10
5* เศคาริยาห์ 10:12
6* เอเสเคียล 34:16; สดุดี 147:2
7* มีคาห์ 2:12;อิสยาห์ 9:6; 24:23


9* เยเรมีย์ 8:19; อิสยาห์ 13:8
10* อาโมส 5:27; อิสยาห์ 45:13; สดุดี 18:17
11* เพลงคร่ำครวญ 2:16; โอบาดีย์ 12
12* อิสยาห์ 55:8-9; 21:10
13* เยเรมีย์ 51:33; อิสยาห์ 41:15; ดาเนียล 2:44; อิสยาห์ 18:7; เศคาริยาห์ 4:14