สดุดี 37 ความแตกต่างของชีวิตอธรรมกับชีวิตเที่ยงธรรม

ภาพของ Vasily Surikov “The old man gardener” วาดเมื่อปี 1888

สดุดีของดาวิด
ไม่ต้องกังวลเรื่องคนชั่ว
1 อย่ากังวลใจไปเพราะคนทำความชั่ว
อย่าอิจฉาเหล่าคนที่ล่วงละเมิด
2 เพราะไม่นานนัก พวกเขาจะถูกโค่นลงเหมือนอย่างหญ้า
พวกเขาจะเป็นเหมือนต้นผักที่เหี่ยวแห้งไป

มั่นใจ วางใจในพระเจ้า
3 จงวางใจในพระยาห์เวห์และทำความดี
อาศัยในแผ่นดิน และ เลี้ยงดูชีวิตด้วยความซื่อตรงของพระองค์
4 ให้ใจของเจ้ายินดีในพระยาห์เวห์
และพระองค์จะประทานตามใจปรารถนาของเจ้า
5 จงมอบทางของเจ้าไว้ให้กับพระยาห์เวห์
และวางใจในพระองค์ และพระองค์จะทรงทำให้สำเร็จ
6 พระองค์จะทรงนำความเที่ยงธรรมของเจ้าออกมาดั่งแสงสว่าง
และความยุติธรรมของเจ้าราวกับเที่ยงวัน
7 จงพักในพระยาห์เวห์ และรอคอยพระองค์อย่างอดทน
อย่ากังวลใจไปเพราะคนที่รุ่งเรืองในทางชั่วร้ายของเขา
8 หยุดโกรธ และทิ้งความขุ่นเคืองออกไป
อย่ากังวลเพราะมีแต่จะสร้างความยุ่งยาก

ทรงลงโทษคนอธรรม และให้รางวัลคนใจถ่อม
9 เพราะคนทำชั่วจะถูกตัดออก
แต่คนที่รอคอยพระยาห์เวห์จะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก
10 เพราะอีกสักพัก คนชั่วก็จะไม่มีอยู่อีกต่อไป
จริง ๆ แล้ว หากเจ้าพยายามหาที่ของเขา มันก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป
11 แต่คนใจถ่อมจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก
เขาจะยินดีในสันติสุขที่มากมาย

สุดทางชีวิตของคนอธรรม
12 คนชั่ววางแผนร้ายต่อต้านคนเที่ยงธรรม
และยังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่เขาอีก
13 องค์เจ้านายทรงสรวลเยาะพวกเขา
เพราะพระองค์ทรงเห็นวันพินาศของพวกเขา
14 คนชั่วชักดาบออกมา และโก่งคันธนู
ไปยังคนยากจนและคนยากไร้เพื่อคว่ำพวกเขา
เพื่อเอาชีวิตของคนที่ทำสิ่งถูกต้อง
15 ดาบของพวกเขาจะหันกลับไปแทงใจของพวกเขาเอง
ธนูของเขาจะถูกหักเสีย

หนทางดี ๆ ของคนเที่ยงธรรม
16 น้อย ๆ ที่คนชอบธรรมมีก็ดีกว่า
ความมั่งคั่งของคนอธรรมมากมาย
17 เพราะแขนของคนชั่วจะถูกหัก
แต่พระยาห์เวห์จะทรงอุ้มชูคนเที่ยงธรรม
18 พระยาห์เวห์ทรงรู้วันเวลาของคนเที่ยงธรรม
และมรดกของเขาจะมีอยู่สืบไป
19 พวกเขาจะไม่ต้องอับอายในเวลาชั่วร้าย
และในเวลากันดารอาหารพวกเขาจะอิ่ม
20 แต่คนชั่วและศัตรูของพระยาห์เวห์จะพินาศ
พวกเขาระเหยหายไปราวกับความงามของทุ่งหญ้า
ที่เลือนหายไป
21 คนชั่วยืม และไม่ยอมคืน
แต่คนชอบธรรม แสดงใจเมตตาและให้เสมอ
22เพราะคนที่พระเจ้าทรงอวยพรจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก
แต่คนที่พระองค์ทรงสาปแช่งจะถูกตัดออกไป
23 พระยาห์เวห์ทรงนำก้าวย่างของคนดี
และพระองค์ทรงยินดีในทางของเขา
24 แม้เขาล้ม เขาจะไม่เสียหายอย่างสิ้นเชิง
เพราะพระยาห์เวห์ทรงอุ้มชูเขาด้วยพระหัตถ์

สติปัญญาจากบุรุษที่ตามติดพระทัยพระเจ้า
25 ข้าเคยเป็นหนุ่มและบัดนี้ชราแล้ว
แต่ข้าไม่เคยเห็นคนเที่ยงธรรมถูกทอดทิ้ง
หรือลูกหลานของเขาต้องขอทาน
26 เขามีใจเมตตา ให้ยืมเสมอ
ลูกหลานของเขาได้รับพระพร
27 จงหนีจากความชั่วและทำความดี
และดำรงชีวิตตลอดไป
28 เพราะพระยาห์เวห์ทรงรักความยุติธรรม
และไม่ทรงทอดทิ้งวิสุทธิชนของพระองค์
พระองค์ทรงรักษาพวกเขาตลอดไป
แต่ลูกหลานของคนชั่วจะถูกตัดออก
29 คนเที่ยงธรรมจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก
พวกเขาจะอาศัยในแผ่นดินตลอดไป
30 ปากของคนเที่ยงธรรมกล่าวสติปัญญา
และลิ้นของเขาพูดถึงความยุติธรรม
31 บัญญัติของพระเจ้าของเขาก็อยู่ในใจเขา
ไม่มีคนใดจะก้าวลื่นล้มไป
32 แต่คนชั่วร้ายเฝ้ามองคนเที่ยงธรรม
และพยายามที่จะสังหารเขา
33 พระยาห์เวห์จะไม่ทรงให้เขาตกในเงื้อมมือของคนชั่ว
จะไม่ทรงปรับโทษเมื่อทรงพิพากษา
34 จงรอคอยพระยาห์เวห์ และรักษาทางของพระองค์
และพระองค์จะทรงยกเจ้าขึ้น
เพื่อให้เจ้ารับแผ่นดินเป็นมรดก
และเจ้าจะเห็นพระองค์ทรงตัดคนอธรรม
ออกไปจากแผ่นดิน

ปลายทางของคนสองแบบ
35 ข้าได้เห็นคนชั่วร้ายที่มีอำนาจมาก
และแผ่อำนาจของเขาออกไปราวกับต้นไม้เขียว
36 แต่แล้วเขาก็ตายไป และดูเถิด ไม่มีเขาอีกแล้ว
ถึงแม้ข้าพยายามหาเขา แต่ก็ไม่พบ
37 จงมองดูคนที่ไร้ตำหนิ และสังเกตคนที่เที่ยงธรรม
เพราะอนาคตของเขาคือสันติสุข
38 แต่คนที่ล่วงละเมิดจะถูกทำลาย
อนาคตของคนชั่วร้ายจะถูกตัดเสีย
39 แต่ความรอดของคนเที่ยงธรรมมาจากพระยาห์เวห์
พระองค์ทรงเป็นกำลังของพวกเขาในยามยากลำบาก
40 และพระยาห์เวห์จะทรงช่วยพวกเขา จะทรงช่วยกู้พวกเขา
พระองค์จะทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากคนชั่วร้าย
ทำให้พวกเขารอดพ้น เพราะพวกเขาวางใจในพระองค์

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 73:3; สุภาษิต 23:17

2* โยบ 14:2; สดุดี 90:5

3* เยเรมีย์ 17:7-8; มัทธิว 6:31-33

4*โยบ 22:26; สดุดี 94:19

5*สดุดี 55:22; สุภาษิต 16:3

6*โยบ11:17; อิสยาห์ 58:8,10

7* ยากอบ 5:7-11; ฮีบรู 10:36-37

8*สุภาษิต 14:29; 16:32; เอเฟซัส 4:31

9* อิสยาห์ 60:21; 57:13; สดุดี 25:13

10* โยบ 24:24; 7:10 ; วิวรณ์ 6:10-11

11* มัทธิว 5:5; กาลาเทีย 5:22-23

12* สดุดี 35:16; 31:13; มีคาห์ 2:1

13* สดุดี 2:4; สุภาษิต 1:26

14* สุภาษิต 29:27; สดุดี 11:2

15* สดุดี 7:14-15; 35:8

16*สุภาษิต 16:8; 15:16-17; 1 ทิโมธี 6:6

17* สดุดี 145:14; 63:8; อิสยาห์ 41:10

18* สดุดี 1:6; 103:17; 1 เปโตร 1:4-5

19* สดุดี 33:19 ; อิสยาห์ 33:16

20* สดุดี 102:3; 68:2 ; ลูกา 13:3

21* ฮีบรู 13:16; สดุดี 112:5;

22* สุภาษิต 3:33; 1 โครินธ์ 16:22; สดุดี 37:9

23* สุภาษิต 16:9; 4:26; สดุดี 40:2

24* สุภาษิต 24:16; สดุดี 145:14

25* ฮีบรู 13:5; สดุดี 25:13; 112:2

26* สดุดี 112:5,9; มัทธิว 5:7

27*สดุดี 34:14; 1 ยอห์น 2:16-17

28* สุภาษิต 2:22; สดุดี 21:10; อิสยาห์ 59:21

29* วิวรณ์ 21:7; 2 เปโตร. 3:13

30* สุภาษิต 25:11-13; โคโลสี 4:6

31* เฉลยธรรมบัญญัติ 6:6; สดุดี 40:8; เยเรมีย์ 31:33

32* สดุดี 10:8-10; ลูกา 20:20

33* 2 เปโตร 2:9; สดุดี 109:31

34* สดุดี 27:14; มัทธิว 24:13

35* สดุดี 73:3-11

36*สดุดี 37:10; อิสยาห์ 10:33-34

37*อิสยาห์ 32:17; 2 ทิโมธี 4:6-8

38*สุภาษิต 14:32; สดุดี52:5

39* สดุดี 9:9; 91:15

40* อิสยาห์ 31:5

สดุดีบทนี้มีความคล้ายคลึงกับสุภาษิตมาก เพราะสอนมนุษย์ให้รู้จักคิดในมุมมองของพระเจ้า เพราะมนุษย์มักจะถามว่า “ทำไมคนชั่วจึงรุ่งเรือง? ทำไมพระเจ้าปล่อยให้เขาโอหังนานนัก?

ภาพของ Vasily Surikov “The old man gardener” วาดเมื่อปี 1888

อธิบายสรุปย่อ

สดุดี 37:1-2
ไม่ต้องกังวลเรื่องคนชั่ว
ข้อความนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ต่อสู้กับสิ่งที่ชั่ว สิ่งที่ทำลายคนอื่น เราต่อสู้ แต่เราไม่ต้องกังวล ไม่ต้องรู้สึกอิจฉาคนผิด เพราะพวกเขาสมควรที่จะโดนทำลายอย่างในข้อ 2 อยู่แล้ว

สดุดี 37:3-8
มั่นใจ วางใจในพระเจ้า
พระคำหกข้อดังกล่าว เป็นสุด ๆ ของพระคำสำหรับคนยุคนี้ เพราะว่าเราเห็นชัด ว่าคนชั่วมักรุ่งเรือง มีชื่อเสียง มีอำนาจ อย่าลืมว่าโลกนี้กำลังเห็นผิดเป็นถูก ถูกเป็นผิด
เราจึงมีโอกาสที่จะทำตามพระคำตอนนี้ และจะได้รู้ว่าพระเจ้าจะทรงทำอย่างไรกับชีวิตของเรา สิ่งสำคัญคือ ไม่ต้องกังวลใจ ทำหน้าที่ของเราในฐานะพลเมืองและคนของพระเจ้าตามแบบของพระองค์ ถ้าจะต้องสู้เรื่องอะไร เราก็จะรู้ และพระเจ้าจะทรงนำให้สู้อย่างถูกต้อง ตามวิถีของพระองค์

สดุดี 37:9-11
พระเจ้าทรงลงโทษคนอธรรม และให้รางวัลคนใจถ่อม
กษัตริย์ดาวิดเน้นการรอคอยพระเจ้า จากข้อ 7,9,34 การรอคอยพระเจ้าไม่ใช่นั่งเฉย ๆ แต่เป็นการผูกพันกับพระองค์มากขึ้น และมากขึ้น เหมือนกับคนที่กำลังทอเชือกให้ยาวให้แข็งแรง ใช้เวลาอยู่กับพระองค์ คนที่รอพระเจ้าจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก นั่นคือ การรับพระพรอย่างเต็มบริบูรณ์

สดุดี 37:12-15
สุดทางชีวิตของคนอธรรม
คนชั่วมัวแต่วางแผนกำจัดคนเที่ยงธรรม แต่พระเจ้าทรงเห็นทุกอย่างล่วงหน้าว่าพวกเขาจะพินาศ
เมื่อพวกเขาทำร้ายคนจน สิ่งที่เขาทำจะหวนกลับมาทำลายพวกเขาเอง เราก็เห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในโลกเช่นกัน

สดุดี 37:16-24
หนทางดี ๆ ของคนเที่ยงธรรม
กษัตริย์ดาวิดเข้าใจว่าพระเจ้าจะทรงทำอะไรกับคนเที่ยงธรรม คือคนที่วางใจในพระองค์ และอะไรจะเกิดขึ้นกับคนอธรรม ท่านจึงเขียนลงมาให้เห็นเป็นรายการอย่างชัดเจน ลองขีดเส้นคนละสีดูว่า สิ่งที่แตกต่างของคนอธรรมกับคนชอบธรรมนั้นเป็นอย่างไร ทรงอุ้มชูเขาด้วยพระหัตถ์

สดุดี 37:25-34
สติปัญญาจากบุรุษที่ตามติดพระทัยพระเจ้า
สิ่งที่ชัดเจนจากกษัตริย์ดาวิดคือ ท่านไม่เคยเห็นคนของพระเจ้าถูกทอดทิ้ง … พวกเขาจะมีทางไปเสมอ แม้ทางดูว่าเป็นทางตัน แต่พระเจ้าก็เปิดประตูให้ เขาไปต่อได้ และไม่นั่งนิ่งเฉย ๆ รอความช่วยเหลือของมนุษย์
ในข้อ 27 ท่านเตือนให้หนีความชั่ว ทำความดี เป็นการใช้ชีวิตแบบที่ถูกต้องต่อพระเจ้า
ข้อ 30-31 พระคำของพระเจ้าอยู่ในใจและปากของเขา เขารอคอยพระองค์ รักษาทางของพระเจ้า
และพระเจ้าจะทรงทำตามพระสัญญาของพระองค์ ในข้อ 34

สดุดี 37:35-40
ปลายทางของคนสองแบบ
แล้วกษัตริย์ดาวิดก็มาสรุปอีกครั้งว่า ทางของคนชอบธรรมนั้น แม้จะยากลำบากพระเจ้าก็ทรงเป็นกำลังของเขา เราจึงเห็นว่า ถึงแม้คนของพระองค์ถูกข่มเหง ถูกห้ามไม่ใช่เชื่อพระองค์ ถูกเจ้าหน้าที่รัฐตามตัว หรือถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายตามฆ่า พวกเขาก็ยังไม่กลัวคนเหล่านั้น เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นจริงในชีวิตให้เขาได้รู้ว่า พระองค์ทรงอยู่ด้วยจริง ๆ และแม้กระทั่งถึงจะเสียชีวิตไป แต่พวกเขาก็จะมีชีวิตที่รอดพ้นจากความตาย แต่จะได้อยู่กับพระเจ้าเป็นนิตย์

สดุดี 36 มนุษย์ชั่ว แต่พระเจ้าทรงดีเหลือเกิน

ฟ้าที่อยุธยา

ถึงหัวหน้านักร้อง ของดาวิด ผู้รับใช้พระยาห์เวห์
ความชั่วร้ายของมนุษย์
1 คนชั่วนั้น ชั่วถึงกระดูก
เขาไม่เกรงกลัวพระเจ้าเลย
2 เขาหยิ่งเกินไปที่จะรับรู้ว่าตนบาป
และไม่อาจเลิกทำบาปได้
3 คำจากปากของเขาทั้งชั่วร้ายและล่อหลอก
เขาหยุดที่จะทำอย่างคนฉลาด หยุดที่จะทำดี
4 แม้กระทั่งบนที่นอน เขาก็ยังคิดแผนชั่ว
ตั้งใจไปในทางที่ไม่ดี เขาไม่เกลียดชังความชั่วเลย

พระเจ้าทรงเป็นที่สุดของที่สุด
5 โอ พระยาห์เวห์ ความรักมั่นคงของพระองค์สูงถึงฟ้า
และความซื่อตรงของพระองค์สูงถึงเมฆ
6 ความเที่ยงธรรมของพระองค์ เป็นเหมือนกับภูเขาสูงที่สุด
การพิพากษาของพระองค์เป็นเหมือนทะเลลึกที่สุด
โอ พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงรักษาทั้งมนุษย์และสัตว์ไว้
7 โอ พระเจ้าข้า
ความรักมั่นคงของพระองค์นั้นทรงคุณค่ามากเท่าใด
ดังนั้น ลูกหลานของมนุษย์ภายใต้ร่มปีกของพระองค์
จึงวางใจในพระองค์
ชีวิตของผู้ที่ติดตามพระเจ้า
8 พวกเขาเต็มอิ่มกับความมั่งคั่งจากพระวิหาร
และพระองค์ทรงให้พวกเขาดื่มจากธารน้ำ
แห่งความโปรดปรานของพระองค์
9 เพราะน้ำพุแห่งชีวิตอยู่กับพระองค์​
เราเห็นทุกสิ่งใดเพราะแสงสว่างจากพระองค์
10 ขอทรงยืนยันความรักมั่นคงต่อคนที่รู้จักพระองค์
และทรงยืนยันความเที่ยงธรรมของพระองค์
ต่อคนที่มีใจเที่ยงตรง
11 ขอโปรดอย่าให้เท้าของคนเย่อหยิ่งมาต่อสู้ข้า
หรือมือของคนชั่วร้ายมาไล่ข้าออกไป
12คนที่ทำความชั่วล้มลงไป
พวกเขาถูกโยนทิ้งไป และไม่อาจที่จะลุกขึ้นมาได้อีกเลย

พระคัมภีร์เชื่อมโยง

1* โรม 3:18; สุภาษิต 16:6

2*สดุดี 49:38; เฉลยธรรมบัญญัติ 29:19

3*เยเรมีย์ 4:22; สดุดี 55:21

4*มีคาห์ 2:1; สุภาษิต 4:16

5* สดุดี 108:4; อิสยาห์ 55:7-9

6*โรม 11:33, สดุดี 145:9

7*สดุดี 86:5; 1ยอห์น 3:1

8* สดุดี65:4; 16:11; อิสยาห์ 25:6

9* ยอห์น 8:12; 4:10,14 ; 1 ยอห์น 1:7

10* เยเรมีย์ 22:16; ฮีบรู 8:11

11*สดุดี 119:69; 17:8-14

12* สดุดี 1:5 ; วิวรณ์ 19:1-6

ราชาดาวิดเรียกตัวท่านเองว่า ผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์เฉพาะในสดุดีบทที่ 18 และบทนี้เท่านั้น เข้าใจว่าบทที่ 36 เขียนเมื่อยังหนุ่ม และบทที่ 18 เป็นตอนที่ท่านอายุมากแล้ว

สดุดี 36:1-4
ความชั่วร้ายของมนุษย์
ลักษณะของคนที่ชั่วร้ายเกิดจากใจที่ไม่เกรงกลัวพระเจ้าก่อน เขาไม่คิดว่าเขาจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง สังเกตได้ว่าคนที่ทำชั่วจนเป็นนิสัย เขาคิดไม่ออกว่าสิ่งที่เขาทำนั้นผิดต่อผู้อื่นขนาดไหน เขาสามารถพูดโกหก พูดโกงต่อหน้าต่อตา ต่อประชาชนมากมายโดยไม่รู้ตัวเลยว่า ใคร ๆ ก็เห็นกึ๋นของเขา ท่านดาวิดได้บรรยายความชัดเจนมาก ท่านเห็นคนแบบนี้มาแล้วว่า ก่อนจะหลับไปยังคิดแผนชั่วได้ด้วย

สดุดี 36:5-7
พระเจ้าทรงเป็นที่สุดของที่สุด
คราวนี้ ท่านดาวิดได้หันกลับไปหาพระเจ้าผู้ประเสริฐ แตกต่างจากมนุษย์ที่ท่านกล่าวถึงในสี่ข้อแรกอย่างสิ้นเชิง เราควรที่จะเก็บพระคำข้อ 5-10 นี้ไว้ในใจของเรา จำเอาไว้ ท่องจำ มั่นใจในความดีของพระเจ้าตามที่ท่านดาวิดได้บอกเรา.
ความรักมั่นคงของพระเจ้า สูงถึงฟ้า ทรงคุณค่า (7) = มหาศาล ครอบคลุมทุกแห่ง
ความซื่อตรงของพระเจ้า สูงถึงเมฆ = เยอะมาก สวยงาม อยู่ล้อมเรา ให้เราเห็นเสมอ
ความเที่ยงธรรมของพระเจ้า เหมือนภูเขาสูงที่สุด= มองเห็นแต่ไกล เข้มแข็ง มั่นคง ไม่คลอนแคลน
การพิพากษาของพระองค์ เหมือนทะเลลึก = ลึกล้ำ เราอาจหยั่งถึงไม่หมด
ร่มปีกของพระองค์ เป็นที่พักพิง หลบภัยของเรา

สดุดี 36:8-12
ชีวิตของผู้ที่ติดตามพระเจ้า
ใครที่อยู่ในพระเจ้า เขาจะเต็มบริบูรณ์ในวิญญาณของเขาเพราะพระวิหารของพระเจ้านั้นมั่งคั่ง สมบูรณ์ พระวิหารนั้นเป็นของพระเจ้าแต่ก็เป็นของเขาด้วย เพราะเขาเป็นลูกของพระองค์
ชีวิตใครที่มีความโปรดปรานของพระเจ้าอยู่ ถึงแม้เขาไม่รู้ แต่ถ้าหากเขาดูดี ๆ มองให้ออก เขาจึงจะเข้าใจว่า เมื่อพระเจ้าโปรดปรานใคร มันแตกต่างจากคนที่ไม่ทรงโปรดปรานอย่างไร
แค่นั้นยังไม่พอ เรายังมีน้ำพุแห่งชีวิตที่ทำให้สดชื่น ให้ชีวิต รวมไปถึงที่เราจะมองเห็นทุกอย่างด้วยความเข้าใจเพราะพระเจ้าให้แสงสว่างของพระองค์ ช่วยให้เราเห็นทุกสิ่งอย่างชัดเจน
จากนั้นราชาดาวิดทูลขอพระเจ้าทรงย้ำเตือนความรักมั่นคงให้กับคนของพระองค์และไม่ให้คนชั่วมาทำอันตรายคนของพระองค์ได้
นี่เป็นคำอธิษฐานที่เราจะอธิษฐานเผื่อเพื่อนผู้เชื่อในประเทศที่ต้องถูกข่มเหงได้
อย่าลืมว่าพี่น้องคริสเตียนต้องอธิษฐานเผื่อกันและกันแม้จะไม่รู้จักกันเป็นส่วนตัว

สดุดี 35 ขอร้องพระเจ้าให้ทรงล่าศัตรู

ขอพระเจ้าทรงช่วยให้พ้นจากศัตรู. สดุดีของดาวิด
ขอที่กำบัง
1 โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงต่อสู้กับเหล่าคนที่ต่อสู้ข้า
ขอทรงรบรากับคนที่รบรากับข้า
2 ขอพระองค์ทรงถือโล่และเขน
และประทับยืนเพื่อช่วยข้า
3 ขอทรงชูหอกและหยุดเหล่าคนที่ตามไล่ล่าข้า
ขอตรัสแก่วิญญาณของข้าว่า
“เราคือความรอดของเจ้า”

ขอทรงให้หายนะมาถึงศัตรู
4 ขอให้คนที่พยายามเอาชีวิตของข้านั้น
ต้องรับความอับอาย กลายเป็นคนไร้เกียรติ
ขอให้คนที่วางแผนทำลายข้า
ต้องล่าถอยและพบเจอกับความสับสน
5 ให้พวกเขาเป็นเหมือนแกลบที่ลมพัดไป
และขอทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ไล่ล่าพวกเขา
6 ขอให้ทางของเขาทั้งมืดมนและลื่น
และทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ตามล่าพวกเขาไป
7 เพราะพวกเขาทำตาข่ายเตรียมดักข้าโดยไม่มีเหตุ
พวกเขาขุดหลุมพรางดักข้าโดยไม่มีเหตุ
8 ขอให้หายนะมาถึงเขาอย่างไม่คาดฝัน
ให้เขาตกลงไปในตาข่ายที่พวกเขาซ่อนเอาไว้เอง
9 แล้ววิญญาณของข้าจะยินดีในองค์พระยาห์เวห์
วิญญาณข้าจะชื่นชมในความรอดจากพระองค์
10 ทั้งกายและใจของข้าจะกล่าวว่า
มีใครเป็นเหมือนพระยาห์เวห์บ้าง
ที่ทรงช่วยคนอ่อนแอให้พ้นจากคนที่แข็งแรงกว่า
ทรงช่วยผู้ยากไร้และแร้นแค้นให้พ้นจากคนที่ปล้นพวกเขา

พยานเท็จที่มาใส่ร้ายและเยาะเย้ย
11 เกิดพยานเท็จที่โหดร้ายปรักปรำข้า
กล่าวหาในสิ่งที่ข้าไม่รู้เรื่อง
12 พวกเขาตอบสนองความดีด้วยความชั่ว
และวิญญาณของข้าก็หมดหวัง
13 เมื่อพวกเขาป่วย ข้าก็สวมผ้ากระสอบ
ข้าถ่อมตนลงด้วยการอดอาหาร
ข้าก้มลงอธิษฐานเผื่อ
14 ราวกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อน พี่น้องของข้าเอง
ข้าก้มลงกับพื้นราวกับคนเศร้าโศกถึงแม่ของตนเอง
15 แต่เมื่อข้าทุกข์ร้อน พวกเขากลับรวมตัวกันแสดงความยินดี
สมคบกันเพื่อต่อต้านข้าตอนที่ข้าไม่รู้ตัว
คนที่ข้าไม่เคยรู้จัก ก็ไม่หยุดที่จะใส่ร้ายข้า
16 พวกเขาเยาะหยันข้าไม่หยุดหย่อน
เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ข้า
17 โอ พระผู้เป็นเจ้านาย
พระองค์จะทรงมองดูนานเท่าไร
ขอทรงช่วยข้าให้พ้นจากหายนะ
ขอทรงช่วยกู้ชีวิตอันมีค่าจากเหล่าสิงโต

คำสัญญาว่าจะสรรเสริญให้คนมากมายรู้
18 ข้าจะถวายคำขอบพระคุณในที่ประชุมใหญ่
ข้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางผู้คนมากมาย

การเยาะเย้ยที่ดาวิดรู้ว่าจะต้องเจอ
19 ขอโปรดอย่าให้คนเหล่านั้นที่มาเป็นศัตรูยิ้มเยาะข้าได้
ขออย่าให้คนที่เกลียดข้าโดยไม่มีเหตุเยาะหยันข้าได้
20 เพราะพวกเขาไม่พูดถึงสันติ
มีแต่ความพยายามที่จะสร้างเรื่องเพื่อหลอกผู้คน
21 พวกเขาเปิดปากต่อต้านข้า
กล่าวร้ายว่า “นั่นไง นั่นไง เราเห็นมากับตา”

คำร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า ขอความอัปยศให้ศัตรู
22 โอ พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเห็น
ขออย่าทรงนิ่งเฉย
โอ องค์เจ้านาย ขออย่าทรงอยู่ห่างข้า
23 ขอพระองค์ทรงตื่นขึ้น ขอทรงลุกขึ้นปกป้องข้าพระองค์
พระเจ้าของข้า องค์เจ้านายของข้า ขอทรงเห็นแก่ข้าด้วย
24 ขอทรงพิสูจน์ว่าข้าไม่ผิด ตามความเที่ยงธรรมของพระองค์
โอ พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้า
ขออย่าทรงให้พวกเขาเยาะหยันข้าได้
25 อย่าให้เขาคิดในใจได้ว่า อา สมใจเราแล้ว
อย่าให้พวกเขาพูดได้ว่า เรากลืนเขาได้แล้ว!
26 ขอให้คนที่พอใจกับความหายนะของข้า
ต้องอับอาย และสับสน
ให้พวกเขาสวมความน่าละอาย
และให้คนที่ยกยอตนเองเหนือข้า
ต้องเจอกับความอัปยศอดสู

สัญญาว่าจะสรรเสริญพระเจ้า
27 ให้คนที่ชื่นชมกับความเที่ยงธรรมของข้า
ตะโกนด้วยความชื่นชม และยินดีนัก
ให้พวกเขากล่าวว่า “ขอยกย่องเทิดทูนพระยาห์เวห์
พระผู้ทรงพอพระทัยกับสวัสดิภาพของผู้รับใช้ของพระองค์”
28 และลิ้นของข้าจะกล่าวถึงความเที่ยงธรรมของพระองค์
และสรรเสริญพระองค์ตลอดทั้งวัน

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 43:1; 119:154; เยเรมีย์ 51:36; อิสยาห์ 49:25

2* อิสยาห์ 42:13; อพยพ 15:3

3* สดุดี 27:2; อิสยาห์ 12:2

4* สดุดี 40:14,15; 70:2; 129:5

5*โยบ 21:18; สดุดี 83:13; อิสยาห์ 29:5

6* เยเรมีย์ 23:12; 13:16

7* สดุดี 9:15; 140:5; ยอห์น 15:25

8*สดุดี 55:23; อิสยาห์ 47:11; 1 เธสะโลนิกา 5:3

9* อิสยาห์ 16:10; สดุดี 13:5; ฟีลิปปี 3:1-3

10* สดุดี 51:8; 140:12; อพยพ 15:11;

11*สดุดี 27:12; มัทธิว 26:59-60

12* สดุดี 38:20; 109:5; เยเรมีย์ 18:20; ยอห์น 10:32

13* โยบ 30:25; สดุดี 69:10-11

14* ลูกา 19:41-42; สดุดี 38:6; 2 ซามูเอล 1:11-12, 17-27

15* มาระโก 14:65; สดุดี 7:2

16* เพลงคร่ำครวญ 2:16; โยบ 16:9; สดุดี 37:12

17* สดุดี 13:1; ฮาบากุก 1:13; สดุดี 89:46

18* ฮีบรู 2:12; โรม 15:9; สดุดี 138:4-5

19* สดุดี 69:4; 13:4; ยอห์น 15:25;

20* กิจการ 25:3; มัทธิว 12:24

21* สดุดี 40:15;22:13; 70:3

22* สดุดี 28:1; 10:1; อพยพ 3:7

23* สดุดี 44:23; 7:6; อิสยาห์ 51:9

24* สดุดี 43:1; 35:19; 26:1

25*เพลงคร่ำครวญ 2:16; สดุดี 124:3

26* สดุดี 109:29

27* โรม 12:15; สดุดี 40:16; 149:4

28* สดุดี 71:24; 145:5,21

อธิบายเพิ่มเติม

หลายคนบอกว่า สดุดีบทนี้ ยอดสุดสำหรับการอธิษฐานเมื่อเราเจอสงครามฝ่ายวิญญาณในชีวิต และจริง ๆ แล้วเป็นบทอธิษฐานเผื่อเพื่อน ๆ ของเราที่ถูกกดขี่ ข่มเหง ไม่ว่าจะจากครอบครัว ที่ทำงาน ชุมชน แม้กระทั่งรัฐบาลที่ห้ามไม่ให้เชื่อพระเยซูคริสต์

สดุดี 35:1-3 ขอที่กำบัง
ดาวิดทูลขอพระเจ้าให้ทรงออกรบแทนท่าน

สดุดี 35:4-10 ขอทรงให้หายนะมาถึงศัตรู
ดาวิดขอให้พระเจ้าทรงไล่ล่าและจัดการทำให้ศัตรูต้องละอาย คำว่าทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์นี้ มีความหมายถึงพระเยซูผู้ที่เวลานั้นยังมิได้ทรงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ เหมือนในสดุดี 34:7 ที่ว่า 7 ทูตสวรรค์ของพระเจ้าอยู่ล้อมรอบ และช่วยกู้คนที่ยำเกรงพระองค์. ท่านบ่งบองชัดเจนว่า ศัตรูจะทำอย่างไรกับท่าน ท่านก็จะทำตอบเขาอย่างนั้น
แผนใด ๆ ก็ตามที่ศัตรูทำขึ้นมาเพื่อจัดการท่าน ท่านขอให้กลับไปหาพวกเขาเหมือนกัน
และถ้าพระเจ้าตอบคำอธิษฐานท่านก็สัญญาจะยินดีในพระองค์

สดุดี 35:11-17 พยานเท็จที่มาใส่ร้ายและเยาะเย้ย
ท่อนนี้ เป็นการคร่ำครวญมากกว่าจะเป็นการทูลขอ. ดาวิดอธิบายชัดเจนว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง ท่านกล่าวถึงความดีที่ท่านทำให้ศัตรู ในทางกลับกันหากดาวิดเจอความทุกข์ พวกเขาก็จะเยาะเย้ยและทำให้สถานการณ์แย่ลง

สดุดี 35:18 คำสัญญาว่าจะสรรเสริญพระเจ้าให้คนมากมายได้รู้
ท่านขอให้พระเจ้าอย่าทรงแค่มองดู เมื่อพระองค์ทำกิจตามคำขอ ดาวิดจะสรรเสริญพระองค์ต่อหน้าคนหมู่มาก ท่านจะทำให้ทุกคนรอบข้างได้รู้ถึงการตอบคำอธิษฐานนั้น

สดุดี 35:19-21 การเยาะเย้ยที่ดาวิดรู้ว่าจะต้องเจอ
บางครั้งการเกลียดชังที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษเลย ดาวิดขอพระเจ้าอย่าให้โอกาสคนพวกนั้นเยาะเย้ย เราจะเห็นความเกลียดที่ถูกปะทุขึ้นในทางการเมืองอยู่ตลอดเวลาในโลกทุกวันนี้ เราจึงไม่แปลกใจว่า ความเกลียดนั้นอยู่ในทุกสังคม ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นไหน เชื้อชาติใด คำอธิษฐานของดาวิดจึงเข้ากับโลกปัจจุบันนี้มาก

สดุดี 35:22-26 คำร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า
ศัตรูของดาวิดหาเรื่องใส่ร้ายได้ทุกทาง แต่ดาวิดรู้ว่า พระเจ้าทรงเห็นทุกอย่างว่าท่านทำผิดจริงหรือไม่ ดาวิดกล้าที่จะขอให้พระเจ้าทรงปกป้อง ท่านแน่ใจว่า ท่านไม่ได้ทำผิดอย่างที่ศัตรูให้ร้าย และศัตรูที่ให้ร้ายคนอื่นก็จะเป็นคนที่เย่อหยิ่ง ยกตัวขึ้นเสมอไป (26)

สดุดี 35:27-28 สัญญาว่าจะสรรเสริญพระเจ้า
จบสดุดีด้วยการที่ดาวิดขอให้คนที่อยู่ฝ่ายท่านได้ถวายพระสิริแด่พระเจ้า แม้ดาวิดจะไม่ใช่คนที่ทำถูกต้องตลอดเวลา แต่ท่านก็อยู่ฝ่ายพระเจ้าเสมอ และการที่ทำผิดและหันกลับมาหาพระเจ้าก็ดีกว่าทำผิดแล้วเตลิดไปไม่กลับมา

สดุดี 34 คำสรรเสริญจากถ้ำหลบภัย

สดุดีบทนี้เขียนหัวข้อไว้ว่า เป็นสดุดีของดาวิดตอนที่ท่านหนีจากกษัตริย์ซาอูล และไปขอหลบภัย
ในเมืองกัทของชาวฟีลิสเตีย เมื่อท่านทำอาการดั่งคนบ้าต่อหน้าอาคีชกษัตริย์แห่งกัท ซึ่งรู้สึกรำคาญมากที่ดาวิดเสียสติขนาดนั้น ( 1 ซามูเอล 21:10-15)
ต่อมาท่านได้ไปหลบภัยในถ้ำอดุลลัมพร้อมกับคนที่หนีไปด้วย ประมาณ 400 คน ดูเหมือนว่าสดุดีบทนี้เขียนในถ้ำและร้องสรรเสริญพระเจ้าต่อหน้าคนที่อยู่กับท่านเวลานั้น
หากเราคิดถึงบรรยากาศของคนหนีภัยแต่ยังมีใจสรรเสริญพระเจ้าแม้ทางมืดมน มันเป็นภาพที่ยิ่งเกินกว่าที่เราจะเข้าใจความรู้สึกได้จริง ๆ และควรที่เราจะเดินตามรอยของคนที่ต้องเผชิญกับการตามฆ่า แต่ยังคงกล้าหาญที่จะเชื่อพระเจ้าอย่างไม่ลดละ

ประชาชนสรรเสริญพระเจ้า
1 ข้าถวายพระพรแด่พระยาห์เวห์ทุกเวลา
ปากของข้าจะกล่าวคำสรรเสริญพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง
2 วิญญาณของข้าจะอวดพระยาห์เวห์
คนที่ถ่อมตนได้ยินก็จะยินดี
3 โอ.. มายกย่องพระยาห์เวห์ด้วยกันกับข้าเถอะ
และให้เรายกชูพระนามของพระองค์ด้วยกัน
4 ข้าแสวงหาพระยาห์เวห์ และพระองค์ทรงตอบข้า
ทรงช่วยกู้ให้ข้าพ้นจากความกลัวทั้งสิ้น
5 ผู้ที่มองไปยังพระองค์จะสดใส
ใบหน้าของพวกเขาจะไม่ต้องอาย

คำพยานของดาวิดผู้ถูกไล่ล่า
6 ชายผู้ยากจนคนนี้ร้องทูล และพระยาห์เวห์ทรงฟังเขา
และทรงช่วยให้เขาพ้นจากความทุกข์ยากทั้งสิ้น
7 ทูตสวรรค์ของพระเจ้าอยู่ล้อมรอบ และช่วยกู้คนที่ยำเกรงพระองค์

ชวนให้มาชิมพระเจ้า
8 จงมาชิมดูแล้วจะรู้ว่า พระเจ้าทรงดีนัก
ความสุขเป็นของคนที่วางใจในพระองค์​
9 จงยำเกรงพระยาห์เวห์ วิสุทธิชนของพระองค์
เพราะคนที่ยำเกรงพระองค์จะไม่ขัดสนสิ่งใด
10 สิงโตหนุ่มยังขัดสนและหิวโหย
แต่คนที่แสวงหาพระยาห์เวห์จะไม่ขัดสนสิ่งดีใด ๆ
11 ลูกเอ๋ย จงเข้ามาฟังเรา
และเราจะสอนให้เจ้ารู้จักยำเกรงพระยาห์เวห์

เงื่อนไขของชีวิตที่ยืนนาน
12 ใครก็ตามที่ปรารถนาชีวิต และรักชีวิตดี ๆ ที่ยาวนาน
13 ก็อย่าให้ลิ้นของเจ้าพูดสิ่งชั่ว
อย่าให้ปากของเจ้ากล่าวคำหลอกลวง
14 จงหลีกเลี่ยงความชั่วและทำความดี
จงแสวงหาสันติสุขและติดตามสันติสุขนั้น

พระเจ้าทรงมองดูคนของพระองค์
15 พระเนตรของพระยาห์เวห์อยู่เหนือคนเที่ยงธรรม
และพระกรรณของพระองค์ทรงฟังเสียงร้องของพวกเขา
16 พระพักตร์ของพระยาห์เวห์ต่อต้านคนที่ทำความชั่ว
เพื่อว่าจะตัดความทรงจำถึงเขาทั้งสิ้น

กำลังใจแก่คนที่ใจสลาย
17 คนเที่ยงธรรมร้องทูล และพระยาห์เวห์ทรงฟังเสียงเขา
ทรงช่วยให้เขาให้พ้นจากความทุกข์ร้อนทั้งสิ้น
18 พระยาห์เวห์ทรงอยู่ใกล้คนใจแตกสลาย และทรงช่วยคนที่หัวใจชอกช้ำ

พระเจ้าทรงดูแลคนเที่ยงธรรม
19คนเที่ยงธรรมก็พบความทุกข์ยากหลายอย่าง
แต่พระยาห์เวห์ทรงกู้เขาให้พ้นทั้งหมด
20 พระองค์ทรงปกป้องกระดูกของเขา
ไม่มีกระดูกถูกหักสักท่อน
21 ความชั่วจะสังหารคนชั่วร้าย และคนที่เกลียดชังความเที่ยงธรรมจะถูกลงโทษ
22 พระยาห์เวห์ทรงไถ่วิญญาณของผู้รับใช้ของพระองค์
และคนที่วางใจในพระองค์จะไม่ถูกลงโทษ

พระคำเชื่อมโยง

1* 1 เธสะโลนิกา 5:18, โคโลสี 3:17, สดุดี 145:2

2* 1 โครินธ์ 1:31, เยเรมีย์ 9:24

3* สดุดี 69:30, ลูกา 1:46, วิวรณ์ 19:5-6

4* สดุดี 18:6; 116:1-6

5* ฮีบรู 12:2, สดุดี 123:1-2

6* สดุดี 34:17-19; 66:16-20

7* สดุดี 91:11, ดาเนียล 6:22

8* เยเรมีย์ 31:14, สดุดี 63:5

9*ฟีลิปปี 4:19, สดุดี 23:1

10* สดุดี 84:11; 104:21

11* สุภาษิต 1:7, สดุดี 111:10; 32:8

12*เฉลยธรรมบัญญัติ 30:20; 6:2, สดุดี 4:6

13* ยากอบ 3:5-10, สดุดี 141:3

14* สดุดี 37:27, ฮีบรู 12:14

15* 1 เปโตร 3:12, สดุดี 34:17; 33:18

16* เยเรมีย์ 44:11; 17:13, สุภาษิต 10:7

17* อิสยาห์ 65:24, สดุดี 145:18-20, 34:6; 19

18* สดุดี 147:3; 145:18, อิสยาห์ 57:15

19* สดุดี 34:4; 6; 17, 1 เปโตร 4:12-13

20* ยอห์น 19:36

21*สดุดี 94:23, สุภาษิต 24:16

22* สดุดี 103:4; 71:23, วิวรณ์ 5:9

อธิบายเพิ่มเติม

สดุดี 33:1-5
ดาวิดสรรเสริญพระเจ้า ทั้ง ๆ ที่สภาพของท่านในเวลานั้น ไม่ได้อยู่ในความมั่นคงเลย ท่านทั้งกลัวและอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก ข้อ 3 คิดถึงดาวิดที่ร่างกายทรุดโทรมจากการตรากตรำ หนีหัวซุกหัวซุน แล้วมากล่าวชวนคนทั้งหลายสรรเสริญพระเจ้า ยกชูพระนามพระเจ้าอย่างนี้ ในข้อ 4-5 ท่านบอกชัดว่าท่านแสวงหาพระยาห์เวห์ และพระองค์ทรงตอบเสมอ ท่านและคนที่อยู่กับท่าน จะไม่ต้องอายต่อหน้าศัตรู

สดุดี 33:6-7
ดาวิดรู้ดีว่าท่านเป็นใคร ไม่ใช่นักรบที่กล้าหาญ แต่กลับเป็นคนยากไร้ ไม่มีอะไร แต่พระเจ้ากลับทรงฟังคนเช่นนี้
ยิ่งกว่านั้น ทรงให้ทูตสวรรค์มาล้อม คนยำเกรงพระเจ้าซึ่งต้องการพระเจ้าที่สุดด้วย ดาวิดมีประสบการณ์จริงกับการช่วยเหลือของทูตสวรรค์มาหลายครั้ง ซึ่งประสบการณ์แบบนี้ มีคนของพระเจ้าในสมัยต่อมา แม้ในปัจจุบันก็ได้รับเหมือนกัน

สดุดี 33:8-11
คำว่า ยำเกรงพระเจ้า… เป็นคำที่ดาวิดเน้นมาตั้งแต่ข้อ 7 จนถึงข้อ 11 ลองทบทวนข้อความเหล่านี้ให้ดีกว่า เกิดอะไรกับคนที่ยำเกรงพระเจ้าบ้าง…. ท่านชวนให้ผู้ที่ติดตามท่านไปนั้น มาชิม และมารับรู้ว่า พระเจ้าทรงดีเพียงไหน พวกเขาต้องมามีประสบการณ์กับพระเจ้าด้วยตัวเองจึงจะรู้รสชาติ จึงจะเห็น และพวกเขาจะมีความสุขที่มาจากพระเจ้าจริง ๆ
ดาวิดพร้อมที่จะสอนความยำเกรงพระเจ้าให้กับคนที่อยู่ข้าง ๆ ท่าน เราสอนได้อย่างดาวิดไหม? …

สดุดี 33:12-14
ดาวิดพูดคำนี้ตอนที่ท่านยังหนุ่มอยู่ และเราเห็นว่า ท่านได้มีชีวิตที่ยืนนานจริง ๆ เมื่อเราเรียนรู้ชีวิตของดาวิดจะเห็นว่า สิ่งหนึ่งที่ท่านมีก็คือ เป็นคนจริง เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ยำเกรงพระเจ้า แม้ว่าในชีวิตจะพลาด แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงเตือนให้ท่านไม่ปล่อยให้ความผิดนั้นลอยนวล

สดุดี 33:15-16
คำยืนยันว่า พระเจ้าทรงมองดูคนของพระองค์นี้ ดาวิดกล่าวถึงบ่อย ๆ จากสดุดีบทก่อนหน้านี้ เราจึงมั่นใจได้ว่า พระเจ้าทรงมองเราอยู่ตลอดเวลา

สดุดี 33:17-18
ขณะที่พระเจ้าทรงต่อต้านคนชั่ว พระองค์กลับทรงฟังคนเที่ยงธรรม เรื่องนี้เราดูตัวอย่างได้จากชีวิตของโมเสสในอพยพ 32-34 เราจะเห็นการโต้ตอบของพระเจ้ากับคนเที่ยงธรรมที่พระองค์ทรงรักชัดเจน
และข้อ 18 นี้ ขอบคุณพระเจ้าที่ดาวิดเขียนไว้ให้เรา เพราะในยามที่เกิดใจแตกสลาย ชอกช้ำ ผู้ที่เราต้องการที่สุดก็คือพระเจ้าเท่านั้น ในโลกของเรานี้ ผู้ที่ถูกข่มเหงน้ำใจ ถูกทำลาย ถูกใส่ร้าย ถูกล่วงละเมิดนั้นมีมากมายเหลือเกิน และต้องการพระเจ้ามากจริง ๆ เพราะมนุษย์แทบช่วยไม่ได้ และไม่ช่วยอีกด้วย

สดุดี 33:19-22
เราเห็นความแตกต่างว่าพระเจ้าทรงปฏบัติต่อคนสองแบบไม่เหมือนกันเลย คนเที่ยงธรรมที่วางใจพระเจ้า กับคนอธรรมที่มีตัวเองเป็นพระเจ้านั้น ต่างมีปลายทางไม่เหมือนกัน แต่ยังมีคนอธรรมมากมายที่คิดว่า ปลายทางของพวกเขาดีกว่า เราอย่าไปเชื่อ ขอให้เชื่อเถิดว่า พระเจ้าจะไม่ลงโทษคนที่วางใจในพระองค์