เศคาริยาห์ 8 รื้อฟื้นนครเยรูซาเล็ม

พระเจ้าทรงหวงและห่วง
1 แล้วพระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพก็มาถึงข้าพเจ้าอีกดังนี้ 
2 พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสว่า
“เราหวงศิโยนยิ่งนัก เราหวงเธอด้วยความโกรธยิ่งนัก”

3 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้
“เราจะกลับมายังศิโยน และประทับในนครเยรูซาเล็ม
แล้วนครเยรูซาเล็มนี้จะได้ชื่อว่าเป็นนครเแห่งความจริง
และภูเขาของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ จะได้ชื่อว่า ภูเขาบริสุทธิ์

4 พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสดังนี้
“ชายชราและหญิงชราจะนั่งตามถนนของนครเยรูซาเล็ม
แต่ละคนก็ถือไม้เท้าเพราะพวกเขาต่างชรามากแล้ว
5 และตามถนนของนครนั้น
จะเต็มด้วยเด็กชายเด็กหญิงที่วิ่งเล่นกัน

6 พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า
“หากสิ่งนี้ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ในสายตาของคนที่หลงเหลืออยู่นี้  มันควรจะเป็นไปไม่ได้สำหรับเราหรือ?”
คำว่า เหมือนเป็นไปไม่ได้ อาจแปลได้อีกว่า
หากสิ่งนี้ เหมือนจะเหลือเชื่อในสายตาของคนที่หลงเหลืออยู่ มันควรจะเหลือเชื่อสำหรับเราหรือ?


จะทรงนำกลับมา
7 พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า
“เราจะช่วยกู้ประชากรของเราจากดินแดนทางตะวันออกและจากดินแดนทางตะวันตก
8 เราจะนำพวกเขากลับมาอาศัยอยู่ในนครเยรูซาเล็ม ที่นั่น พวกเขาจะเป็นประชากรของเรา
และเราจะเป็นพระเจ้าที่ซื่อตรงและเที่ยงธรรมของพวกเขา

9 พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า
“จงทำให้มือของเจ้าเข้มแข็ง
เจ้าผู้ได้ยินเสียงที่ผู้เผยพระดำรัสซึ่งกล่าวพระดำรัส
ในเวลาที่วางรากพระวิหารของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ 
เพื่อจะได้สร้างพระวิหารขึ้น” 
10 เพราะก่อนเวลานั้น ไม่มีมนุษย์คนใดได้รับค่าแรง 
หรือสัตว์ป่าตัวใดได้รับค่าจ้าง
และสำหรับคนที่มาและไปก็ไม่มีความปลอดภัยจากศ้ตรู
เพราะเราทำให้คนแต่ละคนหันมาต่อสู้เพื่อนบ้านของตนเอง 


เจ้าจะเป็นพร
11 “แต่บัดนี้ เราจะไม่กระทำต่อคนที่เหลืออยู่เหมือนก่อน” 
พระยาห์เวห์องค์จอมทัพทรงประกาศ 
12 “เพราะเมล็ดจะแตกกิ่งก้าน เถาองุ่นก็จะออกผล ผืนดินจะให้ผลผลิตเพิ่มพูน  และท้องฟ้าก็จะหยดน้ำค้างลงมา  เราจะมอบสิ่งเหล่านี้ให้เป็นมรดกแก่คนที่เหลืออยู่   
13 โอ วงศ์วานยูดาห์และอิสราเอลเอ๋ย อย่างที่เจ้าถูกสาปแช่งท่ามกลางชาติต่าง ๆ เราจะช่วยเจ้า และเจ้าจะเป็นพระพร
อย่ากลัวไปเลย แต่ทำให้มือของเจ้าเข้มแข็ง 

14 พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า 
“เหมือนอย่างที่เราตัดสินใจนำความหายนะมาสู่พวกเจ้า เมื่อบรรพบุรุษของเจ้ายั่วยุให้เราโกรธ และเราไม่ได้เปลี่ยนใจ 
15 มาบัดนี้ เราก็ตั้งใจจะทำดีต่อเยรูซาเล็มและยูดาห์อีก  ดังนั้น อย่ากลัวไปเลย”

สิ่งที่ประชาชนต้องทำ
16 “สิ่งที่เจ้าจะต้องทำก็คือ พูดความจริงต่อกันและกัน และตัดสินความอย่างถูกต้อง เที่ยงธรรมที่ประตูเมือง 
17 อย่าวางแผนชั่วในใจต่อต้านเพื่อนบ้าน และอย่ารักการสาบานเท็จ เพราะเราเกลียดชังพฤติกรรมเหล่านี้” พระยาห์เวห์ทรงประกาศ
18 แล้วพระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพมาถึงข้าดังนี้

19 “พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสว่า
การอดอาหารพิเศษในเดือนสี่ เดือนห้า เดือนเจ็ด และเดือนสิบจะเป็นเวลาแห่งความชื่นชมยินดี  มีการเลี้ยงรื่นเริงเพื่อยูดาห์ แต่เจ้าจงรักทั้งความจริงและสันติสุข”

ชนชาติอื่นจะเข้ามาด้วย
20 และพระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสว่า
“ยังจะมีประชากรชาติต่าง ๆ เข้ามาอีก
คือคนที่อาศัยในเมืองต่าง ๆ 
21 คนที่อยู่ในเมืองหนึ่งจะไปยังอีกเมือง กล่าวว่า 
‘ให้เราไปทูลต่อองค์พระยาห์เวห์ และแสวงหาพระยาห์เวห์องค์จอมทัพกันเถิด ตัวข้าพเจ้าก็จะไปด้วย’ 
 22 และชาติต่าง ๆ รวมทั้งชาติที่เข้มแข็งจะมายังนครเยรูซาเล็มเพื่อแสวงหาพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ และเพื่อทูลอ้อนวอนต่อองค์พระยาห์เวห์”

23  พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสว่า
“ในวันเหล่านั้น ชายสิบคนจากชาติต่าง ๆ ภาษาต่าง ๆ จะยึดเสื้อคลุมของยิว และกล่าวว่า ‘ขอให้เราไปกับท่าน เพราะเราได้ยินมาว่า พระเจ้าทรงสถิตกับท่าน’” 

อธิบายเพิ่มเติม

จากบทที่ 7 จะเห็นว่า พระเจ้าทรงบอกชัดว่า อิสราเอลจะต้องกระจัดกระจายไปทั่วโลก เป็นภาพที่น่าหดหู่ พวกเขาจะไม่มีแผ่นดินอยู่  แผ่นดินนี้จะกลายเป็นที่ร้าง อาจมีคนหลงเหลืออยู่บ้างเพียงไม่กี่คน   ในบทที่ 8 นี้ พระเจ้าทรงบอกว่า พระองค์ทรงหวงอิสราเอลเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าพระองค์จะทรงเหวี่ยงพวกเขาออกไป แต่พระองค์กำลังจะทำสิ่งใหม่ให้เยรูซาเล็ม

พระเจ้าทรงหวงและห่วง
8:1-3 จากสามข้อนี้ เราจะเห็นว่า พระองค์ยังทรงห่วงใยคนของพระองค์ พระองค์กำลังจะทำอะไรต่อไป? 
(ลองย้อนกลับไปบทที่ 1)
14 แล้วทูตสวรรค์ที่สนทนากับข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า “จงประกาศคำต่อไป นี่เป็นพระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ
‘เราหวงแหนเยรูซาเล็มและศิโยนยิ่งนัก 
15 แต่เราโกรธเกรี้ยวกับชาติต่าง ๆ ที่ ต่างรู้สึกไม่เกรงกลัวเรา เพราะเมื่อเราโกรธหน่อยเดียว แต่ชาติต่าง ๆ ก็กลับทำร้ายพวกเขาด้วยความคิดชั่วเกินขนาด’ )

พื้นฐานพระทัยของพระเจ้าคือ พระองค์ทรงหวงแหนเยรูซาเล็มและศิโยนมาก  ที่ว่ามากนั้นเป็นระดับที่สูงจริง ๆ  พระองค์จะทรงกลับมา ประทับ ในศิโยน และภูเขา ซึ่งมีความหมายถึงการปกครอง เท่ากับว่า พระองค์จะทรงมาปกครองอีกครั้ง  ภาพนี้จะไม่สมบูรณ์แบบ หากเราไม่ได้คิดถึงองค์ผู้จะเข้ามาปกครองคือ องค์พระเยซูคริสต์ พระเมสสิยาห์แห่งอิสราเอลและโลกนี้!  เป็นการปกครองแบบที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นการปกครองด้วยความจริงและความบริสุทธิ์  เราจะเห็นภาพของนครที่พระเจ้าทรงปกครอง แตกต่างจากเยรูซาเล็มสมัยก่อนอย่างสิ้นเชิง

8:4-6  ก่อนหน้านี้ ไม่มีคนหลงเหลือในเมือง แต่เวลานี้ที่พระเจ้าทรงปกครอง มีชายชรา หญิงชรา ซึ่งบ่งบอกว่า มีคนที่อาศัยอยู่จนกระทั่งชรา  มีเด็กหญิงเด็กชาย บอกว่า อนาคตของเมืองนี้มีอยู่ไม่ใช่มีแต่คนชราแล้วจบรุ่นไป 
ข้อ 6 เป็นคำที่ทำให้เราผู้เชื่อในพระเจ้า มีความหวังในพระองค์ ไม่ว่าอะไรที่มนุษย์คิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เป็นไปได้สำหรับพระเจ้าทุกอย่าง  
พระเจ้าทรงให้พวกเขากลับจากบาบิโลน และสร้างพระวิหาร และอยู่ต่อมาอีก 600 ปี  แต่แล้ว โรมก็มาทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปอีกครั้ง
น่าประหลาดที่การกลับมายังคงเกิดขึ้นอีกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง อิสราเอลที่กระจัดกระจายไปทั่วยุโรป พากันกลับมายังดินแดนของพวกเขาอีกครั้งและตั้งเป็นประเทศอิสราเอลในปี 1948 (พ.ศ. 2491) ไม่มีประเทศไหนในโลกที่มีประสบการณ์เช่นนี้ พระเจ้ากำลังทำให้เราเห็นว่า ทุกสิ่งที่ได้ตรัสในพระคัมภีร์เกิดขึ้นจริงจากแผนการของพระองค์เพื่อคนอิสราเอล

จะทรงนำกลับมา
8:7 พระเจ้าทรงสัญญาว่า จะทรงเอาคนจากตะวันออก ตะวันตกกลับมา นั่นคือ จะทรงเอาพวกเขากลับมาจากชาติต่าง ๆ ทั่วโลก  เศคาริยาห์เห็นภาพนี้จากการกลับมาจากบาบิโลนเท่านั้น เขาไม่ได้ทราบว่า เขากำลังพูดถึงอนาคตที่ไกลจากเขาเกือบสามพันปี 
พระทัยของพระเจ้านั้นคือ พระองค์จะทรงนำพวกเขากลับมาเพื่อเป็นประชากรของพระองค์
ขณะนี้ ในอิสราเอล มีคนกลับมาหาพระเยซูคริสต์เพิ่มมากขึ้น สงครามอิสราเอล-กาซา ทำให้คนมากมายหันมาอธิษฐาน และขอต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา แต่ยังมีไม่น้อย ที่ยังไม่ได้ยอมรับพระเยซูคริสต์   

8:10 เศคาริยาห์ยังคงหนุนใจให้ประชาชนสร้างพระวิหารเพื่ออนาคตของพวกเขา
เจ้าจะเป็นพร 

8:11 คนที่หลงเหลืออยู่ตรงนี้ นอกจากหมายถึงคนที่อาศัยในแผ่นดินอิสราเอลยามที่พี่น้องไปเป็นเชลยแล้ว ยังมีความหมายถึงคนอิสราเอลที่จะสร้างความสัมพันธ์ใหม่กับพระยาห์เวห์ 

8:12-13  พระสัญญานี้ ได้บอกเลยว่า บรรยากาศของโลกก็จะดี ส่งผลให้ พืชพันธ์ุธัญญาหารบริบูรณ์  เป็นพระสัญญาของพระเจ้าที่ให้ไว้กับทั้งคนที่หลงเหลืออยู่ และคนที่มีหัวใจถูกต้องกับพระเจ้า คือคนที่พระเจ้าทรงไถ่แล้ว เราจะเห็นว่า ข้อเขียนเศคาริยาห์เหมือนกับจะพูดทั้งกับคนในสมัยของเขา และสมัยของเราด้วย   
ความจริงแล้ว อิสราเอลมีหน้าที่ จะต้องเป็นพระพรแก่ชาวโลก วันนี้ เราเห็นการต่อต้านอิสราเอลทั่วโลก มีการเดินขบวนทั้งในอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลียให้จบชาติอิสราเอล   ให้ไม่มีอิสราเอลอีกต่อไป นี่เป็นการต่อต้านพระสัญญาของพระเจ้าที่มีต่ออับราฮัมโดยตรง แต่แล้วใน วันนี้ (ตุลาคม  2025) อิสราเอลก็เอาชนะศัตรูที่ร่ำรวย ที่มีกองทัพตัวแทนเข้ามาบุกรอบด้าน  เราไม่ได้บอกว่า อิสราเอลเป็นคนที่ถูกต้องทุกเรื่อง แต่การอยู่รอดของเขาทำให้เราเห็นว่า พระเจ้าจะทรงสำแดงพระเกียรติสิริของพระองค์ ต่อชาวโลกผ่านอิสราเอลที่พวกเขาเกลียดชังกันนัก
สิ่งที่เราเห็นอิสราเอลยืนกรานคือ พวกเขาสอนกันและกันว่า เราจะเข้มแข็ง เราจะไม่อ่อนแอ พระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ไม่ว่าโลกจะต้านเราแค่ไหนก็ตาม นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องมีติดตัวประจำชาติเลยทีเดียว

8:14-15 อะไรก็ตามที่เกิดกับอิสราเอล พระเจ้าทรงอยู่ตรงนั้น  ทุกอย่างผ่านการอนุญาตหรือไม่อนุญาตจากพระองค์ ศัตรูที่เข้ามา ไม่ได้เพื่อชนะ แต่เพื่อให้เห็นว่า พระเจ้าทรงชนะ 
เมื่ออิสราเอลยั่วยุพระเจ้า พระองค์ทรงลงโทษ แต่มาตอนนี้ พระองค์ทรงตั้งพระทัยที่จะรื้อฟื้นพวกเขา  ทรงให้ความมั่นใจว่า เขาไม่ต้องกลัว


สิ่งที่ประชาชนต้องทำ 
8:16-17  พระเจ้าทรงตั้งพระทัยทำดีให้อิสราเอล หรือให้เรา
แต่มีส่วนของเราที่จะต้องทำ ไม่ใช่ทำตัวเละเทะอย่างไรก็ได้
นั่นคือ พูดความจริง ตัดสินในศาลอย่างยุติธรรม (ประตูเมืองเป็นที่ ๆ ผู้ใหญ่ของอิสราเอลโบราณดำเนินการตัดสินคดีต่าง ๆ) ไม่วางแผนชั่ว  ไม่สาบานเท็จ  ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงรังเกียจ และปรากฎว่า โลกทุกวันนี้ เต็มด้วยสิ่งที่ทรงรังเกียจเหล่านี้  ผู้เชื่อในพระเจ้าจึงต้องระมัดระวัง ไม่ทำตามคนที่ไม่เชื่อ

8:18-19 พวกเขาเคยอดอาหารเนื่องจากการถูกบุกโดยบาบิโลน มาบัดนี้ การอดอาหารจะกลายเป็นเทศกาลแห่งความยินดี เพราะพระเจ้าทรงเทพระพรมาให้พวกเขา 
 
8:20-21 (ดู อิสยาห์ 2:1-5  และมีคาห์  4:1-5) อิสราเอลจะกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งโลก พระเจ้าจะทรงปกครองพวกเขาจากเมืองนี้  พวกเขาจะมาเรียนรู้พระองค์จากเมืองนี้  การที่คนทั้งโลกที่เคยดูหมิ่น หยามเยรูซาเล็มจะเปลี่ยนไป 
จะมีเมืองเกิดขึ้นอีกมากมาย  นี่เป็นภาพที่เกิดขึ้นในปัจจุบันใช่ไหม?  และไม่ใช่คนอิสราเอลเท่านั้น แต่คนเชื้อชาติอื่น ๆ ก็จะเข้ามาอยู่ในอิสราเอล ที่น่าแปลกคือ คนเชื้อชาติที่ต่อต้านอิสราเอล กำลังอยู่ในพื้นที่ด้วย อะไรกำลังจะเกิดขึ้น? ต้องติดตามเหตุการณ์ของโลกต่อไป

8:22 ประชาชนจากชาติต่าง ๆ  รวมทั้งชาติมหาอำนาจ จะมาที่เยรูซาเล็มเพื่อแสวงหาพระเจ้าเป็นพิเศษ เพื่อทูลอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์ 

8:23 คำว่า สิบคน สิบเป็นตัวเลขที่บอกถึงความสมบูรณ์แบบ
ในเวลาสุดท้าย  น่าสนใจ การที่ยึดเสื้อคลุมมีความหมายถึงว่า อิสราเอล จะได้รับพระพร ความช่วยเหลือจากพระเจ้าจนกระทั่งใคร ๆ ก็มาหา และมีผู้ให้ความเห็นว่า
พระเจ้าจะทรงให้อิสราเอลเป็นผู้ที่ประกาศพระนามของพระเยซู  พระเจ้าจะทรงยื่นพระหัตถ์ออกไปเพื่ออวยพระพรชนชาติต่าง ๆ ทั่วโลก  นี่เป็นเพราะไม้กางเขนของพระเยซูคริสต์ ประชาชนที่มา ไม่ได้มาเพื่อศาสนายูดาห์ที่ยิวออร์โธดอกซ์เชื่อถือ แต่พวกเขาหลั่งไหลมากันเพราะพระเยซู องค์พระเมสสิยาห์!

พระคำเชื่อมโยง

เศคาริยาห์ 8
2* เศคาริยาห์ 1:14 
3* เศคาริยาห์ 1:16; 2:10-11;อิสยาห์  1:21; 2:2-3; เยเรมีย์ 31:23
4* อิสยาห์ 65:20
5* เยเรมีย์  30:19-20
6* ลูกา 1:37
7* อิสยาห์11:11
8* เศฟันยาห์ 3:20; เยเรมีย์  30:22; 31:1, 33; 4:2

9* ฮักกัย  2:4;  เอสรา 5:1-2; 6:14; ฮักกัย 2:18
9* ฮักกัย 2:4; เอสรา 5:1-2; 6:14; ฮักกัย 2:18
10* ฮักกัย 1:6,9
11* ฮักกัย 2:15-19
12* โยเอล 2:22; สดุดี 67:6; ฮักกัย 1:10
13* เยเรมีย์ 42:18; ปฐมกาล 12:2

14* เยเรมีย์ 31:28;2 พงศาวดาร 36:1616* เศคาริยาห์ 7:9-10; เอเฟซัส 4:25
17* สุภาษิต 3:29
19* เยเรมีย์ 52:6,12; 2 พงศ์กษัตริย์25:25; เยเรมีย์ 52:4; เอสเธอร์ 8:17; เศคาริยาห์ 8:16
21* อิสยาห์ 2:2-3
22* อิสยาห์ 60:3; 66:23
23* อิสยาห์ 3:6; 45:14;1โครินธ์  14:25

เศคาริยาห์ 7 แผ่นดินจะถูกทิ้งร้าง

การอดอาหารปลอม
1 ในปีที่สี่ของรัชกาลกษัตริย์ดาริอัส พระดำรัสของพระยาห์เวห์มายังเศคาริยาห์ ในวันที่สี่ของเดือนที่เก้า คือเดือนคิสเลฟ (พฤศจิกายนถึงธันวาคม)
2 ประชาชนจากเบธเอลได้ส่งชาเรซอร์ และเรเกม-เมเลคพร้อมกับพวกของเขาเพื่อทูลถามพระยาเวห์  
3 โดยที่พวกเขาถามปุโรหิตในพระนิเวศของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ รวมทั้งเหล่าผู้เผยพระดำรัส “ข้าพเจ้าควรจะร้องไห้และอดอาหารในเดือนห้า เหมือนอย่างที่ได้ทำมาเป็นเวลาหลายปีหรือไม่?

4 แล้วพระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ
ก็มาถึงข้าพเจ้าดังนี้
 5 “จงถามประชาชนในแผ่นดิน ถามเหล่าปุโรหิตว่า ‘ในช่วงเวลาเจ็ดสิบปีที่ผ่านมา  เมื่อพวกเจ้าอดอาหารคร่ำครวญในเดือนห้าและเดือนเจ็ด พวกเจ้าอดอาหารเพื่อเราอย่างนั้นหรือ? 6 และเมื่อพวกเจ้ากินและดื่ม เจ้าก็ทำเพื่อตัวเองมิใช่หรือ?

7 นี่ไม่ใช่พระดำรัสของพระยาห์เวห์ที่ทรงประกาศผ่านผู้เผยพระดำรัสก่อนหน้านี้ หรือ? เมื่อนครเยรูซาเล็ม และเมืองรอบ ๆ มีคนอาศัยจำนวนมาก และเจริญรุ่งเรือง  และเนเกบ รวมถึงดินแดนเนินเขาเชเฟลาห์ ก็ยังมีผู้คนอาศัยอยู่

เพราะใจที่แข็งกระด้าง 
8 แล้วพระดำรัสของพระยาห์เวห์มายังเศคาริยาห์ดังนี้
9 “นี่เป็นพระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ ตรัสว่า
‘จงรักษาความยุติธรรมที่แท้  จงแสดงความรักเอาใจใส่ และความสงสารต่อกันและกัน 
10 อย่าได้กดขี่แม่ม่ายหรือคนที่กำพร้าพ่อ  คนต่างชาติ หรือคนยากจน และอย่าวางแผนชั่วต่อกันและกันในใจของเจ้า’

11 แต่พวกเขากลับปฏิเสธ ไม่ใส่ใจ และดื้อรั้นหันหลังให้เรา พวกเขาไม่ยอมฟังอีกต่อไป
12 พวกเขาทำให้ใจแข็งกระด้างเหมือนหินเหล็กไฟ ไม่ยอมฟังบัญญัติหรือพระดำรัสที่พระยาห์เวห์องค์จอมทัพทรงส่งมาโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ผ่านมายังผู้เผยพระดำรัสก่อนหน้านี้ ดังนั้น พระยาห์เวห์องค์จอมทัพจึงทรงพิโรธยิ่ง
13 ดังนั้นในเมื่อเราเรียก และพวกเขาไม่ยอมฟัง ดังนั้น เมื่อพวกเขาทูลเรา เราก็จะไม่ฟัง พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัส  

14 แต่เราได้ใช้ลมพายุหมุน ทำให้พวกเขากระจัดกระจายออกไปตามชาติต่าง ๆ ที่พวกเขาไม่รู้จักมาก่อน และแผ่นดินก็ถูกทิ้งร้างไว้อยู่ข้างหลัง เพื่อว่าจะไม่มีใครผ่านไปมาเลย  นี่แหละเป็นการที่พวกเขาทำให้แผ่นดินน่าอยู่กลับกลายเป็นที่รกร้างไป”

คำอธิบายเพิ่มเติม

การอดอาหารจอมปลอม 
7:4 แล้วพระเจ้าทรงตอบเขาผ่านเศคาริยาห์ เราจะเห็นคำว่า พระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพในบทที่ เจ็ดและแปดนี้อีกหลายครั้ง  พระเจ้าทรงสื่อสารกับคนของพระองค์จริง ๆ พระองค์ไม่ได้เมินพระพักตร์จากพวกเขาเลย 
7:5-6  พระเจ้าตรัสถามว่า ที่พวกเขาเคยอดอาหารกันมาก่อนหน้านั้น  พวกเขาอดอาหารเพื่อพระองค์อย่างนั้นหรือ?   นี่เป็นคำถามสะท้อนชีวิตของเราปัจจุบันด้วยว่า ที่เรามีความเชื่อ รับใช้พระเจ้าอยู่อย่างแข็งขัน หรือทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อถวายพระองค์นั้น เราทำเพื่อพระองค์ หรือเพื่อตัวเอง …  
พระเจ้าทรงถามถึงการอดอาหารเดือนเจ็ดด้วย เนื่องจากในเดือนเจ็ดมีการก่อกบฎ และได้มีการสังหารเกดาลิยาห์ คนของพระเจ้าที่ทรงตั้งไว้ให้ดูแลชนที่เหลืออยู่ในแผ่นดิน เดือนเจ็ดนี้พวกเขาจึงอดอาหารกันเพื่อระลึกถึงเรื่องนี้ (ดูเยเรมีย์ 41)
พวกเขาไม่ได้อดอาหารเพราะความทุกข์ใจที่ได้ทำผิดต่อพระเจ้า แต่พวกเขาทำไปเพราะเป็นเหมือนพิธีกรรมของพวกเขาเอง
7:7 ผู้เผยพระดำรัสก่อนหน้านี้ คือก่อนที่พวกเขาจะถูกกวาดไปเป็นเชลย  ช่วงเวลานั้นเป็นเวลาที่พวกเขากินดื่มและประเทศอยู่ในช่วงของสันติสุข มีความสุขกันถ้วนหน้า
พระเจ้าตรัสถึงเนเกบซึ่งเป็นเขตถิ่นกันดารทางใต้เต็มด้วยทะเลทราย 
ส่วนเนินเขาเชเฟลาห์นั้น เป็นพื้นที่ในยูดาห์ระหว่างหุบเขากับชายทะเล  

เพราะใจที่แข็งกระด้าง
7:8-9 พระดำรัสของพระเจ้ามาอีกแล้ว  เศคาริยาห์ก็ได้แจกแจงถึงหน้าที่ทางสังคมที่พวกเขาควรจะเอาใจใส่ ให้ความยุติธรรม จะต้องตัดสินความโดยไม่เข้าข้างแต่ทำตามความถูกต้อง   ให้แสดงความรักความ เอาใจใส่ สงสาร พี่น้องร่วมชาติ 
7:10 ห้ามกดขี่แม่ม่าย ลูกกำพร้า คนต่างชาติ คนยากจน  ไม่ให้วางแผนชั่วทำร้ายต่อกัน
พระเจ้าทรงสั่งแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ
7:11-13  ประชาชนอิสราเอลไม่ฟังพระเจ้า  สิ่งที่ทำคือ ไม่ทำตาม ไม่สนใจ หันหลังให้ ไม่ยอมฟัง ใจแข็ง (แม้ทุกวันนี้ที่พวกเขาเผชิญกับสงครามรอบด้าน ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา ยังมียิวที่ใจแข็งต่อพระเจ้ามาก ๆ  แต่ในเวลาเดียวกันก็มียิวที่กลับมาหาพระเจ้าอย่างจริงจังเพราะพวกเขาได้เห็นพระสิริ ฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าที่ทรงปกป้องพวกเขา) ทำให้พระยาห์เวห์ทรงกริ้วมาก พวกเขาจะต้องเผชิญกับการพิพากษาของพระเจ้าต่อทั้งชาติอย่างรุนแรง 
ผลที่ได้รับต่อมาคือ พระองค์จะไม่ทรงฟังพวกเขาถาม จะไม่ทรงตอบใด ๆ  เมื่อร้องทูลจะไม่ทรงฟังเช่นกัน คราวนี้พวกเขาจะได้รู้รสของสิ่งที่ตนได้ทำต่อพระเจ้า 
7:14 ยิ่งกว่านั้น พระเจ้าจะทรงทำให้พวกเขากระจายไปตามชาติต่าง   และแผ่นดินจะถูกทิ้งให้ร้าง ไม่มีผู้คนอาศัย ซึ่งต่อมา ก็เกิดขึ้นจริง พวกเขาได้อยู่ในแผ่นดินนี้อีกประมาณ 600 ปี และหลังจากที่โรมเข้ามาโจมตีในปี ค.ศ. 70  พวกเขาก็กระจัดกระจายออกไปอีกครั้ง
การลงโทษครั้งนี้ ไม่ใช่อยู่ดี ๆ พระเจ้าก็ให้เกิดขึ้น แต่เป็นผลจากการไม่เชื่อฟังของพวกเขาเอง พระเจ้าจึงทรงเตือนให้รู้กันไปชัด ๆ เลยว่า พวกเขาจะต้องมีชีวิตอย่างไรจึงจะถูกต้องตามที่พระเจ้าทรงเรียกเขามาเป็นคนของพระองค์ 

พระคำเชื่อมโยง

เศคาริยาห์ 7
3* มาลาคี 2:7; เศคาริยาห์ 8:19
5* อิสยาห์ 58:1-9; เยเรมีย์ 41:1; เศคาริยาห์ 1:12; โรม 14:6
6* 1 พงศาวดาร 29:22
7* เศคาริยาห์ 1:4; เยเรมีย์ 17:26
9* เยเรมีย์ 7:28


10* อพยพ 22:22; มีคาห์ 2:1
11* เนหะมีย์ 9:29; เยเรมีย์ 17:23
12* เอเสเคียล 11:19; เนหะมีย์ 9:29-30; ดาเนียล 9:11-12
13* สุภาษิต 1:24-28
14* เฉลยธรรมบัญญัติ 4:27; 28:64

เศคาริยาห์ 6 จินตภาพเรื่องรถม้าศึกทั้งสี่

จินตภาพสุดท้าย
1 อีกครั้งที่ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นและเห็นรถม้าศึกสี่คัน(เทียมม้าหลายตัวต่อคัน ไม่ทราบว่า สองหรือสี่)ออกมาจากระหว่างภูเขาทองสัมฤทธิ์สองลูก
2  ม้าศึกคันแรกมีม้าสีแดง คันที่สองเป็นม้าสีดำ
3 คันที่สามเป็นม้าสีขาวและคันที่สี่เป็นม้าสีด่าง 
ม้าทุกตัวมีกำลังแข็งแรง
4 ดังนั้นข้าจึงถามทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้าอยู่ว่า “นายเจ้าข้า เหล่านี้คืออะไรกัน?”
5 และทูตสวรรค์บอกข้าพเจ้าว่า “นี่คือวิญญาณทั้งสี่แห่งสวรรค์ ซึ่งออกมาจากฐานประจำการเบื้องพระพักตร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งแผ่นดินโลกทั้งสิ้น
6 รถม้าศึกที่มีม้าสีดำกำลังมุ่งหน้าไปยังแผ่นดินทางทิศเหนือ  รถม้าศึกที่มีม้าสีขาวก็ตามไป รถม้าศึกที่มีม้าสีด่างนั้นมุ่งหน้าไปยังทิศใต้ 
7 เมื่อม้าล่ำสันเหล่านั้นออกมา                                                        มันต่างมุ่งมั่นที่จะออกไปและลาดตระเวนดูทั้งโลก และพระยาห์เวห์ตรัสว่า “จงไปและตระเวนดูทั้งโลก” พวกมันจึงออกตระเวนไปทั่วโลก
8 แล้วพระยาห์เวห์ทรงเรียกข้าพเจ้าไป ตรัสว่า “ดูเถิด พวกที่เดินทางไปยังแผ่นดินทางทิศเหนือทำให้พระวิญญาณของเราพักสงบในแผ่นดินทิศเหนือ”

มงกุฎ และพระวิหาร
9 พระดำรัสจากพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าด้วย ตรัสว่า 
10 “จงรับของถวายจากผู้ที่เป็นเชลย จากเฮลดัย จากโทบียาห์ และจากเยดายาห์ พวกเขาเพิ่งมาถึงบาบิโลน และ ในวันเดียวกันนั้นพวกเขาไปยังบ้านของโยสิยาห์บุตรเศฟันยาห์ 
11 จงรับแร่เงินและแร่ทองคำ นำมาทำเป็นมงกุฎ และสวมให้กับมหาปุโรหิตโยชูวาบุตรเยโฮซาดัก   
12 และเจ้าต้องบอกเขาว่าพระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสว่า “นี่คือบุรุษที่มีชื่อว่า กิ่ง  เขาจะแตกกิ่งออกไปจากที่ของเขา และสร้างพระวิหารของพระยาห์เวห์
13 ใช่แล้ว เขาจะสร้างพระวิหารของพระยาห์เวห์ เขาจะสวมเสื้อที่งดงาม และนั่งบนบัลลังก์ของเขาปกครอง และเขาจะเป็นปุโรหิตบนบัลลังก์ของเขา และหน้าที่สองของเขานั้นจะประสานกลมกลืนกันอย่างสันติ
14 มงกฎนั้นจะอยู่ในพระวิหารของพระยาห์เวห์ เป็นที่ระลึกถึง เฮลดัย โทบิยาห์ เยดายาห์ และ โยสิยาห์บุตรชายของเศฟันยาห์ 
15 แม้คนที่อยู่ห่างไกลก็จะมาและสร้างพระวิหารของพระยาห์เวห์ และเจ้าจะรู้ว่า เราพระยาห์เวห์องค์จอมทัพได้ส่งเรามาหาเจ้า การนี่จะเกิดขึ้นหากเจ้าตั้งใจมั่นที่จะเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า

อธิบายเพิ่มเติม

จินตภาพสุดท้าย
เราต้องไม่ลืมว่า พระเจ้าทรงมีแผนที่จะสร้างเยรูซาเล็มใหม่ ให้ชีวิตใหม่กับคนของพระองค์  จินตภาพครั้งนี้คล้ายคลึงกับครั้งที่  1 ซึ่งมีม้าออกมาเช่นกัน  แต่รายละเอียดเรื่องสีของตัวม้านั้น แตกต่างกัน 
ม้าสี่ตัวแรกในบทที่ 1ออกไปลาดตระเวน กลับมารายงานว่า โลกอยู่อย่างสงบ

6:1-3  ครั้งนี้ เศคาริยาห์เห็นภูเขาที่เป็นทองสัมฤทธิ์สองลูกซึ่งมีความหมายถึงการพิพากษาของพระเจ้า (กันดารวิถี 21:9 พูดถึงงูทองสัมฤทธิ์​) น่าจะเป็นภูเขาศิโยน และภูเขามะกอกเทศ และมีรถม้าสี่คัน ม้าสี่สีวิ่งออกตามกันมา เป็นกลุ่มม้าลาดตระเวน ที่ออกมาจากเบื้องพระพักตร์พระเจ้า (พวกเขาออกมาจากการอยู่กับพระเจ้า)โดยที่ไบเบิลโปรเจกต์ ได้ให้ความเห็นว่า ม้าสีแดงหมายถึงสงคราม การนองเลือด ม้าสีดำ หมายถึงความอดอยากและความตาย  ม้าสีขาวหมายถึงชัยชนะ และม้าสีด่างคือความตายที่มาจากการพิพากษา  https://bibleproject.com/bible/amp/zechariah/6/#:~:text=2The 
เมื่อเราเจอรถม้าศึกในบริบทแบบนี้ นั่นหมายถึงการพิพากษาของพระเจ้า ดู เยเรมีย์ 46:9-10, โยเอล 2:4-11, นาฮูม 3:1-7  และที่มีสี่ตัวนั้นครอบคลุมทุกทิศหมายถึงการพิพากษาที่ลงไปถึงทุกมุมโลกที่เกลียดชังพระเจ้า ปฏิเสธพระองค์  

6:4-5 เศคาริยาห์ไม่ทราบความหมายของสิ่งที่เขาเห็น ดังนั้น ทูตสวรรค์อธิบายว่า ม้าศึกทั้งสี่ชุดนี้ เป็นวิญญาณแห่งสวรรค์ที่อยู่เบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า พวกเขา กำลังจะเดินทางไปยังทิศเหนือ ทิศใต้ ลาดตระเวณดูทั้งโลก ทุกทิศทาง นี่เหมือนกับว่าม้าศึกและรถศึกนี้เขาเป็นตัวแทนของทูตสวรรค์ที่พระเจ้าทรงส่งออกไป
คำว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งแผ่นดินโลกทั้งสิ้น นี้ เป็นคำที่ย้ำเตือนว่า มีพระองค์เท่านั้นที่เป็นองค์ผู้สูงสุด ไม่มีเทพองค์ไหนเหนือพระองค์ 

6:6 การมุ่งไปทางทิศเหนือนั้น คือไปยังบาบิโลน เราอาจคิดว่า บาบิโลนน่าจะเป็นตะวันออกของเยรูซาเล็ม แต่ผู้อธิบายพระคัมภีร์หลายท่านให้ความเห็นว่า เมื่อบาบิโลนเข้ามาโจมตี พวกเขายกทัพขึ้นเหนือก่อน แล้วจึงลงมาเยรูซาเล็ม  นั่นเป็นการเดินทางของกองทัพบาบิโลน  จึงมองว่า ทางเหนือเป็นบาบิโลน 
6:8 การที่พระวิญญาณของพระเจ้าได้พัก นั้นก็คือ พระองค์ทรงพักเมื่อศัตรูถูกจัดการ  ทำให้เห็นว่า ผู้รับใช้ของพระองค์เหล่านี้จะจัดการพิพากษาชาติต่าง ๆ ที่ข่มขู่อิสราเอล  อย่างเช่นการที่ไซรัสมหาราช โจมตีบาบิโลน ก็เป็นหนึ่งในการพิพากษาครั้งนี้ (อ่านอิสยาอห์ 13:1-22; 45:1-6 และยังฮาบากุก 2)

มงกุฎ และพระวิหาร
6:9-12 ย้อนกลับไปที่โยชูวามหาปุโรหิตที่พระเจ้าทรงชำระในบทที่สาม และย้อนกลับไปที่ฮักกัย 2:20-23 พระเจ้าจะทรงรับเศรุบบาเบลเป็นผู้ที่ทรงเลือกสรร
ต่อมาพระเจ้าทรงให้เขารับแร่เงิน ทองเพื่อมาทำเป็นมงกุฎให้กับมหาปุโรหิต เขาไม่ได้ใส่หมวกแบบปุโรหิตแต่กลับได้ใส่มงกุฎ  จะเห็นว่า โยชูวา มหาปุโรหิตผู้นี้ จะกลายเป็นผู้ที่ทำหน้าที่กษัตริย์ด้วย
นี่เป็นคำกล่าวที่เล็งถึงพระเยซูอย่างชัดเจนมาก พระองค์ทรงเป็นกิ่งที่จะขยายต่อไป และเป็นผู้สร้างพระวิหารฝ่ายวิญญาณของพระเจ้า 
6:13 ท่านผู้นี้จะเป็นผู้สร้างพระวิหารของพระเจ้า เขาจะเป็นทั้งกษัตริย์ผู้ปกครอง และเป็นปุโรหิตในคน ๆ เดียวกัน และจะเป็นใครไม่ได้เลย นอกจากองค์พระเมสสิยาห์ที่พระเจ้าทรงเจิมไว้ พระองค์ดำรงสองตำแหน่ง
อ่านแล้วเหมือนในสดุดี 110:4 กล่าวว่า พระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณแล้ว และพระองค์จะไม่ทรงเปลี่ยนพระทัย “เจ้าเป็นปุโรหิตนิรันดร์ ตามแบบอย่างเมลคีเซเดค”

6:14  มงกฎจะอยู่ในพระวิหารที่ซ่อมแล้ว เพื่อเตือนให้ระลึกถึงกลุ่มผู้ชายที่กลับมาจากบาบิโลน พวกเขาเป็นตัวแทนของคนอิสราเอลที่กลับมาทั้งหมด

6: 15 การที่คนต่างชาติจะเข้ามาช่วยกันสร้างพระวิหารของพระเจ้านั้นจะทำให้คนอิสราเอลเองได้รู้ว่า พระเจ้าทรงส่งพระเมสสิยาห์มาแล้ว ไม่ต้องรอคอยผู้อื่น 
สิ่งที่เราเห็นคือ กิ่งที่จะมานั้นมาในสภาพของมนุษย์ ท่านจะเกิดในเบธเลเฮม  จะเป็นผู้สร้างพระวิหารพร้อม ๆ กับคนต่างชาติที่เชื่อ  จะเป็นลูกหลานของดาวิด ท่านจะเป็นทั้งกษัตริย์และปุโรหิตในองค์เดียวกัน  และท่านจะนำสันติภาพมาสู่โลกนี้ 

พระคำเชื่อมโยง

เศคาริยาห์ 6
1* เศคาริยาห์ 1:8; วิวรณ์ 6:5
4* เศคาริยาห์ 5:10
5* ฮีบรู 1:7, 14 ; ดาเนียล 7:10

6* ดาเนียล 1:14
7* เศคาริยาห์ 1:10
8* ปัญญาจารย์ 10:4
11* อพยพ 29:6; ฮักกัย 1:1

เศคาริยาห์ 5 จินตภาพหนังสือม้วนและหญิงในตะกร้า

หนังสือม้วนที่บินได้
1 อีกครั้งที่ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นและเห็นหนังสือม้วนบินไปได้
 2 ทูตสวรรค์ถามว่า “เจ้าเห็นอะไร?”
“ข้าพเจ้าเห็นหนังสือม้วนบินไปขอรับ” ข้าพเจ้าตอบ “ยาวยี่สิบศอก และกว้างสิบศอก” ประมาณ 9 เมตร และกว้างประมาณ 4.5 เมตร
3 แล้วท่านบอกข้าพเจ้าว่า “นี่เป็นคำสาปแช่งที่เคลื่อนไปทั่วแผ่นดิน ตามด้านหนึ่งของหนังสือม้วนนี้ คนที่เป็นโจรทุกคนจะต้องถูกกำจัดไป ส่วนอีกด้านหนึ่งกล่าวว่า ทุกคนที่สาบานเท็จจะถูกกำจัดให้หมดสิ้นไป
4 พระยาห์เวห์องค์จอมทัพทรงประกาศว่า “เราจะส่งมันออกไป และมันจะเข้าไปในบ้านของโจรและคนที่ให้คำสาบานเท็จในนามของเรา มันจะเข้าไปในบ้านของเขาและทำลายบ้านนั้นให้หมดสิ้นไปจนถึงไม้และหินในบ้าน”

จินตภาพของผู้หญิงในตะกร้า
5 แล้วทูตสวรรค์ที่ได้พูดกับข้าพเจ้าเดินมาข้างหน้า และบอกข้าพเจ้าว่า “เงยหน้าขึ้นดูสิว่า อะไรกำลังมาใกล้”
6 ข้าพเจ้าถามว่า “นั่นเป็นอะไรขอรับ?” ท่านตอบว่า “ตะกร้าชั่งกำลังจะออกไป” แล้วท่านกล่าวต่อไปว่า “นี่เป็นบาปของประชาชนทั้งแผ่นดิน”
7 และดูเถิด  แล้วฝาตะกั่วก็เปิดออก ในตะกร้านั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่
8 “นี่คือความชั่วช้า” ท่านกล่าว แล้วท่านก็ดันเธอให้กลับไปในตะกร้าตามเดิม แล้วก็กดฝาปิดปากตะกร้า 
9 แล้วข้าพเจ้าก็เงยหน้ามองดูเห็นผู้หญิงสองคน บินตรงมาทางเรา มีลมพัดปีกของทั้งสอง โดยที่ปีกนั้นเหมือนปีกนกกระสา แล้วทั้งสองก็ยกตะกร้าขึ้นให้อยู่ระหว่างสวรรค์และโลก
10 “เขาจะเอาตะกร้าไปไหนขอรับ?”
ข้าพเจ้าถามทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้า
11  “เอาไปยังแผ่นดินชินาร์ เพื่อสร้างบ้านให้ตะกร้า เมื่อสร้างเสร็จ ตะกร้าก็จะวางตะกร้านั้นไว้บนฐานของมัน”

อธิบายเพิ่มเติม

จินตภาพต่อมา พระเจ้าทรงจัดการกับความบาปของอิสราเอล   พระเจ้าทรงบอกชัดเจนว่า คนบาปที่ไม่กลับใจจะถูกกำจัดให้หมด 

5:1-4  เศคาริยาห์เห็นหนังสือม้วนที่บินได้  เป็นคำสาปที่จะไปทั่วแผ่นดิน  ที่หนังสือนี้บินเหมือนโดรนเพื่อจะไปให้ทั่วจริง ๆ   เป็นหนังสือม้วนที่เปิดอยู่ และใหญ่พอที่คนจะอ่านได้  ใหญ่เหมือนบิลบอร์ดเลย   ทำให้คนที่ได้อ่านแล้ว ไม่อาจจะบอกว่า ไม่เห็นนะ ไม่ได้อ่านนะ 
 บาปที่พระเจ้าเจาะจงซึ่งเขียนอยู่ในหนังสือม้วนนี้คือ โจร กับคนสาบานเท็จ และไม่ใช่เท่านั้น แต่เป็นการทำผิดโดยอ้างพระนามพระเจ้า (เฉลยธรรมบัญญัติ 28) 
ข้อเขียนคำสาปนั้นมีทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งสำหรับคนที่ละเมิดบทบัญญัติสิบประการข้อ แปด (ดูอพยพ 20 ) อีกด้านสำหรับคนที่ละเมิดข้อที่สาม
สองประเภทนี้เป็นเป้าหมายของพระเจ้า  การปล้นสะดม การขโมยเป็นการทำกับเพื่อนบ้านของตน แต่การสาบานเท็จเป็นการทำกับทั้งพระเจ้า และเพื่อนบ้าน จินตภาพนี้แตกต่างจากอันก่อนที่พระเจ้าทรงอวยพระพร แต่จินตภาพนี้บ่งบอกการทำลายสิ้น
คำสาปดังกล่าวมีการพูดถึงในเฉลยธรรมบัญญัติ 30:7
การลงโทษบาปนั้นก็จะครอบคลุมทั้งแผ่นดิน!
 อิสราเอลจะต้องตระหนักว่า บาปทุกอย่างมีผลลัพธ์อย่างแน่นอน 

จินตภาพนี้ เน้นการลงโทษบาปคนที่ทำผิด ส่วนจินตภาพต่อไปกล่าวถึงการเอาความชั่วออกไปให้พ้นแผ่นดิน 

5:5-6 ต่อมาเศคาริยาห์เห็นตะกร้า กำลังออกไปโดยมีหญิงสองคนที่มีปีก ยกตะกร้าขึ้นในท้องฟ้า คำว่าตะกร้านี้เป็นภาษาฮีบรูว่า เอฟาห์ ซึ่งเป็นการชั่งตวงเท่ากับครึ่งหนึ่งของหนึ่งบูเชล  ดูเหมือนว่า ในช่วงเวลาของเศคาริยาห์นั้น ความชั่วนั้นเต็มแผ่นดินจริง ๆ  
ตะกร้าที่มีผู้หญิงอยู่เป็นเครื่องหมายของความชั่วร้ายของประชาชนทั้งแผ่นดิน และเป็นความชั่วที่แอบอยู่  และสะสมมาเรื่อย ๆ คนทั่วไปที่ได้รับผลของความชั่วก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน  เมื่อแผ่นดินเต็มด้วยความชั่วช้า พระเจ้าก็จะทรงทำลายความชั่วร้าย

5:7-8 หญิงคนนี้ต้องการหนีออกมา แต่ถูกดันให้กลับไป แถมปิดฝาตะกร้าด้วย ผู้หญิงมีปีกนำตะกร้านี้ไปแผ่นดินชินาร์ซึ่งก็คือ บาบิโลน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการต่อต้านพระเจ้า  ผู้หญิงที่มีปีกสองคนเป็นคนที่รับใช้ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า 

5:9-11 ดูเหมือนว่า การที่เอาตะกร้าออกไปยังบาบิโลน บ่งบอกว่า พระเจ้าจะเอาความชั่วร้ายออกไปจากเยรูซาเล็ม และอย่าลืมว่าในบทที่สอง
พระเจ้าทรงสั่งให้คนอิสราเอลออกมาจากบาบิโลน  และพระองค์จะทรงเป็นกำแพงไฟให้กับเยรูซาเล็ม
แผ่นดินชินาร์นี้ ต่อต้านพระเจ้ามาตั้งแต่พวกเขาสร้างหอบาเบล พระเจ้าไม่ทรงยอมให้พวกเขาตั้งรูปเคารพไว้อย่างถาวรในแผ่นดินของพระองค์ มันจะต้องถูกกำจัดออกไป
นี่เป็นการกำจัดบาปเหมือนกับวันแห่งการลบบาปในเลวีนิติบทที่ 16 มีทั้งการรับโทษบาป และการปล่อยออกไปในถิ่นกันดาร

พระคำเชื่อมโยง

เศคาริยาห์ 5
1* เอเสเคียล 2:9
3* มาลาคี 4:6
4* อพยพ 20:15; เลวีนิติ 14:34-35
9* เลวีนิติ 11:13, 19
10* เศคาริยาห์ 5:5
11* เยเรมีย์ 29:5, 28;
ปฐมกาล 10:10