สดุดี 129 ขอทรงตัดเชือกคนชั่วร้ายออกไป

บทเพลงแห่ขึ้น

คนของพระเจ้าถูกข่มเหง
1 “ตั้งแต่เป็นวัยรุ่นมา พวกเขาก็เอาแต่ข่มเหงข้าไม่หยุด ”
ให้อิสราเอลกล่าวออกมา
2 “หลายครั้งที่พวกเขาข่มเหงข้ามาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น
แต่พวกเขาก็ไม่ชนะข้า”
3”ผู้ไถ ก็ไถบนหลังของข้า เข้าทำให้เกิดเป็นร่องยาว”

พระเจ้าทรงปกป้องคนของพระองค์
4พระเจ้าทรงเที่ยงธรรม
พระองค์ทรงตัดเชือกของคนชั่วร้ายออกไป

คำร้องทูลเพื่อคนของพระเจ้า
5 ขอให้ทุกคนที่เกลียดศิโยนนั้น
ต้องอับอายและถอยกลับออกไป
6 ขอให้เขาเป็นเหมือนต้นหญ้าที่งอกขึ้นบนหลังคา
ซึ่งจะเหี่ยวแห้งไปก่อนที่แตกยอด
7 ซึ่งทำให้คนเกี่ยวเก็บไม่ได้เต็มกำมือ
หรือคนที่มัดเป็นฟ่อนได้ไม่เต็มอ้อมแขน
8และคนที่ผ่านไปมาก็จะไม่พูดว่า
“ขอให้พระพรของพระยาห์เวห์
อยู่เหนือท่านทั้งหลาย
เราอวยพรท่านในพระนามของพระยาห์เวห์”

พระคำเชื่อมโยง

1 อพยพ 1:14; ผู้วินิจฉัย 3:8, 14; 4:3; 6:2; 10:8; อิสยาห์ 47:12; เยเรมีย์ 2:2; 22:21; โฮเชยา 2:15 ;สดุดี 124:1

2* 2 โครินธ์ 4:8-10

3 มีคาห์ 3:12 อิสยาห์ 50:6; 51:23

4 สดุดี . 2:3

5 สดุดี . 35:4

6 2 พงศ์กษัตริย์ 19:26; อิสยาห์ 37:27; สดุดี 37:2; Job 8:12

8 นางรูธ 2:4 สดุดี 118:26

สดุดี 129:1-3 คนของพระเจ้าถูกข่มเหง
ชนชาติอิสราเอลนั้น พบกับสงครามกับเพื่อนบ้าน ชนชาติที่อยู่ล้อมรอบมาตั้งแต่โบราณจนทุกวันนี้ ผู้เขียนได้ทูลขอพระเจ้าจะทรงทำลายศัตรูของศิโยน ท่านได้อธิบายว่า ความเป็นศัตรูกันนั้นต่อเนื่องเนิ่นนานขนาดไหน เข้าใจว่าคนอิสราเอลท่องสดุดีบทนี้ตอนที่เดินทางขึ้นไปยังเยรูซาเล็มในเทศกาลต่าง ๆ
ข้อสามได้บอกถึงการที่ศัตรู ทำร้ายคนอิสราเอลราวกับว่า พวกเขาซึ่งเป็นคนกลับกลายเป็นเหมือนท้องนา


สดุดี 129:4 พระเจ้าทรงปกป้องคนของพระองค์
เมื่อพระเจ้าตัดเชือกออก เหมือนกับตัดเชือกที่ผูกวัวด้วยกันออก พวกเขาก็ไม่อาจไถ ไม่อาจทำร้ายอิสราเอลได้อีกต่อไป


สดุดี 129:5-8 คำร้องทูลเพื่อคนของพระเจ้า
ผู้เขียนยังคงอธิษฐานต่อ ท่านรู้ว่า คนที่เกลียดศิโยน เท่ากับเกลียดองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วย ขอจากพระเจ้าที่พวกเขาจะไม่มีวันเจริญและไม่มีวันได้คำอวยพร

สดุดี 128 ความสุขของคนที่ยำเกรงพระเจ้า

บทเพลงแห่ขึ้น  

ความยำเกรงพระเจ้านำมาซึ่งพระพร
1 ความสุขเป็นของทุกคนที่ยำเกรงพระเจ้า
ทุกคนที่เดินในทางของพระองค์ 

พระพรของพระเจ้าเป็นอย่างนี้
2 ท่านจะได้กินผลแห่งน้ำมือของท่าน
ท่านจะได้รับพระพร และชีวิตที่เดินไปด้วยดี
3 ภรรยาของท่านจะเป็นเหมือนเถาองุ่น
ที่มีลูกดกในบ้านของท่าน
ลูก ๆ ของท่านจะเป็นเหมือนกิ่งมะกอก
ที่เรียงรายรอบโต๊ะอาหารของท่าน 
4 ดูเถิด  บุรุษที่ยำเกรงพระเจ้า
จะได้รับพระพรอย่างนี้  

ทูลขอพระพรเพื่อประชากรของพระเจ้า
5 ขอพระยาห์เวห์ทรงอวยพระพรแก่ท่านจากศิโยน 
และขอให้ท่านได้เห็นความเจริญแห่งเยรูซาเล็ม
ตลอดชีวิตของท่าน 
6 ขอให้ท่านได้เห็น ลูก ๆ ของลูก ๆท่าน 
ขอสันติภาพมีอยู่ในอิสราเอล 

พระคำเชื่อมโยง

1 *สดุดี 112:1 ,119:1; สุภาษิต 8:32

2 อิสยาห์ 3:10; สดุดี 109:11

3 เอเสเคียล. 19:10; ปฐมกาล 49:22; สดุดี 52:8

5สดุดี 134:3, 20:2; 135:21, 122:9

6 สุภาษิต 17:6; โยบ 42:16 สดุดี 125:5

สดุดี 128:1 ความยำเกรงพระเจ้านำมาซึ่งพระพร
พระพรของพระเจ้าที่ผู้เขียนบรรยาย แตกต่างจากสิ่งที่โลกต้องการ บทนี้เพิ่มเติมจากบทที่ผ่านมา
ในบริบทของโลกอิสราเอลโบราณ พระพรหมายถึงทุ่งที่มีพืชอุดม ภรรยาที่ซื่อสัตย์ และลูก ๆ ที่ล้อมรอบโต๊ะอาหาร พระพร สิ่งดีต่าง ๆที่พระเจ้าประทานให้นั้น เป็นของชุมชนของพระเจ้าด้วย ไม่แค่พระพรเฉพาะตัวคนเดียวเท่านั้น และผู้ที่จะนำพระพรมาสู่ครอบครัว ชุมชน คือผู้นำที่ยำเกรงพระเจ้า ไม่ใช่คนที่ขาดความรับผิดชอบกับคนรอบข้าง

สดุดี 128:2-4 พระพรของพระเจ้าเป็นอย่างนี้
การที่ได้กินผลแห่งน้ำมือนั้นคือ ไร่นา ฝูงสัตว์ของเขาเกิดผลเป็นอย่างดี สมัยก่อนโน้น ต้องมีลูกไว้เยอะ ๆ เป็นดี ภรรยาเป็นเหมือนเถาองุ่น มีลูกได้หลายคน ไม่เป็นหมัน ส่วนลูก ๆ เหมือนหน่อมะกอก รายล้อมโต๊ะอาหารทุกมื้อ นี่เป็นภาพของบุรุษที่พระเจ้าทรงอวยพระพร

สดุดี 128:5-6 ทูลขอพระพรเพื่อประชากรของพระเจ้า
จากนั้น ผู้เขียนได้อธิษฐานขอให้คนที่ยำเกรงพระเจ้าได้เห็นลูก หลาน เหลน … แต่เราสังเกตไหมว่า เขาไม่ได้เป็นคนที่นั่งเฉย แต่เป็นคนที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง รักและดูแลลูก ภรรยาเป็นอย่างดี นี่เป็นภาพอันงดงามของครอบครัวที่พระเจ้าทรงอวยพระพร

สดุดี 127 บ้านเรา..พระเจ้าทรงสร้างให้

จะสร้างหรือปลอดภัย มาจากพระเจ้าเท่านั้น

บทเพลงแห่งขึ้นของโซโลมอน

ผู้ที่สร้างบ้านแท้ ผู้ที่ให้สันติสุขแท้
1 หากพระเจ้ามิได้ทรงสร้างบ้าน
คนที่สร้างบ้าน ก็สร้างไปเปล่า ๆ
หากพระเจ้าไม่ได้ทรงเฝ้าเมืองไว้
คนยามเมืองตื่นอยู่นั้น ก็ตื่นไปเปล่า ๆ

2 เป็นการเสียเปล่าที่ท่านตื่นแต่เช้าตรู่
และทำงานหากินจนดึกดื่น
กินอาหารจากแรงงานที่ตรากตรำ
เพราะพระเจ้าทรงอวยพรให้คนทรงรักนั้นหลับสบาย

มรดกจากพระยาห์เวห์
3 ดูเถิด ลูกชายก็เป็นมรดกจากพระยาห์เวห์
ผลแห่งครรภ์นั้นคือรางวัล
4 ลูกหลานที่เกิดขึ้นแก่คนหนุ่มนั้น
เป็นเหมือนลูกธนูในมือของนักรบ
 5 คนที่มีลูกธนูเต็มแล่งนั้นก็เป็นสุขนัก
เขาจะไม่ต้องอับอาย
เมื่อเขาเผชิญหน้ากับศัตรูของเขาที่ประตูเมือง

พระคำเชื่อมโยง
1* สดุดี 121:4
2* ปฐมกาล 3:17, 19;
สดุดี 60:5 ;มาระโก 4:26, 27
3* ปฐมกาล 33:5 ; เฉลยธรรมบัญญัติ 28:4; [สดุดี 132:11]
4* สดุดี 120:4 127:4
5 * โยบ 5:4

สดุดี 127:1-2 ผู้ที่สร้างบ้านแท้ ผู้ที่ให้สันติสุขแท้
คำว่า บ้านนี้ มีความหมายได้หลายอย่าง หมายถึงที่อาศัย ครอบครัว ตระกูลที่สืบต่อชั่วลูกชั่วหลาน ครอบครัวของอิสราเอลโบราณนั้น เรื่องการที่ครอบครัวจะมีลูกหลานสืบต่อเป็นเรื่องสำคัญมาก พวกเขารู้ดีว่า ครอบครัวจะอยู่ได้นานแสนนานก็ด้วยการอวยพระพรจากพระเจ้า
และเมืองนอกจากมีความหมายถึงเมืองจริง ๆ แล้ว ยังหมายถึงความมั่นคงของชุมชนด้วย เมืองที่ปลอดภัยก็จะทำให้ครอบครัวมั่นคง
ใช่แล้ว พระเจ้าทำให้คนที่พระองค์ทรงรัก คนที่รักพระองค์ได้หลับอย่างไม่กระสับกระส่าย ไม่หลับๆ ตื่น ๆ ให้เขาได้หลับลึก พร้อมที่จะตื่นขึ้นมาพบพระองค์ในวันต่อไป ใช้ชีวิตด้วยการวางใจพระเจ้า เชื่อในพระสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะไม่ละทิ้งเขาเลย

สดุดี 127:3-5 มรดกจากพระยาห์เวห์
การมีลูกชายในสมัยโบราณนั้นเหมือนกับการมีนักรบที่จะช่วยปกป้องบ้านเมืองเอาไว้ การพูดถึงลูกชายในที่นี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่จะเลือกชอบหญิงหรือชายมากกว่า แต่เป็นเรื่องของการรักษาวงศ์ตระกูล ลูกที่เกิดมาตอนที่พ่อยังหนุ่มนั้นช่วยได้ดีเพราะรุ่นก่อนจะชราไป ทำให้ไม่สามารถสู้รบได้อย่างแข็งแรงเหมือนคนหนุ่ม และเมื่อเผชิญกับศัตรู ไม่ว่าจะเป็นการต่อรองหรือการต่อสู้ในสมัยโบราณ เป็นหน้าที่ของผู้ชายทั้งสิ้น (ยกเว้นในสมัยผู้วินิจฉัยที่ผู้หญิงต่อสู้ด้วยบางสถานการณ์)


สดุดี 126 หว่านน้ำตาและเก็บเกี่ยวอย่างยินดี

บทเพลงแห่ขึ้น

1 เมื่อพระยาห์เวห์ทรงรื้อฟื้นสวัสดิภาพของศิโยน 
(เมื่อพระยาห์เวห์ทรงนำคนเป็นเชลยกลับมา)
เราเป็นเหมือนคนที่ฝันไป

2 เวลานั้น ปากของเราเต็มด้วยเสียงหัวเราะ 
และลิ้นของเราเต็มด้วยเสียงตะโกนแห่งความยินดี

3 พระยาห์เวห์ทรงกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้เรา
 เราจึงยินดีนัก 
และพวกเขาก็กล่าวในชาติต่าง ๆ ว่า “พระยาห์เวห์ทรง
กระทำสิ่งยิ่งใหญ่เพื่อพวกเขา”

4 ขอพระยาห์เวห์ ทรงรื้อฟื้นสวัสดิภาพของพวกเรา 
(หรือ ขอพระยาห์เวห์ทรงส่งเชลยของเรากลับคืนมา)
เหมือนกับทางน้ำในเนเกบ

5คนที่หว่านด้วยน้ำตา จะเกี่ยวเก็บ
ด้วยเสียงตะโกนแห่งความยินดี 

6 แม้คนที่หิ้วถุงเมล็ดพันธ์ุไปพร้อมกับน้ำตา
แน่นอน เขาก็จะกลับมาด้วยเสียงตะโกนแห่งความยินดี
พร้อมกับรวงข้าวที่เก็บเกี่ยวมาเป็นฟ่อน 

ข้อพระคำเชื่อมโยง
1* สดุดี 85:1; อิสยาห์ 29:14
2* สดุดี 51:14, 71:19
3* อิสยาห์ 25:9
4* อิสยาห์ 35:6; 43:19
5* เยเรมีย์ 31:9
6* อิสยาห์ 35:10; 51:11

จากข้อ 1 เรารู้ว่า สดุดีบทนี้ เขียนขึ้นหลังจากการที่อิสราเอลได้กลับมาจากการเป็นเชลยในบาบิโลน ผู้เขียนมีความสุขล้นขนาดไหนเราเห็นได้จากทุกประโยคของเขา พวกเขาเดินทางกลับมาเป็นสามครั้งต่อกัน (อ่านได้จาก หนังสือเอสรา และเนหะมีย์) เป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากสดุดี 137 ที่ผู้เขียนคร่ำครวญถึงการเป็นเชลยในบาบิโลน
สดุดี 126 : 1-3
การที่ได้กลับมาบ้านเกิดเมืองนอนอย่างไม่คาดฝัน เหมือนฝันไป เป็นฝันดีที่ยิ้มได้ ที่มีความสุขล้น
คิดถึงคนจำนวนมากส่งเสียงร้องร่าเริง อย่างมีความสุขสิว่า เป็นสุขขนาดไหน นอกจากที่พวกเขาเองจะรู้ว่านี่เป็นการของพระเจ้าแล้ว คนต่างชาติอื่น ๆ ก็รับรู้ด้วยว่า นี่เป็นราชกิจของพระองค์เพื่อคนอิสราเอล
สดุดี 126 :4-6
ผู้เขียนทูลขอพระเจ้าทรงเปลี่ยนสภาพของอิสราเอลให้เหมือนทางน้ำในเนเกบ ที่แม้จะแห้งแล้งมากในหน้าร้อน แต่เมื่อฝนฤดูใบไม้ผลิมา สภาพพื้นที่นั้นจะเต็มไปด้วยน้ำอย่างรวดเร็ว เขาขอพระเจ้าทรงช่วยเร็ว ๆ แบบน้ัน
คนที่หว่านด้วยน้ำตา หมายถึงคนที่ร้องไห้ เสียใจกับความผิดที่ได้ทำลงไป พอพวกเขาสารภาพบาปกับพระเจ้า ความยินดีก็กลับคืนมาในชีวิต พระเจ้าทรงให้พวกเขากลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนอีกครั้งอย่างไม่คาดฝัน
ผู้เขียนทราบดีว่า ความทุกข์ใจ น้ำตาที่เกิดขึ้นในความทุกข์ยากนั้น จะได้รับผลตอบแทนเมื่อพระเจ้าทรงทำการของพระองค์อย่างยิ่งใหญ่ท่ามกลางพวกเขา