ใช้ชีวิตในเสรีภาพที่มีในพระคริสต์
เพราะพระเจ้าทรงทำให้เราเป็นไทดังนั้น จงยืนมั่น และอย่ากลับไป
ยอมอยู่ใต้แอกของความเป็นทาสอีก ฟังนะ ข้า เปาโลขอบอกว่า หากท่านยอมไปเข้าสุหนัต พระคริสต์ก็จะไม่มีประโยชน์สำหรับท่านเลย
กาลาเทีย 5:1-2
2 โครินธ์ 3:17; กาลาเทีย 5:13; 1 เปโตร 2:16; กิจการ 15:1; กาลาเทีย 5:6, 5:3-4
ท่านเปาโลเฝ้าขอร้องให้พี่น้องที่เชื่อ ไม่หลงไป
ตามความต้องการของคนที่สนับสนุนการทำตามบัญญัติเพื่อจะรอด พวกเขาพยายามให้พี่น้องผู้ชายเข้าสุหนัตตามบัญญัติของยิว การเชื่อพระเยซูคริสต์ในฐานะพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงลงมาไถ่บาปนั้น เป็นการถูกต้อง และเป็นอิสระจากการเป็นทาสบัญญัติ หากเราไปยอมตามสิ่งที่ตรงข้ามกับพระคุณของพระเจ้าเท่ากับยอมตัวกลับไปเป็นทาสอีก
อันตรายของการติดตามพระเจ้าด้วยกฎบัญญัติ
และขอพูดอีกครั้งกับทุกคนที่ยอมไปเข้าสุหนัต ทุกคนถูกผูกมัดว่า จะต้องเชื่อฟังบทบัญญัติทุกข้อ คนที่พยายามจะบอกว่าตนเองเที่ยงธรรมโดยบทบัญญัติก็เท่ากับถูกตัดออกจากพระคริสต์ ท่านไม่ได้อยู่ในพระคุณของพระเจ้าแล้ว
กาลาเทีย 5:3-4
กาลาเทีย 3:10; โรม 2:25; ยากอบ 2:10-11; 2 เปโตร 2:20-22; โรม 9:31-32, 11:6
คนไทยอย่างเราถูกสอนมาตั้งแต่เล็กว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แต่มีบางเรื่องในชีวิตที่เราทำอย่างนั้นไม่ได้เลย ก็คือ ความรอดของเราทางพระเยซูคริสต์ความรอดนี้คือ การได้กลับไปสู่อ้อมกอดของพระเจ้ากลับไปเป็นลูกของพระเจ้าตามที่พระองค์ทรงสร้างเรามาแต่แรก เราต้องได้รับความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์ ที่พูดกันตรงๆ แบบนี้ก็เพราะเราหลายคนยังไม่ยอมรับพระเจ้าเพราะคิดว่าฉันจะช่วยตนเองให้รอดได้
เพราะโดยพระวิญญาณ และความเชื่อ เราจึงรอความหวังที่จะมีความเที่ยงธรรมอย่างจดจ่อ เพราะในพระคริสต์ ไม่ว่าจะสุหนัตหรือไม่ ก็ไม่มีความหมายอะไร สิ่งที่สำคัญคือ ความเชื่อที่สำแดงออกมาเป็นการลงมือทำด้วยความรัก
กาลาเทีย 5:5-6
สดุดี 130:5; 1 เธสะโลนิกา 1:10; โรม 8:23-25; กาลาเทีย 6:15; 1 โครินธ์ 7:19
ชีวิตคริสเตียนมีจุดเต่นอย่างหนึ่งคือ ความรัก ถ้าใครไม่รัก เขาก็ยังเดินอยู่ในความมืด ถ้าเขาบอกว่า รัก แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น เท่ากับเขากำลังโกหก
เปาโลเผชิญหน้ากับผู้สอนผิด
ท่านก็กำลังก้าวหน้าไปดีอยู่แล้ว
ใครล่ะ ที่กั้นไม่ให้ท่านเชื่อฟังความจริง?
การชักจูงแบบนี้ ไม่ได้มาจากพระองค์ผู้ทรงเรียกท่าน
กาลาเทีย 5:7-8
1 โครินธ์ 9:24; กาลาเทีย 3:1, 1:6 ; ฮีบรู 12:1; โรม 8:28
คริสเตียนชาวกาลาเทียได้กลับใจมาเชื่อพระเจ้าได้เริ่มต้นความเชื่ออย่างดี แต่การเริ่มต้นดีไม่ได้หมายความว่าไร้อุปสรรค ตอนนี้พวกเขากำลังเจอคนที่เข้ามาบังคับ ขู่เข็ญพวกเขาเพื่อให้ล้มลง ไม่สามารถดำเนินต่อไปตามพระคุณของพระเจ้าได้
สิ่งที่พวกเขากำลังหลงเชื่อนั้น มาจากคนบางคนแต่ไม่ได้มาจากพระเจ้า ท่านกำลังเตือนพวก
เขาว่า มีคนพยายามกั้นพวกเขาจากการเข้าใจ
ความจริงอย่างถ่องแท้
เชื้อยีสต์เพียงเล็กน้อยก็ส่งผล ให้แป้งทั้งก้อนฟูขึ้นได้
ข้ามีความมั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่าท่านจะไม่รับความเห็นอย่างอื่น แต่ใครก็ตามที่ทำให้ท่านสับสนนั้น
จะได้รับการลงโทษ
กาลาเทีย 5:9-10
1 โครินธ์ 15:33, 5:6-7; ลูกา 13:21; กาลาเทีย 5:12, 1:7; 2 โครินธ์ 2:3; ฟีลิปปี 3:15
การเข้าไปอยู่ในกรอบของกฎบัญญัติ หรือเรียกว่าบัญญัตินิยมนั้น เป็นเหมือนเชื้อยีสต์ที่สามารถทำให้แป้งที่มีขนาดเล็กให้กลายเป็นขนาดใหญ่ได้สำหรับยิวแล้ว ยีสต์เป็นเครื่องหมายของอิทธิพลชั่วทุกรูปแบบ ท่านเปาโลมองว่าคนที่หว่านเชื้อแห่งความสับสนให้กับผู้ที่เชื่อในพระเจ้าสมควรที่จะได้รับการลงโทษจริง ๆ
บัดนี้ พี่น้องทั้งหลาย หากข้ายังคงสนับสนุนการเข้าสุหนัต ทำไมข้าจึงถูกข่มเหงเล่า? ข้ารู้ว่า หากข้าสนับสนุนพิธีนั้น ความเกลียดชังทั้งหลายที่เกิดขึ้นเพราะไม้กางเขนก็จะหายไป ข้าอยากให้คนที่มารบกวนท่านตอนตนเองเสียเลย
กาลาเทีย 5:11-12
กาลาเทีย 6:12; 1 โครินธ์ 1:23, , 5:13, 15:30; ทิตัส 3:10
ตอนนี้ท่านเปาโลกำลังโกรธสุด ๆ ท่านถึงกับ
อยากส่งพวกนั้นที่พยายามทำให้ความเชื่อของ
พี่น้องเรรวนไปตอนตนเอง จากคำเขียนเราจะ
เห็นว่า ท่านมีข้อขัดแย้งกับเหล่าชาวยิวที่พยายามให้พี่น้องเข้าสุหนัตและทำตามบทบัญญัติอย่างเคร่งครัด เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ท่านเปาโลจะยอมไม่ได้ เพราะถ้ายอมแล้ว เท่ากับพี่น้องเหล่านี้จะสูญเสียความรอดไปอย่างที่ไม่น่าจะต้องเสียและนั่นคือการพลาดจากชีวิตนิรันดร์
วิธีใช้ชีวิตอย่างมีเสรีภาพ
เพราะท่านถูกเรียกมาเพื่อเสรีภาพ ดังนั้นพี่น้องทั้งหลาย อย่าใช้เสรีภาพที่มีอยู่เป็นโอกาสเพื่อที่จะปรนเปรอเนื้อหนังของท่าน แต่จงรับใช้กันและกันด้วยความรัก
กาลาเทีย 5:13
1 เปโตร 2:16; 1 โครินธ์ 9:19, 8:9; โรม 15:1-2
ชีวิตแห่งความเชื่อที่คริสเตียนกำลังเดินตามนั้น
ไม่ใช่ชีวิตที่เอาเสรีภาพที่พระเจ้าให้มาเพื่อทำบาปตามใจตัวเอง ไม่ใช่ว่าพระเจ้าประทานความรอดให้จากที่เราเชื่อพระองค์แล้ว จากนั้นจะทำอะไรตามใจก็ได้ ถ้าคิดอย่างนั้นก็พลาดไปแล้วบางคนคิดว่าเชื่อเสร็จก็จบกัน รอดแล้ว และคิดว่าเขาจะไม่สูญเสียความรอดไป …
พระเจ้าทรงไถ่เราเพื่อให้เรารักกันและกัน และรับใช้กันและกัน ไม่ใช่หาประโยชน์จากพี่น้อง
เพราะบทบัญญัติทั้งสิ้น สรุปได้เป็นหนึ่งข้อ ก็คือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง แต่หากว่าท่านยังคงกัดกันและฉีกเนื้อกันเป็นชิ้น ๆ ก็จะระวังว่าท่านก็จะก่อความหายนะให้กันเอง
กาลาเทีย 5:14-15
เลวีนิติ 19:18; มัทธิว 7:12; กาลาเทีย 6:2; 1 โครินธ์ 3:3; 2 โครินธ์ 11:20; ยากอบ 3:14-4:3
ดูเหมือนว่า พี่น้องยิวที่พยายามให้พี่น้องชาว
กาลาเทียทำตามกฎบัญญัตินั้น อาจจะถึงกับข่มขู่มีการทำร้ายกันด้วยวาจา และอาจทำให้เกิดการแบ่งเป็นพรรคพวก เป็นพวกนี้ พวกนั้น
ท่านเปาโลจึงเตือนให้เขานึกถึงสิ่งที่ใหญ่สุดคือการที่จะรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
คำพูดนี้ลึกซึ้งมาก จะรักได้อย่างไรทั้ง ๆ ที่มี
ปัญหาอยู่มาก ท่านเปาโลไม่ได้ขอให้เขาทำสิ่งที่ง่ายเลย แต่ยากสุด ๆ
เสรีภาพกับการใช้ชีวิตที่บริสุทธิ์
แต่ข้าขอบอกว่า
จงเดินในพระวิญญาณ
และท่านจะไม่ต้องตอบสนอง
ความปรารถนาที่เร่าร้อนของเนื้อหนัง
กาลาเทีย 5:16
กาลาเทีย 5:24-25; โรม 8:12-14; โคโลสี 3:5-10
ท่านเปาโลกำลังบอกพี่น้องชาวกาลาเทียว่า
จะเอาชนะความปรารถนาที่เร่าร้อนของเนื้อหนังได้สำเร็จ ไม่ใช่ด้วยกำลังของพวกเขาเอง
แต่ต้องด้วยความช่วยเหลือของพระวิญญาณ
บริสุทธิ์ เราทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่า เมื่อเรามีความ
ปรารถนาฝ่ายเนื้อหนัง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม
เราก็จะครุ่นคิด และโน้มใจและกายไปหาสิ่งนั้น
จนกระทั่งเราทำผิดต่อพระเจ้า และไม่ใช่ครั้งเดียวมักจะทำซ้ำ ๆ เอาชนะมันไม่ได้มีทางเดียวคือต้องยอมอยู่ใต้พระคุณของพระเจ้า
เพราะเนื้อหนังมีความปรารถนาที่ต่อต้านพระวิญญาณ และพระวิญญาณทรงมีความปรารถนาที่ต่อต้านกับเนื้อหนังเพราะทั้งสองเป็นศัตรูกัน เพื่อว่าท่านจะไม่อาจทำสิ่งที่ใจต้องการทำได้
แต่หากพระวิญญาณทรงนำท่าน
ท่านก็ไม่ได้อยู่ใต้กฎของบัญญัติ
กาลาเทีย 5:17-18
ยอห์น 3:6; โรม 8:13-14; 8:5-8, 6:14-15; สุภาษิต 8:20
ตรงนี้ ผู้เชื่อต้องเลือกว่า จะอยู่ในพระวิญญาณ
หรือจะอยู่ใต้กฎบัญญัติด้วยแรงของตนเอง
เนื้อหนังของเรามีความต้องการที่ตรงข้ามกับ
ความต้องการของพระเจ้าเสมอ แถมมักจะทำ
สิ่งที่ตนเองไม่อยากทำ เหมือนกับบังคับตนเอง
ไม่ได้เลย (โรม 7:14-25) หากเลือกที่จะอยู่ฝ่ายพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงช่วยให้เรามีความประพฤติที่เที่ยงธรรม บริสุทธิ์ มีทัศนคติอย่างพระองค์
ต้องเอาชนะกิจกรรมเนื้อหนัง
กิจกรรมของเนื้อหนังก็ชัดเจนคือ การผิดศีลธรรมทางเพศ ใจสกปรก มักมากในกาม ไหว้รูปเคารพ ใช้เวทมนต์ เกลียดชัง เห็นต่างไปทุกเรื่อง อิจฉา ช่างโกรธแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น แตกแยก แบ่งเป็นพรรคพวก ริษยา ฆาตกรรม เมาเหล้า กิจกรรมสกปรกและอื่น ๆ เช่นนั้น ข้าขอเตือนท่านอย่างที่ได้เตือนมาก่อนหน้านี้ว่า คนที่ประพฤติแบบที่กล่าวมาจะไม่มีส่วนในอาณาจักรของพระเจ้า
กาลาเทีย 5:19-21
1 โครินธ์ 6:9-10; โคโลสี 3:5-8; 1 เปโตร 4:2-4; วิวรณ์ 21:8; ทิตัส 3:10; 1 โครินธ์ 11:19; 6:9-10; โรม 8:13
ชินแล้วกับสิ่งที่ท่านเปาโลกล่าวมาทั้งหมด นี่คือ
สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในสังคมโลก หันไปที่ไหนก็ไม่พ้น ผลของเนื้อหนัง อยู่รอบข้างเรา กับตัวเรา และ
เพื่อน ๆ ของเรา …
เมื่อเดินกับพระวิญญาณจะมีผลอย่างนี้
แต่ผลของพระวิญญาณนั้น คือ
ความรัก ความยินดี สันติสุข
ความอดทน น้ำใจดี ความดี
ความซื่อตรง ความสุภาพอ่อนโยนและการบังคับตนเอง
ไม่มีบทบัญญัติใด ห้ามสิ่งเหล่านี้เลย
กาลาเทีย 5:22-23
โคโลสี 3:12-17; 1 โครินธ์ 13:4-7; ยอห์น 15:5; 1 ทิโมธี 1:9; กิจการ 24:25
ผลของพระวิญญาณ แตกต่างจากงานของเนื้อหนังอย่างชัดเจน และที่สำคัญ งานเกิดจากการกระทำของคน ๆ นั้น ส่วนผลของพระวิญญาณเกิดจากการที่พระเจ้าทรงให้เกิดผล เกิดผลได้ด้วยการใกล้ชิดพระเยซู มีชีวิตเดินไปกับพระวิญญาณเดินตามพระองค์ไป ผลของพระวิญญาณมีเสน่ห์ชวนให้ตาม ชวนให้กิน คริสเตียนทุกคนจะมีผลของพระวิญญาณที่สถิตในชีวิตของเขาแตกต่างไปจากงานของเนื้อหนัง ที่แม้จะพยายามทำดีเท่าไร ก็เป็นผลของเนื้อหนังไม่ใช่จากพระเจ้า
ผู้ที่เป็นของพระคริสต์ ได้ตรึงเนื้อหนังรวมทั้งความปรารถนา
และความต้องการของเนื้อหนัง
บนไม้กางเขนแล้ว
กาลาเทีย 5:24
โรม 6:6, 8:13, 13:14; กาลาเทีย 5:16-18
การฝากความปรารถนาร้าย ๆ หรือความคิดชั่วหรือ อะไรก็ตามที่เป็นเนื้อหนังของเราไว้กับไม้กางเขนของพระเยซูนั้น เป็นเรื่องที่เราต้องลงมือทำ ไม่ใช่ปล่อยให้พระเจ้าเป็นผู้ประทานหรือให้พระองค์ทำให้ มีบางอย่างที่พระเจ้าทรงยื่นให้เป็นความรับผิดชอบของเรา เป็นความตั้งใจการเลือกของเราเอง จนกว่าจะถึงวันสุดท้ายของชีวิตเรา เราต้องตรึงความต้องการเหล่านี้บนไม้กางเขนเสมอ เพราะมันมักจะโผล่ขึ้นมาในยามที่เราอาจเผลอ ไม่ทันรู้ตัว
หากชีวิตของเรามีจุดศูนย์กลางอยู่ที่พระวิญญาณ ก็ให้เราเดินตามติดพระองค์ อย่าให้เราถือตัวอวดดียั่วโทสะกัน และอิจฉากันเลย
กาลาเทีย 5:25-26
กาลาเทีย 5:16; โรม 8:4-5; ยอห์น 6:63; ยากอบ 3:14-16 , 4:16 ; ฟีลิปปี 2:1-3;
คำว่าให้เราตามติดพระวิญญาณนั้น แตกต่างจากคำว่าเดินไปกับพระองค์ในข้อ 16 ซึ่งมีความหมายถึงการใช้ชีวิต มีวิถีชีวิตไปกับพระวิญญาณแต่คำ ๆ นี้ เป็นการเดินตามพระองค์ก้าวต่อก้าวมีชีวิตในพระวิญญาณที่ชัดเจน และแน่นอนเมื่อตามพระองค์เช่นนั้น ความอวดดี การที่จะหาเรื่องคนอื่น การอิจฉากันจะไม่มีในชีวิตของคนที่ตามพระองค์ติด ๆ เช่นนั้น