สดุดี 147 สรรเสริญพระองค์ผู้อยู่เหนือธรรมชาติ

ทรงทำให้หญ้างอกบนเนินเขา ภาพโดยHilary Halliwell

คนของพระองค์ได้รับการรื้อฟื้นใหม่
1 จงสรรเสริญพระยาห์เวห์
เป็นการดีที่จะร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าของเรา
เพราะเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม
(หรือ..เพราะพระองค์ทรงสง่างาม)
และบทเพลงสรรเสริญก็เหมาะสมยิ่งนัก
2 พระยาห์เวห์ทรงรื้อฟื้นเยรูซาเล็มขึ้นมาใหม่
พระองค์ทรงรวบรวมชนอิสราเอลที่กระจัดกระจายไป
3 พระองค์ทรงรักษาคนที่ใจชอกช้ำ
ทรงพันบาดแผลให้
4 พระองค์ทรงกำหนดจำนวนของดวงดาว
และทรงตั้งชื่อให้มันทุกดวง
5 พระเจ้าของเราทรงยิ่งใหญ่นัก
และทรงฤทธานุภาพ
ความเข้าใจของพระองค์ไร้ขอบเขต
6 พระยาห์เวห์ทรงยกคนที่ถูกกดขี่ขึ้น
ทรงเหวี่ยงคนอธรรมลงถึงดิน

แผ่นดินสดชื่นเพราะพระองค์ทรงจัดหาให้
7 จงร้องเพลงถวายพระยาห์เวห์ ด้วยใจขอบพระคุณ
จงสร้างสรรค์ทำนองเพลงด้วยพิณเล็ก
8 พระองค์ทรงเติมเต็มท้องฟ้าด้วยเมฆ
ทรงเตรียมสายฝนให้ผืนดิน
ทรงทำให้หญ้างอกขึ้นบนเนินเขา
9 พระองค์ประทานอาหารแก่สัตว์ป่า
และลูกกาที่ร้องเรียก
10 ความเปรมปรีดิ์ของพระองค์ไม่ได้อยู่ที่กำลังของม้า
พระองค์ไม่ทรงยินดีในกำลังขาของมนุษย์
11แต่พระยาห์เวห์ทรงยินดีในคนที่ยำเกรงพระองค์
คนที่มีความหวังใจในความรักมั่นคงของพระองค์

พระเจ้าทรงปกป้องเรา
12 สรรเสริญพระยาห์เวห์ โอ เยรูซาเล็ม
สรรเสริญพระเจ้าของเจ้าเถิด โอ ศิโยน
13 เพราะพระองค์ทรงทำให้ดาลประตูของเจ้าแข็งแกร่ง
ทรงอวยพระพรลูกหลานที่อยู่ภายในเจ้า
14 พระองค์ทรงทำให้ในเขตแดนของเจ้ามีสันติ
พระองค์ทรงทำให้เจ้าอิ่มหนำด้วยข้าวสาลีดีที่สุด

15 พระองค์ทรงบัญชาผืนแผ่นดิน
พระดำรัสของพระองค์วิ่งไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็ว!
16 พระองค์ทรงโปรยหิมะให้ราวขนแกะปุกปุย
พระองค์ทรงโปรยน้ำค้างแข็งให้ราวกับเถ้า
17 พระองค์ทรงเขวี้ยงลูกเห็บราวกับก้อนขนมปัง
ใครจะทนความหนาวเย็นยะเยือกที่มาจากพระองค์ได้?
18 พระองค์ทรงส่งพระดำรัสของพระองค์
และละลายมันเสีย
ทรงให้ลมหายใจของพระองค์พัดมา
และน้ำก็เคลื่อนตัวไป
19 พระองค์ทรงกล่าวพระดำรัสแก่ยาโคบ
รวมทั้งกฎเกณฑ์และกฎหมายของพระองค์แก่อิสราเอล
20 พระองค์มิได้โปรดทำอย่างนั้นกับชนชาติต่าง ๆ
พวกเขาจึงไม่รู้จักกฎหมายของพระองค์
สรรเสริญพระยาห์เวห์

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 135:1, 92:1, 135:3
,33:1
2* สดุดี 51:18; 102:16
เฉลยธรรมบัญญัติ 30:3; อิสยาห์ 11:12; 27:13; 56:8; เอเสเคียล 39:28
3* สดุดี 34:18
เอเสเคียล 34:16
147:4* ปฐมกาล 15:5
อิสยาห์ 40:26
5* สดุดี 48:1
เนหะมีย์ 1:3
อิสยาห์​40:28; โยบ 5:9
6* สดุดี 146:8, 9
7* อพยพ 15:21; สดุดี 95:1, 2
; 1 พงศาวดาร 15:16
8* โยบ 5:10; สดุดี 104:14;โยบ 38:27
9* สดุดี 104:27, 28; โยบ 38:41; สดุดี 147:10-11;
สดุดี 149:4; 33:18
13* เนหะมีย์​ 7:3
14* อพยพ 34:24; สุภาษิต 16:7; อิสยาห์ 60:17, 18; สดุดี 132:15
; 81:16; เฉลยธรรมบัญญัติ32:14
15* สดุดี 148:8;
16* โยบ 37:6; 38:29
17* โยบ 37:10; 37:9
18* ข้อ 15; โยบ 37:12; สดุดี 33:9; 107:20
19*มาลาคี 4:4; สดุดี 78:5; เฉลยธรรมบัญญัติ 33:2-4
20* เฉลยธรรมบัญญัติ 4:7; 4:32-34; สดุดี 135:1

คำอธิบายเพิ่มเติม

สดุดีบทนี้ เขียนหลังจากที่อิสราเอลกลับมาจากการเป็นเชลยที่บาบิโลน และพระเจ้าทรงช่วยให้พวกเขาได้กลับมา ได้สร้างเมืองขึ้นมาใหม่ ความชอกช้ำใจที่พวกเขาได้เจอมานานเจ็ดสิบปี ทำให้พวกเขาได้เห็นพระคุณของพระเจ้าที่ทรงนำพวกเขากลับมาอย่างที่ทรงสัญญาจริง ๆ และพวกเขารู้ว่า พระเจ้าเท่านั้นที่จะทำให้เขาพ้นจากความทุกข์ใจ ความชอกช้ำใจที่ผ่านมา
ตอนนี้พวกเขาเข้ามาชุมนุมสรรเสริญพระเจ้าด้วยกัน

สดุดี 147: 1-6 คนของพระองค์ได้รับการรื้อฟื้นใหม่
สิ่งที่กล่าวถึงอย่างแรกคือ ให้ประชาชนมารวมกันสรรเสริญพระเจ้า เพราะเป็นสิ่งที่สมควรทำอย่างยิ่ง พระเจ้าทรงรื้อฟื้นพวกเขา ทรงนำให้กลับมา ทรงช่วยให้สร้างเมืองขึ้น ทรงรักษาบาดแผลในใจ
สิ่งแรกที่คิดถึงคือ พระเจ้าทรงสร้างดวงดาวมากมายบนท้องฟ้า ทรงรู้จัก ทรงตั้งชื่อ ทรงวางตำแหน่งให้มันอย่างเหมาะสมตามน้ำพระทัย เมื่อคิดได้อย่างนี้ พวกเขาก็รู้ว่า พระองค์ทรงทำยิ่งกว่านั้นเพื่อพวกเขา ทรงเป็นผู้ยกเขาขึ้น ทรงเป็นผู้จัดการคนอธรรมให้
สิ่งที่เราต้องจดจำไว้ในใจ และตระหนักให้ชัดเจนคือ พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่มาก ทรงฤทธิ์ และความเข้าใจของพระองค์เกินที่เราจะเข้าใจ เป็นสิ่งที่เราต้องติดตามหาตลอดชีวิต

สดุดี 147:7-11 แผ่นดินสดชื่นเพราะพระองค์ทรงจัดหาให้
การกลับคืนสู่แผ่นดินคือ เท่ากับพวกเขาต้องมาสร้างทุกอย่างใหม่ ทั้งบ้านเรือน ทั้งเกษตรกรรม
พระองค์เท่านั้นเป็นผู้ให้อาหารแก่พวกเขาและสัตว์ทั้งหลาย ฝนมาจากพระเจ้า
พวกเขาตระหนักว่า สิ่งเดียวที่ทำให้พระเจ้ายินดีในพวกเขาได้คือ ที่เขาจะยำเกรงพระองค์ หวังใจในรักมั่นคงที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คนอิสราเอลมักคิดได้ และก็ลืม ตอนนี้ผู้เขียนกำลังบอกพวกเขาชัดเจนว่า สิ่งสำคัญที่สุดในความสัมพันธ์กับพระเจ้าคืออะไร
และความจริงข้อนี้ เป็นความจริงสำหรับชีวิตเราในโลกปัจจุบันเช่นกัน

สดุดี 147:12-20 คำอันทรงฤทธิ์ที่ปกป้องจากพระเจ้า
เมื่อกลับมาจากการเป็นเชลย ได้มาอยู่ในบ้านเกิดเมืองนอน บ้านของพระเจ้า พวกเขาร้องเพลงที่จะไม่ลืมว่า ความแข็งแกร่งของครอบครัว ของประเทศ ของเมือง อยู่ที่พระเจ้าเท่านั้น สันติภาพที่หายากในโลก มีที่พระเจ้าองค์เดียวเหมือนที่พระเยซูตรัสว่า สันติสุขที่เราให้ไม่เหมือนโลกให้
เมื่อเราพิจารณาความเชื่อมั่นและการบรรยายของผู้เขียน สรุปได้ว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกธรรมชาตินี้ พระเจ้าทรงเป็นผู้ดูแลอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหิมะ ลม ฝน น้ำค้าง ลูกเห็บ น้ำในทะเล ต่างก็อยู่ในการควบคุมของพระองค์ เมื่อมนุษย์ทำให้เสียสมดุลย์ สิ่งที่เขาควรทำคือ แต่ละคน แต่ละชาติ ดูแลให้มันกลับสู่สภาพที่สามารถทำงานได้ดีที่สุดอย่างที่เคยเป็นมา มนุษย์สร้างความเจริญที่แลกมาด้วยอากาศ สภาพแวดล้อมเสียหายอย่างรุนแรง แต่เชื่อว่า ความจริงแล้ว เราสามารถช่วยกันแก้ไขได้แน่ ถ้าจะทำ…
กฎเกณฑ์ และกฎหมายของพระเจ้านี่แหละที่จะช่วยแก้ไขได้ เพราะทุกอย่างต้องเริ่มจากความไม่เห็นแก่ตัว เราจึงประกาศพระนามพระเยซู เพื่อให้ความรักของพระองค์เข้าไปอยู่ในใจของพระองค์ ให้รู้จักกฎเกณฑ์ของพระองค์ รู้จักความรักของพระเจ้า ที่จะเอื้อเฟื้อต่อกัน แล้วสมดุลย์ต่าง ๆ ในธรรมชาติจะเกิดขึ้นได้จากการร่วมมือกันอีกครั้ง

สดุดี 137 จะร้องเพลงของพระยาห์เวห์ได้อย่างไร?

By the Rivers of Babylon, Gebhard Fugel, 1920

ผู้เขียนคร่ำครวญ
1 ที่ริมฝั่งน้ำในบาบิโลน เรานั่งร้องไห้
ใช่ เราร้องไห้ยามที่เรานึกย้อนไปถึงศิโยน 
2 เราแขวนพิณของเรา
ไว้บนต้นหลิวที่นั่น
3  ณ ที่นั้น คนที่จับเราเป็นเชลยสั่งให้เราร้องเพลง
คนที่ทรมานเรากล่าวอย่างร่าเริงว่า
“ร้องเพลงของศิโยนให้ฟังสักเพลงหนึ่งสิ”
4 แล้วเราจะร้องเพลงของพระยาห์เวห์
ในแผ่นดินของคนต่างแดนอย่างไร
?

คำสาบานของผู้เขียน
5 โอ เยรูซาเล็ม หากข้าลืมเจ้าไป
ก็ขอให้มือขวาของข้า ไร้ความสามารถไปเสีย
6 หากข้าจำเจ้าไม่ได้ 
ขอให้ลิ้นของข้าติดอยู่กับเพดานปาก
หากข้ามิได้ยกให้เยรูซาเล็มอยู่เหนือความยินดีที่สุดของข้า 

ความปรารถนาของผู้เขียน
7 โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงระลึกว่า
ชาวเอโดมนั้นได้ทำอะไรลงไปบ้าง  
ในวันหายนะของเยรูซาเล็ม 
ที่พวกเขากล่าวว่า
“เอามันให้พินาศ  ทำลายมันถึงรากถึงโคน!” 
8 โอ ธิดาแห่งบาบิโลนเอ๋ย 
เจ้าถูกกำหนดไว้แล้วว่าเจ้าจะพินาศ  
ผู้ที่ตอบสนองเจ้าอย่างที่เจ้าได้ทำแก่พวกเราก็เป็นสุข !
9 คนที่เอาเด็กเล็กของพวกเจ้าโยนกระแทกหินก็เป็นสุข !

พระคำเชื่อมโยง

4* เนหะมีย์ 2:3

5* สดุดี. 76:5

6* โยบ 29:10; เอเสเคียล3:26

7* อิสยาห์ 34:5, 6; บทเพลงคร่ำครวญ 4:21, 22;เอเสเคียล. 35:2; อาโมส 1:11, 12; เยเรมีย์ 49:7-22; เอเสเคียล 25:12-14; โอบาดีย์ 8-14; โยบ 18:20; ฮาบากุก 3:13; เศฟันยาห์. 2:14

8*อิสยาห์ 21:9; 47:1-15; เยเรมีย์ 25:12; 50:1-46; 51:1-64; อิสยาห์ 13:1-22 ; เยเรมีย์ 51:24, 56; สดุดี 28:4

9* 2 พงศ์กษัตริย์ 8:12; อิสยาห์ 13:16; โฮเชยา 10:14; นาฮูม 3:10

สดุดี 137:1-4 ผู้เขียนคร่ำครวญ
ไม่ใช่เฉพาะผู้เขียนเท่านั้นที่นั่งลงริมฝั่งน้ำในบาบิโลนและร้องไห้คิดถึงเยรูซาเล็ม คนอิสราเอลถูกจับไปเป็นเชลย เพราะพวกเขาได้ทำผิดบาปต่อพระเจ้า และนี่เป็นโทษที่เขาได้รับจากพระองค์โดยตรง ดังนั้น แม้คนที่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้าก็ถูกกวาดไปพร้อม ๆ กับคนที่กบฎต่อพระองค์
พวกเขาถูกสั่งให้ทำงานหนักเยี่ยงทาส และมีเวลาที่พวกเขาจะไปรวมกันริมฝั่งน้ำ และที่นั่น พวกเขาพากันคร่ำครวญ ไม่ร้องเพลงอย่างที่เคยทำในศิโยน
พวกเขาแขวนพิณเอาไว้ .. ทั้งๆ ที่ชาวบาบิโลนต่างพากันเยาะเย้ย และสั่งให้ร้องเพลง เป็นภาพที่น่าสลดสำหรับคนอิสราเอลเหลือเกิน
พิณเป็นเครื่องมือที่พวกเขาแสดงออกถึงความชื่นชมยินดีในพระเจ้า
พวกเขาจะทำใจร้องเพลงต่อหน้าศัตรูได้หรือ…ยิ่งร้องน่าจะยิ่งเจ็บปวด
ไม่ต่างอะไรกับตอนที่นาซีจับคนยิวไปหลายล้าน และมีการตั้งวงดนตรีจากเหล่านักโทษเพื่อให้เล่นเพลงคลาสสิคของชาวเยอรมัน!

สดุดี 137:5-6 คำสาบานของผู้เขียน
ผู้ที่เป็นคนของพระเจ้าแล้วมาเป็นเชลยในบาบิโลนไม่อาจลืมเยรูซาเล็มได้ เพราะเมืองนี้คือ การสถิตอยู่ของพระเจ้า พันธสัญญา การช่วยเหลือของพระเจ้าทุกด้าน  
เขาขอให้เขาไม่มีความสามารถในการเล่นดนตรีอีกต่อไป ไม่อาจร้องเพลงได้อีกต่อไป หากเขาไม่เห็นความสำคัญของเยรูซาเล็มอย่างที่สุด

สดุดี 137:7-9 ความปรารถนาของผู้เขียน
เขายังจำถึงวันที่ถูกคนต่างชาติเข้ามาทำลายเยรูซาเล็มได้ ศัตรูตั้งใจที่จะถอนรากถอนโคนไม่ให้มีกรุงเยรูซาเล็มนี้ต่อไป
เป็นการพยายามทำลายแผ่นดินของพระเจ้าโดยไม่ให้เหลือการเชื่อพระเจ้าด้วย
ในช่วงเวลานั้น เอโดมเป็นพันธมิตรกับบาบิโลนในการทำลายเยรูซาเล็ม
ในที่สุด เขากล่าวคำทูลขอพระเจ้าให้ทรงแก้แค้นแทนพวกเขา คือขอให้บาบิโลนเองถูกทำลายเช่นกัน และสิ่งที่เขาขอนั้นคือสิ่งที่เอโดมได้ทำกับพวกเขาเมื่อเข้ามาโจมตีเยรูซาเล็ม