สุภาษิต 26 ตอบคนโง่อย่างไรดี?

1 เกียรติยศไม่เหมาะกับคนโง่เขลา
เหมือนกับหิมะในฤดูร้อน หรือฝนในฤดูเก็บเกี่ยว
2 คำสาปแช่งที่ไม่มีเหตุจะหายไป
เหมือนอย่างนกกระจอกกระพือปีกหรือนกนางแอ่นบินไปมา
3 แส้มีสำหรับม้า บังเหียนมีไว้ให้ลา
และไม้เรียวสำหรับหลังของคนโง่!
4 อย่าตอบคนโง่ตามความเขลาของเขา
มิฉะนั้นเจ้าจะเป็นเหมือนกับเขา
5 ถ้าเจ้าตอบคนโง่ตามความเขลาของเขา
เขาจะคิดว่าตนเองเป็นคนฉลาดล้ำ
6 การส่งสารผ่านมือคนโง่
เท่ากับตัดเท้าของตนเองหรือดื่มยาพิษเข้าไป
7 สุภาษิตจากปากของคนโง่
เป็นเหมือน ขาพิการที่ห้อยร่องแร่งอยู่
8 การให้เกียรติคนโง่
เป็นเหมือนการผูกหินไว้กับห่วงเชือก
9 สุภาษิตในปากของคนโง่
เป็นเหมือนพุ่มหนามในมือของคนเมา
10 คนที่พยายามจ้างคนโง่หรือคนที่เดินผ่านมา
เป็นเหมือนคนยิงธนูสุ่มออกไป
11 คนโง่ที่ทำสิ่งโง่เขลาซำ้ซาก
เป็นเหมือนสุนัขที่กลับไปกินสิ่งที่มันสำรอกออกมา



12 เจ้าเห็นคนที่ฉลาดในสายตาของตนเองไหม?
ยังมีความหวังในคนโง่ได้มากกว่าเขาเสียอีก
13 คนเกียจคร้านกล่าวว่า
“มีสิงโตอยู่บนถนน มีสิงโตเดินไปมาที่ลานเมือง!”
14 คนเกียจคร้านพลิกตัวไปมาบนเตียง
เป็นเหมือนกับประตูที่เปิดปิดไปมาตรงบานพับ
15 คนเกียจคร้านจุ่มมือลงไปในชาม
และที่จะเอาอาหารป้อนตัวเองก็ยังรู้สึกเหนื่อย
16 คนเกียจคร้านมักรู้สึกว่า
ตนเองฉลาดกว่าอีกเจ็ดคนที่ตอบอย่างถูกต้อง

17 คนที่เข้าไปยุ่งกับการวิวาทที่ไม่ใช่เรื่องของตนนั้น
เปรียบได้กับคนที่เข้าไปดึงหูสุนัข
18 คนที่ไร้สติและกราดยิงลูกศรเพลิงจนถึงแก่ชีวิต
19 เป็นอย่างเดียวกับคนที่หลอกเพื่อนบ้านของตน
และกล่าวว่า “ฉันก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง!”
20 ไม่มีฟืน ไฟก็ดับ ไม่มีการนินทา
การวิวาทก็หยุดลง
21 ถ่านที่ลุกเป็นไฟ และไม้ที่ลุกเป็นเพลิง
เป็นเหมือนคนช่างทะเลาะที่ก่อเรื่องวิวาทอย่างง่ายดาย

22 คำของคนช่างนินทา
เป็นเหมือนอาหารอร่อยที่ลงไปยังส่วนลึกที่สุดของมนุษย์
23 ริมฝีปากอันรื่นหูจากหัวใจชั่วร้าย
เป็นเหมือน ภาชนะดินที่ถูกเคลือบไว้
24 คนที่มีใจเกลียดชังปิดบังความรู้สึกของตนเองด้วยคำพูด
แต่ในใจของเขามีความหลอกลวงสะสมอยู่
25 เมื่อเขาพูดจาดี อย่าไปเชื่อ
เพราะว่าในใจของเขาเต็มด้วยความน่ารังเกียจเจ็ดอย่าง
26 แม้ว่าเขาจะหลอกลวงปิดปังความเกลียดของตน
ความชั่วร้ายของเขาจะถูกเปิดโปงในที่ประชุม
27 คนที่ขุดหลุมดักก็จะตกลงไปเอง
และคนที่กลิ้งหิน หินนั้นจะกลิ้งกลับไปทับเขาเอง
28 ลิ้นมุสาเกลียดชังผู้ที่มันบดขยี้
และลิ้นประจบสอพลอทำให้เกิดหายนะ

พระคำเชื่อมโยง สุภาษิต 26

1* 1 ซามูเอล 12:17
2* เฉลยธรรมบัญญัติ 23:5
3* สดุดี 32:9
5* มัทธิว 16:1-4

11* 2 เปโตร 2:22; อพยพ 8:15
12* วิวรณ์ 3:17
15* สุภาษิต19:24
19* เอเฟซัส 5:4

21* สุภาษิต 15:18
25* สดุดี 28:3
27* สดุดี 7:15
28* สุภาษิต 29:5

สุภาษิต 25 สุภาษิตเพิ่มเติมจากโซโลมอน

สุภาษิตที่รวบรวมโดยคนของกษัตริย์เฮเซคียาห์

1 ต่อไปนี้ เป็นสุภาษิตของโซโลมอนที่เพิ่มเติมเข้ามา
ซึ่งคัดลอกโดยอาลักษณ์ของกษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์
2 พระเกียรติสิริของพระเจ้านั้นอยู่ที่การปกปิดสิ่งต่าง ๆ ไว้
และเป็นเกียรติขององค์กษัตริย์ที่จะค้นคว้าสิ่งเหล่านั้นออกมา
3 ฟ้านั้นสูง แผ่นดินก็ลึกนัก
เป็นเหมือนพระทัยขององค์กษัตริย์ ที่ยากจะหยั่งถึง
4 จงเอากากแร่ออกจากแร่เงิน
ช่างเงินก็จะตีภาชนะออกมาได้
5 จงเอาคนชั่วร้ายออกไปจากพระพักตร์ขององค์กษัตริย์
แล้วบัลลังก์ของท่านจะยืนหยัดด้วยความเที่ยงธรรม

6 อย่าพูดยกย่องตัวเองเมื่ออยู่ต่อพระพักตร์กษัตริย์
และอย่าไปยืนในที่ของคนสำคัญ
7 เพราะเป็นการดีกว่า หากท่านกล่าวแก่เจ้าว่า
“จงขึ้นมาที่นี่เถิด” แทนที่จะถูกลดให้ไปอยู่ในที่ต่ำกว่า
ต่อหน้าเจ้าชายทั้งหลาย อย่างที่เจ้าก็เคยเห็นกับตามาแล้ว
8 อย่าด่วนร้อนใจนำเรื่องขึ้นศาล
ไม่อย่างนั้น เจ้าจะทำอย่างไรเมื่อเพื่อนบ้านของเจ้าทำให้เจ้าอับอาย?
9 จงตกลงคดีความกับเพื่อนบ้านของเจ้า
โดยไม่เปิดเผยความลับของกันและกัน
10 เกรงว่าคนที่ได้ยินจะมาทำให้เจ้าอับอาย
และเจ้าจะเสียชื่อเสียงตลอดไป
11 คำพูดที่เหมาะกับกาละเทศะนั้น
เป็นเหมือนแอปเปิ้ลทองคำบนหนามเตยเงิน

12 คำเตือนสติของปราชญ์ให้กับหูที่รับฟัง
เป็นเหมือนตุ้มหูทองและเครื่องประดับทองเนื้อดี
13 ผู้ส่งสารที่ไว้ใจได้นั้น เป็นเหมือนหิมะเย็น ๆในฤดูเก็บเกี่ยว
ทำให้คนที่ส่งเขาไปนั้นได้ชื่นใจ
14 คนที่อวดว่าจะให้ของกำนัล
แต่ไม่เคยให้ เป็นเหมือนเมฆดำไร้ฝน
15 เจ้าจะเอาชนะใจผู้ปกครองได้เพราะความอดทน
และลิ้นที่สุภาพถึงกับหักกระดูกได้
16 ถ้าเจ้าเจอน้ำผึ้ง จงกินเท่าที่จำเป็น
ถ้าเจ้ากินมากไป เจ้าจะอาเจียนออกมา
17 อย่าเข้าไปในบ้านของเพื่อนบ้านบ่อย ๆ
เพราะเขาจะเบื่อและเกลียดเจ้า
18 คนใดที่เป็นพยานเท็จต่อเพื่อนบ้าน
เป็นเหมือนกระบอง ดาบ หรือลูกธนูคมกริบ
19การพึ่งพาคนที่ไม่ซื่อในยามลำบาก
เป็นเหมือนฟันหักหรือกระดูกข้อเท้าที่หลุดจากเบ้า

20 คนที่ร้องเพลงให้กับคนที่กำลังเป็นทุกข์
เป็นเหมือนกับการถอดเสื้อคลุมออกยามอากาศหนาวเย็น
หรือเหมือนกับการเทน้ำส้มลงบนบาดแผลสด
21 หากศัตรูของเจ้าหิว จงให้อาหารเขากิน
และหากเขากระหาย จงให้น้ำเขาดื่ม
22 การทำเช่นนี้จะเป็นการสุมถ่านบนหัวของเขา
และพระยาห์เวห์จะทรงให้รางวัลกับเจ้า
23 ลมเหนือนำฝนมาเช่นไร
ลิ้นที่ทรยศก็นำความโกรธมาเช่นนั้น
24 การที่จะอาศัยอยู่มุมหลังคา
ก็ดีกว่าอยู่ร่วมบ้านกับภรรยาที่คอยหาเรื่องวิวาท
25 ข่าวดีจากแดนไกล
เป็นเหมือนน้ำเย็นประโลมใจที่อ่อนล้า
26 การที่คนเที่ยงธรรมยอมให้กับคนชั่วร้ายนั้น
เป็นเหมือนน้ำพุที่มีโคลน หรือบ่อที่มีน้ำเสีย
27 การกินน้ำผึ้งมากเกินไปนั้นไม่ดี
และการพยายามจะแสวงหาเกียรติให้ตนเองก็ไม่ดีเช่นกัน
28 คนที่ไม่อาจควบคุมอารมณ์ตนเองได้
เป็นเหมือนกำแพงเมืองที่ถูกทำลาย

.

พระคำเชื่อมโยง สุภาษิต 25

1* 1 พงศ์กษัตริย์ 4:32
2* เฉลยธรรมบัญญัติ 29:29
4* 2 ทิโมธี 2:21
5* สุภาษิต 16:12; 20:8
7* ลูกา 14:7-11
8* มัทธิว 5:25

9* มัทธิว. 18:15
11* สุภาษิต 15:23
13* สุภาษิต 13:17
14* สุภาษิต 20:6; ยูดา 12
15* สุภาษิต 15:1
18* สดุดี 57:4
20* ดาเนียล 6:18

21* โรม 12:20
22* 2 ซามูเอล 16:12
23* สดุดี 101:5
24* สุภาษิต 19:13
25* สุภาษิต 15:20
27* สุภาษิต 27:2
28* สุภาษิต 16:32

มาระโก 16 คืนพระชนม์!

นัดกันมาชโลมพระศพ
1 วันสะบาโตผ่านไป มารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบ
และซาโลเมได้ซื้อเครื่องหอมมาเพื่อว่าพวกเธอจะได้มาชโลมพระศพของพระเยซู
2 เช้าตรู่ของวันต้นสัปดาห์ หลังจากดวงอาทิตย์ขึ้น
พวกเธอมายังถ้ำเก็บพระศพ
3 พวกเธอถามกันและกันว่า “ใครจะช่วยกลิ้งหินออกจากปากถ้ำ?”
4 แต่เมื่อพวกเธอเงยหน้ามอง ก็เห็นว่า
หินที่ใหญ่มาก ถูกกลิ้งออกมาแล้ว!
5 เมื่อเข้าไปในถ้ำ ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งสวมเสื้อยาวสีขาวนั่งอยู่ข้างขวา พวกเธอตกใจมาก
6 แต่เขาพูดกับทุกคนว่า “อย่าตื่นตระหนกไปเลย ท่านมาหาพระเยซูชาวนาซาเร็ธ ที่ทรงถูกตรึง พระองค์ทรงคืนพระชนม์ขึ้นมาแล้ว พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี้ ดูตรงที่ ๆ เขาวางพระศพสิ

7 แต่ขอให้ท่านไปบอกพวกศิษย์ และเปโตรว่า
‘พระองค์เสด็จไปยังแคว้นกาลิลีล่วงหน้า ที่นั่น พวกท่านจะได้พบพระองค์ อย่างที่พระองค์เคยตรัสเอาไว้’ ”

8 ดังนั้นพวกผู้หญิงจึงออกจากถ้ำ และวิ่งออกไป พวกเธอตัวสั่น ตะลึงลาน และเป็นเพราะกลัวมาก พวกเธอจึงไม่ได้พูดอะไรกับใครเลย

พระเยซูทรงปรากฎแก่มารีย์ชาวมักดาลา
9 เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์ หลังจากที่พระเยซูคืนพระชนม์แล้วพระองค์ทรงปรากฏพระองค์ครั้งแรกกับมารีย์ชาวมักดาลาซึ่งเป็นคนที่ทรงขับผีออกจากเธอ 7 ตน
10 เธอจึงออกไปและบอกเรื่องนี้กับคนที่เคยอยู่กับพระองค์พวกเขากำลังร้องไห้เป็นทุกข์อยู่
11 และเมื่อเขาได้ยินว่าพระเยซูทรงพระชนม์
และเธอได้เห็นพระองค์ แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อเรื่องนี้!

ระเยซูปรากฏพระองค์ต่อศิษย์สองคน
12หลังจากนี้ พระเยซูทรงปรากฏพระกายอีกแบบหนึ่ง
ให้กับศิษย์ทั้งสองขณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่นอกเมือง
13 พวกเขากลับมาเล่าให้คนอื่น ๆ ฟัง
แต่กลับไม่มีใครเชื่อพวกเขาเลย!

พระมหาบัญชา
(Matthew 28:16–20)
14 ต่อมา ขณะที่พวกเขากำลังรับประทานอาหารด้วยกัน
พระเยซูทรงปรากฏพระองค์แก่ศิษย์ทั้งสิบเอ็ดคน
และทรงตำหนิที่พวกเขาขาดความเชื่อ และยังมีใจแข็งกระด้างเพราะพวกเขาไม่เชื่อคนที่เห็นพระองค์หลังจากที่ทรงคืนพระชนม์แล้ว
15 และพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า
“จงออกไปทั่วโลก และสั่งสอนเรื่องพระกิตติคุณให้แก่ทุกคน 16 ใครที่เชื่อ และรับบัพติศมาจะได้รับความรอด
ส่วนคนที่ไม่เชื่อจะถูกพิพากษาโทษ
17 และหมายสำคัญต่อไปนี้ จะตามคนที่เชื่อไป คือ พวกเขาจะขับผีในนนามของเรา พวกเขาจะพูดภาษาที่แปลกออกไป 18 พวกเขาจะจับงูด้วยมือ และหากดื่มยาพิษแรงถึงตายก็จะไม่มีอะไรทำร้ายพวกเขาได้ พวกเขาจะวางมือคนป่วยและคนเหล่านั้น จะหายโรค”

สด็จสู่สวรรค์

19หลังจากที่องค์พระเยซูเจ้าตรัสจบ พระองค์ก็ทรงถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์ และประทับนั่ง ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า
20 แล้วพวกศิษย์ก็ออกไป และเทศนาสั่งสอนทุกหนแห่ง
และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำการผ่านพวกเขา
ยืนยันถึงพระดำรัสโดยหมายสำคัญที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันไป

อธิบายเพิ่มเติม

มาระโก 16:1-8
1 วันสะบาโตจบในเวลาดวงอาทิตย์ตกของวันเสาร์  ซึ่งหลังจากเวลานั้น พวกผู้หญิงสามารถซื้อเครื่องหอมได้โดยไม่ผิดกฎสะบาโต  เช้าวันอาทิตย์ มาระโกกล่าวถึงผู้หญิงสามคน แต่ยอห์นบอกว่า มีมารีย์ มารดาของพระเยซูด้วย (ยอห์น  19:26) ลูกาเองบอกว่า มีผู้หญิงคนอื่น ๆ อีกเช่นกัน (ลูกา 24:10). พวกเธอตั้งใจจะนำเครื่องหอมเหล่านี้มาเพื่อทำให้พระศพเน่าช้าลง  จะได้ไม่มีกลิ่นที่รุนแรง  ถ้าเราจะมองความตั้งใจของพวกเธอ เราเห็นว่า ไม่มีใครคาดว่าจะมีการคืนพระชนม์
 2-6 พอฟ้าสว่างแล้ว  พวกเธอมาพร้อมเครื่องหอม   เจอหินที่ปิดถ้ำไว้ (หินถูกปิดไว้ตามคำขอของเหล่าธรรมาจารย์  มัทธิว 27:62-66) ถูกกลิ้งออกแล้ว  พวกเธอเข้าไปในถ้ำ แทนที่จะพบพระเยซู กลับพบชายใส่เสื้อขาวนั่งอยู่  ชายผู้นั้นก็คือ ทูตสวรรค์ของพระเจ้านั่นเอง ในถ้ำนั้นมีทูตสองท่านแต่มาระโกสนใจท่านที่พูดกับพวกผู้หญิง
7-8 ทูตนั้นได้บอกพวกเธอให้รู้ชัดว่า กำลังพูดถึงพระเยซูผู้ถูกตรึงเมื่อวันศุกร์ เช้าวันนี้ พระศพไม่มีให้พวกเธอชโลมด้วยเครื่องหอม ที่ ๆ วางพระศพ ก็ไม่มีพระองค์จริง ๆ  ยิ่งไม่พบพระศพยิ่งทำให้พวกเธอตื่นตะลึง “ทำไมไม่มีพระศพ? พระศพหายไปไหน?”คำถามเหล่านี้วนอยู่ในความคิดของพวกเธอ และช่วงนี้ มาระโกบอกเราว่า พวกเธอกลัวมากจนไม่ได้พูดกับใคร
และน่าแปลกที่ท่านกล่าวชื่อเปโตรชัดเจน​.. แสดงว่า การที่เปโตรกล่าวปฏิเสธพระองค์ในวันศุกร์นั้น พระเยซูไม่ได้ทรงตัดเขาออกจากการเป็นศิษย์ของพระองค์ 
มาระโก 16:9-11
จากข้อ 9-20  เป็นตอนที่ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ให้ความเห็นว่า อาจเป็นข้อความที่เติมเข้ามา ไม่ใช่ของมาระโกเขียนตั้งแต่ต้น 
9 จากนั้น มีบันทึกว่า พระเยซู ทรงปรากฏกับมารีย์มักดาลาเป็นคนแรก .. มารีย์ไปบอก ไม่มีใครเชื่อ มัวแต่ร้องไห้ที่พระเยซูสิ้นพระชนม์  พระเจ้าทรงให้เกียรติเธอเป็นอย่างมาก มารีย์มักดาลา เป็นคนที่ทำตามคำบัญชาของพระเยซูทันที 
แต่น่าเสียดาย พวกเขาไม่เชื่อคำของเธอ … ทำไม? ทั้ง ๆ ที่พระเยซูทรงบอกล่วงหน้าแล้วว่า พระองค์จะคืนพระชนม์  อ่าน มาระโก 14:28
มาระโก 16: 12-13
12ทรงเจอศิษย์สองคนนอกเมือง ไปบอก ไม่มีใครเชื่อ รายละเอียดของเรื่องนี้ อยู่ใน  ลูกา 24:13-32
พวกเขากำลังเดินทางระหว่างนครเยรูซาเล็มกับเมืองเอมมาอู  สองคนที่คุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ก็ได้พบพระเยซูองค์ที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว  พระองค์ทรงเดินสนทนาไปกับพวกเขา โดยที่พวกเขาไม่ได้เห็นว่า เป็นพระองค์ จนกระทั่งพระองค์ทรงเปิดเผยพระองค์เอง เขาทั้งสองจึงมั่นใจ
13 แต่เมื่อไปเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น    คนอื่น ๆ ไม่เชื่อพวกเขา  (จะเห็นจากบทนี้ว่า ไม่มีใครสักคนคิดว่า พระเยซูจะฟื้นคืนพระชนม์เลย  บอกแล้วยังไม่เชื่อด้วย  ผู้ที่ติดตามพระองค์เวลานั้น เอาแต่เสียใจว่า พระองค์สิ้นพระชนม์ไป โดยลืมไปว่า พระองค์ได้ตรัสแล้วว่าจะคืนพระชนม์ขึ้นมา
มาระโก 16:14-18
14 แล้วพระองค์มาปรากฏกับศิษย์ 11 คน (เป็นเรื่องเดียวกับมัทธิว 28:16-20) ทรงต่อว่าที่พวกเขาไม่เชื่อ ใจแข็ง นั่นคือ ไม่เชื่อพี่น้องที่ได้เห็นพระเยซูแล้ว แปลกที่พวกเขาไม่ไว้ใจพี่น้องที่พูดความจริง  และคราวนี้ทุกคนต้องยอมรับว่า ได้เห็นพระองค์จริง  
15แต่แล้วจากคนที่ไม่ยอมเชื่อเหล่านี้  จากคนที่ต้องเห็นพระองค์จริง ๆ จึงเชื่อ พระองค์ก็ได้ตรัสสั่งให้ออกไปประกาศพระนามของพระองค์ทั่วโลก 
ทำไมพระเยซูทรงสั่งแบบนั้น?
เป็นเพราะนี่คือแผนการของพระเจ้ามาตั้งแต่สมัยอับราอัม พระองค์ทรงบอกเขาหลายพันปีก่อนว่า ลูกหลานของพวกเขาจะเป็นพระพรให้แก่ชาวโลก แต่ชาวยิวสมัยพระเยซูไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยพวกเขาเห็นแค่เพียงว่า พระเยซูทรงเป็นพระเมสสิยาห์ที่จะมาช่วยพวกเขาให้พ้นจากโรม
คำตรัสของพระเยซูจึงแปลกสำหรับพวกเขา และพวกเขาก็ไม่ได้ออกไปประกาศต่างประเทศจริงจังจนกระทั่งมีการข่มเหงคริสตจักร จนกระทั่งท่านเปาโลได้รับคำสั่งของพระเยซูด้วยตัวเอง 
พระเยซูทรงสั่งศิษย์ของพระองค์ และเราทุกคน และพระองค์ได้ทรงบอกล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง …เป็นหมายสำคัญตามหลังการประกาศพระนาม
มาระโก 16:19-20
ตรัสจบก็เสด็จขึ้นสวรรค์ ต่อหน้าต่อตาคนจำนวนมาก  อ่านเรื่องเดียวกันนี้ที่ลูกา 24:50-53  และกิจการ 1:6-11
พระเยซูทรงสัญญาว่า เมื่อพวกเขาประกาศพระนาม ก็จะมีหมายสำคัญเกิดขึ้นในหมู่ผู้เชื่อ เราจึงติดตามข่าวประเสริฐก่อน ไม่ใช่ติดตามหมายสำคัญ 

พระคำเชื่อมโยง

1* ยอห์น 20:1-8; ลูกา 23:56
2* ลูกา 24:1
5* ยอห์น 20:11-12
6* มัทธิว 28:6; โฮเชยา 6:2
7* มัทธิว 26:32; 28:16-17
8* มัทธิว 28:8

9* ลูกา 8:2
10* ลูกา 24:10
11* ลูกา 24:11,14
12* ลูกา 24:13-35
14* 1โครินธ์ 15:5
15* มัทธิว 28:19; โคโลสี 1:23

16* ยอห์น 3:18,36; 12:48
17* กิจการ 5:12; ลูกา 10:17; กิจการ 2:4
18* กิจการ 28:3-6; ยากอบ 5:14
19* กิจการ 1:2-3; อิสยาห์ 9:7; ลูกา 9:51; 24:51; สดุดี 110:1
20* ฮีบรู 2:4

สุภาษิต 24 สติปัญญาสร้างสรรค์

1 อย่าอิจฉาคนโหดร้าย หรืออยากไปเป็นพวกของเขา
2 เพราะพวกเขาเอาแต่คิดเรื่องความรุนแรง
ปากของพวกเขาก็ประกาศแต่เรื่องเดือดร้อน
คำกล่าวที่ 21
3 บ้านเรือนถูกสร้างขึ้นมาด้วยสติปัญญา
และบ้านนั้นมีความมั่นคงได้ด้วยความเข้าใจ
4 เพราะความรู้ ในห้องจึงมีทรัพย์สมบัติที่มีค่า
และงดงามเต็มไปหมด
5 นักรบที่มีสติปัญญานั้นเข้มแข็ง
และชายที่มีความรู้จะเพิ่มพลังให้ตัวเอง
6 เจ้าควรจะทำสงครามด้วยคำแนะนำจากหลาย ๆ คน
จะมีชัยชนะได้ก็ด้วยการมีที่ปรึกษามากมาย
คำกล่าวที่ 23
7 สติปัญญานั้นสูงเกินไปสำหรับคนโง่
เขาต้องไม่เปิดปากของตนที่ประตูเมือง

คำกล่าวที่ 24
8 คนที่วางแผนชั่ว จะได้ชื่อว่าเป็นคนออกอุบาย
9 การออกอุบายโง่ ๆ เป็นความบาป
และคนที่ช่างเยาะเป็นคนที่ใคร ๆ ก็รังเกียจ
คำกล่าวที่ 25
10 หากเจ้าล้มลงในวันแห่งความทุกข์ใจ
ก็แสดงว่า เจ้ามีกำลังน้อยเหลือเกิน!
11 จงช่วยชีวิตคนที่ถูกนำไปสู่ความตาย
จงยับยั้งคนที่เดินโซเซมุ่งไปยังแดนประหาร
12 หากเจ้ากล่าวว่า “ดูเถิด เราไม่รู้เรื่องนี้เลย”
พระเจ้าผู้ทรงชั่งใจจะไม่ทรงเห็นหรือ?
พระองค์ผู้ทรงคุ้มครองชีวิตของเจ้าจะไม่รู้หรือ?
และจะไม่ทรงตอบสนองแต่ละคนตามการกระทำของเขาหรือ?

คำกล่าวที่ 26
13 ลูกเอ๋ย จงกินน้ำผึ้ง เพราะเป็นสิ่งดี
และน้ำผึ้งที่หยดจากรวงนั้น ก็หวานชื่นใจนัก
14 จงรู้ว่า สติปัญญาก็หวานต่อจิตวิญญาณของเจ้า
หากเจ้าพบสติปัญญา เจ้าก็จะมีอนาคต
และความหวังของเจ้าจะไม่ถูกตัดออกไป
คำกล่าวที่ 27
15 โอ คนชั่วร้ายเอ๋ย อย่าไปซุ่มดักใกล้ ๆ บ้านคนเที่ยงธรรม
อย่าทำลายที่อยู่อาศัยของเขา
16 เพราะถึงแม้ว่าคนเที่ยงธรรมจะล้มเจ็ดครั้ง
แต่เขายังคงลุกขึ้นมาได้ แต่คนชั่วจะล้มลงในเวลาแห่งหายนะ


คำกล่าวที่ 28
17 อย่าไปยินดีเมื่อศัตรูของเจ้าล้มลง
อย่าให้ใจของเจ้าร่าเริงเมื่อเห็นเขาสะดุด
18 เกรงว่า พระเจ้าจะทรงเห็น และไม่พอพระทัย
และหันพระพิโรธออกจากพวกเขา
คำกล่าวที่ 29
19 อย่าไปเดือดร้อนเพราะคนทำความชั่ว
อย่าไปอิจฉาคนที่โหดร้าย
20 เพราะคนชั่วไม่มีอนาคต
และตะเกียงของคนโหดร้ายจะถูกดับไป
คำกล่าวที่ 30
21 ลูกของเราเอ๋ยจงยำเกรงพระเจ้าและองค์กษัตริย์
อย่าไปรวมหัวกับคนที่คิดกบฎ
22 เพราะมันจะนำหายนะมาให้เจ้าอย่างทันควัน
ใครจะรู้บ้างว่า ความเสียหายที่พระเจ้าและองค์กษัตริย์
ทรงนำมานั้นจะหนักหนาขนาดไหน?

คำกล่าวเพิ่มเติมจากผู้มีปัญญา
23สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้ มาจากคำสอนของปราชญ์เช่นกัน :
การตัดสินความด้วยความลำเอียงนั้นไม่ดีเลย
24 คนใดที่บอกคนทำผิดว่า “เจ้าไม่ผิด”
คนนั้นจะถูกผู้คนสาปแช่ง และชาติต่าง ๆ จะประณามเขา
25 แต่สำหรับคนที่ลงโทษคนผิด
ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี
และจะมีพระพรยิ่งใหญ่เหนือชีวิตของเขา
26 คำตอบที่ซื่อตรงเป็นเหมือนได้จูบที่ริมฝีปาก
27 จงทำงานข้างนอก เตรียมทุ่งนาให้พร้อม
จากนั้นเจ้าจึงสร้างบ้านของเจ้า
28 อย่าไปเป็นพยานเท็จต่อต้านเพื่อนบ้านอย่างไร้สาเหตุ
และอย่าหลอกลวงด้วยริมฝีปากของเจ้า
29 อย่ากล่าวว่า “ฉันจะทำกับเขาอย่างที่เขาทำต่อฉัน
ฉันจะตอบสนองเขาตามสิ่งที่เขาได้ทำลงไป”

30 ข้าได้เดินผ่านทุ่งของคนสันหลังยาว
ผ่านสวนองุ่นของคนไร้สามัญสำนึก
31 มีหนามโผล่ขึ้นมาทุกแห่ง ไม้หนามก็ขึ้นคลุมดิน
และกำแพงหินพังทลายไปแล้ว
32 ข้าสังเกตและเอาไปวิเคราะห์
ข้ามองและได้รับคำเตือนว่า
33 การขอนอนต่ออีกนิด ขอหลับต่ออีกหน่อย
ขอกอดอก พักผ่อนอีกชั่วครู่
34 แล้วความยากจนจะจู่โจมเข้ามาเหมือนโจร
และความขัดสนจะเข้ามาเหมือนคนเข้ามาปล้น



พระคำเชื่อมโยง สุภาษิต 24

1* สดุดี 1:1; 37:1
5* สุภาษิต 21:22
6* ลูกา 14:31
7* สดุดี 10:5
8* โรม 1:30
10* ฮีบรู 12:3
11* สดุดี 82:4
12* สุภาษิต 21:2; สดุดี 62:12

13* บทเพลงโซโลมอน 5:1
14* สดุดี 19:10; 58:11
16* มีคาห์ 7:8; เอสเธอร์ 7:10
17* โอบาดีย์ 12
19* สดุดี 37:1
21* 1 เปโตร 2:17
23* เลวีนิติ 19:15

24* อิสยาห์ 5:23
25* สุภาษิต 28:23
27* สุภาษิต 27:23-27
28* เอเฟซัส 4:25
29* สุภาษิต 20:22
31* ปฐมกาล 3:18
33* สุภาษิต 6:9-10
34* สุภาษิต 6:9-11