อาโมส 8 ผลไม้ในตะกร้า

จินตภาพที่สี่ : ตะกร้าผลไม้สุก
1 พระยาห์เวห์องค์พระเจ้าทรงสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นตะกร้าผลไม้ฤดูร้อน  
  2 ทรงถามข้าพเจ้าว่า “อาโมส เจ้าเห็นอะไร?”
“เห็นตะกร้าผลไม้ฤดูร้อนพระเจ้าข้า” 
 พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า
“วันเวลาสิ้นสุดของประชากรอิสราเอลของเรามาถึงแล้ว
เราจะไม่ละเว้นพวกเขาไว้อีกต่อไป
3  ในวันนั้น บทเพลงพระวิหารจะกลายเป็นเสียงร้องไห้คร่ำครวญ” พระยาห์เวห์องค์พระเจ้าทรงประกาศ
“จะมีซากศพเกลื่อนไปทั่วทุกแห่ง จะมีแต่ความเงียบ”
4  จงฟังเถิด เจ้าคนที่เหยียบย่ำคนขัดสน
และกำจัดคนที่ยากจนในแผ่นดิน 
5 พวกเจ้าถามว่า “เมื่อไรจะเวลาข้างขึ้นจะผ่านพ้นไป?
เราจะได้ขายข้าว  เมื่อไรจะจบวันสะบาโต เราจะได้ขายข้าวสาลี? เราจะโกงตาชั่งและเพิ่มราคาสินค้า และโกงด้วยตาชั่งไม่เที่ยง” 
6 “เราซื้อคนยากคนด้วยเงิน และคนยากไร้ด้วยรองเท้าคู่เดียว เราขายข้าวสาลีปนเปลือก!”
7 องค์พระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณโดยอ้างองค์ผู้ทรงเป็นความภูมิใจของยาโคบว่า  เราจะไม่ลืมการกระทำของพวกเขาเลย
8 ด้วยเหตุนี้ แผ่นดินจะไม่สั่นสะเทือนและผู้คนที่อาศัยในนั้นจะไม่คร่ำครวญหรือ?  ทั้งแผ่นดินจะเอ่อล้นขึ้นมาเหมือนแม่น้ำไนล์  จะเอ่อล้นขึ้นมาแล้วก็ลดยุบลงไปเหมือนแม่น้ำไนล์ในอียิปต์ 

จินตภาพที่สี่ : ตะกร้าผลไม้สุก
8:1-2 อาโมสเห็นจินตภาพอีกภาพ คือตะกร้าใส่ผลไม้สุกที่น่าจะมีความหมายถึงความยินดี แต่… ความหมายกลับพลิก พระเจ้าตรัสกับอาโมสว่า อิสราเอลสุกแล้ว กำลังจะไปสู่การเน่าเสีย … พระเจ้าทรงบอกว่า อิสราเอลสิ้นสุดแล้ว  พระองค์จะทรงลงโทษเหล่าผู้นำทั้งหลาย  คนที่กดขี่คนยากจน  คนที่พาให้คนหลงผิด  ประชาชนหลงคิดว่าการไหว้รูปเคารพเป็นการนมัสการพระเจ้าแท้จริง 
8:3 ภาพต่อไปที่เห็นคือคนร้องไห้ในวิหารแทนการร้องเพลง  และศพมากมายในถนน 
ยังจะมีคนที่ต้องเก็บศพเหล่านี้ ..​พวกเขาคิดอะไรอยู่? เราจะจบลงแบบศพเหล่านี้หรือเปล่า ผลไม้สุกจนเน่าจะถูกโยนทิ้งอย่างศพเหล่านี้  พระเจ้าทรงสั่งให้เงียบ พวกเขาต้องคิดให้ดีว่า เขาควรจะทำอย่างไรกับชีวิต
8:4-5  ในขณะที่คนยากไร้ถูกเหยียบย่ำ และจบชีวิตลงง่าย ๆ เพราะเมื่อศัตรูมาย่อมประหารชาวบ้านได้ง่ายกว่าเหล่าผู้นำที่ยังมีป้อมปราการ
แต่แทนที่พวกเขาจะกลับใจ กลับคิดว่า ในความยากเข็ญ พวกเขายังจะขายสินค้าจำเป็นได้ราคาดีขึ้น และแถมยังโกงตาชั่งได้อีกด้วย พวกเขายังใช้ตาชั่งซื้อ กับตาชั่งขายคนละตัว อยากให้เทศกาลข้างขึ้น ให้วันสะบาโตพ้น ๆ ไป  ทั้งที่พระเจ้าทรงสั่งให้คนของพระองค์มีน้ำใจยื่นมือช่วยคนยากจน (เฉลยธรรมบัญญัติ  15:7-11)
8:6 เมื่อมีเงินมากขึ้นจากการฉ้อโกง พวกเขาจะได้ร่ำรวยจนกระทั่งสามารถซื้อคนมาเป็นทาส โดยใช้แค่รองเท้าซื้อ  และคนจะยากจนมากขึ้นจะกระทั่งยอมซื้อเศษข้าวสาลีมากิน
สภาพของบ้านเมืองคือ ยิ่งโกงยิ่งรวย ยิ่งข่มเหงคนมากขึ้น
8:7-8 พระเจ้าทรงปฎิญาณโดยพระองค์เอง ต่อต้านความหยิ่งยะโสของยาโคบ  ย้อนกลับไปดู 6:8
พระองค์จะไม่ทรงลืมการกระทำทุกอย่างของอิสราเอล
ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ แผ่นดินไหว ผู้คนร่ำไห้  ดูจากภาพแล้ว เหมือนกับแผ่นดินไหวใหญ่มาก เป็นคำพูดเดียวกับใน
 อาโมส 9:5  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น่าจะมีใครรอดเลย!

9 นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์องค์พระเจ้า “และในวันนั้น เราจะทำให้ดวงอาทิตย์ตกเวลาเที่ยงวัน จะทำให้แผ่นดินมืดมิดในเวลากลางวัน
10 เราจะเปลี่ยนงานเทศกาลของเจ้าเป็นการไว้ทุกข์  และเพลงที่เจ้าร้องกลายเป็นการคร่ำครวญ เราจะทำให้ทุกคนต้องสวมเสื้อกระสอบ และโกน ผมไม่เว้นใคร  เราจะทำให้ความโศกเศร้านั้น เป็นเหมือนการร้องคร่ำครวญถึงลูกชายหัวปี ให้วันนั้นเป็นวันอันขมขื่นยิ่งนัก


11  พระยาห์เวห์ องค์พระเจ้าทรงประกาศว่า “วันเหล่านั้นกำลังจะมาถึง
คือวันที่เราส่งความอดอยากมาทั่วแผ่นดิน  ไม่ใช่ความอดอยากอาหารหรือกระหายน้ำดื่ม  แต่เป็นความหิวโหยที่จะได้ฟังพระดำรัสขององค์พระยาห์เวห์
12 ประชากรจะเร่ร่อน ซมซานจากทะเลหนึ่ง ไปยังทะเลอีกแห่ง  จะพเนจรจากทางเหนือไปทางตะวันออก เพื่อแสวงหาพระดำรัสของพระเจ้า แต่พวกเขาจะไม่พบ
13 ในวันนั้น หญิงสาวที่สวยงาม และชายหนุ่มก็เช่นกัน จะเป็นลมล้มไปเพราะความกระหาย
14 เหล่าคนที่สาบานโดยอ้างรูปเคารพแห่งสะมาเรียและกล่าวว่า “โอ เมืองดาน ตราบเท่าที่เทพเจ้าของเจ้ายังมีชีวิตแน่ฉันใด” หรือ “เทพเจ้าของเบเออร์เชบามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด” คนเหล่านี้จะล้มลง และไม่มีวันที่จะลุกขึ้นมาอีกเลย

8:9-10 โลกจะมืดลงทั้ง ๆ ที่ยังมีความสว่างของวันอยู่ สวมเสื้อกระสอบคือเสื้อไว้ทุกข์ ส่วนการโกนผมก็เป็นสัญลักษณ์ของการมีความทุกข์ใจ ซึ่งโดยปกติแล้วพระเจ้าทรงห้ามเรื่องนี้เอาไว้  แต่ทำเมื่อไรก็เพราะลูกหลานต้องตกไปเป็นเชลย  (เลวีนิติ 21:5; มีคาห์ 1:16)  พวกเขาจะเจอความทุกข์แบบที่ไม่อาจแก้ไขกลับคืนมาได้ ที่กล่าวถึงลูกชายหัวปี บ่งบอกถึงว่า พวกเขาจะไม่มีใครดูแลยามชรา วันสุดท้ายของพวกเขานั้นขมจริง

พระเจ้าทรงเงียบไป
8:11 นอกจากความอดอยากอาหาร น้ำ ยังมีความอดอยากที่พวกเขาคาดไม่ถึง คือ พวกเขาต้องการฟังพระคำของพระเจ้า พระดำรัสที่เคยพวกเขาเคยปฏิเสธ อย่าลืมว่า ในสะมาเรียนั้น ไม่มีกษัตริย์ดี ๆ สักองค์เดียว ครองราชย์มา 19 รัชกาล มีแต่กษัตริย์ร้ายทั้งสิ้น และกษัตริย์เหล่านี้ก็กั้นไม่ให้มีผู้รับใช้แท้ ๆ ของพระเจ้าอยู่เลย แม้แต่เอลียาห์ก็ยังถูกตามล่า
พวกเขาอยากได้คำหนุนใจ คำแห่งพระพร คำเตือนสติ ขอฟังพระดำรัสของพระเจ้า แต่พระเจ้ากลับทรงเงียบไป!

8:12-13 ไม่ว่าผู้คนจะพยายามหาพระเจ้าที่ใด พวกเขาก็จะไม่พบ ไม่มีผู้เผยพระดำรัสแท้ของพระเจ้าที่จะกล่าวให้เขาได้ยิน หญิงสาว ชายหนุ่มต่างโหยหาพระคำ แต่ก็ไม่พบ พวกเขาไม่ได้ยิน ไม่เคยได้ยินคำฝ่ายวิญญาณที่จะทำให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ พวกเขาจะล้มลงไป อาจจะถึงตาย ไม่อาจมีลูกหลานสืบประเทศต่อไป
 นี่เป็นสิ่งที่เตือนเราว่า หากเราสนใจอย่างอื่นจนลืมพระเจ้าไป วันหนึ่งเหตุการณ์อย่างนี้อาจจะเกิดขึ้นกับเราก็ได้

8:14  จากเมืองดาน ไปยังเบเออร์เชบา พวกเขายังคงสาบานในนามของเทพเจ้าต่าง ๆ ที่เขานับถือ
คนที่ยังหลงใหลกับรูปปั้นเหล่านี้ จะไม่มีวันที่จะลุกขึ้นมาได้อีก นี่เป็นพระดำรัสของพระเจ้าที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา…
แต่ยังพอจะไม่ใครหลงเหลือ รอดจากหายนะครั้งนี้ไปได้บ้าง?

พระคำเชื่อมโยง

อาโมส 8
2* เอเสเคียล 7:2; อาโมส 7:8
3* อาโมส 5:23; 6:9-10
5* เนหะมีย์ 13:5; มีคาห์ 6:10-11; เลวีนิติ 19:35-36


6* อาโมส 2:6
7* อาโมส 6:8; โฮเชยา 7:2; 8:13
8* โฮเชยา 4:3; อาโมส 9:5
9* โยบ 5:14
10* เอเสเคียล 7:18; 27:31; เศคาริยาห์  12:10

11* เอเสเคียล 7:26
12* โฮเชยา 5:6
14* โฮเชยา 4:15;
เฉลยธรรมบัญญัติ   9:21; อาโมส 5:5

อาโมส 7 พระเจ้าทรงเตือนด้วยจินตภาพ

จินตภาพที่หนึ่ง : ฝูงตั๊กแตน
1 พระยาห์เวห์องค์พระเจ้าทรงสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นดังนี้
พระองค์ทรงเตรียมฝูงตั๊กแตนจำนวนมากมายขึ้นมา ตอนที่ต้นอ่อนของรุ่นที่สองกำลังงอก
หลังจากที่ได้เกี่ยวเก็บรุ่นแรกของกษัตริย์ไปแล้ว
2 เมื่อตั๊กแตนทั้งฝูงเขมือบกินผักพืชพันธุ์เหล่านั้นจนไม่เหลือ ข้าพเจ้าทูลว่า “โอ พระยาห์เวห์ องค์พระเจ้า  ขอทรงอภัยด้วย แล้วยาโคบจะอยู่รอดได้อย่างไร ในเมื่อเขาเล็กน้อยเช่นนี้?”
3 พระยาห์เวห์จึงทรงยั้งพระทัยในเรื่องนี้ “เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น” พระองค์ตรัส  

จินตภาพที่หนึ่ง : ฝูงตั๊กแตน
7:1-3และแล้ว พระเจ้าก็ทรงทำให้อาโมสได้มองเห็นภาพเพื่อบอกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น  มกราคม กุมภาพันธ์เป็นช่วงที่จะหว่านปลูก และเก็บเกี่ยวผลประมาณ ฝูงตั๊กแตนที่มานั้น มาหลังจากที่เก็บเกี่ยวส่วนภาษีซึ่งเป็นของกษัตริย์ (1 พงศ์กษัตริย์ 18:5)ไปแล้ว ดังนั้นการเก็บเกี่ยวทีหลังเป็นของประชาชน อาโมสเห็นดังนั้นจึงร้องทูลพระเจ้า ทักท้วงพระองค์ ทูลว่าพวกเขาเป็นคนเล็กน้อย ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ … แล้วเขาก็ได้รับคำตอบ พระเจ้าทรงเปลี่ยนพระทัยไม่ทำลายไร่นา  เป็นคำอธิษฐานที่ร้อนรนจากคนของพระเจ้าที่จริงใจ และจะไม่ยอมแพ้ (ยากอบ 5:16-18) แต่ยังมีบางสิ่งที่เมื่อพระองค์ตัดสินพระทัยแล้วก็จะไม่มีวันเปลี่ยนได้เช่นกัน (เยเรมีย์ 7:16)
คำตอบที่อาโมสได้นั้น ทำให้เขาโล่งใจขึ้น  ..เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิด!!
แต่เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อคนอิสราเอลทำผิดต่อพระเจ้าไม่ใช่หรือ ?? (เฉลยธรรมบัญญัติ 28:38, 42; โยเอล 1:1-7) 

จินตภาพที่สอง : ไฟ 
4 พระยาห์เวห์องค์พระเจ้าทรงสำแดงให้เห็นดังนี้
พระยาห์เวห์ องค์พระเจ้าจะทรงลงโทษด้วยไฟ
ไฟนั้นจะเผาห้วงน้ำลึก และเผาผลาญแผ่นดิน
 5 แล้วข้าพเจ้ากล่าวว่า “โอ พระยาห์เวห์ องค์พระเจ้า โปรดหยุดเถิดพระเจ้าข้า!
ยาโคบจะอยู่รอดได้อย่างไรในเมื่อเขาเล็กน้อยเช่นนี้?”
6 พระยาห์เวห์จึงทรงยั้งพระทัย ในเรื่องนี้ “จะไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน”  

จินตภาพที่สอง : ไฟ
7:4-6  จินตภาพต่อมาที่เห็นคือ พระเจ้าจะทรงลงโทษอิสราเอลด้วยไฟ  ซึ่งลงมาที่แม่น้ำ และแผ่นดิน นี่เป็นภาพที่น่ากลัวกว่าเดิมอีก อาโมสก็อธิษฐานอีก แล้วพระเจ้าก็ทรงเปลี่ยนพระทัย  ถ้าอาโมสไม่อธิษฐาน พระเจ้ายังทรงทำตามพระดำริของพระองค์ จะไม่มีใครเหลือ

จินตภาพที่สาม : สายดิ่ง  
7 พระองค์ทรงสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นดังนี้คือ  พระยาห์เวห์ทรงยืนอยู่ข้างกำแพง พร้อมกับสายดิ่งในพระหัตถ์ 
8 พระยาห์เวห์ตรัสถามข้าพเจ้าว่า “อาโมส เจ้าเห็นอะไร?”
“สายดิ่ง พระเจ้าข้า” ข้าพเจ้าตอบ 
 แล้วพระยาห์เวห์ตรัสว่า “เราจะวางสายดิ่งท่ามกลางประชากรอิสราเอลของเรา เราจะไม่ละเว้นพวกเขาอีกต่อไป”
9 “สถานบูชาบนที่สูงจะถูกทำลายไป และสถานนมัสการทั้งหลายของอิสราเอลจะถูกพังลง เราจะลุกขึ้นต่อสู้วงศ์วานเยโรโบอัมด้วยดาบ”

จินตภาพที่สาม : สายดิ่ง
7:7-9 จินตภาพที่สามแตกต่างออกไป พระเจ้าทรงถือสายดิ่งที่จะทรงวางท่ามกลางประชาชน  ความหมายของจินตภาพนี้ก็คือ เมื่อพระองค์ทรงวัดชีวิตของประชากรของพระองค์ พวกเขาคดงอไปจากพระองค์  ไม่ตรงเหมือนสายดิ่ง พระเจ้าจะทรงทำลายสิ่งที่พวกเขารัก หวงแหน พระองค์จะนำชนชาติหนึ่งยกกองทัพมา สังหารอิสราเอล และทำลายที่สูงเหล่านี้เสีย 
นี่เป็นครั้งเดียวที่พระเจ้าทรงใช้คำอิสอัคแทนคนอิสราเอล โดยปกติจะทรงใช้คำยาโคบ … 

การต่อต้านจากอามาซิยาห์ 
10 อามาซิยาห์ ปุโรหิตแห่งเบธเอลได้ส่งสารไปยังเยโรโบอัมกษัตริย์แห่งอิสราเอล ว่า “อาโมสได้สมคบคิดวางแผนต่อต้านพระองค์ท่ามกลางวงศ์วานอิสราเอล  แผ่นดินไม่อาจทนต่อคำกล่าวของเขาได้ 
11 เพราะอาโมสกล่าวว่า ‘กษัตริย์เยโรโบอัมจะต้องสิ้นพระชนม์ด้วยดาบ และอิสราเอลจะต้องไปเป็นเชลยห่างจากบ้านเกิดของตน’”  
12 แล้วอามาซิยาห์กล่าวกับอาโมสว่า “ออกไปให้พ้น ผู้ทำนาย! จงหนีไปแผ่นดินยูดาห์เสีย ไปทำมาหากินและเผยพระดำรัสที่นั่น  
13 อย่ามาเผยพระดำรัสในเบธเอลอีก เพราะที่นี่เป็นสถานนมัสการขององค์กษัตริย์ และเป็นวิหารแห่งอาณาจักร”
14 ดังนั้นอาโมสจึงตอบอามาซิยาห์ว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้เผยพระดำรัสหรือลูกชายของผู้เผยพระดำรัส ข้าพเจ้าเป็นคนเลี้ยงแกะ และดูแลสวนมะเดื่อ 
15 แต่พระยาห์เวห์ทรงนำข้าพเจ้าออกมาจากงานเลี้ยงดูฝูงสัตว์ และตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงไป เผยพระดำรัสแก่อิสราเอล ประชากรของเรา””  
16 บัดนี้ จงฟังพระดำรัสของพระยาห์เวห์ “เจ้ากล่าวว่า อย่าเผยพระดำรัสต่อต้าน ติเตียนอิสราเอลเลย อย่าเทศนาต่อว่าวงศ์วานอิสอัคเลย”
17 ดังนั้น นี่เป็นพระดำรัสของพระยาห์เวห์ ว่า “ภรรยาของเจ้าจะกลายเป็นโสเภณีในเมือง ลูกชายและลูกสาวของเจ้าจะล้มลงด้วยดาบ แผ่นดินของเจ้าจะถูกวัดด้วยสายวัดและแบ่งออกมา  เจ้าเองจะสิ้นใจในดินแดนคนต่างชาติที่ไม่เชื่อพระเจ้า  อิสราเอลจะต้องตกไปเป็นเชลย ห่างไกลจากบ้านเกิดอย่างแน่นอน”

การต่อต้านจากอามาซิยาห์ 
7:10  หากย้อนกลับไปอ่าน  1 พงศ์กษัตริย์ 12:25-33  เราจะเห็นภาพของการที่พวกเขาสร้างสถานนมัสการในที่สูง.. กษัตริย์ไม่ต้องการให้ประชาชนไปนมัสการพระเจ้าในวิหารเยรูซาเล็มเพราะเกรงว่า ประชาชนจะไปสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์ทางใต้  ก็จึงสั่งสร้างวิหารเพื่อให้ประชาชนวนเวียนอยู่ที่เบธเอล กับเมืองดาน และตั้งปุโรหิตจากประชาชนขึ้นมาเอง กษัตริย์ได้ทำผิดต่อพระเจ้าโดยตรงในทุกเรื่อง และอามาซิยาห์ ปุโรหิตแห่งเบธเอลผู้นี้ ก็เป็นหนึ่งในคนที่ต่อต้านพระเจ้า.. เขาส่งสารไปโกหกกับกษัตริย์ว่า  1 อาโมส สมคบคิดต่อต้านองค์กษัตริย์  2 แผ่นดินทนฟังเขาไม่ได้

7:11-13 เพราะคำของอาโมสจากพระเจ้านั้นแรงจริง  ทำให้อามาซิยาห์ทนไม่ได้  ไล่เขาให้กลับไปบ้านเกิด  ให้เหตุผลว่า ที่เบธเอลเป็นสถานนมัสการของกษัตริย์ เป็นวิหารประจำอิสราเอลทางเหนือ จะเผยพระดำรัสก็ไปทำที่ภาคใต้ อย่ามาทำที่นี่   จะเห็นได้ว่า อาโมสต้องกล่าวพระดำรัสของพระเจ้าให้กับคนที่ใจแข็งกระด้างและมุ่งมั่นที่จะต่อต้านพระองค์ 

7:14-15 ที่อามาซิยาห์กล่าวหาว่าอาโมสสมคบคิดนั้น อาโมสก็ตอบไปให้รู้ชัดว่า เขาแค่เป็นคนเลี้ยงแกะ ดูแลต้นมะเดื่อ แต่พระเจ้าทรงเรียกมาให้เดินทางมาทางเหนือเพื่อเผยพระดำริของพระองค์ เพื่อตักเตือนให้เขากลับใจ เพื่อจะไม่มีหายนะมาถึงพวกเขา 

7:16-17  แล้วพระดำรัสที่น่าสะพรึงก็มาถึงอามาซิยาห์โดยตรง!   นอกจากตัวเขาจะตายในต่างแดน ตกเป็นเชลยพร้อมกับคนอิสราเอล เมียจะกลายเป็นหญิงขายตัว ลูก ๆ จะถูกฆ่า ที่ดินจะถูกแบ่งออกไป อามาซิยาห์จะไม่มีอะไรเหลือ เพราะเขาต่อต้านพระเจ้า และคนของพระองค์ 

พระคำเชื่อมโยง

อาโมส 7
2* อิสยาห์ 51:19
3* ยอห์น 3:10
5* อาโมส 7:2-3
8* 2 พงศ์กษัตริย์ 21:13; มีคาห์ 7:18

9* ปฐมกาล 46:1; 2 พงศ์กษัตริย์ 15:8-10
10* 1 พงศ์กษัตริย์ 12:31-33; อาโมส 4:4; 2 พงศ์กษัตริย์ 14:23
11* อาโมส 5:27; 6:7
13* อาโมส 2:12; 1 พงศ์กษัตริย์ 12:29, 32

14* 1 พงศ์กษัตริย์ 20:35; เศคาริยาห์  13:5
15* อาโมส 3:8
16* เอเสเคียล 21:2
17* เยเรมีย์ 28:12; 29:21, 32;
เศคาริยาห์ 14:2; โฮเชยา 9:3

อาโมส 6 วิบัติแก่ชีวิตแสนสบาย

วิบัติแก่ศิโยนและสะมาเรีย
1 วิบัติแก่คนที่อยู่สบายในศิโยน และแก่คนที่รู้สึกมั่นคงปลอดภัยบนภูเขาสะมาเรีย  คือคนที่มีชื่อเสียงเป็นที่หนึ่งในชาติต่าง ๆ คนที่วงศ์วานอิสราเอลมาขอให้ช่วย 
2 จงข้ามไปดูเมืองคาลเนห์ และจากที่นั่นก็ไปยังเมืองฮามัทที่ยิ่งใหญ่  จากนั้นลงไปยังเมืองกัทในฟีลิสเตีย  ทั้งสามเมืองนี้ รุ่งเรืองกว่าอาณาจักรทั้งสองของพวกเจ้าหรือ?ดินแดนของพวกเขากว้างใหญ่กว่าเจ้าหรือ?

 3 เจ้าคอยเลื่อนวันที่เลวร้ายนั้นออกไป และนำการปกครองที่รุนแรงเข้ามา

4 วิบัติแก่พวกเจ้าที่เอนกายบนเตียงฝังงาช้าง และยืดกายบนที่นั่งยาว อาหารของเจ้าคือเนื้อลูกแกะชั้นดี  และลูกวัวอ้วนจากคอก
5 พวกเจ้าแต่งเพลงจากพิณ และสร้างเครื่องดนตรีใหม่ ๆ เหมือนดาวิด 
6 พวกเจ้าดื่มเหล้าองุ่นเต็มชาม และใช้น้ำมันชั้นดีเจิมตัวเอง  แต่พวกเจ้ากลับไม่มีความโศกเศร้ากับหายนะของโยเซฟเลย
7 ดังนั้น พวกเจ้าจะเป็นกลุ่มแรกที่จะตกเป็นเชลย  และการเลี้ยงฉลองกับการนอนเล่นสบายจะจบสิ้นลง 

วิบัติแก่ศิโยนและสะมาเรีย
6:1 อาโมสกำลังกล่าวถึงศิโยน คือเยรูซเล็มหรือ คนยูดาห์ทางใต้ และสะมาเรีย คนอิสราเอลทางเหนือ  พวกเขาคิดว่าตนเป็นชนชั้นสูง มีชื่อเสียง ใคร ๆ ก็ต้องมาขอความช่วยเหลือ
ทำไมความสบายและรู้สึกมั่นคงจึงเป็นบาปในสายพระเนตรพระเจ้า?   
พอสบายก็ไม่เห็นความทุกข์ยากของคนอื่น แต่ในบทก่อนหน้านี้เราก็เห็นว่า พวกเขาไม่ได้ทำดีต่อคนยากจน แต่กลับกดขี่ ซื้อขายคน และเอาเปรียบอย่างเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิต 
6:2 พระเจ้าทรงให้พวกเขาหันไปดูสามเมืองเล็ก ๆ อย่างคาลเนห์ ฮามัท และเมืองกัท ซึ่งเป็นเมืองเล็กกว่า เจริญน้อยกว่า และพวกเขาไม่ได้มีความรู้สึกว่ามีความปลอดภัย มั่นคงอย่างยูดาห์และสะมาเรียเลย ความคิดที่ว่าตัวเองเก่งนี่เองเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้พระเจ้าจะคว่ำพวกเขาลง 
6:3  การเลื่อนวันที่เลวร้าย คือ พวกเขาไม่เชื่อว่าสงครามจะเกิดขึ้น   เห็นชัดว่า พวกเขาปกครองอย่างทรราช 
6:4 และเกียจคร้านไม่สนใจทำงานที่ดี  ช่วยเหลือประชาชน สิ่งที่ทำเป็นประจำคือการกินอาหารเนื้อแกะ เนื้อวัวชั้นดี ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย (ประชาชนทั่วไปกินปลาเป็นหลัก) 
6:5เต้นรำ ร้องเพลง คิดสิ่งที่สร้างความบันเทิงให้กับชนชั้นของตนเอง คิดว่าตนเองเทียบชั้นได้กับกษัตริย์ดาวิด 
6:6 พวกเขามีเหล้าองุ่นอย่างเหลือเฟือ มีน้ำมันชั้นดีชโลมตัว คือพวกเขาดูแลความงามของตนเองเป็นเรื่องใหญ่  ภาพรวมที่เราเห็นคือ คนที่ทำอะไรอย่างมากเกิน ฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย    เมื่อชนชาติของเขากำลังลำบาก ถูกโจมตี พวกเขาก็ไม่สนใจ  ที่สำคัญคือ พวกเขาคิดว่าจะไม่มีอะไรมาแตะพวกเขาได้
6:7พระเจ้าจะทรงจัดการกับพวกเขาเป็นกลุ่มแรก  ความสนุกสนานบันเทิงจะกลายเป็นโซ่ตรวน 

การลงโทษความเย่อหยิ่งของอิสราเอล
 8 พระยาห์เวห์องค์พระเจ้าทรงปฏิญาณโดยอ้างถึงพระองค์เอง นี่เป็นการประกาศของ พระยาห์เวห์องค์จอมทัพ
“เราชังความหยิ่งทะนงของยาโคบ และชังป้อมปราการทั้งหลายของเขา
ดังนั้นเราจะยกเมืองนี้และทุกสิ่งในเมืองนี้ให้ศัตรู”
9 และหากมีชายสิบคนเหลืออยู่ในบ้าน พวกเขาจะตาย
10 เมื่อมีญาติใกล้ชิดเข้ามาเพื่อเคลื่อนย้ายศพไปจากบ้าน เขาจะร้องถามเผื่อว่ายังมีใครหลงเหลือในบ้านอีก  “ยังมีใครอยู่กับเจ้าอีก?” เขาจะตอบว่า “ไม่มี” แล้วเขาจะกล่าวว่า “เงียบ ๆ สิ
เพราะเราจะไม่เอ่ยพระนามของพระยาห์เวห์ขึ้นมา”
11 เพราะพระยาห์เวห์ทรงบัญชา
บ้านหลังใหญ่จะถูกพังทลายเป็นชิ้น ๆ
บ้านหลังเล็กจะถูกพังจนเป็นเศษเล็ก ๆ
12 ม้าวิ่งตามหน้าผาสูงหรือ? หรือว่ามีใครใช้วัวไถที่นั่นได้?  แต่เจ้ากลับเปลี่ยนความยุติธรรมให้เป็นพิษ และทำให้ผลของความเที่ยงธรรมกลายเป็นความขม
13  คนที่ยินดีเมื่อเอาชนะเมืองโลเดบาร์ได้ และกล่าวว่า “เรายึดเมืองคาร์นาอิมด้วยกำลังของเราเองไม่ใช่หรือ?”
14 “แต่ดูเถิด โอ วงศ์วานอิสราเอล เรากำลังนำชาติหนึ่งมาต่อสู้เจ้า” พระยาห์เวห์องค์จอมทัพทรงประกาศ “พวกเขาจะข่มเหงเจ้าตั้งแต่เลโบฮามัท ไปจนถึงลำธารแห่งหุบเขาอาราบาห์ 

การลงโทษความเย่อหยิ่งของอิสราเอล
6:8 พระดำรัสของพระยาห์เวห์นั้นศักดิ์สิทธิ์ เมื่อตรัสสิ่งใด สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นเป็นแน่ (บางเล่มแปลว่า พระองค์ทรงปฏิญาณโดยอ้างถึงพระชนม์ชีพของพระองค์เอง) พระองค์ทรงบอกล่วงหน้าผ่านอาโมสให้รู้ว่า พวกเขาเย่อหยิ่งนัก คิดว่าตัวเง เก่ง ดี ช่วยตัวเองได้  พระเจ้าจะทรงยกเมืองสะมาเรียทั้งสิ้นให้กับศัตรูที่กำลังจะยกทัพมา 
6:9 และทุกคนในบ้านจะตายหมด ถึงจะเอาชายสิบคนเข้าไปแอบไว้ในบ้านเดียว พวกเขาก็จะพากันตายไป 
6:10 ญาติใกล้ชิดนี้ หมายถึงสัปเหร่อผู้ที่จะมาเอาศพไปเผย ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องปกติ การเผาศพในอิสราเอลจะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อมีโรคระบาด  เมื่อมาเอาศพ ก็จะถามว่า มีอีกไหม เพราะแต่ละบ้านก็มีศพมาก พวกเขาจะกลัวพระนามของพระยาห์เวห์ในเวลานั้นกลัวว่า พระองค์จะทรงนำการลงโทษมาให้พวกเขาอีก  แม้ว่าเวลานี้จะไม่ฟังพระสุรเสียงของพระองค์
6:11 ไม่ว่าจะเป็นบ้านรวย หรือบ้านจน จะไม่เหลือ  แต่เมื่อสถานการณ์เลวร้ายขนาดนี้ พวกเขาก็ยังไม่ตามหาพระองค์
6:12  คำถามทั้งสองมีคำตอบว่า เป็นไปไม่ได้… ม้าจะวิ่งบนหน้าผาลื่น ๆ ไม่ได้   วัวก็จะไถบนหินได้อย่างไร แต่สิ่งที่เป็นไปคือ พวกเขากลับทำให้ความยุติธรรม ความเที่ยงธรรมกลายเป็นสิ่งเลวร้าย คนที่อยู่ตรงข้ามกับพวกเขาในศาลก็เหมือนกับต้องกินยาพิษ  จิตใจของพวกเขาก็ขมขื่น
6:13 พวกเขาเคยไปตีเมืองอื่น ๆ แล้วได้ชัยชนะกลับมา สมัยที่อยู่ใต้กษัตริย์ เยโรโบอัมที่สอง พวกเขาตีเมือง โลเดบาร์ (2 ซามูเอล 9:4) มาได้ แต่ชื่อเมืองนี้แปลว่า ไม่มีอะไรเลย เป็นเมืองในกิเลอาด
อาโมสกำลังบอกว่า ที่เขาชนะนั้น ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย และคาร์นาอิม(แปลว่า กำลังหรือเขาสัตว์ ) และคิดว่า ตนเองเก่ง สามารถยึดเมืองที่แข็งแรงและริบเอาคน และสิ่งของมาได้
เชื่อว่าตนเองมีความสามารถมาก แต่จริงแล้วเมืองนี้ก็ไม่ได้มีความสำคัญแต่อย่างใด
6:14 รายละเอียดของการบุกของศัตรูนั้นชัดเจน เริ่มจาก เลโบฮามัท ไปถึงหุบเขาอาราบาห์ !

พระคำเชื่อมโยง

อาโมส 6
1* ลูกา 6:24;เศฟันยาห์ 1:12 ;
อิสยาห์ 31:1; อพยพ 19:5
2* เยเรมีย์ 2:10; อิสยาห์ 10:9 ;
2 พงศ์กษัตริย์ 18:34; เนหะมีย์ 3:8
3* อิสยาห์ 56:12 ; อาโมส 5:18 ; 5:12;
สดุดี 94:20


5* อิสยาห์ 5:12 ; อาโมส 5:23 ;
1 พงศาวดาร 23:5
6* อาโมส 2:8 ;4:1; ปฐมกาล 37:25
7* อาโมส 5:27
8* เยเรมีย์ 51:14; อาโมส 8:7

10* อาโมส 5:13; 8:3
11* อิสยาห์ 55:11 ; อาโมส 3:15
12* โฮเชยา 10:4
14* เยเรมีย์ 5:15 ;
1 พงศ์กษัตริย์ 8:65