
จินตภาพที่สี่ : ตะกร้าผลไม้สุก
1 พระยาห์เวห์องค์พระเจ้าทรงสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นตะกร้าผลไม้ฤดูร้อน
2 ทรงถามข้าพเจ้าว่า “อาโมส เจ้าเห็นอะไร?”
“เห็นตะกร้าผลไม้ฤดูร้อนพระเจ้าข้า”
พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า
“วันเวลาสิ้นสุดของประชากรอิสราเอลของเรามาถึงแล้ว
เราจะไม่ละเว้นพวกเขาไว้อีกต่อไป
3 ในวันนั้น บทเพลงพระวิหารจะกลายเป็นเสียงร้องไห้คร่ำครวญ” พระยาห์เวห์องค์พระเจ้าทรงประกาศ
“จะมีซากศพเกลื่อนไปทั่วทุกแห่ง จะมีแต่ความเงียบ”
4 จงฟังเถิด เจ้าคนที่เหยียบย่ำคนขัดสน
และกำจัดคนที่ยากจนในแผ่นดิน
5 พวกเจ้าถามว่า “เมื่อไรจะเวลาข้างขึ้นจะผ่านพ้นไป?
เราจะได้ขายข้าว เมื่อไรจะจบวันสะบาโต เราจะได้ขายข้าวสาลี? เราจะโกงตาชั่งและเพิ่มราคาสินค้า และโกงด้วยตาชั่งไม่เที่ยง”
6 “เราซื้อคนยากคนด้วยเงิน และคนยากไร้ด้วยรองเท้าคู่เดียว เราขายข้าวสาลีปนเปลือก!”
7 องค์พระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณโดยอ้างองค์ผู้ทรงเป็นความภูมิใจของยาโคบว่า เราจะไม่ลืมการกระทำของพวกเขาเลย
8 ด้วยเหตุนี้ แผ่นดินจะไม่สั่นสะเทือนและผู้คนที่อาศัยในนั้นจะไม่คร่ำครวญหรือ? ทั้งแผ่นดินจะเอ่อล้นขึ้นมาเหมือนแม่น้ำไนล์ จะเอ่อล้นขึ้นมาแล้วก็ลดยุบลงไปเหมือนแม่น้ำไนล์ในอียิปต์
จินตภาพที่สี่ : ตะกร้าผลไม้สุก
8:1-2 อาโมสเห็นจินตภาพอีกภาพ คือตะกร้าใส่ผลไม้สุกที่น่าจะมีความหมายถึงความยินดี แต่… ความหมายกลับพลิก พระเจ้าตรัสกับอาโมสว่า อิสราเอลสุกแล้ว กำลังจะไปสู่การเน่าเสีย … พระเจ้าทรงบอกว่า อิสราเอลสิ้นสุดแล้ว พระองค์จะทรงลงโทษเหล่าผู้นำทั้งหลาย คนที่กดขี่คนยากจน คนที่พาให้คนหลงผิด ประชาชนหลงคิดว่าการไหว้รูปเคารพเป็นการนมัสการพระเจ้าแท้จริง
8:3 ภาพต่อไปที่เห็นคือคนร้องไห้ในวิหารแทนการร้องเพลง และศพมากมายในถนน
ยังจะมีคนที่ต้องเก็บศพเหล่านี้ ..พวกเขาคิดอะไรอยู่? เราจะจบลงแบบศพเหล่านี้หรือเปล่า ผลไม้สุกจนเน่าจะถูกโยนทิ้งอย่างศพเหล่านี้ พระเจ้าทรงสั่งให้เงียบ พวกเขาต้องคิดให้ดีว่า เขาควรจะทำอย่างไรกับชีวิต
8:4-5 ในขณะที่คนยากไร้ถูกเหยียบย่ำ และจบชีวิตลงง่าย ๆ เพราะเมื่อศัตรูมาย่อมประหารชาวบ้านได้ง่ายกว่าเหล่าผู้นำที่ยังมีป้อมปราการ
แต่แทนที่พวกเขาจะกลับใจ กลับคิดว่า ในความยากเข็ญ พวกเขายังจะขายสินค้าจำเป็นได้ราคาดีขึ้น และแถมยังโกงตาชั่งได้อีกด้วย พวกเขายังใช้ตาชั่งซื้อ กับตาชั่งขายคนละตัว อยากให้เทศกาลข้างขึ้น ให้วันสะบาโตพ้น ๆ ไป ทั้งที่พระเจ้าทรงสั่งให้คนของพระองค์มีน้ำใจยื่นมือช่วยคนยากจน (เฉลยธรรมบัญญัติ 15:7-11)
8:6 เมื่อมีเงินมากขึ้นจากการฉ้อโกง พวกเขาจะได้ร่ำรวยจนกระทั่งสามารถซื้อคนมาเป็นทาส โดยใช้แค่รองเท้าซื้อ และคนจะยากจนมากขึ้นจะกระทั่งยอมซื้อเศษข้าวสาลีมากิน
สภาพของบ้านเมืองคือ ยิ่งโกงยิ่งรวย ยิ่งข่มเหงคนมากขึ้น
8:7-8 พระเจ้าทรงปฎิญาณโดยพระองค์เอง ต่อต้านความหยิ่งยะโสของยาโคบ ย้อนกลับไปดู 6:8
พระองค์จะไม่ทรงลืมการกระทำทุกอย่างของอิสราเอล
ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ แผ่นดินไหว ผู้คนร่ำไห้ ดูจากภาพแล้ว เหมือนกับแผ่นดินไหวใหญ่มาก เป็นคำพูดเดียวกับใน
อาโมส 9:5 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น่าจะมีใครรอดเลย!
9 นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์องค์พระเจ้า “และในวันนั้น เราจะทำให้ดวงอาทิตย์ตกเวลาเที่ยงวัน จะทำให้แผ่นดินมืดมิดในเวลากลางวัน
10 เราจะเปลี่ยนงานเทศกาลของเจ้าเป็นการไว้ทุกข์ และเพลงที่เจ้าร้องกลายเป็นการคร่ำครวญ เราจะทำให้ทุกคนต้องสวมเสื้อกระสอบ และโกน ผมไม่เว้นใคร เราจะทำให้ความโศกเศร้านั้น เป็นเหมือนการร้องคร่ำครวญถึงลูกชายหัวปี ให้วันนั้นเป็นวันอันขมขื่นยิ่งนัก
11 พระยาห์เวห์ องค์พระเจ้าทรงประกาศว่า “วันเหล่านั้นกำลังจะมาถึง
คือวันที่เราส่งความอดอยากมาทั่วแผ่นดิน ไม่ใช่ความอดอยากอาหารหรือกระหายน้ำดื่ม แต่เป็นความหิวโหยที่จะได้ฟังพระดำรัสขององค์พระยาห์เวห์
12 ประชากรจะเร่ร่อน ซมซานจากทะเลหนึ่ง ไปยังทะเลอีกแห่ง จะพเนจรจากทางเหนือไปทางตะวันออก เพื่อแสวงหาพระดำรัสของพระเจ้า แต่พวกเขาจะไม่พบ
13 ในวันนั้น หญิงสาวที่สวยงาม และชายหนุ่มก็เช่นกัน จะเป็นลมล้มไปเพราะความกระหาย
14 เหล่าคนที่สาบานโดยอ้างรูปเคารพแห่งสะมาเรียและกล่าวว่า “โอ เมืองดาน ตราบเท่าที่เทพเจ้าของเจ้ายังมีชีวิตแน่ฉันใด” หรือ “เทพเจ้าของเบเออร์เชบามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด” คนเหล่านี้จะล้มลง และไม่มีวันที่จะลุกขึ้นมาอีกเลย
8:9-10 โลกจะมืดลงทั้ง ๆ ที่ยังมีความสว่างของวันอยู่ สวมเสื้อกระสอบคือเสื้อไว้ทุกข์ ส่วนการโกนผมก็เป็นสัญลักษณ์ของการมีความทุกข์ใจ ซึ่งโดยปกติแล้วพระเจ้าทรงห้ามเรื่องนี้เอาไว้ แต่ทำเมื่อไรก็เพราะลูกหลานต้องตกไปเป็นเชลย (เลวีนิติ 21:5; มีคาห์ 1:16) พวกเขาจะเจอความทุกข์แบบที่ไม่อาจแก้ไขกลับคืนมาได้ ที่กล่าวถึงลูกชายหัวปี บ่งบอกถึงว่า พวกเขาจะไม่มีใครดูแลยามชรา วันสุดท้ายของพวกเขานั้นขมจริง
พระเจ้าทรงเงียบไป
8:11 นอกจากความอดอยากอาหาร น้ำ ยังมีความอดอยากที่พวกเขาคาดไม่ถึง คือ พวกเขาต้องการฟังพระคำของพระเจ้า พระดำรัสที่เคยพวกเขาเคยปฏิเสธ อย่าลืมว่า ในสะมาเรียนั้น ไม่มีกษัตริย์ดี ๆ สักองค์เดียว ครองราชย์มา 19 รัชกาล มีแต่กษัตริย์ร้ายทั้งสิ้น และกษัตริย์เหล่านี้ก็กั้นไม่ให้มีผู้รับใช้แท้ ๆ ของพระเจ้าอยู่เลย แม้แต่เอลียาห์ก็ยังถูกตามล่า
พวกเขาอยากได้คำหนุนใจ คำแห่งพระพร คำเตือนสติ ขอฟังพระดำรัสของพระเจ้า แต่พระเจ้ากลับทรงเงียบไป!
8:12-13 ไม่ว่าผู้คนจะพยายามหาพระเจ้าที่ใด พวกเขาก็จะไม่พบ ไม่มีผู้เผยพระดำรัสแท้ของพระเจ้าที่จะกล่าวให้เขาได้ยิน หญิงสาว ชายหนุ่มต่างโหยหาพระคำ แต่ก็ไม่พบ พวกเขาไม่ได้ยิน ไม่เคยได้ยินคำฝ่ายวิญญาณที่จะทำให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ พวกเขาจะล้มลงไป อาจจะถึงตาย ไม่อาจมีลูกหลานสืบประเทศต่อไป
นี่เป็นสิ่งที่เตือนเราว่า หากเราสนใจอย่างอื่นจนลืมพระเจ้าไป วันหนึ่งเหตุการณ์อย่างนี้อาจจะเกิดขึ้นกับเราก็ได้
8:14 จากเมืองดาน ไปยังเบเออร์เชบา พวกเขายังคงสาบานในนามของเทพเจ้าต่าง ๆ ที่เขานับถือ
คนที่ยังหลงใหลกับรูปปั้นเหล่านี้ จะไม่มีวันที่จะลุกขึ้นมาได้อีก นี่เป็นพระดำรัสของพระเจ้าที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา…
แต่ยังพอจะไม่ใครหลงเหลือ รอดจากหายนะครั้งนี้ไปได้บ้าง?
พระคำเชื่อมโยง
อาโมส 8
2* เอเสเคียล 7:2; อาโมส 7:8
3* อาโมส 5:23; 6:9-10
5* เนหะมีย์ 13:5; มีคาห์ 6:10-11; เลวีนิติ 19:35-36
6* อาโมส 2:6
7* อาโมส 6:8; โฮเชยา 7:2; 8:13
8* โฮเชยา 4:3; อาโมส 9:5
9* โยบ 5:14
10* เอเสเคียล 7:18; 27:31; เศคาริยาห์ 12:10
11* เอเสเคียล 7:26
12* โฮเชยา 5:6
14* โฮเชยา 4:15;
เฉลยธรรมบัญญัติ 9:21; อาโมส 5:5