ดังนั้น ข้าจึงขอหนุนใจบรรดาผู้ใหญ่ท่ามกลางท่าน ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่เหมือนกัน เป็นพยานคนหนึ่งที่เห็นการทนทุกข์ของพระคริสต์ และเป็นผู้ที่มีส่วนในพระสิริรุ่งโรจน์ที่กำลังจะมาปรากฏ ว่า..
1 เปโตร 5:1
มัทธิว 26:37, โรม 8:17,18,
ครั้งนี้ท่านเปโตรกำลังขอร้องพี่น้องที่เป็นผู้สูงอายุซึ่งเป็นคนวัยเดียวกับท่านเอง พวกเขาเหล่านี้คือเหล่าผู้ปกครองในคริสตจักร เป็นคนที่มีปัญญาและเติบโตฝ่ายวิญญาณเป็นผู้ใหญ่ พวกเขาทั้งสอน-เทศนาได้ (1 ทิโมธี 5:17) ท่านเปโตรเข้าใจความหมายลึกซึ้งของทั้งหมดที่เห็นจากพระเยซูคริสต์ ท่านรู้ว่า ที่พระเยซูต้องสิ้นพระชนม์นั้นเพื่อเป้าหมายประการใด และคำที่จะขอร้องต่อไปก็สำคัญยิ่ง
ให้ท่านเลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้าซึ่งอยู่ท่ามกลางท่าน โดยปกครองดูแลไม่ใช่เพราะถูกบังคับแต่ดูแลอย่างเต็มใจตามน้ำพระทัยไม่ใช่เพราะสนใจผลประโยชน์ แต่ดูแลอย่างกระตือรือร้น
1 เปโตร 5:2
กิจการ 20:28, 1 โครินธ์ 9:17, 1 ทิโมธี 3:3,
สิ่งสำคัญสำหรับผู้ปกครองในคริสตจักรคือ การเลี้ยงดูผู้เชื่ออย่างที่พระเยซูทรงทำมาก่อน เขาทำเพราะเขารักพระองค์ และคนของพระองค์ (ยอห์น 21:15-17) ผู้เลี้ยงมีหน้าที่ทั้งปกป้อง แนะนำ ให้อาหาร คือพระคำของพระเจ้า ดูแลอย่างห่วงใย พร้อมที่ จะให้ชีวิตของตนแก่พี่น้อง (ยอห์น 10:11-14)
ทั้งหมดนี้ ทำด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง
โดยไม่ทำตัวเหนือบรรดาคนที่ท่านดูแลแต่เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น และเมื่อองค์พระผู้เลี้ยงใหญ่ทรงปรากฏ ท่านจะได้รับมงกุฎแห่งศักดิ์ศรีที่ไม่เลือนไป
1 เปโตร 5:3-4
เอเสเคียล 34:4, สดุดี 33:12, ฟีลิปปี 3:17, ฮีบรู 13:20, 2 ทิโมธี 4:8
การเลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้าคือ เหล่าผู้เชื่อที่ ยังเป็นคนใหม่ ยังต้องการความเข้าใจในพระคำ พวกเขาไม่ใช่เรียนจากคำสอนด้วยปากเท่านั้น แต่พวกเขาเรียนรู้จากการกระทำของผู้เลี้ยงดู เรียนจากชีวิตที่เป็นต้นแบบ เหมือนอย่างอัครทูตเปาโล ที่ท่านเคยพูดว่า จงเลียนแบบข้า อย่างที่ข้าเลียนแบบพระคริสต์ 1 โครินธ์ 11:1 ดังนั้นเราจึงต้องเป็นผู้เลี้ยงที่ทำตามอย่างองค์พระผู้เลี้ยงใหญ่
วางใจพระเจ้า ระวังตัวและถ่อมตน
เช่นเดียวกัน คนที่อายุน้อยกว่าก็ให้เชื่อฟังคนที่อาวุโสกว่า ขอให้ทุกคนถ่อมใจต่อกันและกัน เพราะว่า “พระเจ้าทรงต่อต้านคนที่เย่อหยิ่ง แต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจลง”
1 เปโตร 5:5
เอเฟซัส 5:21, สุภาษิต 3:34, อิสยาห์ 57:15
ขณะที่ท่านเปโตรสอนให้ผู้ใหญ่ดูแลผู้น้อยผู้น้อย คือลูกแกะ ก็จะต้องเชื่อฟัง และถ่อมตน ต่อผู้ใหญ่เหล่านั้น ต้องมีการตอบโต้กันระหว่างสองฝ่ายอย่างดี ผู้ใหญ่ต้องไม่วางก้าม แต่ให้ ความนับถือผู้น้อยด้วย ผู้น้อยก็ต้องให้เกียรติ ผู้ใหญ่ สังคมเช่นนี้จะไปได้ด้วยดีมีความสงบสุข ท่านเปโตรกล่าวถึงสุภาษิต 3:34 เพื่อให้เห็นว่าความถ่อมตนนั้นสำคัญต่อความสัมพันธ์ ของเรากับพระเจ้าโดยตรง!
ดังนั้นจงถ่อมตนภายใต้พระหัตถ์ อันทรงฤทธิ์ของพระเจ้า เพื่อว่าพระองค์
จะทรงยกชูท่านขึ้นในเวลาที่เหมาะสม
1 เปโตร 5:6
ยากอบ 4:10, ลูกา 14:11, สุภาษิต 29:23
เมื่อท่านเปโตรว่า “พระเจ้าทรงต่อต้านคนที่เย่อหยิ่ง แต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจลง” ท่านก็ต่อด้วยคำเตือนให้ถ่อมตนต่อพระเจ้าทันที การถ่อมตนต่อมนุษย์ด้วยกันมีผลทำให้คนนั้นถ่อมตนต่อพระเจ้าด้วย คนที่โอ้อวด คิดว่าพระเจ้าอยู่ไกล ไม่เกี่ยวกับตน คิดว่าพระเจ้าไม่ทรงฤทธิ์ที่จะลงโทษ และสามารถกล่าวคำดูหมิ่นองค์พระเจ้าอย่างไม่กลัว ชีวิตข้างหน้าของเขาน่าสยดสยอง พระพรของการถ่อมตนคือ พระเจ้าจะทรงยกคนนั้นขึ้นในเวลาที่เหมาะมาก ๆ
ให้ฝากความกังวลใจไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านอยู่แล้ว
1 เปโตร 5:7
สดุดี 55:22, ฟีลิปปี 4:6, สดุดี 37:5
ความกังวลใจเป็นเรื่องใหญ่มากในสังคมเราทุกวันนี้และมันก็กลายเป็นสาเหตุของโรคทางจิตหลาย อย่างเมื่อความกังวลนั้น อยู่อ้อยอิ่งเนิ่นนานในหัวใจสิ่งที่เราต้องมั่นใจคือ พระเจ้าทรงห่วงใยเราอยู่แล้ว แล้วก็ฝากความกังวลทุกเรื่องไว้กับพระองค์ เรื่องบางเรื่องที่กังวล เราสามารถแก้ปัญหาผ่านลุล่วงไปได้ แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่เราไม่อาจทำได้เองเลยแม้แต่นิดเดียว จำไว้ว่า พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ทรงใส่ใจเรา เราจึงควรเข้ามาหาพระองค์ด่วนที่สุด
จงมีสติรู้ตัว และตื่นตัวอยู่เสมอ เพราะศัตรูของท่านคือมารกำลัง วนเวียนอยู่รอบ ๆ ดั่งสิงห์ที่ขู่คำราม จับจ้องหาคนที่มันจะขย้ำกินได้
1 เปโตร 5:8
เอเฟซัส 6:11, 4:27, โยบ 2:2, ยากอบ 4:7
พวกเราอาจไม่รู้ตัวว่าเคยโดนเจ้ามารนี้ขย้ำมาแล้ว
อย่าให้เป็นอย่างนั้นอีก ท่านเปโตร สั่งให้มีสติ สมองรับรู้รอบตัวว่า เกิดอะไรขึ้น และยังต้องตื่นตัวเสมอด้วย มันกำลังวนเวียนในทุก ๆ แห่งที่มันเข้าไปได้ มันรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเรามากกว่าตัวเราเสียอีก มันมีอำนาจทำลาย และทำให้เราขาดประสิทธิภาพ แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่า พระเยซูทรง จัดการปลดเขี้ยวเล็บของมันแล้วบนไม้กางเขน(อ่านโคโลสี 2:15) มันต้องการขย้ำให้ตาย อย่าล้อเล่นกับมันทีเดียว !
จงต่อสู้กับมาร มั่นคงในความเชื่อ เพราะท่านรู้ว่า พี่น้องผู้เชื่อทั่วโลกก็กำลังตกอยู่ในความทุกข์ยาก เช่นเดียวกันนี้
1 เปโตร 5:9
ยากอบ 4:7, กิจการ 14:22, เอเฟซัส 6:11-13,
เวลาที่มารพยายามเอาใจเราออกห่าง ให้ไม่เชื่อฟังพระเจ้า เราต้องไม่อยู่เฉยปล่อยตามเลยเราต้องสู้กับมันด้วยการวางใจในพระสัญญาจะทำได้โดยเราต้องเตรียมตัวพร้อม มีพระสัญญา เก็บไว้ในตัวของเราล่วงหน้า เก็บไว้ตั้งแต่วันนี้
การทำเช่นนั้น เท่ากับเราถือพระแสงแห่งพระวิญญาณ
คือพระวจนะของพระเจ้าเตรียมสู้!(เอเฟซัส 6:17) เมื่อใดที่เราพร้อมสู้ มันก็รู้ว่า เรามีพระเยซูอยู่ในชีวิต
พระเจ้าแห่งพระคุณประทานสิ่งดี
หลังจากที่ท่านได้ทนทุกข์ระยะหนึ่ง พระเจ้าแห่งพระคุณทั้งสิ้น ผู้ทรงเรียกท่านเข้าสู่พระสิริรุ่งโรจน์นิรันดร์ในพระคริสต์ จะทรงรื้อฟื้นท่านสู่สภาพดี จะทรงให้กำลัง และให้ท่านยืนอย่างมั่นคง
ขอพระราชอำนาจมีแด่พระองค์สืบไปเป็นนิตย์ อาเมน
1 เปโตร 5:10-11
2 โครินธ์ 4:17, 2 เธสะโลนิกา 3:3, วิวรณ์ 1:6, 1 เปโตร 4:11, โรม 11:36
การทนทุกข์และเข้าใจเป้าหมายก็จะทำให้เรา รับกำลังเข้มแข็งจากพระเจ้าได้ตั้งแต่เริ่มต้น
เพราะเรามีมุมมองที่เป็นจริงตามพระสัญญาในข้อนี้ ท่านเปโตรเองก็ต้องทนทุกข์มากมายในชีวิตเพราะเห็นแก่พระนามของพระเยซู และจบชีวิตด้วยการถูกตรึงกางเขนกลับหัว
ตามการบันทึกของ apocryphal Acts of Peter
อย่าลืมที่สำคัญคือ พระเจ้าแห่งพระคุณ ..
ข้าเขียนถึงท่านสั้น ๆ โดยมีสิลวานัสพี่น้องผู้ร่วมรับใช้ที่ซื่อสัตย์ช่วย ข้าเขียนมาเพื่อหนุนน้ำใจท่าน และประกาศว่า นี่คือพระคุณแท้จริง ของพระเจ้า จงยืนหยัดตั้งมั่นในพระคุณนี้
1 เปโตร 5:12
2 โครินธ์ 1:19, 1 เธสะโลนิกา 1:1, 2 เธสะโลนิกา 1:1
สังเกตเห็นไหมว่า ทั้งท่านเปโตร ท่านเปาโลไม่ได้ทำงานพระเจ้าเดี่ยว ๆ แต่ท่านมีผู้ช่วยอยู่ เคียงข้างเสมอ สิลวานัสเป็นผู้ช่วยเขียนจดหมายตามคำบอกของท่านเปโตร ท่านรับรองว่า เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์ในการทำงานรับใช้ จากนั้นท่านกล่าวถึงพระคุณแท้จริงของพระเจ้าเราต้องเข้าใจว่า พระคุณมาถึงเราอย่างไร และเราจะยืนหยัดในพระคุณนั้น ไปจนวันที่เรายืนต่อพระพักตร์พระเจ้าในวันสุดท้าย
คริสตจักรในเมืองบาบิโลน ผู้ซึ่งได้รับเลือกจากพระเจ้าเหมือนกับท่าน ส่งความคิดถึงมายังท่าน มาระโกลูกชายของข้าก็เช่นกัน
1 เปโตร 5:13
กิจการ 12:12, 25, 15:37,39, โคโลสี 4:10,
ฟิเลโมน 24
เมืองบาบิโลน ที่ท่านเปโตรกล่าวถึงนับว่าเป็นสถานที่ ๆ คลุมเครือ เพราะเราไม่ทราบว่าที่ไหน หรือว่าเป็นชื่อที่ท่านเปโตร เรียกกรุงโรม แต่สิ่งที่เรารู้จากข้อความนี้คือ คนของพระเจ้าได้อยู่ตามที่ต่าง ๆ ในเมืองไกลจากเยรูซาเล็ม กระจัดกระจายไปทั่ว ๆ ตะวันออกกลาง ส่วนมาระโกนั้น ได้รับการดูแล สอนจากท่านเปโตร ด้วย ที่เรียกว่าลูกชายเพราะท่านรักมาก สนิทมาก เหมือนที่ท่านเปาโลสนิทกับทิโมธีนั่นเอง
จงทักทายกันและกันด้วยการจุมพิตจากความรัก ขอสันติสุขมีกับท่านทุกคนที่อยู่ในพระคริสต์
1 เปโตร 5:14
เอเฟซัส 6:23, โรม 16:16, 1:7, 2 โครินธ์ 13:12
ท่านเปโตรกำลังกล่าวถึงการทักทายกันด้วยความรัก ตามแบบวัฒนธรรมของตะวันออกกลาง ถ้าเป็นวัฒนธรรมไทย เราคงบอกว่า จงทักทายกันด้วยการไหว้อย่างนอบน้อม ด้วยความรักต่อกันและกัน ถ้าคิดให้ดี การไหว้นั้นสามารถแสดงออกได้ด้วยว่า คนไหว้รู้สึกอย่างไร รู้สึกปลอม ๆ หรือไหว้ ทักทายด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน คนบางคนสักแต่ไหว้โดยไม่คิดอะไร แต่จากพระคำข้อนี้ เราทักทายด้วยความรัก และในหัวใจก็มีคำอธิษฐานอวยพรให้คน ๆ นั้นด้วยไปพร้อมกันก็ได้ ดีนะ ถ้าต่อไปเราทำอย่างนี้กัน