โอบาดีย์

คำพิพากษาเอโดม
1 ต่อไปนี้เป็นจินตภาพของโอบาดีห์
 เอโดมจะถูกทำให้ต่ำลงต่อหน้าชาติต่าง ๆ
องค์พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตได้ตรัสถึงเอโดมว่า
เราได้ยินพระดำรัสจากองค์พระยาห์เวห์ดังนี้
มีท่านผู้หนึ่งถูกส่งไปตามชาติต่าง ๆ ประกาศออกไปว่า
“จงลุกขึ้น ให้เราไปโจมตีเอโดม!”

พระยาห์เวห์ตรัสกับชาวเอโดม
2 “ดูเถิด อีกไม่นาน เราจะทำให้เจ้า
กลายเป็นผู้ที่เล็กน้อย ท่ามกลางชาติต่าง ๆ
เจ้าจะถูกเกลียดชังเป็นที่สุด (อ่าน มาลาคี 1:2-4, เยเรมีย์ 49:7-22)
 3 ความหยิ่งยโสในใจของเจ้าล่อลวงเจ้า
เจ้าผู้อาศัยตามหลืบ ในซอกหิน
บ้านของเจ้าอยู่บนที่สูง เจ้ากล่าวกับตัวเองว่า
‘จะมีใครมาดึงเราลงไปอยู่บนพื้นดินได้เล่า?’
“แม้ว่าเจ้าจะบินสูงไปอย่างอินทรี
และสร้างรังท่ามกลางดวงดาว
เราจะฉุดเจ้าลงมาจากที่นั่น” พระยาห์เวห์ตรัส
5 “ หากมีโจรเข้ามาหาเจ้า
หากพวกปล้นมายามกลางคืน
เจ้าจะถูกทำลายย่อยยับขนาดไหน !
พวกเขาก็จะเอาของไปเท่าที่ต้องการ
หากมีคนเก็บองุ่นเข้ามา
และเก็บองุ่นจากสวนของเจ้า
เขาจะเหลือไว้ให้คนยากจนบ้างไม่ใช่หรือ?
6 แต่เจ้า เอซาว จะถูกค้นทุกซอกทุกมุม
 ทรัพย์สมบัติที่ซ่อนไว้ทุกชิ้น
จะถูกค้นพบช่วงชิงไปจนหมด



7 คนที่เป็นมิตรของเจ้า จะบังคับให้เจ้าไปจนสุดเขตแดน คนที่สัญญาจะให้สันติสุขกับเจ้า ก็หลอกเจ้า และเอาชนะเจ้า คนที่กินอาหารร่วมโต๊ะกับเจ้าเวลานี้ กลับวางแผนดักเจ้า และเจ้าเองก็ไม่สังเกตเห็นเลย
8 พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ในวันนั้น เราจะไม่ทำลายนักปราชญ์แห่งเอโดม และคนที่มีความเข้าใจให้หมดจากขุนเขาเอซาวหรือ?”
9 โอเมืองเทมาน นักรบที่เก่งกล้าของเจ้าจะตกใจกลัว
และทุกคนจากขุนเขาแห่งเอซาวจะถูกสังหาร

เอโดมทำกับน้องอย่างไม่สมควร
10 เจ้าได้ทำความอำมหิตต่อยาโคบน้องของเจ้า เจ้าจะปกคลุมด้วยความอับอาย และถูกตัดขาดไปเป็นนิตย์
11 ในวันที่เจ้ายืนอยู่เฉยอีกด้าน เจ้าไม่ยอมช่วยในวันที่ มีคนแปลกหน้าเข้ามาขนสมบัติของอิสราเอลออกไป มีคนต่างชาติผ่านเข้ามาทางประตูเมือง และจับสลากแบ่งส่วนนครเยรูซาเล็มกันเจ้าเป็นเหมือนคนหนึ่งในพวกเขา




12 “ เจ้าไม่ควรไปหัวเราะเย้ยหยันน้องอิสราเอลของเจ้าในวันที่เขาต้องเจอเหตุการณ์ร้าย
เจ้าไม่ควรไปยิ้มเยาะดีใจเมื่อคนยูดาห์พบเจอหายนะ หรือไม่ควรไปโอ้อวด ในวันที่พวกเขาเจ็บปวด

13  เจ้าไม่ควรเข้าไปในประตูเมืองของประชากรของเรา ในวันที่พวกเขาพบหายนะ เจ้าไม่ควรหัวเราะเยาะสมน้ำหน้า ในวันที่พวกเขาพบหายนะ หรือไม่ควรปล้นเอาสมบัติของพวกเขาไป ในวันที่พวกเขาพบหายนะ
14  เจ้าไม่ควรยืนดักอยู่ที่ทางแยกเพื่อทำลายคนที่พยายามลี้ภัย
เจ้าไม่ควรจับคนที่รอดชีวิตส่งให้กับศัตรูในวันที่เขาเจ็บปวด




วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า
15 “วันแห่งพระยาห์เวห์ กำลังใกล้เข้ามายังชาติต่าง ๆ สิ่งชั่วร้ายที่เจ้าได้ทำกับคนอื่น เจ้าจะถูกกระทำคืนเช่นนั้น
การกระทำทุกอย่างจะกลับมาตกบนหัวของเจ้า
ชาติต่าง ๆ จะถูกพิพากษา
16  เพราะเจ้าได้ดื่มจนเมาบนภูเขาบริสุทธิ์ของเรา ชาติต่าง ๆ ก็จะดื่มต่อไปอย่างนั้น พวกเขาจะดื่มแล้วดื่มอีกราวกับไม่เคยดื่มมาก่อน
ชัยชนะที่สุดของอิสราเอล
17 แต่บนภูเขาศิโยน จะมีบางคนหนีพ้นมาได้ และภูเขานั้นจะเป็นที่บริสุทธิ์ วงศ์วานยาโคบจะได้รับกรรมสิทธิ์ในแผ่นดินคืนมา
18  วงศ์วานยาโคบจะเป็นเหมือนไฟ
วงศ์วานของโยเซฟจะเป็นเหมือนเปลวไฟ
แต่วงศ์วานของเอซาวจะเป็นเหมือนตอไม้วงศ์วานยาโคบจะจุดไฟและเผาผลาญพวกเขาจนหมด
จะไม่มีใครรอดชีวิตจากวงศ์วานเอซาวเลย ที่เป็นเช่นนี้ เพราะพระยาเวห์ได้ตรัสไว้




19 แล้วประชากรแห่งเนเกบจะได้รับภูเขาเอซาวคืนมา
ประชากรแห่งเนินเขาต่าง ๆ จะครอบครองดินแดนฟีลิสเตีย
เขาจะได้ท้องทุ่งของเอฟราอิมกับสะมาเรีย
และเบนยามินจะได้ครอบครองกิเลอาด
20 ประชาชนจากอิสราเอลผู้ที่เคยเป็นเชลย
จะเข้ามาในดินแดนคานาอันจนไปถึงเศราฟัท ประชากรจากยูดาห์ผู้ที่ถูกบังคับให้ทิ้งนครเยรูซาเล็มไป และไปอาศัยอยู่ในเสฟาราด จะยึดเมืองต่าง ๆ คืนมาจากเนเกบ
21 เหล่าผู้กล้า จะขึ้นไปยังภูเขาศิโยน เพื่อปกครองขุนเขาของเอซาวจากที่นั่น
และอาณาจักรนั้นจะเป็นกรรมสิทธิ์ของพระยาห์เวห์

อธิบายเพิ่มเติม

บื้องหลังโอบาดีย์
หนังสือสั้น ๆ โอบาดีย์ฉบับนี้ เขียนโดยโอบาดีย์ ซึ่งชื่อของเขาแปลว่า ผู้รับใช้ของพระเจ้า หนังสือโอบาดีห์ เป็นคำพยากรณ์สั้น ๆ สั้นที่สุดในพันธสัญญาเดิม โดยที่พระยาห์เวห์ตรัสผ่านโอบาดีห์ด้วยจินตภาพและพระดำรัส เรื่องราวของโอบาดีย์ก็ทำให้เราเห็นสภาพความสัมพันธ์ของผู้คนในดินแดนแถบนั้น ที่ยังคงตึงเครียดมาจนทุกวันนี้ (เพื่อให้ไม่สับสน ชาวเอโดมเป็นลูกหลานของเอซาว ซึ่งเป็นพี่ชายของยาโคบ
ดังนั้นพวกเขาจึงได้ชื่อว่าเป็นเหมือนพี่ชายของอิสราเอลหรือที่เรียกว่ายูดาห์ หรือบางครั้งเรียกยาโคบ บางครั้งจะพูดถึงเอโดม โดยใช้ชื่อ เอซาว (ปฐมกาล 36 นั่นคือ เอซาว=เอโดม อิสราเอล=ยาโคบหรือ โยเซฟ)
เอโดมคือใคร?
จำได้ไหมว่า อิสอัคกับเรเบคาห์นั้น มีลูกชายแฝดสองคนคือ เอซาวกับยาโคบ ทั้งสองต่อสู้กันมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ (ปฐมกาล 25-27) วันหนึ่งพี่ชายหิวโซมา จึงขายสิทธิลูกหัวปีให้น้องด้วยราคาแกงหนึ่งหม้อ ต่อมาน้องคือยาโคบก็ปลอมตัวไปรับสิทธิและพรของลูกหัวปีจากพ่อ
ลูกหลานของเอซาวคือชาวเอโดมย้ายลงไปอยู่แถบภูเขาเซียร์ทางใต้ (เราจะเห็นลำดับวงศ์วานของพวกเขาในปฐมกาล 38 และอ่าน มาลาคี 1:2-4, เยเรมีย์ 49:7-22)
ลูกหลานของยาโคบคืออิสราเอล ซึ่งรวมไปถึงทั้งสิบสองเผ่า ทั้งสองชนชาตินี้ก็ได้มีข้อขัดแย้งกันมาตลอด
แค่ข้อความจากโอบาดีย์สั้น ๆ แต่โยงเหตุการณ์ตั้งแต่สมัยของเอซาวมาถึงปัจจุบัน … ดังนั้น โอบาดีย์จึงเป็นการบันทึกในสิ่งที่ทั้งเกิดขึ้นในอดีต และสิ่งที่กำลังเกิดต่อหน้าต่อตาเราในปัจจุบัน (7 ตุลาคม 2023 เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ มองหนังสือโอบาดีห์อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ) อ่านดี ๆ เราจะเห็นว่า
พระเจ้าทรงทำให้โฮเชยาเห็นภาพบางอย่าง ทั้งได้ยินพระสุรเสียงจากพระยาห์เวห์ให้ชวนชาติต่าง ๆ เข้าไปโจมตีเอโดม
เอโดมอยู่ที่ไหนในโลก?
พื้นที่ของเอโดม อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลตาย  เป็นพื้นที่เต็มด้วยขุนเขา ซึ่งเขตนี้เอง เรียกว่า เทือกเขาเซียร์ (Sier)

โอบาดีย์ 1
พระเจ้าทรงส่งผู้สื่อสารคนหนึ่งไปยังผู้ที่เป็นผู้ดูแลชาติต่าง ๆ ซึ่งสามารถบอกได้ว่า เป็นผู้ที่มีอำนาจเหนือประเทศเหล่านั้น มีผู้ให้ความเห็นว่า นั่นคือวิญญาณที่พระเจ้าทรงให้ดูแลประชาชาติ  ที่พระองค์ทรงทำเช่นนั้น ก็เป็นเพราะเหตุผลในข้อถัดมา คือความเย่อหยิ่ง ข้อ 2-3   การดูหมิ่นเยาะเย้ย ทับถม และไม่ช่วยชนชาติของน้องเมื่อถูกโจมตี แถมยังร่วมมือกับศัตรูอีกด้วย  (6-15)
พระเจ้าทรงเรียกระดมชาติต่าง ๆ ให้มาสู้กับเอโดมเพราะเขามีความผิดที่พระองค์จะทรงแจ้งอย่างชัดเจน   พระเจ้าทรงทำกับบาบิโลนก็คล้ายกันกับครั้งนี้ ตัวอย่างในอิสยาห์ 13:2-5
โอบาดีย์ 2
พระเจ้าได้ตรัสกับชาวเอโดมซึ่งเป็นลูกหลานของเอซาว พี่ชายแฝดของยาโคบพระเจ้าตรัสว่า ดูเถิด ซึ่งมีความหมายให้คนฟัง สนใจสิ่งที่กำลังจะพูด สิ่งที่พระเจ้าตรัสไม่ใช่พร แต่เป็นความอัปยศที่ชาวเอโดมต้องเจอ คือ การที่จะกลายเป็นผู้เล็กน้อย และชาติต่าง ๆ จะเกลียดชัง เป็นความต่ำต้อย ทางการเมืองอย่างชัดเจน
โอบาดีย์ 3
ประชากรเอโดมอาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งเป็นขุนเขา ทางตะวันตกของอาราบาห์ สูงถึง 1.5 กิโลเมตรเหนือระดับน้ำทะเล พวกเขาเชื่อมั่นว่าตนเองปลอดภัยจากศัตรู ไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาบุกรุกได้ จากข้อ 3 เราเห็นความรู้สึกสบายใจของพวกเขาได้จากคำรำพึงของพวกเขา พระเจ้าจึงจะทรงจัดการเขาเรื่องนี้
จะเห็นว่า เอโดมมีนักรบที่เก่งกล้า เป็นพวกที่เย่อหยิ่ง คิดว่าตัวเองดีกว่าใคร ทำร้ายญาติพี่น้องของตน และหักหลังส่งคนที่พยายามหนีภัยให้ศัตรูด้วย
โอบาดีย์ 4
อินทรี เป็นอย่างไร ทั้งบินสูง เร็ว เข้มแข็ง สง่างาม
คนชาวเอโดมในบ้านที่อยู่ตามภูเขาสูงมีความเห็นว่า พวกเขาปลอดภัย ไม่มีอันตรายใด ๆ มาทำร้ายพวกเขาได้ แต่ความเห็นของเขา ในข้อสามนี้ ช่างมีความคล้ายคลึงกับ นี่เป็นความเข้าใจผิดผสมกับความเย่อหยิ่งของพวกเขาเอง
สิ่งที่เขาพูดเป็นแบบเดียวกับที่มารกล่าว ในอิสยาห์ 14:13-205
โอบาดีย์ 5
ปกติแล้ว โจรที่ปล้นก็ไม่ได้ปล้นไปหมด ยังเหลือข้าวของไว้ให้บ้าง คนที่เก็บองุ่น ก็มักจะเหลือทิ้งไว้ให้คนยากจนได้มาเก็บกินบ้าง
โอบาดีย์ 6
แต่เอโดมจะไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ของที่ซ่อนไว้ ทำให้เราเห็นภาพของชาติที่ถูกปล้นสะดมไปโดยไม่เหลือแม้กระทั่งทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ
โอบาดีย์ 7 คนที่กินอาหารร่วมโต๊ะ คือคนที่ตกลงจะเป็นพันธมิตรด้วย เพราะเวลาทำการประทับตราสัญญาก็จะมีการกินอาหารร่วมกันเป็นสัญญา (ดูสดุดี 41:9) เอโดมหลงเชื่อคนที่บอกว่าเป็นพันธมิตร แต่ในที่สุดเขาก็ถูกหักหลัง
โอบาดีย์ 8
คนชาวเอโดม เป็นชาติที่มีคนที่ฉลาดปราชญ์เปรื่องระดับหนึ่งเลยทีเดียว พวกเขาทำเหมืองทองแดงเป็นอาชีพหลักที่สร้างรายได้มากมาย
โอบาดีย์ 9
เทมานเป็นชื่อของหลานปู่ของเอซาว ปฐมกาล 36:9-11 เมืองเทมานอยู่ทางใต้ของเขตเอโดม เขามีทั้งคนเก่ง นักรบชั้นยอด แต่พระเจ้าจะทรงทำลายพวกเขา เป็นเพราะ….
โอบาดีย์ 10
ชนชาติเอโดมได้ทำการอำมหิตต่อยูดาห์ แทนที่จะช่วยในฐานะเป็นพี่น้องกัน และเขาทำตัวเหมือนกับชาวบาบิโลนด้วย
โอบาดีย์ 11
553 ปีก่อนคริสตศักราช บาบิโลนได้เข้ามาบุกเอโดม ต่อมาเปอร์เซียเรืองอำนาจ พวกนาบาเทียนได้เข้ามาครอบครอง
นอกจากที่เขาไม่ยอมช่วยแล้ว เขายังเยาะหยัน นี่คือเขายืนเฉย เป็นบาปของการละเลยที่จะไม่ช่วย ไม่ส่งทหารเก่ง ๆที่พวกเขามีมากมาย เข้ามาช่วยในขณะที่อิสราเอลถูกบาบิโลนโจมตี
โอบาดีย์ 12
นอกจากนั้นยังมีการเยาะหยันอิสราเอลเมื่อเขาต้องเจอกับหายนะด้วย ทั้งกร่าง ทั้งทำโอ่ ทั้งจับพวกเขาส่งศัตรู(14) มีแปดอย่างที่พวกเขาไม่ควรทำ
พระเจ้าทรงห้ามชัดเจนว่า ไม่ควรทำอะไร แต่เราจะเห็นการทำเช่นนี้ ในโลกสมัยใหม่
โอบาดีย์ 13
เอโดมทำตัวเหมือนกับศัตรูที่ไปปล้นรอบสองเมื่อศัตรูปล้นไปแล้วหนึ่งรอบ เอโดมยังมีรับซื้อทาสมนุษย์ด้วย ดูอาโมส 1:6,9พระเจ้าทรงสอนเสมอว่า เราไม่ควรที่จะทับถมคนที่กำลังล้มลง เพราะไม่อย่างนั้น สิ่งร้าย ๆ จะกลับมาที่เราเอง
โอบาดีย์ 14
เอโดมยังคอยขวางคนที่พยายามหนี และจับคนที่หนีจากบาบิโลน ไปส่งให้กับบาบิโลนอีก เป็นการเพิ่มระดับความเป็นศัตรูอย่างเห็นได้ชัด
โอบาดีย์ 15
ในเมื่อวันของพระเจ้ามาใกล้แล้ว เป็นวันที่พระเจ้าจะพิพากษาคนทั้งโลก เอโดมจึงควรที่จะหยุดเป็นศัตรูกับคนของพระเจ้า (วันของพระเจ้าเป็นวันที่บอกให้รู้ว่า พระเจ้าทรงมีพระลักษณะแท้จริงอย่างไร พระประสงค์ของพระองค์คืออะไร) อ่าน อพยพ 32:34 เฉลยธรรมบัญญัติ 31:16-19 ,32:35-38) วันของพระเจ้ายังหมายถึงการที่พระเจ้าจะทรงพิพากษาคนของพระองค์ อาโมส 5:18-27 อิสราเอลไปเป็นเชลย เศฟันยาห์ 1:7, 14 และการพิพากษาคนที่กดขี่คนของพระเจ้า อิสยาห์ 13:6 การลงโทษบาบิโลน โยเอลได้กล่าวถึงวันของพระเจ้าอย่างชัดเจนว่ามีสภาพเป็นอย่างไร
โอบาดีย์ 16
บาบิโลนทำกับเยรูซาเล็มเหมือนกับเป็นสินค้า มีการจับฉลากแบ่งส่วนกัน ข้อ 11 เยเรมีย์ 51:51 บอกให้รู้ว่า พระเจ้าทรงถูกสบประมาท เพราะคนต่างชาติเข้ามาในที่บริสุทธิ์ของพระเจ้า
มีชาติต่าง ๆ สองแบบ แบบที่เป็นศัตรู กับแบบที่จะเข้ามาหาพระเจ้า อิสยาห์ 25:6-9; 45:22 mic 4:1-4การเจอกับพระพิโรธของพระเจ้านั้น เป็นเหมือนการดื่ม..ที่ไม่ได้นำความสุข มีแต่ความเจ็บปวด
โอบาดีย์ 17
พระเจ้าทรงสัญญาให้อิสราเอลได้รับกรรมสิทธิ์ของแผ่นดินคืนมา ที่จริงเขาก็ได้รับแล้วในปี 1948 เมื่อตั้งประเทศอิสราเอลขึ้นมา แต่ยังไม่ได้อย่างครบถ้วนตามที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ มีปัญหาเกิดขึ้นตามมาอย่างยิ่งใหญ่ที่เราเห็นกับตาในสงครามอิสราเอล กับฮามาสเวลานี้ (ตั้งแต่ปี 2023 ) แต่.. เราต้องคอยระวังดู และอธิษฐาน จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ดูเหมือนจะเป็นสงครามที่ยืดเยื้ออีกนาน
โอบาดีย์ 18
วงศ์วานยาโคบ คือสองเผ่าของยูดาห์ทางใต้ และวงศ์วานโยเซฟ คืออีกสิบเผ่าทางเหนือ ได้รับการปล่อยตัวจากอัสซีเรียในปี 722 ปีก่อนคริสตศักราช จะกลับมายังแผ่นดินนี้ ทั้งสิบสองเผ่าจะปราบวงศ์วานเอซาว และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเพราะพระเจ้าได้ตรัสเอาไว้ การใช้ไฟ เปลวเพลิง บ่งบอกว่า เอโดมจะถูกกวาดล้างอย่างรวดเร็ว และเหลือแต่ตอคือไม่เหลือใครเลย นี่เป็นการสนองตอบข้อ 14 ที่เอโดมทำร้ายชนชาติน้องของเขา

หมายเหตุ
ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์จำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่า ฮามาส ซึ่งศัตรูสำคัญของอิสราเอล เป็นลูกหลานของเอซาวเนื่องจากพวกเขาไม่ได้เป็นอาหรับ พวกเขามีความเคียดแค้นอิสราเอลเป็นที่สุด ต้องการทำลายอิสราเอลให้สิ้นไปจากโลกนี้ นี่เป็นความต้องการอันรุนแรงที่ฮามาสแห่งปาเลสไตน์ไม่ได้ปิดบังไว้เลย พวกเขาได้ร่วมมือกันกับหลายกลุ่มผู้ก่อการร้ายในหลายประเทศที่ความตั้งใจเหมือนกันคือ ทำให้อิสราเอลสิ้นชาติ (สดุดี 83:1-8) ต้องไปอ่าน เพราะเป็นจริงมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่เขียนมาหลายพันปีแล้ว
คำว่า ฮามาส Strong’s word # 2555 – Hamas
จาก The Word Study Dictionary of the Old Testament กล่าวว่า เป็นคำนาม ที่มีความหมายถึงความรุนแรง ความผิด ความโหดร้าย โยงถึงความเสียหาย และอยุติธรรม เป็นความรุนแรงทางร่างกาย เป็นความโหดเหี้ยมที่สุด เมื่อใช้กับคน หมายถึงผู้กดขี่ ผู้ที่สร้างความรุนแรง
เราเองเพิ่งเห็นอาการแสดงการเยาะเย้ยชัดเจนในช่วงเวลาที่พวกเขาแลกตัวประกันกับนักโทษชาวปาเลสไตน์ที่ถูกขังไว้ในคุกอิสราเอล ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ที่ผ่านมา อาการแสดงความเหยียดหยามเมื่อส่งตัวศพของตัวประกันที่ตายไปก่อนหน้านี้ พยายามให้คนทั้งโลกเห็น เหมือนกับที่เขียนไว้ในข้อ 12-14

พระคำเชื่อมโยง

1* อิสยาห์ 21:11; เยเรมีย์ 49:14-16
3* เยเรมีย์ 49:16; วิวรณ์ 18:7
4* โยบ 20:6; ฮาบากุก 2:9
5* เยเรมีย์ 49:9; เฉลยธรรมบัญญัติ 24:21
6* เยเรมีย์ 49:10;
7* เยเรมีย์ 38:22; อิสยาห์ 19:11
8* โยบ 5:12-14

9* สดุดี 76:5; เยเรมีย์ 49:7
10* ปฐมกาล 27:41; เอเสเคียล 35:9
11* สดุดี 83:5-8; นาฮูม 3:10
12* มีคาห์ 4:11; 7:10; สุภาษิต 17:5
13* เศคาริยาห์ 1:15
14* อาโมส 1:9
15* เอเสเคียล 30:3; ฮาบากุก 2:8

16* โยเอล 3:17
17* อาโมส 9:8
18* เศคาริยาห์ 12:6
19* อิสยาห์ 11:14; เศฟันยาห์ 2:7
20* 1 พงศ์กษัตริย์ 17:9;
เยเรมีย์ 32:44
21* ยากอบ 5:20; วิวรณ์ 11:15



ฮาบากุก 3 พระเจ้าผู้ทรงเป็นกำลัง

คำอธิษฐานของฮาบากุก มองไปในอนาคต และเกิดความเชื่อวางใจสรรเสริญพระเจ้า ตามที่เขามองเห็นเหตุการณ์ต่างๆ
1 คำอธิษฐานของฮาบากุก ผู้เผยพระคำของพระเจ้าตามทำนอง ชิกิโอโนท
2 โอ พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าได้ยินพระดำรัสถึงพระเกียรติเลื่องลือของพระองค์ และข้าพเจ้าก็ครั่นคร้าม
โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงรื้อฟื้นพระราชกิจนั้นให้คนได้รู้กัน ในช่วงเวลากลางปีนี้ ในยามที่ทรงพระพิโรธ ขอทรงระลึกถึงพระเมตตาด้วย

3 พระเจ้าเสด็จมาจากเทมาน องค์ผู้บริสุทธิ์เสด็จมาจากภูเขาปาราน
เซ-ลาห์
ความงามตระการของพระองค์ปกคลุมฟ้าสวรรค์ และแผ่นดินก็เต็มไปด้วยคำสรรเสริญ
4 ความเจิดจ้าของพระองค์เป็นเหมือนแสงสว่าง
เป็นรังสีที่แปลบปลาบจากพระหัตถ์ และพระองค์ทรงซ่อนฤทธานุภาพของพระองค์ไว้ ณ ที่นั้น
5 ภัยพิบัตินำหน้าพระองค์ไปและโรคระบาดตามย่างพระบาทของพระองค์

6 เมื่อพระองค์ประทับยืน ทรงวัดแผ่นดิน พระองค์ทอดพระเนตร และชาติ
ต่าง ๆ ก็สั่นสะเทือน 
แล้วภูเขาที่มั่นคงนิรันดร์ ก็พังทลาย
เนินเขาที่ยั่งยืนก็จมลงไป
วิถีของพระองค์นั้นดำรงเป็นนิตย์
7 ข้าเห็นเต็นท์ของชาวคูชันกำลังเจอความยากลำบาก
และที่อาศัยของดินแดนมีเดียน
ก็กำลังสั่นไหว
8 โอ พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงโกรธกริ้วแม่น้ำทั้งหลายหรือ?
ขณะที่พระองค์ทรงม้าบนรถรบแห่งความรอดของพระองค์นั้น
พระองค์กำลังทรงกริ้วแม่น้ำ และทรงโกรธทะเลอย่างนั้นหรือ?

9 พระองค์ทรงหยิบคันธนูจากแล่ง ทรงเรียกหาลูกธนูมากมาย
เซ ลาห์
พระองค์ทรงแยกแผ่นดินโลกด้วยแม่น้ำทั้งหลาย 
10 ทิวเขามองเห็นพระองค์และมันบิดตัว. กระแสน้ำโถมซัดเข้ามา  ห้วงลึก
ส่งเสียงคำรามลั่น คลื่นซัดโหมสูงยิ่ง
11 ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ต่างหยุดนิ่งในที่ของมัน
เมื่อลูกธนูของพระองค์ส่องแสงขณะพุ่งออกไป 
เมื่อหอกของพระองค์ส่องแสงแปลบปลาบดั่งฟ้าแลบ
12 พระองค์ทรงก้าวผ่านไปทั่วทั้งแผ่นดินด้วยพระพิโรธ
พระองค์ทรงเหยียบย่ำชาติต่าง ๆ ในความกริ้ว

13 พระองค์เสด็จออกไปเพื่อช่วยประชากรของพระองค์ให้รอด
เพื่อความรอดของผู้ที่พระองค์ทรงเจิม 
พระองค์ทรงบดขยี้หัวหน้าของวงศ์วานคนชั่วร้าย ทรงทำให้เขาเปลือยตั้งแต่ขาอ่อนถึงคอ (หัวจรดเท้า) เส-ลาห์
14 พระองค์ทรงแทงศีรษะของหัวหน้านักรบด้วยลูกธนูของเขาเอง
เมื่อนักรบเหล่านั้นบุกเข้ามาเพื่อทำให้พวกเรากระจัดกระจายไป
พวกเขาร่าเริงเหมือนกับได้เข้า
มาปล้นสะดมคนยากไร้อย่างลับ ๆ
 

15 พระองค์ทรงย่ำทะเลด้วยฝูงม้าของพระองค์
ห้วงน้ำมหึมาจึงเกิดคลื่นปั่นป่วน
16  ข้าพเจ้าได้ยิน และร่างของข้าพเจ้าก็สั่นระรัว
 ริมฝีปากของข้าพเจ้าสั่นระริกเมื่อได้ยินเสียง
กระดูกของข้าพเจ้ากลับอ่อนแรงลงไปขาของข้าพเจ้าก็สั่น
แต่ถึงอย่างนั้นข้าพเจ้าจะอดทนรอวันแห่งความลำบาก
ที่จะมาถึงคนที่เข้ามาโจมตีเรา

บทเพลงแห่งความเชื่อ
17 แม้ว่าต้นมะเดื่อจะไม่ผลิดอก
หรือเถาองุ่นไม่ออกผล
ผลผลิตจากมะกอกก็แห้งไป
และทุ่งนาก็ไม่เกิดอาหาร
ฝูงแพะแกะไม่เหลือในคอก
ไม่มีวัวในโรงวัว
18 ถึงอย่างนั้น ข้าพเจ้าจะยินดีในองค์พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะยกย่ององค์พระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า (พระเจ้าผู้ทรงช่วยกู้)

19 พระเจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายทรงเป็นกำลังของข้าพเจ้า
(ผู้ปกป้อง กำแพง)
พระองค์ทรงทำให้เท้าของข้าเป็นเหมือนเท้าของกวาง 
พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้า
ไต่ขึ้นไปบนที่สูง 
ถึงหัวหน้าวงดนตรี โดยใช้เครื่องสายของข้าพเจ้า

อธิบายเพิ่มเติม

ฮาบากุก 3:1-5
3:1 ถึงเวลานี้ ฮาบากุกรู้แล้วว่า พระเจ้าทรงส่งบาบิโลนมาสั่งสอนอิสราเอลก็จริง แต่พระองค์ไม่ได้ทรงประสงค์ให้เขาทำร้ายประชาชนเกินเลยขนาดที่พวกเขาทำ และบาบิโลนเองก็มีคดีติดตัวที่จะต้องรับการลงโทษด้วย เขาเห็นแล้วว่า ความทุกข์ใจที่เขามีต่อคนอิสราเอลที่ทำผิดแล้วทูลถามพระเจ้า พระเจ้าทรงตอบให้เขารู้ว่า พระองค์ไม่ได้ทรงเมินเฉย อิสราเอลจะต้องรับโทษ และเมื่อคนที่พระองค์ทรงใช้ทำเกินหน้าที่ เขาก็ต้องรับโทษเช่นกัน
คำว่า ชิกิโอโนท มีบันทึกสองครั้งในพระคัมภีร์ น่าจะหมายถึงทำนองแบบหนึ่งในการร้องสรรเสริญ
3:2 พระดำรัสของพระเจ้าที่ฮาบากุกได้ยินมาก่อนหน้านี้คือ ราชกิจที่ทรงนำชนอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยฤทธิ์เดชยิ่งใหญ่ น่าจะเป็นสดุดีของโมเสส อพยพ 15:1-21 เมื่อเขาทบทวนเปรียบเทียบราชกิจของพระเจ้า และการงานของมนุษย์เขาก็รู้สึกครั่นคร้าม และเข้าใจถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ เขาทูลขอให้ผู้คนได้รับรู้ถึงอานุภาพของราชกิจนั้นในกลางปี แปลว่า ขอทรงทำอย่างรวดเร็ว เขากลัวพระเจ้ามากจนต้องอธิษฐานให้พระเจ้าทรงเมตตาในยามที่ทรงพิโรธคนของพระองค์
3:3 เทมานแปลว่า ใต้ กล่าวถึงพร้อมภูเขาปาราน ฮาบากุกกล่าวถึงสถานที่นี้เพื่อให้คนอ่านได้ระลึกถึงราชกิจยิ่งใหญ่ของพระเจ้าอันน่ากลัว เฉลยธรรมบัญญัติ 33:2 เล่าถึงการที่พระเจ้าทรงปรากฏพระองค์ที่ภูเขาซีนาย
(คำว่า เซ ลาห์ เป็นคำที่ใช้เหมือนสร้อยในบทเพลง เป็นช่วงให้หยุดพักนิดหนึ่ง ความหมายคล้ายอาเมน) ฮาบากุกย้อนไปถึงวันนั้นว่า ประชาชนอิสราเอลได้เห็นพระสิริของพระเจ้าเต็มท้องฟ้า และพวกเขาได้สรรเสริญพระองค์ในบรรยากาศนั้น
3:4 ฮาบากุกเปรียบเทียบการประทับอยู่ของพระเจ้าว่ามาพร้อมกับ ฟ้าแลบ ฟ้าคำราม ความมืด (อพยพ 19:18-20 ) ที่ชาวอิสราเอลได้เห็นนั้น เป็นเพียงเล็กน้อยของฤทธานุภาพของพระองค์ หากพระองค์ปล่อยมาหมด คนทั้งโลกคงไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้
3:5 ภัยพิบัติ และโรคระบาดนี้ สื่อถึงการพิพากษาของพระเจ้า (อพยพ 7:14-12:30; เฉลยธรรมบัญญัติ 28:21-22 )

ฮาบากุก 3:6-12
3:6 ทรงวัดแผ่นดิน หมายถึง….แผ่นดินที่สั่นสะเทือน เหล่านี้ บอกผู้รับใช้ของพระเจ้าว่า พระองค์กำลังเสด็จมา คนอิสราเอลโบรานมองว่า ภูเขาเป็นส่วนหนึ่งของรากฐานโลก การสั่นสะเทือน การพังทลายของภูเขาถือเป็นการพิพากษาลงโทษของพระเจ้า (เยเรมีย์​4:24-26; 10:10) พระเจ้าจะทรงทำให้ภูเขาทั้งหลายเปลี่ยนแปลง เนินเขาก็ต้องน้อมตัวลง
3:7 ชาวคูชัน (เอธิโอเปีย อัฟริกา)และชาวมีเดียน เป็นตัวแทนของชนชาติที่มีอำนาจ ต้องเจอกับฤทธิ์ของพระเจ้า พวกเขาสั่นไหวเมื่อเผชิญพระพิโรธของพระเจ้า พระเจ้าจะเปลี่ยนพวกเขา เพราะพวกเขาอยู่ใต้อำนาจชั่วร้าย
3:8 แม่น้ำ.. พระเจ้าทรงโกรธกริ้วแม่น้ำหรือ? ถ้าเราเปลี่ยนแม่น้ำเป็นทะเลล่ะ การโกรธนี้เพื่อช่วยรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ ทรงรถม้าแห่งความรอดเพื่อนำมาซึ่งความรอด … พระเจ้าต้องการให้เกิดสิ่งดีขึ้น
รถรบแห่งความรอดนี้คือ ความรอดที่พระเจ้าทรงเตรียมช่วยกู้คนของพระองค์ พระเจ้าทรงทำการอัศจรรย์ เหนือ แม่น้ำไนล์ (อพยพ 7:14-24) ทะเลแดง (อพยพ 14:2-15:5) แม่น้ำจอร์แดน (โยชูวา 3:14-17) ให้คนอิสราเอลได้ประจักษ์ในฤทธานุภาพของพระองค์ พวกเขาไม่ได้ขาดการอัศจรรย์ของพระเจ้าเลย
3:9 แผ่นดินโลกถูกแยก จึงทำให้มองเห็นความชั่วช้าของโลกนี้ เป็นการเปิดเผยให้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ .. การพิพากษาของพระองค์เพื่อ ให้เกิดสิ่งดี เปลี่ยนแปลงสิ่งร้ายกลายเป็นดี
3:10 ภูเขาเห็นพระองค์ บิดตัวกำลังพูดถึง ผู้ปกครองชาติต่าง ๆ เห็นพระองค์ ก็กลัวพระเจ้าจะยกพระหัตถ์ขึ้น เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เที่ยงธรรม
3:11 แสงสว่างมีไว้เพื่อเปิดเผยบางอย่าง มันนิ่งในที่ของมัน แต่ยังสว่าง เน้นการเปิดเผย
ลูกธนู หอก พระเจ้าจะเปิดเผยการพิพากษาของพระองค์อย่างให้ชัดเจน สว่างจ้า ฟ้าแลบออกมา เป็นแสงที่เข้มข้นเคลื่อนไหวอย่างเร็วที่ไม่อาจเดาได้ ฮาบากุกกำลังกล่าวถึงสงครามเกิดขึ้นที่กิเบโอน (โยชูวา 10:12-13) ซึ่งอาทิตย์ จันทร์หยุดนิ่ง เขามองว่า พระเจ้าทรงเป็นนักรบที่ส่งลูกธนูและหอกออกไปทำลายศัตรู (สดุดี 18:14)
3:12 พระเจ้าเสด็จไปทั่ว และพระองค์ทรงจัดการกับทุกชาติ พระพิโรธของพระองค์จะมาถึงทุกชาติ
ถ้าไม่มีพระพิโรธจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่มี

ฮาบากุก 3:13-16
3:13 ผู้ที่พระองค์ทรงเจิมจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากองค์พระเยซูคริสต์ที่พระเจ้าทรงส่งมาในโลกนี้ และทรงบดขยี้ มาคัสตา (מָחַ֤צְתָּ)หัวหน้าวงศ์วานคนชั่วร้ายก็คือซาตานด้วย ทรงประจานซาตานโดยกางเขน (โคโลสี 2:15) หัวหน้าวงศ์วานคนชั่วร้ายต้องพ่ายแพ้ต่อพระองค์ การเปลือยแบบนี้คือ การพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง พระเจ้าไม่ได้ต้องการให้พังพินาศหมดไป แต่ต้องการให้มีการกลับใจ เปลี่ยนแปลง
3:14 ที่น่าสนใจ มีคนแปลข้อความนี้ว่า…​ลูกธนูของเขาแทงหัวเขาเอง ใช่แล้วหอกที่แทงสีข้างของพระเยซูบนกางเขนนั้น ได้หันมาประหารซาตาน นักรบที่บุกมาเพื่อทำให้เรากระจัดกระจายไปก็คือ เหล่าคนที่มาเยาะเย้ยพระเยซูที่ไม้กางเขน ทำให้ศิษย์และผู้เชื่อต้องแอบไปอยู่ในที่ห้องชั้นบนนั้น คนดีใจที่อิสราเอลลำบาก
3:15 ตอนนี้พูดถึงการข้ามทะเลแดง และพระเจ้าทรงทำลายกองทัพฟาโรห์ ??
3:16 ฮาบากุกสรุปให้กับตัวเองว่า เขาเองนั่นแหละที่ต้องรอวันพิพากษาของพระเจ้าที่มีต่อชนชาติอิสราเอล ใช่.. เป็นการรอที่กลัวจริง ๆ รอคนที่เข้ามาโจมตี  และนำพวกเขาไปเป็นเชลยก็คือ ชาวบาบิโลน 

ฮาบากุก 3:1-5 บทเพลงแห่งความเชื่อ
3:17 ตอนนี้ ฮาบากุกรู้ว่า จะเกิดหายนะกับคนอิสราเอล พวกเขาจะตกในเงื้อมมือของศัตรูที่โหดร้ายมาก เขาเปลี่ยนไป เขาตระหนักแล้วว่า พระเจ้าเท่านั้น ที่ทรงครองโลกสูงสุด ไม่ใช่ตัวเขาที่จะมาต่อต้านว่า พระเจ้าน่าจะทำอย่างนี้หรืออย่างนั้น ข้อสิบเจ็ดนี้ เป็นภาพที่ฮาบากุกมองเห็นอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อถูกศัตรูเข้ามาทำร้ายยับเยิน ดังนั้น เมื่อขาดอาหาร ขาดแพะแกะคือประชาชนไม่เหลือในอิสราเอล ไม่มีวัวในโรงวัว คือ ประชาชนไม่อยู่ในแผ่นดินอีกแล้ว
แม้ฮาบากุกจะต้องเจอ เจ็ดสิบปี กับความทุกข์ยากสาหัส เพราะพระเจ้าจะทรงเปลี่ยนแปลง
3:18 ฮาบากุกรู้ว่า เขาวางใจพระเจ้าได้ และเชื่อว่า พระองค์จะทรงทำกับพวกเขา กับศัตรูของพวกเขาอย่างยุติธรรม สิ่งดีที่สุดสำหรับเขาเวลานี้ คือ การยินดีทั้งในพระเจ้า ในหนทาง และในแผนการของพระองค์ พระเจ้ากลายมาเป็นความรอดของเขาทั้งที่อนาคตดูมืดมน
ข้าจะยินดีในพระยาห์เวห์
3:19 จากมุมมองที่เห็นว่า พระเจ้าทรงนิ่งเฉยในบทที่ 1 บัดนี้ เขาเรียกพระเจ้าว่า ทรงเป็นองค์เจ้านายที่ทำให้เขาว่องไว มั่นคง สามารถก้าวขึ้นไปในที่สูงเหมือนกับกวางที่สามารถก้าวขึ้นไปยังภูเขาสูงที่ขรุขระโดยไม่เป็นอันตราย (มาลาคี 4:2)เขาส่งเพลงนี้ให้กับหัวหน้าวงดนตรี ซึ่งเป็นผู้ที่ดูแลนักดนตรีในพระวิหาร เขาใช้เครื่องสายในการทำเพลง เห็นได้ชัดว่า ฮาบากุกใช้ข้อความตอนนี้เพื่อร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าด้วยกัน
หมายเหตุ ปราชญ์ฮีบรูที่แปลภาษาฮีบรูไปกรีก ได้แปลตอนนี้เพื่อให้กำลังใจว่า
พระยาห์เวห์องค์เจ้านายทรงเป็นกำลังของข้าพเจ้า และพระองค์จะทรงจัดให้เท้าของข้าไปจนจบ (สำเร็จเสร็จสิ้น) พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้าได้ขึ้นไปยังที่สูง เพื่อว่าข้าพเจ้าจะชนะได้โดยบทเพลงของพระองค์

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 90:1-17
2* สดุดี 85:6; โฮเชยา 6:2-3
3* เฉลยธรรมบัญญัติ 33:2; โอบาดีย์ 1:9
4* มัทธิว 17:2; อิสยาห์ 60:19-20
5* อพยพ 12:29-30; กันดารวิถี 16:46-49
6* ปฐมกาล 49:26; นาฮูม 1:5
7* อพยพ 15:14-16; สดุดี 83:5-10

8* สดุดี 68:17; เฉลยธรรมบัญญัติ 33:26-27
9* สดุดี 7:12-13; 105:41
10* สดุดี 93:3; ฮีบรู 11:29
11* สดุดี 144:5-6; 18:12-14
12* มีคาห์ 4:12-13; เยเรมีย์ 51:33
13* สดุดี 110:6; 105:15

14* เศคาริยาห์ 9:14; ดาเนียล 11:40
15* สดุดี 77:19
16* เยเรมีย์ 23:9; ดาเนียล 10:8
17* เยเรมีย์ 5:17; โยเอล 1:16-18
18* โยบ 13:15; ฟีลิปปี 4:4
19* 2 ซามูเอล 22:34; สดุดี 18:33



ฮาบากุก 2 วิบัติทั้งห้า

2 ฮาบากุกรอคอยการตอบของพระเจ้า
คำถามของฮาบากุก
คำตอบจากพระยาห์เวห์คำบัญชาของพระเจ้าให้เขียน
2 พระยาห์เวห์ทรงตอบข้าพเจ้าว่า
จงเขียนนิมิตนี้ลงไป จารึกลงบนแผ่นศิลาให้เห็นชัดเจน
เพื่อว่าคนที่อ่าน ยังจะอ่านได้ชัดเจน
3 เพราะการเปิดเผยในนิมิตกำลังรอให้ถึงเวลากำหนด เป็นเรื่องของวาระสุดท้าย และพิสูจน์ได้ว่า ไม่ใช่คำเท็จ

แม้จะดูเนิ่นช้า ก็ขอให้รอต่อไป
เพราะมันจะมาถึงแน่และไม่ล่าช้า
ดูเถิด เขากำลังพองตัวขึ้น เขาไม่มีความถูกต้อง
แต่คนเที่ยงธรรมจะมีชีวิตได้โดยความเชื่อ
5 ความจริงคือ เหล้าองุ่นนั้นทรยศเขา บุคคลที่หยิ่งยะโสไม่เคยนิ่งสงบได้ ความอยากของเขานั้นขยายกว้างออกราวกับแดนตาย เขาเป็นเหมือนความตายที่ไม่เคยอิ่ม เขารวบรวมชาติต่าง ๆ มาเป็นของตน และกวาดคนมากมายไปเป็นเชลย

วิบัติทั้งห้าที่คนชั่วร้ายต้องเผชิญ
6 คนทั้งหลายจะไม่ร้องเยาะเย้ยด้วยวาจาเสียดสี กระทบกระเทียบเปรียบเปรยเกี่ยวกับเขาหรือว่า “วิบัติแก่คนที่สะสมกักตุนสิ่งที่ไม่ใช่ของตน และกอบโกยความมั่งคั่งด้วยการขู่เข็ญ.. จะเป็นอย่างนี้อีกนานเท่าไรหรือ?
7 แล้วเจ้าหนี้ของเจ้าจะไม่ลุกฮือขึ้นมาอย่างทันควันหรือ?
เขาจะไม่ตื่นขึ้นมา ทำให้เจ้าต้องตัวสั่นด้วยความกลัวหรือ?
แล้วเวลานั้น เจ้าจะกลายเป็นเหยื่อของเขา
8 เนื่องจากเจ้าได้ปล้นสะดมชาติต่าง ๆ มากมาย
ชาติที่เหลืออยู่จะกลับมาปล้นเจ้า
และเป็นเพราะเจ้าทำให้คนต้องหลั่งเลือด
เกิดความรุนแรงในแผ่นดิน ในเมืองต่าง ๆ
และกับผู้คนที่อาศัยในนั้น

9 วิบัติมีแก่คนที่สร้างบ้านเรือนของตนจากสิ่งที่ได้มาจากการคดโกง เพื่อสร้างรังไว้บนที่สูง เพื่อหลบหนีเงื้อมมือของความหายนะ
10 แผนของเจ้าจะทำให้ครอบครัวเจ้าต้องอัปยศอดสู เพราะเจ้าได้ทำลายชาติต่าง ๆ มากมาย เจ้าจะทำลายตัวเจ้าเอง
11  เพราะก้อนหินบนผนังจะส่งเสียงร้องออกมาจากผนัง และไม้คานก็จะร้องตอบกลับมา
12  วิบัติมีแก่คนที่สร้างเมืองด้วยการนองเลือด และวางรากฐานของเมืองด้วยความอยุติธรรม !
13  พระยาห์เวห์องค์จอมทัพได้กำหนดไว้แล้วไม่ใช่หรือว่า แรงงานของประชาชนนั้นจะกลายเป็นเชื้อไฟ
และงานที่แสนเหน็ดเหนื่อยกลับไร้ประโยชน์?
14  เพราะว่า โลกนี้จะเต็มด้วยความรู้
ถึงพระสิริของพระยาห์เวห์ ดั่งมวลน้ำที่ปกคลุมท้องทะเล

15 วิบัติแก่คนที่ให้เพื่อนบ้านดื่ม โดยเทเหล้าจากถุงหนังให้เขาจนเมา เพียงเพื่อต้องการดูร่างเปลือยของพวกเขา
16  เจ้าเองจะมีความอับอายแทนเกียรติยศ
และเจ้าเองก็ดื่มเช่นกัน และก็เปลือยอย่างคนไม่ได้เข้าสุหนัต ถ้วยจากพระหัตถ์ขวาขององค์พระผู้เป็นเจ้า
กำลังเวียนมาต่อต้านเจ้า
แล้วความอัปยศจะเข้ามาปกคลุมเหนือเกียรติยศของเจ้า
17 เพราะความรุนแรงที่เจ้าทำต่อเลบานอนจะท่วมท้นตัวเจ้า การที่เจ้าทำร้ายสัตว์ต่าง ๆ โดยทำให้มันหวาดกลัว เพราะการที่เจ้าทำให้คนต้องหลั่งเลือด เพราะความรุนแรงต่อแผ่นดิน เมืองต่าง ๆ และคนที่อาศัยในนั้น

18 รูปเคารพมีค่าอะไรในเมื่อมีคนแกะสลักมันขึ้นมา
 หรือรูปบูชาที่สอนความเท็จ
เพราะคนที่ทำมันขึ้นมาวางใจในสิ่งที่ตนสร้างขึ้น
 เขาทำรูปเคารพซึ่งไม่สามารถพูดได้
19 วิบัติแก่คนที่พูดกับสิ่งที่เป็นไม้ว่า ‘จงมีชีวิตขึ้นมา’หรือพูดกับหินซึ่งไม่มีชีวิตว่า ‘จงลุกขึ้นเถิด’
มันให้คำแนะนำได้หรือ มันถูกแปะด้วยทองคำ
และแร่เงินไม่มีลมหายใจ
20 แต่พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่ในพระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์ให้ทั่วทั้งแผ่นดินโลก
นิ่งเงียบ ณ เบื้องพระพักตร์พระองค์”

อธิบายเพิ่มเติม

ฮาบากุก 2:1-5
2:1 เมื่อได้คำตอบจากพระเจ้าครั้งแรก เข้าใจแล้วว่า พระองค์จะใช้บาบิโลนมาสั่งสอนคนของพระองค์ ฮาบากุกก็ขึ้นไปประจำการเป็นยามบนกำแพงเมือง และเฝ้ายามอยู่ นี่คือ ยิ่งมองออกไปไกล ยิ่งหนักใจ เขาไม่อยากให้คำตอบที่ได้มานั้น เกิดขึ้นจริง เวลานี้เขาขึ้นมาบนกำแพงเมืองเพื่อจะฟังคำตอบของพระเจ้า
2:2 คราวก่อน พระเจ้าทรงตอบโดยการให้เขามองออกไปท่ามกลางชาติต่าง ๆ เขาต้องคอยพิจารณาดูว่า แต่ละชาติล้อมรอบนั้นเป็นอย่างไร แต่ครั้งนี้ พระเจ้าทรงสั่งเขียนนิมิตลงไปบนแผ่นหิน ในภาษาเดิมชัดว่าเป็นหลายแผ่น เมื่อเขียนก็เขียนให้ชัด ตัวโต อ่านง่าย ใครเห็นก็อ่านออกทันที แม้จะมองอย่างรวดเร็วก็อ่านได้ ไม่มีใครจะพลาดข่าวที่บอกอนาคตครั้งนี้ พระเจ้าทรงให้เขารักษาคำพยากรณ์นี้ไว้ เพื่อผู้คนจะได้รับรู้กันไปทั่ว 
2:3 พระเจ้าทรงท้าทายเลยว่า คำที่พระองค์ให้เขียนลงไป ไม่เป็นเท็จ จะเกิดขึ้นแน่ตามเวลาที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว
 2:4 เห็นชัดว่า คนเย่อหยิ่งพึ่งตนเอง แต่คนที่ถ่อมตนจะวางใจพระเจ้า คนที่เที่ยงธรรมจะอยู่ต่อพระพักตร์ของพระเจ้า ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อในพระองค์ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม สถานการณ์จะดูกู้ไม่ได้ อาจถึงชีวิต แต่เขาก็ยังดำเนินในความเชื่อ อย่างเช่น เพื่อนทั้งสามของดานิเอลที่ถูกทิ้งในกองไฟ หรือดานิเอลเองที่ถูกทิ้งลงในถ้ำสิงโต (ดาเนียล 3, 6)
2:5 ข้อนี้ ฮาบากุกกำลังกล่าวถึง คนที่หยิ่งยะโส นั่นก็หมายถึงบาบิโลนนั่นเอง  พระยาห์เวห์ทรงบอกเลยว่า ที่เขาชั่วช้า ไม่หยุดที่จะทำร้ายคนอื่นนั้นเป็นเพราะเหล้าองุ่นที่พวกเขาดื่มไม่ยั้ง ทำให้ขาดสติ ไม่นิ่งสงบ ความต้องการของเขาเป็นเหมือนแดนตายที่ไม่เคยพอใจ ต้องการให้มีคนตายมากขึ้น ๆ (สุภาษิต 30:15)  พวกเขาพยายามกวาดคนทุกชาติมาเป็นข้ารับใช้ของตนเอง และสร้างความยิ่งใหญ่ของตนด้วยแรงงานของคนเหล่านี้ 

ฮาบากุก 2:6-11
บาบิโลนจะพบกับวิบัติห้าอย่าง … เพราะบาปทั้งห้าเวลาจะประกาศวิบัติ จะมีสองตอนคือ บอกว่าบาปนั้นคืออะไร และโทษคืออะไร
2:6 พระเจ้าทรงอธิบายกับฮาบากุกให้ทราบว่า คนที่ถูกพวกเขาทำร้าย จะไม่อยู่นิ่ง แต่โกรธแค้นและประกาศถึงสิ่งที่บาบิโลนทำ ความผิดแรกคือ การที่บาบิโลนไปปล้น เอาทรัพย์สมบัติจากประเทศต่าง ๆ มา รวมทั้งจากอิสราเอลด้วย แล้วก็เอาไปเก็บไว้ในคลังของตน นี่เป็นบาปแรกที่จะทำให้เกิดวิบัติแก่เขา
2:7 จากที่บาบิโลนเคยไปปล้นคนอื่น แล้ววันหนึ่งเขาจะถูกปล้นเช่นกัน สิ่งที่เขาเคยทำกับยูดาห์ จะกลับมาหาพวกเขา คำว่าเจ้าหนี้ มีความหมายที่รวมไปถึงคำว่า กัด คนที่เคยถูกบาบิโลนทำร้าย ชาติที่เคยถูกเรียกภาษีอย่างหนัก เป็นชาติที่จะกลับมาโจมตีอย่างรวดเร็ว
2:8 การที่เคลเดียหรือบาบิโลนปล้นชาติต่าง ๆ ทำให้เกิดการนองเลือด ความรุนแรง กับประชาชน ยังมีชาติที่เหลือ..จะเข้ามาปล้นบาบิโลน นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้า
2:9 ชาวเคลเดียได้สร้างบ้านเรือนด้วยเงิน ด้วยวัสดุต่าง ๆ ที่ยึดคนอื่นเขามา แล้วแถมยังพยายามสร้างบ้านให้สูง เพื่อป้องกันการบุกรุกเอาคืนจากผู้ที่พวกเขาปล้นมา คนเหล่านี้ทำทุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งร้าย หายนะกับพวกเขา ไม่ว่าจากสัตว์ร้ายหรือศัตรู
2:10 ความผิดที่สองคือการโกงเอาทรัพย์สินของผู้อื่นมาเป็นทุนสร้างเมืองของตนเอง การที่พวกเขาทำลายคนอื่นมาก่อน สิ่งที่เขาทำเพื่อตัวเองนั้น กลับกลายทำให้ตนเองอัปยศ และทำลายตัวเขาเอง พระเจ้าจะทรงให้บาบิโลนได้รับผิดชอบต่อการที่เขาสังหารคนจำนวนมาก
2:11 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทุกสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมานั้น เป็นหลักฐานให้เห็นว่า เขาได้กระทำผิดอย่างไรบ้าง เป็นหลักฐานที่เด่นชัด ไม่มีทางปฏิเสธได้
นี่เป็นเหมือนบทกวี

ฮาบากุก 2:12-14
2:12 บาบิโลนยังได้สร้างเมืองของพวกเขาจากการนองเลือดในประเทศต่าง ๆ พวกเขาบังคับแรงงาน จากเชลยศึกให้สร้างเมืองสร้างบ้านเรือนให้กับพวกเขา พวกเขาคิดว่าการทำเช่นนี้จะทำให้พวกเขาเข้มแข็ง แต่ความจริงนั้นตรงข้าม
2:13 แต่พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าว่า ถึงอย่างนั้น แรงงานที่ลงไป ก็จะเหมือนไฟที่ไหม้ทุกอย่างทั้งหมด เป็นแรงงานที่พวกเขาจะไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะในที่สุด มันจะถูกทำลายไปหมด คำถามนี้ต้องการคำตอบว่า ไม่
2:14 แล้วพระเจ้าทรงย้อนกลับมากล่าวถึงพระสิริของพระองค์ที่ในยุคต่อมานั้นผู้คนจะจับต้อง รู้จักพระเจ้าได้ง่าย ความรู้ในพระองค์จะท่วมท้นโลกนี้ เราเองก็สัมผัสเรื่องนี้ในยุคเราที่สามารถเข้าถึงพระวจนะของพระเจ้าได้อย่างง่ายดายไม่เหมือนในอดีต
พระเจ้าทรงให้เห็นความแตกต่างของเทพของบาบิโลนกับพระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ …​ พระเจ้าทรงสัญญาว่า สิ่งนี้จะเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เราต้องตระหนักรู้ทุก ๆ วัน

ฮาบากุก 2:15-17
2:15 ความผิดที่สี่ซึ่งจะทำให้ได้รับวิบัติคือ การหมกมุ่น ทำร้ายคน ทำทารุณกรรมในเรื่องเพศ พวกเขามอมเมาคนเพื่อให้คนนั้นขาดสติ ทำอะไรก็ได้ที่พวกเขาสั่งตามต้องการ (ร่างเปลือยมีความหมายถึงความอับอาย) ต้องการเปิดเผยคน ๆ นั้น ทำให้พวกเขาเป็นเหยื่อทางเพศ ทำสิ่งวิตถารต่าง ๆ ที่พวกเขาพอใจ และได้หัวเราะเยาะเหยื่อเหล่านั้นอย่างไร้ความปรานี
2:16 ผลที่จะได้รับจากการทำเช่นนั้นคือ เขาจะได้รับความอับอายเช่นกัน จะถูกทำให้เปลือยอย่างคนไม่ได้เข้าสุหนัต (ไม่มีพันธสัญญากับพระเจ้า) ไม่มีการเชื่อมโยงใด ๆ กับพระเจ้า พระเจ้าจะใช้ถ้วยของพระองค์มาจากพระหัตถ์ขวานั้นที่น่าจะเป็นสิ่งดีให้กับเขากลับกลายเป็นความอัปยศ
2:17 เลบานอน อาจมีความหมายในภาษาฮีบรูเพิ่มเติมจากประเทศเลบานอน คือมีความหมายว่า สีขาว หมายถึงความบริสุทธิ์ ชี้ไปถึงนครเยรูซาเล็ม ซึ่งมีพระวิหารของพระเจ้าอยู่ ข้อนี้มีความเชื่อมโยงกับข้อ 11 ด้วย การทำร้ายสัตว์ต่าง ๆ นี้คือ สัตว์ที่เขาเตรียมไว้ถวายพระเจ้า ชาวบาบิโลนก็เอาไปฆ่าสังเวยเทพของพวกเขา พวกเขาทำให้ชาวเยรูซาเล็มต้องตายไปมากมาย ดังนั้น พระเจ้าจะทรงเอาคืน ..เราอาจถามว่า พระเจ้าทรงส่งเขามาไม่ใช่หรือ คำตอบคือใช่ แต่บาบิโลนได้ทำเกินไปกว่าที่ควรจะทำ พวกเขาจึงต้องถูกพิพากษา

ฮาบากุก 2:18-20
2:18 แล้วพระเจ้าทรงบอกถึงความผิดชุดสุดท้ายนั่นคือ การสร้าง และกราบไหว้รูปเคารพ คนได้สร้างรูปปั้นขึ้นมากจากวัสดุต่าง ๆ ตั้งแต่ไม้ จนไปถึงทอง แล้วจากนั้นเขาก็ยกให้มันอยู่เหนือตัวของเขา ให้มันกลายเป็นสิ่งที่จะปกป้องเขาให้พ้นจากสิ่งร้าย
2:19 ความผิดสุดท้าย เป็นความผิดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยตรง
พระเจ้าทรงประกาศวิบัติแก่คนที่สั่งให้รูปปั้นเหล่านั้นมีชีวิต ลุกขึ้นมา แต่ความจริงคือ สิ่งเหล่านั้นไม่อาจพูดได้ .. พวกเขาทำให้ไม้ หินเหล่านี้กลายเป็นเทพเพียงเพื่อพวกเขาจะกราบไหว้ แล้วพระเจ้าทรงเปรียบเทียบให้เห็นว่า พระองค์คือพระเจ้าเที่ยงแท้…. ผู้ประทับในพระวิหาร และมนุษย์จะต้องนิ่ง และทบทวนว่า พระองค์ทรงสั่งอะไร ทรงทำสิ่งใดเพื่อมนุษย์ ….
2:20 โลก ต้องนิ่งสงบต่อองค์พระเจ้า ต่อพระพักตร์ของพระองค์ ตอนนี้โลกไม่เคยสงบ ทุกคนต่างใช้วาจาปะทะตอบโต้ รองลงมาจากการทำสงครามโดยใช้อาวุธจริง แต่การสั่งให้นิ่งนั้นไม่ได้มีแค่ที่นี่ ในสดุดี 46:10 บอกว่า จงนิ่งสงบและรู้ว่า เราคือพระเจ้า เราจะได้รับการยกย่องท่ามกลางประชาชาติ เราจะได้รับการยกย่องในโลกพระเจ้าไม่ได้ทรงให้อิสราเอลเท่านั้นที่จะเข้ามานมัสการพระองค์ แต่คนทั้งโลกด้วย
การไหว้รูปเคารพ คือสั่งให้รูปเคารพเป็นอย่างที่เราต้องการ แต่การนมัสการพระเจ้าคือ เราจำนนต่อพระองค์ และการสำแดงของพระองค์ทุกประการ
เราต้องการฟังจากพระเจ้าเพื่อเราจะเชื่อและเชื่อฟังคำของพระองค์ไหม?​

พระคำเชื่อมโยง

1* อิสยาห์ 21:8, 11
2* อิสยาห์ 8:1
3* ดาเนียล 8:17, 19; เอเสเคียล 12:24-25;
ฮีบรู 10:37-38; 2 เปโตร 3:9
4* ยอห์น 3:36; โรม 1:17
5* อิสยาห์ 5:11-15
6* มีคาห์ 2:4
8* อิสยาห์ 33:1
9* โอบาดีย์ 4
10* นาฮูม 1:14

11* ลูกา 19:40
12* มีคาห์ 3:10
13* เยเรมีย์ 51:58
14* อิสยาห์ 11:915* โฮเชยา 7:5
16* อิสยาห์ 47:3; นาฮูม 3:5-6
17* เศคาริยาห์ 11:1; ฮาบากุก 2:8
18* เยเรมีย์ 10:8; 1โครินธ์ 12:2
19* สดุดี 135:17
20* เศฟันยาห์ 1:7