โยนาห์ 2 จากที่ลึกใต้ทะเล

คำอธิษฐานจากท้องปลา 

1 จากท้องปลา​.. โยนาห์ร้องทูลต่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเขา
2 “ข้าพเจ้าร้องทูลพระยาห์เวห์จากความทุกข์ร้อนของข้าพเจ้า และพระองค์ทรงตอบข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าทูลขอความช่วยเหลือจากส่วนลึกของแดนตาย
พระองค์ทรงได้ยินเสียงของ ข้าพเจ้า
3 พระองค์ทรงโยนข้าพเจ้าลงไปยังที่ลึก ลงไปยังใจกลางท้องทะเล
กระแสน้ำโถมเข้าใส่ท่วมข้าพเจ้า
ระลอกคลื่น และ คลื่นใหญ่ของพระองค์ พัดท่วมตัวข้าพเจ้า

4 แต่ข้าพเจ้ากล่าวว่า ข้าพเจ้าถูกเนรเทศไปจากสายพระเนตรของพระองค์ ถึงกระนั้น ข้าพเจ้าจะจ้องมองไปยังพระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์อีกครั้ง
5 มวลน้ำท่วมข้าพเจ้าจนมิด ที่ลึกล้อมรอบตัวข้าพเจ้า สาหร่ายพันหัวข้าพเจ้าไว้



6 ข้าพเจ้าจมลงถึงรากฐานของทิวเขา แผ่นดินเบื้องล่างได้ขังข้าพเจ้าตลอดไปเป็นนิตย์  แต่พระองค์ทรงช่วยชีวิตข้าพเจ้าขึ้นมาจากหลุมลึก โอ พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า 
7 ขณะที่ชีวิตของข้าพเจ้ากำลังจะสูญสลายไปนั้น ข้าพเจ้าระลึกถึงพระยาห์เวห์  คำทูลอธิษฐานขึ้นไปถึงพระองค์  ไปถึงพระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์ 
8 คนที่ยังยึดติดกับเทวรูปไร้ค่านั้น ก็เท่ากับได้ละทิ้งความรักมั่นคงไป 
9 แต่ส่วนข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์ ด้วยเสียงแห่งการขอบพระคุณ  ข้าพเจ้าจะทำสิ่งที่ได้ปฏิญาณต่อพระองค์ไว้ ความรอดนั้น มาจากพระยาห์เวห์ !
10 แล้วพระยาห์เวห์ก็ทรงบัญชาปลา  มันจึงสำรอกตัวโยนาห์ออกมาบนแผ่นดินแห้ง

อธิบายเพิ่มเติม

2. พระยาห์เวห์ทรงปกป้องและช่วยโยนาห์ไว้ (1:17–2:10)

2:1 เหมือนเอาราชรถมาเกย …​พระเจ้าทรงส่งปลาตัวใหญ่ขนาดที่ท้องของมันสามารถรับคนหนึ่งคนเข้าไปไว้ในท้องของมัน แต่ถ้าเราเชื่อสิ่งที่พระเยซูตรัสในมัทธิว 12:39-40  ก็ไว้ใจได้ว่าเป็นความจริง
มัทธิวตินนี้ได้กล่าวถึงความตายและการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ โดยมีเรื่องราวของโยนาห์เป็นต้นแบบ พระเจ้าประทานปลาให้โยนาห์ได้รอดตาย พระเจ้าประทานพระคริสต์ให้เราได้รอดจากความตาย 
(เรื่องนี้มีการโต้เถียงกันมากว่า จะเป็นไปได้อย่างไร แต่ก็มีเรื่องราวของคนที่เคยอยู่ในท้องปลาแล้วยังมีชีวิตอยู่
บ้างเหมือนกัน เขายังคงมีชีวิตอยู่ในท้องปลาหลังจากสามวันผ่านไป  (ดูเรื่องราวข้างล่าง)

โยนาห์ทูลขอการช่วยกู้ 
2:2  โยนาห์อธิษฐานขอความช่วยเหลือ การช่วยกู้ของพระเจ้า ตอนนี้เขารู้แล้วว่า เขาไม่มีทางขัดขืนพระเจ้าได้เลย
พระองค์ทรงประสงค์อย่างไร เขาต้องทำตามนั้น  เขาเหมือนผ่านความตาย เกือบจมน้ำตาย แต่ก็ไม่ตาย  เขาอยู่ในส่วนลึกของแดนตายซึ่งหมายถึงการถูกแยกออกจากพระเจ้า แต่ยังร้องหาพระเจ้า และรู้อยู่ว่า พระเจ้าจะทรงได้ยินเขา
 2:3 คำอธิษฐานของเขา อ่านแล้วเหมือนมาจากหนังสือสดุดี  เป็นคำกล่าวขอชีวิต เขาอธิบายในคำอธิษฐานว่า เกิดอะไรขึ้น

2:4แม้จะต้องอยู่ไกลจากพระเจ้า ใกล้ความตาย โยนาห์จะมองไปที่พระวิหารของพระเจ้า แม้ว่าจะถูกขังในที่ ๆ ใกล้บาดาลมาก แต่พระเจ้าจะทรงช่วยเขา โยนาห์มีความเชื่อว่า พระเจ้าจะทรงช่วย  ลึก ๆ ของเขาน่าจะเป็นว่า อย่างไรก็ต้องไปยังนครนีนะเวห์ ทำตามอย่างที่พระเจ้าทรงบัญชา
2:5 โยนาห์ลงไปอยู่ในที่ลึก เขาพูดซ้ำหลาย ๆ ครั้ง  นอกจากจะจมอยู่ใต้บาดาล ยังมีสาหร่ายมาพันหัวไว้ จนแทบหายใจไม่ได้ 
 2:6  ที่ลึกเหล่านี้ เป็นที่ ๆ ทำให้เขาอยู่ห่างจากพระเจ้า แต่ถึงกระนั้น พระเจ้ายังทรงฟังเสียงเขา และจะทรงช่วยเขาจากที่ลึก ตรงนี้เป็นความหวังของพวกเราด้วย เมื่อเรามืดแปดด้านเหมือนอยู่ในที่ลึก แต่พระเจ้ายังทรงฟังเรา 
2:7 รู้ตัวว่าน่าจะใกล้ตาย แต่ยังไม่ยอมแพ้ เขานึกถึงพระเจ้า เขานึกถึงพระวิหารที่พระองค์ประทับอยู่  เขาคิดว่า ถึงแม้จะอยู่ไกลพระวิหารขนาดไหน พระเจ้าก็ทรงอยู่ที่นั่น
คำของดาวิดในสดุดี 139:8-10  เป็นประสบการณ์จริงของโยนาห์!
2:8 เขายังระลึกได้ว่า รูปเคารพไม่มีค่าอะไรเลย เพราะไม่เหมือนพระเจ้าที่เต็มด้วยความรักมั่นคงต่อคนของพระองค์
2:9 โยนาห์รู้แล้วว่า เขาจะต้องทำตามพระบัญชาแรกของพระองค์ เขาขอบคุณพระเจ้าที่ไว้ชีวิตเขาไว้  และตระหนักชัดว่า ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ทั้ง ๆ ที่อยู่ในท้องปลามาถึงสามวันสามคืนนี้ เท่ากับเป็นความมหัศจรรย์แท้ ๆ
พระยาห์เวห์ทรงช่วยกู้โยนาห์
2:10 เราจะเห็นว่า พระเจ้าทรงสั่งอะไร สิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมานั้นก็ต้องทำตาม  เอลียาห์ขอไม่ให้ฝนตก พระเจ้าประทานให้ ขอให้ฝนตก พระเจ้าก็ประทานให้ นี่เป็นความเชื่อที่เกินคนธรรมดาอย่างเรา ธรรมชาติสามารถทำตามคำอธิษฐานของผู้ชอบธรรม ผ่านฤทธิ์เดชของพระเจ้าได้
เมื่อออกมาจากปลา โยนาห์ก็คงตัวขาวจัด ผมก็ขาว เสื้อผ้าก็ขาว เพราะถูกกรดในท้องของปลา

พระคำเชื่อมโยง

2* สดุดี 120:1; 65:2
3* สดุดี 88:6; 42:7
4* สดุดี 31:22; 1 พงศ์กษัตริย์ 8:38
5* เพลงคร่ำครวญ 3:54
6* สดุดี 16:10
7* สดุดี 18:6
8* เยเรมีย์ 10:8
9* โฮเชยา 14:2; ปัญญาจารย์ 5:4-5; สดุดี 3:8; เยเรมีย์ 3:23

โยนาห์ 1 คำสั่งที่ต้องหนี

โยนาห์ได้คำบัญชาแรกมา

1 พระดำรัสจากพระยาห์เวห์มาถึงโยนาห์
ลูกชายอามิททัยว่า
2 “จงลุกขึ้น และไปยังนีนะเวห์นครใหญ่ และประกาศการลงโทษเมืองนั้น เพราะความโหดร้ายของพวกเขานั้นมาปรากฏต่อหน้าเรา” 
3 แต่แล้ว โยนาห์กลับลุกขึ้นเพื่อหนีจากพระยาห์เวห์ ไปยังเมืองทารชิช เขาลงไปยังเมืองยัฟฟา และได้เรือที่จะไปยังทารชิช  เขาจ่ายค่าโดยสารและลงเรือมุ่งไปเมืองทารชิชพร้อมกับคนอื่น ๆ เพื่อจะหนีให้พ้นจาก พระยาห์เวห์ 


โยนาห์หนี พระเจ้าทรงตา
4 แล้วพระยาห์เวห์ทรงบันดาลให้เกิดพายุรุนแรงขึ้นในท้องทะเล เป็นพายุใหญ่ที่โหมกระหน่ำเข้ามาจนเรือดูจะอับปางแน่
5  ลูกเรือทั้งหลายกลัวลาน พวกเขาต่างร้องขอความช่วยเหลือจากเทพของตนเอง พวกเขาโยนสินค้าทิ้งลงทะเลเพื่อให้เรือเบาขึ้น   ช่วงเวลานั้น โยนาห์ได้ลงไปยังท้องเรือ นอนลงและหลับสนิททีเดียว



การแก้ปัญหาของชาวเรือ
6 นายเรือลงไปหาเขา กล่าวว่า “ท่านมาหลับอยู่อย่างนี้ได้อย่างไร? ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ มาอ้อนวอนขอพระเจ้าของท่าน เผื่อว่าพระองค์จะทรงมองดูพวกเรา และเราจะได้พากันพินาศไป”
7 “เอาอย่างนี้.. ให้เรามาจับฉลากกัน ดูว่า ใครเป็นตัวการที่ทำให้เราต้องลำบากอย่างนี้” ลูกเรือปรึกษากัน  ดังนั้นพวกเขาจึงจับสลาก และสลากนั้นบอกว่าเหตุร้ายเกิดเพราะโยนาห์
8 พวกเขากล่าวว่า “บอกมาสิว่า ใครเป็นต้นเหตุของความทุกข์ร้อนครั้งนี้  ท่านทำอาชีพอะไร? มาจากไหน? แผ่นดินไหน? เป็นชนชาติใด?”

ค้นพบสาเหตุของพายุ
9  เขาตอบว่า “ข้าเป็นคนฮีบรู ข้านมัสการพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ ผู้ทรงสร้างทะเลและแผ่นดิน”
10 ได้ยินดังนั้น พวกเขายิ่งกลัวและกล่าวว่า “ท่านไปทำอะไรมานี่?” แล้วพวกเขาก็รู้จากโยนาห์เองว่า เขากำลังหนีจากองค์พระยาห์เวห์
11 ดังนั้นพวกเขาจึงกล่าวว่า “แล้วเราจะทำอย่างไรกับท่าน เพื่อทะเลจะได้สงบลง?” ขณะนั้นท้องทะเลยิ่งมีคลื่นหนักมากขึ้น มากขึ้นทุกที
12 เขาตอบว่า “จับข้าโยนลงทะเลเถิด เพื่อว่าคลื่นลมจะสงบลงให้พวกท่าน เพราะข้ารู้ว่า ข้าเป็นเหตุให้เกิดพายุใหญ่ครั้งนี้กับพวกท่าน”
 คนไม่รู้จักพระเจ้าอธิษฐานต่อพระเจ้า
14 ดังนั้น พวกเขาจึงร้องทูลต่อพระยาห์เวห์ว่า “โอ พระยาห์เวห์เจ้าข้า ขออย่างให้พวกเราต้องพินาศไปเพราะชีวิตของชายคนนี้เลย ขออย่าทรงให้เรารับโทษจากความตายของเขา เพราะทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของพวกเรา  โอ พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงกระทำตามที่พระองค์ทรงพอพระทัยแล้ว”
  13 ถึงกระนั้น ลูกเรือก็พยายามที่จะกรรเชียงเรือเข้าฝั่ง แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะคลื่นโถมเข้ามามากขึ้นแรงขึ้น 


  15  แล้วพวกเขาก็แบกโยนาห์ขึ้น และโยนเขาลงไปในทะเล  ทะเลก็สงบลง  
16 คนเหล่านั้นเกรงกลัวพระยาห์เวห์มากขึ้นอีก และพวกเขาได้ถวายเครื่องบูชาแด่พระยาห์เวห์ และถวายคำปฏิญาณด้วย
 17 แต่พระยาห์เวห์ทรงเตรียมปลาตัวใหญ่มหึมาตัวหนึ่ง มากลืนโยนาห์เข้าไป และโยนาห์อยู่ในท้องปลานั้น สามวันสามคืน  

อธิบายเพิ่มเติม

โยนาห์ได้คำบัญชาแรกมา
พระเจ้าทรงมีพระดำรัสถึงโยนาห์เหมือน ๆ กับผู้เผยพระดำรัสคนอื่น ๆ  ทรงสั่งให้เขาลุกขึ้นไปนีนะเวห์ และประกาศการลงโทษ เป็นคำสั่งสองข้อ    นีนะเวห์เป็นเมืองหลวงของอัสซีเรีย ซึ่งเป็นชนชาติที่โหดร้าย และจะทำทารุณกับเชลยศึกอย่างไร้เมตตา   เราจะพบว่า ในหนังสือเศฟันยาห์ 2 นาฮูม 3 ได้บ่งบอกชัดเจนว่า พวกเขาโหดร้ายขนาดไหน ในนาฮูมได้บอกในรายละเอียดว่าต่อมาอีกหลายร้อยปี นีนะเวห์หายนะอย่างไร
1:3 แต่โยนาห์ขัดขืนบัญชาของพระเจ้า เขาเองไม่ชอบคนอัสซีเรียอยู่แล้ว คำพูดใน 4:2 ก็น่าจะพูดตรงนี้เอง
เขาคิดหนีพระเจ้าแบบเชื่อว่าจะหนีได้ จะพ้นจากพระองค์ไปได้  (ทั้ง ๆ ที่น่าจะรู้แก่ใจว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ขนาดไหน ทรงสามารถลากเขากลับมาได้แน่ แต่เขาก็จะหนีไปก่อน) โดยเดินทางไปเมืองยัฟฟา ริมฝั่งทะเลอย่างด่วน จ่ายค่าโดยสารมุ่งหน้าไปเมืองทารชิช ซึ่งอยู่ไกลคนละด้านกับนีนะเวห์!    

โยนาห์หนี พระเจ้าทรงตา
 1:4  แล้วพระยาห์เวห์ก็ทรงบันดาลให้เกิดพายุ ที่ทำให้เรือแทบล่ม  
1:5  ลูกเรือรู้ทันทีว่า พายุแบบนี้ไม่ธรรมดา พวกเขาเชื่อเทพต่าง ๆ ที่คนโบราณเชื่อกัน พวกเขาอธิษฐานของเทพของตนให้ช่วย แต่ก็ไม่ได้ผล
จากนั้นเอาของโยนลงทะเล แต่เรือก็ยังไม่ปลอดภัย  ส่วนโยนาห์นั้น แม้จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เขาก็ยังไม่ใส่ใจ ลงไปนอนในท้องเรือ 
การแก้ปัญหาของชาวเรือ
1:6 ตัวนายเรือเห็นว่า โยนาห์ไม่ได้อยู่ข้างบน จึงลงไปหาเขา เพื่ออ้อนวอนขอพระเจ้าเพื่อคนทั้งเรือ
ขณะที่คนอื่น ๆ พยายามช่วยชีวิตตัวเองให้รอด คนที่มีพระเจ้าอย่างโยนาห์กลับไร้ใจ ไม่พยายามที่จะช่วยใครเลย
1:7 เราไม่ทราบว่า โยนาห์ได้อธิษฐานขอพระเจ้าเพื่อพวกเขาหรือเปล่า แต่ลูกเรือหาทางออกด้วยการจับสลากกัน  เพื่อหาตัวต้นตอ พวกเขาใช้วิธีนี้ผสมกับการวิงวอนต่อเทพของพวกเขา   พระเจ้าทรงอยู่เหนือเหตุการณ์นี้ และทรงทำให้พวกเขาจับสลากได้เป็นชื่อของโยนาห์
พระเจ้าไม่ได้ทรงอนุญาตให้เทพใดเป็นผู้กำหนดคำตอบในสลาก พระองค์ทรงทำเอง ทรงตอบเองให้ทุกคนได้เห็น  … 
โยนาห์คนนี้แหละคือตัวสาเหตุที่ทำให้เกิดพายุ ดังนั้น ทุกคนต้องสอบสวน
1:8 โยนาห์มีสิ่งที่ต้องตอบให้ลูกเรือทุกคนทราบ ให้พวกเราทราบด้วย จากคำตอบของโยนาห์ ทำให้ลูกเรือยิ่งกลัว เพราะทำให้พวกเขารู้ว่า พระเจ้าองค์ไหนที่สามารถทำพายุได้เช่นนี้ 

ค้นพบสาเหตุของพายุ
1:9 เขาเป็นคนฮีบรูที่นมัสการพระยาห์เวห์  พระเจ้าผู้ทรงอยู่เหนือ ฟ้าสวรรค์ ผู้ทรงสร้างทะเลและแผ่นดิน
จะมีพระเจ้าไหนใหญ่ไปกว่านี้  โยนาห์ตระหนักไหมว่า พระเจ้าทรงทำอะไรกับเขาอยู่?  พระเจ้าทรงเป็นผู้เดียวที่ควบคุมเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้
1:10 ลูกเรือทุกคนต่างกลัว … และได้คำตอบจากโยนาห์ตรง ๆ ว่า เขาหนีพระเจ้ามา  และพระเจ้าทรงสำแดงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ให้ทุกคนเห็น
1:11 หนีพระเจ้ามา??!!  นี่เรื่องใหญ่ แต่โยนาห์ทำเป็นเหมือนเรื่องเล็ก  แล้วตอนนี้พายุยิ่งโหมหนัก ต้องหาทางสยบพายุไม่อย่างนั้น คงได้ตายกันยกลำเรือ
1:12 ตอนนั้น โยนาห์รู้แล้วว่าเขาต้องทำอะไร เขาต้องเอาชีวิตเข้าแลก  เพราะแน่ใจว่า พายุครั้งนี้ตนเองคือต้นเหตุ
1:13 เวลาเดียวกัน คนที่ไม่ได้รู้จักพระเจ้าองค์นี้มาก่อน ก็ยังพยายามช่วยไม่ให้มีใครต้องพินาศ พยายามเอาเรือเข้าฝั่งทั้ง ๆ ที่ยากแสนยาก  พายุก็ยิ่งแรงขึ้น ๆ  พวกเขาไม่แน่ใจว่าการโยนโยนาห์ลงทะเลจะทำให้พระเจ้าพิโรธมากขึ้นหรือเปล่า พวกเขามีเหตุและผลที่ต้องคิดให้ดี

 คนไม่รู้จักพระเจ้าอธิษฐานต่อพระเจ้า
1:14 พวกเขากลัวที่จะโยนโยนาห์ลงไปในทะเล … แต่ความที่พายุพัดหนักขึ้น เขาจึงยอม และพวกเขาอธิษฐานขอพระเจ้าอย่าเอาผิดกับพวกเขา  และพวกเขายอมรับว่า พระองค์ทรงทำอย่างที่ทรงต้องทำกับคนที่ดื้อต่อพระองค์
1:15 ทันทีที่โยนาห์ถูกโยนลงทะเล คลื่นลมก็สงบลงทันที เหมือนไม่ได้เกิดพายุขึ้นเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
1:16 การหนีของโยนาห์ ทำให้มีคนได้รู้จักฤทธิ์เดชของพระเจ้าอย่างไม่คาดฝัน พวกเขาทั้งถวายเครื่องบูชานมัสการพระเจ้า ถวายคำปฏิญาณที่จะเป็นคนของพระองค์ แต่เราก็ไม่ทราบว่า พวกเขาแค่เพียงเพิ่มพระเจ้ามาเชื่ออีกองค์ หรือจะสละพระอื่นทั้งหมดเพื่อติดตามพระองค์ไป  
1:17 แต่โยนาห์ กลับลงสู่ทะเลลึก ขณะนั้นเขาคิดอะไรอยู่… พอใจใช่ไหมที่จะตายเพียงเพราะไม่ยอมทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า …..แต่ พระเจ้าทรงทำสิ่งที่โยนาห์ไม่คาดคิด … พระองค์จะให้น้ำพระทัยที่มีต่อคนนีนะเวห์สำเร็จ โยนาห์จะขัดขวางพระองค์ไม่ได้ 



พระคำเชื่อมโยง

1* 2 พงศ์กษัตริย์ 14:25
2* อิสยาห์ 37:37; ปฐมกาล 10:11-12; 18:20
3* โยชูวา 19:46; อิสยาห์ 23:1; ปฐมกาล 4:16
4* สดุดี 107:25
5* 1 ซามูเอล 24:3
6* สดุดี 107:28; โยเอล 2:14
7* โยชูวา 7:14
8* โยชูวา 7:19

9* เนหะมีย์ 9:6
12* ยอห์น 11:50
13* สุภาษิต 21:30
14* เฉลยธรรมบัญญัติ 21:8; สดุดี 115:3
15* สดุดี 89:9: 107:29
16* กิจการ 5:11
17* มัทธิว 12:40

เศฟันยาห์ 3 ชนชาติที่ทรงทำให้บริสุทธิ์

เพื่อว่าพวกเขาจะร้องทูลพระนามของพระยาห์เวห์

พิพากษาโทษนครเยรูซาเล็มและชาติต่าง ๆ
1 วิบัติ! จงเกิดแก่นครที่เต็มด้วยผู้กดขี่ข่มเหง
มักกบฏ และเป็นมลทิน
 2 เมืองนี้ไม่ยอมฟังเสียงใด ๆ
 ไม่ยอมรับการตักเตือนแก้ไข
ไม่วางใจในพระยาห์เวห์
และไม่เข้ามาใกล้พระเจ้าของตน
3 ผู้ปกครองของเมืองก็เป็นเหมือนสิงโตขู่คำราม
ผู้พิพากษาของเมืองเป็นเหมือนหมาป่ายามเย็น
ซึ่งไม่มีอะไรเหลือทิ้งไว้เผื่อเวลาเช้า 
4 เหล่าผู้เผยพระดำรัสก็เป็นคนเย่อหยิ่ง  เป็นคนทรยศ 
เหล่าปุโรหิตก็ทำให้สถานนมัสการเป็นมลทิน
พวกเขาย่ำยี ทำผิดต่อธรรมบัญญัติ
5 พระยาห์เวห์ผู้ประทับในนครนั้นทรงเที่ยงธรรม
และจะไม่ทรงทำสิ่งชั่วร้าย
ทุกเช้าวันใหม่พระองค์ทรงยื่นความยุติธรรมให้
ทุกอรุณรุ่งพระองค์ไม่ทรงหยุดยั้ง

แต่กระนั้น คนอธรรมก็ไม่รู้สึกละอายใจสักนิด

พระเจ้าทรงทำให้ชาติต่าง ๆ บริสุทธิ์
 6 “เราได้กำจัดชาติต่าง ๆ ไปเสีย
หอคอยตามมุมเมืองถูกทำลายไป
เราทำให้ถนนของเขาร้างเปล่า
ไม่มีใครเดินผ่าน  เมืองของพวกเขาถูกทำลาย
ไม่มีชาวเมือง ไม่มีคนอาศัยเลย
7 เรากล่าวว่า ‘พวกเจ้าจะได้ยำเกรงเราและจะรับฟังคำเตือนเพื่อแก้ไข’ แล้วที่อาศัยของพวกเขาจะไม่ถูกตัดขาดออกไปตามที่เราได้กำหนดไว้แล้วว่า จะลงโทษพวกเขา แต่พวกเขายังพอใจ ตื่นขึ้นมาเพื่อทำตัวต่ำทรามเหมือนที่เคยทำมา”
 8 ดังนั้น พระยาห์เวห์ทรงประกาศว่า
“จงรอดูเราเถิด ในวันที่เราจะลุกขึ้นเป็นพยาน เราได้ตัดสินใจที่จะรวบรวมชาติต่าง ๆ  อาณาจักรทั้งหลายเข้ามาเพื่อเทการลงโทษของเราบนพวกเขา และระบายความโกรธเกรี้ยวของเราเหนือพวกเขา เพราะความหวงแหนของเรานั้น ลุกเป็นไฟ  โลกทั้งโลกจะถูกเผาผลาญด้วยไฟแห่งการหวงแหนของเรา 

ชาติต่าง ๆ เปลี่ยนความเชื่อ หรือ คนภักดีที่เหลืออยู่
9 เวลานั้น เราจะทำให้คำพูดของประชาชนบริสุทธิ์
เพื่อว่าพวกเขาจะร้องทูลพระนามของพระยาห์เวห์
และรับใช้พระองค์อย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  
10 เหล่าผู้ที่นมัสการเรา
ชนชาติของเราที่กระจัดกระจายไปนั้น
จะนำเครื่องบูชาจากอีกฟากฝั่งของแม่น้ำคูชมาให้เรา 
11ในวันนั้น เจ้าจะไม่ต้องอับอาย
กับความผิดที่เจ้าได้ล่วงละเมิดเรา 
เพราะเราจะกำจัดคนที่ยินดีในความยโสของตน
แล้วเจ้าจะไม่มีโอกาสที่จะเย่อหยิ่ง
ในภูเขาบริสุทธิ์ของเราอีกต่อไป
12  และเราจะให้มีชนชาติที่ถ่อมตน ถ่อมใจ
ให้มาอาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า
พวกเขาจะหวังใจในพระนามของพระยาห์เวห์ 

13  คนที่เหลืออยู่ของอิสราเอลจะไม่ทำความชั่วร้าย
พวกเขาจะไม่พูดมุสา
จะไม่พบลิ้นหลอกลวงในปากของพวกเขา
เพราะเขาจะได้รับการเลี้ยงดู
และจะพักผ่อน ไม่มีใครทำให้เขาหวาดกลัวอีกต่อไป”

การรื้อฟื้นอิสราเอล
14 ลูกสาวศิโยนเอ๋ย จงร้องเพลงยินดีเถิด
อิสราเอลเอ๋ย จงตะโกนออกมาเถิด
จงยินดี และชื่นชมสุดจิตสุดใจของเจ้า
โอ ลูกสาวเยรูซาเล็ม 
15 องค์พระยาห์เวห์ทรงเอาการลงทัณฑ์ของเจ้าไปแล้ว พระองค์ทรงทำให้ศัตรูของเจ้าหันกลับไป
โอ กษัตริย์แห่งอิสราเอล พระยาห์เวห์ทรงอยู่ท่ามกลางท่าน ท่านจะไม่ต้องกลัวอันตรายใด ๆ อีกต่อไป 
16 ในวันนั้น เขาจะกล่าวกับเยรูซาเล็มว่า “โอ ศิโยน ไม่ต้องกลัว  อย่าให้มือของเจ้าชาหมดแรงไป
17 พระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้าทรงอยู่ท่ามกลางเจ้า และพระองค์ทรงฤทธิ์ที่จะช่วยเจ้าให้รอด พระองค์ทรงปีติยินดีเพราะเจ้า พระองค์จะทรงทำให้เจ้าสงบด้วยความรักของพระองค์ และทรงร้องเพลงเพราะทรงปีติยินดีในตัวเจ้า 
18 “เราจะทำให้พวกเจ้าหายโศกเศร้าเนื่องจากเทศกาลตามกำหนดต่าง ๆ   เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นภาระ และเป็นคำติเตียนที่เจ้าได้รับ
19 ดูเถิด เวลานั้น  เราจะจัดการกับผู้คนที่ข่มเหงเจ้า
เราจะช่วยคนง่อยให้รอด และรวบรวมผู้ที่กระจัดกระจายไป
เราจะให้พวกเขาได้รับเกียรติ มีชื่อเสียงเลื่องลือ     
 20  เวลานั้น เราจะนำพวกเจ้าเข้ามา
เวลานั้น เราจะรวบรวมพวกเจ้า
 เราจะให้เจ้ามีชื่อเสียง
และเป็นที่ยกย่องท่ามกลางชาติต่าง ๆ ในแผ่นดินโลก
เมื่อเราทำให้เจ้ากลับสู่ความรุ่งเรืองต่อหน้าต่อตาเจ้า”
พระยาห์เวห์ตรัสดังนั้น

อธิบายเพิ่มเติม

พิพากษาโทษนครเยรูซาเล็มและชาติต่างๆ
3:1-4
นครที่เศฟันยาห์กล่าวถึงนั้นก็คือ เยรูซาเล็มนั่นเอง นครแห่งนี้ที่พระเจ้าทรงรัก กลายเป็นเมืองที่เต็มด้วยคนที่ทำร้ายกัน กบฎต่อบทบัญญัติ ทำบาปอย่างมากมาย  เศฟันยาห์ชินกับรัชกาลที่มีมนัสเสห์ และอาโมน ปกครอง ทั้งสองเป็นกษัตริย์ที่ชั่วร้าย  ขู่เข็ญประชาชน ทำตัวเป็นเหมือนอันธพาล และพาพวกเขาออกจากทางของพระเจ้าเป็นเวลานานมาก     คนของพระเจ้าจึงไม่แตกต่างจากชาติเพื่อนบ้าน  จากข้อ 1-5 เราจะเห็นพฤติกรรมของพวกเขา ทั้ง ๆ ที่พระเจ้าทรงเตือนเขาผ่านผู้เผยพระดำรัส เสมอมา แต่พวกเขาก็ไม่รู้สึกอะไรกับคำเตือนของพระองค์เลย
 ผู้นำตั้งแต่กษัตริย์เจ้าเมืองผู้พิพากษาผู้เผยพระดำรัสปุโรหิต ต่างเป็นกลุ่มชนชั้นสูงที่กดขี่คนยากจน
ข้อสี่ชัดเจนว่า ทั้งเมืองกลายเป็นเมืองที่เป็นมลทินแล้ว (เอสรา  2:62; เนหะมีย์  7:64; มาลาคี 1:7, 12)
นครเยรูซาเล็มได้หักพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงมีต่อพวกเขา ไม่ได้เป็นอย่างที่พระเจ้าทรงตั้งพระทัย เป็นเมืองที่โง่เขลา
3:5
พระเจ้าประทับในนครแห่งความชั่วร้ายนี้ ทุกเช้าวันใหม่หรือเช้าแล้วเช้าเล่า
พระองค์ทรงแตกต่างจากผู้นำทั้งหลาย ทรงช่วยให้คนได้รับความยุติธรรม พระองค์ทรงพยายามให้พวกเขาได้เห็นว่าต้องทำอย่างไรจึงจะถูก ทรงส่งคนของพระองค์มาตักเตือน แต่ไม่มีใครฟังโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผู้นำ ไม่มีใครละอายใจ 
3:6
ทรงเตือนว่า พระองค์ได้กำจัดชาติต่าง ๆ  พวกเขาเห็นกับตาแล้ว  และยังทรงทำให้อัสซีเรียผู้เก่งกล้าหายนะ สิ่งที่ทรงทำให้เยรูซาเล็ม และรอบ ๆ คือ  เมืองต่าง ๆ ทางเหนือที่มีหอคอยเข้มแข็ง ก็ไม่อาจยืนหยัดได้  ผู้คนไม่เหลือในแผ่นดิน ทั้งถูกกวาดไป ทั้งหนีหายไป
3:7
เมื่อคนชาวเยรูซาเล็มเห็นการทำลายของพระเจ้าแล้ว พวกเขาควรที่จะยำเกรงและเชื่อฟัง ทำตามพระองค์เพื่อว่า
แผ่นดินของเขาจะได้รับการยกเว้น  แต่เหล่านั้นไม่ได้ทำให้พวกเขาเรียนรู้เลย พวกเขากลายเป็นคนที่ต่ำทรามไม่เลิก
3:8  “จงรอดูเราเถิด” ผู้คนในเยรูซาเล็มต้องรออีกหน่อย
ตอนนี้เศฟันยาห์กำลังกล่าวถึงอนาคตอันไกลจากเขา แต่ใกล้กับพวกเราปัจจุบันมาก
แล้วจะมีวันหนึ่งที่พระเจ้าจะทรงเป็นพยานถึงสิ่งที่พวกเขาทำ  และพระองค์จะทรงลงโทษทุกคนที่เมินเฉยต่อการเตือนของพระองค์  
พระเจ้าทรงเตือนว่า จะทรงเทการลงโทษมายังมนุษย์ทั้งหลาย แต่พระเจ้ายังทรงอดกลั้นเพื่อว่า พวกเขาจะได้มีโอกาสรอดได้ (2 เปโตร 3:9) โลกในเวลานี้คดโกง เลวร้ายเหมือนวันของโนอาห์  เมื่อพระเจ้าทรงลุกเป็นไฟ ตอนนั้นไม่มีใครสู้ได้!  ดังนั้น วันแห่งพระพิโรธจะมาแน่นอน  ผู้ที่เชื่อพระองค์จึงต้องเตรียมตัวด้วยชีวิตที่พระเจ้าทรงตรัสสั่งไว้ ไม่ใช่เฉย เฉื่อยชา  ( 2 เปโตร 3:10-11) อ่าน เศฟันยาห์  2:2 ; วิวรณ์​16:14, 16)

พระสัญญาต่อคนต่างชาติที่เชื่อและคนยิว
3:9-10  แล้วพระเจ้าเองจะทรงมาเพื่อชำระคำพูดของประชาชน  คำพูดที่บริสุทธิ์มาจากใจที่บริสุทธิ์ (ลูกา 6:45) พระเจ้าทรงเปลี่ยนใจของพวกเขา
พวกเขาจะไม่กล่าวคำไร้สาระ มุสาอีกต่อไป   คนของพระองค์ที่กระจัดกระจายไปทั่งโลก จะกลับมานมัสการพระองค์ (เศคาริยาห์ 8:20-23; 14:6)
3:11 พระเจ้าทรงเอาความเย่อหยิ่งและความชั่วร้ายของผู้คนออกไป พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะยะโสต่อพระเจ้าอีก
และพระองค์จะทรงยกโทษให้กับคนที่เคยล่วงละเมิดต่อพระองค์ แต่บัดนี้กลับใจใหม่แล้ว  

3:12 สิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์คือ ชนชาติ ประชาชน ที่เชื่อฟัง ถ่อมตนต่อพระเจ้า … เมื่อสมัยก่อนนี้คนยิวคิดไม่ออกเลยว่า พระเจ้าจะทรงเมตตาให้คนต่างชาติได้มาเชื่อพระเจ้าแห่งอิสราเอล คือพระเยซูคริสต์ด้วย  แต่มาวันนี้ คำในข้อสิบสองก็เป็นจริง มีคนจำนวนมากที่ตอบความรักของพระเจ้า และติดตามพระองค์

3:13  ภาพที่บรรยายนี้ ใคร ๆ ก็อยากได้ อยากให้เกิดขึ้น พระเจ้าจะทรงเอาความมุสาออกไปจนหมด ไม่มีข่าวปลอม ไม่มีการโกหกอีกต่อไป จึงไม่ต้องมีความกลัวในสิ่งที่เคยกลัวเพราะการโกหก  พวกเขาจะได้รับการพักใจ พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยง เป็นพระพรทั้งฝ่ายวิญญาณและร่างกาย
(โยเอล 3:18-20; มีคาห์ 4:4)

การรื้อฟื้นอิสราเอล อิสราเอลใหม่
ข้อความต่อไปนี้ เป็นการบรรยายถึงช่วงเวลาที่พระเมสสิยาห์ทรงครอบครองพันปี 
3:14 ลูกสาวของศิโยนมีความหมายถึงทั้ง คนที่อาศัยในเยรูซาเล็ม (มีคาห์ 4:10, 13; เศคาริยาห์ 9:9) หรือผู้คนที่เข้ามาอยู่ในพันธสัญญาของพระเจ้า อิสยาห์ 52:2; 62:11; เศคาริยาห์ 2:10
บทเพลงที่พวกเขาร้องนั้นเสียงดัง ร่าเริง เต็มด้วยความ ยินดี

3:14  ต่อไปเราจะเห็นภาพของพระเจ้าที่ทรงเกี่ยวพันกับคนของพระองค์อย่างใกล้ชิด  แล้วต่อด้วยอีกสามภาพที่ทำให้เราเห็นการเปลี่ยนสภาพของอิสราเอล 
พระเจ้าทรงให้เขาร้องเพลงยินดี ร้องเสียงดัง ให้ใจของพวกเขาชุ่มชื่นขึ้น เพราะว่า …

3:15  พระเจ้าในฐานะที่ทรงเป็นมหากษัตริย์องค์สูงสุดของพวกเขา จะทรงประทานอภัยโทษให้พวกเขา จะทรงทำให้ศัตรูจากไป  พวกเขาไม่ต้องกลัวต่อไปอีก
คำปลอบใจที่ทำให้อบอุ่นที่สุดคือ พระเจ้าทรงอยู่ท่ามกลางพวกเขา 

3:16 มีคำปลอบใจไม่ให้กลัว  อย่ายอมให้ความกลัวทำให้ร่างกายไปต่อไม่ได้
 
3:17 ทรงยืนยันว่า ทรงอยู่ท่ามกลางพวกเขา
จะช่วยเขาให้รอด ทรงยินดีในพวกเขา  และจะทรงให้ใจของพวกเขาสงบเพราะสัมผัสรักยิ่งใหญ่ของพระองค์ 
ที่น่าแปลกสุดคือ พระองค์จะทรงร้องเพลงเพราะทรงยินดีในคนอิสราเอล (ที่ทรงเฝ้าเรียกให้กลับมาหาพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ยังดื้อดึงไม่หยุดหย่อน)  นี่เป็นเหมือนยามที่เจ้าบ่าวชื่นชมยินดีในตัวเจ้าสาว  พระองค์จะเป็นสุขเพราะประชากรของพระองค์  หลายครั้งที่พวกเขาไม่รู้ว่า พระเจ้าทรงยินดีในพวกเขาเพียงไร  (เฉลยธรรมบัญญัติ 30:9; อิสยาห์ 54)

3:18  ตอนที่อิสราเอลไปเป็นเชลยในบาบิโลน พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะฉลองเทศกาลต่าง ๆ ที่พวกเขาเคยได้เฉลิมฉลองเหมือนอย่างในเวลาที่พวกเขาใกล้ชิดกับพระเจ้าในแผ่นดินอิสราเอล นี่เป็นความเศร้าโศกของเหล่าเชลยในบาบิโลน

3:19 จากข้อนี้จนข้อต่อไป เราเห็นคำสัญญาที่พระเจ้าทรงมอบให้กับอิสราเอล ลองอ่านดูว่า เวลานั้น..เวลาที่พระเยซูองค์พระเมสสิยาห์เสด็จกลับมาอีกครั้ง  พระองค์จะ..ทรงทำอะไรบ้าง ทั้งหมดนี้คือการรื้อฟื้นให้พวกเขากลับมามีชีวิตที่ถูกต้องกับพระองค์อีกครั้ง นี่เป็นพระพรทั้งของอิสราเอลและผู้ที่เชื่อในพระองค์ 

3:20 ที่สำคัญ พระเจ้าจะทรงรวบรวมเขาให้มีชื่อเสียง เป็นที่ยกย่อง …​เขาจะได้กลับสู่ความรุ่งเรือง พระพรเหล่านี้เพื่อทำให้เป้าหมายการมีชนอิสราเอลที่พระเจ้าทรงเลือกนั้นได้สำเร็จผล อ่าน เฉลยธรรมบัญญัติ  26:18-19  และ อิสยาห์  62:7

 

พระคำเชื่อมโยง

เศฟันยาห์ 3
3* เอเสเคียล 22:27; ฮาบากุก 1:8
4* โฮเชยา 9:7; เอเสเคียล 22:26
5* เยเรมีย์ 3:3
7* เยเรมีย์ 8:6 ; ปฐมกาล 6:12
8* ฮาบากุก 2:3; โยเอล 3:2; เศฟันยาห์ 1:18
9* อิสยาห์ 19:18; 57:19


10* สดุดี 68:31
11* อิสยาห์ 2:12; 5:15
12* อิสยาห์ 14:32
13* มีคาห์ 4:7; อิสยาห์ 60:21; วิวรณ์ 14:5; เอเสเคียล 34:13-15, 28
14* อิสยาห์ 12:6

15* ยอห์น 1:49; เอเสเคียล 48:35
16* อิสยาห์ 35:3-4; ฮีบรู 12:12
17* เศฟันยาห์ 3:5, 15; อิสยาห์ 62:5; 65:19
18* เพลงคร่ำครวญ 2:6
19* มีคาห์ 4:6-7
20* อิสยาห์ 11:12