2 โครินธ์ 1 พระเจ้าแห่งการหนุนใจ

2 โครินธ์ 1:1
ข้า..เปาโล เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกให้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ ตามพระประสงค์ของพระเจ้า กับทิโมธีน้องชาย เขียนส่งมายังคริสตจักรของพระเจ้าที่เมืองโครินธ์ และวิสุทธิชนของพระเจ้าทุกท่านที่อยู่ทั่วแคว้นอาคายา
2 โครินธ์ 1:2
ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเราและจากพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา จงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด
2 โครินธ์ 1:3
สรรเสริญองค์พระเจ้าพระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ทรงเป็นพระบิดาผู้เมตตา องค์พระเจ้าแห่งการหนุนใจ
ทุกด้าน

2 โครินธ์ 1:4
พระองค์ทรงหนุนใจเรายามยากลำบากทั้งสิ้น เพื่อว่าเราจะได้หนุนใจเหล่าคนที่ตกอยู่ในความยากลำบากได้ เนื่องจากเราได้รับการหนุนใจจากพระองค์มาก่อน
2 โครินธ์ 1:5
เพราะเมื่อเรามีส่วนในการทนทุกข์ของพระคริสต์มากเพียงไร
พระองค์ก็ทรงหนุนใจเรามากเพียงนั้น

2 โครินธ์ 1:6
หากว่าเราต้องทนทุกข์ยาก ก็เป็นไปเพื่อท่านจะได้รับการหนุนใจ และรับความรอดหากว่าเราได้รับการหนุนใจ ก็เป็นไปเพื่อท่านจะได้รับการหนุนใจในยามที่ท่านต้องเผชิญกับความทุกข์ยากแบบเดียวกับที่เราเผชิญอยู่นั้น
2 โครินธ์ 1:7
ความหวังของเราที่มีในตัวท่านนั้นมั่นคง เพราะเรารู้ว่า ในขณะที่ท่านรับทุกข์ยากร่วมกับเรา ท่านจะได้รับการหนุนใจ ร่วมกับเราด้วย

2 โครินธ์ 1:8-9
เราอยากให้พี่น้องได้รู้ถึงความยากเข็ญที่เกิดขึ้นกับเราในแคว้นเอเชีย เราถูกบีบคั้นอย่างหนักจนเกือบไม่มีหวังที่จะรอดชีวิต เรารู้สึกว่า เราถูกตัดสินประหารชีวิต ที่เป็นอย่างนี้เพื่อเราจะไม่วางใจในตัวเราเองแต่วางใจในพระเจ้าผู้ทรงโปรดให้คนตายได้ฟื้นคืนชีพ
2 โครินธ์ 1:10
พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดตายมาแล้ว และพระองค์ทรงช่วยเราและเราหวังในพระองค์ว่า จะทรงช่วยเราต่อไป

2 โครินธ์ 1:11
ในเมื่อพวกท่านต่างมีส่วนช่วยในการอธิษฐานทูลขอเพื่อเรา เพื่อคนเป็นจำนวนมากจะได้ขอบพระคุณแทนเรา สำหรับพระคุณของขวัญที่ประทานแก่เราผ่านคำอธิษฐานของคนจำนวนมาก!

2 โครินธ์ 1:12
สิ่งที่เราอวดได้คือ คำพยานจากมโนธรรมของเราที่ว่า เราได้ประพฤติตัวในโลกด้วยความเรียบง่ายบริสุทธิ์ และความจริงใจจากพระเจ้า ไม่ใช่จากปัญญาของโลกแต่โดยพระคุณของพระเจ้า และเราประพฤติเช่นนั้นต่อท่านมากกว่านั้นอีก
2 โครินธ์ 1:13-14
เพราะเราไม่ได้เขียนสิ่งอื่นใดมาให้ท่านนอกจากสิ่งที่ท่านอ่านและเข้าใจได้ บัดนี้ ข้าเชื่อว่า ท่านจะเข้าใจกระจ่างจนจบอย่างที่ท่านพอจะเข้าใจบ้างแล้วว่าในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น พวกเราจะภูมิใจในตัวท่านเหมือนอย่างที่ท่านภูมิใจในเรา

2 โครินธ์ 1:15-16
เพราะมั่นใจอย่างนี้ จึงตั้งใจมาเยี่ยมท่านก่อน เพื่อท่านจะได้รับพระคุณสองต่อ โดยจะแวะเยี่ยมท่านตอนที่เดินทางไปยังแคว้นมาซิโดเนีย และเมื่อกลับจากที่นั่นก็จะแวะมาหาท่านอีก แล้วให้ท่านช่วยส่งข้าเดินทางต่อไปยังแคว้นยูเดีย
2 โครินธ์ 1:17-18
เมื่อข้าวางแผนเช่นนี้ ข้าทำด้วยความลังเลใจ หรือว่าทำอย่างขอไปที ข้าวางแผนตามใจตัว เดี๋ยวมาเดี๋ยวไม่มาอย่างนั้นหรือ?พระเจ้าทรงซื่อตรงฉันใด คำของเราที่มีมายังท่านก็ซื่อตรงฉันนั้น

2 โครินธ์ 1:19
เพราะว่าพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าที่ข้า สิลวานัส และทิโมธีประกาศนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่อาจจะจริงหรือไม่จริงแบบขอไปทีแต่ในพระองค์นั้น มีแต่ความจริงทั้งสิ้น!
2 โครินธ์ 1:20
เพราะว่าคำที่พระเจ้าทรงสัญญาผ่านพระเยซู เป็นจริงทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ เราจึงกล่าวคำว่า “อาเมน” เป็นที่ถวายพระเกียรติแด่พระองค์
2 โครินธ์ 1:21-22
พระเจ้าทรงให้เราและท่านยืนมั่นคงในพระคริสต์ และทรงเจิมเรา พระองค์ทรงประทับตราแสดงกรรมสิทธิ์ในตัวเราและประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ในใจเราเป็นหลักประกันของสิ่งที่จะมาในอนาคต

2 โครินธ์ 1:23-24
ยิ่งกว่านั้น ข้าขออัญเชิญพระเจ้ามาเป็นพยานถึงสิ่งที่อยู่ในใจว่าที่ข้าไม่กลับมายังโครินธ์ ก็เพื่อท่านจะไม่ต้องลำบากใจ
ข้าไม่ได้เป็นผู้ชี้ขาดความเชื่อของท่าน แต่เราเป็นผู้รับใช้กับท่านเพื่อความยินดีของท่าน เพราะท่านมั่นคงในความเชื่อ

อธิบายเพิ่มเติม


2 โครินธ์ 1:1
จดหมายฉบับนี้เขียนเพื่อให้พี่น้องตามคริสตจักรในแคว้นอาคายาได้อ่านกันถ้วนหน้า เป็นพื้นที่ซึ่งอยู่ในประเทศกรีซ ท่านย้ำว่าท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงประสงค์ที่จะส่งออกไปประกาศพระนาม ท่านไม่ได้แต่งตั้งตนเองขึ้นมา (อัครทูตมีความหมายว่าผู้ที่ถูกส่งออกไป) การเขียนครั้งนี้ มีทิโมธีเป็นผู้ที่อยู่กับท่านใด้วย ทิโมธีเองเป็นคนที่ชาวโครินธ์รู้จักเพราะอยู่กับท่านเปาโลเมื่อท่านตั้งคริสตจักรดูกิจการ 18:1-5
2 โครินธ์ 1:2
ทำไมท่านเปาโลจึงขอพระคุณ และสันติสุข? ทำไมท่านไม่ขอให้ร่ำรวย มั่งคั่งอยู่ดีกินดีเหมือนที่บ้านเราชอบอวยพรกันนัก?พระคุณจากพระบิดาและพระคริสต์มีให้เราอยู่แล้วและเมื่อเราพบพระองค์ ได้รับชีวิตใหม่ นั่นคือพระคุณพิเศษที่ต่อเนื่องไม่หยุด คริสเตียนทุกยุค ทุกแห่งต้องการสองสิ่งนี้จากพระเจ้ามาก ลองคิดถึงชีวิตที่ขาดพระคุณ และสันติสุขดู เราจะอยู่ต่อไปได้หรือ? เราจะมีความหวังอะไรเหลืออยู่บ้าง?
2 โครินธ์ 1:3
พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้หนุนใจและปลอบใจมานานแล้ว อิสยาห์ได้กล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงปลอบใจหลายครั้ง (อิสยาห์ 40:1, 51:3 เป็นต้น) ท่านเปาโลไม่ได้คิดขึ้นมาเอง แต่พระเจ้าทรงสำแดงว่าทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงหนุนใจ ทรงปลอบใจเสมอมา. ในยามที่พระเยซูทรงอยู่ท่ามกลางผู้คน พระองค์ก็ทรงทำเช่นนั้นไม่ขาด คำว่าพระเจ้าแห่งการหนุนใจหรือปลอบใจนี้ มีความหมายรวมไปถึงการทำให้
สบายใจขึ้น ให้กำลัง ช่วยให้เข้มแข็งและกล้าหาญ
2 โครินธ์ 1:4
เวลาเรามีความทุกข์ใจ เดือดร้อน ยุ่งยาก จะมาจากการประกาศพระนามพระเจ้า หรือจะเป็น ปัญหาใดๆ ท่านเปาโลบอกแล้วว่าทุกเรื่อง ทุกด้านเรามาหาพระเจ้า พระองค์จะทรงหนุนให้เรามีกำลังสู้ทั้ง ๆ ที่ดูแล้วเหตุการณ์นั้นยากเกินที่จะฝ่าฟัน ความลำบากในที่นี้ ภาษาเดิมหมายถึงการถูกบีบคั้น ทำให้จนตรอก คนที่ต้องเผชิญความทุกข์ร้อนอย่างที่ท่านเปาโลกล่าวถึง นี้ รู้สึกว่าไม่สามารถหนีออกไปได้
2 โครินธ์ 1:5
พระคำข้อนี้ มีผู้แปลบางสำนักแปลว่า “ยิ่งความทุกข์ยากของพระคริสต์ไหลล้นสู่ชีวิตเรามากเท่าไร การปลอบโยน การหนุนใจจากพระองค์ก็ไหลล้นสู่ชีวิตเรามากขึ้นเพียงนั้น” ดังนั้น ชีวิตคริสเตียนจึงแตกต่าง เพราะว่าความทุกข์ยากในชีวิตกลับจะทำให้ได้รับการปลอบโยนใจจากพระเจ้ามากขึ้น นี่เป็นเหตุให้ผู้เชื่อที่ทุกข์ยากที่ถูกข่มเหงจึงอดทนได้ ด้วยการปลอบโยนจากพระเจ้าโดยตรง
2 โครินธ์ 1:6
ท่านเปาโลต้องทนทุกข์ ทนการข่มเหง การถูกลอบทำร้าย เผชิญภัยนานาก็เพื่อว่า คนต่างชาติที่ท่านพบเจอจะได้รับการช่วยกู้จากพระเจ้า และพวกเขายังได้รับการปลอบประโลมใจจากพระองค์ด้วยพี่น้องโครินธ์ในเวลานั้นมองข้ามความสำคัญของการทนทุกข์และการปลอบใจจากพระเจ้า ท่านจึงเน้นย้ำให้รู้ถึงเป้าหมายของการทนทุกข์เพื่อพระเจ้าพวกเขาจะได้มีมุมมองที่ถูกต้องว่า การทนทุกข์และการปลอบใจจากพระเจ้าเป็นของคู่กัน
2 โครินธ์ 1:7
ความทุกข์ยากทั้งหลายที่ท่านเปาโลต้องเผชิญนั้น ท่านตระหนัก มั่นใจว่า เป็นความทุกข์ยากของพระคริสต์ ไม่ใช่ของตัวท่านแต่อย่างเดียวพระเจ้าทรงประสงค์ให้เราอดทนจนผ่านความทุกข์ยากไป แต่ไ่ม่ใช่แค่ก้มหน้ารับความทุกข์ เป็นความอดทนแบบที่เราจะก้าวข้ามความเจ็บปวดและความทุกข์เพื่อไปถึงเป้าหมายของเรา คล้าย ๆ กับนักกีฬาที่สู้จนได้ชัย การเป็นผู้เชื่อกับการที่ต้องเจอความทุกข์ยากนั้นเป็นเรื่องธรรมดา
2 โครินธ์ 1:8-9
ท่านเปาโลได้เผชิญกับความลำบากนา ๆประการอย่างที่ไม่น่าจะรอดชีวิตมา แต่ท่านก็รอดมาเสมอเพื่อจะได้ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า ท่าน เฉียดกับความตายมาหลายรอบมากจนกระทั่งรู้สึกว่า นี่เป็นโทษประหารสำหรับตัวท่านเอง และแล้วท่านก็เข้าใจว่า ท่านอาจจะตายเมื่อไรก็ได้ เอาแค่ต้องเจอกับความวุ่นวายในเอเฟซัส (กิจการ19:21-41) การถูกโบย (2 โครินธ์ 11:24) ก็สาหัสแล้ว
2 โครินธ์ 1:10
เมื่อเราอ่านพระคำตอนนี้ ทำให้นึกถึง ฮีบรู 11:32-38 คนของพระเจ้าต้องเจอกับความยากลำบากมากมาย แต่พระเจ้าก็ทรงจัดคำตอบให้แต่ละคนไม่เหมือนกัน ที่สุดคือชีวิตนิรันดร์ที่ทรง เตรียมไว้ให้ พระเจ้าทรงวางแผนไว้ให้แต่ละคน
ดังนั้นในชีวิตของเรา เราหันไปดูอดีตที่พระเจ้าทรงช่วยเรา ดูในวันนี้ และมีความมั่นใจต่อไปในอนาคต
2 โครินธ์ 1:11
พระคัมภีร์ข้อนี้ทำให้เราเห็นว่า พระเจ้าทรงพอพระทัยที่พี่น้องจะอธิษฐานเผื่อกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน. การขอให้เพื่อนอธิษฐานเผื่อ การขอจากพี่น้องคริสเตียนที่เราอาจไม่รู้จักเป็นส่วนตัว เราไม่ต้องกังวลใจ เราไม่รู้จักเขาแต่พระเจ้าทรงรู้จักคนที่เรา อธิษฐานเผื่อเป็นอย่างดี เมื่อพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐาน ทุกคนที่มีส่วนก็จะยินดีกันถ้วนหน้าเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าผู้ทรงตอบคำทูล
2 โครินธ์ 1:12
ท่านเปาโลได้ยืนยันว่า มโนธรรมของท่าน ก็คือส่วนที่บอกมนุษย์ว่า อะไรผิด อะไรถูก ส่วนที่คอยดูว่า แรงจูงใจจริง ๆ นั้นมาจากไหน มโนธรรมของท่านบอกตัวท่านว่า ท่านจริงใจ ท่านใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย และประพฤติอย่างดีต่อพี่น้องชาวโครินธ์ที่ท่านต้องกล่าวเช่นนี้เพราะมีบางคนที่กล่าวหาว่าท่านเป็นคนหยิ่งยะโส เห็นแก่ตัว เชื่อไม่ได้ ท่านจึงบอกให้มั่นใจว่า เมื่อท่านพิจารณาตัวเองด้วยมโนธรรมแล้ว ท่านผ่าน ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาคิด
2 โครินธ์ 1:13-14
คนบางคนในคริสตจักรโครินธ์ อ่านจดหมายของท่านเปาโลแล้วตีความไปว่าท่านมีความหมายอื่น ๆแฝงอยู่ แต่ท่านยืนยันว่า การเขียนของท่านชัดเจนตรงไปตรงมา เข้าใจได้อยู่แล้ว แม้จดหมายของท่านบางตอนอาจจะยากที่จะเข้าใจ มีการใช้คำเปรียบเทียบ แต่ท่านจะไม่เขียนอย่างหนึ่งเพื่อให้มีความหมายไปอีกอย่าง และท่านปรารถนาที่จะภูมิใจในตัวพบเขาต่อพระพักตร์ของพระเจ้าจริง ๆ
2 โครินธ์ 1:15-16
แม้ท่านเปาโลตั้งใจจะเดินทางไปหาพี่น้องชาวโครินธ์สองครั้ง แต่เราไม่พบว่ามีการเดินทางแบบนั้น ในบันทึกจากพระคัมภีร์ ท่านเองกลับเดินทางจากเอเฟซัสไปทางเมืองโตรอัสแทนเมืองโครินธ์(2:13)
จากข้อความตอนนี้ จะเห็นว่า คริสตจักรแต่ละแห่งควรมีหน้าที่ต่อกันและกัน ช่วยเหลือกัน ช่วยส่งผู้รับใช้ออกไปเพื่อสร้างเสริมพี่น้อง การพบปะกันทุกครั้งของผู้เชื่อคือเพิ่มพระคุณให้ทั้งสองฝ่ายดูการเดินทางของท่าน 7:5, 8:1, 9:2,4
2 โครินธ์ 1:17-18
การตั้งคำถามแบบนี้ของท่านเปาโล เท่ากับคำตอบควรจะเป็นว่า “ไม่” ความตั้งใจของท่านเปาโลนั้นชัดเจน แต่ท่านกลับทำตามนั้นไม่ได้ คนที่เป็นศัตรูก็เอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นที่จะชักชวนให้พี่น้องเลิกฟังคำของท่าน แต่ท่านเปาโลก็ยังยืนยันว่าท่านตั้งใจอย่างนั้นจริง ๆ แม้ว่าแผนการเดินทางต้องถูกเปลี่ยน แต่หลักการที่ท่านประกาศ และคำสอน เป็นความจริงเสมอ
2 โครินธ์ 1:19
เวลานี้ เปาโลเน้นย้ำว่า ความจริงเรื่องพระเยซูคริสต์เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ท่านเปาโลเป็นห่วงมากที่สุดคือ พี่น้องจะไม่มั่นคง หันเหความคิดไปตามคนที่พยายามทำลายความเชื่อถือของพวกเขาที่มีต่อท่าน แต่ปัจจุบันเราก็เห็นการใส่ร้ายผู้รับใช้ การพูดเท็จเกี่ยวกับคน ๆ หนึ่งโดยอาจจะเอาคำของเขา การกระทำของเขาที่พลาดจริงๆ มาเป็นประเด็นทำให้คนขาดความเชื่อถือในผู้รับใช้
2 โครินธ์ 1:21-22
ข้อความนี้ บอกว่าพระเจ้าทรงทำสี่อย่างกับเราทำให้มั่นคง ทรงเจิม ทรงประทับตราแจ้งว่าเราเป็นของพระองค์ และประทานพระวิญญาณเพื่อเรา
จะได้รับการสิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาทุกอย่าง โรม 8:11 บอกเราว่า พระเจ้าประทานชีวิตให้แก่เราโดยพระวิญญาณ ผู้ประทับในเรา ชีวิตที่สมบูรณ์
อยู่กับพระเจ้าเป็นนิตย์นั้น จะมีให้กับคนที่มีหลักประกันคือองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิต​ซึ่งก็เป็นผลจากการที่คนนั้นยอมรับเชื่อพระเยซูคริสต์
2 โครินธ์ 1:23-24
การขอพระเจ้ามาเป็นพยาน การพูดอย่างนี้คล้าย ๆ กับว่า “ขอสาบานต่อพระพักตร์พระเจ้าว่า” ในเมื่อพี่น้องที่โครินธ์คิดว่า ท่านเห็นแก่ตัวที่ไม่มาเยี่ยม ท่านจึงบอกเหตุผล และยังยืนยันว่า อย่างไรก็ดีท่านไม่ได้เป็นเจ้านายบังคับให้ใครเชื่ออะไร แต่เป็นผู้ร่วมงานในการรับใช้พระเจ้าด้วยกัน
ท่านปรารถนาให้พวกเขาเข้าใจอย่างถูกต้อง พระคำตอนนี้ ถ้าไม่ทราบบริบทก็จะเข้าใจยากอยู่

พระคำเชื่อมโยง

1* 2 ทิโมธี 1:1; 1โครินธ์ 16:10; โคโลสี 1:2
2* โรม 1:7
3* 1 เปโตร 1:3
4* อิสยาห์ 51:12; 66:13
5* 2 โครินธ์ 4:10
6* 2 โครินธ์ 4:15; 12:15
7* โรม 8:17
8* กิจการ 19:23

9* เยเรมีย์ 17:5,7
10* 2 เปโตร 2:9
11* โรม 15:30; 2 โครินธ์ 4:15; 9:11
12* 2 โครินธ์ 2:17; 1 โครินธ์ 2:4
14* 2 โครินธ์ 5:12; ฟีลิปปี 2:16
15* 1 โครินธ์ 4:19; โรม 1:11; 15:29
16* 1 โครินธ์ 16:3-6
17* 2 โครินธ์ 10:2; 11:18

18* 1 ยอห์น 15:20
19* มาระโก 1:1; 1 เปโตร 5:12; 2โครินธ์ 1:1; ฮีบรู 13:8
20* โรม 15:8-9
21* 1 ยอห์น 2:20; 27
22* เอเฟซัส 4:30; 1:14
23* กาลาเทีย 1:20; 1 โครินธ์ 4:21
24* 1 เปโตร 5:3; โรม 11:12



กิจการ 28 จบที่โรม

อธิบายเพิ่มเติม

กิจการ 28:1
เรือแตกใกล้เกาะมอลตา ทางใต้ของเกาะซิซิลี ไม่มีใครเคยมาแถบนี้ เป็นเกาะที่อยู่ 60 ไมล์ทางใต้ของเกาะซิซีลี ทุกคนรอด นายทหารได้คุมนักโทษครบทุกคน ถ้ามองด้วยสายตาของคนนอกแล้ว เป็นเรื่องแปลกมากที่นักโทษไม่หายไปสักคนเดียว!
อ่าวนี้ในปัจจุบันเรียกกันว่า อ่าวเซนท์พอล
กิจการ 28:2-4
พวกเขาพบชาวเกาะที่ใจดีมาช่วยก่อกองไฟ แต่เมื่อเกิดมีงูกัดเปาโล ทุกคนก็คิดว่า เปาโลเป็นนักโทษฉกรรจ์ ชาวเกาะคิดว่า เทพลงโทษเปาโล เรื่องนี้สำคัญมากเพราะเกี่ยวพันกับคำสัญญาของพระเยซูในหนังสือมาระโก 16:18
กิจการ 28:5-6
แต่เปาโลกลับสลัดงูลงกองไฟ แล้วไม่ตาย ไม่มีอาการใด ๆ ชาวเกาะก็กลับคิดว่าเขาเป็นเทพเสียเอง ตอนแรกคิดอย่างต่อมาคิดอีกอย่าง ขึ้นกับสถานการณ์ ทำให้เรารู้ว่า คนในสมัยโบราณ แปลความทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับความเชื่อทั้งสิ้น
กิจการ 28:7-8ก
เปาโลรู้ว่า ปูบลิอัส ซึ่งเป็นผู้นำที่เป็นตัวแทนดูแลหมู่ชาวเกาะ มีพ่อที่ไม่สบาย เป็นบิด เปาโลจึงขอไปเยี่ยมอาการของเขานั้นน่าจะเป็นจากการกินอาหารที่ไม่สะอาด ตัวปูบลิอัสเองน่าจะเป็นผู้ที่โรมแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลเกาะนี้
กิจการ 28:8ข-10
เขาอธิษฐานและพ่อก็หายป่วย ชาวเกาะจึงพากันมาอธิษฐาน และหายป่วยไปตาม ๆ กัน ชาวเกาะจึงดีใจและให้เกียรติกับพวกเขามาก เป็นอันว่าตอนนี้อยู่กันอย่างสันติ ทั้งนักโทษ ทหาร ชาวเกาะและเปาโลกับเพื่อน
กิจการ 28:11-12
เมื่อมีเรือมา พวกเขาจึงได้ลงเรือออกจากมอลตา ไปยังเมืองไซราคิวส์ ซึ่งอยู่ริมฝั่งเกาะซิซีลี เชื่อกันว่าเปาโลได้ตั้งคริสตจักรที่เมืองนี้ด้วย
กิจการ 28:13-14
พอมาถึงเมืองเรยีอุมซึ่งอยู่ทางใต้ เรือก็รออีกวันให้ลมดีเสียก่อน ผ่านเข้าไปทางช่องแคบเมสินา ซึ่งแยกเกาะซิซีลีจากแผ่นดินใหญ่ มีการขออนุญาตอยู่ต่อเพื่อพบ และสนทนากับพี่น้องซึ่งนายร้อยก็อนุญาตทันที เราจึงเห็นว่า นายร้อยกับเปาโลมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อีกอย่าง เท่ากับลดภาระที่ต้องดูแลนักโทษคนนี้ด้วย
กิจการ 28:15
ย่านอัปปีอัสอยู่ทางใต้ของโรม ห่างประมาณ 43 ไมล์ ส่วนบ้านสามโรงแรมนั้น ห่างจากโรมประมาณ​ 30 ไมล์
กิจการ 28:16
เมื่อถึงโรม มีคำสั่งขังเปาโลในบ้าน ไม่ได้เข้าคุก โดยดูจากเรื่องราวแล้ว อาจประเมินได้ว่า นายร้อยยูเลียอาจเป็นผู้ขอให้เปาโลได้รับการขังในบ้าน โดยมีทหารผลัดกันมาเฝ้า (เท่ากับผลัดกันมาฟังพระคำของพระเจ้านั่นเอง) จะเห็นว่า ถึงตอนนี้ นายร้อยยูเลียสมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับเปาโลเป็นอย่างมาก ทั้งสองคนได้สนทนาเมื่ออยู่บนเรือด้วยกัน จนกลายเป็นเพื่อนสนิท
กิจการ 28:17
นี่เป็นเวลาเริ่มต้นงานใหม่ ในเมืองใหม่ เขาเริ่มต้นจากการพบผู้นำชาวยิว โดยที่เชิญพวกเขามาพบที่บ้านซึ่งเขาถูกจำจองอยู่ อธิบายพระกิตติคุณให้พวกเขาฟัง
กิจการ 28:18-19
เปาโลได้อธิบายว่า ไม่ได้มีเรื่องกับคนยิว แต่คนยิวต่างหากที่ฟ้องร้องเขา จึงต้องถวายฎีกามาพบซีซาร์
กิจการ 28:20-22
การพบกันครั้งนี้ ทำให้พี่น้องชาวยิวได้เข้าใจเรื่องราวที่แท้จริงจากปากของเปาโลโดยตรงกิจการ 28:23-24
จากนั้นก็มีการเชิญคนอื่นมาที่บ้าน เพื่อสนทนากันเรื่องพระเยซูคริสต์
กิจการ 28:25
มีทั้งคนที่เห็นด้วย และคนที่ไม่ยอมเชื่อ เปาโลจึงเข้าใจแล้วว่า คำที่อิสยาห์กล่าวเป็นความจริงกิจการ 28:26-27
นั่นคือ อย่างไร ๆ ยิวก็มักจะไม่เชื่อว่าพระเมสสิยาห์มาแล้ว และพระองค์คือ พระเยซูคริสต์ อิสยาห์บอกล่วงหน้าว่า ยิวจะไม่ยอมรับพระเยซู
กิจการ 28:28-29
ดังนั้นข่าวประเสริฐจึงต้องไปหาคนต่างชาติที่จะรับฟัง และเชื่อพระนามพระเยซู
กิจการ 28:30-31
สองปีที่เปาโลอยู่ในโรม ไม่ไร้ผล เพราะเขาได้ประกาศพระนามอย่างกล้าหาญ และไม่มีใครมาต่อต้านหรือลุกฮือขึ้นเหมือนอย่างที่เกิดในหมู่ชาวยิวที่ผ่านมาเลย

พระคำเชื่อมโยง

1* กิจการ 27:26
2* กิจการ 28:4; โรม 1:14; 1โครินธ์ 14:11; โคโลสี 3:11
5* มาระโก 16:18; ลูกา 10:19
6* กิจการ 12:22; 14:11
8* กิจการ 9:40; ยากอบ 5:14-15; มัทธิว 9:18; มาระโก 5:23; 6:5; 7:32; 16:18; ลูกา 4:40; กิจการ 9:11-12; 1โครินธ์ 12:9,28
10* มัทธิว 15:6
11* กิจการ 27:6

14* โรม 1:8
16* กิจการ 23:11; 24:25; 27:3
17* กิจการ 23:29; 24:12-13; 26:31
18* กิจการ 22:24; 24:10; 25:8; 26:32
19* กิจการ 25:11, 21,25
20* กิจการ 26:6-7; 26:29; เอเฟซัส 3:1; 4:1; 6:20; 2 ทิโมธี 1:8, 16; ฟิเลโมน 10,13
22* ลูกา 2:34; กิจการ 24:5, 14; 1 เปโตร 2:12;; 3:16; 4:14,16



23* ลูกา 24:27; กิจการ 17:3; 19:8; 26;6, 22
24* กิจการ 14:4; 19:9
26* อิสยาห์ 6:9-10; เยเรมีย์ 5:21; เอเสเคียล 12:2; มัทธิว13:14-15; มาระโก 4:12; ลูกา 12:40; โรม 11:8
28* อิสยาห์ 42:1, 6; 49:6;มัทธิว 21:41; ลูกา 2:32; โรม 11:1131* กิจการ 4:31; เอเฟซัส 6:19



กิจการ 27 เรือแตก!


คำอธิบายเพิ่มเติม

กิจการ 27:1-2
ลูกา ผู้เขียนได้กล่าวว่า มีการตัดสินใจให้ “เรา” แล่นเรือไปอิตาลี แสดงว่า นอกจากเปาโลแล้วก็มีลูกาและนักโทษคนอื่น ๆ อีกด้วย เมืองอัดรามิททิยุมอยู่ชายฝั่งทะเลอีเจียนทางเหนือขึ้นไป แผนการคือ เรือจะมารับพวกเขาแล้วเลียบฝั่งเอเชีย
กิจการ 27:3
วันแรกของการเดินทาง ไปถึงไซดอน ซึ่งนายร้อยยูเลียสอนุญาตให้เปาโลไปหาคนรู้จักเพื่อช่วยหาสิ่งจำเป็นให้ แสดงว่า ในไซดอนมีคริสเตียนอยู่จำนวนหนึ่งที่เป็นเพื่อนของเปาโล
กิจการ 27:4-6 เปลี่ยนเรือ
เรือออกเดินทางต่อไป แต่แทนที่จะไปตามที่บอก กัปตันเดินทางเลียบเส้นทางปลอดลมของเกาะไซปรัสแทนที่จะเลียบฝั่ง ดังนั้น นายร้อยจึงต้องให้นักโทษขึ้นเรือที่มุ่งหน้าไปอิตาลี เป็นเรือที่มีเป้าหมายที่โรม
เรือจากอเล็กซานเดรียเป็นเรือขนส่งพวกธัญพืชจากอียิปต์ไปโรม
กิจการ 27:7-8
เรือดังกล่าวแล่นในช่วงปลายของฤดูเดินเรือ ดังนั้นจึงเกิดปัญหาที่กัปตันเองก็รู้ดี ท่างามไม่ได้เป็นที่เหมาะจะพักเรือช่วงฤดูหนาว เพราะว่าท่าเรือนั้นเปิดสู่ทะเลกว้าง
กิจการ 27:9-12
เปาโลได้กล่าวคำเตือนกัปตันและนายร้อยว่า การเดินทางครั้งนี้อันตราย ควรหยุดรอก่อน เราไม่ทราบว่าท่านรู้ได้อย่างไร แต่คำของท่านเป็นเหมือนคำพยากรณ์
แต่กัปตันเองไม่เห็นด้วย เขาอยากจะไปจากที่ตรงนี้ ด้วยเหตุผลว่าต้องการแล่นเรือให้ถึงเกาะครีตทันฤดูหนาว เขาคงคิดว่า ไม่เห็นต้องฟังคนที่ไม่ได้เชี่ยวชาญการเดินเรือ .. ความเห็นของเขาต้องดีกว่า
กิจการ 27:13-15
กัปตันเรือมองว่า ในเมื่อมีลมทะเลใต้เบา ๆ ก็น่าจะเลียบไปตามฝั่งเกาะครีตได้ … แต่แล้วทันใดนั้นเอง ก็มีลมประจำถิ่นจากทางตะวันออกเฉียงเหนือพัดมาอย่างแรง ทำให้เรือไปตามลมจากเมืองโฟนิกซ์ออกไปยังทะเลกว้าง
กิจการ 27:16-17
เรือลอยไปจนใกล้เกาะคาลดา กัปตันตัดสินใจปล่อยเรือลอยไปตามลมแรงนั้น
กิจการ 27:19-20
กัปตันเห็นทีจะอันตรายเกินไปจึงให้ทิ้งเครื่องมือหนักลงทะเลไปให้หมด ในเมื่อฟ้ามืดทั้งเช้าเย็น พวกเขาจึงไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหน มองไม่เห็นดาวบนฟ้าที่จะบอกทิศทาง เขาอาจจะรู้แค่ว่าเวลานี้เป็นกลางวันหรือกลางคืนโดยเดาเอาจากความสว่างราง ๆ ของเวลากลางวัน
กิจการ 27:21-22
แทนที่จะตำหนิกัปตัน เปาโลกลับเตือนสติและให้กำลังใจว่า จะไม่มีใครเสียชีวิต แต่เรือจะจมแน่นอน
กิจการ 27:23-24
ที่เปาโลรู้ก็เพราะทูตสวรรค์มาบอกว่า อย่างไร จะได้พบซีซาร์แน่ และพระเจ้าจะทรงเมตตาให้ทุกคนรอดชีวิต
นี่เป็นการเห็นนิมิตครั้งสุดท้ายของเปาโล ที่ถูกบันทึกไว้
กิจการ 27:25-26
เปาโลรู้แน่ว่า พระเจ้าตรัสอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น และยังกล่าวคำล่วงหน้าว่า เรือจะเกยตื้นด้วย
กิจการ 27:27-29
ทะเลอาเดรียติคที่กล่าวถึงนี้ หมายถึงท้องทะเลไอโอเนียนที่อยู่ระหว่างเกาะครีต มอลตา อิตาลีและกรีซ
กลาสีเรือลองหยั่งความลึกได้ประมาณ 120 ฟุต ต่อมาเป็น 90 ฟุต พวกเขาทิ้งสมอท้ายเรือ ช่วยให้เรือไม่หมุนเคว้ง
กิจการ 27:30-32
ถึงตรงนี้ มีกลาสีหลายคนคิดว่าจะหนีจากเรือเอาชีวิตรอด แต่.. เปาโลเตือนนายร้อยทันทีว่า หากพวกเขาหนีไป คนที่อยู่บนเรือจะไม่รอด เปาโลรู้ว่า ทุกคนต้องเชื่อสิ่งที่เขากล่าว ไม่ใช่คิดเอาแต่ตัวรอด เพราะในเวลาต่อมา ทุกคนต้องช่วยเหลือกันยามที่เรือแตก
กิจการ 27:33-34
การที่พวกเขาอดอาหารมาถึง 14 วันทำให้ทุกคนหมดแรง เปาโลจึงขอให้ทุกคนกินอาหารบ้าง และยังคงให้กำลังใจพวกเขาต่อไป ก่อนหน้านี้ทั้งอาเจียน เมาเรือ พวกเขาก็งดอาหาร การเตรียมอาหารน่าจะลำบากมากเพราะพายุพัดไม่หยุดหย่อน
กิจการ 27:35-38
เปาโลกล่าวคำอธิษฐานขอบคุณพระเจ้า … เมื่อกินอาหารเสร็จก็ให้ทิ้งข้าวสาลีลงให้หมด เชื่อแน่ว่าระหว่างที่อยู่ในเรือก่อนหน้านี้ เปาโลได้ใช้เวลากล่าวพระคำของพระเจ้าให้แก่เหล่ากลาสีเรือ และนักโทษสองร้อยกว่าคน ไม่หยุดหย่อน เปาโลน่าจะมีความสุขไม่น้อย
กิจการ 27:39-40
ตอนนี้ทางเลือกเดียวเมื่อเห็นฝั่ง คือ ไปให้ใกล้ฝั่งมากที่สุด
กิจการ 27:41-42
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เรือแตก! นายทหารที่คุมนักโทษจึงคิดว่า จะฆ่านักโทษ เพราะหากนักโทษหนีไปได้พวกเขาจะโดนลงทัณฑ์แน่นอนตามกฏของโรม โดยต้องรับโทษของนักโทษที่หนีหายไปด้วยตัวเอง
กิจการ 27:43
แต่นายร้อยไม่ยอม เขาไม่ยอมให้ใครฆ่าเปาโลเด็ดขาด
กิจการ 27:44
ในที่สุด เรือแตกจริง ๆ แต่แล้ว พวกเขาก็รอดตายทุกคน

พระคำเชื่อมโยง

1* กิจการ 25:12,25
2* กิจการ 19:29
3* กิจการ 24:23; 28:16
6* กิจการ 28:11
7* กิจการ 2:11; 27:12,21; ทิตัส 1:5,12
9* เลวีนิติ 16:29-31; 23:27-29; กันดารวิถี 29:7

19* โยนาห์ 1:5
23* กิจการ 18:9; 23:11; 2 ทิโมธี 4:17; ดาเนียล 6:16; โรม 1:9; 2 ทิโมธี 1:3
25* ลูกา 1:45;โรม 4:20-21; 2 ทิโมธี 1:12
26* กิจการ 28:1
34* 1 พงศ์กษัตริย์ 1:52; มัทธิว 10:30; ลูกา 12:7,21:18

35* 1 ซามูเอล 9:13; มัทธิว 15:36; มาระโก 8:6; ยอห์น 6:11; 1 ทิโมธี 4:3-4
37* กิจการ 2:41; โรม 13:1; 1 เปโตร 3:20
41* 2 โครินธ์ 11:25
44* กิจการ 27:22,31

กิจการ 26 คำพยานต่อหน้าอากริปปา

คำอธิบายเพิ่มเติม

กิจการ 26:1-3
นี่เป็นการแก้ต่างครั้งที่สามของเปาโล เป็นเพราะไม่มีผู้ฟ้องในศาลครั้งนี้ เฮโรด อากริปปาจึงอนุญาตให้เปาโลแก้ต่างได้เลย เปาโลจึงเริ่มต้นด้วยการกล่าวยกย่องผู้ตัดสินว่า เขาคุ้นเคยกับชาวยิว ประเพณี และกฏบัญญัติ เป็นอย่างดี ดังนั้น เขาจะตัดสินได้อย่างดีที่สุด
แต่เป้าหมายแท้จริงของเปาโลไม่ใช่การแก้ต่างให้ตัวเอง เขาต้องการให้อากริปปาได้ยินพระกิตติคุณชัด และตัดสินใจรับเชื่อพระเยซู รวมไปถึงคนอื่น ๆ ในศาลด้วย
กิจการ 26:4-8
จากคำพูดของเปาโลทำให้รู้ว่า คนฟาริสีรู้จักเปาโลเป็นอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก รู้ว่าเปาโลอุทิศตนให้กับกฎเกณฑ์ของฟาริสีมาตั้งแต่ต้น พูดอย่างนี้ทำให้อากริปปารู้ว่า เปาโลเป็นคนแบบไหน และแล้ว เปาโลก็เล่าหักมุมว่า การที่เขาวางใจในพระสัญญาของพระเจ้า เรื่องการคืนชีวิตขึ้นมาทำให้ชาวยิวไม่พอใจ
เรื่องที่ยิวไม่พอใจมากที่สุดคือ เรื่องการคืนพระชนม์ของพระเยซูที่เปาโลยืนกรานไม่ยอมเปลี่ยนใจ และเปาโลก็เฝ้าประกาศว่า พระเยซูทรงเป็นพระเมสสิยาห์ที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้ในอดีต และเขาก็มีความหวังใจในพระองค์ ไม่น่าเลยที่เหล่าธรรมาจารย์จะไม่ยอมรับเรื่องนี้
กิจการ 26:9-11
แล้วเปาโลก็เล่าเรื่องราวที่เขาเคยต่อต้านพระเยซูคริสต์ให้ทุกคนได้รับฟัง สิ่งที่น่าชังมากคือ การที่บังคับให้พี่น้องทั้งปฏิเสธพระเจ้าและกล่าวคำหมิ่นประมาทพระองค์
กิจการ 26:12-15
คิดถึงภาพของผู้คนในศาลที่มารวมตัวกัน เพื่อฟังพยานของเปาโล .. พยานนี้มีพลังเปลี่ยนชีวิตแน่นอน ผู้คนมากมายได้รู้จากปากของเปาโลเองว่า เกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องฟังจากข่าวเล่าลือ
นี่เป็นครั้งที่สามซึ่งเปาโลได้มีโอกาสเป็นพยานเรื่องการกลับใจ
กิจการ 26:16-18
เปาโลได้ขยายความให้รู้เลยว่า หน้าที่ของเขาคือ การเป็นพยานถึงสิ่งที่เห็นในวันที่ตกม้า เขาบอกทุกคนให้รู้ว่า พระเจ้าจะทรงช่วยให้พ้นอันตรายจากคนยิวและคนต่างชาติ และพระองค์เองเป็นผู้ส่งเขาออกไปประกาศพระนามแก่คนต่างชาติ ซึ่งพวกเขาคือคนที่ตามืดบอด ต้องเปิดตาให้เห็นความสว่างของพระเจ้า เปาโลได้บอกชัดเจนว่า พระเจ้าทรงทำอะไรให้กับคนที่มาหาพระองค์​… เขาพูดให้เห็นเป็นขั้นเป็นตอน
กิจการ 26:19-21
เปาโลเองรับว่า เมื่อพระเจ้าตรัสสั่งอะไร เขาก็ยินดีทำ และได้ออกไปประกาศเพื่อใหคนได้กลับใจ และนี่เป็นสาเหตุแท้จริงที่ยิวจับเขามาขึ้นศาล และยังพยายามที่จะลอบฆ่าด้วย
กิจการ 26:22-23
และก็มาถึงตอนที่สำคัญมาก เขาโยงไปถึงคำของผู้กล่าวพระคำในอดีต รวมถึงโมเสสที่ได้กล่าวคำพยากรณ์ไว้ล่วงหน้า ว่า พระเมสสิยาห์ที่พระเจ้าทรงส่งมาจะต้องทนทุกข์ และจะสิ้นพระชนม์ และคืนพระชนม์ขึ้นมา (อ่าน อิสยาห์ 52:13-53-12) สิ่งที่เปาโลพูดนี้คือพระกิตติคุณล้วน ๆ
กิจการ 26:24-26
คนที่รับฟังต่อไปไม่ได้คือ เฟสทัสเอง เขาไม่เชื่อเรื่องการคืนชีวิตจากตาย แต่เปาโลยังยืนกรานว่า การคืนพระชนม์นั้น ใคร ๆ ก็รู้เรื่อง เป็นข่าวที่รู้กันไปทั่ว เปาโลต้องการยืนยันให้อากริปปาได้เห็นความจริงข้อนี้
เฟสทัสเป็นชาวโรม ยากมากที่เขาจะเชื่อเรื่องการคืนพระชนม์! ทั้ง ๆที่เป็นเรื่องรู้กันไปทั่วในแผ่นดิน
กิจการ 26:27-29
และแล้ว เปาโลก็หันไปถามอากริปปาซึ่งรู้เรื่องของยิวเป็นอย่างดี ดูเหมือนเขาจะเป็นยิวด้วย เปาโลถามว่า เชื่อคำที่กล่าวมานี้หรือไม่
เปาโลถามเอาตรง ๆ แต่อากริปปาเหมือนรู้ตัว ไม่ยอมให้คำของเปาโลทำให้เปลี่ยนใจเปลี่ยนชีวิต
กิจการ 26:30-32
แล้วในที่สุด ข้อสรุปคือ เปาโลไม่ผิด .. อากริปปา กับเฟสทัสน่าจะคุยกัน และตัดสินใจร่วมกัน แต่เปาโลยังมีงานที่ต้องทำ ดังนั้น เขาจึงพอใจที่จะเดินทางไปพบซีซาร์มากกว่าที่จะได้รับการปล่อยตัว

พระคำเชื่อมโยง

1* 1 เปโตร 3:14-16; 4:14;
กิจการ 21:28; 24:5-6
5* กิจการ 22:3; 23:6; 24:15; ฟีลิปปี 3:5
6* กิจการ 23:6; ปฐมกาล 3:15; เฉลยธรรมบัญญัติ 18:5; สดุดี 132:11; อิสยาห์ 4:2; เอเสเคียล 34:23; กิจการ 13:32
7* ยากอบ 1:1; ลูกา 2:37; 1 เธสะโลนิกา 3:10; 1ทิโมธี 5:5; ฟีลิปปี 3:11
9* ยอห์น 16:2; 1โครินธ์ 15:9; 1 ทิโมธี 1:12-13; กิจการ 2:22; 10:38
10* กิจการ 8:1-3; 9:13; กาลาเทีย 1:13; กิจการ 9:14

12* กิจการ 9:3-8; 22:6-11; 26:12-18
16* กิจการ 22:15; เอเฟซัส 3:6-8
17* กิจการ 22:21
18* อิสยาห์ 35:5; 42:7,16; ลูกา 1:79; ยอห์น 8:12; 2 โครินธ์ 4:4; เอเฟซัส 1:18; 1 เธสะโลนิกา 5:5; 2 โครินธ์ 6:14; เอเฟซัส 4:18; 5:8; โคโลสี 1:13; เปโตร 2:9; ลูกา 1:77; เอเฟซัส 1:11; โคโลสี 1:12; กิจการ 20:3220* กิจการ 9:19-22; 11:26; มัทธิว 3:8

22* ลูกา 24:27; กิจการ 24:14; 28:23 ; โรม 3:21; ยอห์น 5:46
23* ลูกา 24:26; 1โครินธ์ 15:20,23; โคโลสี 1:18; วิวรณ์ 1:5; อิสยาห์ 42:6; 49:6; ลูกา 2:32; 2 โครินธ์ 4:424* 2 พงศ์กษัตริย์9:11; ยอห์น 10:20; 1โครินธ์ 1:23; 2:13-14; 4:10
26* กิจการ 26:329* 1โครินธ์ 7:731* กิจการ 23:9, 29; 25:25
32* กิจการ 28:18; 25:11