กิจการ 27 เรือแตก!


คำอธิบายเพิ่มเติม

กิจการ 27:1-2
ลูกา ผู้เขียนได้กล่าวว่า มีการตัดสินใจให้ “เรา” แล่นเรือไปอิตาลี แสดงว่า นอกจากเปาโลแล้วก็มีลูกาและนักโทษคนอื่น ๆ อีกด้วย เมืองอัดรามิททิยุมอยู่ชายฝั่งทะเลอีเจียนทางเหนือขึ้นไป แผนการคือ เรือจะมารับพวกเขาแล้วเลียบฝั่งเอเชีย
กิจการ 27:3
วันแรกของการเดินทาง ไปถึงไซดอน ซึ่งนายร้อยยูเลียสอนุญาตให้เปาโลไปหาคนรู้จักเพื่อช่วยหาสิ่งจำเป็นให้ แสดงว่า ในไซดอนมีคริสเตียนอยู่จำนวนหนึ่งที่เป็นเพื่อนของเปาโล
กิจการ 27:4-6 เปลี่ยนเรือ
เรือออกเดินทางต่อไป แต่แทนที่จะไปตามที่บอก กัปตันเดินทางเลียบเส้นทางปลอดลมของเกาะไซปรัสแทนที่จะเลียบฝั่ง ดังนั้น นายร้อยจึงต้องให้นักโทษขึ้นเรือที่มุ่งหน้าไปอิตาลี เป็นเรือที่มีเป้าหมายที่โรม
เรือจากอเล็กซานเดรียเป็นเรือขนส่งพวกธัญพืชจากอียิปต์ไปโรม
กิจการ 27:7-8
เรือดังกล่าวแล่นในช่วงปลายของฤดูเดินเรือ ดังนั้นจึงเกิดปัญหาที่กัปตันเองก็รู้ดี ท่างามไม่ได้เป็นที่เหมาะจะพักเรือช่วงฤดูหนาว เพราะว่าท่าเรือนั้นเปิดสู่ทะเลกว้าง
กิจการ 27:9-12
เปาโลได้กล่าวคำเตือนกัปตันและนายร้อยว่า การเดินทางครั้งนี้อันตราย ควรหยุดรอก่อน เราไม่ทราบว่าท่านรู้ได้อย่างไร แต่คำของท่านเป็นเหมือนคำพยากรณ์
แต่กัปตันเองไม่เห็นด้วย เขาอยากจะไปจากที่ตรงนี้ ด้วยเหตุผลว่าต้องการแล่นเรือให้ถึงเกาะครีตทันฤดูหนาว เขาคงคิดว่า ไม่เห็นต้องฟังคนที่ไม่ได้เชี่ยวชาญการเดินเรือ .. ความเห็นของเขาต้องดีกว่า
กิจการ 27:13-15
กัปตันเรือมองว่า ในเมื่อมีลมทะเลใต้เบา ๆ ก็น่าจะเลียบไปตามฝั่งเกาะครีตได้ … แต่แล้วทันใดนั้นเอง ก็มีลมประจำถิ่นจากทางตะวันออกเฉียงเหนือพัดมาอย่างแรง ทำให้เรือไปตามลมจากเมืองโฟนิกซ์ออกไปยังทะเลกว้าง
กิจการ 27:16-17
เรือลอยไปจนใกล้เกาะคาลดา กัปตันตัดสินใจปล่อยเรือลอยไปตามลมแรงนั้น
กิจการ 27:19-20
กัปตันเห็นทีจะอันตรายเกินไปจึงให้ทิ้งเครื่องมือหนักลงทะเลไปให้หมด ในเมื่อฟ้ามืดทั้งเช้าเย็น พวกเขาจึงไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหน มองไม่เห็นดาวบนฟ้าที่จะบอกทิศทาง เขาอาจจะรู้แค่ว่าเวลานี้เป็นกลางวันหรือกลางคืนโดยเดาเอาจากความสว่างราง ๆ ของเวลากลางวัน
กิจการ 27:21-22
แทนที่จะตำหนิกัปตัน เปาโลกลับเตือนสติและให้กำลังใจว่า จะไม่มีใครเสียชีวิต แต่เรือจะจมแน่นอน
กิจการ 27:23-24
ที่เปาโลรู้ก็เพราะทูตสวรรค์มาบอกว่า อย่างไร จะได้พบซีซาร์แน่ และพระเจ้าจะทรงเมตตาให้ทุกคนรอดชีวิต
นี่เป็นการเห็นนิมิตครั้งสุดท้ายของเปาโล ที่ถูกบันทึกไว้
กิจการ 27:25-26
เปาโลรู้แน่ว่า พระเจ้าตรัสอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น และยังกล่าวคำล่วงหน้าว่า เรือจะเกยตื้นด้วย
กิจการ 27:27-29
ทะเลอาเดรียติคที่กล่าวถึงนี้ หมายถึงท้องทะเลไอโอเนียนที่อยู่ระหว่างเกาะครีต มอลตา อิตาลีและกรีซ
กลาสีเรือลองหยั่งความลึกได้ประมาณ 120 ฟุต ต่อมาเป็น 90 ฟุต พวกเขาทิ้งสมอท้ายเรือ ช่วยให้เรือไม่หมุนเคว้ง
กิจการ 27:30-32
ถึงตรงนี้ มีกลาสีหลายคนคิดว่าจะหนีจากเรือเอาชีวิตรอด แต่.. เปาโลเตือนนายร้อยทันทีว่า หากพวกเขาหนีไป คนที่อยู่บนเรือจะไม่รอด เปาโลรู้ว่า ทุกคนต้องเชื่อสิ่งที่เขากล่าว ไม่ใช่คิดเอาแต่ตัวรอด เพราะในเวลาต่อมา ทุกคนต้องช่วยเหลือกันยามที่เรือแตก
กิจการ 27:33-34
การที่พวกเขาอดอาหารมาถึง 14 วันทำให้ทุกคนหมดแรง เปาโลจึงขอให้ทุกคนกินอาหารบ้าง และยังคงให้กำลังใจพวกเขาต่อไป ก่อนหน้านี้ทั้งอาเจียน เมาเรือ พวกเขาก็งดอาหาร การเตรียมอาหารน่าจะลำบากมากเพราะพายุพัดไม่หยุดหย่อน
กิจการ 27:35-38
เปาโลกล่าวคำอธิษฐานขอบคุณพระเจ้า … เมื่อกินอาหารเสร็จก็ให้ทิ้งข้าวสาลีลงให้หมด เชื่อแน่ว่าระหว่างที่อยู่ในเรือก่อนหน้านี้ เปาโลได้ใช้เวลากล่าวพระคำของพระเจ้าให้แก่เหล่ากลาสีเรือ และนักโทษสองร้อยกว่าคน ไม่หยุดหย่อน เปาโลน่าจะมีความสุขไม่น้อย
กิจการ 27:39-40
ตอนนี้ทางเลือกเดียวเมื่อเห็นฝั่ง คือ ไปให้ใกล้ฝั่งมากที่สุด
กิจการ 27:41-42
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เรือแตก! นายทหารที่คุมนักโทษจึงคิดว่า จะฆ่านักโทษ เพราะหากนักโทษหนีไปได้พวกเขาจะโดนลงทัณฑ์แน่นอนตามกฏของโรม โดยต้องรับโทษของนักโทษที่หนีหายไปด้วยตัวเอง
กิจการ 27:43
แต่นายร้อยไม่ยอม เขาไม่ยอมให้ใครฆ่าเปาโลเด็ดขาด
กิจการ 27:44
ในที่สุด เรือแตกจริง ๆ แต่แล้ว พวกเขาก็รอดตายทุกคน

พระคำเชื่อมโยง

1* กิจการ 25:12,25
2* กิจการ 19:29
3* กิจการ 24:23; 28:16
6* กิจการ 28:11
7* กิจการ 2:11; 27:12,21; ทิตัส 1:5,12
9* เลวีนิติ 16:29-31; 23:27-29; กันดารวิถี 29:7

19* โยนาห์ 1:5
23* กิจการ 18:9; 23:11; 2 ทิโมธี 4:17; ดาเนียล 6:16; โรม 1:9; 2 ทิโมธี 1:3
25* ลูกา 1:45;โรม 4:20-21; 2 ทิโมธี 1:12
26* กิจการ 28:1
34* 1 พงศ์กษัตริย์ 1:52; มัทธิว 10:30; ลูกา 12:7,21:18

35* 1 ซามูเอล 9:13; มัทธิว 15:36; มาระโก 8:6; ยอห์น 6:11; 1 ทิโมธี 4:3-4
37* กิจการ 2:41; โรม 13:1; 1 เปโตร 3:20
41* 2 โครินธ์ 11:25
44* กิจการ 27:22,31

กิจการ 26 คำพยานต่อหน้าอากริปปา

คำอธิบายเพิ่มเติม

กิจการ 26:1-3
นี่เป็นการแก้ต่างครั้งที่สามของเปาโล เป็นเพราะไม่มีผู้ฟ้องในศาลครั้งนี้ เฮโรด อากริปปาจึงอนุญาตให้เปาโลแก้ต่างได้เลย เปาโลจึงเริ่มต้นด้วยการกล่าวยกย่องผู้ตัดสินว่า เขาคุ้นเคยกับชาวยิว ประเพณี และกฏบัญญัติ เป็นอย่างดี ดังนั้น เขาจะตัดสินได้อย่างดีที่สุด
แต่เป้าหมายแท้จริงของเปาโลไม่ใช่การแก้ต่างให้ตัวเอง เขาต้องการให้อากริปปาได้ยินพระกิตติคุณชัด และตัดสินใจรับเชื่อพระเยซู รวมไปถึงคนอื่น ๆ ในศาลด้วย
กิจการ 26:4-8
จากคำพูดของเปาโลทำให้รู้ว่า คนฟาริสีรู้จักเปาโลเป็นอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก รู้ว่าเปาโลอุทิศตนให้กับกฎเกณฑ์ของฟาริสีมาตั้งแต่ต้น พูดอย่างนี้ทำให้อากริปปารู้ว่า เปาโลเป็นคนแบบไหน และแล้ว เปาโลก็เล่าหักมุมว่า การที่เขาวางใจในพระสัญญาของพระเจ้า เรื่องการคืนชีวิตขึ้นมาทำให้ชาวยิวไม่พอใจ
เรื่องที่ยิวไม่พอใจมากที่สุดคือ เรื่องการคืนพระชนม์ของพระเยซูที่เปาโลยืนกรานไม่ยอมเปลี่ยนใจ และเปาโลก็เฝ้าประกาศว่า พระเยซูทรงเป็นพระเมสสิยาห์ที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้ในอดีต และเขาก็มีความหวังใจในพระองค์ ไม่น่าเลยที่เหล่าธรรมาจารย์จะไม่ยอมรับเรื่องนี้
กิจการ 26:9-11
แล้วเปาโลก็เล่าเรื่องราวที่เขาเคยต่อต้านพระเยซูคริสต์ให้ทุกคนได้รับฟัง สิ่งที่น่าชังมากคือ การที่บังคับให้พี่น้องทั้งปฏิเสธพระเจ้าและกล่าวคำหมิ่นประมาทพระองค์
กิจการ 26:12-15
คิดถึงภาพของผู้คนในศาลที่มารวมตัวกัน เพื่อฟังพยานของเปาโล .. พยานนี้มีพลังเปลี่ยนชีวิตแน่นอน ผู้คนมากมายได้รู้จากปากของเปาโลเองว่า เกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องฟังจากข่าวเล่าลือ
นี่เป็นครั้งที่สามซึ่งเปาโลได้มีโอกาสเป็นพยานเรื่องการกลับใจ
กิจการ 26:16-18
เปาโลได้ขยายความให้รู้เลยว่า หน้าที่ของเขาคือ การเป็นพยานถึงสิ่งที่เห็นในวันที่ตกม้า เขาบอกทุกคนให้รู้ว่า พระเจ้าจะทรงช่วยให้พ้นอันตรายจากคนยิวและคนต่างชาติ และพระองค์เองเป็นผู้ส่งเขาออกไปประกาศพระนามแก่คนต่างชาติ ซึ่งพวกเขาคือคนที่ตามืดบอด ต้องเปิดตาให้เห็นความสว่างของพระเจ้า เปาโลได้บอกชัดเจนว่า พระเจ้าทรงทำอะไรให้กับคนที่มาหาพระองค์​… เขาพูดให้เห็นเป็นขั้นเป็นตอน
กิจการ 26:19-21
เปาโลเองรับว่า เมื่อพระเจ้าตรัสสั่งอะไร เขาก็ยินดีทำ และได้ออกไปประกาศเพื่อใหคนได้กลับใจ และนี่เป็นสาเหตุแท้จริงที่ยิวจับเขามาขึ้นศาล และยังพยายามที่จะลอบฆ่าด้วย
กิจการ 26:22-23
และก็มาถึงตอนที่สำคัญมาก เขาโยงไปถึงคำของผู้กล่าวพระคำในอดีต รวมถึงโมเสสที่ได้กล่าวคำพยากรณ์ไว้ล่วงหน้า ว่า พระเมสสิยาห์ที่พระเจ้าทรงส่งมาจะต้องทนทุกข์ และจะสิ้นพระชนม์ และคืนพระชนม์ขึ้นมา (อ่าน อิสยาห์ 52:13-53-12) สิ่งที่เปาโลพูดนี้คือพระกิตติคุณล้วน ๆ
กิจการ 26:24-26
คนที่รับฟังต่อไปไม่ได้คือ เฟสทัสเอง เขาไม่เชื่อเรื่องการคืนชีวิตจากตาย แต่เปาโลยังยืนกรานว่า การคืนพระชนม์นั้น ใคร ๆ ก็รู้เรื่อง เป็นข่าวที่รู้กันไปทั่ว เปาโลต้องการยืนยันให้อากริปปาได้เห็นความจริงข้อนี้
เฟสทัสเป็นชาวโรม ยากมากที่เขาจะเชื่อเรื่องการคืนพระชนม์! ทั้ง ๆที่เป็นเรื่องรู้กันไปทั่วในแผ่นดิน
กิจการ 26:27-29
และแล้ว เปาโลก็หันไปถามอากริปปาซึ่งรู้เรื่องของยิวเป็นอย่างดี ดูเหมือนเขาจะเป็นยิวด้วย เปาโลถามว่า เชื่อคำที่กล่าวมานี้หรือไม่
เปาโลถามเอาตรง ๆ แต่อากริปปาเหมือนรู้ตัว ไม่ยอมให้คำของเปาโลทำให้เปลี่ยนใจเปลี่ยนชีวิต
กิจการ 26:30-32
แล้วในที่สุด ข้อสรุปคือ เปาโลไม่ผิด .. อากริปปา กับเฟสทัสน่าจะคุยกัน และตัดสินใจร่วมกัน แต่เปาโลยังมีงานที่ต้องทำ ดังนั้น เขาจึงพอใจที่จะเดินทางไปพบซีซาร์มากกว่าที่จะได้รับการปล่อยตัว

พระคำเชื่อมโยง

1* 1 เปโตร 3:14-16; 4:14;
กิจการ 21:28; 24:5-6
5* กิจการ 22:3; 23:6; 24:15; ฟีลิปปี 3:5
6* กิจการ 23:6; ปฐมกาล 3:15; เฉลยธรรมบัญญัติ 18:5; สดุดี 132:11; อิสยาห์ 4:2; เอเสเคียล 34:23; กิจการ 13:32
7* ยากอบ 1:1; ลูกา 2:37; 1 เธสะโลนิกา 3:10; 1ทิโมธี 5:5; ฟีลิปปี 3:11
9* ยอห์น 16:2; 1โครินธ์ 15:9; 1 ทิโมธี 1:12-13; กิจการ 2:22; 10:38
10* กิจการ 8:1-3; 9:13; กาลาเทีย 1:13; กิจการ 9:14

12* กิจการ 9:3-8; 22:6-11; 26:12-18
16* กิจการ 22:15; เอเฟซัส 3:6-8
17* กิจการ 22:21
18* อิสยาห์ 35:5; 42:7,16; ลูกา 1:79; ยอห์น 8:12; 2 โครินธ์ 4:4; เอเฟซัส 1:18; 1 เธสะโลนิกา 5:5; 2 โครินธ์ 6:14; เอเฟซัส 4:18; 5:8; โคโลสี 1:13; เปโตร 2:9; ลูกา 1:77; เอเฟซัส 1:11; โคโลสี 1:12; กิจการ 20:3220* กิจการ 9:19-22; 11:26; มัทธิว 3:8

22* ลูกา 24:27; กิจการ 24:14; 28:23 ; โรม 3:21; ยอห์น 5:46
23* ลูกา 24:26; 1โครินธ์ 15:20,23; โคโลสี 1:18; วิวรณ์ 1:5; อิสยาห์ 42:6; 49:6; ลูกา 2:32; 2 โครินธ์ 4:424* 2 พงศ์กษัตริย์9:11; ยอห์น 10:20; 1โครินธ์ 1:23; 2:13-14; 4:10
26* กิจการ 26:329* 1โครินธ์ 7:731* กิจการ 23:9, 29; 25:25
32* กิจการ 28:18; 25:11

1 โครินธ์ 16 คำอำลาฉบับแรก

การเก็บรวบรวมเงินเพื่อพี่น้อง
1 โครินธ์ 16:1-2
เรื่องการเก็บรวบรวมเงินสำหรับวิสุทธิชนของพระเจ้านั้น ขอให้ท่านทำตามแบบที่ข้าได้สั่งคริสตจักรในกาลาเทีย ทุกวันต้นสัปดาห์ ให้ท่านแต่ละคนแยกเงินออก และสะสมไว้ตามที่ท่านมีรายได้เข้ามา เพื่อจะไม่ต้องเก็บรวบรวมเงินตอนที่ข้ามา
1 โครินธ์ 16:3-4
เวลาที่ข้ามาถึง ข้าก็จะส่งคนที่ท่านไว้ใจนำเงินถวายนี้พร้อมจดหมายไปยังกรุงเยรูซาเล็มและถ้าเห็นว่าข้าควรจะไปด้วยพวกเขาจะไปพร้อมกับข้า

แผนส่วนตัว
1 โครินธ์ 16:5-6
ข้าจะเข้ามาเยี่ยมท่านผ่านทางแคว้นมาซิโดเนีย เพราะข้าตั้งใจจะเดินทางไปทางมาซิโดเนีย บางทีข้าอาจพักอยู่กับท่าน และอาจอยู่ด้วยจนถึงสิ้นฤดูหนาวเพื่อว่าท่านอาจจะช่วยข้าในการเดินทางไม่ว่าจะไปที่ใดก็ตาม
1 โครินธ์ 16:7-9
เพราะว่าข้าไม่ได้แค่ต้องการพบท่านเมื่อผ่านมา แต่หวังว่าจะได้ใช้เวลากับพวกท่าน หากพระผู้เป็นเจ้าทรงอนุญาต แต่ข้าจะอยู่ที่เมืองเอเฟซัสจนถึงเทศกาลเพ็นเตคอสต์เพราะมีประตูเปิดกว้างไว้ให้ข้าเพื่องานที่เกิดผล กระนั้นก็มีคนขัดขวางมากด้วย

1 โครินธ์ 16:10-11
เมื่อทิโมธีมาหาท่าน ก็ขอทำให้เขาสบายใจ เพราะเขาเป็นผู้ที่รับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนข้า อย่าปล่อยให้ใครดูหมิ่นเขา ขอช่วยให้เขาเดินทางไปอย่างสันติ เพื่อเขาจะได้กลับมาหาข้าเพราะข้ากำลังคอยเขากับพี่น้องอยู่
1 โครินธ์ 16: 12
ส่วนเรื่องของอปอลโล พี่น้องของเรานั้นข้าเร่งเร้าให้เขามาเยี่ยมท่านพร้อมกับพวกพี่น้อง แต่เขาไม่ได้ต้องการที่จะไปในเวลานี้ เขาจะไปเมื่อมีโอกาส

ให้กำลังใจครั้งสุดท้าย
1 โครินธ์ 16:13-14
พวกท่าน จงเฝ้าระมัดระวังจงมั่นคงในความเชื่อ จงเป็นคนกล้าหาญ จงเข้มแข็งจงทำทุกสิ่งด้วยความรัก
1 โครินธ์ 16:15-16
พี่น้องทั้งหลาย ท่านรู้ว่าครอบครัวของสเทฟานัสเป็นผู้เชื่อกลุ่มแรก และพวกเขาได้ถวายตัวในการปรนนิบัติผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า ข้าจึงขอร้องพวกท่านให้เชื่อฟังคนเช่นนี้ และต่อทุกคนที่ร่วมกันตรากตรำทำงาน
1 โครินธ์ 16:17-18
ข้ายินดีมาก ที่สเทฟานัส ฟอร์ทูนาทัสและอาคายคัสได้มาหา เพราะพวกเขาเป็นดั่งตัวแทนของท่านที่ไม่ได้มาจนครบพวกเขาทำให้ข้าและพวกท่านชื่นบานนักดังนั้นขอให้ท่านยกย่องคนเช่นนี้

ความคิดถึง และการอำลา
1 โครินธ์ 16:19-20
คริสตจักรในแคว้นเอเชีย ส่งความคิดถึงมายังท่าน อาควิลลา และปริสคา รวมถึงพี่น้องที่มาประชุมในบ้านของเขา ก็ฝากความคิดถึง มายังพวกท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างจริงใจ พี่น้องทุกคนส่งความคิดถึงมายังท่าน จงทักทายกันด้วยธรรมเนียมจูบอันบริสุทธิ์
1 โครินธ์ 16:21-22
คำทักทายนี้ เป็นลายมือของข้า เปาโลหากใครไม่รักองค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้คนนั้นถูกสาป ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จกลับมาเถิด ขอพระคุณของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพวกท่าน ความรักของข้าอยู่กับท่านทุกคนในพระเยซูคริสต์ อาเมน

1 โครินธ์ 16:1-2
ท่านเปาโลได้สอนพี่น้องให้เป็นผู้ที่มีน้ำใจ และสอนด้วยว่า การมีน้ำใจของพวกเขานั้น ต้องมีการวางแผน และลงมือทำอย่างเป็นระบบ การให้แก่ผู้อื่น นี้ ไม่ได้ให้จากสิ่งที่เหลือจากการใช้จ่าย แต่เป็นการเตรียมให้จากรายได้ของตน นี่เป็นระเบียบของคนอิสราเอลที่มีการถวายสิบลดอยู่แล้ว จึงไม่เป็นการยากที่จะลงมือทำในหมู่คริสเตียนเป็นการให้ที่เหมาะกับแต่ละคน รายได้มากก็ให้มาก รายได้น้อยก็ลดลงมา

โครินธ์ 16:3-4
คำว่าเงินถวายนี้ ในภาษาเดิมคือ ของขวัญ เป็นคำว่า พระคุณ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเป็นการให้ที่เกิดจากความรักที่มีต่อพี่น้องที่ลำบาก เวลาที่จะส่งเงินไปยังคริสตจักรในกรุงเยรูซาเล็มท่านเปาโลให้พี่น้องในคริสตจักรโครินธ์ เลือกคนที่พวกเขาไว้ใจที่สุด และท่านก็จะไปกับเขาด้วย
เพื่อให้ไม่มีคำครหาเกี่ยวกับเรื่องเงินท่านเปาโลเป็นคนที่จะป้องกันปัญหาต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้า นี่เป็นตัวอย่างที่ดี

1 โครินธ์ 16:5-6
ท่านเปาโลเขียนจดหมายถึงพี่น้องโครินธ์จากเมืองเอเฟซัส ซึ่งอยู่ในตุรกีปัจจุบัน ท่านเดินทางและประกาศในแถบนี้ และเป็นพื้นที่ ซึ่งท่านเกิดผล
มากจริง ๆ ท่านวางแผนที่จะเดินทางผ่านแค้วนมาซิโดเนียด้วย เป็นช่วงเวลาที่เราพบในกิจการ 19:21-22 ท่านวางแผนการเดินทางอย่างชัดเจน
จะอยู่ในเอเฟซัสพักหนึ่ง ก่อนที่จะเดินทางไปทางเหนือและข้ามทะเลอีเจียนไปยุโรป แน่นอนท่านจะเยี่ยมคริสตจักรฟิลิปปี เบเรีย เธสะโลนิกาไปด้วย

1 โครินธ์ 16:7-9
ท่านเปาโลตั้งใจจะอยู่ที่เอเฟซัสจนถึงเทศกาลเพ็นเตคอสต์ ท่านคงตั้งใจมากเลยว่า จะได้ประกาศพระนามพระเยซูที่นั่นได้ตรงจุด ตรงประเด็น
ผู้คนก็จะเข้าใจความหมายที่แท้จริงของเทศกาลนี้ แม้จะมีคนขัดขวาง หาเรื่อง และถึงขนาดทำร้ายร่างกาย แต่ท่านเปาโลไม่ได้หวั่นสักนิด แทนที่จะเห็นวิกฤตใหญ่โต ท่านกลับมองเห็นความสำเร็จของพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าความรุนแรงที่ท่านต้องเผชิญสุดยอดแห่งผู้รับใช้!

1 โครินธ์ 16:10-11
ทิโมธีเป็นผู้รับใช้รุ่นลูกของเปาโล ท่านเป็นห่วงเขาเสมอ เมื่อเราอ่านจดหมายถึงทิโมธี เราก็รู้ว่าท่านสนใจสอน ฝึก ทิโมธีอย่างเอาจริงเอาจัง
จากคำพูดนี้ เราจะเห็นว่าท่านเปาโล แม้จะเป็นคนที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา กล้าหาญ แตกต่างจากทิโมธีที่ดูเป็นคนเรียบร้อย ถ่อมตน และมีลักษณะไม่เหมือนท่านเปาโลเลย และพระเจ้าก็ทรงใช้คนที่มีบุคลิกต่งกันในงานเดียวกัน และพวกเขาก็รักกันและกันในพระองค์

1 โครินธ์ 16: 12
ท่านเปาโลไม่ได้เป็นเฉพาะผู้ที่เทศนา สั่งสอนประกาศพระนามเท่านั้น แต่ท่านเป็นคนที่ใส่ใจ ดูแล และสร้างความสัมพันธ์ ความเข้าใจดีที่มี
ต่อกันระหว่างผู้รับใช้ด้วย ท่านเป็นตัวกลางเป็นโซเชียลมีเดียทางบวกในสมัยโบราณ ท่านอยากให้พี่น้องได้พบกันและกัน ได้เรียนรู้จัก
พระเจ้า และอธิษฐาน สัมพันธ์สนิทกันและกันขอบคุณพระเจ้าสำหรับตัวอย่างนี้

1 โครินธ์ 16:13-14
แล้วในที่สุด ท่านเปาโลก็ยังเตือนสติพี่น้องให้มีความดีห้าอย่างในชีวิต ซึ่งเป็นความดีที่คนในยุคโบราณก็สนใจเช่นกัน เหล่านักปรัญชา
กรีกก็สนใจที่จะให้ผู้คนกล้าหาญ เข้มแข็ง แต่สิ่งที่คริสเตียน ผู้เชื่อในพระเจ้าแตกต่างจากคนในโลกก็คือ การมั่นคงในความเชื่อ และมี
ความรัก ให้ทำทุกสิ่งด้วยความรัก คนข้างนอก มีแรงจูงใจเรื่องเงิน อำนาจ แต่แรงจูงใจของเราแตกต่างมาก

1 โครินธ์ 16:15-16
เราอาจจะรู้สึกว่า ทำไมท่านเปาโลพูดถึงคนโน้นคนนี้มากมาย แต่หากมองลึกลงไปเราจะรู้ว่า นี่แหละคือชีวิตของคนในชุมชนของพระเจ้า
ไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว ทำตามใจตนเอง แต่เป็นการใช้ชีวิตร่วมกัน และปรนนิบัติรับใช้กันและกัน สิ่งที่ท่านเปาโลเตือนสติอีกอย่างนอกเหนือไปจาก
ที่เตือนมาแล้วก็คือ การที่จะเชื่อฟังผู้ที่ผ่านความเชื่อมาก่อน ให้่มีความถ่อมใจต่อกัน

1 โครินธ์ 16:17-18
ยังมีคนที่รู้จักและใกล้ชิดอีกหลายคน บุรุษทั้งสามที่มาหาเยี่ยมเยียนท่านเปาโล ก่อให้เกิดความชื่นใจที่ได้พบกัน อธิษฐานและแบ่งปันความเชื่อ
นี่อาจเป็นต้นกำเนิดของวัฒนธรรมการเยี่ยมเยียนในหมู่คริสเตียน เราจะเห็นว่า ในคริสตจักรหลายแห่งมีการเยี่ยมเยียนพี่น้องเป็นประจำ เป็น
พันธกิจที่สร้างกำลังใจให้กับทั้งสองฝ่าย และการเยี่ยมเยียนนี้ไม่ควรหยุด แม้โลกเปลี่ยนไปมาก

1 โครินธ์ 16:19-20
เวลาเราเดินทางไปไหนไกลๆ เราจะเจอแต่คนที่ไม่เชื่อเป็นประจำ แต่เวลาใดที่ได้พบคนที่เชื่อโดยไม่คาดฝัน เราจะมีความรู้สึกเป็นพี่เป็นน้องกัน เพราะต่างมีพระบิดาองค์เดียวกัน เป็นความผูกพันที่พระเจ้าทรงเป็นผู้เชื่อมโยง และนี่เป็นแผนการของพระเจ้ามาตั้งแต่ต้นที่จะให้ผู้เชื่อมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

1 โครินธ์ 16:21-22
ข้อความสุดท้ายนี้ เป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับคนที่ไม่ยอมรับ และรักติดตามพระเจ้าผู้ที่ทำทุกอย่างเพื่อให้เขาได้รับความรอด อย่างไรคนที่ตัดสินใจเดินตามทางของตน ไม่ยอมต่อพระเจ้า ก็เหมือนถูกสาปอยู่แล้ว. ในขณะเดียวกันท่านเปาโลก็ขอให้พระเจ้าเสด็จมาเพื่อพระองค์จะได้รับพระเกียรติในฐานะที่ทรงเป็นพระเจ้า และท่านจบด้วยการขอพระคุณอยู่กับพี่น้องและยังยืนยันความรักที่ท่านมีต่อพวกเขา

พระคำเชื่อมโยง

1* กิจการ 11:29; กาลาเทีย 2:10
2* กิจการ 20:7
3* 2 โครินธ์ 3:1; 8:18
4* 2 โครินธ์ 8:4, 19
5* 2 โครินธ์ 19:21; 2 โครินธ์ 1:15,16
6* กิจการ 15:3; โรม 15:24; 1โครินธ์ 16:11
7* กิจการ 18:21; ยากอบ 4:15
8* เลวีนิติ 23:15-22
9* กิจการ 14:27; 2 โครินธ์ 2:12; โคโลสี 4:3; กิจการ 19:9

10* กิจการ 19:22; 2 ทิโมธี 1:2; ฟีลิปปี 2:20; 1 เธสะโลนิกา 3:2
11* 1 ทิโมธี 4:12; ทิตัส 2:15; กิจการ 15:33
12* กิจการ 18:24; 1โครินธ์ 1:12; 3:5
13* มัทธิว 24:42; 1โครินธ์ 15:1; กาลาเทีย 5:1;
ฟีลิปปี 1:27; 4:1; 1 เธสะโลนิกา 3:8; 2 เธสะโลนิกา 2:15; สดุดี 31:24; เอเฟซัส 3:16;โคโลสี 1:11
14* 1 เปโตร 4:815* 1โครินธ์ 1:16; โรม 16:5; 2 โครินธ์ 8:4

16* เอเฟซัส 5:21; 1 เธสะโลนิกา 5:12; ฮีบรู 13:17
17* 2โครินธ์ 11:9; ฟีลิปปี 2:30
18* โคโลสี 4:8; ฟีลิปปี 2:29
19* โรม 16:5
20* โรม 16:16
21* โรม 16:22; กาลาเทีย 6:11; โคโลสี 4:18; 2 เธสะโลนิกา 3:17; ฟิเลโมน 19
22* เอเฟซัส 6:24; กาลาเทีย 1:8-9; ยูดา 14-15

กิจการ 25 เฟสทัสและอากริปปา

อธิบายเพิ่มเติม

กิจการ 25:1-3
เฟสทัส เป็นผู้ว่าคนใหม่ที่เดินทางจากวังในเมืองซีซาริยาไปเยรูซาเล็ม และได้พบพวกที่ฟ้องเปาโล คนพวกนี้แค้นฝังหุ่น ไม่ยอมเลิกราที่จะกำจัดเปาโลให้สิ้นซาก พวกยิวพยายามชวนให้เขาส่งเปาโลมาศาลที่เยรูซาเล็ม ทั้งนี้เพื่อจะได้ดักฆ่าง่าย ๆ
กิจการ 25:4-6
แต่เฟสทัสไม่สนใจ เพราะอย่างไรเขาจะกลับไปอยู่แล้ว ใครอยากฟ้องก็ต้องไปฟ้องที่ซีซารียาเอาเอง และอีกไม่กี่วันต่อมา เขาก็เปิดศาล
กิจการ 25:7-9
ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำผิดต่อศาสนายิว หรือต่อโรม แต่ไม่วายที่เปาโลจะถูกฟ้องอย่างไม่เป็นธรรม เป้าหมายแท้จริงของยิวคือทำลายความเชื่อพระเยซูให้สิ้นไป และครั้งนี้เฟสทัสเองเป็นคนเสนอให้กลับไปทำคดีในเมืองเยรูซาเล็ม
กิจการ 25:10-12
แต่เปาโลรู้ดีว่า พวกเขาต้องการดักฆ่าแน่นอน และเป้าหมายของเขาไม่ใช่เยรูซาเล็ม แต่เป็นโรม เขาต้องการพูดเรื่องพระเยซูกับคนจำนวนมากในศาล ดังนั้น จึงเสนอว่า ขอถวายฎีกาต่อซีซาร์ ซึ่งหมายความว่าเขาต้องเดินทางไปโรม เอาล่ะ คราวนี้เปาโลก็ต้องถูกขังแช่ไว้ก่อนอีก
กิจการ 25:13-19
แต่แล้ว มีแขกคนสำคัญเข้ามาเยี่ยมต้อนรับผู้ว่าเฟสทัสที่เข้ามารับงาน นั่นคือกษัตริย์เฮโรด อากริปปา และภรรยาของเขา ซึ่งที่จริงมีศักดิ์เป็นน้องสาวของตนเอง เขาคนนี้เป็นกษัตริย์ตระกูลเฮโรดคนสุดท้าย เฟสทัสดีใจที่เจอทั้งสอง เพราะคิดว่าจะโยนคดีนี้ออกไปจากตัว เนื่องจากว่า เฮโรดเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับพระวิหารของยิว เป็นผู้แต่งตั้งปุโรหิตยิว เขาสนใจข้อกล่าวหาที่ว่า เปาโลทำให้พระวิหารเป็นมลทิน
เขารายงานเฮโรด อากริปปาว่า จริง ๆ แล้วยิวไม่พอใจที่เปาโลอ้างว่า พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย
กิจการ 25:20-22
ด้วยความที่ไม่แน่ใจว่าควรตัดสินอย่างไร เฟสทัสจึงยินดีที่จะให้อะกริปปาได้มีส่วนในคดีนี้
กิจการ 25:23-27
วันที่เฮโรด อากริปปามาที่ศาลปรากฏว่าเป็นเรื่องใหญ่โตหรูหรา อลังการมาก มีแขกเหรือที่สำคัญมากมาย ​แม้ว่าเฟสทัสไม่ได้บอกใคร ๆ มาก่อนว่าเขาคิดอย่างไรจริง ๆ ในวันนี้เขามีความเห็นว่า เปาโลไม่สมควรถูกลงโทษถึงตายอย่างที่ยิวต้องการ เขาเองต้องการที่จะทำรายงานการไต่สวนส่งซีซาร์พร้อมกับนักโทษ เขาหวังว่าอากริปปาจะช่วยเขาสรุปคดีนี้

พระคำเชื่อมโยง

1* กิจการ 8:40; 25:4,6,13
2* กิจการ 24:1; 25:15
3* กิจการ 23:12, 15
5* กิจการ 18:14; 25:18
7* มัทธิว 15:3; ลูกา 23:2, 10; กิจการ 24:5, 13
8* กิจการ 6:13; 24:12; 28:17
9* กิจการ 12:2; 24:27; 25:20

11* กิจการ 18:14; 23:29; 25:25; 26:31; 28:19
14* กิจการ 24:2715* กิจการ 24:1; 25:2-3
16* กิจการ 25:4,5
17* มัทธิว 27:19; กิจการ 25:6, 10
19* กิจการ 18:14, 15; 23:29
21* กิจการ 25:11, 12

22* กิจการ 9:15
23* กิจการ 9:15
24* กิจการ 25:2, 3, 7; 21:36; 22:22
25* กิจการ 23:9, 29; 26:31; 25
;11-12