สดุดี 30 ทรงฉุดข้าขึ้นมาจากหลุม

เพลงสดุดีของดาวิด บทเพลงในพิธีถวายพระวิหาร

ความยินดีหลังจากความทุกข์ยากเพราะความกริ้วของพระเจ้า
1 โอ พระยาห์เวห์ ข้ายกย่องพระองค์
เพราะพระองค์ทรงยกชูข้าขึ้น
ไม่ให้เหล่าศัตรูเยาะหยันข้าได้
2 โอ พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้า ข้าร้องทูลขอความช่วยเหลือ
และพระองค์ทรงรักษาข้าให้หายป่วย
3 โอ พระยาห์เวห์ทรงนำวิญญาณของข้าขึ้นมาจากหลุมความตาย
พระองค์ทรงทำให้ข้ามีชีวิต เพื่อว่าข้าจะไม่กลับไปสู่หลุมนั้นอีก
4 โอ วิสุทธิชนของพระเจ้า
จงขอบพระคุณและระลึกถึงความบริสุทธิ์ของพระองค์
5 เพราะพระองค์ทรงกริ้วเพียงชั่วครู
แต่ความโปรดปรานของพระองค์สืบเนื่องชั่วชีวิต
การร้องไห้อาจยาวนานหนึ่งคืน
แต่ความยินดีจะมาในเวลาเช้า

คำกล่าวที่ดูแปลก
6ในช่วงเวลาที่รุ่งเรืองของข้า ข้ากล่าวว่า “ข้าจะไม่หวั่นไหว”
7 ด้วยความโปรดปรานของพระองค์
พระยาห์เวห์ทรงทำให้ข้าเป็นดั่งภูเขาที่มั่นคง
เมื่อใดที่ทรงซ่อนพระพักตร์ ข้าก็ลำบาก

คำอธิษฐานในยามลำบาก
8 โอ พระยาห์เวห์ ข้าร้องหาพระองค์
ข้าเทคำคร่ำครวญของข้าไปที่พระยาห์เวห์
9 เมื่อข้าต้องลงไปยังหลุมความตาย
จะมีประโยชน์อะไรเกิดขึ้น?
ผงดินจะสรรเสริญพระองค์หรือ?
แล้วมันจะประกาศความจริงของพระองค์หรือ?
10 โอ พระยาห์เวห์ โปรดสดับฟัง และเมตตาข้าด้วย
พระยาห์เวห์จะทรงเป็นพระผู้ช่วยของข้า

ความทุกข์ที่กลายเป็นความยินดี
11 พระองค์ทรงทำให้ความเศร้าโศกของข้ากลายเป็นการเต้นรำ
พระองค์ทรงถอดเสื้อกระสอบของข้าออก
ทรงคาดเอวข้าด้วยความชื่นชมยินดี
12 ในที่สุด จิตวิญญาณของข้าจะสรรเสริญพระองค์
และไม่นิ่งเงียบ
โอ พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้า
ข้าจะถวายคำขอบพระคุณต่อพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์

พระคำเชื่อมโยง

1* 2 ซามูเอล 5:11, 1 พงศาวดาร 22:1,สดุดี 107:32,25:2,35:19,24, 13:4

2* สดุดี 88:13, 6:2,

3* สดุดี 16:10, 28:1

4* สดุดี 50:5, 97:12, 1 พงศาวดาร 16:4

5* สดุดี 103:9, โยบ 33:26, สดุดี63:3, 126:5

6* โยบ 29:18, สุภาษิต 1:32, สดุดี 10:6

7* 2 ซามูเอล 5:9, สดุดี 104:29, ซามูเอล 24:10

8* สดุดี 142:1

9* สดุดี 6:5

10* สดุดี 27:7

11* อพยพ 15:20, เยเรมีย์
31:4,13

12* สดุดี 16:9

คำอธิบายเพิ่มเติม

สดุดี 31:1-5
ความยินดีหลังความทุกข์ยาก
จากคำที่ดาวิดกล่าว ดูเหมือนว่าท่านป่วยเกือบตาย และพระเจ้าทรงฉุดท่านขึ้น ให้หายป่วย และไม่มีศัตรูคนใดมาเยาะเย้ยได้เลย. ท่านมีความรู้สึกว่า ป่วยครั้งนี้เป็นมาจากความผิดบาปของท่านเอง
เมื่อท่านสารภาพบาปและทูลขอความช่วยเหลือของพระเจ้า พระองค์ก็ทรงตอบคำอธิษฐาน

สดุดี 30:6-7
คำกล่าวที่ดูแปลก
ในยามที่รุ่งเรือง ดาวิดกล่าวว่า ข้าจะไม่หวั่นไหว … เป็นคำพูดที่ไม่เหมือนดาวิดในบทอื่น ๆ สักเท่าไร
ดูเหมือนจะมีความมั่นใจในความมั่นคง แต่แล้วในข้อต่อมากลับสารภาพว่า
ความมั่นคงในชีวิตนั้นมาจากพระเจ้าเท่านั้น เมื่อไรที่พระเจ้าทรงซ่อนพระพักตร์ ไม่ฟังเสียงของท่าน
ท่านก็จะลำบากแน่นอน. นี่เป็นสิ่งที่ดาวิดมั่นใจมาก

สดุดี 30:8-10
กษัตริย์ดาวิดร้องหาพระเจ้า และอ้างเหตุผลต่าง ๆ ขอให้พระองค์ทรงฟังคำทูล ท่านรู้แน่ว่าหากท่านหนีจากเหตุการณ์นี้ไปได้ ท่านก็จะสรรเสริญพระเจ้า ท่านอ้างว่า ถ้าตายไปตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร ใครล่ะ จะสรรเสริญพระเจ้า ข้อ 8-10 นี้เป็นช่วงเวลาของการไม่แน่ใจ ไม่มั่นคง

สดุดี 30:11-12
เมื่อพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของท่าน ดาวิดได้เขียนแสดงความรู้สึกว่าจากความหนักใจอันใหญ่หลวง มันได้กลายเป็นความสุข ชื่นชมยินดีอย่างที่สุด ท่านสัญญาว่าจะขอบพระคุณพระเจ้าตลอดไป
และวันนี้พวกเรายังได้ใช้สดุดีของท่านเป็นสื่อในการขอบคุณพระเจ้าไม่หยุดอีกด้วย


สดุดี 29 พระสุรเสียงในธรรมชาติ

ถ้าจะให้ถึงใจ ตามไปดูที่นี่. https://www.youtube.com/watch?v=LB0Yl_ygjIw

เพลงสดุดีของดาวิด

ขอถวายพระสิริ
1 ถวายแด่พระยาห์เวห์ โอ ท่านผู้มีฤทธิ์ *
ถวายแด่พระยาห์เวห์ ผู้ทรงพระสิริและทรงพลัง
2 ถวายพระสิริที่สมควรแด่พระนามของพระยาห์เวห์
นมัสการพระยาห์เวห์ในความบริสุทธิ์ที่งามสง่าของ
พระองค์
( *บุตรทั้งหลายของพระเจ้า)
พระสุรเสียงในธรรมชาติ!
3 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ อยู่เหนือห้วงน้ำ
พระเจ้าผู้ทรงพระสิริ เปล่งพระสุรเสียงดั่งฟ้าคำราม
พระยาห์เวห์ ทรงอยู่เหนือน้ำมากหลาย
4 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ทรงฤทธานุภาพ
พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์เต็มด้วยพระเกียรติสูงส่ง
5 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์โค่นล้มต้นสนซีดาร์
ใช่แล้ว พระยาห์เวห์ทรงหักป่าสนแห่งเลบานอนเป็นท่อน ๆ
6 พระองค์ทรงทำให้ทิวเขาแห่งเลบานอนกระโดดเหมือนลูกวัว
พระองค์ทรงทำให้ภูเขาเฮอร์โมน (สิริออน) กระโจนราวกับ
ลูกวัวป่า
7 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ทำให้เปลวไฟโหมกระพือขึ้น
8 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ทำให้ถิ่นกันดารสั่นสะเทือน
พระยาห์เวห์ทรงเขย่าถิ่นกันดารแห่งคาเดช
9 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์โค่นต้นโอ๊ค*
และทำให้ป่าราบเรียบเป็นหน้ากลอง
และในพระวิหารของพระองค์ ทุกคนร้องเสียงดังว่า
“พระสิริรุ่งโรจน์!”
(  * หรือ ทำให้กวางตัวเมียตกลูก)
10 พระยาห์เวห์ประทับบนบัลลังก์เหนือน้ำท่วมนั้น
ใช่แล้ว พระยาห์เวห์ประทับเป็นองค์ราชานิรันดร์

พระยาห์เวห์เหนือประชากรของพระองค์
11 พระยาห์เวห์จะประทานกำลังให้กับคนของพระองค์
พระยาห์เวห์ประทานสันติสุขให้เป็นพระพร
แก่ประชากรของพระองค์

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 96:7-9,

2* สดุดี 110:3, 1 พงศาวดาร 16:29, อพยพ 28:2

3* สดุดี 18:11, 17, 32:6 โยบ 37:4,5

4* สดุดี 68:33, เอเสเคียล 10:5

5*สดุดี 104:16, ผู้วินิจฉัย 9:15

6* สดุดี 114:4,6, ฉธบ. 3:9, กันดารวิถี 23:22

7* สดุดี 77:18,144:5-6

8* กันดารวิถี 13:26, ฮีบรู 12:26

9* โยบ 39:1-3,

10* ปฐมกาล 6:17, สดุดี 10:16

11* สดุดี 68:35, อิสยาห์ 40:29, ฟีลิปปี 4:7

อธิบายเพิ่มเติม

สดุดี 29:1-2
คำว่าถวายแด่พระเจ้านี้ ในภาษาเดิมว่า ให้ … เป็นเหมือนคำสั่งว่าให้แด่พระเจ้า คำของดาวิด มีลักษณะเป็นบทกวี มีคำซ้ำ ย้ำความคิดแรกว่า เราควรทำอะไร
สดุดีเริ่มต้นที่ชวนให้ผู้คนเข้ามาถวายชีวิต คำสรรเสริญ ถวายพระสิริแด่พระเจ้า ชวนให้ถวายถึงสามครั้ง
เมื่อถวายแล้ว จบด้วยชวนให้นมัสการพระเจ้าในความบริสุทธิ์ของพระองค์ ไม่ใช่บริสุทธิ์อย่างเดียว แต่ทั้งงดงาม สง่า เต็มด้วยสง่าราศี
คำว่าท่านผู้มีฤทธิ์ บางเล่มแปลว่า ผู้มีชีวิตในฟ้าสวรรค์ เหมือนว่าเป็นทูตสวรรค์ บางเล่มว่า บุตรของพระเจ้า แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เขาควรที่จะมองไปที่พระเจ้าซึ่งทรงฤทธิ์กว่าเขามากมายนัก

สดุดี 10 :3-10
พระสุรเสียงในธรรมชาติ!
ข้อสามนี้กล่าวถึงพระสุรเสียงกับน้ำ ถ้าเราดูในข้อ 5 6 เราจะเห็นว่า ผู้เขียนได้กล่าวถึงสภาพภูมิศาสตร์ในแผ่นดินอิสราเอลโบราณ ห้วงน้ำดังกล่าวที่ใหญ่โตที่สุด จะเป็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ยังมีทะเลสาบกาลิลี และทะเลตายด้วย เขาคิดถึงพายุที่เกิดขึ้นในท้องน้ำที่เขาประสบมา เขาเห็นพระเจ้าในธรรมชาติอย่างชัดเจนมาก

ข้อสี่ ชวนให้เราตระหนักว่า การแสดงออกของพระเจ้าในธรรมชาตินั้น ยิ่งใหญ่ทรงพลัง และน่าคร้ามกลัวเพียงใด เมื่อเราเห็นพายุ ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำราม เราน่าจะนึกถึงพระเจ้าว่า พระองค์ทรงอยู่ในพายุนั้น …

ข้อห้าถึงเก้า อ่านดี ๆ ทำให้เรานึกถึงภัยธรรมชาติที่มาจากพายุ จากแผ่นดินไหว แม้ซีดาร์แห่งเลบานอนที่ได้ชื่อว่าเป็นไม้แกร่งที่สุดยังพ่ายแพ้พระองค์ ภูเขาสะเทือนเลื่อนลั่นด้วยฤทธิ์แห่งพระสุรเสียงของพระองค์
กษัตริย์ดาวิดผู้เขียนสดุดี ตระหนักว่า แม้เสียงจากธรรมชาติอันน่ากลัวจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน แต่พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่า
ถึงแม้มนุษย์ที่เชื่อในพระเจ้าจะต้องพบเจอกับมรสุมขนาดไหน แต่การยกย่องพระเจ้าก็ไม่ได้หายไปจากชีวิตของเขา

ข้อสิบ ที่ว่าพระเจ้าประทับเหนือน้ำท่วม มีความหมายถึงน้ำท่วมใหญ่ครั้งที่โนอาห์สร้างเรือ (ปฐมกาล 6,7) กษัตริย์ดาวิดสรุปว่า ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ของโลกที่วิบัติขนาดไหน พระเจ้ายังทรงครองเป็นนิรันดร์

สดุดี 29:11
พระยาห์เวห์เหนือประชากรของพระองค์
จากประโยคแรกที่ผู้เขียนชวนให้คนถวายแด่พระเจ้า ในข้อสุดท้ายนี้กลับกลายเป็นพระเจ้าเป็นผู้ให้แก่อิสราเอล พระเจ้าจะประทานการปกป้องเมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับสิ่งร้ายรอบตัว ท่ามกลางความยากเข็ญ พระองค์คือผู้ประทานสันติสุขที่ไม่เหมือนความสุขของโลกให้กับคนของพระองค์​ คนของพระเจ้าจะได้ทั้งกำลังกาย กำลังใจ จากพระเจ้า แถมสันติสุขอีกด้วย

บรรณานุกรม
biblehub.com
enduringword.com
net bible.org

สดุดี 28 ทูลขอพระเจ้าช่วย และทรงตอบจริง ๆ

สดุดีของดาวิด
คำร้องคร่ำครวญและเหตุผลที่ขอให้พระเจ้าไม่ทรงนิ่งเฉย
1 โอ พระยาห์เวห์ ข้าร้องทูลหาพระองค์ พระศิลาของข้า
ขออย่าทรงเงียบเฉย เพราะหากพระองค์ทรงนิ่งเฉยอยู่
ข้าจะเป็นเหมือนคนที่ลงไปยังหลุมลึกแดนตาย
2 ขอพระองค์ทรงฟังเสียงร้องทูลของข้า
เมื่อข้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
เมื่อข้ายกมือขึ้นไปยังสถานที่บริสุทธิ์ยิ่งของพระองค์

คำขอให้พระเจ้าทรงจัดการกับคนชั่วร้าย
3 ขออย่าทรงลากเอาตัวข้าออกไป
พร้อมกับคนชั่วร้าย หรือคนที่ทำการชั่ว
คนที่พูดถึงความสงบสันติกับเพื่อนบ้าน
แต่ในใจเต็มด้วยความโหดเหี้ยม
4 ขอพระเจ้าทรงตอบสนองพวกเขาตามการชั่ว
ขอทรงตอบสนองตามที่มือของเขากระทำ
ขอทรงตอบสนองเขาตามที่เขาควรได้รับ
5 เพราะพวกเขาไม่สนใจว่า พระยาห์เวห์ทรงกระทำสิ่งใดบ้าง
ไม่สนใจพระหัตถกิจของพระองค์
พระองค์จะทรงโค่นพวกเขาลง และไม่สร้างขึ้นมาใหม่

สรรเสริญพระเจ้าที่ทรงฟัง
6 ถวายพระพรแด่พระยาห์เวห์
เพราะพระองค์ทรงฟังเสียงที่ข้าร้องทูล
7 พระยาห์เวห์ทรงเป็นกำลังและเป็นโล่ของข้า
ข้าวางใจในพระองค์ และข้าได้รับความช่วยเหลือ
ดังนั้น ใจของข้าจึงยินดียิ่งนัก
และข้าขอบคุณพระองค์ด้วยบทเพลงสรรเสริญ
8 พระยาห์เวห์ทรงเป็นกำลังของประชากรของพระองค์
พระองค์เองทรงเป็นที่หลบภัยให้รอดสำหรับคนที่ทรงเจิม
9 ขอทรงช่วยประชากรของพระองค์ให้รอด
ขอทรงอวยพระพรแก่คนที่เป็นมรดกของพระองค์
ขอทรงเป็นพระผู้เลี้ยงของพวกเขา
และอุ้มชูพวกเขาขึ้นตลอดไปเป็นนิตย์

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 35:22, 39:12, 83:1, 88:4, 143:7,

2* สดุดี 5:7,138:2 , 1 ทิโมธี 2:8

3*สดุดี 12:2, 55:21,62:4, เยเรมีย์ 9:8

4* สดุดี 62:12, 2 ทิโมธี 4:14, วิวรณ์ 18:6, 22:12

5*อิสยาห์ 5:12, โรม 1:28, ยอห์น 12:37

6* สดุดี 107:19-22, 116:1-2, 69:33-34

7*สดุดี 18:2, 59:17, 13:5,112:7

8*สดุดี 20:6

9*ฉธบ. 9:29,32:9, 1 พงษ์กษัตริย์ 8:51, สดุดี 33:12,106:40,​ฉธบ 1:31, อิสยาห์ 63:9

ข้อ 1-2
คำร้องคร่ำครวญและเหตุผลที่ขอให้พระเจ้าไม่ทรงนิ่งเฉย
กษัตริย์ดาวิดกำลังมีใจเป็นทุกข์หนักมาก ท่านรู้ว่า ถ้าพระเจ้าทรงเมินเฉยกับท่าน ถ้าพระเจ้าไม่ทรงช่วย ท่านก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่ไม่มีพระเจ้า การลงไปในหลุมลึก มีความหมายว่าตาย พระคำตอนนี้ เราเองเอามาร้องทูลต่อพระเจ้าด้วยเช่นเดียวกัน ท่านบอกเราในคำอธิษฐานว่า ยกมือไปยังสถานที่บริสุทธิ์ เราจะมองเห็นภาพของคนที่ยื่นมือร้องขอความช่วยเหลืออย่างสุดหัวใจ

ข้อ 3-5
คำขอให้พระเจ้าทรงจัดการกับคนชั่วร้าย
เป็นคำอธิษฐานที่แปลก อย่างแรก กษัตริย์ดาวิดขอพระเจ้าอย่าทรงลงโทษท่านไปพร้อมกับคนชั่ว
ท่านกล่าวถึงคนที่ “หน้าซื่อใจคด” โดยเฉพาะ อย่างที่สองของพระเจ้าตอบสนองตามที่พวกเขาได้ทำชั่วร้ายกับผู้อื่น คนเหล่านี้ ไม่สนใจพระเจ้าเลย ไม่สนใจว่าพระองค์ทรงทำอะไรบ้าง พวกเขาใช้ชีวิตเสมือนว่าไม่มีพระเจ้าครอบครองอยู่

ข้อ 6-9
สรรเสริญพระเจ้าที่ทรงฟัง
สดุดีบทนี้ได้บอกเราว่า พระเจ้าทรงเป็นอย่างไรในชีวิตของผู้เชื่อบ้าง เมื่อเราอ่านและใคร่ครวญ เราจะเห็นว่า ผู้ที่อยู่ในพระเจ้านั้น อยู่ในฐานะที่มีเกียรติเพราะมีพระเจ้าเป็นผู้ปกป้อง มีพระเจ้าเป็นหลาย ๆ อย่างในชีวิต สิ่งที่ดาวิดลงมือทำเมื่อพระเจ้าทรงฟังคำทูลของท่านคือ
1 ถวายพระพร 2 ขอบคุณด้วยบทเพลง 3 ทูลขอเพิ่มให้พระเจ้าทรงช่วยประชาชนในอิสราเอล
ให้พวกเขารอด ให้ได้รับการเลี้ยงดู รับการอุ้มชูตลอดไป

สดุดี 27 พระเจ้าทรงเป็นแสงสว่างและความรอดของข้า

สดุดีของดาวิด
พระเจ้าทรงเป็นแสงสว่างและความรอด
1 พระยาห์เวห์ทรงเป็นแสงสว่างและความรอดของข้า
ข้าจะต้องกลัวใคร?
พระยาห์เวห์ทรงเป็นที่กำบังของชีวิตข้า
แล้วข้าจะต้องหวาดหวั่นเพราะใคร?
2 เมื่อคนชั่วกำลังบุกเข้ามาขย้ำเลือดเนื้อข้า
ศัตรูและคู่ต่อสู้ของข้าจะสะดุดและล้มลง
3 ถึงแม้กองทัพจะตั้งค่ายล้อมรอบข้า
ใจข้าจะไม่หวาดหวั่น
แม้สงครามเกิดขึ้นต่อต้านข้า ข้าก็ยังจะมั่นใจ

ทูลขอที่จะได้อยู่ในพระนิเวศ
4 สิ่งเดียวที่ข้าทูลขอจากพระยาห์เวห์
เป็นสิ่งที่ข้าเฝ้าหา นั่นคือ
เพื่อข้าจะได้พักในพระนิเวศของพระยาห์เวห์
ตลอดชีวิตของข้า
เพื่อจะได้พินิจความงามของพระยาห์เวห์
และแสวงหาพระองค์ในพระนิเวศของพระองค์

ในวันลำบากพระเจ้าทรงซ่อนไว้
5 เพราะในวันแห่งความยากลำบาก
พระองค์จะทรงซ่อนข้าไว้ในพลับพลาของพระองค์
พระองค์จะทรงซ่อนข้าไว้ในที่ประทับลี้ลับของพระองค์
พระองค์จะทรงตั้งข้าไว้สูงบนศิลา
6 และบัดนี้ ศีรษะของข้าจะอยู่สูงเหนือศัตรูที่ล้อมรอบ
และข้าจะถวายเครื่องบูชาด้วยเสียงตะโกนแห่งความยินดี
ข้าจะร้องเพลง ใช่แล้ว ข้าจะร้องเพลงถวายพระยาห์เวห์

ตามหาพระเจ้าผู้ทรงซื่อตรง
7 ขอทรงโปรดฟัง โอ พระยาห์เวห์ เมื่อข้าร้องลั่น
ขอทรงพระเมตตา และตอบข้าด้วย
8 เมื่อพระองค์ตรัสว่า “จงตามหาหน้าของเรา”
ใจของข้าทูลต่อพระองค์ว่า “ พระพักตร์ของพระองค์
โอพระยาห์เวห์ ข้าจะตามหาพระองค์”
9 ขออย่าทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากข้า
ขออย่าทรงเมินจากผู้รับใช้ของพระองค์ไป
ด้วยพระพิโรธ พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยของข้า
ขออย่าทรงละทิ้ง หรือทอดทิ้งข้าไป
โอ พระเจ้าแห่งความรอดของข้า
10 แม้ว่าพ่อและแม่ทอดทิ้งข้า พระยาห์เวห์ทรงรับข้าไว้

ทูลขอพระเจ้าทรงนำ
11 โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงสอนทางของพระองค์ และขอทรงนำข้า
ไปตามทางราบเนื่องจากเหล่าศัตรูของข้า
12 ขออย่าทรงมอบข้าไว้ให้อยู่ในเงื้อมมือของศัตรู
เพราะมีพยานเท็จลุกฮือขึ้นต่อต้านข้า
พวกเขาหายใจออกมาเป็นความรุนแรง
13 ข้ามั่นใจว่า ข้าจะได้เห็นความดีเลิศของพระยาห์เวห์
ในแผ่นดินของคนเป็น

หนุนน้ำใจคนอื่นให้วางใจพระเจ้า
14 จงรอคอยพระยาห์เวห์
จงกล้าหาญเถิด และพระองค์จะทรงให้กำลัง
จงรอคอยพระยาห์เวห์

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 18:28,84:11, อิสยาห์ 60:19-20, ,มีคาห์ ,ฮีบรู 16:3

2* สดุดี 9:3, 118:12, อิสยาห์ 8:15

3*สดุดี 3:6, วิวรณ์ 2:10


4* สดุดี 26:8,23:6, 65:4, 84:10

5* สดุดี 31:20, 138:7, สุภาษิต 18:10, โคโลสี 3:3

6* สดุดี 3:3, 107:22, ฮีบรู 13:5, วิวรณ์ 15:3

7* สดุดี 130:2-4, 13:3,5:2,4:1

8*สดุดี 105:4, 119:58, เยเรมีย์ 29:12-13

9* สดุดี 69:17, 143:7, 102:2

10* อิสยาห์ 49:15,40:11

11*สดุดี 25:4, 86:11, 119:33, สุภาษิต 2:6-9

12* สดุดี 35:11,31:8, ฉธบ. 19:18, มัทธิว 26:60, ยอห์น 19:33

13* โยบ 28:13, สดุดี 52:5, 116:9, 142:5, อิสยาห์ 38:11, เยเรมีย์ 11:9

14* ปฐมกาล 48:18, สดุดี 25:5, 37:7, 62:5

อธิบายเพิ่มเติม

บทนี้ มีข้อความ อารมณ์ความรู้สึก เหมือนสดุดี 18:1-50 และ สดุดี 28:1-9

สดุดี 27:1-3
พระเจ้าทรงเป็นแสงสว่าง … นี่เป็นการบอกตรง ๆ ว่าพระเจ้าทรงเป็นแสงสว่าง เหมือนกับที่ยอห์นบอกไว้ ใน ยอห์น 1:4-9 คิดสิว่า แสงสว่างนั้นให้อะไรกับชีวิตของเราบ้าง ถ้าไม่มีพระเจ้า ก็ไม่มีแสงสว่างในชีวิตทั้งทางกายภาพและทางจิตวิญญาณ
กษัตริย์ดาวิดกล่าวถึงศัตรูว่าจะมาขย้ำกินเลือดเนื้อของท่าน. ท่านเห็นศัตรูเหมือนสัตว์ที่โจมตีอย่างดุร้าย คำของท่านทำให้เราเห็นภาพชัดเจนว่า ศัตรูนั้นน่าหวาดหวั่นเพียงใด แต่แล้ว ท่านกลับพลิกความรู้สึกนั้นเป็นความมั่นใจ ไม่กลัว เพราะท่านบอกแล้วว่า พระเจ้าทรงเป็นทั้งแสงสว่าง ความรอด ที่กำบัง (ข้อ 1)

สดุดี 27:4
และแล้วเราก็มาเห็นว่าท่านมีเป้าหมายเดียวในชีวิตคือ ที่จะได้จ้องดู ได้พินิจความงามของพระยาห์เวห์ จะได้แสวงหาพระเจ้า จะได้พักในพระนิเวศ นั่นคือท่านต้องการมองพระเจ้า ถามสิ่งต่าง ๆ ที่สงสัย ตามหาพระเจ้าและน้ำพระทัยของพระองค์
นี่เป็นแก่นแท้ของการนมัสการพระเจ้า พูดจริง ๆ คือ ท่านมุ่งใจไปที่องค์พระเจ้าและน้ำพระทัยของพระองค์มากกว่า สิ่งที่อยู่รอบตัวซึ่งล้วนนำมาซึ่งความรู้สึกทางลบ
ย้อนกลับไปที่สดุดี 23:6 6 แน่นอน ที่ความดีและความรักมั่นคงของพระองค์จะตามติดข้าไปตลอดชีวิตของข้าและข้าจะอาศัยในพระนิเวศของพระยาห์เวห์เป็นนิตย์ เป็นความรู้สึกเดียวกันที่กษัตริย์ดาวิดมีต่อพระนิเวศของพระเจ้า

สดุดี 27:5-6
เมื่อกษัตริย์ดาวิดมาตามหาพระเจ้า มาพบพระองค์ สิ่งที่ท่านได้ตามมาก็คือ การปกป้องจากศัตรู การมีความมั่นคงในชีวิต ท่านมั่นใจว่า พระเจ้าจะทรงยกท่านเหนือศัตรูทั้งหลายที่พยายามขย้ำท่านอยู่ ในข้อ 6 มีคำมั่นสัญญาว่าจะถวายเครื่องบูชาและร้องเพลงถวายพระเจ้า


สดุดี 27:7-10
ตามหา แสวงหาพระเจ้าผู้ซื่อตรง
หลังจากข้อ 6 ดูเหมือนว่า กษัตริย์ดาวิดยังไม่ได้รับคำตอบจากพระเจ้า ท่านขอพระเจ้าด้วยเสียงดังมาก ๆ ขอให้พระเจ้าทรงฟัง ทรงเมตตา ทรงตอบ โดยติดตามหาพระเจ้าอย่างอย่างมุ่งมั่นตามที่ท่านได้ยินพระดำรัสสั่งของพระองค์
คำขอนั้น ขออย่าซ่อนพระพักตร์. ขออย่าเมิน ขออย่าทรงละทิ้ง นี่เป็นความรู้สึกอันรุนแรงของบุรุษผู้หนึ่งที่พระเจ้าทรงใช้ให้เป็นผู้ปกครองคนของพระองค์ เห็นได้ชัดว่า แม้จะดูแข็งแกร่ง เป็นผู้นำ ใคร ๆ ก็ติดตาม. แต่เบื้องหลังของท่านนั้นคือการเข้ามาหาความช่วยเหลือของพระเจ้าด้วยรู้จักตนเองว่าเป็นอย่างไร ไม่อายที่จะทูลพระองค์ว่า ท่านเองต้องการพระองค์ขนาดไหน นี่คือ คนที่รู้จักตนเองจริง คนที่ถ่อมตนจริง ๆ

สดุดี 27:11-13
ทูลขอพระเจ้าทรงนำ
กษัตริย์ดาวิดขอพระเจ้าทรงสอนทาง ขอทรงนำ ขออย่าให้ตกในเงื้อมมือของศัตรู
และในขณะที่ท่านกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูเหล่านั้น ท่านกล่าวคำมั่นใจว่า ท่านจะรอดและเห็นความดีของพระเจ้าอย่างแน่นอน
ในข้อสิบสามนั้น ความรู้สึกคือ “ใจของข้าจะฝ่อไป ข้าจะหมดกำลัง. หากถ้าข้าไม่ได้เห็นความดีเลิศของพระเจ้าในแผ่นดินของคนเป็นแล้ว ” เป็นคำอธิษฐานต่อสู้ระหว่างการต่อสู้ที่กำลังเผชิญอยู่กับความไว้วางใจในพระเจ้า

สดุดี 27:14
หนุนน้ำใจคนอื่นให้วางใจพระเจ้า
การรอคอยนั้นเป็นการตั้งตา มุ่งมั่น จดจ่อ มีสมาธิอยู่ที่การรอคอย ไม่ใช่ใจไปอยู่ที่อื่น คำ ๆ นี้ยังมีความหมายถึงการที่เราจะรอไป ผูกพันกับพระองค์ไปในเวลาเดียวกัน ยิ่งรอ ยิ่งใกล้ชิด
คำว่า จงทำให้ใจเข้มแข็งนั้น เราได้ยินอยู่เสมอในยามที่โยชูวานำอิสราเอลเข้ามาในแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสัญญา​… เมื่อเราเจอปัญหา อุปสรรค ให้เราบอกตัวเองให้เข้มแข็ง ไม่ท้อใจเสียง่าย ๆ เพราะพระเจ้าจะทรงเป็นผู้เสริมกำลังให้ด้วยพระองค์เอง … อิสยาห์ 40:31

บรรณานุกรม
Barrick, D. William. “Psalms 27 My Light and my Salvation.” , 10 April 2021 <https://drbarrick.org/files/studynotes/Psalms/Ps_027.pdf>

Constable, L. Thomas “Notes on Psalms” 10 April 2021 <https://planobiblechapel.org/tcon/notes/pdf/psalms.pdf>

Lawson, J. Steven. Holman Old Testament Commentary Psalms 1-75. Nashville Tennessee: Broadman and Holman Publishers, 2003.