สดุดี 38 ขอพระเจ้าทรงเมตตา สำนึกผิดแล้ว

Study of King David (adapted), Julia Margaret Cameron, 1866. Wikimedia

เพลงสดุดีของดาวิด เพื่อการระลึกถึง
ความเจ็บปวดที่ลงลึกมาก
1 โอ พระยาห์เวห์ ขออย่าทรงติเตือนข้าด้วยพระพิโรธ
ขออย่าทรงลงวินัยข้าด้วยความกริ้ว
2 เพราะลูกศรของพระองค์จมลงไปในเนื้อของข้า
พระหัตถ์ก็กดทับข้าอย่างหนัก

ความผิดของข้าท่วมท้น
3 ไม่เหลือสุขภาพที่ปกติในร่างกายของข้า
เพราะความกริ้วของพระองค์
ไม่มีความแข็งแรงในกระดูกเพราะบาปของข้าเอง
4 เพราะความผิดของข้านั้นท่วมท้นตัว
เป็นภาระหนักที่หนักเกินจะแบกไหว
5 บาดแผลของข้าก็เน่าเหม็น
และเน่าเปื่อยไปเพราะความโง่เขลาของข้าเอง

ความเจ็บปวดและสับสนของข้า
6 ข้าเศร้าหมอง ค้อมหลังลง
ข้าคร่ำครวญอยู่ทั้งวัน
7 เอวของข้าเจ็บ ปวดแสบยิ่งนัก
ไม่มีส่วนใหนในร่างกายที่ยังคงสภาพดีเลย
8 ข้าอ่อนแรงเจ็บปวด แตกร้าวอย่างสาหัส
คร่ำครวญเพราะความกระวนกระวายในหัวใจ

ขออยู่ต่อพระพักตร์ในความทุกข์นี้
9 โอพระเจ้าข้า ข้าปรารถนาเพียงอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์
เสียงถอนหายใจของข้าก็ไม่ได้ซ่อนจากพระองค์
10 ใจของข้าเต้นระส่ำ กำลังก็หายไป
ดวงตาของข้านั้น แทบมองอะไรไม่เห็น

ความเห็นของคนที่เคยรักและเพื่อน
11 คนที่ข้ารัก เและเพื่อนก็ยืนมองลงมา
ญาติพี่น้องก็ยืนอยู่ห่างไกลจากโรคภัยนี้
12 คนที่จ้องเอาชีวิต ก็เตรียมกับดักไว้ให้ข้า
คนที่พยายามทำให้ข้าเจ็บก็ขู่จะทำลาย
พวกเขาคิดแผนชั่วร้ายทั้งวี่ทั้งวัน
13 แต่ข้าไม่ได้ยิน ราวกับว่าเป็นคนหูหนวก
ข้าไม่เปิดปากพูด ราวกับว่าข้าเป็นคนใบ้
14 ข้าเป็นเหมือนคนที่ไม่อาจได้ยิน
และปากก็ไม่ตอบอะไร

ข้ายังหวังใจในพระเจ้าแม้อยู่ต่อหน้าศัตรู
15 โอ พระยาห์เวห์ ข้าหวังใจในพระองค์
พระองค์จะทรงตอบ โอ พระเจ้าของข้า
16 เพราะข้ากล่าวว่า “ขออย่าให้พวกเขายินดีเพราะข้า
เมื่อข้าลื่นล้ม คนเหล่านั้นก็จะทับถมข้าต่อไปอีก”
17 ข้ากำลังจะล้ม
และความเจ็บปวดก็อยู่กับข้าตลอดเวลา
18 ดังนั้นข้าจึงสารภาพบาปผิดของข้า
ข้าเป็นทุกข์นักเพราะบาปของข้า
19 แต่ศัตรูของข้าก็ตื่นตัวและมีกำลังมาก
คนเกลียดข้าโดยไม่มีเหตุก็เพิ่มขึ้น
20 พวกเขาเป็นคนที่ตอบความดีด้วยความชั่ว
พวกเขาโจมตีและพยายามเอาชีวิตข้า
เป็นเพราะข้าเดินตามทางที่ดี

โอพระเจ้าโปรดรีบมาช่วยข้า
21 ขออย่าทรงทอดทิ้งข้า โอ พระยาห์เวห์
ขออย่าทรงอยู่ห่างไกลข้า โอ พระเจ้าของข้า
22 ขอทรงรีบมาช่วยข้าด้วยเถิด
โอ องค์เจ้านาย พระผู้ช่วยให้รอดของข้า …

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 6:1; ฮีบรู 12:5-11

2*สดุดี 32:4; โยบ 6:4; สดุดี 64:7

3*สดุดี 6:2; 51:8; อิสยาห์ 1:5-6

4* สดุดี 40:12; เอสรา 9:6; 1 เปโตร 2:24

5* อิสยาห์ 1:5-6; เยเรมีย์ 8:22; สดุดี 69:5

6* สดุดี 35:14; 42:9; โยบ 30:28

7* สดุดี 102:3; กิจการ 12:23

8* สดุดี 32:3;
โยบ 3:24

9* สดุดี 102:5; 10:17

10* สดุดี 6:6-7; 88:9; 69:3

11* สดุดี 31:11; โยบ 19:13-17

12* สดุดี 35:20; 140:5

13* สดุดี 39:9; อิสยาห์ 53:7

14* มาระโก 15:3-5

15* สดุดี 17:6; 39:7; 138:3

16*สดุดี 94:18; 35:24-26

17* สดุดี 35:15;38:6; มีคาห์ 4:6-7

18* สดุดี 32:5; สุภาษิต 28:13

19*สดุดี 35:19; ยอห์ร 15:18-25

20* สดุดี 35:12; 1 ยอห์น 3:12; เยเรมีย์ 18:20

21* สดุดี 22:24; 22:19; 35:21-22

22* สดุดี 40:13; 27:1; อิสยาห์ 12:2

เป็นสดุดีบอกถึงการสำนึกผิด รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง กษัตริย์ดาวิดได้กลับมาหาพระเจ้า เพื่อขอพระเมตตาจากพระองค์

สดุดี 38: 1-2 ความเจ็บปวดที่ลงลึกมาก
กษัตริย์ดาวิดได้ทำผิดต่อพระเจ้า และท่านรับรสชาติของความเจ็บปวดที่ได้รับจากความไม่พอพระทัยของพระเจ้า แทนที่ท่านจะหนีห่างจากพระองค์ ท่านกลับเข้ามาทูลอ้อนวอนขอความกรุณา ทั้ง ๆ ที่ท่านรู้ว่าพระเจ้าทรงกริ้วแค่ไหนกับการที่ท่านทำบาป

สดุดี 38:3-4 ความผิดของข้าท่วมท้น
เราเห็นจากสิ่งที่เขียนลงมาว่า สุขภาพ ร่างกายของกษัตริย์ดาวิดนั้นทรุดโทรมลงไปมาก มีบาดแผลที่เน่า ท่านใช้คำว่า เน่าเหม็น เน่าเปื่อย แสดงว่า ตกอยู่ในสภาพที่ยับเยินจริง ๆ และก็ตกในสภาพนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ท่านมั่นใจจริง ๆ ว่า ที่เกิดเหตุเช่นนี้เป็นเพราะท่านได้ทำบาปต่อพระเจ้า ข้อสี่บอกว่าความผิดท่วมตัว เราเคยรู้สึกอย่างนี้ใช่ไหม ไม่ได้ต่างอะไรจากดาวิดเลย ตอนนี้ท่านเจ็บปวดมากทั้งใจและกาย

สดุดี 38:6-8 ความเจ็บปวดและสับสนของข้า
เรามาดูต่อไปว่า เกิดอะไรขึ้น ท่านเจ็บปวด ค้อมตัวลงเพื่อบรรเทาความเจ็บนั้น เจ็บทั้งร่างกายโดยเฉพาะที่เอวของท่าน คำว่าเอวนี้ ในความหมายของคนยิวคือ อารมณ์ ท่านกำลังปั่นป่วนในใจ กษัตริย์ดาวิดไม่ใช่แค่คร่ำครวญ ร้องครางเพราะเจ็บทางกาย ในข้อ 8 เราเห็นว่า ท่านเจ็บที่ใจมาก มีความกังวล ทุกข์ร้อนข้างในผสมไปกับร่างกายที่มีแต่บาดแผล และการลงวินัยจากพระเจ้า ( ข้อ 1)

สดุดี 38:9-10 ขออยู่ต่อพระพักตร์ในความทุกข์นี้
ในขณะที่เจ็บปวดสุดจะทน กษัตริย์ดาวิดได้ทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป จากคนอื่น ๆ ที่ไม่มีพระเจ้า แตกต่างไปจากคนที่ต้องช่วยตัวเองโดยไม่มีพระองค์
ท่านกล่าวว่า ข้าขอเพียงอยู่ต่อพระพักตร์ แม้จะมองแทบไม่เห็น แม้ไม่มีกำลัง ก็ขออยู่ต่อพระพักตร์ ให้คำอธิษฐานของท่านตอนนี้เป็นคำอธิษฐานของเราเมื่อเราพบความทุกข์ใจอย่างหนัก และหาทางออกไม่ได้

สดุดี 38:11-14 ความเห็นของคนที่เคยรักและเพื่อน
ในขณะที่ท่านขออยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า คนที่ท่านรัก เพื่อน ญาติ ก็อยู่ห่าง ๆ ไม่กล้าเข้ามาใกล้ โรคนี้เป็นโรคอะไรที่ทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้? มีความเห็นแตกต่างกันไป บางท่านให้ความเห็นว่าเป็นโรคเรื้อน หรือโรคผิวหนังที่ร้ายแรง บ้างก็ว่าเป็นโรคเกี่ยวกับไต เราไม่ทราบแน่ชัด แต่ในขณะที่พวกเขามองอยู่ห่าง ๆนั้นเอง ศัตรูก็คิดแผนชั่วที่จะทำร้าย แถมมาขู่ให้กลัว แต่กษัตริย์ดาวิดยามนี้ ท่านไม่สู้ แต่ทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน และนิ่งเสีย ท่านกำลังรอคอยพระเจ้าอยู่

สดุดี 38:15-20. ข้ายังหวังใจในพระเจ้าแม้อยู่ต่อหน้าศัตรู
สิ่งที่เราเห็นในข้อ 15-20 นี้ คือ กษัตริย์ดาวิดขณะนี้ไม่ได้เป็นนักรบที่เก่งกล้า ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดที่ใคร ๆ ก็จะกลัว แต่ท่านกำลังเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ท่านกำลังจะล้ม มีแต่ความเจ็บปวด แต่ท่านมั่นใจอย่างหนึ่งคือ จะหวังใจในพระเจ้าไม่ว่าสถานการณ์จะมาในรูปไหน ดูว่าศัตรูจะเป็นต่อ อยู่เหนือมากเพียงใด ท่านยังคงยึดพระเจ้าไว้อย่างมั่นคง นี่เป็นตัวอย่างของชีวิตเรายามมืดจริง ๆ

สดุดี 38: 21-22 โอพระเจ้าโปรดรีบมาช่วยข้า
ดูสิว่า เมื่อคร่ำครวญจนพอแล้ว กษัตริย์ดาวิดก็หันกลับมาขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า และท่านได้ร้องทูลอย่างที่น่าแปลกใจ ท่านกล่าวถึงพระเจ้าในพระลักษณะ ในพระนามแตกต่างกันไป
พระยาห์เวห์ หมายถึงองค์พระเจ้านิรันดร์ ผู้ทรงไม่ขึ้นกับใคร ทรงอยู่ด้วยพระองค์เอง
พระเจ้าของข้า หมายถึง พระเจ้าผู้เป็นเจ้าเหนือหัวของกษัตริย์ดาวิด
องค์เจ้านาย คือพระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้านายที่เป็นผู้บัญชา และในขณะเดียวกันทรงเป็นผู้ดูแลผู้ที่อยู่ใต้อารักขาของพระองค์
พระผู้ช่วยให้รอด นั่นคือ กษัตริย์ดาวิดมั่นใจอย่างยิ่งว่า พระเจ้าของท่านองค์นี้จะทรงช่วยกู้ให้รอดจากเหตุการณ์ที่ต้องทนทุกข์ทรมานทั้งกายใจตามที่ได้คร่ำครวญมา

สดุดี 37 ความแตกต่างของชีวิตอธรรมกับชีวิตเที่ยงธรรม

ภาพของ Vasily Surikov “The old man gardener” วาดเมื่อปี 1888

สดุดีของดาวิด
ไม่ต้องกังวลเรื่องคนชั่ว
1 อย่ากังวลใจไปเพราะคนทำความชั่ว
อย่าอิจฉาเหล่าคนที่ล่วงละเมิด
2 เพราะไม่นานนัก พวกเขาจะถูกโค่นลงเหมือนอย่างหญ้า
พวกเขาจะเป็นเหมือนต้นผักที่เหี่ยวแห้งไป

มั่นใจ วางใจในพระเจ้า
3 จงวางใจในพระยาห์เวห์และทำความดี
อาศัยในแผ่นดิน และ เลี้ยงดูชีวิตด้วยความซื่อตรงของพระองค์
4 ให้ใจของเจ้ายินดีในพระยาห์เวห์
และพระองค์จะประทานตามใจปรารถนาของเจ้า
5 จงมอบทางของเจ้าไว้ให้กับพระยาห์เวห์
และวางใจในพระองค์ และพระองค์จะทรงทำให้สำเร็จ
6 พระองค์จะทรงนำความเที่ยงธรรมของเจ้าออกมาดั่งแสงสว่าง
และความยุติธรรมของเจ้าราวกับเที่ยงวัน
7 จงพักในพระยาห์เวห์ และรอคอยพระองค์อย่างอดทน
อย่ากังวลใจไปเพราะคนที่รุ่งเรืองในทางชั่วร้ายของเขา
8 หยุดโกรธ และทิ้งความขุ่นเคืองออกไป
อย่ากังวลเพราะมีแต่จะสร้างความยุ่งยาก

ทรงลงโทษคนอธรรม และให้รางวัลคนใจถ่อม
9 เพราะคนทำชั่วจะถูกตัดออก
แต่คนที่รอคอยพระยาห์เวห์จะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก
10 เพราะอีกสักพัก คนชั่วก็จะไม่มีอยู่อีกต่อไป
จริง ๆ แล้ว หากเจ้าพยายามหาที่ของเขา มันก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป
11 แต่คนใจถ่อมจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก
เขาจะยินดีในสันติสุขที่มากมาย

สุดทางชีวิตของคนอธรรม
12 คนชั่ววางแผนร้ายต่อต้านคนเที่ยงธรรม
และยังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่เขาอีก
13 องค์เจ้านายทรงสรวลเยาะพวกเขา
เพราะพระองค์ทรงเห็นวันพินาศของพวกเขา
14 คนชั่วชักดาบออกมา และโก่งคันธนู
ไปยังคนยากจนและคนยากไร้เพื่อคว่ำพวกเขา
เพื่อเอาชีวิตของคนที่ทำสิ่งถูกต้อง
15 ดาบของพวกเขาจะหันกลับไปแทงใจของพวกเขาเอง
ธนูของเขาจะถูกหักเสีย

หนทางดี ๆ ของคนเที่ยงธรรม
16 น้อย ๆ ที่คนชอบธรรมมีก็ดีกว่า
ความมั่งคั่งของคนอธรรมมากมาย
17 เพราะแขนของคนชั่วจะถูกหัก
แต่พระยาห์เวห์จะทรงอุ้มชูคนเที่ยงธรรม
18 พระยาห์เวห์ทรงรู้วันเวลาของคนเที่ยงธรรม
และมรดกของเขาจะมีอยู่สืบไป
19 พวกเขาจะไม่ต้องอับอายในเวลาชั่วร้าย
และในเวลากันดารอาหารพวกเขาจะอิ่ม
20 แต่คนชั่วและศัตรูของพระยาห์เวห์จะพินาศ
พวกเขาระเหยหายไปราวกับความงามของทุ่งหญ้า
ที่เลือนหายไป
21 คนชั่วยืม และไม่ยอมคืน
แต่คนชอบธรรม แสดงใจเมตตาและให้เสมอ
22เพราะคนที่พระเจ้าทรงอวยพรจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก
แต่คนที่พระองค์ทรงสาปแช่งจะถูกตัดออกไป
23 พระยาห์เวห์ทรงนำก้าวย่างของคนดี
และพระองค์ทรงยินดีในทางของเขา
24 แม้เขาล้ม เขาจะไม่เสียหายอย่างสิ้นเชิง
เพราะพระยาห์เวห์ทรงอุ้มชูเขาด้วยพระหัตถ์

สติปัญญาจากบุรุษที่ตามติดพระทัยพระเจ้า
25 ข้าเคยเป็นหนุ่มและบัดนี้ชราแล้ว
แต่ข้าไม่เคยเห็นคนเที่ยงธรรมถูกทอดทิ้ง
หรือลูกหลานของเขาต้องขอทาน
26 เขามีใจเมตตา ให้ยืมเสมอ
ลูกหลานของเขาได้รับพระพร
27 จงหนีจากความชั่วและทำความดี
และดำรงชีวิตตลอดไป
28 เพราะพระยาห์เวห์ทรงรักความยุติธรรม
และไม่ทรงทอดทิ้งวิสุทธิชนของพระองค์
พระองค์ทรงรักษาพวกเขาตลอดไป
แต่ลูกหลานของคนชั่วจะถูกตัดออก
29 คนเที่ยงธรรมจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก
พวกเขาจะอาศัยในแผ่นดินตลอดไป
30 ปากของคนเที่ยงธรรมกล่าวสติปัญญา
และลิ้นของเขาพูดถึงความยุติธรรม
31 บัญญัติของพระเจ้าของเขาก็อยู่ในใจเขา
ไม่มีคนใดจะก้าวลื่นล้มไป
32 แต่คนชั่วร้ายเฝ้ามองคนเที่ยงธรรม
และพยายามที่จะสังหารเขา
33 พระยาห์เวห์จะไม่ทรงให้เขาตกในเงื้อมมือของคนชั่ว
จะไม่ทรงปรับโทษเมื่อทรงพิพากษา
34 จงรอคอยพระยาห์เวห์ และรักษาทางของพระองค์
และพระองค์จะทรงยกเจ้าขึ้น
เพื่อให้เจ้ารับแผ่นดินเป็นมรดก
และเจ้าจะเห็นพระองค์ทรงตัดคนอธรรม
ออกไปจากแผ่นดิน

ปลายทางของคนสองแบบ
35 ข้าได้เห็นคนชั่วร้ายที่มีอำนาจมาก
และแผ่อำนาจของเขาออกไปราวกับต้นไม้เขียว
36 แต่แล้วเขาก็ตายไป และดูเถิด ไม่มีเขาอีกแล้ว
ถึงแม้ข้าพยายามหาเขา แต่ก็ไม่พบ
37 จงมองดูคนที่ไร้ตำหนิ และสังเกตคนที่เที่ยงธรรม
เพราะอนาคตของเขาคือสันติสุข
38 แต่คนที่ล่วงละเมิดจะถูกทำลาย
อนาคตของคนชั่วร้ายจะถูกตัดเสีย
39 แต่ความรอดของคนเที่ยงธรรมมาจากพระยาห์เวห์
พระองค์ทรงเป็นกำลังของพวกเขาในยามยากลำบาก
40 และพระยาห์เวห์จะทรงช่วยพวกเขา จะทรงช่วยกู้พวกเขา
พระองค์จะทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากคนชั่วร้าย
ทำให้พวกเขารอดพ้น เพราะพวกเขาวางใจในพระองค์

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 73:3; สุภาษิต 23:17

2* โยบ 14:2; สดุดี 90:5

3* เยเรมีย์ 17:7-8; มัทธิว 6:31-33

4*โยบ 22:26; สดุดี 94:19

5*สดุดี 55:22; สุภาษิต 16:3

6*โยบ11:17; อิสยาห์ 58:8,10

7* ยากอบ 5:7-11; ฮีบรู 10:36-37

8*สุภาษิต 14:29; 16:32; เอเฟซัส 4:31

9* อิสยาห์ 60:21; 57:13; สดุดี 25:13

10* โยบ 24:24; 7:10 ; วิวรณ์ 6:10-11

11* มัทธิว 5:5; กาลาเทีย 5:22-23

12* สดุดี 35:16; 31:13; มีคาห์ 2:1

13* สดุดี 2:4; สุภาษิต 1:26

14* สุภาษิต 29:27; สดุดี 11:2

15* สดุดี 7:14-15; 35:8

16*สุภาษิต 16:8; 15:16-17; 1 ทิโมธี 6:6

17* สดุดี 145:14; 63:8; อิสยาห์ 41:10

18* สดุดี 1:6; 103:17; 1 เปโตร 1:4-5

19* สดุดี 33:19 ; อิสยาห์ 33:16

20* สดุดี 102:3; 68:2 ; ลูกา 13:3

21* ฮีบรู 13:16; สดุดี 112:5;

22* สุภาษิต 3:33; 1 โครินธ์ 16:22; สดุดี 37:9

23* สุภาษิต 16:9; 4:26; สดุดี 40:2

24* สุภาษิต 24:16; สดุดี 145:14

25* ฮีบรู 13:5; สดุดี 25:13; 112:2

26* สดุดี 112:5,9; มัทธิว 5:7

27*สดุดี 34:14; 1 ยอห์น 2:16-17

28* สุภาษิต 2:22; สดุดี 21:10; อิสยาห์ 59:21

29* วิวรณ์ 21:7; 2 เปโตร. 3:13

30* สุภาษิต 25:11-13; โคโลสี 4:6

31* เฉลยธรรมบัญญัติ 6:6; สดุดี 40:8; เยเรมีย์ 31:33

32* สดุดี 10:8-10; ลูกา 20:20

33* 2 เปโตร 2:9; สดุดี 109:31

34* สดุดี 27:14; มัทธิว 24:13

35* สดุดี 73:3-11

36*สดุดี 37:10; อิสยาห์ 10:33-34

37*อิสยาห์ 32:17; 2 ทิโมธี 4:6-8

38*สุภาษิต 14:32; สดุดี52:5

39* สดุดี 9:9; 91:15

40* อิสยาห์ 31:5

สดุดีบทนี้มีความคล้ายคลึงกับสุภาษิตมาก เพราะสอนมนุษย์ให้รู้จักคิดในมุมมองของพระเจ้า เพราะมนุษย์มักจะถามว่า “ทำไมคนชั่วจึงรุ่งเรือง? ทำไมพระเจ้าปล่อยให้เขาโอหังนานนัก?

ภาพของ Vasily Surikov “The old man gardener” วาดเมื่อปี 1888

อธิบายสรุปย่อ

สดุดี 37:1-2
ไม่ต้องกังวลเรื่องคนชั่ว
ข้อความนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ต่อสู้กับสิ่งที่ชั่ว สิ่งที่ทำลายคนอื่น เราต่อสู้ แต่เราไม่ต้องกังวล ไม่ต้องรู้สึกอิจฉาคนผิด เพราะพวกเขาสมควรที่จะโดนทำลายอย่างในข้อ 2 อยู่แล้ว

สดุดี 37:3-8
มั่นใจ วางใจในพระเจ้า
พระคำหกข้อดังกล่าว เป็นสุด ๆ ของพระคำสำหรับคนยุคนี้ เพราะว่าเราเห็นชัด ว่าคนชั่วมักรุ่งเรือง มีชื่อเสียง มีอำนาจ อย่าลืมว่าโลกนี้กำลังเห็นผิดเป็นถูก ถูกเป็นผิด
เราจึงมีโอกาสที่จะทำตามพระคำตอนนี้ และจะได้รู้ว่าพระเจ้าจะทรงทำอย่างไรกับชีวิตของเรา สิ่งสำคัญคือ ไม่ต้องกังวลใจ ทำหน้าที่ของเราในฐานะพลเมืองและคนของพระเจ้าตามแบบของพระองค์ ถ้าจะต้องสู้เรื่องอะไร เราก็จะรู้ และพระเจ้าจะทรงนำให้สู้อย่างถูกต้อง ตามวิถีของพระองค์

สดุดี 37:9-11
พระเจ้าทรงลงโทษคนอธรรม และให้รางวัลคนใจถ่อม
กษัตริย์ดาวิดเน้นการรอคอยพระเจ้า จากข้อ 7,9,34 การรอคอยพระเจ้าไม่ใช่นั่งเฉย ๆ แต่เป็นการผูกพันกับพระองค์มากขึ้น และมากขึ้น เหมือนกับคนที่กำลังทอเชือกให้ยาวให้แข็งแรง ใช้เวลาอยู่กับพระองค์ คนที่รอพระเจ้าจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก นั่นคือ การรับพระพรอย่างเต็มบริบูรณ์

สดุดี 37:12-15
สุดทางชีวิตของคนอธรรม
คนชั่วมัวแต่วางแผนกำจัดคนเที่ยงธรรม แต่พระเจ้าทรงเห็นทุกอย่างล่วงหน้าว่าพวกเขาจะพินาศ
เมื่อพวกเขาทำร้ายคนจน สิ่งที่เขาทำจะหวนกลับมาทำลายพวกเขาเอง เราก็เห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในโลกเช่นกัน

สดุดี 37:16-24
หนทางดี ๆ ของคนเที่ยงธรรม
กษัตริย์ดาวิดเข้าใจว่าพระเจ้าจะทรงทำอะไรกับคนเที่ยงธรรม คือคนที่วางใจในพระองค์ และอะไรจะเกิดขึ้นกับคนอธรรม ท่านจึงเขียนลงมาให้เห็นเป็นรายการอย่างชัดเจน ลองขีดเส้นคนละสีดูว่า สิ่งที่แตกต่างของคนอธรรมกับคนชอบธรรมนั้นเป็นอย่างไร ทรงอุ้มชูเขาด้วยพระหัตถ์

สดุดี 37:25-34
สติปัญญาจากบุรุษที่ตามติดพระทัยพระเจ้า
สิ่งที่ชัดเจนจากกษัตริย์ดาวิดคือ ท่านไม่เคยเห็นคนของพระเจ้าถูกทอดทิ้ง … พวกเขาจะมีทางไปเสมอ แม้ทางดูว่าเป็นทางตัน แต่พระเจ้าก็เปิดประตูให้ เขาไปต่อได้ และไม่นั่งนิ่งเฉย ๆ รอความช่วยเหลือของมนุษย์
ในข้อ 27 ท่านเตือนให้หนีความชั่ว ทำความดี เป็นการใช้ชีวิตแบบที่ถูกต้องต่อพระเจ้า
ข้อ 30-31 พระคำของพระเจ้าอยู่ในใจและปากของเขา เขารอคอยพระองค์ รักษาทางของพระเจ้า
และพระเจ้าจะทรงทำตามพระสัญญาของพระองค์ ในข้อ 34

สดุดี 37:35-40
ปลายทางของคนสองแบบ
แล้วกษัตริย์ดาวิดก็มาสรุปอีกครั้งว่า ทางของคนชอบธรรมนั้น แม้จะยากลำบากพระเจ้าก็ทรงเป็นกำลังของเขา เราจึงเห็นว่า ถึงแม้คนของพระองค์ถูกข่มเหง ถูกห้ามไม่ใช่เชื่อพระองค์ ถูกเจ้าหน้าที่รัฐตามตัว หรือถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายตามฆ่า พวกเขาก็ยังไม่กลัวคนเหล่านั้น เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นจริงในชีวิตให้เขาได้รู้ว่า พระองค์ทรงอยู่ด้วยจริง ๆ และแม้กระทั่งถึงจะเสียชีวิตไป แต่พวกเขาก็จะมีชีวิตที่รอดพ้นจากความตาย แต่จะได้อยู่กับพระเจ้าเป็นนิตย์

สดุดี 36 มนุษย์ชั่ว แต่พระเจ้าทรงดีเหลือเกิน

ฟ้าที่อยุธยา

ถึงหัวหน้านักร้อง ของดาวิด ผู้รับใช้พระยาห์เวห์
ความชั่วร้ายของมนุษย์
1 คนชั่วนั้น ชั่วถึงกระดูก
เขาไม่เกรงกลัวพระเจ้าเลย
2 เขาหยิ่งเกินไปที่จะรับรู้ว่าตนบาป
และไม่อาจเลิกทำบาปได้
3 คำจากปากของเขาทั้งชั่วร้ายและล่อหลอก
เขาหยุดที่จะทำอย่างคนฉลาด หยุดที่จะทำดี
4 แม้กระทั่งบนที่นอน เขาก็ยังคิดแผนชั่ว
ตั้งใจไปในทางที่ไม่ดี เขาไม่เกลียดชังความชั่วเลย

พระเจ้าทรงเป็นที่สุดของที่สุด
5 โอ พระยาห์เวห์ ความรักมั่นคงของพระองค์สูงถึงฟ้า
และความซื่อตรงของพระองค์สูงถึงเมฆ
6 ความเที่ยงธรรมของพระองค์ เป็นเหมือนกับภูเขาสูงที่สุด
การพิพากษาของพระองค์เป็นเหมือนทะเลลึกที่สุด
โอ พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงรักษาทั้งมนุษย์และสัตว์ไว้
7 โอ พระเจ้าข้า
ความรักมั่นคงของพระองค์นั้นทรงคุณค่ามากเท่าใด
ดังนั้น ลูกหลานของมนุษย์ภายใต้ร่มปีกของพระองค์
จึงวางใจในพระองค์
ชีวิตของผู้ที่ติดตามพระเจ้า
8 พวกเขาเต็มอิ่มกับความมั่งคั่งจากพระวิหาร
และพระองค์ทรงให้พวกเขาดื่มจากธารน้ำ
แห่งความโปรดปรานของพระองค์
9 เพราะน้ำพุแห่งชีวิตอยู่กับพระองค์​
เราเห็นทุกสิ่งใดเพราะแสงสว่างจากพระองค์
10 ขอทรงยืนยันความรักมั่นคงต่อคนที่รู้จักพระองค์
และทรงยืนยันความเที่ยงธรรมของพระองค์
ต่อคนที่มีใจเที่ยงตรง
11 ขอโปรดอย่าให้เท้าของคนเย่อหยิ่งมาต่อสู้ข้า
หรือมือของคนชั่วร้ายมาไล่ข้าออกไป
12คนที่ทำความชั่วล้มลงไป
พวกเขาถูกโยนทิ้งไป และไม่อาจที่จะลุกขึ้นมาได้อีกเลย

พระคัมภีร์เชื่อมโยง

1* โรม 3:18; สุภาษิต 16:6

2*สดุดี 49:38; เฉลยธรรมบัญญัติ 29:19

3*เยเรมีย์ 4:22; สดุดี 55:21

4*มีคาห์ 2:1; สุภาษิต 4:16

5* สดุดี 108:4; อิสยาห์ 55:7-9

6*โรม 11:33, สดุดี 145:9

7*สดุดี 86:5; 1ยอห์น 3:1

8* สดุดี65:4; 16:11; อิสยาห์ 25:6

9* ยอห์น 8:12; 4:10,14 ; 1 ยอห์น 1:7

10* เยเรมีย์ 22:16; ฮีบรู 8:11

11*สดุดี 119:69; 17:8-14

12* สดุดี 1:5 ; วิวรณ์ 19:1-6

ราชาดาวิดเรียกตัวท่านเองว่า ผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์เฉพาะในสดุดีบทที่ 18 และบทนี้เท่านั้น เข้าใจว่าบทที่ 36 เขียนเมื่อยังหนุ่ม และบทที่ 18 เป็นตอนที่ท่านอายุมากแล้ว

สดุดี 36:1-4
ความชั่วร้ายของมนุษย์
ลักษณะของคนที่ชั่วร้ายเกิดจากใจที่ไม่เกรงกลัวพระเจ้าก่อน เขาไม่คิดว่าเขาจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง สังเกตได้ว่าคนที่ทำชั่วจนเป็นนิสัย เขาคิดไม่ออกว่าสิ่งที่เขาทำนั้นผิดต่อผู้อื่นขนาดไหน เขาสามารถพูดโกหก พูดโกงต่อหน้าต่อตา ต่อประชาชนมากมายโดยไม่รู้ตัวเลยว่า ใคร ๆ ก็เห็นกึ๋นของเขา ท่านดาวิดได้บรรยายความชัดเจนมาก ท่านเห็นคนแบบนี้มาแล้วว่า ก่อนจะหลับไปยังคิดแผนชั่วได้ด้วย

สดุดี 36:5-7
พระเจ้าทรงเป็นที่สุดของที่สุด
คราวนี้ ท่านดาวิดได้หันกลับไปหาพระเจ้าผู้ประเสริฐ แตกต่างจากมนุษย์ที่ท่านกล่าวถึงในสี่ข้อแรกอย่างสิ้นเชิง เราควรที่จะเก็บพระคำข้อ 5-10 นี้ไว้ในใจของเรา จำเอาไว้ ท่องจำ มั่นใจในความดีของพระเจ้าตามที่ท่านดาวิดได้บอกเรา.
ความรักมั่นคงของพระเจ้า สูงถึงฟ้า ทรงคุณค่า (7) = มหาศาล ครอบคลุมทุกแห่ง
ความซื่อตรงของพระเจ้า สูงถึงเมฆ = เยอะมาก สวยงาม อยู่ล้อมเรา ให้เราเห็นเสมอ
ความเที่ยงธรรมของพระเจ้า เหมือนภูเขาสูงที่สุด= มองเห็นแต่ไกล เข้มแข็ง มั่นคง ไม่คลอนแคลน
การพิพากษาของพระองค์ เหมือนทะเลลึก = ลึกล้ำ เราอาจหยั่งถึงไม่หมด
ร่มปีกของพระองค์ เป็นที่พักพิง หลบภัยของเรา

สดุดี 36:8-12
ชีวิตของผู้ที่ติดตามพระเจ้า
ใครที่อยู่ในพระเจ้า เขาจะเต็มบริบูรณ์ในวิญญาณของเขาเพราะพระวิหารของพระเจ้านั้นมั่งคั่ง สมบูรณ์ พระวิหารนั้นเป็นของพระเจ้าแต่ก็เป็นของเขาด้วย เพราะเขาเป็นลูกของพระองค์
ชีวิตใครที่มีความโปรดปรานของพระเจ้าอยู่ ถึงแม้เขาไม่รู้ แต่ถ้าหากเขาดูดี ๆ มองให้ออก เขาจึงจะเข้าใจว่า เมื่อพระเจ้าโปรดปรานใคร มันแตกต่างจากคนที่ไม่ทรงโปรดปรานอย่างไร
แค่นั้นยังไม่พอ เรายังมีน้ำพุแห่งชีวิตที่ทำให้สดชื่น ให้ชีวิต รวมไปถึงที่เราจะมองเห็นทุกอย่างด้วยความเข้าใจเพราะพระเจ้าให้แสงสว่างของพระองค์ ช่วยให้เราเห็นทุกสิ่งอย่างชัดเจน
จากนั้นราชาดาวิดทูลขอพระเจ้าทรงย้ำเตือนความรักมั่นคงให้กับคนของพระองค์และไม่ให้คนชั่วมาทำอันตรายคนของพระองค์ได้
นี่เป็นคำอธิษฐานที่เราจะอธิษฐานเผื่อเพื่อนผู้เชื่อในประเทศที่ต้องถูกข่มเหงได้
อย่าลืมว่าพี่น้องคริสเตียนต้องอธิษฐานเผื่อกันและกันแม้จะไม่รู้จักกันเป็นส่วนตัว

สดุดี 35 ขอร้องพระเจ้าให้ทรงล่าศัตรู

ขอพระเจ้าทรงช่วยให้พ้นจากศัตรู. สดุดีของดาวิด
ขอที่กำบัง
1 โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงต่อสู้กับเหล่าคนที่ต่อสู้ข้า
ขอทรงรบรากับคนที่รบรากับข้า
2 ขอพระองค์ทรงถือโล่และเขน
และประทับยืนเพื่อช่วยข้า
3 ขอทรงชูหอกและหยุดเหล่าคนที่ตามไล่ล่าข้า
ขอตรัสแก่วิญญาณของข้าว่า
“เราคือความรอดของเจ้า”

ขอทรงให้หายนะมาถึงศัตรู
4 ขอให้คนที่พยายามเอาชีวิตของข้านั้น
ต้องรับความอับอาย กลายเป็นคนไร้เกียรติ
ขอให้คนที่วางแผนทำลายข้า
ต้องล่าถอยและพบเจอกับความสับสน
5 ให้พวกเขาเป็นเหมือนแกลบที่ลมพัดไป
และขอทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ไล่ล่าพวกเขา
6 ขอให้ทางของเขาทั้งมืดมนและลื่น
และทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ตามล่าพวกเขาไป
7 เพราะพวกเขาทำตาข่ายเตรียมดักข้าโดยไม่มีเหตุ
พวกเขาขุดหลุมพรางดักข้าโดยไม่มีเหตุ
8 ขอให้หายนะมาถึงเขาอย่างไม่คาดฝัน
ให้เขาตกลงไปในตาข่ายที่พวกเขาซ่อนเอาไว้เอง
9 แล้ววิญญาณของข้าจะยินดีในองค์พระยาห์เวห์
วิญญาณข้าจะชื่นชมในความรอดจากพระองค์
10 ทั้งกายและใจของข้าจะกล่าวว่า
มีใครเป็นเหมือนพระยาห์เวห์บ้าง
ที่ทรงช่วยคนอ่อนแอให้พ้นจากคนที่แข็งแรงกว่า
ทรงช่วยผู้ยากไร้และแร้นแค้นให้พ้นจากคนที่ปล้นพวกเขา

พยานเท็จที่มาใส่ร้ายและเยาะเย้ย
11 เกิดพยานเท็จที่โหดร้ายปรักปรำข้า
กล่าวหาในสิ่งที่ข้าไม่รู้เรื่อง
12 พวกเขาตอบสนองความดีด้วยความชั่ว
และวิญญาณของข้าก็หมดหวัง
13 เมื่อพวกเขาป่วย ข้าก็สวมผ้ากระสอบ
ข้าถ่อมตนลงด้วยการอดอาหาร
ข้าก้มลงอธิษฐานเผื่อ
14 ราวกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อน พี่น้องของข้าเอง
ข้าก้มลงกับพื้นราวกับคนเศร้าโศกถึงแม่ของตนเอง
15 แต่เมื่อข้าทุกข์ร้อน พวกเขากลับรวมตัวกันแสดงความยินดี
สมคบกันเพื่อต่อต้านข้าตอนที่ข้าไม่รู้ตัว
คนที่ข้าไม่เคยรู้จัก ก็ไม่หยุดที่จะใส่ร้ายข้า
16 พวกเขาเยาะหยันข้าไม่หยุดหย่อน
เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ข้า
17 โอ พระผู้เป็นเจ้านาย
พระองค์จะทรงมองดูนานเท่าไร
ขอทรงช่วยข้าให้พ้นจากหายนะ
ขอทรงช่วยกู้ชีวิตอันมีค่าจากเหล่าสิงโต

คำสัญญาว่าจะสรรเสริญให้คนมากมายรู้
18 ข้าจะถวายคำขอบพระคุณในที่ประชุมใหญ่
ข้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางผู้คนมากมาย

การเยาะเย้ยที่ดาวิดรู้ว่าจะต้องเจอ
19 ขอโปรดอย่าให้คนเหล่านั้นที่มาเป็นศัตรูยิ้มเยาะข้าได้
ขออย่าให้คนที่เกลียดข้าโดยไม่มีเหตุเยาะหยันข้าได้
20 เพราะพวกเขาไม่พูดถึงสันติ
มีแต่ความพยายามที่จะสร้างเรื่องเพื่อหลอกผู้คน
21 พวกเขาเปิดปากต่อต้านข้า
กล่าวร้ายว่า “นั่นไง นั่นไง เราเห็นมากับตา”

คำร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า ขอความอัปยศให้ศัตรู
22 โอ พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเห็น
ขออย่าทรงนิ่งเฉย
โอ องค์เจ้านาย ขออย่าทรงอยู่ห่างข้า
23 ขอพระองค์ทรงตื่นขึ้น ขอทรงลุกขึ้นปกป้องข้าพระองค์
พระเจ้าของข้า องค์เจ้านายของข้า ขอทรงเห็นแก่ข้าด้วย
24 ขอทรงพิสูจน์ว่าข้าไม่ผิด ตามความเที่ยงธรรมของพระองค์
โอ พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้า
ขออย่าทรงให้พวกเขาเยาะหยันข้าได้
25 อย่าให้เขาคิดในใจได้ว่า อา สมใจเราแล้ว
อย่าให้พวกเขาพูดได้ว่า เรากลืนเขาได้แล้ว!
26 ขอให้คนที่พอใจกับความหายนะของข้า
ต้องอับอาย และสับสน
ให้พวกเขาสวมความน่าละอาย
และให้คนที่ยกยอตนเองเหนือข้า
ต้องเจอกับความอัปยศอดสู

สัญญาว่าจะสรรเสริญพระเจ้า
27 ให้คนที่ชื่นชมกับความเที่ยงธรรมของข้า
ตะโกนด้วยความชื่นชม และยินดีนัก
ให้พวกเขากล่าวว่า “ขอยกย่องเทิดทูนพระยาห์เวห์
พระผู้ทรงพอพระทัยกับสวัสดิภาพของผู้รับใช้ของพระองค์”
28 และลิ้นของข้าจะกล่าวถึงความเที่ยงธรรมของพระองค์
และสรรเสริญพระองค์ตลอดทั้งวัน

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 43:1; 119:154; เยเรมีย์ 51:36; อิสยาห์ 49:25

2* อิสยาห์ 42:13; อพยพ 15:3

3* สดุดี 27:2; อิสยาห์ 12:2

4* สดุดี 40:14,15; 70:2; 129:5

5*โยบ 21:18; สดุดี 83:13; อิสยาห์ 29:5

6* เยเรมีย์ 23:12; 13:16

7* สดุดี 9:15; 140:5; ยอห์น 15:25

8*สดุดี 55:23; อิสยาห์ 47:11; 1 เธสะโลนิกา 5:3

9* อิสยาห์ 16:10; สดุดี 13:5; ฟีลิปปี 3:1-3

10* สดุดี 51:8; 140:12; อพยพ 15:11;

11*สดุดี 27:12; มัทธิว 26:59-60

12* สดุดี 38:20; 109:5; เยเรมีย์ 18:20; ยอห์น 10:32

13* โยบ 30:25; สดุดี 69:10-11

14* ลูกา 19:41-42; สดุดี 38:6; 2 ซามูเอล 1:11-12, 17-27

15* มาระโก 14:65; สดุดี 7:2

16* เพลงคร่ำครวญ 2:16; โยบ 16:9; สดุดี 37:12

17* สดุดี 13:1; ฮาบากุก 1:13; สดุดี 89:46

18* ฮีบรู 2:12; โรม 15:9; สดุดี 138:4-5

19* สดุดี 69:4; 13:4; ยอห์น 15:25;

20* กิจการ 25:3; มัทธิว 12:24

21* สดุดี 40:15;22:13; 70:3

22* สดุดี 28:1; 10:1; อพยพ 3:7

23* สดุดี 44:23; 7:6; อิสยาห์ 51:9

24* สดุดี 43:1; 35:19; 26:1

25*เพลงคร่ำครวญ 2:16; สดุดี 124:3

26* สดุดี 109:29

27* โรม 12:15; สดุดี 40:16; 149:4

28* สดุดี 71:24; 145:5,21

อธิบายเพิ่มเติม

หลายคนบอกว่า สดุดีบทนี้ ยอดสุดสำหรับการอธิษฐานเมื่อเราเจอสงครามฝ่ายวิญญาณในชีวิต และจริง ๆ แล้วเป็นบทอธิษฐานเผื่อเพื่อน ๆ ของเราที่ถูกกดขี่ ข่มเหง ไม่ว่าจะจากครอบครัว ที่ทำงาน ชุมชน แม้กระทั่งรัฐบาลที่ห้ามไม่ให้เชื่อพระเยซูคริสต์

สดุดี 35:1-3 ขอที่กำบัง
ดาวิดทูลขอพระเจ้าให้ทรงออกรบแทนท่าน

สดุดี 35:4-10 ขอทรงให้หายนะมาถึงศัตรู
ดาวิดขอให้พระเจ้าทรงไล่ล่าและจัดการทำให้ศัตรูต้องละอาย คำว่าทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์นี้ มีความหมายถึงพระเยซูผู้ที่เวลานั้นยังมิได้ทรงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ เหมือนในสดุดี 34:7 ที่ว่า 7 ทูตสวรรค์ของพระเจ้าอยู่ล้อมรอบ และช่วยกู้คนที่ยำเกรงพระองค์. ท่านบ่งบองชัดเจนว่า ศัตรูจะทำอย่างไรกับท่าน ท่านก็จะทำตอบเขาอย่างนั้น
แผนใด ๆ ก็ตามที่ศัตรูทำขึ้นมาเพื่อจัดการท่าน ท่านขอให้กลับไปหาพวกเขาเหมือนกัน
และถ้าพระเจ้าตอบคำอธิษฐานท่านก็สัญญาจะยินดีในพระองค์

สดุดี 35:11-17 พยานเท็จที่มาใส่ร้ายและเยาะเย้ย
ท่อนนี้ เป็นการคร่ำครวญมากกว่าจะเป็นการทูลขอ. ดาวิดอธิบายชัดเจนว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง ท่านกล่าวถึงความดีที่ท่านทำให้ศัตรู ในทางกลับกันหากดาวิดเจอความทุกข์ พวกเขาก็จะเยาะเย้ยและทำให้สถานการณ์แย่ลง

สดุดี 35:18 คำสัญญาว่าจะสรรเสริญพระเจ้าให้คนมากมายได้รู้
ท่านขอให้พระเจ้าอย่าทรงแค่มองดู เมื่อพระองค์ทำกิจตามคำขอ ดาวิดจะสรรเสริญพระองค์ต่อหน้าคนหมู่มาก ท่านจะทำให้ทุกคนรอบข้างได้รู้ถึงการตอบคำอธิษฐานนั้น

สดุดี 35:19-21 การเยาะเย้ยที่ดาวิดรู้ว่าจะต้องเจอ
บางครั้งการเกลียดชังที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษเลย ดาวิดขอพระเจ้าอย่าให้โอกาสคนพวกนั้นเยาะเย้ย เราจะเห็นความเกลียดที่ถูกปะทุขึ้นในทางการเมืองอยู่ตลอดเวลาในโลกทุกวันนี้ เราจึงไม่แปลกใจว่า ความเกลียดนั้นอยู่ในทุกสังคม ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นไหน เชื้อชาติใด คำอธิษฐานของดาวิดจึงเข้ากับโลกปัจจุบันนี้มาก

สดุดี 35:22-26 คำร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า
ศัตรูของดาวิดหาเรื่องใส่ร้ายได้ทุกทาง แต่ดาวิดรู้ว่า พระเจ้าทรงเห็นทุกอย่างว่าท่านทำผิดจริงหรือไม่ ดาวิดกล้าที่จะขอให้พระเจ้าทรงปกป้อง ท่านแน่ใจว่า ท่านไม่ได้ทำผิดอย่างที่ศัตรูให้ร้าย และศัตรูที่ให้ร้ายคนอื่นก็จะเป็นคนที่เย่อหยิ่ง ยกตัวขึ้นเสมอไป (26)

สดุดี 35:27-28 สัญญาว่าจะสรรเสริญพระเจ้า
จบสดุดีด้วยการที่ดาวิดขอให้คนที่อยู่ฝ่ายท่านได้ถวายพระสิริแด่พระเจ้า แม้ดาวิดจะไม่ใช่คนที่ทำถูกต้องตลอดเวลา แต่ท่านก็อยู่ฝ่ายพระเจ้าเสมอ และการที่ทำผิดและหันกลับมาหาพระเจ้าก็ดีกว่าทำผิดแล้วเตลิดไปไม่กลับมา