สดุดี 44 ขอทรงลุกขึ้นมา ช่วยพวกเรา

นอกเมืองเยรีโคก่อนกำแพงพัง

ถึงหัวหน้าวงดนตรี มัสคิลของวงศ์วาน โคราห์
บทเพลงสดุดีเพื่อให้ความเข้าใจ

ในอดีต พระเจ้าทรงตั้งประเทศให้กับพวกเขา
1 โอ พระเจ้าข้า เราได้ยินกับหู
บรรพบุรุษของเราได้บอกเราไว้ถึง
พระราชกิจที่ทรงกระทำในยุคของท่าน ในวันโบราณ
2 ทรงไล่ชนชาติทั้งหลายออกไปด้วยพระหัตถ์
และทรงให้พวกเขาตั้งรกรากขึ้นมา
พระองค์ทรงให้ชนชาติเหล่านั้นต้องทุกข์ยาก
และทรงไล่พวกเขาออกไป
3 พวกเขามิได้ยึดแผ่นดินด้วยดาบของพวกเขา
แขนของพวกเขามิได้ช่วยกู้ตนเอง
แต่เป็นพระหัตถ์ขวา และ พระกรของพระองค์
รวมทั้งแสงจากพระพักตร์
เพราะทรงพอพระทัยในพวกเขา
4 พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของเรา
โอพระเจ้า ทรงบัญชาให้ยาโคบได้รับการช่วยกู้
5 เราเอาชนะศัตรูได้โดยพระองค์
โดยพระนาม เราเหยียบย่ำเหล่าคนที่ลุกขึ้นต่อสู้พวกเรา
6 เพราะข้ามิได้วางใจในธนูของข้า
มิวางใจว่า ดาบจะช่วยให้รอดได้
7 แต่พระองค์ทรงช่วยเราจากศัตรู
และทรงทำให้คนที่เกลียดชังเราต้องอับอาย
8 เราโอ้อวดพระเจ้าของเราเรื่อยมา
และเราจะถวายคำขอบคุณต่อพระนามของพระองค์ตลอดไป
เซ ลาห์
พวกเขาถูกโจมตี เสียหายมาก ประเทศเพื่อนบ้านเยาะหยัน
9 แต่แล้วพระองค์ทรงทิ้งเรา และทรงทำให้เราอับอาย
พระองค์มิได้เสด็จไปกับกองทัพของเรา
10 ทรงทำให้เราหันหลังหนีศัตรู
และคนที่เกลียดชังเราก็ริบข้าวของไป
11  พระองค์ทรงทำให้เราเป็นดั่งแกะสำหรับนำไปฆ่า
ทรงทำให้เรากระจัดกระจายไปตามชาติต่าง ๆ
12 พระองค์ทรงขายคนของพระองค์ในราคาน้อยนิด
ไม่ได้ทรงเรียกร้องราคาสูงเลย
13 พระองค์ทรงทำให้เรากลายเป็นที่เย้ยหยันของเพื่อนบ้าน
ถูกพวกเขายั่วเย้า และคนรอบข้างก็เหยียดหยาม
14 พระองค์ทรงทำให้เราเป็นคำล้อเลียน
ท่ามกลางชาติต่าง ๆ เป็นที่ขบขันของคนทั้งหลาย
15 ความน่าอายของข้าก็อยู่ต่อหน้าข้าทั้งวัน
ความอับอายปกคลุมใบหน้าของข้าไว้

16 ก็เพราะเสียงของคนที่เยาะหยัน
ก็เพราะศัตรูและผู้ที่จองล้างจองผลาญ

ขอพระเจ้าทรงชี้ให้เห็นถึงต้นตอของความทุกข์ยากนี้
17 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับเรา แต่เราก็ไม่ได้ลืมพระองค์
และเราไม่ได้ทำผิดต่อพันธสัญญาของพระองค์
18 ใจของเราไม่ได้หันกลับไปจากพระองค์
เราไม่ได้ก้าวเท้าออกไปจากทางของพระองค์

19  แม้พระองค์ทรงฉีกเราในที่ของหมาป่า
และปกคลุมพวกเราไว้ด้วยเงาแห่งความตาย

20 หากเราได้ลืมพระนามของพระเจ้าของเรา
และชูมือขึ้นบูชาพระต่าง ๆ
21 พระเจ้าจะไม่ทรงเห็นหรือ ?
เพราะพระองค์ทรงรู้ความลับในใจ
22 แต่เพื่อเห็นแก่พระองค์ เราถูกฆ่าทั้งวัน
เราถูกนับเหมือนแกะที่จะถูกนำไปฆ่า

ทูลขอพระเจ้าทรงลุกขึ้นช่วยประชากรของพระองค์
23  ขอทรงตื่นขึ้น เหตุใดพระองค์จึงบรรทมอยู่
โอ้พระผู้เป็นเจ้า?
ขอทรงลุกขึ้น
ขออย่าทรงทิ้งขว้างพวกเราตลอดไป
24  เหตุใดพระองค์จึงทรงซ่อนพระพักตร์?
เหตุใดพระองค์ทรงลืมความทุกข์ยาก
และการถูกกดขี่ของพวกเรา?
25  เพราะวิญญาณของเราน้อมลงถึงดิน
ร่างของเราอยู่ติดพื้นดิน
26  ขอพระองค์ทรงลุกขึ้น ขอทรงมาช่วยเรา
ขอทรงไถ่เรา
เพื่อเห็นแก่ความรักมั่นคงของพระองค์

พระคำเชื่อมโยง

1* อพยพ 12:26,27; เฉลยธรรมบัญญัติ 6:20; ผู้วินิจฉัย 6:13; สดุดี 78:3

2*อพยพ 15:17; 2 ซามูเอล 7:10; เยเรมีย์ 24:6; อาโมส 9:15

3* เฉลยธรรมบัญญัติ 8:17-18; 4:37; 7:7-8; โยชูวา 24:12;

4* สดุดี 74:12

5* เฉลยธรรมบัญญัติ 33:17; ดาเนียล 8:4

6*1 ซามูเอล 17:47; สดุดี 33:16; โฮเชยา 1:7

7* โยชูวา 1:5; สดุดี 144:10

8* สดุดี34:2; เยเรมีย์ 9:24

9* สดุดี 60:1

10* เลวีนิติ 26:17; โยชูวา 7:8,12; สดุดี 89:43

11*สดุดี 44:22, โรม 8:36; เลวีนิติ 26:33; เฉลยธรรมบัญญัติ 4:27,28:64

12* อิสยาห์ 52:3-4; เยเรมีย์ 15:13

13* สดุดี 79:4, 80:6; เยเรมีย์ 24:9

14*เฉลยธรรมบัญญัติ 28:37; โยบ 16:4

15* สดุดี 69:7; เยเรมีย์ 51:51

16* สดุดี 8:2

17* ดาเนียล 9:13

18* โยบ23:11

19*อิสยาห์ 34:13; สดุดี23:4

20* เฉลยธรรมบัญญัติ 6:14

21* โยบ 31:14; สดุดี 139:1,2; เยเรมีย์ 17:10

22* โรม 8:36

23* สดุดี 7:6

24* โยบ 13:24

25* สดุดี 119:25

26*สดุดี 130:7-8

สดุดีบทที่ 44 เป็นการคร่ำครวญถึงความพ่ายแพ้ และความรู้สึกว่า พระเจ้าไม่ทรงอยู่กับพวกเขาเหมือนเมื่อก่อน เราไม่ทราบว่า สดุดีบทนี้เขียนตอนที่ถูกศัตรูโจมตีตอนไหน​… แต่ในที่สุด ผู้เขียนก็ไม่ได้หันจากพระเจ้า แต่ขอความช่วยเหลือจากพระองค์เท่านั้น

สดุดี 44:1-8
ในอดีต พระเจ้าทรงตั้งประเทศให้กับพวกเขา
ผู้เขียนย้อนคิดไปถึงคราวที่พระเจ้าทรงตั้งประเทศขึ้นมา พระองค์ทรงช่วยให้พวกเขาชนะศึกต่าง ๆ และพระองค์ทรงจัดการให้พวกเขาสามารถรวมกลุ่มกันได้เป็นประเทศอิสราเอลที่น่าเกรงขาม ภาษาที่ใช้ในบทนี้ เป็นภาษาทางการทหาร การต่อสู้ที่ผ่านมา พระเจ้าทรงอยู่กับพวกเขามาโดยตลอด เป็นเรื่องที่เล่าขานกันต่อ ๆ มา ชัดเจนว่า ที่อยู่ถึงวันนี้ได้ก็เพราะพระเจ้า
เราจะเห็นว่า ข้อ 6 และข้อ 15 เปลี่ยนจากคำว่าเรา มาเป็นข้า … ตัวเอง ในขณะที่ทั้งหมดเป็นเรื่องของคนทั้งชาติ ตั้งแต่ข้อ 4 จนมาถึงข้อ 8 เราเห็นความมั่นใจว่า พระเจ้าทรงช่วยในอดีต เขาโอ้อวดพระเจ้าเสมอ วันนี้ พระองค์ก็น่าจะทรงช่วยเช่นกัน

สดุดี 44:9-16
พวกเขาถูกโจมตี เสียหายมาก ประเทศเพื่อนบ้านเยาะหยัน
แต่แล้ว เมื่อมีศึกใหม่มา เหตุการณ์ไม่เป็นเหมือนเดิม นอกจากพระเจ้าไม่ทรงอยู่ด้วยแล้ว (9) พระองค์ยังทรงทำให้พวกเขากระจัดกระจายไป ไม่ให้อยู่ในแผ่นดินที่พระองค์ทรงนำพาพวกเขาเขามา (11-12) พระองค์เป็นผู้มอบพวกเขาให้ศัตรู (ข้อ 12)
ที่น่าปวดใจมากคือ กลายเป็นที่ล้อเลียนของศัตรู (13-14) ชีวิตอัปยศอดสู ถูกแช่งด่าตลอด (15-16) เขารู้สึกอับอายทุกวัน
ถ้าเราจะดูการต่อต้านอิสราเอลในวันนี้ เราจะสัมผัสได้เลยว่า รุนแรงแค่ไหน คนอิสราเอลจะรู้สึกหวาดกลัวขนาดไหน

สดุดี 44:17-22
ขอพระเจ้าทรงชี้ให้เห็นถึงต้นตอของความทุกข์ยากนี้
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องมีสาเหตุสิ ผู้เขียนยังคิดว่า พวกเขาไม่ผิด ยังคงซื่อตรงต่อพระเจ้า ใจไม่หันไปไหน เท้าไม่ออกไปจากทางของพระองค์​
แต่ทำไมพระเจ้าทรงทำกับพวกเขาอย่างนี้ สำหรับคนยิวแล้ว ในเมื่อพระเจ้าทรงเห็นทุกอย่างที่เขาทำ ไม่มีสิ่งใดพ้นจากสายพระเนตรไปได้ เขาทูลขอพระเจ้าทรงตรวจสอบใจของเขา (20-21) ดูแล้วไม่มีเหตุผลเลยที่ต้องเจอแบบนี้

สดุดี 44:23-26
ทูลขอพระเจ้าทรงลุกขึ้นช่วยประชากรของพระองค์
ไม่ว่าจะทุกข์หนักเพียงไหน ไม่รู้ว่าเหตุผลอะไร ผู้เขียนยังคงเข้ามาหาพระเจ้าขอพระเมตตา เขาใช้คำที่รุนแรงมาก ทำไมพระองค์ทรงหลับอยู่? ทำไมพระองค์ซ่อนพระพักตร์? เขาร้องขอพระเจ้าโปรดทำอะไรสักอย่างเถิด เขาขอให้พระเจ้าลุกขึ้น ช่วยและไถ่ เพราะเขารู้ว่าพระเจ้าทรงรักมั่นคงนัก

สดุดี 43 หวังใจแม้ในยามลำบาก

1 โอ พระเจ้า ขอทรงพิสูจน์ว่าข้าไม่ผิด
ขอทรงปกป้องข้าจากคนไร้พระเจ้า
จากคนหลอกลวงและคนที่ไร้คุณธรรม ขอทรงช่วยข้าให้รอด!
2 เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าทรงเป็นที่ ๆ ข้าเข้าไปหลบภัย
เหตุใดพระองค์จึงทรงปฏิเสธข้า?
เหตุใดข้าจึงต้องคร่ำครวญเพราะการข่มเหงของศัตรู?
3 ขอพระองค์ทรงส่งแสงสว่างและความจริงของพระองค์
มาเพื่อนำชีวิตของข้า
ให้ทั้งสองนำข้ามา
ยังภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์
มายังพระนิเวศของพระองค์
4 แล้วข้าจะไปยังแท่นบูชาของพระเจ้า
พระเจ้าผู้ทรงเป็นความยินดีล้นเหลือของข้า
และข้าจะสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณ
โอ้พระเจ้า พระเจ้าของข้า
5 เหตุใดเจ้าจึงท้อแท้ โอวิญญาณจิตของข้า ?
และเหตุใดเจ้าจึงกระสับกระส่ายอยู่ภายใน?
จงหวังใจในพระเจ้า
เพราะข้าจะสรรเสริญพระองค์อีกครั้ง
โอความรอดและพระเจ้าของข้า

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 26:1; 35:24; 1 ซามูเอล 24:15; สดุดี 35:1

2* สดุดี 42:9, 28:7

3* สดุดี 40:11; สดุดี 3:4

4* ฮาบากุก 3:17-18; สดุดี 57:8

5* สดุดี 42:5,11

สดุดี บทที่ 42 และ 43 เป็นเหมือนสดุดีที่ต่อกัน สามตอน น่าจะเป็นบทเดียวกัน มีประโยคที่เหมือนกันอยู่ที่ 42:5, 11 และ 43:5
บทที่ 43 นี้ เริ่มต้นการขอความยุติธรรม และขอการปกป้องจากคนอธรรม ซึ่งน่าจะเป็นศัตรูที่กวาดพวกเขาไปเป็นเชลย ข้อหนึ่งนี้เหมือนกับบทที่ 42 :9
ส่วนข้อที่สามขอให้พระเจ้าทรงส่งแสงสว่าง และความจริงมา พูดไปแล้ว พระเจ้าก็ทรงตอบคำอธิษฐานนี้ เพราะต่อมาพระองค์ได้ทรงส่งพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นแสงสว่างและความจริง มาบังเกิดในหมู่คนอิสราเอล น่าเสียดายที่อิสราเอลจำนวนมากมองไม่เห็นความจริงนี้
ข้อที่สี่ ผู้เขียนต้องการไปยังแท่นบูชา เพื่อนมัสการพระเจ้า เขาพูดทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นใจก็กระสับกระส่ายอยู่
ข้อความตอนนี้ทำให้เราเห็นเลยว่า เมื่อมีความทุกข์ใจ มีความกระวนกระวายใจ
เราต้องสั่งใจของเราให้คิดอย่างถูกต้อง
เชื่อหวังใจในพระเจ้า ไม่ว่าสถานการณ์รอบตัว และจิตใจจะเป็นอย่างไรก็ตาม

สดุดี 42 เหตุใดจึงท้อแท้นัก ?

ภาพจาก pixabay.com โดย StockSnap

ถึงหัวหน้าวงดนตรี สดุดีแห่งความเข้าใจ จากลูกหลานโคราห์
เหตุใดจึงหดหู่ ท้อแท้?
1 จิตวิญญาณของข้ากระหายหาพระเจ้า
เหมือนอย่างกวางตัวเมียที่กระเสือกกระสนหาธารน้ำ
2 จิตวิญญาณข้ากระหายหาพระเจ้า หาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์
เมื่อไรข้าจะได้เข้ามาและเข้าเฝ้าต่อพระพักตร์ ?
3 น้ำตาของข้ากลายเป็นอาหารทั้งกลางวันและกลางคืน
ขณะที่พวกเขากล่าวกับข้าทั้งวันว่า “พระเจ้าของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
4 ขณะที่ข้าเทวิญญาณจิตออกมานั้น
ข้าจำได้ถึงการที่ข้าได้เดินนำฝูงชนไปยังพระนิเวศของพระเจ้า
พร้อมกับเสียงร้อง และบทเพลงแสดงการขอบพระคุณ
ท่ามกลางผู้คนในงานฉลองเทศกาล

จะหายจากความรู้สึกนั้นได้อย่างไร
5 จิตวิญญาณของข้าเอ๋ย เหตุใดเจ้าจึงท้อแท้นัก?
เหตุใดจึงกระสับกระส่ายอยู่ข้างในแบบนี้?
จงหวังใจในพระเจ้า
เพราะข้าจะสรรเสริญพระองค์อีก ผู้ทรงเป็นความรอด


แล้วทำไมยังหดหู่ใจไม่หยุด?
6 และพระเจ้าของข้า จิตวิญญาณของข้าท้อแท้อยู่ข้างใน
ดังนั้น ข้าระลึกถึงพระองค์จากแผ่นดินจอร์แดน
และจากภูเขาเฮอร์โมนจนถึงภูเขามิซาร์

7 ห้วงลึก เรียกหาห้วงลึกด้วยเสียงคำรามแห่งน้ำตกของพระองค์
ทั้งคลื่นและก้อนน้ำที่ม้วนท่วมลงมานั้น โถมใส่ข้า
8 ยามกลางวัน องค์พระผู้เป็นทรงบัญชา
ความรักมั่นคงของพระองค์
ยามกลางคืนเพลงของพระองค์ก็อยู่กับข้า
เป็นคำอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งชีวิตของข้า
9 ข้าทูลต่อพระเจ้าผู้เป็นพระศิลาของข้า
“เหตุใดพระองค์จึงทรงลืมข้า
เหตุใดข้าจึงต้องคร่ำครวญเพราะการข่มเหงของศัตรู?”
10 ศัตรูต่างเยาะหยันข้าดั่งมีบาดแผลลึกถึงกระดูก
ขณะที่เขาก็กล่าวทั้งวันว่า “พระเจ้าของเจ้าอยู่ที่ไหน?”

หายจากความรู้สึกอันมืดมน หมดหวังอย่างไร?
11 เหตุใดเจ้าจึงท้อแท้ โอจิตวิญญาณของข้า
และเหตุใดเจ้าจึงกระสับกระส่ายอยู่ภายใน?
จงหวังใจในพระเจ้า เพราะข้าจะสรรเสริญพระองค์อีกครั้ง
โอความรอดและพระเจ้าของข้า

พระคำเชื่อมโยง

1*สดุดี 63:1-2; 143:6-7; 119:131

2* สดุดี 84:10; 27:4; 36:8-9

3* สดุดี 79:10; 115:2; 80:5; 102:9

4*สดุดี 62:8; 55:14; อิสยาห์ 30:29

5*สดุดี 42:11; 43:5; 71:14; เพลงคร่ำครวญ 3:24

6*สดุดี 61:2; โยนาห์ 2:7

7*โยนาห์ 2:3; สดุดี 88:7; 69:14-15

8* สดุดี 149:5; 63:6; โยบ 35:10

9* สดุดี 38:6; 43:2; เพลงคร่ำครวญ 5:1-16

10*สดุดี 42:3; โยเอล 2:17

11* สดุดี 42:5; เยเรมีย์ 33:6

เป็นสดุดีที่แนะนำให้วางใจพระเจ้าในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ลูกหลานของโคราห์เป็นผู้เขียน โดยตั้งใจจะให้กับผู้นำดนตรีในพระวิหาร ตระกูลโคราห์นั้น ทำหน้าที่ทางดนตรีมาตั้งแต่สมัยที่เดินอยู่ในถิ่นกันดาร จนกระทั่งมีการสร้างพระวิหารในเยรูซาเล็ม
สดุดีบทนี้เป็นบรรพที่สองของสดุดีทั้งหมด เราจะพบว่า มีการเปลี่ยนการเรียกพระเจ้าจากพระยาห์เวห์เป็นเอโลฮิม บทนี้ผู้เขียนได้บอกว่าเขามีความหดหู่ ท้อแท้เป็นอย่างมาก ซึ่งเราทุกคนย่อมพบเหตุการณ์อย่างนั้นในชีวิต แล้วดูว่า เขาคิดอย่างไรต่อไป….

สดุดี 42 :1-4. เหตุใดจึงหดหู่ ท้อแท้?
สดุดีบทนี้เหมาะกับทุกคนที่กำลังรู้สึกซึมเศร้า ท้อแท้ ผู้ที่เขียนมีความรู้สึกขาดแคลนในฝ่ายวิญญาณ ไม่มีกำลังใจเหลือ ท่านไม่ได้ต้องการหาความช่วยเหลือจากคน ไม่ได้ต้องการหาทรัพย์สมบัติ แต่หัวใจกำลังต้องการพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์สุด ๆ
ถามตัวเองว่า เมื่อไรจะได้เข้าเฝ้าพระเจ้า? นั่นคือท่านกำลังต้องการความรู้สึกต่อพระเจ้าตรงหน้า
ความรู้สึกอึดอัดใจเพิ่มขึ้นอีกเพราะมีคนมาเยาะเย้ย และถามว่า พระเจ้าของเจ้าอยู่ที่ไหน? ไม่ได้แค่พูดครั้งเดียว แต่พูดทั้งวันทั้งคืน ทำให้ท่านกินไม่ได้นอนไม่หลับ
และขณะที่ท่านกำลังเทใจออก คร่ำครวญอยู่นั้น ท่านก็นึกถึงวันที่ได้นำคนเป็นจำนวนมากไปยังพระวิหารของพระเจ้า เป็นช่วงเวลาแห่งความร่าเริงใจ เป็นเวลาที่มีแต่เสียงร้องเบิกบาน

สดุดี 42:5 จะหายจากความรู้สึกนั้นได้อย่างไร
ผู้เขียนถามตนเอง และตอบโดยสั่งให้ตนเองหวังใจในพระเจ้า แม้จะยังไม่เห็นทางออก
สรรเสริญพระเจ้าทั้งที่ยังกระสับกระส่ายอยู่ นี่เป็นวิธีบำบัดใจที่ทุกข์ร้อนของท่าน
ท้อแท้ + กระสับกระส่าย ต้อง หวังใจในพระเจ้า+สรรเสริญพระองค์
ใคร ๆ อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องพูดง่าย แต่ทำยาก ก็..อาจจะใช่ เพราะถึงอย่างนั้น ท่านยังไม่หยุดทุกข์ใจ

แล้วทำไมยังหดหู่ใจไม่หยุด?
ตอนนี้ผู้เขียนยังครุ่นคิดว่า แม้จะตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ แต่มีครั้งหนึ่งในชีวิตที่ท่านไม่ได้อยู่ในเยรูซาเล็ม แต่อยู่ไกลจากความสะดวกสบาย ในเวลานั้น มีความทุกข์ใจใหญ่หลวงท่วมท้นในชีวิต
ราวกับน้ำในห้วงลึกที่โถมเข้ามา เป็นภาพของทุกข์ซ้อนทุกข์ ไม่รู้จะหาใครช่วย
ถึงกระนั้น ท่านยังรู้ว่า พระเจ้าทรงยังส่งความรักของพระองค์ลงมา จะมืดอย่างไร ท้อแท้แค่ไหน ความรักของพระเจ้ายังรออยู่ ทั้งกลางวัน และกลางคืน
ท่านยังทูลต่อพระเจ้าผู้เป็นพระศิลา พระเจ้าผู้ทรงเข้มแข็งดั่งหินผา ถามพระองค์ว่าทำไมพระองค์ทรงลืมข้าไป ทำไมถูกศัตรูข่มเหง ตรงนี้เราเห็นด้วยว่า ไม่ใช่เจ็บใจเท่านั้น แต่เมื่อโดนมาก ๆ เขาท่านเจ็บกาย เจ็บปวดถึงกระดูกทีเดียว เพราะคำถามที่ล้อเลียนพระเจ้า ดูหมิ่นพระองค์ ทำให้เจ็บมาก

หายจากความรู้สึกอันมืดมน หมดหวังอย่างไร?
ขณะที่เผชิญหน้าศัตรู เผชิญความมืดมน จนตรอก ถูกเย้ยหยัน ผู้เขียนไม่ได้ปิดบังความรู้สึกต่าง ๆ ที่ประดังเข้ามานั้นเลย
ท่านตั้งใจที่จะหวังใจในพระเจ้าอย่างมั่นคง มั่นใจว่าจะสรรเสริญพระเจ้าผู้จะทรงช่วยให้ท่านรอดจากสถานการณ์นั้นอย่างแน่นอน
นี่เป็นสดุดีสำหรับเราทุกคนที่เผชิญความตกต่ำในจิตวิญญาณ ที่จะแสวงหา ปรารถนาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และรอให้พระองค์กู้เราขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง