สดุดี 50 พระเจ้าเอง..ทรงพิพากษา

ภาพจาก pixcove.com

สดุดีของอาสาฟ

องค์ผู้ทรงฤทธิ์เสด็จมาพิพากษาคนของพระองค์
1 โอ องค์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้า องค์พระยาห์เวห์
พระองค์ตรัสและทรงเรียกแผ่นดินโลก
จากที่ ๆ อาทิตย์ขึ้น จนถึงที่ ๆ อาทิตย์ตก
2 พระเจ้าทรงส่องแสงออกมาจากศิโยน
เป็นความงามที่สมบูรณ์แบบ
3 พระเจ้าของเราเสด็จมา  พระองค์ไม่ทรงนิ่งเงียบ
ข้างหน้าคือ ไฟที่เผาผลาญ  รอบ ๆ พระองค์คือพายุกล้า
4 พระองค์ทรงเรียกสวรรค์เบื้องบน  และแผ่นดินโลก
เพื่อว่าจะทรงพิพากษาคนของพระองค์ 
5 จงรวบรวมคนที่ซื่อตรง 
คนที่ทำสัญญากับเราด้วยเครื่องบูชา 
6 ฟ้าสวรรค์ประกาศความเที่ยงธรรมของพระเจ้า
เพราะพระองค์เองทรงเป็นผู้พิพากษา เซ ลาห์

คำตรัสก่อนพิพากษา เครื่องบูชาไม่ใช่สิ่งที่ทรงต้องการ
7 ประชากรของเรา จงฟัง และเราจะตรัสกับเจ้า
โอ้ อิสราเอล เราจะเป็นพยานสู้กับเจ้า 
เราคือพระเจ้า พระเจ้าของเจ้า
8 เรามิได้ตำหนิเจ้าในเรื่องเครื่องบูชา 
เครื่องเผาบูชานั้นมีอยู่ต่อหน้าเราเสมอ
9 เราจะไม่รับวัวหนุ่มจากบ้านของเจ้า
ไม่รับแพะจากคอกของเจ้า 
10 เพราะสัตว์ป่าทุกตัวในป่าเป็นของเรา
และฝูงวัวควายบนเนินเขานับพันลูกก็เป็นของเรา
11เรารู้จักนกบนภูเขาทุกตัว
และทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวในท้องนาเป็นของเรา
12 หากเราหิว เราจะไม่บอกเจ้า
เพราะทั้งโลกและทุกสิ่งในนั้นเป็นของเรา
13 เรากินเนื้อวัวหรือ? หรือว่าเราดื่มเลือดแพะ?

สิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์จากการนมัสการ
14 จงถวายเครื่องบูชาแห่งการขอบพระคุณแด่พระเจ้า
และทำตามคำปฏิญาณต่อองค์ผู้สูงสุด
15 และจงร้องหาเราในวันแห่งความลำบาก
เราจะช่วยกู้เจ้า และเจ้าจะถวายเกียรติเรา

พระเจ้าทรงตำหนิคนชั่ว
16 แต่พระเจ้าตรัสกับคนที่ชั่วร้ายว่า
“เจ้ามีสิทธิอะไรที่จะท่องกฎบัญญัติของเรา
หรือกล่าวพันธสัญญาของเราออกมา?
17 เพราะเจ้าเกลียดวินัย
และเจ้าเขวี้ยงคำของเราทิ้งไว้เบื้องหลัง
18 เมื่อเจ้าเห็นโจร เจ้าก็ยินดีไปกับเขา
และเจ้าเป็นพวกกับคนที่ล่วงประเวณี
19 เจ้าปล่อยให้ปากของเจ้าพูดชั่วอย่างอิสระ
และลิ้นของเจ้ามีแต่คำหลอกลวง
20 เจ้านั่งลงและกล่าวคำต่อต้านพี่น้องของเจ้า
เจ้าใส่ร้ายลูกชายของแม่เจ้าเอง

คำพิพากษาของพระเจ้า
21 เจ้าทำสิ่งเหล่านี้ และเราก็นิ่งเงียบ
เจ้าก็เลยคิดว่าเราเป็นเหมือนเจ้า
แต่บัดนี้เราขอตำหนิและวางคดีของเจ้าตรงหน้า
22 “เจ้าคนที่ลืมพระเจ้า จงรู้เอาไว้
มิฉะนั้นเราจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ และไม่มีใครที่จะช่วยเจ้าได้!

คำสัญญาต่อคนที่ขอบพระคุณ และจัดชีวิตถูกต้อง
23 คนที่ถวายคำขอบพระคุณเป็นเครื่องบูชาก็ให้เกียรติเรา 
เราจะสำแดงความรอดของพระเจ้า
ให้กับคนที่จัดทางของเขาอย่างถูกต้อง

พระคำเชื่อมโยง

1*โยชูวา 22:22; สดุดี 113:3

2*เพลงคร่ำครวญ 2:15; สดุดี 48:2; 80:1; 94:1

3* อพยพ 19:16; สดุดี 21:9; 97:3; ดาเนียล 7:10

4*ฉธบ. 4:26; 31:28; 32:1; อิสยาห์ 1:2

5* อพยพ 24:7; ปฐมกาล 15:9-18

6* สดุดี 89:5; 97:6; วิวรณ์ 16:5

7* สดุดี 81:8; 49:1

8* สดุดี 40:6

9*มีคาห์ 6:6-8; ฮีบรู 10:4-6

10* โยนาห์ 4:11; เยเรมีย์ 27:5-6

11*มัทธิว 10:29

12* สดุดี 24:1

14* สดุดี 50:23; 27:6; 69:30

15*สดุดี 81:7; 107:6; เศคาริยาห์ 13:9

16* อิสยาห์ 29:13; 1:11-15; สดุดี 78:36-38

17*โรม 2:21-22; 1 พงศ์กษัตริย์ 14:9; เนหะมีย์ 9:26

18* โรม 1:32; 1 ทิโมธี 5:22

19* สดุดี 52:2

20*มัทธิว 10:21; เลวีนิติ 19:16

21*ปัญญาจารย์ 8:11; อิสยาห์ 57:11

22*สดุดี 9:17; 7:2

23* สดุดี 50:14-15; 91:16; กาลาเทีย 6:16

อาสาฟผู้เขียน เป็นนักร้องนักดนตรีในสมัยของกษัตริย์ดาวิดและโซโลมอน (1 พงศาวดาร 15:17-19)

สดุดี 50:1-6 องค์ผู้ทรงฤทธิ์เสด็จมาพิพากษาคนของพระองค์
ผู้เขียนได้เรียกพระนามของพระเจ้า ถึงสามพระนาม คือ องค์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้า และพระยาห์เวห์ สื่อให้เรารู้ว่า พระเจ้านั้นทรงฤทธิ์ ทรงดำรงนิรันดร์ ทรงเป็นพระเจ้าเหนือจักรวาลนี้ และจากศิโยน พระองค์ทรงเรียกคนของพระองค์ ทุกคนในโลก เพื่อจะพิพากษาพวกเขา ทุกคนในโลกต้องรับการพิพากษาจากพระเจ้า และคนของพระองค์นั้น เป็นพวกแรกที่พระเจ้าทรงเรียกมา
พายุกล้า ไฟป่าเป็นสิ่งที่น่ากลัว แต่พระเจ้าทรงน่ากลัวกว่านั้น เพราะเมื่อเสด็จมา ทั้งสองอย่างนี้มาพร้อมกับพระองค์

สดุดี 50:7-13 คำตรัสก่อนพิพากษา เครื่องบูชาไม่ใช่สิ่งที่ทรงต้องการ
พระเจ้ากำลังบอกคนของพระองค์ว่า สิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ไม่ใช่เครื่องบูชา พิธีกรรม ทรงยืนยันว่าทุกอย่างที่มนุษย์พยายามถวายพระองค์นั้น เป็นของพระองค์อยู่ก่อนแล้ว
คนส่วนใหญ่เวลาถวายเครื่องบูชาเสร็จ ขอให้พระเจ้ายกโทษเสร็จก็รู้สึกจบ สบายใจ แล้วก็กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม

สดุดี 50:14-15 สิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์จากการนมัสการ
ในโลกที่เต็มด้วยความทุกข์ยากและปัญหา ไม่ว่าจะเกิดจากอะไร พระเจ้าทรงประสงค์ให้คนของพระองค์ เรียกร้องหาพระองค์
ขอให้พระองค์ทรงช่วยกู้ แน่นอนที่มีหลายอย่างในชีวิตที่พระเจ้าทรงให้เรามีสติปัญญาทำเองได้ แต่ในทุกเรื่องพระองค์
ทรงพอพระทัยที่จะช่วยกู้เสมอ และมนุษย์จะมีใจกตัญญูถวายพระเกียรติแด่พระองค์

พระเจ้าทรงตำหนิคนชั่วและคำพิพากษาของพระเจ้า
สิ่งที่พระเจ้าตรัสในข้อ 16-22 ไม่ได้พูดถึงคนอื่น แต่ถึงคนที่บอกว่าตัวเองเชื่อพระเจ้า แต่กลับปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามที่บรรยายไว้ ดังนั้น คนที่คิดว่า ตนเองเชื่อพระเจ้า และทำอะไรก็ได้ยังไงก็รอดตัวต้องเข้าใจใหม่ เพราะพระเจ้าทรงแจ้งให้ชัดเจนว่า อะไรเป็นอะไร ทางของคนแบบไหนจะเจออะไร

คำสัญญาต่อคนที่ขอบพระคุณ และจัดชีวิตถูกต้อง
ผู้เขียนได้ย้ำอีกครั้งถึงความสำคัญของการขอบพระคุณ ทุกวันเราได้ขอบพระคุณพระเจ้า ถวายพระเกียรติพระองค์ไหม
พระสัญญาที่ทรงสัญญาไว้ตรงนี้ สำคัญนัก เรามีส่วนที่จะทำให้ตนเองได้รับตามพระสัญญาด้วย…


สดุดี 49 ชีวิตและความตายของมนุษย์

ภาพถ่ายโดยคุณ Brett Sayles จาก www.pexel.com

ถึงหัวหน้านักร้อง สดุดีของลูกหลานโคราห์
ผู้เขียนเรียกผู้คนให้มาฟังปัญญา

1  จงฟัง ชนชาติต่าง ๆ
จงเอียงหูเข้ามา เหล่าผู้ที่อาศัยอยู่ในโลก
2  ทั้งคนต่ำต้อย และคนที่เป็นใหญ่.
ทั้งคนรวยและคนยากจนให้ฟังไปพร้อม ๆ กัน
3 ปากของข้าจะกล่าวสติปัญญา
คำตรึกตรองของใจข้าคือความเข้าใจ
4 ข้าจะคอยเอียงหูฟังสุภาษิต
ข้าจะไขปริศนาด้วยท่วงทำนองของพิณ

ค่าไถ่ชีวิต ราคาเท่าไร?
5 เหตุใดข้าจึงจะต้องกลัวในเวลายากลำบาก
เมื่อความบาปของคนที่โกงข้านั้น อยู่ล้อมรอบข้า
6 คนที่วางใจในความมั่งคั่ง
และโอ้อวดถึงความร่ำรวยที่ล้นเหลือ
7 ความจริงคือ ไม่มีใครสามารถไถ่ชีวิตใครได้
หรือถวายค่าของชีวิตเขาแด่พระเจ้า
8  เพราะค่าไถ่ของชีวิตเขานั้นสูงมาก
และไม่สามารถจ่ายได้เลย …​
9  เพื่อที่จะให้เขามีชีวิตอยู่ตลอดไป
และไม่ต้องเจอกับหลุมศพ

ทรัพย์สินกำจัดความตายไม่ได้
10 เพราะเขาเห็นว่า แม้คนมีปัญญาก็ตาย
ทั้งคนโง่ และคนเขลาต่างก็สิ้นไป
และทิ้งทรัพย์สมบัติให้แก่ผู้อื่น
11 ความคิดในใจ (หลุมศพ)เป็นบ้านของเขาตลอดไป
เป็นที่อาศัยจนหลายชั่วอายุคน
ถึงแม้เขาเรียกแผ่นดินนั้น เป็นชื่อของเขาเอง
12 มนุษย์ในความภูมิฐานของเขาก็ยังไม่คงอยู่
เขาเป็นเหมือนสัตว์ป่าที่ต้องพินาศไป

จะไปไหนดี?
13 นี่เป็นทางของคนที่มีความมั่นใจแบบโง่ ๆ
เป็นจุดจบของคนที่หลงในความร่ำรวยของตนเอง
เซ ลาห์
14 พวกเขาถูกกำหนดให้ลงไปในแดนคนตายเหมือนกับแกะ
ผู้เลี้ยงของพวกเขาคือความตาย
และคนที่เที่ยงธรรมจะปกครองเหนือเขาในเวลาเช้า
ร่างของเขาจะถูกผลาญในแดนคนตาย ไม่มีที่ ๆจะอาศัย
15  แต่พระเจ้าทรงไถ่ชีวิตของข้าจากอำนาจแดนคนตาย
เพราะพระองค์จะทรงรับข้าไว้ เซลาห์

คำเตือนคนมั่งคั่งให้คิดได้ก่อนสายไป
16  อย่ากลัวเมื่อคนหนึ่งมั่งคั่งขึ้นมา
เมื่อบ้านของเขาใหญ่โตหรูหราขึ้นมา
17  เพราะเมื่อเขาตาย เขาจะไม่ได้เอาอะไรไปด้วย
ความโอ่อ่าของเขาจะไม่ตามเขาลงไป
18  เพราะถึงแม้ว่าเขาคิดว่า ตัวเองได้รับพรตอนที่มีชีวิตอยู่
และได้รับคำยกย่องเมื่อทำสิ่งดีเพื่อตัวเอง
19 วิญญาณของเขาจะเข้าไปรวมกับบรรพบุรุษ
ซึ่งไม่มีใครจะได้เห็นแสงสว่างอีกเลย
20 มนุษย์ในความภูมิฐานของเขาแต่ไม่มีความเข้าใจ
ก็เป็นเหมือนสัตว์ป่าที่ต้องพินาศไป

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 78:1; วิวรณ์ 2:17; 2:7

2* ยากอบ 2:1-7; 1:9-11; วิวรณ์ 6:15-17

3* มัทธิว 12:35; สุภาษิต 22:20-21

4*สดุดี 78:2 ; มัทธิว 13:35; สุภาษิต 1:6

5*โรม 8:33-34; กิจการ 27:24; อาโมส 5:13

6* 1 ทิโมธี 6:17; เยเรมีย์ 9:23; สดุดี 52:7

7*มัทธิว 16:26; 20:28; 1 เปโตร 1:18

8* มัทธิว 16:26; โยบ 36:18-19

9* สดุดี 89:48; 16:10; กิจการ 13:35-37

10* ลูกา 12:20; สดุดี 39:6; ฮีบรู 9:27

11*ปฐมกาล 4:17; สดุดี 64:6; 5:9

12* ปัญญาจารย์ 3:18-21; สดุดี 49:20; 39:5

13* ลูกา 12:20; 16:27-28; 1 โครินธิ์. 3:19

14*มาลาคี 4:3; 1 โครินธ์ 6:2

15* โฮเชยา 13:14; สดุดี 73:24; 56:13

16* สดุดี 37:7; 49:5

17* 1 ทิโมธี 6:7; ลูกา 16:24

18*เฉลยธรรมบัญญัติ 29:19; ลูกา 12:19

19* โยบ 33:30

20* ปัญญาจารย์ 3:19

สดุดี 49:1-2 ผู้เขียนเรียกผู้คนให้มาฟังปัญญา
ผู้เขียนได้เชิญชวนทุกคนให้เข้ามาฟังท่านกล่าวคำแห่งปัญญา ซึ่งเนื้อหาของสดุดีบทนี้เตือนสติให้ทุกคนรู้ว่า เป็นมนุษย์ก็จะต้องตาย ท่านเตือนคนที่มั่งคั่งโดยตรง และไม่ได้พูดถึงอิสราเอลโดยเฉพาะแต่กำลังพูดกับคนทั่ว ๆ ไป เป็นสดุดีที่จะมอบปัญญาและความเข้าใจให้กับผู้ที่อ่านและฟัง แปลกที่ท่านตั้งใจจะไขปริศนาด้วยเสียงเพลง

สดุดี 49:5-9 ค่าไถ่ชีวิต ราคาเท่าไร?
ผู้เขียนกล่าวชัดเจนว่า ท่านไม่เหมือนคนที่วางใจเงินทอง เพราะท่านไม่ต้องกลัว และท่านไม่ต้องกลัวความตายด้วย คนรวยที่ท่านพูดถึงเป็นคนที่โอ้อวดความรวยของตน เชื่อมั่นว่าเงินจะตอบปัญหาทุกอย่างให้ ในขณะเดียวกันท่านก็เตือนให้รู้ว่า ไม่มีใครสามารถยื้อชีวิตตนเองให้อยู่ตลอดไปในโลกนี้ได้ ที่จริงคนที่รวยมาก ๆ ส่วนใหญ่จะมองไม่เห็นชีวิตฝ่ายวิญญาณ เห็นแต่ชีวิตที่มีเงินใช้ไม่หมด

สดุดี 49:10-12 ทรัพย์สินกำจัดความตายไม่ได้
เวลาคนรวยจากไป เขาทิ้งทรัพย์สินของเขาให้คนอื่นจริง ๆ เขาไม่อาจเอาทรัพย์เหล่านั้นไปด้วยได้ ทั้ง ๆ ที่มหาเศรษฐีหลายคนรู้เรื่องนี้ แต่พวกเขาไม่อาจเอาชนะความรู้สึกที่ต้องมีมาก ๆ ได้ มันเหมือนการเสพติดที่ต้องมี ต้องมี ผู้เขียนได้เปรียบเทียบว่า คนที่มั่งคั่งและไว้ใจในเงินทองก็ตายเหมือนกับสัตว์ป่าตัวหนึ่ง ซึ่งมนุษย์ไม่ควรที่จะต้องเป็นแบบนั้น เพราะมนุษย์เกิดมาคิดเป็น แต่กลับกลายเป็นคิดไม่ได้เพราะเงินเท่านั้น

สดุดี 49:13-15 จะไปไหนดี?
สองทางเลือก….จะไปอยู่ในแดนคนตาย หรือ ยังมีทางเลือกอีกทางคือ ขอพระเจ้าทรงไถ่ชีวิตจากอำนาจแดนคนตาย มีสองทางเท่านั้นสำหรับชีวิตมนุษย์ ขอบคุณพระเจ้าที่เรายังมีทางเลือก ผู้เขียนบอกเราว่า คนที่เที่ยงธรรม คือคนที่ไม่ได้วางใจในเงินทอง แต่วางใจในพระเจ้าจะมีปลายทางที่แตกต่างออกไป
ความเที่ยงธรรมที่เราจะได้รับจากพระเยซูคริสต์เท่านั้นที่จะช่วยให้เราหลุดจากอำนาจแดนคนตายได้

สดุดี 49:16-20 คำเตือนคนมั่งคั่งให้คิดได้ก่อนสายไป
แปลกที่ผู้เขียนกล่าวว่าอย่ากลัวเมื่อคน ๆ หนึ่งร่ำรวยขึ้นมา ทุกวันนี้เราจะเห็นข่าวว่า คนนั้น คนนี้ เป็นชายที่รวยสุดในโลก เป็นสตรีร่ำรวยที่สุด ดูสิ คนนั้นรวยเป็นล้านชั่วข้ามคืน อย่าไปกังวลกับเรื่องเหล่านั้น เพราะว่าถ้าพวกเขารวย แต่ไร้พระเจ้า ทุกอย่างก็จะจบอย่างข้อที่ยี่สิบ จบข่าว….

สดุดี 48 นครแห่งพระเจ้าของเรา: ศิโยน

illustrations by E. M. Lilien (1874-1925) – Lieder des Ghetto (Book – 1903) of Morris Rosenfeld; translation from yiddish to german by Berthold Feiwel;

เพลงบทหนึ่ง บทสดุดีพระเจ้าของลูกหลานโคราห์

นครแห่งพระเจ้าของเรา: ศิโยน
1 พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ ทรงควรแก่การสรรเสริญอย่างสูงส่ง
ในนครของพระเจ้าของเรา ในภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์
2 ทรงรับการยกย่องขึ้นอย่างงดงามนัก
นี่เป็นความยินดีของโลกทั้งหมด
ภูเขาศิโยน ณ ทิศเหนือแสนไกล
คือ นครขององค์กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่  

ป้อมปราการของนคร
3 ภายในป้อมของนครนั้น
พระเจ้าทรงปรากฏพระองค์เป็นป้อมปราการ
4เพราะดูเถิด เหล่ากษัตริย์ทั้งหลายรวมตัวกัน
เขาเหล่านั้นยกทัพมาอยู่ด้วยกัน
5 แต่เมื่อเห็นภูเขาศิโยน ทันทีที่ได้เห็น
ต่างก็ตกใจกลัว พากันลนลานหนีออกไป
 6 ที่นั่นพวกเขาตัวสั่นด้วยความกลัว 
เจ็บปวดเหมือนกับสตรีที่กำลังคลอดบุตร
7 พระองค์ทรงทำลายเรือจากทารชิชด้วยลมตะวันออก
8 ตามที่เราได้ยิน เราได้เห็น
ในนครแห่งพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ
ในนครของพระเจ้าของเรา
ที่ซึ่งพระเจ้าจะทรงสถาปนาเป็นนิตย์.
เซ ลาห์

ศิโยนยินดี
9 เราใคร่ครวญถึงความรักมั่นคงของพระองค์
โอพระเจ้า  ขณะที่อยู่ในพระวิหารของพระองค์ 
10 โอพระเจ้า คำสรรเสริญพระองค์ ไปถึงสุดปลายแผ่นดิน
     เหมือนอย่างพระนามของพระองค์.
พระหัตถ์ขวาเต็มด้วยความเที่ยงธรรม
11 ขอให้ภูเขาศิโยนยินดี 
ขอให้ลูกสาวแห่งศิโยนยินดีเพราะการพิพากษาของพระองค์!

อนาคตนิรันดร์ของศิโยน
12 จงเดินให้ทั่วศิโยน เดินไปรอบ ๆ และนับจำนวนหอคอย
13 จงพิจารณาดูกำแพง
และเดินให้ทั่วป้อมปราการ เพื่อว่าท่านจะได้บอกคนรุ่นต่อไปว่า
14 นี่คือองค์พระเจ้า พระเจ้าของเราตลอดไปเป็นนิตย์ 
พระองค์จะทรงนำชีวิตเราจนชีวิตจะหาไม่

พระคำเชื่อมโยง

1*สดุดี 46:4; 87:3; มัทธิว 5:35; มีคาห์ 4:1

2* สดุดี 50:2; มัทธิว ​5:35

3*เศคาริยาห์ 2:4-5; อิสยาห์ 4:5-6

4* 2 ซามูเอล 10:6,14; วิวรณ์ 20:8-9

5*อพยพ 14:25; 2 พงศ์กษัตริย์ 19:35-37

6*อพยพ 15:15; โฮเชยา 13:13; ดาเนียล 5:6

7* 1 พงศ์กษัตริย์ 10:22; เอเสเคียล 27:25

8* สดุดี 87:5; อิสยาห์ 2:2; มีคาห์ 4:1

9* สดุดี 26:3

10* ฉธบ. 28:58; โยชูวา 7:9; มาลาคี 1:11

11*สดุดี 97:8; วิวรณ์ 19:1-3

12* อิสยาห์ 33:18-20

13*สดุดี 78:5-7; 122:7

14* อิสยาห์ 58:11; สดุดี 73:24

สดุดี 48:1-2 นครแห่งพระเจ้าของเรา: ศิโยน
ผู้เขียนได้บรรยายว่า พระเจ้าได้ทรงเผยพระสิริของพระองค์ในศิโยนซึ่งเป็นนครของพระองค์เอง การที่นครนี้ยิ่งใหญ่ เพราะพระเจ้าประทับอยู่ด้วย เป็นนครที่ตั้งอยู่บนภูเขาศิโยน ในนี้กล่าวว่าศิโยน หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เยรูซาเล็มเป็นที่ยินดีของชาวโลก เป็นที่ยินดีของผู้เชื่อ (และเราจะเห็นว่า ในปัจจุบัน เยรูซาเล็มถูกแบ่งเป็นหลายส่วน และเป็นที่ ๆ ทำให้เกิดข้อขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรงมาโดยตลอด เราจะเห็นการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามของพระเจ้าอย่างชัดเจนมาก)
สดุดีบทนี้ ไม่ได้พูดถึงอดีต แต่กำลังกล่าวถึงอนาคตในยุคสุดท้าย เมื่อเยรูซาเล็มจะถูกล้อมรอบด้วยศัตรูที่เกลียดชังพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง แต่พระเจ้าจะทรงเข้ามาช่วย พระเยซูจะเสด็จมาบนภูเขามะกอกเทศเพื่อที่พระองค์จะทรงปกป้องศิโยน หรือประชากรของพระองค์ไว้ (อิสยาห์ 24:23)
ก่อนจะถึงวันนั้น สภาพของเยรูซาเล็มจะเป็นอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน คือ มีวิกฤตเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน

สดุดี 48:3-8 ป้อมปราการของนคร
และข้อความนี้ได้บอกเราชัดเจนว่า กำแพงเมืองเยรูซาเล็มคือพระเจ้า พระองค์เอง ไม่ใช่ตัวกำแพง ไม่ใช่กำแพงใด ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น เราจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเยรูซาเล็มอย่างแน่นอน กองทัพใดที่ยกทัพมาล้อมเมืองไว้จะต้องหนีไปกลัวราวกับผู้หญิงคลอดบุตรคือ เป็นความเจ็บปวด กลัวลานทันควัน รวดเร็ว

สดุดี 48:9-11 ศิโยนยินดี
เมื่อมีศัตรูเข้ามาและหนีไป ทำให้เราได้ใคร่ครวญ คิดถึงความรักมั่นคงของพระเจ้า และเวลานั้นได้อยู่ในที่ ๆ นมัสการพระองค์ เมื่อเกิดเหตุการณ์ล่อถอยทัพไปนั้น พระนามของพระเจ้าเป็นที่สรรเสริญทั่วโลก ตัวภูเขาศิโยน และลูกสาวแห่งศิโยนได้ยินดี คือคนของพระองค์ได้เห็นการมหัศจรรย์ที่พระเจ้าทรงกระทำและพวกเขาจึงยินดีที่พระเจ้าเอง ทรงเป็นผู้พิพากษาชนทั้งหลาย

สดุดี 48:12-14 อนาคตนิรันดร์ของศิโยน
มีคำถามว่า ทำไมผู้เขียนจึงสั่งให้เดินทั่วศิโยน และนับจำนวน พิจารณา เพื่อจะบอกถึงความมั่นใจว่า พระเจ้าจะทรงเป็นพระเจ้าที่นำเราตลอดไป
เพราะเขาต้องการให้คนได้เห็นว่า ศิโยนมีความมั่นคง และปลอดภัย พวกเขาจะเห็นว่า ความปลอดภัยของเขาไม่ได้อยู่ที่กำแพง หอคอย ป้อมเหล่านั้น แต่อยู่ในพระเจ้าที่จะปกป้องพวกเขาตลอดไป

เราหวังว่า จะได้เห็นชัยชนะของพระเจ้าในเร็ววันนี้ ขอพระเจ้าเสด็จมาเถิด…

สดุดี 47 ยินดีในองค์กษัตริย์ผู้ครอบครองทั้งโลก

ภาพจาก pexel.com ถ่ายโดยคุณ Shelagh Murphy

ถึงหัวหน้านักร้อง สดุดีของลูกหลานโคราห์

ยินดีในความดีเลิศของพระเจ้า
1 ชนชาติทั้งหลาย จงตบมือ
จงโห่ร้องแด่พระเจ้าด้วยเสียงแห่งชัยชนะ
เพราะพระยาห์เวห์ องค์ผู้สูงสุด ทรงดีเลิศล้ำ
พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่เหนือแผ่นดินโลก

3 พระองค์ทรงทำให้ประชาชนทั้งหลายสยบต่อเรา
และชาติต่าง ๆ อยู่ใต้เท้าของเรา
4  พระองค์ทรงเลือกแผ่นดินให้เป็นมรดกของเรา
เป็นความภาคภูมิใจของยาโคบที่พระองค์ทรงรัก เซลาห์
.
ยินดีที่พระเจ้าเสด็จขึ้นมา
5 องค์พระเจ้าเสด็จขึ้นพร้อมเสียงโห่ร้อง
พระยาห์เวห์เสด็จขึ้นพร้อมเสียงแตรเขาสัตว์
จงร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า จงร้องเพลงสรรเสริญ
จงร้องเพลงสรรเสริญองค์กษัตริย์ของเรา
จงร้องเพลงสรรเสริญ

7 เพราะพระเจ้าทรงเป็นกษัตริย์เหนือทั้งโลกนี้
จงร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าด้วยความเข้าใจ

ยินดีในสิทธิอำนาจสูงสุดของพระเจ้า
8 พระเจ้าทรงครอบครองเหนือชาติต่าง ๆ
พระองค์ประทับบนบัลลังก์บริสุทธิ์ของพระองค์
9 เจ้านายของประชาชนเข้ามารวมตัวพร้อมกับ
ประชาชนของพระเจ้าแห่งอับราฮัม
เพราะโล่ปกป้องโลกนี้เป็นของพระเจ้า
ทรงได้รับการยกย่องสูงสุด

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 98:4; 106:47; เยเรมีย์ 31:7

2* เฉลยธรรมบัญญัติ 7:21; เนหะมีย์ 1:5; สดุดี 76:12

3* สดุดี 18:47; 110:1

4* 1 เปโตร 1:4; อาโมส 8:7

5*สดุดี 68:24,25

6*มัทธิว 25:34; สดุดี 68:4

7* เศคาริยาห์ 14:9; 1 โครินธ์ 14:15

8* 1 พงศาวดาร 16:31; สดุดี 97:2, ภคซๅ

9* โรม 4:11-12; สดุดี 89:18

สดุดี 47:1-4 ยินดีในความดีเลิศของพระเจ้า
การตบมือ การโห่ร้อง เป็นการบ่งบอกว่า มนุษย์เราที่เป็นฝูงชนกำลังชื่นชมสุดใจกับผู้ที่อยู่ตรงหน้าเรา
แต่หากผู้ที่อยู่ตรงหน้าเราคือพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ เสียงแห่งชัยชนะจะไม่ดังทะลุฟ้าเลยหรือ เสียงนั้นจะดังยิ่งกว่าเสียงของฝูงชนในสนามฟุตบอลเสียอีก
พระเจ้าทรงเป็นผู้ทรงอำนาจเหนือทุกคนในโลก กษัตริย์ ผู้นำทั้งหลายต้องสยบต่อพระองค์ ไม่ว่าขณะนี้พวกเขาจะดูแข็งแรงขนาดไหน แต่แล้วไม่อาจสู้พระเจ้าได้เลย

สดุดี 47:5-7 ยินดีที่พระเจ้าเสด็จขึ้นมา
พระเจ้าทรงเสด็จขึ้นมาเพื่อครองโลก เหนือชาติต่าง ๆ ในโลก เราจะเห็นว่า พระเจ้าทรงครองใจคนเป็นจำนวนมากในประเทศต่าง ๆ ยิ่งคนลำบากมากเท่าไร จะยิ่งเข้ามาหาพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น
เพราะในเวลาที่มืดมิดของชีวิต ผู้คนจะเริ่มตั้งคำถามของชีวิตและเริ่มตามหาความหมายของชีวิต
เมื่อพระเจ้าเสด็จขึ้นแล้ว มนุษย์จะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ ด้วยสุดหัวใจ ด้วยความเข้าใจ และเวลานั้นเป็นเวลาที่เราอยากอยู่ในที่นั้นพร้อมกับคนเป็นจำนวนมากด้วย

สดุดี 47:8-9 ยินดีในสิทธิอำนาจสูงสุดของพระเจ้า
ไม่ว่าเราจะเห็น จะยอมรับหรือไม่ พระคัมภีร์กล่าวว่า พระเจ้าทรงครอบครองเหนือทุกสิ่งในโลก พระองค์เท่านั้นทรงมีอำนาจสูงสุด ทรงสมควรที่จะได้รับการยกย่องอย่างสูง แผนการของพระเจ้าสำหรับโลกนี้จะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน พระองค์เท่านั้นที่จะปกป้องทุกคนได้