สดุดี 62 รอคอยพระองค์ผู้เดียว

ภาพจาก pexel.com โดย Philippe Donn

สดุดี 62
ถึงหัวหน้านักร้อง ตามทำนองเยดูธูน เพลงสดุดีของดาวิด

รอคอยด้วยความมั่นใจ
1 จิตวิญญาณของข้า นิ่งสงบรอคอยพระเจ้าเพียงผู้เดียว
เพราะความรอดของข้ามาจากพระองค์
2 พระองค์เท่านั้นที่ทรงเป็นศิลาและความรอดของข้า
ทรงเป็นป้อมอันมั่นคง ข้าจะไม่หวั่นเกรงสิ่งใด


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับดาวิด
3 พวกเจ้าจะเข้ามารุมทำร้ายคน ๆ เดียวอย่างข้าอีกนานเท่าใด?
เจ้าทุกคนจะถูกสังหาร เหมือนกำแพงที่เอียง และรั้วที่โยกเยก
4 จริงสิ พวกเขาคิดจะดึงเหยื่อลงมาจากตำแหน่งที่มีเกียรติ
พวกเขาชอบการมุสา
ปากของเขาอวยพรแต่กลับแช่งอยู่ในใจ เซ ลาห์


เหตุการณ์ร้ายแค่ไหน พระเจ้าทรงเป็นพระศิลาที่ลี้ภัย
5 จิตวิญญาณของข้าเอ๋ย จงนิ่งสงบรอคอยพระเจ้าเพียงผู้เดียว เพราะพระองค์ทรงเป็นความหวังของข้า
6 พระองค์เท่านั้นทรงเป็นศิลาและความรอดของข้า
ทรงเป็นป้อมสูงของข้า ข้าจึงไม่หวาดผวา
7 ความรอด และเกียรติของข้านั้น อยู่กับพระเจ้า
พระองค์ทรงเป็นศิลามั่นคงและที่ลี้ภัยของข้า
8 โอ ประชาชนทั้งหลาย จงวางใจในพระเจ้าตลอดเวลา
จะเทใจของท่านต่อพระพักตร์พระองค์
พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยของพวกเรา เซ ลาห์

ความจริงเป็นอย่างนี้
9 จริงสิ คนที่ต่ำต้อย ก็เป็นเพียงลมหายใจ
คนสูงส่งก็เป็นแค่ภาพลวงตา เมื่อเอาไปชั่ง ก็ไม่มีน้ำหนัก
พวกเขารวมกันยังเบากว่าลมหายใจ
10 อย่าคิดพี่งการบีบบังคับ
อย่าหวังว่าจะได้ความสำเร็จจากการปล้น
แม้จะมีทรัพย์สมบัติมากขึ้น ก็อย่างวางใจในความมั่งคั่ง
11อย่างหนึ่งที่พระเจ้าได้ตรัส
และข้าได้ยินอย่างนี้สองครั้งแล้วคือ
ฤทธิ์เดชเป็นของพระเจ้า!
12 ข้าแต่องค์เจ้านาย พระองค์ทรงเต็มด้วยความรักมั่นคง และพระองค์ทรงตอบแทนทุกคนตามการกระทำของเขา

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 33:20; เพลงคร่ำครวญ 3:25;  ยากอบ 5:7

2* สดุดี 18:2; 2 โครินธ์ 4:8-9; อิสยาห์ 26:4

3*เยเรมีย์ 4:14; สุภาษิต 1:22; สดุดี 140:2

4*สดุดี 28:3; 55:21; 5:9

5* มีคาห์ 7:7; สดุดี 27:13-14; 42:11

6* สดุดี 62:2; 16:8; อิสยาห์ 45:17

7*สดุดี 3:3; เยเรมีย์ 3:23; กาลาเทีย 6:14

8*ฟีลิปปี 4:6; เพลงคร่ำครวญ 2:19 ; 1 ซามูเอล 1:15

9*สดุดี 39:5; 118:9; อิสยาห์ 40:15,17

10*1 ทิโมธี 6:17; เยเรมีย์ 17:11; สดุดี 52:7

11* วิวรณ์ 19:1; โยบ 33:14; อิสยาห์ 26:4

12* มัทธิว 16:27; สดุดี103:8; โยบ 34:11; โรม2:6

สดุดี 62:1-2 รอคอยด้วยความมั่นใจ
เวลานี้ ศัตรูกำลังคบคิดกัน พยายามที่จะถอดกษัตริย์ดาวิดออกจากบัลลังก์ ถึงเป็นกษัตริย์ แต่ถ้ามีศัตรูห้อมล้อมอยู่ และไม่รู้เลยว่าในบรรดาคนใกล้ชิดนั้น คนไหนเป็นหนอนบ่อนไส้ ทำให้เหตุการณ์น่าหวาดหวั่นยิ่งขึ้น ตอนนี้ สิ่งที่ท่านทำไม่ใช่การโวยวาย ไม่ใช่การตามหาตัวการ ท่านกลับหันมานิ่งสงบกับพระเจ้า นี่เป็นจุดแรกของการโต้กลับของท่าน
ท่านแจ้งว่า พระเจ้าผู้เดียวเท่านั้นเป็นศิลาที่ลี้ภัย เป็นความรอดของท่าน ไม่ใช่ทหารใกล้ตัวผู้ภักดีเสียด้วยซ้ำ ท่านย้ำกับตัวเองว่า จะไม่หวั่นเกรงสิ่งใด
สดุดี 62:3-4 พระคำข้อนี้ แปลกที่มีการแปลแตกต่างกันไปมาก ในฉบับเดิมภาษาฮีบรู แปลตามที่มีข้างบนนี้ บางเล่มแปลว่า เจ้าทุกคนที่เป็นฆาตกรอันตรายราวกับกำแพงที่เอียงเหมือนรั้วที่โยกเยก
บางเล่มว่า เจ้าทั้งหมดจะโค่นล้มเขาที่เหมือนกำแพงเอียงและรั้วที่โยกเยกนี้หรือ จะอย่างไรก็ตาม เราจะพบว่าข้อสี่สรุปให้ว่า ศัตรูของดาวิดเป็นพวกปากปราศรัย ใจเชือดคอ
สดุดี 62: 5-8 เหตุการณ์ร้ายแค่ไหน พระเจ้าทรงเป็นพระศิลาที่ลี้ภัย
ดาวิดได้ย้ำความเชื่อมั่นคงในข้อ 1-2 อีกครั้ง ท่านบอกประชาชนของท่านว่า พระเจ้าคือผู้ใด และท่านก็ได้ชักชวนให้ทุกคนวางใจในพระองค์ตลอดเวลา ทั้งวางใจ และเทใจ คือการอธิษฐานอย่างทุ่มเทชีวิตเพื่อพระเจ้าจะทรงช่วยกู้
สดุดี 62:9-12 ความจริงเป็นอย่างนี้
ดาวิดได้มองเห็นสภาพแท้จริงของมนุษย์ว่า เป็นเช่นใด พวกเขาแม้จะดูน่าเกรงขามขนาดไหน แต่ก็เหมือนลมหายใจเบามาก พวกเขาวางใจในความเก่งกล้าสามารถของตัวเอง แต่หารู้ไม่ว่า ความจริงคือ ฤทธิ์เดชเป็นของพระเจ้า และพระองค์จะทรงตอบแทนทุกคนอย่างแน่นอน ทำอะไรไว้จะได้อย่างที่ทำ

สดุดี 61 คำปฏิญาณจะสรรเสริญพระเจ้าทุกวัน

ภาพจาก Pexels.com ของ Alesia Kozic


ถึงหัวหน้านักร้อง ใช้เครื่องสายของดาวิด
คำวิงวอน
1 โอพระเจ้า ขอทรงฟังเสียงร้องของข้า
ขอทรงเอียงพระกรรณฟังคำอธิษฐานของข้า
2 ข้าร้องหาพระองค์จากที่สุดปลายแผ่นดิน
ยามที่ใจของข้าอ่อนระโหย
ขอทรงนำข้าไปสู่ศิลาที่อยู่สูงกว่าข้า

ดาวิดมั่นใจ
3 ด้วยว่า พระองค์ทรงเป็นที่พักพิงใจของข้า
เป็นป้อมที่มั่นคงเพื่อต่อต้านศัตรู
4 ข้าขออาศัยในพลับพลาของพระองค์ตลอดไป 
ข้าจะลี้ภัยใต้ร่มปีกของพระองค์ เซ ลาห์
5 โอ พระเจ้า เพราะพระองค์ทรงสดับคำปฏิญาณของข้า
พระองค์ประทานมรดกของคนที่ยำเกรงพระนามให้แก่ข้า

คำทูลเพื่อกษัตริย์
6 ขอทรงให้องค์กษัตริย์ มีอายุยืนนานต่อไป
ขอให้ท่านมีอายุยืนนานไปทุกชั่วชาติพันธ์ุ
7 เพื่อองค์กษัตริย์จะครอบครองต่อพระพักตร์พระเจ้าเป็นนิตย์
ขอให้ความรักมั่นคงและความซื่อตรงของพระองค์รักษาท่านไว้

สัญญาทำตามคำปฏิญาณ
8 แล้วข้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์ตลอดไป
ขณะที่ข้าทำตามคำปฏิญาณของข้าทุกวัน

พระคำเชื่อมโยง

1*ฟีลิปปี 4:6; สดุดี 4:1; 130:2

2*สดุดี 18:2; 139:9-10; อิสยาห์ 32:2

3* สุภาษิต 18:10; สดุดี 62:7; 2 โครินธ์ 1:10

4* สดุดี 91;4; 27;4; 23:6

5*สดุดี 56:12; มาลาคี 3:16-18; 115:13

6*สดุดี 21:4; 89:36-37; 21:6, 136:21-22, 135:12

7*สดุดี 40:11; 41:12; 57:3

8*สดุดี 65:1; 145:1-2; 66:13-16

สดุดี 61:1-2. คำวิงวอน
จากที่สุดปลายแผ่นดิน.. นี่คือความรู้สึกของดาวิดยามที่ท่านร้องหาพระเจ้า เป็นความรู้สึกว่า ทั้งอยู่ไกลและเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน เขารู้สึกห่างจากพระเจ้า สิ่งที่ทูลขอคือ ขอพระองค์ทรงนำไปยังศิลาที่สูงกว่า นั่นคือ ท่านกำลังขอพระเจ้านำท่านไปยังที่ปลอดภัย มั่นคงจากศัตรู ศิลานั้นไม่ใช่ก้อนหินธรรมดา แต่ศิลาคือบุคคล คือพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ ดาวิดกับเราไม่ต่างกัน เมื่อเกิดความรู้สึกห่างไกลและท้อแท้เช่นนี้ เราต้องการให้พระเจ้าสถิตอยู่ด้วยอย่างชัดเจน

สดุดี 61:3-5 ดาวิดมั่นใจ
เมื่อท่านทูลขอแล้ว ก็ไม่ได้ลังเล สงสัยเลย ดาวิดมั่นใจว่าท่านได้อยู่ภายใต้การดูแลของพระเจ้า ดูสิว่า ท่านกล่าวถึงพระเจ้าอย่างไร พระองค์ทรงเป็นที่พักพิงใจ ทรงเป็นป้อมมั่นคง พลับพลา ร่มปีก. อย่างนี้แล้วจะให้ขาดความมั่นใจได้อย่างไร เรามองพระเจ้าอย่างนั้นไหมเมื่อเราท้อแท้ พระองค์เป็นที่พักพิงใจได้จริง ๆ แต่เราต้องเข้ามาหาพระองค์และมั่นใจอย่างดาวิด
ดาวิดได้สัญญาบางอย่างกับพระเจ้า และท่านมั่นใจว่าพระเจ้าทรงฟัง ท่านยังกล่าวถึงมรดกของคนที่ยำเกรงพระเจ้า ในความคิดของดาวิดนั่นคือ แผ่นดินที่พระเจ้าทรงสัญญาจะให้ชนอิสราเอล

สดุดี 61:6-7 คำทูลเพื่อกษัตริย์
กษัตริย์องค์นี้ก็คือตัวดาวิดเอง ท่านขอพระเจ้าทรงรักษาท่านให้มีอายุยืนนาน เพื่อว่าจะปกครองประเทศอย่างทรงธรรมต่อไป แปลกที่ท่านขอให้มีชีวิตยืนนานชั่วชาติพันธุ์ นั่นคือ ให้บัลลังก์ของท่านอยู่ไปตลอดนิรันดร์ ท่านกำลังมองไปในอนาคตถึงองค์พระเมสสิยาห์ที่จะมา และพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานนี้แล้วด้วยองค์พระเยซูคริสต์

สดุดี 66:8 สัญญาทำตามคำปฏิญาณ
แล้วเราก็มารู้ว่าท่านปฏิญาณสิ่งใดกับพระเจ้า ท่านสัญญาว่า จะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระเจ้าตลอดไป คำปฏิญาณนี้ยังสืบทอดต่อมารุ่นต่อรุ่นจนปัจจุบัน สดุดีของดาวิดไม่ได้เคยหายไปจากการนมัสการพระเจ้าของคนรุ่นต่อมา เป็นคำสรรเสริญที่พระเจ้ายังคงได้รับจากมวลมนุษย์ที่วางใจในพระองค์ เป็นวิถีชีวิตของคนที่เชื่อในพระองค์ เป็นชีวิตประจำวันของเราทุกคน ​​การสรรเสริญพระเจ้านั้นสำคัญยิ่ง เพราะเป็นการยอมรับความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในแง่มุมต่าง ๆ และเมื่อการสรรเสริญเป็นกิจวัตรของใคร ชีวิตของคนนั้นก็จะเต็มด้วยพระพรที่หาจากไหนไม่ได้เลย

สดุดี 60 เราจะปฏิบัติงานอย่างกล้าหาญ

ถึงหัวหน้านักร้อง ตามทำนอง “ดอกพลับพลึงแห่งคำพยาน”
เป็นมิคทามสำหรับสอนของดาวิดยามที่ท่านสู้กับ อารัม-นาหะราอิม และอารัม-โซบาห์ โยอาบได้กลับมาและสังหารชาวเอโดม 12,000 คนในหุบเขาเกลือ (2 ซามูเอล 8:13-14 และ 1 พงศาวดาร 18:3-4, 12-13)

ประเทศที่พ่ายแพ้
1 โอ พระเจ้า พระองค์ทรงละทิ้งเราแล้ว พระองค์ทรงทำลายที่มั่น
ของพวกเรา พระองค์ทรงพิโรธนัก
ขอทรงรื้อฟื้นพวกเราใหม่ด้วยเถิด
2 พระองค์ทรงเขย่าแผ่นดิน และแผ่นดินก็แยกเปิดออก
ขอทรงซ่อมรอยแยกนั้น เพราะมันสั่นไหว
3 พระองค์ทรงให้คนของพระองค์ต้องพบความทุกข์ยาก
พระองค์ประทานเหล้าองุ่นให้ดื่มจนเราเดินโซเซ

ธงสัญญาณ
4 พระองค์ประทานธงสัญญาณให้กับคนที่เกรงกลัวพระองค์
เพื่อว่าเขาจะหนีจากธนูโดยมุ่งไปทิศนั้น เซ ลาห์
5 ขอพระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดด้วยพระหัตถ์ขวา
และขอทรงตอบข้า เพื่อว่าคนที่พระองค์ทรงรักจะได้รับการช่วยกู้

พระดำรัสของพระเจ้าเหนือประชาชาติ
6 พระเจ้าได้ตรัสในสถานนมัสการของพระองค์
​“เราจะชนะ เราจะแยกเชเคมออก
เราจะแบ่งหุบเขาเมืองสุคคทออกจากกัน
7 กิเลอาดเป็นของเรา มนัสเสห์เป็นของเรา
เอฟราอิมเป็นหมวกกันศีรษะยูดาห์เป็นคทาของเรา
8 โมอาบเป็นอ่างชำระของเรา
เราเขวี้ยงรองเท้าของเราไปยังเอโดม
เราโห่ร้องด้วยชัยชนะเหนือฟีลิสเตีย

วางใจในพระเจ้าอีกครั้ง
9 ใครจะนำเรามายังเมืองป้อม?ใครจะนำเราไปเอโดม
10 โอพระเจ้า พระองค์ไม่ได้ทอดทิ้งเราไปแล้วหรือ?
โอพระเจ้า พระองค์มิได้ดำเนินออกไปพร้อมกับกองทัพของเรา
11 ขอพระเจ้าทรงช่วยเราต่อต้านศัตรู
เพราะการช่วยเหลือของมนุษย์ก็ไร้ประโยชน์
12 เราจะปฏิบัติงานอย่างกล้าหาญเพราะพระเจ้าทรงอยู่ด้วย
พระองค์จะทรงเหยียบย่ำศัตรูของเรา

พระคำเชื่อมโยง

1* ข้อ 10; สดุดี 44:9; 2 ซามูเอล 5:20; สดุดี 80:3

2* 2 พงศาวดาร 7:14

3* สดุดี 71:20; โยบ 21:20; อิสยาห์ 57:17,22

4* อิสยาห์ 5:26; 11:12; 13:2

5* สดุดี 108:6-13; ฉธบ. 33:12; เยเรมีย์ 11:15

6* สดุดี 89:35; โยชูวา 17:7; 13:27

7* โยชูวา 13:31; ฉธบ. 33:17; สดุดี 140:7; ปฐมกาล 49:10

8* 2 ซามูเอล 8:2; มัทธิว 3:11; 2 ซามูเอล 8:1

9* 2 ซามูเอล 8:14

10* ข้อ 1 ; สดุดี 44:9

11* สดุดี 146:3

12* สดุดี 108:13; 118:15,16; 44:5; อิสยาห์ 63:3

สดุดี 60:1-3 ประเทศที่พ่ายแพ้
สดุดีบทนี้ เป็นการคร่ำครวญเพื่อประชากรของพระเจ้าในฐานะที่กำลังถูกชนต่างชาติรุกราน โจมตี. นี่เป็นบทสดุดีเพื่อสอนคนของพระเจ้าว่า เมื่อเจอกับศัตรู เมื่อพ่ายแพ้ พวกเขาควรอธิษฐานอย่างไร
ชุมชนของพระเจ้ารู้สึกว่า พระเจ้าทรงทอดทิ้งพวกเขา พระองค์ทรงโกรธพวกเขามาก และทรงทำให้โลกของเขาสะเทือน แต่ถึงจะคิดว่า พระเจ้าทรงทิ้ง แต่เขาก็ขอให้พระเจ้าทรงรื้อฟื้นพวกเขาขึ้นใหม่ ถ้าพระเจ้าทรงให้พวกเขาแพ้ พระองค์ก็ทรงเปลี่ยนสถานการณ์ได้

สดุดี 60:4-5  ธงสัญญาณ
ข้อสี่คนที่เกรงกลัวพระองค์นั้น เป็นคนที่พระเจ้าทรงรักในข้อห้า กษัตริย์ดาวิดมั่นใจในธงสัญญาณจากพระเจ้า ท่านมั่นใจในการช่วยกู้ของพระเจ้าเต็มหัวใจ ใช่ เมื่อเรารักพระเจ้า เราจะเห็นสัญญาณที่พระเจ้าทรงนำเราไปในชีวิต การเดินไปกับพระองค์จึงน่าตื่นเต้นเสมอ

สดุดี 60:6-8 พระดำรัสของพระเจ้าเหนือประชาชาติ
พระเจ้าตรัสถึงแผ่นดินต่าง ๆ ว่าเป็นของพระองค์ พื้นที่ ๆ กล่าวถึงคือ เชเคม สุคคท กิเลอาด มนัสเสห์ เอฟราอิม ยูดาห์ เหล่านี้เป็นดินแดนที่พระเจ้าทรงสัญญาให้อิสราเอล แผ่นดินโมอับ เอโดม ฟีลิสเตียเป็นประเทศเพื่อนบ้าน แต่ทั้งสามนี้ก็เป็นของพระเจ้าด้วย ในสมัยของกษัตริย์ดาวิด ทั้งสามแห่งนี้ตกเป็นเมืองภายใต้การปกครองของท่าน

สดุดี 60:9-12 วางใจในพระเจ้าอีกครั้ง
จากคำตอนนี้ของกษัตริย์ดาวิด เราจะเห็นว่า แม้ท่านจะรู้ว่า ในบางขณะพระเจ้าไม่ได้ทรงอยู่ข้างท่าน แต่ท่านก็ไม่ยอมที่จะปล่อยให้ความคิดนั้นทำให้เลิกวางใจพระเจ้า ท่านรู้ว่า มนุษย์ไม่ได้สามารถช่วยให้ท่านได้ชัยชนะเลย ผู้เดียวที่จะประทานชัยชนะคือ พระเจ้า

สดุดี 59 พระผู้ทรงช่วยกู้ พระกำลังและป้อมปราการ

wallpaperflare.com

ถึงหัวหน้านักร้อง ตามทำนอง “โปรดอย่าทำลาย” เป็นมิคทามบทหนึ่งของดาวิด เมื่อกษัตริย์ซาอูลส่งคนไปเฝ้าที่บ้านดาวิดเพื่อจะสังหารท่าน

ดาวิดร้องทูลขอการช่วยกู้และการปกป้อง
1 โอ พระเจ้าของข้า ขอพระองค์ทรงกู้ข้าจากศัตรูของข้าเถิด
ขอทรงปกป้องข้าจากคนที่ลุกฮือขึ้นต่อต้านข้า
2 ขอทรงกู้ข้าจากคนที่ทำความบาปชั่ว
และทรงช่วยข้าจากคนที่กระหายเลือด
3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทอดพระเนตร พวกเขาซุ่มดักข้า
คนที่มีกำลังโจมตีข้า แต่ไม่ใช่เพราะข้าทำบาปหรือทำการกบฎ 
4 ขอพระเจ้าทรงลุกขึ้นเพื่อช่วยข้า
ขอทรงมองดูพวกเขาวิ่งไปเพื่อโจมตี ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เป็นความผิดของข้า
5 โอพระยาห์เวห์ องค์จอมทัพ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอล
ขอทรงลุกขึ้นเพื่อลงโทษประชาชาติทั้งหลาย
ขออย่าทรงเมตตาต่อผู้ทรยศสักคน เซ ลาห์

ศัตรูที่โอหัง
6 พวกเขากลับมาตอนเย็น โกรธเกรี้ยวขู่คำรามอย่างสุนัข
และเที่ยวออกหากินไปรอบ ๆ เมือง
7 ดูสิ พวกเขาพ่นคำที่บาดใจจากปาก พวกเขาคิดว่า “ใครจะฟังเรา”

ความมั่นใจในพระเจ้าของดาวิด
8 แต่พระยาห์เวห์เจ้าข้า พระองค์ทรงหัวเราะเยาะพวกเขา
พระองค์ทรงเย้ยประชาชาติทั้งสิ้น
9 โอ พระองค์ผู้ทรงเป็นกำลังของข้า ข้าเฝ้าคอยพระองค์
เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นป้อมปราการของข้า
10 พระเจ้าผู้ทรงซื่อตรงจะเสด็จมาพบข้า
พระองค์จะทรงให้ข้าอยู่เหนือเหล่าปฏิปักษ์

ขอพระเจ้าทรงจัดการศัตรูเพื่อพระเกียรติ
11 ขออย่าทรงสังหารพวกเขา มิฉะนั้น ประชาชนจะลืมเสีย
ขอทรงให้พวกเขากลายเป็นคนไร้บ้าน เร่ร่อนไป
และขอทรงฉุดพวกเขาลงเสีย
โอ พระยาห์เวห์ ผู้ทรงเป็นโล่ของพวกเราทั้งหลาย
12 เพราะบาปจากปากพวกเขา และคำจากริมฝีปากของเขา
ขอให้พวกเขาติดกับดักความโอหังของตนเอง
เพราะพวกเขากล่าวคำสาปแช่งและคำมุสา
13 ขอทรงผลาญพวกเขาด้วยพระพิโรธ
ขอทรงผลาญพวกเขาจนไม่มีใครเหลือ
และคนทั้งโลกจะทราบว่า พระเจ้าทรงปกครองเหนือยาโคบ เซ ลาห์

ศัตรูที่โอหัง
14 พวกเขากลับมาตอนเย็น
ขู่คำรามเหมือนสุนัขและออกหากินรอบ ๆ เมือง
15 พวกเขาตามล่าหาอาหาร และเห่าหอนหากยังไม่อิ่ม

ร้องเพลงสรรเสริญ แม้อันตราย
16 แต่ข้าจะร้องเพลงถึงพระกำลังของพระองค์
และจะประกาศด้วยความยินดีถึงความรักมั่นคงของพระองค์ในเวลาเช้า
เพราะพระองค์ทรงเป็นป้อมเข้มแข็งของข้า ทรงเป็นที่ลี้ภัยในยามลำบาก
17 ข้าร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ผู้ทรงเป็นกำลัง
เพราะเจ้าทรงเป็นป้อมปราการของข้า
โอ พระเจ้าผู้ทรงซื่อตรงมั่นคง…

พระคำเชื่อมโยง

1* 1 ซามูเอล 19:11-24; สดุดี 18:48

2* สดุดี 139:19; 55:23

3* สดุดี 56:6; 69:4; 1 ซามูเอล 24:11

4*สดุดี 35:23; อิสยาห์ 51:9

5* ยากอบ 2:13; โรม 9:6

6*สดุดี 59:14; 22:16

7*สดุดี 57:4; 10:11; สุภาษิต 15:2

8* สดุดี 2:4; 37:13

9* สดุดี 9:9; 62:2

10*สดุดี 54:7; 21:3; 1 เปโตร 5:10

11*สดุดี 3:3; วิวรณ์ 9:6

12* สุภาษิต 12:13; โฮเชยา 4:2

13*สดุดี 83:18; 7:9;

14*สดุดี 22:16; 59:6

15* โยบ 15:23; 109:10

16*เอเฟซัส 3:20 ; สดุดี 21:13

สดุดี 59:1-5 ดาวิดร้องทูลขอการช่วยกู้และการปกป้อง
ดาวิดทูลขอพระเจ้าทรงช่วยจากผู้ที่กำลังโจมตีท่าน พวกเขาคอยหาช่องเอาชีวิตของท่าน ท่านทูลว่า ท่านไม่ได้ทำผิดอะไรที่จะต้องโดนศัตรูทำร้ายเช่นนั้น
และในข้อห้า เราเห็นว่า การโจมตีนั้นไม่ได้มาถึงแค่ตัวท่าน แต่มาถึงชนชาติของพระเจ้าด้วย และดาวิดได้เรียกพระนามของพระเจ้าเรียงกันถึงสามพระนาม “พระยาห์เวห์ องค์จอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอล” ทั้งสามพระนามบ่งบอกความยิ่งใหญ่ที่แตกต่าง พระยาห์เวห์คือ พระเจ้าองค์นิรันดร์ องค์จอมทัพคือพระเจ้าผู้ทรงบัญชาการกองทัพแห่งสวรรค์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลคือ พระองค์ผู้ทรงครอบครองเหนืออิสราเอล ยืนยันได้ว่า ดาวิดมั่นใจในพระเจ้าจริง ๆ

สดุดี 59:6-7 ศัตรูที่โอหัง
กษัตริย์ดาวิดเปรียบศัตรูว่าเป็นเหมือนสุนัขป่า กินสิ่งที่ไม่สะอาด ที่ดุร้ายยามค่ำคืน อาวุธที่พวกเขาใช้คือคำเลวร้ายที่ออกมาจากปากอย่างโอหัง พวกเขากำลังทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกกลัว

สดุดี 59:8-10 ความมั่นใจในพระเจ้าของดาวิด
แต่ดาวิดมั่นใจว่า พระเจ้าจะทรงเยาะคนโอหังเหล่านั้น ไม่ว่าพวกเขาจะรู้สึกว่าตนใหญ่โตขนาดไหน แต่ไม่มีใครจะสู้พระเจ้าได้ ท่านมองว่า พระเจ้าทรงเป็นทั้งกำลัง เป็นทั้งป้อมเข้มแข็ง และพระเจ้าองค์นี้จะทำให้ท่านเป็นต่อ เป็นผู้ชนะ

สดุดี 59:11-13 ขอพระเจ้าทรงจัดการศัตรูเพื่อพระเกียรติ
ดาวิดยังขอสิ่งที่แย่กว่าความตาย นั่นคือ ขอให้ศัตรูต้องเผชิญกับความหายนะ ให้พวกเขาติดกับดักความโอหัง และคำชั่วของตนเอง แล้วจากนั้นจึงขอทรงจัดการให้พวกเขาสูญไป. และเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น คนทั้งหลายจะได้มั่นใจว่า พระเจ้าทรงครองเหนืออิสราเอลจริง ๆ

สดุดี 59:14-15 ศัตรูที่โอหัง
ดาวิดยังคงมองศัตรูเหล่านี้เหมือนสุนัขหิวโหย ที่ตามล่าหากินไม่หยุดหย่อน

สดุดี 59:16-17
สุดท้าย ดาวิดบอกถึงความมั่นใจในพระกำลังของพระเจ้า ท่านกล่าวซ้ำ ๆ ว่าพระเจ้าทรงเป็นกำลังและป้อมปราการ ความรู้สึกนี้ อยู่กับเราอย่างดาวิดหรือเปล่า