สดุดี 66 พระราชกิจอันน่าเกรงขาม

The Children of Israel Crossing the Red Sea 
Frédéric Schopin (1804–1880)

ถึงหัวหน้านักร้องบทเพลงสดุดี

ร้องเพลงเทิดพระเกียรติ
1 โอแผ่นดินโลกทั้งสิ้นจงโห่ร้องด้วยความชื่นบานถวายแด่พระเจ้า 2จงร้องเพลงถึงพระสิริตระการแห่งพระนาม
จงกล่าวคำยกย่องสรรเสริญพระองค์ 
3 จงทูลพระเจ้าว่าพระราชกิจของพระองค์น่าครั่นคร้ามยิ่ง
ฤทธิ์เดชของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่

จนศัตรูทั้งหลายต้องสยบต่อพระพักตร์ด้วยความเกรงกลัวตัวสั่น 
4 คนทั้งโลกจะเข้ามานมัสการพระองค์
เขาทั้งหลายร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
ร้องเพลงสดุดียกย่องพระนามของพระองค์”  เซ ลาห์ 

พิจารณาพระราชกิจ
5 มาเถิดพวกเรามาดูราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำ
ราชกิจอันน่าเกรงขามซึ่งพระองค์ทรงทำท่ามกลางมนุษย์ 

6 พระองค์ทรงเปลี่ยนท้องทะเลให้กลายเป็นพื้นดินแห้ง
ให้เหล่าบรรพบุรุษของเราเดินข้ามไป
พวกเราได้ยินดีเพราะพระองค์ ณ ที่นั้น 
7 พระองค์ทรงปกครองด้วยฤทธานุภาพของพระองค์ตลอดกาล
ทรงเฝ้าดูประชาชาติทั้งหลาย

อย่าให้เหล่าคนที่ต่อต้านพระองค์ยกย่องตนเองเลย เซ ลาห์ 

ยังมีเหตุที่ทำให้ต้องสรรเสริญต่อไป
8 โอชนชาติทั้งหลาย จงสรรเสริญองค์พระเจ้าของเรา 
ให้เสียงที่เราสรรเสริญพระองค์ได้ยินไปทั่ว 
9 พระองค์ทรงให้เรามีชีวิตอยู่ได้ท่ามกลางคนที่มีชีวิต
และไม่ทรงปล่อยให้เท้าของเราพลาด
10 โอพระเจ้าพระองค์ทรงทดสอบพวกเราทั้งหลาย
พระองค์ทรงหลอมเราดั่งทรงหลอมเงิน 
11พระองค์ทรงนำเราเข้ามาในข่าย 
ทรงวางภาระหนักอึ้งบนหลังของพวกเรา
12 ทรงให้พลม้าควบม้าเหยียบย่ำหัวของพวกเรา
พวกเราต้องลุยน้ำลุยไฟ
และแล้วพระองค์ทรงนำเราทั้งหลายมายังแผ่นดินอุดมสมบูรณ์


ถวายเครื่องบูชาและปฏิญาณตน
13 ข้าจะมายังพระวิหารพร้อมกับเครื่องเผาบูชา
และทำตามสิ่งที่ได้ปฏิญาณไว้ต่อพระองค์ 
14 ตามที่ข้าได้กล่าวออกมาเป็นคำสัญญา
ยามที่มีความทุกข์ยากลำบาก
15 ข้าจะถวายสัตว์อ้วนพีทั้งตัวเป็นเครื่องเผาบูชา
พร้อมกับแกะผู้ ข้าจะถวายเครื่องบูชาด้วยวัวผู้และแพะผู้   เซ ลาห์

จะเล่าถึงพระราชกิจ
16 ทุกคนที่ยำเกรงพระเจ้า
จงมา และฟังเถิดว่า พระเจ้าทรงกระทำสิ่งใดเพื่อข้าบ้าง 
17 ปากของข้าจะร้องต่อพระองค์​
และลิ้นของข้าจะกล่าวคำสรรเสริญพระองค์ 
18 หากข้าได้สะสมความชั่วไว้ในใจ
พระยาห์เวห์จะไม่ทรงฟัง 
19 แต่พระเจ้าทรงฟังข้าอย่างแน่นอน
พระองค์ได้ทรงฟังเสียงร้องทูลของข้า 
20 ข้าจะสรรเสริญพระเจ้า
พระองค์ไม่ได้ปฏิเสธคำร้องทูลของข้าเลย
พระองค์ไม่ได้ยับยั้งความรักมั่นคงของพระองค์จากข้า

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 100:1, 98:4,81:1 1 พงศาวดาร 16:23-24; อิสยาห์ 24:16

2* อิสยาห์ 6:3; สดุดี 105:2-3; วิวรณ์ 5:13; วิวรณ์ 4:8-11

3* สดุดี 18:44, 65:5, 81:15; 47:2; เยเรมีย์ 10:10

4*สดุดี 22:27, 117:1; วิวรณ์ 15:4; มาลาคี 1:11; ดาเนียล 7:14

5*สดุดี 126:1-3, 111:2, 106;22, 99:3, 66:16

6* โยชูวา 3:16; 3:14; สดุดี 136:13-14, 78:13

7*สดุดี 11:4; ดาเนียล 5:20-28; สดุดี 140:8; มัทธิว 28:18

8*เยเรมีย์ 33:11; สดุดี 98:4,66:2, 47:1

9* สดุดี 121:3, 112:6, 125:3; โคโลสี 3:3-4; กิจการ 17:28

10* อิสยาห์ 48:10; สุภาษิต 17:3; สดุดี 17:3; 1 เปโตร 1:6-7

11* เพลงคร่ำครวญ 1:13; มัทธิว 6:13; โฮเชยา 7:12; เอเสเคียล 12:13

12* อิสยาห์ 43:1-2; 1 เธสะโลนิกา 3:3-4; อิสยาห์ 51:23; วิวรณ์ 7:14-17; สดุดี 40:2-3

13* ปัญญาจารย์ 5:4; ฮีบรู 13:15; โยนาห์ 2:9; สดุดี 118:19

14* สดุดี 18:6; 2 ซามูเอล 22:7; 1 ซามูเอล 1:11; ผู้วินิจฉัย 11:35-36

15* เยเรมีย์ 41:5; สดุดี 51:19; 1 พงศาวดาร 16:1-3; 2 ซามูเอล 6:13

16* สดุดี 34:11, 71:18; มาลาคี 3:16;

17* สดุดี 34:6, 30:1, 145:1, 116:12

18* ยอห์น 9:31; สุภาษิต 28:9, 15:29, 15:8; อิสยาห์ 1:15

19*สดุดี 116:1-2; ฮีบรู 5:7; เพลงคร่ำครวญ 3:55-56

20* สดุดี 88:12-13, 68:35,22:24 ; 2 ซามูเอล 7:14-15

สดุดี 66:1-4 ร้องเพลงเทิดพระเกียรติ
นี่เป็นบทที่เชิญชวนให้คนของพระเจ้าเข้ามานมัสการพระองค์ หลังจากที่พระองค์ทรงช่วยให้พวกเขาได้พ้นจากการข่มเหงของศัตรูภายนอก
ผู้เขียนได้ชวนให้ทั้งโลกมาร้องเพลงถวายพระเจ้า ถวายแด่พระนามของพระองค์ พระนามของพระเจ้านั้น มีหลายพระนามที่เราเรียก เอลเอลโยน พระเจ้าสูงสุด อะโดนาย พระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้านาย พระยาห์เวห์ พระเจ้าองค์นิรันดร์ แต่ละพระนามบ่งบอกความยิ่งใหญ่ในด้านต่าง ๆ ของพระองค์ ศัตรูของพระองค์จะต้องตัวสั่นต่อพระพักตร์
บทเพลงบทนี้ เราอาจจะไม่รู้สึกอะไรกับบทเพลงนี้นัก แต่หากว่าเราลองเป็นคนชาวยูเครนซึ่งกำลังถูกรัสเซียโจมตี สดุดีบทนี้ คือคำอธิษฐานที่ออกมาจากเบื้องลึกของหัวใจเลย

สดุดึ 66:5-7 พิจารณาพระราชกิจ
พระเจ้าทรงทำกิจยิ่งใหญ่มากมายท่ามกลางมนุษย์ ต่อหน้าต่อตาโดยที่เรามองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ธรรมชาติรอบข้างของเราบ่งบอกว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่เพียงใด สายตาที่มองไม่เห็นก็จะไม่เห็น แต่คนที่มองไปแล้วเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ชีวิตก็จะได้รับการเติมเต็มอย่างที่คนอื่นไม่ได้รับ
ผู้เขียนได้กล่าวถึงวันที่พระเจ้าทรงทำให้ทะเลเป็นดินแห้ง ในช่วงเวลาที่ทรงนำพวกเขาออกจากอียิปต์
เขาเตือนด้วยว่า อย่าให้คนที่ต่อต้านพระองค์ คิดเกินไปกว่าที่ควร อย่ายกย่องตนเองไปกว่าพระเจ้าเพราะอันตรายมาก

สดุดี 66:8-12 ยังมีเหตุให้สรรเสริญต่อไป
ใช่แล้ว ขอให้เสียงที่คนของพระเจ้าสรรเสริญพระองค์นั้นได้ยินไปทั่วทุกแห่ง ทุกบ้าน ทุกที่ทำงาน ทุกเมือง ความทุกข์ยากหลายอย่างที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการหลอมเราให้กลายเป็นชีวิตที่บริสุทธิ์สะอาดขึ้น เราจึงไม่ต้องโวยวาย ถามหาความยุติธรรม แต่เรียนรู้จากสิ่งที่พระเจ้าให้เกิดขึ้น แล้วสุดท้ายพายุเหล่านั้นจะสงบ พระเจ้าจะทรงนำมายังที่ ๆ สมบูรณ์

สดุดี 66:13-15 ถวายเครื่องบูชาและปฏิญาณตน
ดูเหมือนว่า ดาวิดเคยสัญญากับพระเจ้าในยามทุกข์ยากว่า เมื่อพระเจ้าทรงช่วยกู้ท่าน ท่านจะถวายเครื่องเผาบูชาเป็นแกะ แพะ วัว ทั้งหมดเป็นตัวผู้ที่อ้วน แข็งแรง ทำไมท่านจึงทำอย่างนั้น? แน่นอนที่ท่านคิดว่า เมื่อพระเจ้าทรงกู้ชีวิตจากศัตรูเช่นนี้ สิ่งที่ถวายแด่พระองค์ต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้

สดุดี 66:16-20 จะเล่าถึงพระราชกิจ
ไม่ใช่แค่ถวายเครื่องบูชา แต่ดาวิดทรงเรียกให้ประชาชนของท่านมาฟังคำพยานว่า พระเจ้าทรงช่วยอย่างไรบ้าง ท่านบอกให้พวกเขารู้ว่า พระเจ้าจะไม่ฟังคนที่สะสมความชั่วไว้ และในเมื่อท่านไม่ได้ทำเช่นนั้น พระเจ้าจึงไม่ทรงปฏิเสธคำร้องทูลของท่าน นี่เป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่สำหรับเราทุกคน

สดุดี 65 สิ่งดีทุกอย่างมาจากพระเจ้าเบื้องบน

ภาพโดยFrancesco Ungaro pexels.com

ถึงหัวหน้านักร้องเพลงสดุดีของดาวิด

ทบทวนความดีของพระเจ้าต่ออิสราเอล
1 โอพระเจ้าข้า
คำสรรเสริญนั้นเหมาะสมยิ่งสำหรับพระองค์
ในศิโยน พวกเราจะทำตามที่ได้ปฏิญาณไว้ต่อพระองค์ 
2 เพราะพระองค์ทรงฟังคำอธิษฐาน
มนุษย์ทั้งหลายจึงหันเข้ามาหาพระองค์
3 ยามที่บาปชั่วของเราทั้งหลายท่วมท้น
พระองค์ก็ทรงอภัยให้ 
4 คนที่พระเจ้าทรงเลือก
และทรงทำให้เขามาอยู่ใกล้พระองค์ ก็เป็นสุข
พระองค์ทรงให้เขาอยู่ในที่พำนักของพระองค์ 
เราทั้งหลายจะอิ่มพึงใจกับสิ่งดีๆของพระนิเวศ
และความบริสุทธิ์แห่งพระวิหารของพระองค์ 

พระเจ้าผู้ทรงสร้างธรรมชาติ
5 โอพระเจ้าแห่งความรอดของเราทั้งหลาย
พระองค์ทรงตอบเราทั้งหลายด้วยราชกิจอันน่าเกรงขาม
พระองค์ทรงเป็นความหวังของทุกมุมโลก
และทรงเป็นความหวังของที่สุดปลายของทะเลที่ไกลโพ้น 
6 พระองค์ทรงสร้างเทือกเขาขึ้นมาด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์
และทรงเต็มด้วยอานุภาพ 
7 พระองค์ทรงระงับเสียงคลื่นทะเล
เสียงโครมครามของคลื่นทะเล
และเสียงวุ่นวายของชนชาติทั้งหลาย 
8 คนทั้งหลายที่อาศัยทุกแห่งในโลกนี้
หวาดหวั่นต่อการอัศจรรย์ของพระองค์
พระองค์ทรงทำให้เวลาเช้า และเวลาเย็น
เต็มด้วยเสียงโห่ร้องด้วยความชื่นบาน

ขอแสดงความกตัญญูต่อพระคุณ
9 พระองค์ทรงมาเยี่ยมแผ่นดิน ทรงรดน้ำให้
ทรงทำให้ผืนดินอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก
ธารน้ำของพระองค์มีน้ำเต็มตลิ่ง
พระองค์ทรงจัดหาข้าวให้แก่ชาวโลก
ทรงจัดเตรียมโลกไว้อย่างนั้น 
10 พระองค์ทรงรดน้ำให้ชุ่มดินด้วยฝนตามรอยไถ
ทรงทำให้หน้าดินราบเรียบด้วยสายฝน
และทรงอวยพรให้พืชพันธุ์เติบโต
11 พระองค์ทรงให้เป็นปีแห่งความอุดมสมบูรณ์ จากพระองค์
พระองค์ทรงผ่านไปที่ใด พืชพันธ์ุที่นั่นก็งอกงามเต็มที่ 
12ทุ่งหญ้าเขียวขจีในถิ่นกันดาร
เนินเขายินดีปรีดา 
13 ฝูงแพะแกะอยู่เต็มทุ่งหญ้า
ต้นข้าวเต็มอยู่ในหุบเขา
ทุกสิ่งต่างโห่ร้องด้วยความชื่นบาน 

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 76:11, 62:1, 116:17-18,76:2

2* เยเรมีย์ 29:12-13; อิสยาห์ 65:24; กิจการ 10:31; สดุดี 145:18-19

3* สดุดี 38:4; ฮีบรู 9:14; อิสยาห์ 6:7; สดุดี 79:9

4* สดุดี 106:4-5, 84:4, 23:6; เอเฟซัส 1:4

5* เฉลยธรรมบัญญัติ 10:21; สดุดี 66:3; โรม 2:5

6* สดุดี 93:1; ฮาบากุก 3:6; มีคาห์ 6:2; อิสยาห์ 51:9

7*อิสยาห์ 17:12-13; สดุดี 89:9,107:29,93:3-4; ยอห์น 18:6

8*วิวรณ์ 11:3; กิจการ 5:38-39; ฮาบากุก 3:3-19; สดุดี 148:3, 136:8

9* สดุดี 104:13-15, 68:9-10; 46:4; วิวรณ์​ 22:1

10* สดุดี 147:8; 1 โครินธ์ 3:6-7; เฉลยธรรมบัญญัติ 32:2

11* โยเอล 2:21-26; สดุดี 5:12, 103:4; ฮักกัย 2:19

12* โยบ 38:26-27; สดุดี 104:10-13; โยเอล 2:22; อิสยาห์ 61:10-11, 59:9-13

13* อิสยาห์ 55:12, 44:23, 35:1-2 กิจการ 14:17; เศคาริยาห์ 9:17

สดุดีบทนี้ บอกเราถึงพระพรที่พระเจ้าทรงเทลงมาให้โลก เป็นสดุดีที่จะร้องในเทศกาลของยิว ผู้คนจะระลึกถึงความดีของพระเจ้าที่ทรงทำให้กับแผ่นดิน เป็นช่วงเวลาที่ร่าเริงที่สุดของคนยิวด้วย
สดุดี 6:1-4 ทบทวนความดีของพระเจ้าต่ออิสราเอล
กษัตริย์ดาวิดได้ประกาศก้องว่า จากศิโยน ประชากรของพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ คำปฏิญาณที่พวกเขาเคยให้ น่าจะเป็นว่า เมื่อพระองค์ทรงอวยพระพรให้พืชพันธ์ุธัญญาหารสมบูรณ์ พวกเขาก็จะสรรเสริญพระองค์
เพราะพระเจ้าทรงฟังคำอธิษฐาน ผู้คนจึงหันมาหาพระองค์ และไม่ใช่เฉพาะในยุคของดาวิดเท่านั้น แต่เป็นยุคปัจจุบันด้วย ผู้เชื่อรู้ว่า ไม่มีที่ใดจะเป็นคำตอบนอกจากที่เบื้องพระพักตร์พระเจ้า
กษัตริย์ดาวิดระลึกถึงยามที่อิสราเอลทำบาปต่อพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า พระองค์ก็ทรงยกโทษให้เสมอ และพวกเขาเป็นคนที่น่าจะเป็นสุขที่สุด เพราะพระเจ้าทรงเลือกให้เขาเป็นประชากรของพระองค์ ไม่เหมือนกับชนชาติใด ๆ
สดุดี 6:5-8 พระเจ้าผู้ทรงสร้างธรรมชาติ
พระเจ้าไม่ทรงเป็นเพียงความหวังแห่งความรอดของทุกคน แต่เริ่มต้นพระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้างสิ่งสารพัด พระองค์ทรงเป็นผู้ให้เกิดความสงบจากความวุ่นวายที่มนุษย์สร้างขึ้น การอัศจรรย์ของพระเจ้าเกิดขึ้นทุกวัน สิ่งเหนือธรรมชาติเป็นสิ่งที่ธรรมดาสำหรับผู้ที่เชื่อ!
สดุดี 6:9-13 ขอแสดงความกตัญญูต่อพระคุณ
คนที่ไม่เชื่อความดีของพระเจ้า จะไปอ้างว่า ทำไมพระเจ้าไม่ทรงช่วยคนยากจนอดอยากในแอฟริกา ทำไมพระเจ้าปล่อยให้คนทำร้ายกันและกัน แต่พวกเขาไม่ได้มองความดีพื้นฐานของธรรมชาติที่พระเจ้าทรงให้มีแดด มีฝน และทำให้มีอาหารอุดมสมบูรณ์ (ครั้งยังไม่มีโรงงานปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำ หรือปล่อยมลพิษลงในพื้นที่)
มนุษย์เราสามารถช่วยเหลือกันได้ในระดับ บุคคล ครอบครัว หมู่บ้าน ประเทศ หรือ ประเทศต่าง ๆ ช่วยเหลือกันได้อยู่แล้ว แต่เราไม่ได้ทำให้เพียงพอต่างหาก และมนุษย์เรายังเอาเปรียบกันอย่างไร้ยางอายอีกด้วย พระคัมภีร์ตอนนี้บอกเราชัดเจนว่า พื้นฐานของความอุดมสมบูรณ์ของโลกมาจากพระเจ้า ดังนั้น เราต้องเข้าใจว่า มนุษย์ซึ่งเป็นผู้ที่พระเจ้ามอบอำนาจให้ครอบครองธรรมชาติ เป็นผู้ต้องรับผิดชอบด้วยกันในการรักษาโลกนี้

สดุดี 64 พระเจ้าทรงตอบสนองเอง

ภาพโดย Anton Kudryashov pixels.com

ถึงหัวหน้านักร้อง สดุดีของดาวิด

ดาวิดเข้ามาร้องทูล
1 โอ้พระเจ้าข้า โปรดฟังคำทูลเรื่องทุกข์ใจของข้า 
ขอทรงป้องกันข้าไว้จากศัตรูที่เข้ามาคุกคาม 
2 ขอทรงปกป้องข้าไว้จากการคบคิดของคนชั่ว 
ให้พ้นจากเล่ห์เหลี่ยมของคนร้าย 


สิ่งที่ศัตรูลงมือทำ
3 พวกเขาลับลิ้นราวกับลับคมดาบ
และเปล่งคำพูดชั่วราวกับลูกธนูอาบพิษ 
4 พวกเขาซุ่มตัวคอยดักคนบริสุทธิ์ และยิงทันที
โดยไม่มีความกลัวเกรงใด ๆ 
5 พวกเขาสมคบคิดวางแผนร้าย
พูดถึงการวางกับดักเพื่อล่อเหยื่อ
“ใครจะมามองเห็นได้เล่า?
6 ใครจะมาสืบพบว่าเป็นแผนของเรา
ในเมื่อเราวางแผนไว้อย่างดีแล้ว”


พระเจ้าทรงเอาคืนให้
7แต่พระเจ้าทรงยิงธนูของพระองค์ เล็งไปยังพวกเขา
ทำให้พวกเขาล้มทันที 
8 พวกเขาจะหายนะไปเพราะลิ้นของตนเอง 
ทุกคนที่เห็นก็พากันส่ายหัวเยาะหยันพวกเขา

ผลที่เกิดขึ้น
9 มนุษย์จะเกรงกลัว
และประกาศออกไปให้รู้ถึงพระราชกิจของพระองค์ 
10ให้คนที่เที่ยงธรรม ชื่นชมยินดีในพระเจ้า
และหลบภัยในพระองค์
ให้ผู้มีใจเที่ยงธรรมสรรเสริญพระองค์เถิด

พระคำเชื่อมโยง

1*กิจการ 27:24,18:9-10; สดุดี 143:1-3, 140:1, 130:1-2;

2* สดุดี 143:9, 109:2-3, 59:2; เยเรมีย์ 11:19;

3* ยากอบ 3:6-8; สุภาษิต 12:18; สดุดี 58:7, 57:4; เยเรมีย์ 9:3

4* 1 เปโตร 2:22-23; สดุดี 55:19; ยอห์น 19:6; ฮาบากุก 3:14

5* สดุดี 140:5; 10:11

6*เยเรมีย์ 17:9-10

7* สดุดี 7:12-13; 1 เธสะโลนิกา 5:2-3

8* สดุดี 18:7; สุภาษิต 12:13

9*เยเรมีย์ 51:10; เยเรมีย์ 50:28

10*สดุดี 32:11; ฟีลิปปี 4:4

สดุดี 64:1-2 ดาวิดเข้ามาร้องทูล
ชีวิตของดาวิดเต็มด้วยการรบทั้งสงครามเต็มรูปแบบ และสงครามเย็นแบบว่ามีการซุ่มทำร้ายอยู่ไม่หยุดหย่อน จากสดุดี เราจะเห็นว่า นี่เป็นเหตุผลที่ดาวิดต้องพึ่งพระเจ้าเต็มร้อย เพราะท่านรู้ดีว่า ท่านไม่สามารถพึ่งมนุษย์ได้เลย รอบตัวของท่านเต็มด้วยการสมคบคิดที่โผล่ขึ้นมาตรงนี้ที ตรงนั้นที เมื่อทุกข์ใจท่านก็มาหาพระเจ้าแบบคนจนตรอกเสมอ

สดุดี 64:3-6 สิ่งที่ศัตรูลงมือทำ
ดาวิดทูลต่อพระเจ้าชัดเจนว่า การโจมตีของศัตรูนั้น เกิดขึ้นโดยคำพูดชั่ว คำของพวกเขานั้นทำลายได้ราวลูกธนูอาบยาพิษ และเราก็เห็นว่า ทุกวันนี้ การโจมตีของคนเราที่มีต่อกัน ไม่ได้เกิดจากอาวุธเท่านั้น แต่เกิดจากการให้ร้าย การไม่ยอมรับ การออกกฎหมายที่ริดรอนสิทธิต่างๆ ของผู้เชื่อ ในประเทศตะวันตกที่เราคิดว่าเขามีเสรีภาพกลับกลายเป็นการห้ามประกาศพระนามของพระเจ้าในที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะในโรงเรียน โรงพยาบาล ในที่ทำงาน และพวกเขาทำลายคนของพระเจ้า

สดุดี 64:7-8 พระเจ้าทรงเอาคืนให้
ตรงนี้ชัดเจนว่า ดาวิดไม่แก้แค้นเอง พระเจ้าตรัสว่า การแก้แค้นเป็นของพระองค์ ดังนั้นเมื่อเจอปัญหาแบบดาวิด ผู้เชื่อจึงเหมือนไม่ทำอะไรตอบโต้ แต่ที่จริงแล้ว การตอบโต้ต่อศัตรูของผู้เชื่อ พระเจ้าจะทรงทำเอง

สดุดี 64:9-10 ผลที่เกิดขึ้น
ผู้ที่ได้เห็นการตอบแทนของพระเจ้าจะเกิดความยำเกรง ผู้ที่หลบภัยในพระเจ้า และวางทั้งสิ้นไว้ให้พระองค์จะได้ชื่นชมในพระองค์

สดุดี 63 โหยหาพระเจ้ายิ่งนัก

ภาพโดยคุณ Diana Smykova จาก pexels.com

สดุดีของดาวิด เมื่อท่านอยู่ในถิ่นกันดารยูดาห์
กระหายหาพระเจ้า
1 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้า
ข้าทุ่มเทใจแสวงหาพระองค์
จิตวิญญาณของข้าโหยหาพระองค์
ร่างกายของข้ากระหายหาพระองค์
ในแผ่นดินแห้งแล้ง กันดาร ในที่ซึ่งขาดน้ำ
2 ข้าเคยมองดูพระองค์ในพระวิหาร ได้เห็นฤทธิ์เดชและ
พระสิริตระการของพระองค์

สรรเสริญพระเจ้า
3เพราะความรักมั่นคงของพระองค์นั้น ดีกว่าชีวิต
ริมฝีปากของข้าจะสรรเสริญพระองค์
4 ข้าจะสรรเสริญพระองค์ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต
ข้าจะยกมือขึ้นเมื่ออธิษฐานต่อพระองค์
5 จิตวิญญาณของข้าจะอิ่มราวกับได้รับอาหารอย่างบริบูรณ์
ปากของข้าจะกล่าวคำสรรเสริญพระองค์

ตามพระเจ้าติด ๆ
ข้าใคร่ครวญถึงพระองค์ขณะนอนอยู่บนเตียง
ข้าคำนึงถึงพระองค์ทุกยาม
7 เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยของข้า
ข้าจึงร้องเพลงภายใต้ร่มปีกของพระองค์
8 จิตวิญญาณของข้ายึดพระองค์ไว้อย่างมั่นคง
พระหัตถ์ขวาของพระองค์ปกป้องข้าไว้

พระเจ้าทรงปกป้อง
9 เหล่าคนที่ตามล่าเอาชีวิตของข้านั้น จะถูกทำลาย
เขาจะร่วงลงไปยังที่ลึกของแผ่นดิน
10 พวกเขาจะถูกตามล่าชีวิตด้วยดาบ
ตกเป็นอาหารของหมาจิ้งจอก
11 แต่องค์กษัตริย์ยินดีในพระเจ้า
คนทั้งหลายที่ปฏิญาณในพระนามของพระเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ ส่วนปากของคนมุสาจะถูกปิด

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 143:6, 84:2,42:1-2

2* สดุดี 27:4, 105:4, 84:2-11

3*สดุดี 69:16, 51:15,30:5

4*สดุดี 104:33, 134:2, 28:2

5*สดุดี 36:7-9;อิสยาห์ 25:6

6* สดุดี 42:8, 149:5, 119:55

7*สดุดี 27:9, 61:4; 2 โครินธ์ 1:10

8* สดุดี 18:35, 94:18; อิสยาห์ 41:10

9* สดุดี 55:15, 40:14, 9:17

10*เอเสเคียล 35:5, เยเรมีย์ 18:21

11* เฉลยธรรมบัญญัติ 6:13; อิสยาห์ 65:16

สดุดี 63:1-2 กระหายหาพระเจ้า ดาวิดเป็นเหมือนคนที่ขาดน้ำ กระหายจนจะขาดใจ ทั้งร่างกายและจิตใจต้องการพระเจ้าเป็นที่สุด ท่านคิดถึงวันที่เคยอยู่ในพระวิหาร เห็นความงาม ความยิ่งใหญ่ ฤทธิ์เดชของพระเจ้า แต่มาในวันนี้ท่านกำลังกระเสือกกระสนเหมือนคนที่กำลังใกล้ตาย ในช่วงนี้เป็นช่วงที่ท่านน่าจะกำลังหนีจากอับซาโลม ลูกชายของท่าน (2 ซามูเอล 15-19) เพราะท่านกล่าวถึงตนเองในข้อ 11 ว่าองค์กษัตริย์ ท่านกล่าวถึงพระเจ้าว่า พระเจ้าของข้า ท่านเป็นคนของพระเจ้า และพระเจ้าก็เป็นของท่าน เวลานี้ท่านเทใจทั้งหมดเพื่อแสวงหาพระองค์ ท่านไม่อาจอยู่ได้โดยไม่มีพระเจ้า

สดุดี 63:3-5 สรรเสริญพระเจ้า ดูเหมือนว่าตอนนี้ท่านจะได้สัมผัสกับพระเจ้า เพราะท่านว่าท่านอิ่มราวกับได้กินอาหารชั้นดีเกินพอ ท่านกล่าวว่าจะสรรเสริญพระองค์ซ้ำ ๆ ในทุกข้อ เมื่อได้สัมผัสพระเจ้า สิ่งหนึ่งที่ทำได้คือร้องสรรเสริญพระองค์. ยกมือขึ้นต่อพระองค์​บอกพระองค์ว่า ความรักของพระองค์ดีกว่าชีวิตมากนัก ดังนั้น ถึงจะตายไปก็ไม่เป็นไรเพราะความรักนั้นท่วมท้นแล้ว

สดุดี 63:6-8 ตามพระเจ้าติด ๆ ในยามยากลำบากครั้งนี้ ท่านไม่อาจจะหลับลงได้ ทั้งคืนท่านคิดถึงแต่พระเจ้า ดาวิดเป็นบุรุษที่ตามติดพระเจ้า วิญญาณของท่านจึงอิ่มด้วยพระองค์ ที่ท่านหมกมุ่นมีความคิดอยู่กับพระเจ้าไม่ห่างไปไหน เพราะพระองค์ทรงช่วยท่านเสมอ ทรงปกป้องท่านไว้ ดังนั้นท่านจึงจะยึดพระองค์ไว้แน่น พระคำอย่างนี้เหมาะกับทุกคนที่กำลังต้องเผชิญความยากลำบากที่ไม่อาจหนีได้
ทุกยามในที่นี้ เหมือนกับการสับเปลี่ยนยามของทหารที่เฝ้าเมืองตอนกลางคืน

สดุดี 63:9-11 พระเจ้าทรงปกป้อง ดาวิดมั่นใจว่าในที่สุดศัตรูจะถูกพระเจ้าจัดการ ในชีวิตจริงของเรามีศัตรูที่น่ากลัวอยู่ตลอดเวลา บางครั้งเรามองไม่เห็นจนกว่าจะเกิดวิกฤตขึ้น พี่น้องที่เชื่อในพระเจ้าในประเทศต่าง ๆ นั้น ถูกข่มเหงไม่หยุดหย่อน ถูกห้ามไม่ให้เชื่อ ถูกทำร้ายเมื่อรู้ว่าเป็นคนของพระเจ้า นี่เป็นเหตุผลชัดเจนว่าเหตุใดเราจึงต้องมีสดุดี พระวจนะที่บอกถึงความจริงของชีวิตชัดเจน บอกถึงว่าเราควรมองเหตุการณ์อย่างไร พึ่งพระเจ้าอย่างไร ที่สุดแล้ว พระเจ้าจะทรงช่วยคนของพระองค์ ชีวิตของผู้เชื่อไม่ได้เป็นชีวิตง่าย ๆ แต่เป็นชีวิตที่ดำเนินไปเพื่อเผชิญความยากลำบากจนชนะ