สดุดี 108 แด่พระเจ้าผู้ทรงให้เราชนะศัตรู

ภาพของคุณdimitrisvetsikas1969 จาก pixabay.com

บทเพลงสดุดีของกษัตริย์ดาวิด
1 ข้าแต่พระเจ้า จิตใจของข้าแน่วแน่
ข้าจะร้องเพลงและเล่นดนตรีอย่างสุดจิตสุดใจ
2 จงตื่นขึ้นเถิดพิณใหญ่ และพิณเขาคู่
ข้าจะปลุกอรุณรุ่ง
3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าจะยกย่องพระองค์ท่ามกลางชนชาติต่าง ๆ
ข้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางประชาชาติทั้งปวง
4 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ยิ่งใหญ่
สูงเหนือฟ้าสวรรค์ ความซื่อตรงของพระองค์ สูงเทียมเมฆ
5 โอพระเจ้า ขอทรงเป็นที่ยกย่องเหนือฟ้าสวรรค์
ขอพระสิริของพระองค์แผ่ออกไปทั้งแผ่นดินโลก
6 ขอทรงให้เราได้รับชัยชนะด้วยพระหัตถ์ขวา
เพื่อให้ผู้ที่พระองค์ทรงรัก จะได้รับการช่วยให้รอด

7 พระเจ้าตรัสจากสถานนมัสการของพระองค์ว่า
“ด้วยชัยชนะ เราจะแบ่งเชเคม และแบ่งหุบเขาเมืองสุคคท
8 กิเลอาดเป็นของเรา มนัสเสห์เป็นของเรา เอฟราอิมเป็นหมวกป้องกันศีรษะของเรา ยูดาเป็นคทาของเรา
9โมอับเป็นอ่างชำระของเรา เราเหวี่ยงรองเท้าของเราลงบนเอโดม เราโห่ร้องด้วยความมีชัยเหนือฟีลิสเตีย
10 ใครจะพาข้าไปยังเมืองป้อม?ใครจะนำข้าไปยังเอโดม?
11 โอ พระเจ้า พระองค์ไม่ทรงยอมรับพวกเรา
และไม่เสด็จออกไปพร้อมกับกองทัพของเราแล้วหรือ?
12 ขอทรงช่วยเราทั้งหลายเพื่อต่อต้านศัตรูเพราะความช่วยเหลือของคนนั้นก็ไร้ค่า
13 โดยพระเจ้า เราจึงได้รับชัยชนะ
พระองค์ทรงเป็นผู้เหยียบศัตรูของเราลง

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 57:7-11, 145:21-146-2, 71;15, 104:33

2* สดุดี 103:22,81:2, 69:30, 57:8

3* สดุดี 22:22,27, 117:1; เศฟันยาห์ 3:14

4* สดุดี 36:5,103:11, 89:2; เอเฟซัส 2:4-7

5* สดุดี 57:5, 148:13; มัทธิว 6:9-10,13; อิสยาห์ 6:3

6* สดุดี 60:5-12; 2 พงศาวดาร 32:20-22; โคโลสี 3:12; เฉลยธรรมบัญญัติ 33:12

7*2 เปโตร 1:3-4; 1 เปโตร. 1:8; 1:3; อาโมส 4:2

8* ปฐมกาล 49:10; สดุดี 122:5; 2 ซามูเอล 5:5

9* ยอห์น 13:14; 13:8; อิสยาห์ 14:29-32; สดุดี 60:8-10

10* โอบาดีย์ 1:3-4; เยเรมีย์ 49:7-16; อิสยาห์ 63:1-6

11*สดุดี 44:9; 2 พงศาวดาร 13:12; 20:15; 1 ซามูเอล 17:36, 29:1-11

12*เยเรมีย์ 17:5-8; เพลงคร่ำครวญ 4:17; อิสยาห์ 2:22, 30:3-5, 31:3

13* สดุดี 118:6-13; อิสยาห์ 63:3; สดุดี 18:42, 60:12

สดุดีบทนี้ เป็นสดุดีชวนให้วางใจพระเจ้าเพราะพระสัญญาของพระองค์ ข้อความนำมาจากสดุดีบทที่ 57:7-11 และ 60:5-12 คำว่า ข้าจะปลุกอรุณรุ่ง มีความหมายเปรียบว่า เมื่อความรอดของพระเจ้าเคลื่อนเข้ามาเหมือนรุ่งอรุณ ข้าก็จะสรรเสริญพระเจ้า
สดุดี108:1-6 กษัตริย์ดาวิดสรรเสริญพระเจ้าอย่างสูง เพราะความรักมั่นคงและความซื่อตรงของพระองค์ยิ่งใหญ่สูงส่งนัก พระองค์ทรงปรารถนาที่จะให้พระเจ้าทำให้พระองค์เองเป็นที่ยกย่องเหนือฟ้าสวรรค์ และช่วยท่านให้พ้นจากความทุกข์ต่าง ๆ ชัยชนะแท้จริงในชีวิตมาจากพระเจ้าเท่านั้น

สดุดี 108:7-13 ข้อ 7-9 ทำให้เราเห็นการที่พระเจ้าทรงปราบศัตรูให้ราบคาบ กษัตริย์ดาวิดทรงทราบดีว่า
การช่วยเหลือจากคนนั้น ไร้ค่าจริง ๆ แต่หากพระเจ้าทรงทำให้ พระองค์ก็จะทรงเป็นผู้ปราบศัตรูเอง
สูตรสำเร็จของท่านคือ เมื่อพระเจ้าปราบศัตรูแล้ว เป็นการปราบที่แน่นนอน ถาวร ไม่มีใครเปลี่ยนกลับคืนได้

สดุดี 107 พระเจ้าทรงตอบในทุกสถานการณ์

ภาพวาดโดย Joseph Mallord William Turner from 1842

สรรเสริญในความดีของพระเจ้า
1จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์เพราะพระองค์ทรงดีนัก
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
2ให้บรรดาคนที่ พระยาห์เวห์ทรงไถ่กล่าวดังนั้น
คือผู้ที่ทรงไถ่จากเงื้อมมือของศัตรู
3ผู้ที่พระองค์ทรงรวบรวมมาจากแผ่นดินต่าง ๆ
จากตะวันออกและตะวันตก จากเหนือและใต้*
ภาษาฮีบรูว่าเหนือและทะเล

พระองค์ทรงช่วยกู้คนที่อยู่ในถิ่นกันดาร
4บางคนก็ระหกระเหินไปในถิ่นกันดารที่แห้งแล้ง
ไม่พบหนทางเข้าเมืองที่พวกเขาจะเข้าไปอาศัย
5 ทั้งหิวโหย และกระหาย ทั้งอ่อนล้าหมดกำลังใจ
6 ในยามยากเข็ญ พวกเขาก็ร้องเรียกหา
องค์พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขา
ให้พ้นจากความยากลำบาก
7 พระองค์ทรงนำพวกเขาไปตามทางที่ตรงไปสู่เมืองที่จะอาศัยได้
8ให้พวกเขาขอบคุณพระยาห์เวห์เพราะพระเมตตาของพระองค์
เพราะการอัศจรรย์ที่ทรงกระทำเพื่อลูกหลานของมนุษย์
9 พระองค์ประทานน้ำดื่มอย่าง
ล้นเหลือแก่คนที่กระหายทรงทำให้คนที่หิวโหยอิ่มด้วยอาหารที่ดี

พระองค์ทรงช่วยกู้คนที่ถูกจำจอง
10 บางคนตกอยู่ในความมืด อยู่ใต้เงาความตาย เป็นนักโทษที่ถูกขังในความทุกข์ยากและติดตรวนอยู่
11 พวกเขาดื้อดึงต่อพระดำรัสและดูหมิ่นคำปรึกษาขององค์ผู้สูงสุด
12 ดังนั้น พระองค์จึงทรงทำให้ใจของพวกเขาต้องถ่อมลงเพราะงานที่หนักแสนสาหัส พวกเขาล้มลง และไม่มีใครเข้ามาช่วย
13 ในยามยากเข็ญ พวกเขาก็ร้องเรียกหาพระยาห์เวห์. พระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขาจากความยากลำบาก
14พระองค์ทรงนำพวกเขาออกมาจากความมืดและเงาความตาย พระองค์ทรงหักโซ่ตรวนของพวกเขา
15 ให้พวกเขาขอบคุณพระยาห์เวห์เพราะพระเมตตาของพระองค์ เพราะการอัศจรรย์ที่ทรงกระทำเพื่อลูกหลานของมนุษย์
16เพราะพระองค์ทรงพังประตูทองเหลือง
และทรงตัดลูกกรงเหล็กออก

พระองค์ทรงช่วยกู้คนที่ป่วยหนัก
17 คนที่โง่ เพราะการดื้อดึงซ้ำ ๆ พวกเขาต้องทนทุกข์ต่อไปเพราะความชั่วร้ายของตนเอง
18 พวกเขารู้สึกขยะแขยงกับอาหารทุกชนิด และก้าวเข้าไปใกล้ประตูแห่งความตาย
19 ในยามยากเข็ญ พวกเขาก็ร้องเรียกหาพระยาห์เวห์. พระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขาจากความยากลำบาก
20 เมื่อพระองค์ตรัสออกมา พวกเขาก็ได้รับการรักษาโรค และทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากความตาย
21ให้พวกเขาขอบพระคุณองค์พระยาห์เวห์ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ เพราะพระราชกิจมหัศจรรย์ที่ทรงทำเพื่อลูกหลานของมนุษย์
22 ให้เขาถวายเครื่องบูชาแห่งการขอบพระคุณ และเล่าถึงพระราชกิจต่าง ๆ ของพระองค์ ด้วยบทเพลงแห่งความยินดี

พระองค์ทรงช่วยกู้คนที่อยู่ในท้องทะเล
23 บางคนท่องทะเล ทำมาหากินตามท้องน้ำที่กว้างใหญ่
24 พวกเขาได้เห็นพระราชกิจของพระยาห์เวห์ เห็นการอัศจรรย์ของพระองค์ท่ามกลางน้ำลึก
25 เพียงพระองค์ตรัส ก็เกิดลมพายุแรงที่ทำให้คลื่นทะเลก่อตัวสูงขึ้น
26 เขาเหล่านั้นถูกโยนล่องขึ้นไปบนฟ้า ก่อนที่จะดำลงสู่ทะเลลึกจิตใจของเขาก็ฝ่อลง เมื่ออันตรายย่างกรายเข้ามา
27 เขาทั้งหลายถลาถไลไปมาราวกับคนเมาทั้งจนปัญญา ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ
28 ในยามยากเข็ญ พวกเขาก็ร้องเรียกหาพระยาห์เวห์. พระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขาจากความยากลำบาก 
29 พระองค์ทรงสยบพายุ และคลื่นก็สงบนิ่ง
30 พวกเขาต่างยินดีเพราะคลื่นสงบ และพระองค์ทรงนำไปยังเมืองท่าที่พวกเขาหมายตาไว้
31 ให้พวกเขาขอบพระคุณองค์พระยาห์เวห์ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ เพราะพระราชกิจมหัศจรรย์ที่ทรงทำเพื่อลูกหลานของมนุษย์
32 ให้พวกเขาเชิดชูพระองค์ในที่ประชุมของชาติทั้งหลาย และสรรเสริญพระองค์ในที่ประชุมของผู้อาวุโส

ทรงลงวินัยคนที่ดื้อดึง
33 พระองค์ทรงทำให้แม่น้ำกลายเป็นทะเลทราย แหล่งน้ำกลายเป็นดินที่แตกระแหง
34 ทรงทำให้ผืนดินอุดมกลายเป็นที่ร้างดินเค็ม เพราะความชั่วร้ายของคนในแผ่นดินนั้น

ทรงอวยพระพรคนที่ถ่อมตนลง
35 พระองค์ทรงเปลี่ยนที่กันดารกลายเป็นแอ่งน้ำ และเปลี่ยนแผ่นดินแตกระแหงให้กลายเป็นแหล่งน้ำ
36 พระองค์ทรงนำคนที่หิวโหยไปตั้งถิ่นฐาน และพวกเขาตั้งเมืองที่อยู่อาศัยได้
37 พวกเขาหว่านท้องนา และปลูกสวนองุ่น และเก็บเกี่ยวได้ผลมาก
38 พระองค์ทรงอวยพรพวกเขา และพวกเขาจึงทวีจำนวนลูกหลานขึ้น และไม่ทรงให้ฝูงสัตว์ลดจำนวนลงเลย

ทรงลดจำนวนคนที่เย่อหยิ่ง
39 และผู้คนของพวกเขาก็ลดจำนวนลงเพราะการกดขี่ ความทุกข์ และความเศร้าโศก
40 พระองค์ทรงทำให้ผู้นำทั้งหลายเป็นที่ดูแคลน ทรงให้พวกเขาเร่ร่อนไปในถิ่นกันดาร

บทสรุปที่ควรใคร่ครวญ
41แต่พระองค์ทรงยกคนขัดสนขึ้นมาจากความทุกข์ยากและทรงให้เขามีลูกหลานมากมายอย่างฝูงแพะแกะ
42 ผู้ใดมีปัญญาก็ให้เขาฟังสิ่งเหล่านี้ และใคร่ครวญไตร่ตรองถึงความรักอันมั่นคงของพระยาห์เวห์

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 106:1, 100:5; 1 พงศาวดาร 16:35

2* 1 เปโตร 1:18-19; ลูกา1:74; สดุดี 106:10

3* สดุดี 106:47; วิวรณ์ 5:9; เยเรมีย์ 29:14

4*เฉลยธรรมบัญญัติ 32:10; กันดารวิถี 14:33; วิวรณ์ 12:6

5* มาระโก 8:2-3; เพลงคร่ำครวญ 2:19; เยเรมีย์ 14:18

6* สดุดี 50:15,91:15; เยเรมีย์ 29:12-14; ฮีบรู 4:15-16

7* ฮีบรู 12:22, 11:9-10,16; เยเรมีย์ 33:10-13

8* สดุดี 107:31, 147:1; ดาเนียล 6:27

9* มัทธิว 5:6; เยเรมีย์ 31:25; สดุดี 34:10; ลูกา 1:53

10* ลูกา 1:79; มัทธิว 4:16; อิสยาห์ 42:7; โรม 6:20-21

11* สุภาษิต 1:25; สดุดี 106:43; โรม 1:28

12* สดุดี 22:11; ลูกา 15:14-17; อพยพ 5:18-19; 2:23

13* อิสยาห์ 42:16; สดุดี 116:16; 1 เปโตร 2:9; เศคาริยาห์ 9:11-12

14*อิสยาห์ 42:16; สดุดี 116:6; 1 เปโตร 2:9; เศคาริยาห์ 9:11-12

15* สดุดี 107:31,21,8

16* อิสยาห์ 45:1-2; มีคาห์ 2:13; ผู้วินิจฉัย 16:3

17* เพลงคร่ำครวญ 3:39; สุภาษิต 1:22; เยเรมีย์ 2:19; อิสยาห์ 65:6-7

18* สดุดี 88:3; 9:13; โยบ 33:19-22; อิสยาห์ 38:10

19* เยเรมีย์ 33:3; สดุดี 116:4-8, 107:13

20* มัทธิว 8:8; สดุดี 147:15,103:3-4

21* ลูกา 17:18; สดุดี 107:31,15;66:5

22* สดุดี 118:17, 50:14,9:11, 116:17

23* วิวรณ์ 18:17

24*สดุดี 104:24-27, 95:5

25* โยนาห์ 1:4; สดุดี 148:8, 93:3

26* สดุดี 22:14,119:28, นาฮูม 2:10

27* โยบ 12:25; อิสยาห์ 29:9, 19:14

28* สดุดี 107:6,13,19; กิจการ 27:23-25

29* สดุดี 65:7; มัทธิว 8:26; ลูกา 8:23-25

30* ยอห์น 6:21

31* สดุดี 107: 8, 15,21, 103:2

32* สดุดี 22:22,25,99:5; อิสยาห์ 25:1

33* อิสยาห์ 50:2, 42:15; เศฟันยาห์ 2:13

34* ปฐมกาล 14:3, 13:10; เอเสเคียล 47:11

35* สดุดี 114:8; อิสยาห์ 41:17-19; 35:6-7

36* สดุดี 107:7; ลูกา 1:53; กิจการ 17:26

37* 1 โครินธ์ 3:7; เยเรมีย์ 29:5; 2 โครินธ์ 9:10

38*อพยพ 1:7; ปฐมกาล 17:20, 12:2, สดุดี 144:13-14

39* 2 พงศ์กษัตริย์ 10:32; อพยพ 2:23-24; เยเรมีย์ 51:33-34

40* โยบ 12:24; 12:21; ดาเนียล 4:33; อิสยาห์ 23:8-9

41* โยบ 21:11; 1 ซามูเอล 2:8; อิสยาห์ 49:20-22

42* สดุดี 63:11; โยบ 22:19; โรม 3:19

สดุดีบทที่ 107 ได้ชวนให้เราคิดถึงความรักมั่นคงของพระเจ้าที่ทรงมีต่อคนที่ร้องหาพระองค์ในบทนี้ พระเจ้าทรงช่วยใครบ้างหรือ? ใช่แล้ว เราก็เคยอยู่ในสภาพที่คล้ายคลึงกัน และเราทูลขอได้เหมือนอย่างพวกเขาเลย ไม่ได้ต่างอะไร

1 คนที่เร่ร่อน หิวโหยอยู่ในถิ่นกันดาร
2 คนที่ ถูกจำจอง
3 คนที่ป่วยหนัก
4 คนที่ทำงานในท้องทะเล

แม้ว่าพวกเขาเคยดื้อดึง กบฎต่อพระองค์ ในบทนี้ ได้เล่าถึงผู้คนในสถานการณ์ต่างๆ ที่เราเองก็ต้องเผชิญเช่นกัน เป็นข้อเขียนที่ช่วยให้เราได้มองเห็นตัวเอง และรู้ว่าในยามยากเข็ญ ต้องทบทวนตัวเอง ต้องร้องเรียกหาพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงซื่อตรงที่จะช่วยเหลือคนของพระองค์อย่างแน่นอน

สดุดี 72 คำอธิษฐานเพื่อองค์กษัตริย์

บทประพันธ์ของซาโลมอน
การปกครองที่ยุติธรรม
1 โอ พระเจ้า ขอพระองค์ประทานความสามารถ
ให้กับองค์กษัตริย์ในการตัดสินอย่างเที่ยงธรรม
ขอทรงให้พระโอรสมีความสามารถ
ในการตัดสินพระทัยอย่างยุติธรรม
2 เพื่อท่านจะตัดสินประชากรของพระองค์อย่างยุติธรรม
และคนที่ถูกข่มเหงของพระองค์อย่างเท่าเทียมกัน
3ขอให้ภูเขานำข่าวแห่งสันติสุขมาให้ประชาชน
ให้เนินเขาประกาศความยุติธรรม
4 ขอให้ท่านได้ปกป้องคนที่ทุกข์ยากในหมู่ประชาชน
และท่านจะขยี้คนที่ข่มเหงผู้อื่น

การปกครองที่ดีซึ่งอยู่เป็นนิตย์
5ให้ประชาชนได้ยำเกรงท่าน
ตราบเท่าที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ยังอยู่คู่ฟ้า
ยุคแล้วยุคเล่า
6 ท่านจะเป็นดั่งฝนที่โปรยลงบนทุ่งหญ้าตัดใหม่
เป็นเหมือนฝนที่รดแผ่นดินจนชุ่ม
7 ผู้ที่เที่ยงธรรมในสมัยของท่านจะรุ่งเรือง
สันติสุขจะเต็มล้นตราบเท่าที่ดวงจันทร์ยังส่องแสงประกาย


องค์กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่กว่า
8 ขอให้ท่านได้ปกครองจากริมทะเลหนึ่งไปยังทะเลอีกด้าน
​จากแม่น้ำยูเฟรตีสไปจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก
9 ขอให้เหล่าชนชาติตามริมทะเลก้มกราบท่าน
และศัตรูของท่านจะเลียผงดิน
10 ขอให้เหล่ากษัตริย์แห่งทารชิช
และกษัตริย์ของเมืองริมทะเลนำเครื่องบรรณาการมาถวาย
กษัตริย์แห่งเชบาและเสบา จะนำของกำนัลมา
11 กษัตริย์ทั้งสิ้นจะหมอบลงกราบท่าน
และชนชาติต่าง ๆ จะรับใช้ท่าน

องค์กษัตริย์ที่รักคนยากจน
12 เพราะท่านจะช่วยกู้คนที่ยากไร้
เมื่อพวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ
ท่านจะช่วยคนที่ถูกข่มเหง ผู้ที่ไม่มีใครปกป้อง
13 ท่านจะสงสารคนยากจนและคนขัดสน
ท่านจะช่วยชีวิตคนที่ขัดสนให้รอด
14ท่านจะปกป้องพวกเขาให้พ้นจากอันตรายและความรุนแรง
ท่านเห็นคุณค่าแห่งชีวิตของพวกเขา

ทรงเป็นที่ยกย่องของชาติต่าง ๆ
15 ขอให้ท่านทรงพระชนม์
ให้มีผู้นำทองคำจากเชบามาถวาย
ให้มีผู้อธิษฐานเผื่อท่านตลอดไปและ
ให้มีผู้ที่อวยพรท่านตลอดวันเวลาของท่าน
16 ขอให้มีข้าวอย่างอุดมในแผ่นดิน
รวงข้าวโบกไหวอยู่บนยอดเขา
ขอให้ไม้ผลงอกงามดั่งป่าไม้ในเลบานอน
ขอให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ราวกับทุ่งหญ้าบนแผ่นดิน
17 ขอให้ชื่อเสียงของท่านยืนยง
ขอให้เชื้อสายของท่านดำรงอยู่ตราบเท่าที่ดวงอาทิตย์ยังอยู่บนฟ้า
18 พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล
พระองค์เป็นผู้ที่สมควรได้รับคำสรรเสริญ
พระองค์เท่านั้นที่ทรงกระทำราชกิจอันมหัศจรรย์
19 พระนามอันรุ่งโรจน์ของพระองค์
สมควรที่จะได้รับคำสรรเสริญตลอดไป
ขอให้พระสิริตระการของพระองค์เต็มทั่วแผ่นดินโลก
ขอให้เป็นจริงตามนั้น ขอให้เป็นจริงตามนั้น
20 จบคำอธิษฐานของดาวิด บุตรชายเจสซีเท่านี้

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* 1 พงศาวดาร 22:12-13; อิสยาห์ 11:2; ฮีบรู 1:8-9

2* อิสยาห์ 32:1, 9:7; วิวรณ์ 19:11;

3* อิสยาห์ 52:7; 2 โครินธ์ 5:19-21; โยเอล 3:18

4* อิสยาห์ 11:4; เอเสเคียล 34:15-16; วิวรณ์ 19:2

5* สดุดี 89:36-37; ดาเนียล 7:14; สดุดี 72:7

6* โฮเชยา 6:3; เฉลยธรรมบัญญัติ 32:2; 2 ซามูเอล 23:4

7* อิสยาห์ 2:4; เอเฟซัส 2:14-17; ลูกา 2:14

8* เศคาริยาห์ 9:10; อพยพ 23:31; สดุดี 89:25, 80:11

9* อิสยาห์ 49:23; มีคาห์ 7:17; ลูกา 19:27

10*อิสยาห์ 60:6, 49:7; สดุดี 68:29

11* วิวรณ์ 11:15; อิสยาห์ 49:22-23; สดุดี 86:9

12* โยบ 29:12; สดุดี 102:17; วิวรณ์ 3:17-18

13* มัทธิว 5:3; เอเสเคียล 34:16; สดุดี 109:31

14* สดุดี 116:15; วิวรณ์ 19:2; 1 เธสะโลนิกา 2:15-16

15*วิวรณ์ 5:8-14; ยูดา1:25

16* วิวรณ์ 7:9; 1 ​โครินธ์ 3:6-9; กิจการ 4:4

17* อิสยาห์ 7:14; มัทธิว 1:23

18* สดุดี 41:13, 136:4, 106:48

19* กันดารวิถี 14:21; มัทธิว 6:10

20* 2 ซามูเอล 23:1

สดุดี 72: 1-4 การปกครองที่ยุติธรรม
สดุดีบทนี้ เป็นบทประพันธ์ของกษัตริย์ซาโลมอน โดยเข้าใจว่าท่านน่าจะเป็นผู้รวบรวมสดุดีของกษัตริย์ดาวิดไว้ แล้วท่านก็เขียนเป็นบทสรุป เพราะในบทบรรยายนั้น กล่าวถึงพระเมสสิยาห์มากกว่าที่จะกล่าวถึงดาวิด
ในบทนำท่านได้ขอให้พระเจ้าทรงอวยพระพรราชวงศ์แห่งกษัตริย์อิสราเอล เป็นเรื่องเดียวกับใน 1 พงศ์กษัตริย์ 3:5-9 โดยมองว่า กษัตริย์เป็นผู้สร้างความยุติธรรมให้เกิดในหมู่ประชาชน เป็นผู้ปกป้องประชาชนที่ยากจน ข้อสามที่กล่าวถึงภูเขานั้น น่าจะมีความหมายถึงเหล่าผู้ปกครองประชาชนในระดับต่าง ๆ พวกเขาควรจะเป็นผู้นำสันติสุขมาให้ประชาชน
สดุดี 72:5-7 การปกครองที่ดีซึ่งอยู่เป็นนิตย์
และหากคำอธิษฐานได้รับคำตอบ กษัตริย์ปกครองอย่างทรงธรรม ประชาชนก็จะยำเกรงท่านไม่หยุดหย่อน ท่านจะเป็นที่ชื่นใจ ชื่นชมของประชาชน ประชาชนจะมีสันติสุข คนที่รักพระเจ้าจะเจริญรุ่งเรือง
สดุดี 72:8-11 องค์กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่กว่า
กษัตริย์โซโลมอนเริ่มมองเห็นว่า มีท่านผู้หนึ่งที่จะครอบครองไปจนสุดปลายแผ่นดิน เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่กว่าท่าน ศัตรูของพระองค์จะต้องถ่อมตนลงจนถึงกับเลียผงดิน กษัตริย์ทั้งหลายจากประเทศต่าง ๆ ทั่วทั้งโลกจะมารับใช้มหาราชาองค์นี้ และจะมีใครเล่าที่ประชาชาติทั่วโลกกำลังนมัสการพระองค์อยู่ นอกเหนือไปจากองค์พระเยซูคริสต์
สดุดี 72:12-14 องค์กษัตริย์ที่รักคนยากจน
ถ้าเราจะดูชีวประวัติขององค์พระเยซูในพระกิตติคุณ เราจะเห็นว่า พระองค์ทรงอยู่ท่ามกลางคนยากไร้ คนป่วยเจ็บ คนที่ถูกผู้ปกครองทอดทิ้งและเอาเปรียบ ตั้งแต่ที่ทรงบังเกิดจนกระทั่งคืนพระชนม์
พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งพวกเขาเลย
สดุดี 72:15-20 ทรงเป็นที่ยกย่องของชาติต่าง ๆ
องค์กษัตริย์เป็นผู้ได้รับเครื่องบรรณาการจากกษัตริย์ทั้งหลาย ทรงได้รับการสรรเสริญยกย่อง และพระองค์ก็ได้อวยพระพรให้กับแผ่นดิน ให้แผ่นดินนั้นอุดมสมบูรณ์สวยงาม พระนามของพระองค์ ชื่อเสียงและเชื้อสายของพระองค์ดำรงตลอดไป กษัตริย์ซาโลมอนได้มองเห็นว่า องค์กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่พระองค์นี้ จะส่องพระสิริของพระองค์ไปทั่วแผ่นดิน และก็เป็นไปตามนั้น พระนามของพระเยซูทำให้ทุกชีวิตที่รับพระองค์ได้รับการเปลี่ยนแปลง ได้รับพระพร
แล้วกษัตริย์ซาโลมอนก็ได้สรุปจบสดุดีบทต่าง ๆ ของกษัตริย์ดาวิดว่า จบเพียงตอนนี้ ตอนต่อไปจะเป็นสดุดีของท่านอื่น

สดุดี 71 ทูลขอพระเจ้าให้มีชีวิตยืนนาน

Old Man Praying วาดโดย Van Gogh

วางใจพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระศิลา
1 โอ พระยาห์เวห์ ข้าลี้ภัยในพระองค์
ขออย่าทรงให้ข้าต้องอับอายเลย
2 ขอทรงช่วยกู้ และฉุดให้พ้นภัยด้วยความเที่ยงธรรมของพระองค์ ขอทรงเอียงพระกรรณมายังข้าและขอทรงช่วยข้า
3 ขอทรงเป็นศิลาที่ลี้ภัย เป็นที่ ๆ ข้าเข้ามาหาเสมอ
พระองค์ทรงบัญชาให้ช่วยข้า
เพราะพระองค์ทรงเป็นศิลาและป้อมปราการของข้า
4ขอทรงช่วยข้าให้พ้นจากมือของคนชั่ว
จากอุ้งมือของคนไร้ความยุติธรรมและโหดเหี้ยม

พระเจ้าทรงช่วยมาก่อนที่จะเกิด
5เพราะพระองค์ โอ พระยาห์เวห์ องค์เจ้านาย
พระองค์ทรงเป็นความหวังของข้า
เป็นที่ไว้วางใจมาตั้งแต่ยังเด็ก
6 ข้าพึ่งพาพระองค์มาก่อนที่จะเกิด
พระองค์ทรงเป็นผู้ที่นำข้าออกมาจากท้องแม่
ข้าจะสรรเสริญพระองค์เสมอไป

ทรงเป็นที่ลี้ภัยจนชรา
7 คนมากมายเห็นข้าแล้วก็ตกใจมาก
เพราะพระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยแข็งแกร่งของข้า
8 ปากของข้าเต็มด้วยคำสรรเสริญพระองค์
และกล่าวถึงสง่าราศีตระการของพระองค์ทั้งวัน
9 ขอพระเจ้าอย่าทรงละทิ้งยามที่ข้าชรา
เมื่อกำลังลดลง ขอพระเจ้าอย่าทรงทอดทิ้งข้า

ศัตรูที่ไม่หยุดไล่ล่า
10 เพราะศัตรูกล่าวถึงข้า
เหล่าคนที่จ้องเอาชีวิตของข้าสมคบคิดกัน
11พวกเขากล่าวว่า “พระเจ้าทรงละทิ้งเขาแล้ว ไป
เราไปไล่ล่าเขา จับเขาไว้ เพราะไม่มีใครจะช่วยเขาได้”
12 โอ พระเจ้า ขออย่าทรงอยู่ห่างจากข้า พระเจ้าของข้า
โปรดรีบมาช่วยข้าด้วย
13 ขอให้คนที่กล่าวโทษข้าต้องอับอายและพ่ายแพ้ไป
ขอให้คนที่พยายามทำร้ายข้านั้น เต็มด้วยความอัปยศ

ไม่หยุดสรรเสริญ ไม่หยุดประกาศให้คนรุ่นต่อไป
14 แต่สำหรับข้าแล้ว ข้าจะรอคอยพระองค์
และจะสรรเสริญพระองค์เสมอไป
15 ปากของข้าจะเล่าถึงราชกิจอันเที่ยงธรรมของพระองค์
ทั้งวันข้าจะประกาศความรอดของพระองค์
แม้ว่าราชกิจเหล่านั้นจะอยู่เหนือความเข้าใจของข้า

16 โอ พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย
ข้าจะประกาศราชกิจยิ่งใหญ่ของพระองค์
ข้าจะประกาศถึงความเที่ยงธรรมของพระองค์เพียงผู้เดียว
17 โอ พระเจ้า พระองค์ทรงสอนข้ามาตั้งแต่เด็ก
และข้าจะประกาศถึงพระราชกิจมหัศจรรย์ของพระองค์
18 แม้ว่าข้าจะก้าวสู่วัยชรา ผมขาว

โอ พระเจ้าขออย่าทรงทอดทิ้งข้า
จนกว่าข้าจะได้ประกาศถึงฤทธานุภาพของพระองค์
ให้แก่คนรุ่นต่อจากข้า
และเล่าถึงอานุภาพของพระองค์ให้คนที่จะเกิดมาได้ฟัง

สดุดี 71:14-18 ไม่หยุดสรรเสริญ ไม่หยุดประกาศให้คนรุ่นต่อไป
ไม่ใช่ว่าทั้งวันจะสรรเสริญพระเจ้าเท่านั้น แต่ทั้งวันของดาวิดก็ยังประกาศราชกิจ ความเที่ยงธรรม ฤทธานุภาพของพระเจ้า ต่อคนยุคต่อไป ซึ่งดูเหมือนว่านี่จะเป็นความมุ่งมั่น แน่วแน่ในการใช้ชีวิตของกษัตริย์ดาวิด และหากเราคิดอีกมุมว่า เมื่อผู้นำเป็นเช่นนี้ ประเทศก็ย่อมรับพระพรยิ่งใหญ่จากพระเจ้า ดังนั้น คนใดที่เป็นผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำด้านใด ในครอบครัว ในที่ทำงาน ในคริสตจักร ถ้าเขาเป็นคนอย่างดาวิด มุ่งมั่นส่งต่อความรักของพระเจ้าให้คนรุ่นต่อไป พระเจ้าจะทรงรับพระเกียรติเพียงใด

พระองค์ผู้ทรงชุบชีวิตอีกครั้ง
19 โอ พระเจ้า ความเที่ยงธรรมของพระองค์สูงถึงฟ้าสวรรค์
พระองค์ทรงกระทำราชกิจที่ยิ่งใหญ่นัก
โอ พระเจ้า จะมีใครมาเปรียบกับพระองค์ได้ ?
20 แม้พระองค์ทรงทำให้ข้าได้พบความทุกข์ลำบากและขมขื่น พระองค์จะทรงชุบชีวิตข้าขึ้นมาอีกครั้ง จากที่ลึกของแผ่นดิน
21พระองค์จะทรงเพิ่มเกียรติยศให้ และทรงปลอบใจข้า

สรรเสริญทั้งวันทั้งคืน
22 โอ พระเจ้าของข้า ข้าจะสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณใหญ่
ข้าจะสรรเสริญความสัตย์จริงของพระองค์  
โอ องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล
ข้าจะร้องเพลงสรรเสริญพร้อมกับพิณเล็กถวายพระองค์ 
23 ริมฝีปากของข้าจะโห่ร้องด้วยความยินดี
เพราะเป็นความจริงที่ข้าจะร้องเพลงถวายแด่พระองค์
จากจิตวิญญาณที่พระองค์ทรงไถ่แล้ว 
24 ลิ้นของข้าจะเล่าถึงความเที่ยงธรรมของพระองค์ตลอดทั้งวันและคืน เพราะคนที่ปองร้ายข้านั้น จะได้รับความอับอายขายหน้า

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 7:1, 25:2,3, 31:1

2* สดุดี 17:6, 31:1; 86:1

3* เฉลยธรรมบัญญัติ 33:27, 2 ซามูเอล 22:2; สดุดี 7:6

4* 1 ซามูเอล 30:6; สดุดี 140:1,4

5* 1 ซามูเอล 30:6; สดุดี 9:18, 22:9

6* โยบ 10:18; สดุดี 22:9, 10, 34:1, 37:17

7* 1 โครินธ์ 4:9, สดุดี 61:3, 73:28, 94:22, อิสยาห์ 8:18

8* สดุดี 35:28, 63:5, 71:14, 96:6

9* โยบ 26:2; สดุดี 71:18, 92:14, 119:8

10* มัทธิว 27:1; สดุดี 31:13, 41:8, 56:6

11* สดุดี 3:2, 7:2, 41:8, 55:3

12* สดุดี 10:1,22:11, 35:22, 70:1

13*เยเรมีย์ 20:11; สดุดี 109:29, 71:24; 35:26

14* 1 ยอห์น 3:3; เพลงคร่ำครวญ 3:26; สดุดี 130:7

15* สดุดี 40:5, 35:28, 71:8

16* ฟีลิปปี 4:13; 3:9; เอเฟซัส 6:10

17* สดุดี 119:102, 119:9, 71;5

18* อิสยาห์ 46:4; สดุดี 71:9, 78:4, 145:4-5

19* สดุดี 57:10; 36:5-6, 35:10; เยเรมีย์ 10:7

20* สดุดี 138:7, 60:3, 86:13

21* 2 ซามูเอล 3:1; สดุดี 23:4; 2 โครินธ์ 2:14

22* 2 พงศ์กษัตริย์ 19:22; สดุดี 92:1-3, 89:18, 33:3

23* สดุดี 104:33, 103:4; ลูกา 1:46-47

24* สดุดี 71:13, 35:28, 18:37-43; เอเฟซัส 4:29

สดุดี 71:1-4 วางใจพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระศิลา
แม้ว่า การเป็นพระศิลาของพระเจ้าจะชัดเจนในชีวิตของดาวิด แต่พวกเราเอง มักไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้กันเท่าไรจนกว่าเราจะเจอปัญหาวิกฤติที่ต้องวิ่งเข้ามาหาพระองค์ การที่จะให้พระเจ้าทรงเป็นพระศิลานั้น ต้องเป็นความคิดที่อยู่ในเราทุกวัน และเราจะมั่นคงปลอดภัยแม้ดูว่า กำลังมีเรื่องโถมทับเข้ามาอย่างที่ดาวิดกำลังเจอ. สิ่งที่ต้องทำคือ ลี้ภัยในพระเจ้า อธิษฐานของ ตระหนักว่าพระเจ้าจะทรงฟังเสียงร้องเรียกจากคนของพระองค์แน่นอน

สดุดี 71:5-6 พระเจ้าทรงช่วยมาก่อนที่จะเกิด
กษัตริย์ดาวิดมั่นใจในพระเจ้าตั้งแต่เด็ก ท่านได้รับการเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่วางใจพระเจ้า ย่าทวดของท่านคือ นางรูธ ปู่ทวดคือโบอาส ต้องเป็นครอบครัวที่มีความมั่นคง และดาวิดเองก็รู้อยู่จนมาถึงยามที่ท่านชราว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้นำชีวิตของท่านแม้ก่อนจะเกิดมาในโลกนี้ ถ้าเราคิดอย่างท่าน เข้าใจว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ทรงนำเรามาเกิดในโลกนี้ด้วย เราจะมั่นใจในพระองค์มากกว่าที่เคยอย่างแน่นอน

สดุดี 71:7-9 ทรงเป็นที่ลี้ภัยจนชรา
เกิดความไม่น่าเชื่อในชีวิตของดาวิดมากมาย จนคนเห็นแล้วต้องตกใจ เคล็ดลับคือ พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยอันเข้มแข็งของท่าน
และวัน ๆ ท่านก็ไม่หยุดที่จะสรรเสริญพระเจ้า นี่เป็นตัวอย่างที่ดีของชีวิตประจำวันของเราเอง. ..
แล้วคำอธิษฐานต่อไปของชีวิตคือ เมื่อพลังถดถอยตามประสามนุษย์ ขอพระเจ้าอย่าทรงละทิ้ง…

สดุดี 71:10-13 ศัตรูที่ไม่หยุดไล่ล่า
คนใกล้ชิดรู้ว่าพระเจ้าทรงนำชีวิตท่านอยู่ แต่ศัตรูไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่กลับคิดว่า พระเจ้าทรงทิ้งไป ยามที่ดาวิดทำผิดต่อพระเจ้า ยามที่ท่านเพลี่ยงพล้ำ ศัตรูไม่รู้ว่า พระหัตถ์ของพระเจ้ายังคงยึดท่านไว้..
ท่านทูลขอพระเจ้าทรงรีบมาช่วยและขอทรงให้ศัตรูต้องอับอาย

สดุดี 71:19-21 พระองค์ผู้ทรงชุบชีวิตอีกครั้ง
ท่านเป็นพยานว่า พระเจ้าทรงช่วยให้ท่านพ้นจากความทุกข์ยากที่มากเท่าความตาย พระเจ้าทรงเป็นความหวังใจ ไม่มีใครเปรียบกับพระองค์ได้เลย การปลอบใจของพระเจ้านั้น เท่ากับทำให้ชีวิตมีเกียรติอย่างสูง

สดุดี 71:22-24 สรรเสริญทั้งวันทั้งคืน
ไม่เฉพาะร้องเพลงสรรเสริญเท่านั้น แต่จะเล่นดนตรีถวายพระเจ้าด้วย จะร้องด้วยเสียงอันดัง เป็นการเล่าถึงพระเจ้าตลอดวันและคืน
การทำเช่นนี้เป็นการทำให้ศัตรูต้องขายหน้า เพราะผู้ที่เขาพยายามไล่ล่ากลับได้มาสรรเสริญพระเจ้าอย่างชื่นบาน