สดุดี 112 ชีวิตที่มีพระเจ้าเป็นหนึ่ง

ชีวิตที่มีพระเจ้าเป็นหนึ่ง
1 สรรเสริญพระยาห์เวห์
คนที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ก็เป็นสุขนัก
คือคนที่ยินดีที่จะรักษาพระบัญญัติของพระองค์ 

ผลของชีวิตที่มีพระเจ้าเป็นหนึ่ง
2 วงศ์วานของเขาจะมีอำนาจบนแผ่นดิน
คนเที่ยงธรรมจะได้รับพระพร
3ครอบครัวของเขาจะมีบริบูรณ์ และมั่งคั่ง
ความเที่ยงธรรมของเขาดำรงเป็นนิตย์  
4 ในที่มืด จะมีความสว่างส่องมาให้คนเที่ยงธรรม 
ส่องมายังคนที่มีใจกรุณา สงสาร และยุติธรรม 
5 สำหรับคนที่มีน้ำใจ ให้คนอื่นยืม
และทำธุรกิจของเขาด้วยความเป็นธรรมนั้น
ชีวิตจะเป็นสุข
6 เขาจะไม่ต้องหวั่นกลัวสิ่งใด
คืนอื่น ๆ จะระลึกถึงคนที่ยุติธรรมเสมอ
7 เขาจะไม่กลัวข่าวร้าย เขามั่นคง 
เขาวางใจในพระยาห์เวห์ 
8 ใจของเขามั่นคง เขาจึงไม่ต้องก้มหัวให้กับความกลัว
เขามั่นใจว่า
ในที่สุดเขาจะได้เขาจะเป็นผู้มีชัยชนะเหนือศัตรู
 9 เขามีน้ำใจให้กับคนที่ยากไร้
ความเที่ยงธรรมของเขาจึงยืนยง
เขาจะได้รับเกียรติและคนยกย่อง

ชีวิตของคนที่มีแต่ตัวเอง
10เมื่อคนชั่วเห็นก็โกรธ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน และละลายหายไป
ความปรารถนาของคนอธรรมจะสูญสิ้นไป

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 128:1, 111:10; โรม 8:6; อิสยาห์ 50:10

2* ปฐมกาล 17:7; สดุดี 37:26,102:28; สุภาษิต 20:7; กิจการ 2:39

3* สุภาษิต 15:6, 3:16; มัทธิว 6:33; อิสยาห์ 33:6

4* โยบ 11:17; โคโลสี 3:12-13; สดุดี 97:11; อิสยาห์ 58:10

5* สดุดี 37:21, 37:25-26; เอเฟซัส 5:15; สุภาษิต 2:20

6* สุภาษิต 10:7; ฮีบรู 6:10; สดุดี 125:1, 62:2

7* อิสยาห์ 26:3-4; สดุดี 57:7; สุภาษิต 1:33; 3:25-26

8* ฮีบรู 13:9; สดุดี 118:7, 91:8, 59:10

9* สดุดี 75:10, 92:10; ฮีบรู 13:16, 6:10

10* ลูกา 13:28; สุภาษิต 11:7; สดุดี 58:7-8, 37:12

ข้อ 1
จำได้ไหม บทที่แล้วข้อสุดท้ายบอกว่า ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นจุดเริ่มต้นของสติปัญญา เหล่าคนที่ทำตามก็เป็นผู้มีความเข้าใจดี   ส่วนบทนี้ ข้อที่หนึ่งอธิบายเพิ่มเติมว่า ยำเกรงพระเจ้านั้นหมายถึงอย่างไร ก็หมายถึงการที่เป็นสุข ยินดี พอใจ ในพระบัญญัติของพระเจ้ามาก ๆ นั่นเอง
ข้อ 2-3
ดูเหมือนผู้เขียนมองพระพรเป็นความสำเร็จในชีวิต มีอำนาจ มั่งคั่ง มีอย่างบริบูรณ์ ซึ่งนี่เป็นภาพมองรวม ๆ ของพระพรในพระคัมภีร์เดิม เป็นลักษณะของวัตถุมากกว่าฝ่ายวิญญาณ แต่หากเราคิดให้ดีแล้ว การมีชีวิตใกล้ชิดพระเจ้า รู้พระทัยพระองค์ มาเหนือความสำเร็จในแง่ความมั่งคั่งและอำนาจ
ข้อ 4-6
ความสว่างที่ส่องมานั้น เป็นความจำเป็นสำหรับโลกมืดที่เราอาศัยอยู่อย่างมาก พระเจ้าทรงสัญญาว่า ทางสว่าง ทางโล่งจะมาให้กับคนที่มีน้ำใจ มีความยุติธรรมต่อผู้อื่น
ข้อ 7-9
ชีวิตแบบที่ไม่ต้องก้มหัวให้ความกลัวนี้ สุดยอด ที่เป็นอย่างนี้ได้เพราะเขาวางใจพระเจ้า ไม่ได้วางใจตนเอง เขามั่นใจด้วยว่า เขาจะชนะศัตรู ที่เขามั่นคงเป็นเพราะเขามีน้ำใจกับคนยากไร้ คนที่ด้อยโอกาสกว่าเขา ศัตรูของเขาคือใครนะ
ข้อ 10
ศัตรูของเขาเห็นความเจริญที่พระเจ้าประทานให้ก็โกรธเกรี้ยวนัก และแทนที่จะเป็นผู้ชนะ พวกเขาจะละลายหายไป ไม่ได้ยืนอยู่ให้เห็นอีกต่อไป
สรุปแล้ว บุคคลที่เที่ยงธรรมผู้นี้ เขาเป็นคนอย่างไรหรือ?
เขายำเกรงพระเจ้า รักพระคำ เป็นคนมั่งคั่ง เป็นคนสร้างครอบครัว เป็นคนมีน้ำใจ สงสารคนอื่น ช่วยเหลือ เป็นคนฉลาด แข็งแรง ไม่เอาอำนาจของตนมาทำร้ายผู้อื่น เป็นที่เกลียดชังของคนอธรรม

สดุดี 111 พระราชกิจอัศจรรรย์ที่พึงใจ

สรรเสริญท่ามกลางผู้คนมากมาย
1 สรรเสริญพระยาห์เวห์
ข้าจะกล่าวคำขอบพระคุณพระยาห์เวห์ด้วยสิ้นสุดใจ
ในที่ประชุมของคนเที่ยงธรรม ในที่ชุมนุมชน

เหตุผลที่สรรเสริญพระเจ้า..มองด้วยความเชื่อ
2 พระราชกิจทั้งหลายของพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่นัก
คนที่ชื่นชมในราชกิจก็จะค้นคว้า ศึกษาเรื่องเหล่านั้น 

3 พระราชกิจของพระเจ้านั้นทั้งเจิดจำรัสและยิ่งใหญ่
ความเที่ยงธรรมของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์ 

4 พระองค์ทรงทำให้ผู้คนระลึกถึงพระราชกิจของพระองค์
พระยาห์เวห์ทรงเต็มด้วยพระกรุณาและพระทัยสงสาร

5 พระองค์ประทานอาหารให้กับคนที่ยำเกรงพระองค์ 
พระองค์ทรงระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์ตลอดไป

6 พระองค์ทรงทำให้ประชาชนได้รู้ถึงฤทธานุภาพแห่งพระราชกิจ  โดยที่พระองค์ได้ประทานมรดกของชาติต่าง ๆ แก่พวกเขา 

7 ผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์เป็นความจริง และยุติธรรม 
ข้อบังคับทั้งสิ้นของพระองค์นั้นไว้วางใจได้

8 พระองค์ทรงจัดตั้งให้ข้อบังคับเหล่านั้นยืนยงตลอดไป 
เพื่อให้มีการปฏิบัติตามด้วยความจริงและความเที่ยงธรรม 

บทสรุปการสรรเสริญครั้งนี้
9 พระองค์ทรงไถ่ประชากรของพระองค์ 
พระองค์ทรงสั่งให้พันธสัญญาของพระองค์นั้นดำรงอยู่ตลอดไป พระนามของพระองค์ก็บริสุทธิ์และน่าเกรงขาม

10 ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นจุดเริ่มต้นของสติปัญญา
เหล่าคนที่ทำตามก็เป็นผู้มีความเข้าใจดี 
การสรรเสริญพระองค์ดำรงอยู่ตลอดไป 

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 138:1, 149:1; 109:30; 1 พงศาวดาร 29:10-20

2* สดุดี 143:5, 104:24; สุภาษิต 24:14; วิวรณ์ 15:3

3* สดุดี 145:4-5; วิวรณ์ 5:12-14; เอเฟซัส 3:10

4* สดุดี 103:8, 86:5; เอเฟซัส 1:6-8; โรม 5:20-21

5* สดุดี 105:8; มัทธิว 6:26-33; ดาเนียล 9:4; ลูกา 12:30

6* สดุดี 80:8, 105:27-45, 78:12-72, 44:2

7* สดุดี 19:7; วิวรณ์ 15:3-4; 2 ทิโมธี 2:13

8* มัทธิว 5:18; สดุดี 19:9; วิวรณ์ 15:3; อิสยาห์ 40:8

9* ลูกา 1:49, 1:68 ; สดุดี99:3; ทิตัส 2:14; เฉลยธรรมบัญญัติ 28:58

10* สุภาษิต 1:7,9:10 ; โยบ 28:28; ปัญญาจารย์ 12:13

สดุดีบทนี้ เน้นไปที่พระราชกิจของพระเจ้า ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องจบที่การทรงสร้างแต่อย่างเดียว แต่เป็นพระราชกิจที่ทรงกระทำเพื่อมนุษยชาติ เพื่อคนของพระองค์ เพื่อเราทุกคน พระราชกิจในประวัติศาสตร์ และในปัจจุบัน ในทุก ๆ วันที่เราเดินไปกับพระองค์ พระราชกิจนั้นยิ่งใหญ่ และส่งผลให้มนุษย์ไม่เว้นสักคน
สิบข้อนี้ เป็นข้อแห่งสติปัญญา และพระพร จริง ๆ ลองใคร่ครวญดูทีละข้อ เราจะได้อาหารฝ่ายวิญญาณที่ทำให้อิ่ม และดีต่อสุขภาพวิญญาณของเราอย่างที่เราไม่ได้คาดคิดเลย

สรรเสริญท่ามกลางผู้คนมากมาย
ข้อ 1 ผู้เขียนไม่ใช่แค่สรรเสริญพระเจ้าส่วนตัว แต่เขาขอสรรเสริญพระองค์ให้คนอื่น ๆ จำนวนมาก ได้เห็น ได้ยิน คำสรรเสริญสิ้นสุดใจนั้น จะชวนให้คนอื่นสรรเสริญพระองค์ด้วย เขาไม่ได้สรรเสริญไปตามหน้าที่ แต่เขาทำอย่างสุดหัวใจ สุดกำลัง นี่เป็นเหตุผลที่ผู้เชื่อมารวมใจกันสรรเสริญพระเจ้า เพื่อถวายพระเกียรติยิ่งใหญ่แด่พระองค์

เหตุผลที่สรรเสริญพระเจ้า มองด้วยความเชื่อ
ข้อ 2 ที่สรรเสริญเพราะพระราชกิจในการทรงสร้าง ในการเลี้ยงดู การปกป้อง และการที่ทรงสำแดงพระองค์ให้เห็นนั้น ชัดเจนมาก
ข้อ 3 พระราชกิจของพระเจ้ายิ่งใหญ่เกินกว่าที่มนุษย์จะอยู่เฉย พระเจ้าทรงสร้างพวกเขามาเพื่อจะได้ค้นคว้าหาพระองค์ และมีความสุขใจจากการค้นคว้านั้น และพวกเขาก็พบว่า
ข้อ 4 พระราชกิจของพระองค์ยิ่งใหญ่ตระการ มากเกินกว่าทั้งชีวิตจะค้นคว้าได้หมด สำหรับคนที่อยากรู้จักพระเจ้าแล้ว นี่เป็นเป้าหมายสำคัญในชีวิต เพื่อจะได้เฝ้าดูความงามของพระเจ้า และความมหัศจรรย์ในพระราชกิจและในพระองค์เอง เมื่อพบสิ่งใหม่ ๆ ในพระองค์แล้ว ก็อยากค้นหาต่อไป และสิ่งนี้ทำให้ชีวิตไม่น่าเบื่อเลย ผู้คนที่ค้นพบพระองค์จะรู้ว่า พระองค์ทรงเมตตาเพียงไร
ข้อ 5 ข้อนี้โยงกลับไปถึงวันที่พระเจ้าทรงเลี้ยงดูอิสราเอลในถิ่นกันดาร ภาพที่เราเห็นทำให้รู้ว่า พระเจ้าทรงเลี้ยงดูเราเช่นกัน พระองค์ไม่ทรงลืมพันธสัญญาของพระองค์
ข้อ 6 เราคงจำได้ว่า อิสราเอลได้เข้าไปในดินแดนแห่งพันธสัญญา และพระองค์ทรงช่วยให้พวกเขาชนะศัตรูทั้งหลาย เพื่อเขาจะได้ครอบครองแผ่นดินนั้น
ข้อ 7 สุดยอด! พระราชกิจของพระเจ้าทั้งจริง และยุติธรรม ข้อบังคับทั้งสิ้นของพระเจ้านั้น เราไว้ใจได้ว่าจะไม่สูญหาย และจะเกิดผลตามที่ทรงสัญญาไว้ เหตุการณ์ต่าง ๆ ในโลกนี้อาจทำให้เราหวั่นไหว แต่เราจะต้องมองให้ถูกมุมว่า พระเจ้าทรงมีพระดำริอย่างไรกับคนของพระองค์
ข้อ 8 ข้อบังคับของพระองค์ ในธรรมชาติ และในประวัติศาสตร์ จะก้าวต่อไปตามที่พระองค์ทรงวางแผนไว้ ไม่ว่าจะมีความพยายามที่จบ มีความพยายามที่จะเปลี่ยนข้อบังคับของพระองค์ในสังคมนี้มากเพียงไรก็ตาม
มนุษย์พยายามให้ถูกเป็นผิด และผิดเป็นถูก พยายามให้คนอื่นคิดตามตนเองโดยไม่สนใจว่า กฎเกณฑ์ที่พระเจ้าทรงวางไว้เป็นอย่างไร แต่สุดท้าย พระเจ้าจะทรงเป็นผู้ชนะ

บทสรุปการสรรเสริญครั้งนี้
ข้อ 9 ราชกิจที่ยิ่งใหญ่สุด ๆ คือ การที่พระเจ้าทรงไถ่คนของพระองค์ให้พ้นจากการเป็นทาสมาร
การที่ทรงให้อิสราเอลออกมาจากอียิปต์ เป็นภาพที่เล็งถึงการที่พระเยซูทรงไถ่เราให้พ้นจากบาป
ข้อ 10 ผู้เขียนได้สรุปว่า อยากมีปัญญา อยากเข้าใจ มีเคล็ดลับเดียวคือ การที่จะยำเกรงพระเจ้าในทุกก้าวของชีวิต แบบนั้น เราจะได้เห็นว่า พระสัญญาของพระองค์เรื่องสติปัญญานั้น พวกเราจะได้รับอย่างไร

สดุดี 110 การปกครองของพระเมสสิยาห์

Created with GIMP

บทสดุดีของดาวิด
การปกครองของพระเมสสิยาห์
1 องค์พระยาห์เวห์ตรัสกับองค์กษัตริย์ของข้าว่า
“จงนั่งที่ขวามือของเรา จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของเจ้ากลายเป็นแท่นวางเท้าของเจ้า”
2 พระยาห์เวห์ทรงยื่นคทาอันทรงฤทธานุภาพของท่านจากศิโยน
ขอให้ท่านปกครองท่ามกลางศัตรูของท่าน
3 ในวันแห่งอำนาจของท่าน ชนชาติของท่านจะเต็มใจอาสาออกไปสู้
ท่านจะได้รับหยาดน้ำค้างของวัยหนุ่มจากครรภ์แห่งรุ่งอรุณ

พระเยซู : องค์ปุโรหิตนิรันดร์

4 พระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณแล้ว และพระองค์จะไม่ทรงเปลี่ยนพระทัย “เจ้าเป็นปุโรหิตนิรันดร์ ตามแบบอย่างเมลคีเซเดค”
5 องค์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ประทับเบื้องขวาของท่าน
พระองค์จะทรงขยี้ผู้นำทั้งหลายทั่วโลก ในวันแห่งพระพิโรธ
6 พระองค์จะทรงพิพากษาชนชาติต่าง ๆ
ทำให้ผู้คนล้มตายกองพะเนิน จะทรงขยี้หัวผู้นำทั่วทั้งโลก
7 ท่านจะดื่มน้ำจากลำธารริมทาง
ท่านจะเงยพระพักตร์ขึ้น

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* ฮีบรู 10:12-13, 1:13 ; 1 โครินธ์ 15:25; เอเฟซัส 1:20-22

2* มัทธิว 28:18-20; 1 เปโตร 1:12; 2 โครินธ์ 10:4-5, ฟีลิปปี 2:10-11, สดุดี 2:9

3* ผู้วินิจฉัย 5:2; ฮีบรู13:21; ทิตัส 2:14; 1 เธสะโลนิกา 4:7

4* ฮีบรู 7:17, 7:21, 5:6, 7:28; กันดารวิถี 23:19

5* โรม 2:5; สดุดี 16:8; วิวรณ์ 17:12-14; สดุดี 68:14

6* สดุดี 68:21; มีคาห์ 4:3; อิสยาห์ 2:4; วิวรณ์ 19:11

7* สดุดี 27:6; ผู้วินิจฉัย 7:5-6; 1 เปโตร 1:11; ฮีบรู 2:9-10

สดุดี 110 บทนี้ เป็นบทที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับองค์พระเมสสิยาห์ องค์ผู้ทรงรับการเจิมเพื่อปกครองเป็นนิตย์

พระคัมภีร์ใหม่ ได้อ้างถึงพระคำในบทนี้มากกว่ายี่สิบครั้งทีเดียว และพระเยซูเองตรัสในมัทธิว 22:44 ,มาระโก 12:36 และลูกา 20:42-43 เพื่อพิสูจน์ความเป็นพระเจ้าของพระองค์ด้วย ข้อความที่บอกว่า พระคริสต์ประทับอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า การที่ศัตรูจะกลายเป็นแท่นรองพระบาทนั้น ก็ปรากฏหลายแห่งในพระคัมภีร์ด้วยเช่นกัน

ในข้อหนึ่ง ที่กษัตริย์ดาวิดเขียนว่า องค์พระยาห์เวห์ตรัสกับองค์กษัตริย์ของข้าว่า “จงนั่งที่ขวามือของเรา จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของเจ้ากลายเป็นแท่นวางเท้าของเจ้า” ท่านไม่ได้หมายถึงตัวท่านเอง แต่กำลังหมายถึงผู้หนึ่งในวงศ์วานของท่านที่จะมาในอนาคต

ข้อสองนั้น พระยาห์เวห์ทรงยื่นคทาอันทรงฤทธานุภาพของท่านจากศิโยน ขอให้ท่านปกครองท่ามกลางศัตรูของท่าน พระยาห์เวห์ได้ทรงยื่นอำนาจปกครองให้กับพระองค์ และพระองค์จะทรงทำให้ศัตรูสยบต่อพระองค์ อ่าน ฟีลิปปี 2:10-11 ที่สะท้อนพระคำข้อนี้ จะไม่มีใครกล้าต่อต้าน ประท้วง กล่าวร้าย พระองค์อีกต่อไป

ข้อสาม ในวันแห่งอำนาจของท่าน ชนชาติของท่านจะเต็มใจอาสาออกไปสู้ ท่านจะได้รับหยาดน้ำค้างของวัยหนุ่มจากครรภ์แห่งรุ่งอรุณ
กองทัพของพระองค์พร้อมรบ ผู้เชื่อแท้จริงจะรบกับพระองค์ สนับสนุนอาณาจักรของพระองค์สุดใจ พระเมสสิยาห์จะทรงงดงามสง่าในฉลองพระองค์ที่เต็มด้วยพระสิริ ภาพของพระเยซูตรงนี้ คือองค์พระเมสสิยาห์ที่ทรงพลัง หนุ่มแน่น เข้มแข็ง เต็มด้วยความมุ่งมั่น และกำชัยชนะไว้แล้ว

ข้อสี่ พระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณแล้ว และพระองค์จะไม่ทรงเปลี่ยนพระทัย “เจ้าเป็นปุโรหิตนิรันดร์ ตามแบบอย่างเมลคีเซเดค” พระเยซูมิได้เป็นปุโรหิตจากสายเลวี ทรงมาจากเชื้อสายเผ่ายูดาห์ ทรงเป็นปุโรหิตนิรันดร์ ปฐมกาล 14 เล่าว่า ท่านได้ออกมาจากเมืองซาเล็มเพื่อต้อนรับอับราฮัมจากการรบ พระองค์ปรากฏให้ผู้เชื่อได้เห็นมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ก่อนที่จะมาบังเกิดเป็นมนุษย์เสียอีก

ข้อ ห้า องค์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ประทับเบื้องขวาของท่าน พระองค์จะทรงขยี้ผู้นำทั้งหลายทั่วโลก ในวันแห่งพระพิโรธ
เป็นข้อที่สะท้อนข้อหนึ่งอย่างชัดเจน ตอนนี้กลายเป็นว่า พระบิดาจะประทับเบื้องขวาของพระองค์เพื่อช่วยในการรบให้พระองค์จะมีชัยเหนือทั้งโลก กษัตริย์ดาวิดเองได้มองเห็นล่วงหน้าว่า พระเมสสิยาห์จะกลับมาเพื่อปราบศัตรูทั้งสิ้นของพระองค์​ และท่านบอกเราชัดเจนว่า พระบิดาทรงอยู่ในสงครามครั้งนี้ด้วย

ข้อ หก พระองค์จะทรงพิพากษาชนชาติต่าง ๆทำให้ผู้คนล้มตายกองพะเนิน จะทรงขยี้หัวผู้นำทั่วทั้งโลก
พระองค์จะทรงแยกแกะจากแพะ (มัทธิว 25:31-46)

ข้อเจ็ด ท่านจะดื่มน้ำจากลำธารริมทาง ท่านจะเงยพระพักตร์ขึ้น
พระเมสสิยาห์องค์นี้ ทรงเป็นทั้งนักรบที่ชนะ และเป็นปุโรหิต ทรงเป็นผู้พิพากษาชนชาติต่าง ๆ ด้วย พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเหนือทุกสิ่ง และทรงเป็นพระผู้ช่วยสำหรับทุกคนที่เชื่อ การเงยพระพักตร์ของพระองค์ เป็นภาพของผู้รบชนะเงยพระพักตร์ขึ้นมาด้วยความกล้าหาญ มุ่งมั่น แสดงถึงชัยชนะที่เบ็ดเสร็จ
มนุษย์บาปอย่างเรา จึงต้องกลับมาหาพระองค์ด้วยใจถ่อมลง ขออยู่ในร่มพระคุณด้วยเงื่อนไขของพระองค์

สดุดี 109 ขอพระเจ้าทรงตอบสนองคนชั่วร้าย

ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิด

กษัตริย์ดาวิดคร่ำครวญถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
1 ข้าแต่องค์พระเจ้าผู้ที่ข้าสรรเสริญ ขออย่าทรงเฉยอยู่
2 เพราะคนชั่ว และคนที่หลอกลวงกำลังอ้าปากใส่ร้ายข้า
พวกเขาปรักปรำข้าด้วยคำโกหก
3 พวกเขารุมข้าด้วยคำแห่งความเกลียดชัง
โจมตีข้าพระองค์โดยไร้เหตุ
4 เขากล่าวหาข้า ทั้ง ๆ ที่ข้ามีใจเป็นมิตร
ข้ายังอธิษฐานเผื่อพวกเขา
5พวกเขาใช้ความชั่วตอบแทนความดีของข้า
และใช้ความเกลียดชังตอบแทนความรักของข้า

กษัตริย์ดาวิดร้องทูลขอทรงจัดการศัตรู
6 พวกเขากล่าวว่า “ขอตั้งคนชั่วมาปรักปรำเขา
และให้ศัตรูยืนอยู่ขวามือของเขา”
7 เมื่อถูกสอบสวน ขอให้เขาถูกตัดสินว่า
เป็นผู้ผิด และให้คำอธิษฐานของเขาถือว่าเป็นบาป
8ขอให้เขาอายุสั้นลง ให้ผู้อื่นมายึดตำแหน่งผู้นำของเขาไป
9 ขอให้ลูก ๆ ของเขากำพร้าพ่อ และภรรยาของเขาเป็นม่าย
10 ขอให้ลูกหลานของเขาต้องเร่ร่อนไป
ขอทานไป ขอให้พวกเขาถูกไล่ออกจากที่อยู่ซึ่งเป็นที่ร้างปรักหักพัง
11 ขอให้เจ้าหนี้ยึดทุกอย่างที่เขามีอยู่
ขอให้คนต่างถิ่นเข้ามาปล้นผลจากแรงงานของเขา
12 ขออย่าให้ใครเมตตาเขา อย่าให้ใครสงสารลูกกำพร้าของเขา
13 ขอให้ผู้ที่สืบเชื้อสายของเขาพินาศไป
ให้ชื่อของพวกเขาถูกลบออกไปในคนรุ่นต่อมา
14 ขอพระยาห์เวห์ยังทรงจำความชั่วของบรรพบรุษของพวกเขา
และอย่าทรงลบบาปของมารดาของเขา
15 ขอให้บาปเหล่านั้น อยู่ต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์เสมอ
เพื่อพระองค์จะทรงลบความทรงจำเรื่องของพวกเขา
ออกจากแผ่นดินโลก
16 เพราะเขาไม่เคยคิดที่จะกรุณาใครเลย
เอาแต่ข่มเหงคนยากจนและคนขัดสน และคนจึงท้อใจจนตาย
17 เขารักที่จะแช่งผู้อื่น จึงขอให้คำแช่งตกอยู่เหนือเขา
เขาไม่เต็มใจที่จะให้พร ก็ขอให้พรห่างไกลจากเขา
18 เขาสวมการแช่งสาปราวกับสวมเสื้อผ้า
ขอให้มันซึมซับเข้าไปในร่างกายของเขาเหมือนน้ำ
ซึมเข้าไปในกระดูกของเขาเหมือนน้ำมัน
19ขอให้การแช่งนั้นเป็นดั่งเสื้อผ้าคลุมตัวของเขา
รัดแน่นดั่งเข็มขัดที่เขาคาดไว้เสมอ
20 ขอพระยาห์เวห์ทรงตอบแทนลงโทษเหล่าคนที่กล่าวหาข้า
คนที่กล่าวร้ายต่อข้า


ความเจ็บปวดใจของกษัตริย์ดาวิด
21โอ พระยาห์เวห์ องค์เจ้านายของข้า ขอทรงดีต่อข้า
เพื่อพระนามของพระองค์ ขอทรงช่วยกู้ข้าให้รอด
เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดียิ่งนัก

22 เพราะข้ายากจน ขัดสนยิ่ง
จิตใจของข้าก็เป็นแผลบาดเจ็บภายใน
23ข้าจากไปราวกับเงาในเวลาเย็น
ข้าถูกสลัดทิ้งออกไปดั่งตั๊กแตน
24 เข่าของข้าอ่อนล้าเพราะอดอาหาร
ร่างกายของข้าซูบลงหนังติดกระดูก
25 ข้ากลายเป็นที่เยาะเย้ย เป็นขี้ปากของพวกเขา
เมื่อพวกเขาเห็นข้า ก็ส่ายหน้ากัน

กษัตริย์ดาวิดขอพระเจ้าทรงช่วย
26 โอ พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้า ขอทรงช่วยข้า
ขอทรงช่วยข้าให้รอดตามความรักมั่นคงของพระองค์

27 ขอให้พวกเขารู้ว่า นี่เป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์
ให้รู้ว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ทำการนี้เอง
28 แม้ว่าพวกเขาสาปแช่ง แต่พระองค์ก็ทรงอวยพร
ขอให้พวกที่เข้ามาโจมตีข้า ต้องอับอายขายหน้าไป
ขอให้ผู้รับใช้ของพระองค์ได้ชื่นชมยินดี
29 ขอให้คนที่กล่าวหาข้านั้น รับความอัปยศ
และคลุมตัวด้วยความอับอายขายหน้า

กษัตริย์ดาวิดสรรเสริญพระเจ้า
30 ปากของข้าจะขอบพระคุณพระยาห์เวห์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ข้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางคนมากมาย

31เพราะพระองค์ประทับที่ขวามือของคนที่ขัดสน
เพื่อช่วยชีวิตเขา ให้พ้นจากผู้ที่กล่าวโทษเขานั้น

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 83:1, 28:1; เฉลยธรรมบัญญัติ 10:21; เยเรมีย์ 17:14

2* สดุดี 52:4; สุภาษิต 6:17; เยเรมีย์ 9:5; กิจการ 6:13

3* สดุดี 69:4,35:7, 88:17; ยอห์น 15:24-25; โฮเชยา 11:12

4* สดุดี 69:12-13, 55:16-17, 38:20; 2 โครินธ์ 12:15

5* สุภาษิต 17:13; สดุดี 55:12-15, 38:20; ยอห์น 13:18

6* เศคาริยาห์ 3:1; มัทธิว 5:25; ยอห์น 13:2

7* สุภาษิต 28:9; 21:27, 15:8; กาลาเทีย 3:10

8* สดุดี 55:23, กิจการ 1:16-26

9* อพยพ 22:24; เยเรมีย์ 18:21

10* สดุดี 37:25; ปฐมกาล 4:12-14; อิสยาห์ 16:2; โยบ 30:3-9

11*โยบ 5:5, 20:18, 18:9-19; ผู้วินิจฉัย 6:3-6

12* ยากอบ 2:13; ลูกา 11:50-51

13* สุภาษิต 10:7; สดุดี 37:28; โยบ 18:19

14* เยเรมีย์ 18:23; เนหะมีย์ 4:5; อพยพ 20:5

15* สดุดี 34:16, 90:8; โยบ 18:17; อาโมส 8:7

16* สดุดี 34:18; ยากอบ 2:13; มาระโก 14:24-36

17* มัทธิว 7:2; สุภาษิต 14:14; 2 เธสะโลนิกา 2:10-11; เอเสเคียล 35:6

18* สดุดี 73:6; กันดารวิถี 5:22; 1 เปโตร 5:5; โคโลสี 3:12

19* สดุดี 109:29; 132:18; 109:18

20* 2 ทิโมธี 4:14; 1 เธสะโลนิกา 2:15-16; 1 โครินธ์ 12:3

21* สดุดี 69:16; 31:3, 79:9-10

22*สดุดี 86:1; 40:17; 2 โครินธ์ 8:9; ยอห์น 12:27

23* อพยพ 10:19; ยากอบ 4:14; ปัญญาจารย์ 8:13, 6:12

24*ฮีบรู 12:12, 2 โครินธ์ 11:27; มัทธิว 4:2

25* สดุดี 22:6-7, 69:19-20 ; โรม 15:3;
มัทธิว 27:39

26* สดุดี 119:86, 69:16, 57:1; ฮีบรู 5:7

27* โยบ 37:7 1 พงศ์กษัตริย์ 18:36-37 ; อพยพ 8:19

28* กันดารวิถี 23:20; ฮีบรู 12:2; ยอห์น 16:22; อิสยาห์ 65:13-16

29* สดุดี 35:26, 132:18; โยบ 8:22; มีคาห์ 7:10

30*สดุดี 111:1; 35:18; ฮีบรู 2:12

31* สดุดี 16:8; 121:5; 73:23; กิจการ 5:30-31

เราไม่ทราบว่าใครโจมตีกษัตริย์ดาวิดในช่วงนี้ แต่จากการอ่านเราพบว่า เป็นการใส่ร้าย พูดคำมุสาใส่ท่าน และท่านเองก็ทูลขอพระเจ้าให้ตอบแทนพวกเขาให้สาสมเสียด้วย
นี่คือตัวจริงของกษัตริย์ดาวิด นักรบที่เก่งกล้า ศัตรูของท่านเหมือนรู้ว่า วิธีที่จะจัดการกับท่านได้คือ การใส่ร้าย และเป็นวิธีเดียวกันกับที่มนุษย์ยุคปัจจุบันลงมือทำ
อ่านพระคำบทนี้ แล้วเราอาจจะรู้สึกกระอักกระอ่วนว่า นี่หมายความว่าอย่างไร ทำไมคนของพระเจ้าจึงขอให้พระเจ้าทำลายศัตรูอย่างถอนรากถอนโคนอย่างนี้ เอ เราควรทำอย่างที่พระเยซูทรงสอนนี่นา จงรักศัตรู และอวยพรแก่ผู้ที่แช่งดาท่าน

แต่หากเราอ่านไปและพิจารณาดูให้ดี พระคำบทนี้ มีความเกี่ยวข้องกับพระเยซูมาก
ข้อ 25 ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ใน มัทธิว 27:39 ที่ว่า ผู้คนที่ผ่านไปมาต่างส่ายหน้า พูดสบประมาทพระองค์
ในข้อที่ 8 ให้คนมายึดตำแหน่งของเขาไป เป็นการกล่าวล่วงหน้าถึงยูดาส อิสคาริโอท (กิจการ 1:16-26)
และถ้าเราอ่านพระคำบทนี้ จากข้อ 6-20โดยนึกถึงโลกฝ่ายวิญญาณ ศัตรูของพระคริสต์ ที่พยายามใส่ร้ายพระองค์ ใช้มนุษย์มาพูดจาดูหมิ่นจาบจ้วงพระเจ้า
และถ้าเราเข้าใจว่า เราไม่ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับวิญญาณชั่วในสถานอากาศ อย่างที่พระเยซูทรงพบเจอ เราจะรู้ว่า นี่เป็นความยุติธรรมที่มารควรได้รับ ( 2 เธสะโลนิกา 2:8)