โฮเชยา 13 พระพิโรธ!

อิสราเอลหลงใหลเทวรูปอย่างมาก
1 เมื่อเอฟราอิมพูดขึ้นมา ผู้คนก็ตัวสั่นเทา
เขาเป็นที่ยกย่องในอิสราเอล
แต่เขามีความผิดเพราะกราบไหว้บาอัล
แล้วเขาก็สิ้นชีวิต
2  บัดนี้ พวกเขายังทำบาปต่อเนื่อง
และสร้างเทวรูปหล่ออย่างชำนาญจากแร่เงิน
เป็นผลงานของช่างฝีมือ 
ผู้คนกล่าวถึงพวกเขาว่า
“พวกเขาถวายมนุษย์เป็นเครื่องบูชา
แล้วยังจูบเทวรูปลูกวัวด้วย”
3 ดังนั้น พวกเขาจะเป็นเหมือนหมอกยามเช้า 
เป็นเหมือนน้ำค้างยามเช้าที่ระเหยไป
เหมือนกับแกลบที่ปลิวจากลานนวดข้าว 
หรือเหมือนควันที่ลอยออกมาจากหน้าต่าง 

อิสราเอลหลงใหลเทวรูปอย่างมาก
13:1 เมื่อก่อนอิสราเอลเป็นที่นับถือ ใครก็ยกย่อง ทั้งเหนือและใต้มองว่าพวกเขาเป็นผู้นำชาติ ยาโคบเองเคยพยากรณ์ว่า เอฟราอิมจะเป็นผู้นำ (ปฐมกาล 48:13-20) กษัตริย์องค์แรกก็มาจากเผ่าเอฟราอิม  แต่พวกเขากลับตัดสินใจและนำประชาชนไปกราบไหว้สิ่งที่มือของเขาทำขึ้นมา เขาจึงตายฝ่ายวิญญาณ และตายทั้งชาติ แต่พวกเขากลับไปกราบไหว้สิ่งที่มือของเขาทำขึ้นมา เขาจึงตายฝ่ายวิญญาณ และตายทั้งชาติ

13:2 นอกจากสร้างรูปปั้นขึ้นมา ยังเอาลูกหลานไปบูชายัญอีก  แสดงความภักดี นบนอบต่อลูกวัวที่ตนทำขึ้นมา มีความพยายามที่จะใช้ช่างฝีมือที่มีฝีมือดีมาก ๆ มาทำรูปเคารพเหล่านี้

13:3พระเจ้าทรงเปรียบเทียบเขาเป็นทั้งหมอก น้ำค้าง แกลบและควันที่หายไปอย่างรวดเร็ว จะเห็นว่า การไหว้รูปวัวเป็นปัญหาของอิสราเอลตลอดมาตั้งแต่ที่อาโรนยอมให้ประชาชนนำสร้างรูปนี้ขึ้นมา (อ่านอพยพ 32)
เมื่อเขานมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ ความจริง เขาจะได้รับพระพรและความโปรดปรานจากพระเจ้า แต่เมื่อเขาไล่ตามเทวรูปเหล่านี้ สิ่งที่กลับมาคือหายนะของชีวิต!

ไม่มีใครช่วยได้นอกจากพระยาห์เวห์
4 “เราเป็นพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า
ผู้นำเจ้าออกมาจากอียิปต์ 
เจ้าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเรา
และไม่มีผู้ช่วยให้รอดอื่นใดนอกจากเรา 
5 เรารู้จักเจ้าในถิ่นกันดาร
ในแผ่นดินที่แห้งผาก

6 เมื่อพวกเขาได้รับการเลี้ยงในทุ่ง
พวกเขาก็อิ่มหนำ  พวกเขาพอใจอิ่มเต็มที่
แล้วใจของพวกเขาก็หยิ่งผยอง และลืมเราไป

7 ดังนั้นเราจะจู่โจมหาเขาเหมือนสิงโต
เราจะซุ่มข้างทางเหมือนเสือดาว
8 เราจะกระโจนใส่พวกเขา
เหมือนกับแม่หมีที่ถูกขโมยลูกไป 
และจะฉีกอกพวกเขา
เราจะขย้ำกินพวกเขาเหมือนอย่างแม่สิงโต
เหมือนสัตว์ป่าที่จะฉีกพวกเขาเป็นชิ้น

9 โอ อิสราเอล เราจะทำลายเจ้า
 ไม่มีใครจะช่วยเจ้าได้นอกจากเรา

ไม่มีใครช่วยได้นอกจากพระยาห์เวห์
13:4 พระเจ้าทรงประกาศพระองค์เองให้รู้ว่าพระองค์คือผู้ใด ทรงทำอะไร ไม่มีพระเจ้าอื่น การที่พระองค์ตรัสถึงครั้งที่พวกเขาอพยพออกมาจากอียิปต์นั้น เพื่อให้เขาระลึกว่า พวกเขาเคยเป็นทาสแรงงานที่เหน็ดเหนื่อย ถูกกดขี่ ทำร้าย เฆี่ยนตี แล้วพระองค์ทรงช่วยเขามา

13:5 ในถิ่นกันดาร พระองค์ทรงอยู่กับพวกเขา ตอนที่เขาเดินทางวนเวียนในถิ่นกันดารพระเจ้าทรงอยู่กับเขาแบบเห็นกับตา ในรูปแบบของเสาเมฆและเสาไฟ

13:6 แต่พอพวกเขาได้ดี สบาย เขาก็ลืมพระเจ้าง่าย ๆ 
โฮเชยาว่า พวกเขาหยิ่งผยองพองตนขึ้นมา …​แล้วทำให้ความเชื่อพลิก!
พวกเขาหันไปกราบไหว้รูปปั้นต่าง ๆ (โฮเชยา 10:1-2) แทนที่จะนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้ที่ทรงเลี้ยงดู ปกป้องให้พ้นอันตราย พระเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าเดียวในเอกภพนี้ อาการหยิ่งผยองคือคิดว่า ตนเองตัดสินใจเองได้ สามารถช่วยตัวเองได้ และลืมพระเจ้า

13:7 พระเจ้าจึงทรงสั่งสอนเขา และทรงปฏิบัติต่อเขาอย่างรุนแรง ทรงเปรียบเทียบกับ สิงโต เสือดาว แม่หมีที่ลูกถูกลักไป แม่สิงโต สัตว์ป่า!! (ฉธบ 32:24 เมื่อทำผิด เมื่อทอดทิ้งพระเจ้า  ก็จะทรงส่งสัตว์ร้ายมา, เอเสเคียล 14:21 สัตว์ร้ายเป็นส่วนหนึ่งที่พระเจ้าทรงส่งมาเพื่อพิพากษา)

13:9 ที่เห็นศัตรูเข้ามาบุกนั้น พระเจ้าทรงส่งมาทั้งสิ้น และไม่มีใครช่วยได้นอกจากพระองค์เอง 

การลงโทษที่กำลังมา
10   ไหนล่ะ กษัตริย์ของเจ้า
ที่เขาจะมาช่วยเจ้าในเมืองต่าง ๆ ของเจ้า 
ไหนล่ะ เจ้านายของเจ้าที่เจ้าพูดถึงว่า
“ให้เรามีกษัตริย์ และเจ้านายด้วยเถิด”?
11 ด้วยความโกรธ เรามอบกษัตริย์ให้เจ้า
และเอากษัตริย์ออกไปเพราะเรากริ้วนัก 
12 ความผิดของอิสราเอลเป็นบาปที่พอกพูน
และบาปนั้นก็ถูกบันทึกไว้
13 เขาเจ็บปวดเหมือนหญิงใกล้คลอด
แต่เขาไม่ได้เป็นลูกชายที่มีปัญญา
เมื่อถึงเวลาคลอด
เขาก็ไม่ยอมคลอดออกมา!

การลงโทษที่กำลังมา
13:10จะไปหากษัตริย์ที่ไหนมาช่วย จะไปหาคนที่ช่วยได้ ไม่มีเลย!  อิสราเอลต้องการมีกษัตริย์เหมือนกับเพื่อนบ้าน และขอจากพระเจ้าด้วย (1 ซามูเอล 4-9)

13:11 พระเจ้าประทานกษัตริย์ซาอูลให้ แต่แล้วพระองค์ทรงถอนเขาออก เพราะเขาล่วงละเมิด คิดว่าตัวใหญ่ ทำสิ่งที่ไม่ควรทำ

13:12 พวกเขาเก็บบาปสะสมเอาไว้ ไม่มีการกลับใจ พอกพูนราวกับรายงานที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ  เป็นบาปที่ส่งผลให้เกิดการพิพากษา (ฉธบ.32:34 เรื่องนี้มิได้สะสมไว้กับเราดอกหรือ? โยบ14:17 การทรยศที่พระเจ้าทรงใส่ไว้ในถุงผนึกตรา)

13:13 เด็กที่ไม่ยอมเกิดก็คือตายนั่นเอง

ความผิดที่ต้องแบกเอง
14  เราควรจะไถ่เขาจากความตายไหม?
ความตายเอ๋ย เงี่ยงของเจ้าอยู่ที่ไหน
แดนตายเอ๋ย เหล็กในของเจ้าอยู่ที่ไหน?
ความเมตตาจะถูกซ่อนไปจากสายตาของเรา 

15 แม้ว่าเขาจะรุ่งเรืองท่ามกลางพี่น้องของเขา 
จะมีลมตะวันออกพัดมา
เป็นลมมาจากพระยาห์เวห์ที่ก่อตัวขึ้นจากทะเลทราย
แหล่งน้ำของเขาจะแห้งไป
และบ่อน้ำพุก็จะเหือดแห้งไป
คลังสมบัติมีค่าของเขาจะถูกปล้นจนไม่เหลืออะไร
 16 สะมาเรียจะต้องแบกความผิดของตนเอง
เพราะพวกเธอได้กบฏต่อพระเจ้า 
พวกเธอจะล้มลงด้วยดาบ
ลูกเล็กจะถูกฟาดฟันเป็นชิ้น ๆ
และพวกผู้หญิงที่ตั้งครรภ์จะถูกผ่าเปิดท้อง!

ความผิดที่ต้องแบกเอง
13:14 แต่.. พระเจ้าจะทรงไถ่อิสราเอลจากอำนาจของแดนตาย   ความตายคือโทษของบาป แต่พระเยซูคริสต์มาเพื่อทำลายความตายนั้นด้วยการสิ้นพระชนม์ และคืนพระชนม์ของพระองค์ (ฮีบรู 2:14-15; 1 โครินธ์ 15:55-57; ยอห์น 11:25-26)  แต่ถ้าเขาไม่ยอมกลับใจ เขาจะถูกซ่อนจากสายพระเนตรพระเจ้า 

13:15 ลมตะวันออกนี้คืออัสซีเรียหรือเปล่าเป็นศัตรูที่โหดร้ายมาก แต่อัสซีเรียไม่ได้มาด้วยตัวเอง พวกเขาถูกพระเจ้าใช้มา เพื่อสอนคนของพระองค์


13:16 อิสราเอลทางเหนือจะเจอกับสงครามที่ลูกเล็ก ๆ ก็จะถูกฆ่าตาย เด็กในท้องก็ถูกผ่าออกมา (2 พงศ์กษัตริย์ 17:5 อัสซีเรียเข้ามาล้อมสามปี อาโมส 1:13 อัมโมนบุกเข้ามา ผ่าท้องหญิงมีครรภ์ )

หากไม่มีการกลับใจ .. สิ่งที่จะเกิดขึ้นน่ากลัวเหลือเกิน 

พระคำเชื่อมโยง

1* โฮเชยา 11:2
2* อิสยาห์ 46:6
3* ดาเนียล 2:35
4* อิสยาห์ 43:11; 45:21-22
5* เฉลยธรรมบัญญัติ 2:7; 32:10; 8:15
6* เฉลยธรรมบัญญัติ 8:12, 14; 32:13-15


7* เพลงคร่ำครวญ 3:10; เยเรมีย์ 5:6
8*  2 ซามูเอล 17:18
9* เยเรมีย์ 2:17
10* เฉลยธรรมบัญญัติ 32:38;
1 ซามูเอล 8:5-6
11* 1 ซามูเอล 8:7;10:17-24

12* เฉลยธรรมบัญญัติ 32:34-35
13* อิสยาห์ 13:8
14* 1โครินธ์ 15:54-55 ; เยเรมีย์ 15:6
15* เยเรมีย์ 4:11-12
16* 2 พงศ์กษัตริย์ 18:12; 15:16

โฮเชยา 12 คดีฟ้องร้องเอฟราอิม

ทบทวนอดีต
1 เอฟราอิมวิ่งไล่ตามลม และไล่ตามลมตะวันออก
เขายังคงเพิ่มพูนการมุสาและความรุนแรง 
เขาไปทำสัญญากับอัสซีเรีย
แล้วยังส่งน้ำมันมะกอกไปยังอียิปต์
 2 พระยาห์เวห์ทรงมีข้อฟ้องร้องยูดาห์
พระองค์กำลังจะลงโทษยาโคบตามวิถีทางของเขา
พระองค์ทรงตอบแทนเขาตามการกระทำของเขา 

3 ในครรภ์มารดา เขาก็ฉวยส้นเท้าของพี่ชาย
และเมื่อเติบโตขึ้นมาเขาก็ได้สู้กับพระเจ้า
4 ยาโคบได้สู้กับทูตสวรรค์ และเอาชนะท่านได้
เขาร้องไห้อ้อนวอนขอเมตตา
พระองค์ทรงพบเขาที่เบธเอล
และต่อมาพระเจ้าได้ตรัสกับเขาที่นั่น 

 

ทบทวนอดีต
12:1 กลับไปยังบาปอย่างเดิม เอฟราอิมแทนที่จะกลับใจแต่กลับไปทำสิ่งที่ยิ่งยากขึ้นไปอีก  เขาไปทำสัญญาไมตรีกับทั้งอียิปต์ และอัสซีเรีย  การส่งน้ำมันมะกอกไปนั้น เป็นสัญญาว่าจะซื่อตรงต่ออียิปต์ 

12:2 พระเจ้าทรงบอกวิธีการตัดสินลงโทษของพระองค์ นั่นคือ ตัดสินตามการกระทำของพวกเขา
พระองค์ทรงกล่าวถึงยาโคบ ..

12:3-4 นั่นคือ ยาโคบเองได้ทำตัวคดโกงมาตั้งแต่อยู่ในท้อง(ปฐมกาล 25:26)  นี่เป็นสิ่งที่สื่อว่า เขาต้องการเป็นพี่หัวปี   แล้วเขาก็หลอกพ่อว่าเขาเป็นเอซาว เพื่อจะได้พรลูกหัวปี (ปฐมกาล 27:35-36)
ต่อมาก็สู้กับทูตสวรรค์ของพระเจ้า และยังเอาชนะได้ด้วย ไม่ยอมให้ไปนอกจากจะอวยพรเขาก่อน (ปฐมกาล 32)  ในวันนั้น เขาขอเมตตาจากพระเจ้า นี่แสดงว่าเขาตระหนักแล้วว่า  ชีวิตของเขาต้องขึ้นอยู่กับพระเจ้า  และเมื่อเขาขอ เขาก็ได้พรจากพระเจ้า(ปฐมกาล 32:29) 
เป็นคนกล้าที่จะขอ

5  พระยาห์เวห์ทรงเป็นองค์จอมทัพ
พระนามที่ควรจดจำคือพระยาห์เวห์ 
6 แต่เจ้าต้องกลับมาหาพระเจ้าของเจ้า
ผดุงรักษาความรักและความยุติธรรม
และวางใจหวังใจในพระเจ้าของเจ้าเสมอไป 

12:5 แล้วพระเจ้าก็ทรงประกาศขึ้นมาว่า ทรงเป็นองค์จอมทัพ พระนามคือพระยาห์เวห์  
12:6 ทรงเรียกให้พวกเขากลับมาหาพระเจ้า กลับไปหาความรัก ความยุติธรรม และการวางใจพระเจ้า 

7  พวกพ่อค้าใช้ตาชั่งไม่เที่ยง
เขาโกงกับมือเลยทีเดียว 
8 แต่เอฟราอิมกล่าวว่า
“ดูสิ ฉันร่ำรวยขึ้นมามากแค่ไหน
ฉันทำขึ้นมาด้วยตัวเอง
ไม่มีใครมาพบความชั่วหรือบาป
จากแรงงานของฉันเลย” 

12:7-8  คนที่ขายของแล้วโกงต่อหน้าต่อตา ก็เป็นเหมือนคนที่โฮเชยากำลังพูดถึง ซึ่งไม่ได้มีแค่ในยุคนั้น แต่มีทุกวัน ทุกเวลา เกิดขึ้นในโลก  พ่อค้ายิวจำนวนไม่น้อยที่โกงซึ่ง ๆ หน้าโดยที่ลูกค้าไม่รู้ตัว แถมยังอวดด้วยว่า ตนเองฉลาดหลักแหลม  พอใจในวิธีการของตัวเองเพราะทำให้ตนรวยขึ้นมา 

9 เราเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
ตั้งแต่ครั้งเจ้าอยู่ในอียิปต์ 
และเราจะให้เจ้ากลับไปอยู่ในเต็นท์อีกครั้ง
เหมือนเวลาที่มีเทศกาลตามที่กำหนดไว้ 
10 เรากล่าวผ่านผู้เผยพระดำรัส
และให้จินตภาพแก่พวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
เรามอบปริศนาผ่านผู้เผยพระดำรัส
11 ในเมื่อกิเลอาดเต็มด้วยความชั่ว(เทวรูป)
ทั้งหมดไร้ค่าและจะสูญสิ้นไปเป็นแน่ 
พวกเขาถวายวัวผู้ในกิลกาล
แต่แท่นบูชาของเขา
จะกลายเป็นแค่กองหินบนทุ่งที่ไถแล้ว
.

12:9 พวกเขาลืมไปแล้วหรือว่า พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของเขาตั้งแต่ที่อยู่ในอียิปต์  พระองค์จะให้เขากลับไปอยู่อย่างคนเร่ร่อนอีกก็ได้   คล้ายกับเทศกาลอยู่เพิง  เพื่อให้เขาไม่ลืมว่า เขามาจากไหน พระเจ้าทรงอยู่กับพวกเขาอย่างไร  ทรงช่วยพวกเขาขนาดไหนจนกระทั่งเติบโตเป็นชนชาติอิสราเอล 

12:10 พระองค์ทรงเตือนด้วยว่า ทรงส่งผู้เผยพระดำรัสมาไม่หยุดหย่อน  พวกเขามีทั้งพระดำรัส มีนิมิต กล่าวคำด้วยปริศนาแก่คนอิสราเอล  ถึงขนาดนี้แล้ว ผู้คนก็ยังไม่ฟังพระสุรเสียงของพระองค์ 

12:11 เหตุการณ์ที่เกิดในกิเลอาดนั้น เป็นเครื่องเตือนความทรงจำว่า พวกเขาเสื่อมทรามขนาดไหน
ที่กิลกาลพวกเขาก็ถวายเครื่องบูชาอย่างไม่อั้น
พระเจ้าทรงใช้เมืองทั้งสองมาพร้อม ๆ กันเพื่อบอกถึงความชั่วที่เกิดขึ้นในทั้งประเทศ และพระเจ้าจะทรงทำให้เห็นว่า แท่นบูชาเหล่านั้นก็แค่กองหิน ไม่มีค่าอย่างที่พวกเขาเข้าใจ

ทเรียนจากบรรพบุรุษ
12 ยาโคบหนีไปยังแผ่นดินอารัม
อิสราเอลทำงานเพื่อจะได้ภรรยา
เขาเลี้ยงดูฝูงแกะเพื่อจ่ายเป็นค่าตัวของเธอ 
13  พระยาห์เวห์ทรงนำอิสราเอลจากอียิปต์
โดยผู้เผยพระดำรัสท่านหนึ่ง
และทรงให้ผู้เผยพระดำรัสนั้นดูแลพวกเขา
14  เอฟราอิมได้ยั่วยุพระองค์
ดังนั้น พระยาห์เวห์ของเขาจะปล่อยให้ความผิด
เนื่องจากการนองเลือดตกอยู่กับเขา
และจะทรงตอบสนอง
เพราะเขาหมิ่นประมาทพระองค์ 


บทเรียนจากบรรพบุรุษ
12:12 ไม่รู้หรือว่า ยาโคบซึ่งเป็นบรรพบุรุษนั้น เป็นคนที่หนีความผิดไปยังแดนไกล และทำงานเพื่อจะได้มีภรรยา ทำงานที่ต่ำต้อยในสายตาของผู้คน คือการเลี้ยงแกะ เขาเป็นคนเร่ร่อน เมื่อไปอยู่อียิปต์ ครอบครัวของเขาจึงกลายเป็นชนชาติใหญ่โตขึ้น (เฉลยธรรมบัญญัติ 26:5)

12:13 แต่พวกเขาถูกข่มเหง   จนกระทั่งทรงส่งโมเสสไปนำพวกเขาออกมา และให้ดูแลจนกระทั่งได้เข้ามายังแผ่นดินที่ทรงสัญญา  แต่พวกเขาไม่ได้เชื่อฟังผู้รับใช้ของพระเจ้า (ข้อ 10)   ตั้งแต่สมัยของโมเสสเรื่อยมา เขาไม่รู้ว่า คนที่พระเจ้าทรงส่งมานั้น ช่วยดูแล ป้องกันไม่ให้พวกเขากลับไปเป็นทาสอีก อิสราเอลทั้งชาติยั่วยุพระเจ้าให้กริ้ว พวกเขาไร้ความกตัญญู เป็นคนทั้งโอหัง และโง่เขลา

พระคำเชื่อมโยง

1* โยบ 15:2-3; 2 พงศ์กษัตริย์ 17:4 ;
อิสยาห์ 30:6
2* มีคาห์ 6:2
3* ปฐมกาล 25:26; 32:24-28
4* ปฐมกาล 28:12-19; 35:9-15
5* อพยพ 3:15

6* มีคาห์ 6:8
7* อาโมส 8:5
8* วิวรณ์ 3:17
9* เลวีนิติ 23:42
10* 2 พงศ์กษัตริย์ 17:13

11* โฮเชยา 6:8; 9:15
12* ปฐมกาล 28:5;29:20,28
13* อพยพ 12:50-51; 13:3
14* เอเสเคียล 18:10-13; ดาเนียล 11:18

โฮเชยา 11 รักที่ไม่ยั้งหยุด

พระเจ้าทรงดีต่อพวกเขามาตั้งแต่ต้น
1 เมื่ออิสราเอลยังเป็นเด็ก เรารักเขา
เราเรียกลูกชายของเราออกมาจากอียิปต์ 

2 ยิ่งเรียกพวกเขามากเท่าไร
เขายิ่งหนีห่างไปจากเรามากเท่านั้น
พวกเขาเฝ้ากราบไหว้บูชาบาอัล
และเผาเครื่องบูชาให้รูปเคารพต่าง ๆ

3  เราเอง เป็นผู้ที่สอนให้เขาเดิน
เราอุ้มพวกเขาไว้ในอ้อมแขนของเรา 
แต่พวกเขาไม่ตระหนักเลยว่า
เราเป็นผู้บำบัดรักษาเขา
4 เราได้นำพวกเขาไปด้วยสายใยของมนุษย์ 
ด้วยเชือกแห่งรักสำหรับพวกเขา
เราคือผู้ที่ปลดแอกจากคอของพวกเขา
เราก้มลงป้อนอาหารให้พวกเขา

พระเจ้าทรงดีต่อพวกเขามาตั้งแต่ต้น
11:1 เมื่ออิสราเอลยังเป็นเด็ก เมื่อเขาเริ่มต้นจากครอบครัวยาโคบ และมีจำนวนมากขึ้น พระเจ้าก็รักแล้ว  พระองค์ทรงถือว่า ทรงเป็นพระบิดาของพวกเขา พวกเขาเป็นคนในครอบครัวของพระองค์ พระเจ้าทรงไถ่พวกเขาออกจากอียิปต์และนำเข้ามาอยู่ในพันธสัญญาของพระองค์ เป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์กัน คำว่า ลูก มีความหมายถึงว่า เป็นผู้รับมรดก เราจะเห็นความเอาใจใส่ ห่วงใยที่พระเจ้ามีต่อพวกเขาพิเศษกว่าชนชาติใด

11:2 แต่เมื่อพระเจ้าเรียก ก็มีอำนาจอื่นที่พยายามจะนำให้เขาออกจากพระเจ้า เขาออกไปจากพระพักตร์พระองค์ และสิ่งที่เรียนจากบัญญัติโมเสสในเรื่องการนมัสการ การถวายเครื่องหอม ก็กลับเอาไปใช้กับบาอัล  และรูปเคารพ สิ่งที่ควรถวายพระเจ้ากลับเอาไปให้สิ่งที่ไม่มีชีวิต 

11:3 พระเจ้าทรงกระทำกับพวกเขาในฐานะที่ทรงเป็นพระบิดา ” เราสอนเดิน เราอุ้ม เรารักษา …” แม้กระทั่งเมื่อป่วย พระองค์ก็ทรงรักษา แต่พวกเขาไม่ได้รับรู้เรื่องนี้เลย

11:4 เรานำไปด้วยสายใยมนุษย์ เชือกแห่งรัก คือพวกเขาต้องได้รับคำสอนที่จะช่วยให้เขาอยู่ได้ พระองค์ให้เขามีขอบเขตการใช้ชีวิตที่เหมาะสม
ในฐานะคนที่มีเสรีภาพ ไม่เป็นทาสของอียิปต์อีกต่อไป
ทรงน้อมพระกายลงมาป้อนพวกเขา แสดงถึงความใกล้ชิดอย่างยิ่ง


พระหัตถ์ที่เข้มงวด
5  อิสราเอลจะไม่กลับไปยังแผ่นดินอียิปต์
แต่กษัตริย์อัสซีเรียจะปกครองเหนือพวกเขา
เพราะพวกเขาไม่ยอมกลับใจ
6  จะมีดาบกวัดแกว่งทั่วเมืองต่าง ๆ 
มันจะทำลายและผลาญประตูเมืองของพวกเขา
ทำให้แผนการของเขาย่อยยับไป
7 ประชากรของเราตั้งใจหันไปจากเรา
แม้ว่าพวกเขาร้องเรียกถึงองค์ผู้สูงสุด
แต่ไม่มีความจริงใจเลย

พระหัตถ์ที่เข้มงวด
11:5 เป็นเพราะเขาไม่ใส่ใจพระองค์ ไม่กลับใจ ไม่ฟังพระสุรเสียง พวกเขาจะได้นายใหม่เป็นอัสซีเรียที่โหดกว่าอียิปต์
คำว่ากลับใจในที่นี้ ฮีบรูว่า שׁוּב ชูฟ หมายถึงการกลับมาอีกครั้ง หันกลับมา พวกเขาไม่ยอมหันกลับมาหาพระเจ้า จึงต้องไปอยู่ใต้อัสซีเรีย

11:6 พวกเขาเจอศัตรูที่บุกเข้ามาทำลายเมืองต่าง ๆ ไม่ใช่เมืองเดียว แต่เป็นจำนวนมาก ศัตรูเหล่านี้มาสกัดแผนการที่พวกเขาทำต่อเหล่ารูปเคารพทั้งหลาย

11:7 เขาเคยชินกับการที่จะออกไปจากพระเจ้า  ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่เอาพระเจ้า เราเห็นภาพนี้ในโลกยุคใหม่ชัดเจน ไม่มีความแตกต่างกัน การร้องหาพระเจ้า ไม่ได้หมายความว่า ใจสำนึกผิด พวกเขาเพียงต้องการประโยชน์จากพระองค์

พระทัยสงสารขณะที่ทรงลงไม้เรียว
8 โอ เอฟราอิม เราปล่อยเจ้าไปได้อย่างไร?
โออิสราเอล เรายกเจ้าให้ผู้อื่นได้อย่างไร?
เราจะทำให้เจ้าเป็นเหมือนอัดมาห์ได้อย่างไร?
เราจะทำกับเจ้าเหมือนกับเศโบยิมได้อย่างไร? 
ใจของเราฉีกขาดอยู่ข้างใน
ความเมตตาของเราถูกเร้าขึ้นมา
9  เราจะไม่ลงโทษเจ้าตามความกริ้วของเรา
เราจะไม่ทำลายเอฟราอิม

เพราะเราคือพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์
เราเป็นองค์ผู้บริสุทธิ์ท่ามกลางเจ้า
และเราจะไม่มาพร้อมกับความสยดสยอง

พระทัยสงสารขณะที่ทรงลงไม้เรียว
11:8-9  จะปล่อยไปได้อย่างไร ?  พระทัยพระเจ้า!! พระเมตตาของพระเจ้าถูกเร้าขึ้นมา พระองค์ไม่อาจจะทำลายพวกเขาจนสูญสิ้นไปหมด
เป็นความรักที่กดไว้ไม่ได้   
เมืองอัดมาห์ และเมืองโศโบยิม เป็นเหมือนเมืองพี่น้องของโสโดม โกโมราห์ (ปฐมกาล 10:19; 14:1-4; เฉลยธรรมบัญญัติ 29:23) .. ไม่ได้กลับใจ แต่ถูก ทำลายแบบไม่เหลือสักคน เหลือแต่ซาก ไร้สิ่งมีชีวิต

พระเจ้าทรงเปลี่ยนใจว่า จะไม่ทรงลงโทษ ตามความกริ้ว ….
เพราะถ้าตามความกริ้ว เอฟราอิมจะไม่เหลือ
ความเมตตาถูกเร้าขึ้นมา …​พระองค์จะทรงสำแดงความอดกลั้นเพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์ พระองค์ทรงเป็นองค์บริสุทธิ์ท่ามกลางอิสราเอล พระองค์จะไม่ทรงลงโทษจนกระทั่งไม่เหลือ


พวกเขาจะกลับมา
10 พวกเขาจะติดตามพระยาห์เวห์ 
พระองค์จะทรงส่งพระสุรเสียงดั่งสิงโต
เมื่อพระองค์ทรงคำรามนั้น
ด้วยตัวสั่นสะท้าน 
ลูก ๆ ของพระองค์จะกลับมาจากทิศตะวันตก
11 พวกเขาจะตัวสั่นเทาเหมือนกับนกจากอียิปต์ 
และเหมือนกับนกพิราบจากอัสซีเรีย
แล้วเราจะพาพวกเขากลับไปยังบ้านเกิด
พระยาห์เวห์ทรงประกาศดังนี้ 

ล้อมพระองค์ด้วยการโกหก
12  เอฟราอิมล้อมเราด้วยคำมุสา
วงศ์วานอิสราเอลล้อมเราด้วยการหลอกลวง
ยูดาห์ยังคงออกจากทางของพระเจ้า
และไม่ซื่อตรงต่อองค์ผู้บริสุทธิ์ 

พวกเขาจะกลับมา
11:10-11 พระองค์จะทรงลงโทษเขาเหมือนสิงโตที่ฉีกขย้ำเหยื่อ (5:14). แต่ในอนาคต พระองค์จะทรงใช้เสียงคำรามเรียกพวกเขากลับมา เสียงคำรามนั้นคืออะไร? การที่พวกเขาเป็นเหมือนนกจากอียิปต์ จากอัสซีเรีย เป็นภาพของการหนีกลับมา ในอนาคต ผู้คนจะกลับมายังแผ่นดินอิสราเอลเหมือนนก .. คิดถึงการกลับมาสู่อิสราเอลด้วยเครื่องบิน .. พอถึงตอนนี้ เราเห็นภาพว่า โฮเชยาไม่ได้พูดถึงอนาคตอันใกล้ของรุ่นเขา แต่ยังพูดถึงอนาคตล่วงหน้าหลายพันปีของพวกเขาด้วย

ล้อมพระองค์ด้วยการโกหก
11:12 อิสราเอลไม่ได้กลับใจจริง   ข้อนี้เป็นเหมือนข้อที่หนึ่งในบทต่อไป
พระเจ้าตรัสว่า เอฟราอิมมุสาต่อพระองค์ไม่ยั้งหยุด พยายามที่จะหลอกลวงพระองค์ ทรงถูกคนเหล่านี้ล้อมเอาไว้ ไม่ว่าจะทรงมองไปทิศใดก็เจอแต่คนที่คดโกง ไม่ซื่อตรง ทั้งอิสราเอลทางเหนือ และยูดาห์ทางใต้ไม่ได้ต่างกันเลย
พระองค์ทรงเป็นองค์ผู้บริสุทธิ์ แต่พวกเขาปฏิบัติต่อพระองค์ราวกับทรงเป็นเหมือนกับพวกเขา ต่ำกว่าพวกเขาอีก เพราะคิดว่าจะหลอกพระองค์ได้

พระคำเชื่อมโยง

1* มัทธิว 2:15; อพยพ 4:22-23
2* 2 พงศ์กษัตริย์ 17:13-15
3* เฉลยธรรมบัญญัติ 1:31; 32:10-11;
อพยพ 15:26
4* เลวีนิติ 26:13; สดุดี 78:25
5* โฮเชยา 7:16; 8:13
6* โฮเชยา 13:16; 10:14

7* เยเรมีย์ 3:6-7; 8:5
8* เยเรมีย์ 9:7; ปฐมกาล 14:8; 19:24-25
9* กันดารวิถี 23:19
10* โยเอล 3:16
11* อิสยาห์ 11:11; 60:8; เอเสเคียล 28:25-26; 34:27-28
12* วิวรณ์ 3:21

โฮเชยา 10 หลงทางเพราะมั่งคั่ง

ผลองุ่นและลูกวัว
1 อิสราเอลเป็นเถาองุ่นดก
ออกผลแผ่ออกไป ยิ่งมีผลดกเท่าไร
ก็ยิ่งสร้างแท่นบูชามากขึ้นเท่านั้น
ยิ่งแผ่นดินอุดมเกิดพืชพันธุ์ดีขึ้นเท่าไร
พวกเขาก็ยิ่งตกแต่งเสาหินมากขึ้นเท่านั้น  
2 จิตใจของพวกเขาแบ่งออกไป
บัดนี้ พวกเขาต้องรับโทษ 
พระยาห์เวห์จะทรงทำลายแท่นบูชา
 และทำลายเสาหินของพวกเขา 
 3  เวลานี้ พวกเขากำลังกล่าวว่า
“เราไม่มีองค์กษัตริย์!
เพราะเราไม่ได้ยำเกรงพระยาห์เวห์
แต่หากว่าเรามีกษัตริย์ ท่านจะทำอะไรให้เราได้เล่า?
 4 พวกเขาใช้คำพูด
กล่าวคำสาบานลวงขณะที่ทำสัญญาร่วมมือกัน 
ดังนั้น จึงเกิดการฟ้องร้องขึ้น
ราวกับวัชพืชพิษในทุ่งนาที่ไถแล้ว
5 ผู้ที่อาศัยในสะมาเรีย
ต่างกลัว”รูปลูกโคแห่งเบธอาเวน” 
ความจริงคือ
ผู้คนจะร้องคร่ำครวญถึงความอลังการของมัน
พวกปุโรหิตคลั่งไคล้รูปนั้นจนตัวสั่น
เพราะพวกมันจะต้องจากพวกเขาไปเป็นแน่
6 เทวรูปนั้นจะถูกนำไปยังอัสซีเรีย
เป็นเครื่องบรรณาการถวายให้กับกษัตริย์นักรบ
เอฟราอิมจะต้องอับอาย
อิสราเอลจะต้องละอายที่ไปปรึกษากับเทวรูปนั้น 

ผลองุ่นและลูกวัว
10:1 การเริ่มต้นของชนชาติอิสราเอลนั้นดูงดงาม พระเจ้าทรงเปรียบพวกเขาเหมือนองุ่นลูกดก
พระเจ้าทรงอวยพระพรเขา แต่แล้ว สิ่งที่พลิกคือ
ยิ่งรวย กลับยิ่งไปสร้างแท่นบูชาถวายบาอัล  ปักเสาหิน แทนที่จะรักพระเจ้ากลับห่างพระองค์  เขาตอบแทนพระเจ้าอย่างน่ารังเกียจมาก

10:2 นี่เป็นการบ่งบอกใจที่ไม่ซื่อตรงต่อพระเจ้า มีความหมายว่าใจที่แยกออก สองใจ  แต่พระเจ้าทรงแจ้งชัดเจนว่า จะทรงทำลายสิ่งก่อสร้างเหล่านั้น

10:3 ช่วงนั้นน่าจะเป็นการล้มเหลวของกษัตริย์อิสราเอล กษัตริย์องค์สุดท้ายที่พวกเขาแต่งตั้งขึ้นมาเองคือ โฮเชยาโอรสของเอลาห์ (ไม่ใช่โฮเขยาที่เขียนหนังสือเล่มนี้) (อ่าน 2 พงศ์กษัตริย์ 17)

10:4 โดยรวมแล้ว ประชาชนไม่ถือสัจจะเป็นหลักในการทำธุรกิจ ติดต่อกัน พวกเขาทำสัญญาแต่แล้วก็โกง หักหลังกัน  พระเจ้าทรงเปรียบพฤติกรรมเหล่านี้เหมือนกับวัชพืชที่เกิดในทุ่งที่ไถแล้ว ซึ่งไม่ควรจะเกิด การคดโกงเป็นเหมือนวัชพืชที่ลามเข้าไปในสังคม

10:5 เทวรูปลูกโคแห่งเบธอาเวนเป็นสิ่งที่ผู้คนคลั่งไคล้ เหมือนกับเหล่าคนชอบเช่าพระ พวกเขามองเห็นว่ามันงดงาม น่าดู ใจของพวกเขาก็กระสันหารูปเหล่านี้  

10:6 เมื่ออัสซีเรียเข้ามาโจมตีอิสราเอล สิ่งที่พวกเขาสนใจจะเอาไปคือเทวรูปต่าง ๆ
พวกเขาเป็นคนที่สนใจรูปเคารพอยู่แล้ว และถือว่าเป็นของบรรณาการด้วย  และสิ่งที่น่าอับอายสุดๆ ก็คือ พวกเขาละทิ้งพระเจ้าไปปรึกษารูปเคารพที่ถูกแบกไปอัสซีเรีย  และยังถูกอัสซีเรียกวาดไปเป็นเชลยอีก  (โฮเชยา 5:13; 7:8-11; 8:9-10)
หากอิสราเอลไปแบกแอกร่วมกับใคร พวกเขาก็ต้องตามความเชื่อของคนเหล่านั้นด้วย  เพราะความเชื่อกับการเมืองนั้นแทบจะเป็นเรื่องเดียวกันในสมัยโบราณ การไปเป็นไมตรีกับพวกเขาเท่ากับก้มหัวให้กับพวกเทพที่ประเทศเหล่านั้นนับถือ 

กษัตริย์ที่หายไป
7 กษัตริย์แห่งสะมาเรียจะถูกตัดออกไป
เหมือนกิ่งไม้ที่ล่องลอยไปบนผิวน้ำ 
8  สถานบูชาบนที่สูงแห่งอาเวน
ซึ่งเป็นบาปของอิสราเอล จะต้องถูกทำลาย
จะมีพืชหนาม พุ่มหนามเกิดเลื้อยขึ้นคลุมแท่นบูชาของพวกเขา พวกเขาจะกล่าวแก่ภูเขาว่า “จงปกคลุมเราไว้”
พูดกับเนินเขาว่า “ช่วยล้มทับเราเถิด

กษัตริย์ที่หายไป
10:7 ราชวงศ์ที่เคยโด่งดัง เป็นที่นับถือจะหายไปราวกับกิ่งไม้ ไม่มีใครจำได้อีก ไม่ใช่หายไปช้า ๆ แต่ไปอย่างรวดเร็ว

10:8 อัสซีเรียจะเป็นผู้ทำลายที่สูงซึ่งอิสราเอลสร้างไว้ที่อาเวน  พระเจ้าเคยบัญชาให้พวกเขาทำลายที่สูงเหล่านี้ แต่พวกเขาไม่เชื่อฟัง (เฉลยธรรมบัญญัติ 12:2-3)  อัสซีเรียจึงทำให้ตามที่พระเจ้าทรงประสงค์ ที่เหล่านี้จะกลายเป็นที่ร้างเปล่า  อิสราเอลจะเห็นและเริ่มกลัวการลงโทษของพระเจ้า  เรียกร้องให้ช่วยปกปิดพวกเขาไว้ (ลูกา 23:30; วิวรณ์ 9:6)
 

อิสราเอลแพ้เพราะบาป
9 “อิสราเอลเอ๋ย เจ้าทำบาปมาตั้งแต่สมัยกิเบอาห์ 
และเจ้าก็ยังทำแบบนั้นไม่หยุด
สงครามไม่ได้จัดการคนที่ทำการอธรรมในกิเบอาห์หรือ?
10 เราจะลงโทษพวกเขาตามที่เราเห็นควร
ชาติต่าง ๆ จะรวมตัวกันต่อสู้พวกเขา
และจับเขาจำจองเพราะความผิดบาปสองกระทงของพวกเขา” 
11 เอฟราอิมเป็นลูกวัวที่ถูกฝึกอย่างดี  มันชอบนวดข้าว
แต่เราจะวางแอกลงบนคออันงดงามของมัน
เราจะให้เอฟราอิมแบกแอกไป
ยูดาห์เป็นผู้ไถดิน ยาโคบจะเป็นผู้ไถกลับหน้าดิน

10:9 ตั้งแต่สมัยผู้วินิจฉัย อิสราเอลได้ทำบาปชั่วมากและก็ชินชากับการทำบาปนั้น (ผู้วินิจฉัย 19-20; โฮเชยา  9:9) พระเจ้าทรงสอนพวกเขาในสงครามครั้งนี้ แต่พวกเขาไม่จำ

10:10  พระเจ้าจะทรงลงโทษเขาในเวลาของพระองค์ ทรงใช้ชาติอื่น ๆ เข้ามาจัดการกับบาปของพวกเขา  มีความเห็นเรื่องบาปผิดสองกระทงนี้ อาจจะเป็นบาปที่กิเบอาห์ และที่เบเธล หรือเป็นบาปผิดที่ละทิ้งพระเจ้า แล้วหันไปหารูปเคารพ ซึ่งส่งผลให้เกิดบาปอีกมากมาย

10:11 ลูกวัวชอบนวดข้าวเพราะเป็นงานเบา และได้กินข้าวไปด้วยเวลานวด  แต่มันจะมีแอกมาวางไว้..เป็นภาพของอิสราเอลที่จะถูกต่างชาติบังคับให้ทำงานหนัก  ไม่เว้นแม้ยูดาห์และที่ใช้คำว่ายาโคบคือหมายถึงทั้งชาติ
ในบริบทนี้ การนวดข้าวคือการรับใช้พระเจ้า ส่วนการไถดินคือการลงวินัยจากพระเจ้าที่พวกเขาต้องเผชิญผ่านหายนะของชาติและการเป็นเชลย

12 จงหว่านความเที่ยงธรรมให้พวกเจ้าเอง
และเกี่ยวเก็บรักมั่นคง 
จงไถพรวนดินที่ถูกทิ้งเอาไว้
นี่เป็นเวลาที่จะแสวงหาองค์พระยาห์เวห์
จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา
และเทความเที่ยงธรรมลงมาให้เจ้าเหมือนกับสายฝน 

13 เจ้าได้ปลูกความชั่วช้า
และเก็บเกี่ยวความอธรรม
เจ้าได้กินผลของความมุสา
เพราะเจ้าเชื่อวางใจทางของตนเอง
และทหารจำนวนมากของเจ้า
14 เสียงกระหึ่มของสงครามดังขึ้นต่อสู้ประชากรของเจ้า
และป้อมปราการทั้งสิ้นของเจ้า
จะถูกทลายลงในวันแห่งสงคราม
เหมือนกับที่ชัลมันทำลายเบธอาร์เบลในการต่อสู้
แม่ ๆ และลูก ๆ ของพวกเธอถูกฟาดจนกลายเป็นชิ้น ๆ !

15  เบธเอลเอ๋ย มันจะเกิดกับเจ้าเช่นนั้น
เพราะความชั่วสุดขั้วของพวกเจ้า
ยามรุ่งอรุณ
กษัตริย์แห่งอิสราเอลจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง 

10:12 ในขณะที่พระเจ้าทรงกล่าวโทษพวกเขานั่นเอง ความห่วงใยของพระองค์ก็พลุ่งขึ้น พระองค์ทรงบอกวิธีการที่พวกเขาจะไม่พินาศ
ให้กระทำสิ่งที่เที่ยงธรรม คือหว่านสิ่งดีทุกอย่างต่อกันและกัน เพื่อว่าพวกเขาจะได้รับรักมั่นคง หรือพระกรุณาคุณของพระเจ้าคืนมา  โฮเชยาเตือนให้พวกเขากลับใจ  (ภาษาฮีบรูสำหรับการหว่าน การปลูก คือ ซารา זָרַע)
ดินที่ยังไม่ไถนั้น เป็นดินแข็ง ที่แห้งแล้งมานาน เป็นดินที่ไม่อาจซึมซับความชื้นจากฝนได้ดี ดังนั้นพระเจ้าทรงเตือนให้เขาไถพรวน กลับดินนั้น ซึ่งก็หมายถึง หัวใจของพวกเขาเองที่ต้องจัดการ หัวใจที่แห้งแล้ง แข็งกระด้างต่อพระเจ้า (เยเรมีย์ 4:3) ใจที่ห่างเหินจากฝนแห่งรักมั่นคงของพระเจ้า ใจที่ไม่สารภาพบาป แต่เก็บสะสมบาปไว้นั้น ทำให้ใจกระด้างเหมือนดินแห้ง   การไถพรวนจิตใจคือ การแสวงหาพระเจ้า แสวงหาพระองค์อย่างสุดใจ และเมื่อนั้น พระเจ้าจะทรงช่วยให้พวกเขารับสิ่งดีจากพระองค์ ไม่ใช่น้อย ๆ แต่เหมือนกับสายฝนที่ตกเทลงมา (โฮเชยา 2:19, 6:3)
(ภาษาฮีบรูสำหรับการไถพรวนดิน คือ เนียร נִיר เป็นการไถ ทำร่องดิน พรวนดิน)
 
10:13แทนที่จะปลูกดีเพื่อเก็บเกี่ยวผลที่ดี พวกเขากลับหว่านลม เก็บเกี่ยวพายุ (โฮชยา 8:7)  การที่พวกเขาเชื่อว่าสิ่งที่ตนเองทำถูกต้อง เชื่อว่าทหารจะช่วยได้ เป็นความเชื่อในความไม่แน่นอน ไม่ได้วางใจพระเจ้าสำหรับความอยู่รอดของชาติ ทั้ง ๆ ที่เขาควรจะวางใจพระองค์  นี่เป็นบทเรียนของทั้งระดับชาติ ระดับบุคคล ทั้งในโลกโบราณ และปัจจุบันวันนี้!

10:14 ความพ่ายแพ้เกิดขึ้นอย่างทันควัน เห็นได้ชัด โฮเชยาบอกมาแล้วว่า ถ้าเขาไม่วางใจพระเจ้า จะเกิดอะไรขึ้น  ชัลมันที่กล่าวถึงไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นคนไหน อาจเป็นกษัตริย์ของอัสซีเรีย หรือของโมอับ  แต่สงครามครั้งนั้นเป็นสงครามที่น่าสะพรึงกลัวมากเพราะศัตรูทำร้ายประชากรอย่างโหดเหี้ยม

10:15 โฮเชยาเตือนอย่างชัดเจนว่า จะไม่มีกษัตริย์ของอิสราเอล (อาณาจักรเหนือ) หลงเหลืออยู่เลย พวกเขาหายไปอย่างรวดเร็วด้วย เป็นเพราะพวกเขาทำบาปซ้อนบาป ทำแล้วทำเล่าโดยไม่คิดจะกลับตัวกลับใจ  คำว่าเบธเอลในที่นี้หมายความรวมถึงอิสราเอลทางเหนือทั้งหมด และสิ่งที่โฮเชยากล่าวก็เป็นความจริงในเวลาต่อมา (แม้กษัตริย์ทางใต้ต่อมาจะถูกกวาดไปบาบิโลน แต่ก็ยังมีบางคนในพวกเขาที่หลงเหลือและยังสืบเชื้อสายมาจนกระทั่งพระเยซูคริสต์ )

พระคำเชื่อมโยง

1* เนหะมีย์ 2:2; เยเรมีย์ 2:28
2* 1 พงศ์กษัตริย์ 18:21
4* อาโมส 5:7
5* โฮเชยา 8:5-6; 13:2; 9:11
6* โฮเชยา 5:13
8* โฮเชยา 4:15; 1 พงศ์กษัตริย์ 13:34; ลูกา 23:30

9* โฮเชยา 9:9
10* เยเรมีย์ 16:16
11* มีคาห์ 4:13
12* เยเรมีย์ 4:3; โฮเชยา 6:3
13* สุภาษิต 22:8; โยบ 4:8; กาลาเทีย 6:7-8
14* โฮเชยา 13:6
15* โฮเชยา 10:5,7