อาโมส 1 พิพากษาเมืองต่าง ๆ

1 ถ้อยคำของอาโมสผู้เป็นหนึ่งในผู้เลี้ยงแกะ
จากเมืองเทโคอา  เป็นสิ่งที่เขาเห็น ซึ่งเกี่ยวข้องกับอิสราเอลสองปีก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหว
ในรัชกาลอุสซียาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์
และเยโรโบอัม บุตรเยโฮอาช เป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล

 2 เขากล่าวว่า“องค์พระยาห์เวห์ ทรงเปล่งพระสุรเสียงดั่งสิงห์คำรามจากศิโยน ทรงเปล่งพระสุรเสียงจากเยรูซาเล็ม  ทุ่งหญ้าของคนเลี้ยงแกะทั้งหลายก็แห้งไป และยอดเขาคารเมลก็แห้งไปด้วย”

1:1. อาโมสเป็นคนเลี้ยงแกะและดูแลสวนมะเดื่อ(7:14-15)จากเมืองโทโคอาซึ่งอยู่ทางใต้ของประเทศ อยู่ทางใต้ของเยรูซาเล็มไป 16 กิโลเมตร แต่พระเจ้าทรงส่งเขาไปทางเหนือเพื่อเตือนให้ผู้นำอิสราเอล และประชาชนกลับใจใหม่   จากที่เขาบอกว่า เขากล่าวพระดำรัสของพระเจ้าสองปีก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหว

เขาเป็นคนในรัชกาลอุสซียาห์ (792-740 ปีก่อนคริสตศักราช) ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ปกครองดี และนำความเจริญมาให้ยูดาห์ทางใต้เป็นอย่างมาก ส่วนกษัตริย์ที่ปกครองทางเหนือนั้นคือเยโรโบอัม (793-753 ปีก่อนคริสตศักราช) เป็นกษัตริย์ที่ส่งเสริมการไหว้รูปเคารพในหมู่ผู้นำและประชาชน  ในรัชกาลนี้ มีความมั่งคั่งมาก สะมาเรียเป็นเมืองหลวง  แต่ถึงอย่างนั้นชาวนาก็ยากจน และยากลำบากมาก  คนชั้นสูง ผู้นำต่างให้ยืมเงิน เมื่อพวกเขาไม่มีจะคืน ก็จับคนยากจนเหล่านี้มาเป็นทาส ยึดที่ดินของพวกเขาไปด้วย 

อาโมสเป็นผู้เผยพระดำรัสรุ่นเดียวกับ โฮเชยา อิสยาห์ มีคาห์ 

1:2 เมื่อพระเจ้าตรัส พระองค์ไม่ได้ตรัสเบา ๆ เตือนเล็กน้อย แต่พระองค์ทรงตรัสด้วยพระพิโรธ  ใครก็ตามที่ได้ยินเสียงของพระองค์จะเป็น เหมือนอย่างทุ่งหญ้า และต้นไม้เขียวขจีบนภูเขา คือจะเหี่ยวแห้งไป

คำพิพากษามายังเพื่อนบ้านของอิสราเอล  1:3-2:16
3 พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เราจะยังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษดามัสกัส เพราะเขาได้เหยียบย่ำกิเลอาดด้วยเลื่อนคราดเหล็กสามครั้ง สี่ครั้งแล้ว 
4 ดังนั้น เราจะส่งไฟมาเผาผลาญราชวังของฮาซาเอล  และจะเผาไหม้ป้อมทั้งหลายของเบนฮาดัด 
5  เราจะทำลายประตูเมืองดามัสกัส
และกำจัดผู้ปกครองซึ่งอยู่ในหุบเขาอาเวน
รวมทั้งผู้ที่ถือคทาในเบทเอเดน 
ประชาชนในอารัมจะถูกกวาดไปเป็นเชลยที่เมืองคีร์”
พระยาห์เวห์ตรัสดังนั้น 

1:3-5 เมืองแรกที่พระเจ้ากล่าวถึงคือดามัสกัสซึ่งอยู่ในซีเรีย พวกเขาเข้ามาบุกเมืองกิเลอาดทางตะวันออกของทะเลกาลิลี  พวกเขาใช้วิธีการใช้เลื่อนเหล็กเข้ามา ซึ่งมีความหมายว่า ถอนรากถอนโคนกิเลอาดเลย  
ฮาซาเอล และเบนฮาดัดนั้นเป็นชื่อของกษัตริย์เมืองดามัสกัส 
คำว่าทำผิดสามครั้ง สี่ครั้ง คือเป็นการทำผิดต่อพระเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงต้องรับโทษ

หุบเขาอาเวน คือหุบเขาแห่งความชั่วร้าย
เบทเอเดน คือบ้านแห่งความหรรษา อาโมสพูดสองแห่งนี้ให้คล้องจองกัน
ประชาชนในอารัม คือในซีเรีย
เมืองที่ทิกลัท ปีเลเสอร์ ที่ 3กษัตริย์อัสซีเรียได้จับคนชาวซีเรีย (หรืออารัม)ส่งไปเป็นเชลยคือเมืองคีร์ (ไม่ทราบแน่ว่าอยู่ที่ใด แค่ว่าเป็นเมืองในซีเรีย ดู 2 พงศ์กษัตริย์ 16:7-9)

6 พระยาห์เวห์ตรัสว่า
“เราจะยังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษกาซา เพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า(สามครั้ง สี่ครั้งแล้ว  ) เพราะพวกเขากวาดต้อนคนทั้งชุมชนออกไปมอบให้แก่เอโดม  
7 ดังนั้นเราจะส่งไฟลงมาเผากำแพงเมืองกาซา และไฟนั้นจะเผาผลาญป้อมทั้งหลายของเมือง

8 เราจะกำจัดผู้ปกครองของอัชโดด
และคนที่ถือคทาจากอัชเคโลน
เราจะหันมือของเรามาสู้กับเอโครน
และคนที่เหลือของฟีลิสเตียจะพินาศไป”
พระยาห์เวห์ตรัสดังนั้น   


1:6-7  เมืองกาซา เป็นเมืองหนึ่งของชาวฟีลิสเตีย (อัชโดด อัชเคโลน และเอโครน)ไปกวาดต้อนคนตามหมู่บ้านต่าง ๆ ส่งต่อให้เอโดม เอาไปเป็นทาส   พระเจ้าจะทรงเผาเมืองกาซาและปัอมแข็งแรงทั้งหมดของเขา 

1:8 เมืองอัชโดด อัชเคโลน และเอโครน เป็นเมืองของพวกฟีลิสเตียเช่นเดียวกัน  พระเจ้าจะไม่ให้มีคนเหลืออยู่ 


9 พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ “เราจะยังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษไทระ เพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า (สามครั้ง สี่ครั้งแล้ว  ) เพราะเขาได้มอบคนทั้งชุมชนซึ่งเป็นเชลยให้กับเอโดม โดยไม่คำนึงถึงสัญญาไมตรีอย่างพี่น้องที่มีต่อกัน
 
10  ดังนั้น เราจะส่งไฟลงมาเผากำแพงเมืองไทระ  และไฟนั้นจะเผาผลาญป้อมเมืองทั้งหลาย”

1:9-10 ไทระซึ่งอยู่ทางเหนือ ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นของชาวฟีนิเชีย เคยทำสัญญาพี่น้องกับอิสราเอลเพื่อทำการค้าร่วมกัน  แต่แล้ว พวกเขาก็ได้ขายคนอิสราเอลเหล่านี้ไปเป็นทาสยังเอโดม  พวกเขายังปล้นสะดมเมืองต่าง ๆ โดยไม่สนใจว่าตนเองได้ทำสัญญาไว้แล้ว 

11 พระยาห์เวห์ตรัสว่า ““เราจะยังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษเอโดม เพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า (สามครั้ง สี่ครั้งแล้ว)
เพราะเขาได้ไล่ล่าพี่น้องของเขาด้วยดาบ ไม่มีความเมตตาในใจของเขา  ใจของเขามีแต่ความโกรธพลุ่งพล่านไม่หยุดหย่อน และเขาเก็บโทสะไว้อย่างไม่จบสิ้น
12 ดังนั้นเราจะส่งไฟลงมาเผาเทมาน และจะเผาผลาญป้อมแห่งโบสราห์”

1:11-12 เราจะรู้จักเอโดมได้ดีขึ้น โดยไปอ่านจากโอบาดีย์ว่าพวกเขาเป็นคนอย่างไร ในข้อนี้ พระเจ้าจะทรงลงโทษเขาเพราะพวกเขาไม่เมตตาใคร มีแต่ความโกรธ โหดเหี้ยมต่อผู้อื่น  พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะเผาเทมาน และจะเผาผลาญป้อมแห่งโบสราห์ซึ่งเป็นเมืองสำคัญของเอโดม”
เราจำเทมานได้ไหม เขาเป็นหลานของเอซาว (ปฐมกาล 36:11) เมืองเทมานตั้งชื่อตามเขาคนนี้ ส่วนเมืองโบสราห์อยู่ทางเหนือขึ้นไป
เอโดมเป็นเหมือนพี่น้องกับอิสราเอลเพราะเขาเป็นลูกหลานของเอซาว ส่วนอิสราเอลและยูดาห์เป็นลูกหลานของยาโคบ 

13 องค์พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เราจะไม่เปลี่ยนใจการลงโทษอัมโมนเพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาได้ผ่าท้องพวกผู้หญิงที่หญิงมีครรภ์ในกิเลอาด เพื่อขยายเขตแดนของตน 

14  ดังนั้นเราจะส่งไฟมายังกำแพงเมืองรับบาห์ และมันจะเผาผลาญป้อมต่าง ๆ ของเมือง
จะมีเสียงร้องตะโกนในวันสงคราม และจะมีลมพัดอย่างรุนแรงในวันที่มีพายุจัด

15  เหล่ากษัตริย์และเจ้าชายทั้งหลายจะตกไปเป็นเชลยพร้อม ๆ กัน”  พระยาห์เวห์ตรัสดังนั้น 

1:13-15  อัมโมนซึ่งอยู่ทางตะวันออกก็ไม่ได้พ้นจากการพิพากษาลงโทษของพระเจ้า พวกเขาทำสิ่งที่ร้ายกาจในสงคราม เขาไม่ให้เด็กมีโอกาสเกิด  ผ่าท้องหญิงมีครรภ์อย่างโหดเหี้ยม  พวกเขาทำเพื่อจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อิสราเอล
พระเจ้าจะทรงส่งไฟมาเผาพวกเขา  และวันนั้นจะมีลมกระพือขึ้นเพื่อส่งให้ไฟแรงขึ้น โดยที่พวกผู้นำจะกลายเป็นเชลยไปพร้อมกัน
รับบาห์เป็นเมืองหลวงของอัมโมน 

พระคำเชื่อมโยง

อาโมส 1
1* 2 พงศ์กษัตริย์ 3:4; อาโมส 7:14; 2 ซามูเอล 14:2; 2 พงศาวดาร 26:1-23; อาโมส 7:10; เศคาริยาห์ 14:5
2* โยเอล 3:16; 1 ซามูเอล 25:2
3* อิสยาห์ 8:4; 17:1-3; 2 พงศ์กษัตริย์ 10:32-33

4* เยเรมีย์ 49:27; 51:30; 2 พงศ์กษัตริย์ 6:24
5* เยเรมีย์ 51:30
6* เยเรมีย์ 47: 1,5
7* เยเรมีย์ 47:1
8* เศฟันยาห์ 2:4; สดุดี 81:14; เอเสเคียล 25:16

9* อิสยาห์ 23:1-18
11* อิสยาห์ 21:11; โอบาดีย์ 10-12
12* โอบาดีย์ 9_10
13* เอเสเคียล 25:2
14* เฉลยธรรมบัญญัติ 3:11; อาโมส 2:2
15* เยเรมีย์ 49:3




บรรณานุกรม ของอาโมส
HCSB Study Bible: God’s word for life; Nashville , Tennessee
The ESV Macarthur Study Bible, Crossway, Wheaton, Illinois, 2010
Net Bible.org
The Nelson Study Bible

โฮเชยา 14 กลับใจเสียเถอะ!

เขาจะผลิดอกราวดอกพลับพลึง และหยั่งรากลงเหมือนต้นซีดาร์แห่งเลบานอน

เรียกให้กลับใจจริงจัง
1 โอ อิสราเอล
จงกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าเถิด
เพราะเจ้าสะดุดเนื่องจากความบาปชั่วของเจ้า!
2 จงนำคำแห่งการกลับใจ
กลับมาหาพระยาห์เวห์ ทูลพระองค์ว่า
“ขอพระองค์ทรงอภัยบาปทั้งสิ้นของเรา
และขอทรงเมตตารับพวกเรา
เพื่อว่า เราทั้งหลายจะถวายคำสรรเสริญ
จากปากของพวกเราตอบแทนพระคุณ
พระองค์แทนสัตวบูชา”
3 อัสซีเรียไม่อาจช่วยเราได้
เราจะไม่พึ่งม้าศึก เราจะไม่กล่าวกับ
สิ่งที่เราทำขึ้นจากมือของเราว่า
“พระเจ้าของเรา!”อีกต่อไป 
เพราะว่า ลูกกำพร้าพ่อ
จะได้รับความเมตตาสงสารจากพระองค์”


เรียกให้กลับใจจริงจัง
คำขอให้กลับใจ ได้รับการตอบกลับอย่างไร?
จากข้อก่อนในบทที่ 13 เราจะเห็นผลของการดื้อดึงต่อพระเจ้า ผลของการที่ไม่กลับใจ หากคน ๆ หนึ่งรักครอบครัวของเขา เขาน่าจะคิดกลับใจ
14:1 คำขอร้องก่อนจะจบ: โฮเชยาขอให้คนอิสราเอลทางเหนือกลับมาหาพระเจ้า  ที่พวกเขาไปต่อไม่ได้ เพราะพวกเขาทำผิดต่อพระเจ้า

14:2 ตอนนั้นพวกเขาไม่มีพระวิหาร ดังนั้น พระเจ้าทรงให้เขานำคำไปด้วย คำแห่งการกลับใจ พวกเขาจะขอพระเจ้าทรงอภัย พวกเขาจะรับรู้ความชั่วช้าของตนเอง   จะมีการระลึกถึงพระคุณของพระเจ้า และแสดงความกตัญญูด้วยการถวายคำสรรเสริญออกมาจากปาก ซึ่งมีความหมาย และความจริงใจยิ่งกว่า สัตวบูชาเสียอีก

14:3 โฮเชยาเชื่อว่า อิสราเอลจะได้รับความเมตตาจากพระเจ้าอีกครั้ง  เมื่อพวกเขาไม่เชื่อในอัสซีเรียหรือในรูปเคารพ เมื่อเขาหันมาหาพระเจ้าอย่างไม่อาลัยในรูปปั้นอีกต่อไป คำว่า “ลูกกำพร้าพ่อ” คืออิสราเอลนั่นเอง


พระสัญญาแห่งพระพร
4 “เราจะรักษาอาการไร้ความเชื่อของพวกเขา
เราจะรักพวกเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เพราะความโกรธของเราได้หันไปจากพวกเขาแล้ว
5 เราจะเป็นดั่งน้ำค้างให้แก่อิสราเอล เขาจะผลิดอกราวดอกพลับพลึง และหยั่งรากลงเหมือนต้นซีดาร์แห่งเลบานอน

พระสัญญาแห่งพระพร
14:4 การไร้ความเชื่อ (การหลงไปจากทางของพระเจ้า) เป็นอาการที่เหมือนกับบาปเป็นโรคร้ายชนิดหนึ่งที่ต้องการผู้ช่วยบำบัดรักษา  และมีผู้เดียวที่ทำให้ได้คือพระเจ้า  พระเจ้าที่ทรงหยุดโกรธ ถ้าพระองค์ไม่ได้เป็นพระเจ้าที่ทรงอดทนนาน อิสราเอลก็คงไม่เหลือมาถึงทุกวันนี้แล้ว
เยเรมีย์ 3:22 บุตรที่กลับสัตย์จงกลับมา เราจะรักษาความอสัตย์ของเจ้าให้หาย 
โฮเชยา 6:1 
เราจำเป็นต้องกลับมาหาพระเจ้า เพื่อพระเจ้าจะทรงทำสิ่งดีอย่างนี้ให้เรา 

14:5 พระเจ้าจะทรงเป็นน้ำค้างคือที่มาของการเติบโตของพืช  พระเจ้าจะทรงช่วยให้เขาหยั่งรากลงไป 
สดุดี 104:16 ต้นไม้ของพระเจ้าที่ทรงปลูกไว้ได้อิ่ม..สนซีดาร์แห่งเลบานอน

เขาจะเป็นพระพร 
6 กิ่งก้านใหม่ของเขาจะแผ่ออกไป
เขาจะงดงามราวต้นมะกอก
จะส่งกลิ่นหอมเหมือนป่าแห่งเลบานอน 
7 ผู้คนจะกลับมาและอาศัยในร่มเงาของเขา
พวกเขาจะปลูกข้าวอีก
และจะผลิบานราวกับเถาองุ่น
จะมีชื่อเสียงลือเลื่องราวกับเหล้าองุ่นแห่งเลบานอน 

เขาจะเป็นพระพร 
14:6-7 เมื่อกล่าวถึงมะกอก ก็เท่ากับกล่าวถึงความอุดมสมบูรณ์ที่จะเกิดขึ้น  ต้นมะกอก จะมีอายุนานเป็นพันปีได้เลย  สดุดี 58:6 ข้าเป็นเหมือนมะกอกเขียวสดในพระนิเวศของพระเจ้า  พระเจ้าไม่ได้ให้สิ่งที่งดงามชั่วเวลาสั้น ๆ แต่เป็นเวลานานชั่วชีวิต ความงดงามไม่พอ พระเจ้ายังให้ส่งกลิ่นหอมอีกด้วย
การกลับใจทำให้เราเชื่อฟังพระเจ้า … และพระเจ้าประทานสิ่งที่งดงามให้ชีวิตของเรา และจะดีขึ้นไปเรื่อย ๆ 

8 โอ เอฟราอิม เราจะต้องทำอะไรกับรูปเคารพอีกเล่า?
เราเป็นผู้ที่ตอบเขาและเฝ้าดูแลเขา
 เราเป็นเหมือนต้นสนที่เขียวขจี
เจ้าจะมีผลดกก็เพราะเรา
 

คำหนุนใจ
9 ใครที่มีปัญญา ก็ให้เขาเข้าใจสิ่งเหล่านี้
ใครที่มีวิจารณญาณ? ผู้นั้นจะตระหนักสิ่งเหล่านี้ 
เพราะทางของพระเจ้าถูกต้อง 
และคนเที่ยงธรรมจะเดินในทางนั้น
แต่คนที่กบฎดื้อดึงกลับสะดุดในทางนั้น

14:8 อิสยาห์ 30:22 เจ้าจะทำลายรูปเคารพ บอกให้มันไปให้พ้น
โฮเชยา 2:8 เราคือผู้ที่ให้เมล็ดข้าว เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันแก่เธอเอง

จะไปยุ่งอะไรกับรูปเคารพ… เพื่ออะไรกัน
เพราะว่า พระเจ้าเท่านั้น ทรงตอบความต้องการของพวกเขา ทรงดูแลเขา พวกเขาคิดว่า ผลมาจากตัวเอง แต่เราต้องรู้ว่า เราจะผลดกได้เพราะพระเจ้า

คำหนุนใจ
14:9 เท่าที่เราอ่านโฮเชยามา จะเห็นว่า พระเจ้าทรงใช้ภาษาเปรียบเทียบ เรื่องราวเปรียบเทียบ อย่างเช่นการแต่งงาน ชื่อของลูก ๆ โฮเชยาที่มีความหมายเล็งถึงอิสราเอล ผู้อ่านจึงต้องมีสติปัญญาเพื่อที่จะเข้าใจความหมาย และเป้าหมายของพระเจ้าผ่านโฮเชยา
คนที่มาอ่านหนังสือนี้ในรุ่นอย่างเรา ๆ ไม่ได้เห็นเรื่องจริงด้วยตา แต่รับรู้จากการบันทึก จึงต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้าที่จะเข้าใจเรื่องทั้งหมดอย่างถ่องแท้ และต้องรู้ด้วยว่า ข้อใด ตรงไหน เป็นคำเพื่อจะเกิดผลใน ชีวิตของเราเอง

การจบหนังสือโฮเชยานี้แตกต่างจากเล่มอื่น ๆ เพราะเป็นการขอให้คนมีปัญญาได้สังเกตและเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และผลที่พระเจ้าทรงพระประสงค์
คนมีปัญญาแตกต่างจากคนที่ขาดความหยั่งรู้  ใน 4:14 เมื่อมีปัญญาจะเข้าใจสิ่งที่พระเจ้าตรัส แต่ขาดปัญญาก็จะพบหายนะทั้งหมดที่ผ่านมาพระเจ้าตรัสกับอิสราเอลทุกคน แต่เวลานี้พระองค์ตรัสให้แต่ละคนที่มีปัญญาได้ตอบสนองอย่างถูกต้อง  คนที่ฟังพระเจ้าจะรอด เพราะเขาได้ฉวยพระคุณ ของพระเจ้าไว้
ดาเนียล 12:10 คนอธรรมไม่เข้าใจแต่คนฉลาดจะเข้าใจ
( คนที่มองในโลก และมองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า และเราจะเข้าใจว่า ขั้นแรกของการที่จะไม่หายนะ ก็คือ ต้องมีการกลับใจเกิดขึ้นเท่านั้น)
คนเที่ยงธรรมเดินในทางของพระเจ้า .. ถูกต้อง และ มองขึ้นเป็นด้วยความเกรงกลัวพระเจ้า เขามองเห็นภาพที่แตกต่างออกไป เข้าใจไม่เหมือนอย่างเดิมอีกต่อไป คนที่ เข้าใจสิ่งที่พระเจ้าตรัส  จะตัดสินอะไรอย่างถูกต้อง แต่คนที่ดื้อ สะดุดเป็นประจำจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต  

พระคำเชื่อมโยง

1* โยเอล 2:13
2*  ฮีบรู 13:15
3* โฮเชยา 7:11; 10:13; 12:1 สดุดี 33:17; 10:14; 68:5
4* เยเรมีย์ 14:7; เอเฟซัส 1:6

5* สุภาษิต 19:2
6* สดุดี 52:8; 128:3; ปฐมกาล 27:27
7* ดาเนียล 4:12
8* ยอห์น 15:4
9* สุภาษิต 10:29

บรรณานุกรม สำหรับหนังสือโฮเชยา
Constable’s Note ใน Netbible.org
Enduringword.com
Netbible.org
Smith, Gary V. and Hill, Andrew E., ‘Commentary on the Minor Prophets’,
Baker Publishing group, Grand Rapids, 2012.